ira juice EP.1 | อยู่ก่อนแต่ง VS แต่งก่อนอยู่ แบบไหนดีกว่า?
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 6 ม.ค. 2022
- พบกับ #iraJuice 🩸 ทุกวันศุกร์ เวลา 19.30 น.
รายการที่ว่าด้วยเรื่อง จิ๋ม เซ็กซ์ ประจำเดือน และเรื่องอื่นๆ ที่ควรพูดถึงได้อย่างเปิดเผย
EP นี้ชวนพูดคุยถึงเรื่อง ‘การอยู่ก่อนแต่ง’
กับแขกรับเชิญคนแรก คุณปลาทูจากช่อง TH-cam: @varinkrid
ว่าคิดยังไงกับการอยู่ก่อนแต่ง? มีข้อดีอะไรบ้าง? ทำไมครอบครัวถึงอนุญาต?
เนื้อหาในคลิปเป็นเพียงการแชร์อีกมุมมองผ่านประสบการณ์ของพวกเราเท่านั้น
สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า แบบไหนที่เหมาะกับเราและคนที่เรารัก
สามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับ ira ผ่านช่องทาง
Instagram: / ira_concept
Facebook: / iraconcept.bkk
หรือสั่งซื้อ ira ผ้าอนามัยออร์แกนิกได้ที่ 👉🏻 Website: www.iraconcept.com/
#irajuice #jimsexperiod
ถ้าให้เลือกเราชอบทางเลือก “กึ่งอยู่ก่อนแต่งค่ะ”
คือไม่หอบผ้าย้ายไปอยู่ด้วยกันเลย 100% แต่มีผลัดไปค้างบ้านของกันและกันบ้างครั้งละอาทิตย์ สองอาทิตย์ แต่ใช้เวลาดูนิสัยหยุมหยิมกันไปเรื่อยๆ แต่อยากให้ผู้หญิงหรือผู้ชายที่คิดจะอยู่ก่อนแต่ง 100% ว่ามันก็ไม่ผิดหรอก แต่ยื้อเวลาให้ผ่านช่วงคบแรกๆ ก่อน มั่นใจก่อนว่าคุณ commitment กับคนนี้นะ คิดว่ามีแนวโน้มจะแต่งนะ ไม่ใช่มีแฟนสิบคนอยู่ก่อนแต่งสิบคนเลย
เห็นด้วยค่ะ ให้ได้ไปใช้ชีวิตในห้องของเค้าสลับกับห้องเรา จะได้เห็นการจัดเก็บ ทำความสะอาดในห้องด้วย ถ้าความสะอาดอยู่ระดับเดียวกันจะได้คบกันได้
เห็นด้วยคะว่า การอยู่ก่อนแต่งเป็นแยวทางที่ดี สำหรับผู้หญิงสมัยใหม่ เพราะมันทำให้ สามารถศึกษาซึ่งกันและกันได้ ว่าถ้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วไปกันได้ไหม ซึ่งมองว่า การใช้ชีวิตแบบแฟน มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย เพราะเมื่อมาเจอกัน ก็จะใช้ช่วงเวลาสั้นๆ กิจกรรมเดิมๆ แต่ถ้าลองมาอยู่ด้วยกัน มันทำให้เห็นถึงลักษณะนิสัย การใช้ชิวิต ของแต่ละคนหรือเรียกสั้นๆว่า ธาตุแท้ มันจะทำให้เราคิดได้ว่า เรารับได้ไหมกับธาตุแท้ของเขา และเราจะต้องปรับจูนกัยแบบไหน ถึงจะทำให้ชีวิตคู่รอด และที่สำคัญมากๆ (อันนี้ความเห็นส่วนตัว) ถ้าอยูุ่ด้วยกันแล้วไปรอด เลิกกันไป ผู้หญิงก็ยังไม่มีคำว่า หย่าร้าง,ผู้หญิงมือสอง ติดตัวไป แต่ถ้าแต่งงานไปแล้ว เลิกกับผู้ชาย ผู้หญิงจะมีความเสียเปรียบในสถานนะของสังคมมากว่าผู้ชาย
สำหรับเราอยู่ก่อนแต่งค่ะ แต่! เป็นการอยู่ก่อนแต่งเมื่อมีแพลนแต่งงานแล้วค่ะ ซึ่งเราคบกับแฟนมา 8-9 ปีแล้ว
โดยรวมก็คือเป็นตัวของตัวเองกันสุดๆอยู่แล้ว เลยแฮปปี้ทั้งก่อนและหลังแต่งงานค่ะ
ส่วนตัวเมื่อตอนที่เจอคนที่คิดว่าเห็นภาพในอนาคตร่วมกัน เห็นภาพช่วยกันเลี้ยงลูก เราเดินไปขออนุญาตพ่อเลยว่า หนูไม่เคยอยู่ร่วมกับคนนอกบ้านมาก่อน ภาพอนาคตมันสวย แต่ไม่รู้ว่าถ้าเจอกัน 24 ชั่วโมงจะใช่รึเปล่า พ่อก็เข้าใจได้ ทั้งๆที่ที่บ้านค่อนข้างสกรีนและรับรู้การใช้ชีวิต 90% เลี้ยงแบบห่วงๆหวงๆมาตลอด
ซึ่งพอไปลองอยู่จริงก็เกือบไม่รอดเด้อ แฟนนอนกรนหนักมาก ตดในห้องนอน ยืนฉี่กระเด็นเหม็นฟุ้ง แต่ไม่มีแนวโน้มนอกใจ ไม่เจ้าชู้โดยสันดาน ขยันทำมาหากิน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน เคารพการตัดสินใจ แชร์และรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน สำคัญสุดคือมีแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย เป็นเหตุเป็นผลเหมือนกัน.. ความอยากมีกันและกันในวันข้างหน้าจะทำให้เรายอมปรับตัวเข้าหากัน ช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆระหว่างทาง ความเคารพให้เกียรติในกันและกันมากพอจะทำให้เราไม่สร้างปัญหาจากภายนอกที่จะมาบั่นทอนความสัมพันธ์ ปัญหาส่วนใหญ่ระหว่างทางมักจะเป็นเรื่องจุกจิกขี้หมูขี้หมา
คบจริงจัง 7 เดือน ย้ายไปอยู่ด้วยกัน (เริ่มคบจริงจังมากขึ้นหลังจากได้กันครั้งแรก) จากนั้นอยู่ด้วยกันไปอีก 8 เดือนจดทะเบียน นั่นคือการแต่งงานของเรา หลังจากนั้นอีก 10 เดือน พจะเก็บเงินได้พอสมควรก็จัดงานแต่งเล็กๆให้พ่อแม่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องได้มาพบกัน มีโมเม้นท์ดีๆร่วมกัน งานแต่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตคู่ แต่งานแต่งที่ไม่ได้รบกวนหรือเดือดร้อนพ่อแม่ฝ่ายใดเลย มันทำให้พ่อแม่มีความสุขมากตราบจนพ่อแม่ตายจากเราไป
...ในกรณีที่จะอยู่ก่อนแต่ง ในความ คหสต. ก็ต้องดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยว่าคบกันในระดับที่แพลนจะแต่งงานกันแล้วหรือยัง มีวุฒิภาวะ อายุ การงานที่พร้อมจะสร้างครอบครัวไหม ถ้าตัดสินใจแล้วก็ค่อยอยู่ก่อนแต่ง เพื่อนเรียนรู้กันและกันแบบจริงจัง หากไม่สามารถปรับจูนและไปด้วยกันได้ ก็ต่างคนต่างไป แต่ถ้าในกรณีที่ยังอายุน้อยๆ หรือยังไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ก็ยังไม่ควรอยู่ก่อนแต่ง
Content โคตรดี เลิฟ
ถ้าจะอยู่ก่อนแต่งก็น่าจะพอได้นะครับแต่ไม่ใช่แยกกันไปอยู่สองต่อสอง เพราะหากแพ้อารมณ์ของตัวเองและเกิดไปมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันฝ่ายที่เสียเปรียบก็จะเป็นฝ่ายหญิงนั่นเอง และหากทัศนคติเข้ากันไม่ได้จนท้ายที่สุดต้องเลิกรากันไป ก็เห็นจะมีแต่ฝ่ายหญิงนี่แหละครับที่เป็นฝ่ายเสีย
ในกรณีที่จะอยู่ก่อนแต่งนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ฝ่ายชายย้ายมาอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงและแยกห้องนอนกันโดยอยู่ในสายตาของคุณแม่ฝ่ายหญิง แบบจำลองนี้ไม่แน่ใจว่าพอไหวหรือเปล่าครับ
คนสมัยก่อนเขาสอนให้รักนวลสงวนตัวเพราะยังไม่มีวิธีการคุมกำเนิด เวลาท้องมาคือรู้กันทั้งหมู่บ้าน เพราะยังเป็นสังคมแบบเก่า อยู่ในระบบหมู่บ้าน ยังไม่เป็นเมืองใหญ่เหมือนสมัยนี้ แต่นี้มันสมัยไหนแล้ว มีหลายวิธีที่จะคุมกำเนิด เพราะฉะนั้น อยู่ก่อนแต่ดีที่สุดคะ ส่วนเรื่องพรมจรรย์สมัยนี้ผู้ชายเขาไม่ได้มองว่าจำเป็นแล้ว แต่ถ้ายังพรมจรรย์อยู่ก็เหมือนโบนัส ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่อยู่ด้วยกัน มีความสุข เข้าใจกันแค่นี้น่จะพอแล้วนะเราว่า สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายมีความเสมอภาคกันมากขึ้น คนเปิดใจมากขึ้น สนับสนุนการอยู่ก่อนแต่งคะ ได้เรียนรู้กัน ไปในตัว ไม่ใช่แต่งแล้วไปตายเอาหน้างาน บริสุทธิ์จริงแต่ทำเรื่องบนเตียงไม่เป็น หรือผู้ชายทำในสิ่งที่ผู้หญิงไม่ชอบ อยู่เพราะพ่อแม่เห็นว่าดีแต่ต้องทนอยู่ไปจนตายก็ไม่ไหวนะ.
ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแต่เป็นเรื่องของคนสองสังคมและคนสองครอบครัว
จริงค่ะ แล้วเราต้องหาทางปรับเข้าด้วยกันเรื่อยๆ
พ่อแม่ของนี่ไม่ได้มองว่าผู้หญิงเสียเปรียบ แต่กลัวลูกสาวท้องก่อนแต่งมาก กลัวจนไม่ให้ลูกสาวนอนค้างกับผู้ชายคนไหนเลยกระทั่งลูกพี่ลูกน้อง แต่ยังไงเราก็เห็นด้วยกับอยู่ก่อนแต่งอยู่ดี
เพราะสมัยนี้แต่งงานกันช้าและค่าใช้จ่ายสูงมาก
สมัยก่อนแต่งกัน 13-14 แต่งก็เร็วยังจะอยุ่ก่อนแต่งนี่อยุ่ตั้งแต่ 10 ขวบกันพอดี
?
ที่ฟังมาทั้งหมดมีจริงและไม่จริง โลกเปลียนไปแล้ว
อยู่ก่อนแต่งถ้ามันพังพอถึงเวลาต้องไป ก็ไปยากหน่อยมันมีความผูกพันธ์ไม่ใช่ทุกคนจะแฟร์จริง ๆ
แล้วถ้าไม่อยู่ แต่ว่าแต่งไปเลย แล้วอยู่ไม่ไหวมันพังถึงเวลาต้องไป จะไม่ยากกว่าหรอ สงสัยตรงนี้...
Ep พรหมจรรย์ มีรึยังคะ
มาแล้วค่า ep 16 ค่ะ 🙏
ไม่ต่างกันจะแต่งไม่แต่ง
ถ้าอยู่กันใด้หรืออยู่กันไม่ได้
จะแต่งไม่แต่งก็ไม่สำคัญมีค่าเท่ากัน
ในคอมเม้นท์หลานอันคือวือมาก5555
คบกับแฟนมา5ปีค่ะ แม่ของแฟนไม่ค่อยสนิทกับเราค่ะ ตอนนี้คือทบทวนความสัมพันธ์แล้วค่ะ แม่เขาส่งข้อความมาว่าถ้าทำงานเสร็จแล้วต้องกลับบ้าน55555
(ธุรกิจร่วมกับแฟน ทำที่บ้านแฟนเพราะแฟนไม่ชอบไปนู่นนี่เราเลยยอมไปทำไกลบ้าน) แรกๆก็ดีค่ะ แต่พอหลังๆคือตึงใส่เราเลยค่ะหน้าก็ไม่มอง บายเลยค่ะ
พ่อแม่เราก็คือให้เกรียติแฟนตลอด ถามไถ่ เฮฮา เส้าเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ❤️ อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกเลยค่ะ เป็นอย่างนี้หลายคนเลย
ผมกับเมีย อยู่คนละห้องติดกัน เพราะงานและการใช้ชีวิตต่างกัน แต่ผมนอนห้องเมียบ้าง เมียนอนห้องผมบ้าง ดีนะ
อยู่ไป ก็ไม่ต้องไปแต่งหรอก ก็อยู่ๆกันไป ง่ายดี ไม่เสียตังด้วย มั่นใจ นิ่งแล้ว ค่อยมีลูกด้วยกัน ชีวิตมีแค่นี้ เติบโต สืบพันธ์ และตาย
เยี่ยมเลยลูกชายผมคงหากินง่ายกว่ารุ่นผม 555
เก็บให้หมด 55
การที่ผู้ใหญ่หรือพ่อแม่ บอกว่าผู้หญิงเสียเปรียบ คือขออธิบายน่ะค่ะ ผู้หญิงเปรียบเสมือนไม้กระดาน และผู้ชายคือตะปู ไม้กระดานถูกตะปูตี เวลาดึงตะปูออก ไม้กระดานก็จะมีร่องรอยของตะปูที่ปักลงไป มีแต่ผู้หญิงต้องรีแพร์แต่ผู้ชายไม่มีน่ะค่ะ ถ้าผู้ชายมักง่ายและเราปล่อยเขาได้เรามากเกินไป และสุดท้ายเลิกกัน ผู้หญิงต้องจ่ายค่ารีแพร์ผู้ชายไปสบายๆสักบาทก็ไม่จ่ายค่าเสียหายค่ะ
เหมือนเคยได้ยินจากหมอนะคะ ว่าตรงนั้นของผู้หญิงจะคืนสภาพเองได้โดยไม่ต้องรีแพร์ค่ะ
คือทำไมต้องยึดติดกับของผญขนาดนั้นอะคะ เสียพรหมจรรย์ไม่ได้แปลว่าเสียเปรียบสักหน่อยนิคะ หรือถ้ารูปร่างของมันจะเปลี่ยนไปมันก็เป็นธรรมชาติของมันป่ะคะ
คิดแบบนี้ไม่ได้นะ ยึดติดร่างกาบเกินไป ดูเห็นแก่ตัว
ผู้หญิงคือผู้หญิงค่ะ ไม่ใช่ไม้กระดาน
ใครรู้สึกว่าตัวเองเป็นรูก็ขอให้รับรู้ไว้ว่า…
คุณไม่ได้มีอะไรที่ผิดกับแค่กิจกรรมทางเพศค่ะ
อย่าปล่อยให้ความเชื่อกดทับทางเพศมากดดันชีวิตขนาดนั้น