เท่าที่ฟังมาแล้ว ปั๋นจะมาทาง Secular มากกว่า Atheist หรือเปล่าครับ Secular - "of or relating to the physical world and not the spiritual world" or "not religious." [neutral] Atheist - " a person who disbelieves or lacks belief in the existence of God or gods." [anti-belief / disbelief] Agnostic - "a person who believes that nothing is known or can be known of the existence or nature of God" [unknowing / nonbelief]
@@Ourobobos ผมเห็นต่างครับ Agnostic กับ Atheist มองเผินๆแล้วอาจจะดูเมินหรือคล้ายคลึงกันแต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงรากศัพท์และความหมายแล้วเราจะพบว่า บุคคลที่เป็น Agnostic กับ Atheist จะมีจุดแบ่งที่ชัดเจนอยู่จากความหมายของตัวคำศัพท์เอง Agnostic มาจาก Greek แปลว่า "unknown" หรือ "unknowable" It means "a person who does not have a definite belief about whether God exists or not" or, more broadly, "a person who does not believe or is unsure of something." ในขณะที่ Atheist also comes from Greek, from a- meaning "not" or "without" and theos, meaning "god." In English is simply means "a person who believes that God does not exist." อย่างที่คุณได้พูดถึงไว้ว่า "เป็น atheist ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า, เป็น agnostic เชื่อว่าไม่มีวิธีพิสูจน์พระเจ้า เป็นทั้ง 2-3 อย่างนี้พร้อมกันก็ได้ครับ" อยากให้ลองอ่านประโยคนี้ของตัวเองอีกครั้งช้าๆนะครับ แล้วตอบผมอีกทีว่าคนเราสามารถเป็นทั้งสองอย่างนี้ได้พร้อมกันจริงหรือไม่ ผมเห็นด้วยให้แง่ที่ว่าสองคำนี้มีจุดร่วมความหมายกันตรงที่ต่างก็เป็น the party of irreligion แต่ถ้ามองในเชิงความหมายสองอย่างตากกัน Agnostic ออกแนว irreligion แบบ Neutral ในขณะที่ Atheist จะไปทาง Negative กว่าตรงที่ลองนึกภาพ Agnostic กับ Atheist ไปยืนคุยกับคนที่นับถือศาสนาดูละจะเข้าใจครับ คนนึงบอกว่า Nothing is known or can be known กับอีกคนบอกว่า God does not exist คนที่บอกว่า Nothing can be known เนี่ยคือเขาไม่ได้ไปบอกเลยว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่มีจริง แต่เขาบอกว่ามันproveไม่ได้ แต่ Atheist เนี่ยบอกว่าไม่มีไม่เชื่อ เห็นความต่างไหมครับว่าทำไม Agnostic กับ Atheist เป็นคนเดียวกันไม่ได้
ส่วนตัวผมเองก็เป็นคริสเตียน แต่พอฟังแล้วผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่านิกายของพี่มันไม่ Make Sense ของนิกายผมก็มีวันสิ้นโลกเหมือนกัน คนที่เชื่อในพระเจ้าจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ คนที่ไม่เชื่อจะไปอยู่ในนรก นิกายของผมสอนว่าทุกคนไม่มีวันตาย ร่างกายเราเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่วิญญาณของเราจะอยู่ตลอดไป
@@KKKYeahhhhh โลกนี้อาจจะไม่ได้ง่ายพอตามที่พระเจ้าบอกไว้สำหรับทุกคนครับ แต่ละครอบครัวก็มีความจำเป็นต่างกัน ถ้าพระเจ้าคิดว่าคนที่ศรัทธาทำอะไรไม่ได้ไปสักข้อนึงแล้วจะให้เค้าตกนรก พระเจ้าคงรักเราตามที่สอนแหละมั้ง 🤔 … So be it. แต่บอกเลยสำหรับผมคือ None sense.
ชอบแนวทางคุณปั๋นครับ ถ้าไว้คุณปั๋นเผื่อมีโอกาส ลองหาข้อมูลของ Dr. Ian Stevenson ดูนะครับ ผมว่าน่าสนใจ ท่านรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ life after death กับ reincarnation จากทั่วโลก ไว้มากมาย เผื่อเป็นแนวทางครับ
คลิปนั่งพูดเเนวนี้ของพี่ปั๋นมันทำให้เรารู้สึกสงบมากๆ ทั้งน้ำเสียง ทั้งลีลาท่าทางประกอบการพูดมันเข้ากันไปหมดเลยค่ะ เเถมพี่ปั๋นเรียบเรียงสิ่งที่จะพูดได้ดีมากด้วย ฟังเเล้วเข้าใจง่าย ไม่งง เนื้อหาไม่หนักจนปวดหัว สรุปคือเราชอบคลิปเเนวนี้มากจริงๆค่ะ มาเล่าเรื่องบ่อยๆนะคะ จะฟังทุกคลิปเลยยย😽🖤🌹
ผมก็ชอบแบบนี้+++
ได้เล้ย!
ชอบเหมือนกันฟังสบายมากเลยยย
@@Riety ชอบเหมือนกันเล่าเรื่องได้ดี แต่ อยากให้ ปั่นลองศึกษา พุทธวจน คือ “พุทธ” เป็นชื่อของพระพุทธเจ้า ส่วน “วจน” เป็นคำพูด แปลรวมกัน คือ คำพูดที่ออกจากปากพระพุทธเจ้า แบบไม่มีเจือปนคำแต่งใหม่ รับรองโดนใจ มีเหตุมีผล
สามารถตรวจสอบได้เอง รู้เป็นปัจจัตตัง แน่นอน แต่ต้อง ศึกษาพุทธวจน เท่านั้นนะ ศาสนาพุทธในปัจจุบันถูกปลอมปนมาก สาวกนอกแนวก็มากไปด้วย ทำให้ผู้คนหมดศรัทธา มีสองทาง คือ www.watnapp.com มีทั้งคลิปและหนังสือให้โหลดอ่าน และ ช่อง N joy sutra ก็มีคลิปที่ทำให้เข้าใจง่ายแจ่มแจ้ง ไม่เยอะด้วย แล้วค่อยกลับมาเล่าอีกครั้งหนึ่งว่า คิดยังไง รับรองควรค่าแน่นอน
@@Riety ถ้าคุณบอกว่าสติเป็นที่ยึดมั่นของคุณ ลองศึกษา พุทธวจน นะครับ จะทำให้มีสัมมาทิฏฐิ พุทธวจน คือพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่พุทธแบบไทยๆ
เป็นคอนเทนต์ที่โคตรดีย์เลยครับ เพราะส่วนตัวก็เคยมีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน น้อยคนมากที่จะทำคอนเทนต์แบบนี้ มันเปราะบางจริงๆ แต่การอถิบายให้เข้าใจได้ดีเลยครับ เพราะอะไรหลายๆอย่างที่มันเกิดจากแต่ละบุคคลทีค่ไม่เหมือนกัน และอาจจะแตกต่างกันออกไป สุดท้าย ไม่ว่าจะนับถืออะไรก็ตามแต่สุดแล้วแต่ตัวเองจริงๆ คอนเทนต์ดีมากครับ
คงเพราะปั๋นชอบทุกศาสนา คิดว่าทุกอันมีแง่มุมที่ดีและเหมาะกับแต่ละคน ( มันต้องดีแหละถึงอยู่มานานขนาดนี้ ) เลยอยากจะให้ความเห็นเรื่องนี้แบบเคารพทุกฝ่ายมากที่สุด เราโชคดีไม่นับถือศาสนาได้ เราก็ยินดีกับคนที่นับถือเช่นกันน่ะค่ะ 💜
@@Riety (เราโชคดีไม่นับถือศาสนาได้ เราก็ยินดีกับคนที่นับถือเช่นกัน) ชอบบทข้อเขียนนี้จังครับ ขอบคุณสำหรับคอนเทนต์ดีๆแบบนี้ด้วยครับ ยังงัยผมยังคง support คุณปั๋นในทุกบทบาทนะครับ ^_^
@@Riety รู้ไหมว่าคุณนำหลักพุทธศาสนาไปใช้มากโดยเฉพาะเรื่องสติ
ผมก็เพิ่งออกจากศาสนาพุทร บัตรประชาชนก็ไม่มีศาสนา ใครถามว่าตายทำไงผมก็แค่บอกว่าแล้วแต่คุณเลยเพราะผมไม่รู้สึกแล้ว มุมมองของคุณดีมากเลย ส่วนมากผมไม่ค่อยชอบมีคำอธิบายอะไรค่างๆเวลาคนถาม แค่รู้สึกว่าศาสนาตอบคำถามของเราที่ชอบแอ๊ะอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ หรือตอบก็ผ่านๆไปทีแถมชอบขู่อีก
แต่ก่อนก็นึกว่าพระพุทธเจ้าสอนแค่ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วสร้างทฤษฎีทำคนมีเมตตากรุณาต่อกันเพื่อสันติภาพโลก แต่ พอมาเริ่มทำสมาธิ ปฏิบัติธรรม เจริญอานาปานสติ สติปัฏฐาน 4 โอ้ !!! จิตมนุษย์มันมหัศจรรย์มากๆ เลย ตอนแรกฝึกมันเกิดนิมิตภาคย์ต่างๆ ดู ลมหายใจ เข้า - ออก ลมหายใจก็เปลี่ยนเป็นแสงสว่างฯ มีสติรู้อยู่ในความฝัน เล่นความฝัน เปลี่ยนความฝัน ได้สารพัดนึกเลย ทำสมาธินี้มันช่วยเพิ่มพลังจิต ชัดๆ
แต่ที่มันมหัศจรรย์ไปกว่านั้น คือ ผมบังเอิญฯ เห็นว่าร่างกายมันแยกออกมาจากกันได้ ร่างกายมันเป็นโพรงๆ ใสๆ ความรู้สึกสว่างอยู่กลางอก พอเห็นมันรู้เลยครับ ว่า ร่างกายไม่ใช่ของเรา นี่หว่า !!! ศาสนาพุทธฯ พระพุทธเจ้าท่านสุดยอดจริงๆ ท่านสอนเรื่อง จิต ล้วนๆ มีสติสัมปชัญญะ น้อมจิตที่มีพลังจิตนี้ไปพิจารณาขันธ์ 5 เป็น วิปัสสนาญาณ มันเห็นยิ่งกว่าส่องกล้องจุลทรรศน์อีกครับฯ มันเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่ พิสูจน์รู้ได้เฉพาะตน เพราะตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" จริงๆ
แค่มีสติรู้ลมหายใจ เข้า ออก สบายๆ ตามธรรมชาติ ของเราเลย หยุดคิดได้เมื่อไหร่ ธรรมมะก็จะปรากฏขึ้นฯ จิต นี้แหละคือธรรมมะฯ
มันเป็นจิตล้วนๆเลยครับ ผมก้อลองเล่นกับอานาปานสตินะครับ สมาธินั้น คือสภาวะที่ มันไม่มีลมหายใจเลยครับ พอถึงจุดๆนั้น คนปกติจะกลัวแล้วก้อ หายใจ แต่ผมดันไม่กลัวเลยได้เจออะไรดีๆมาครับ ลองดูครับ ภาพที่เห็นให้กำหนดรู้แล้ววางนะครับ เวลาในความเป็นจริงมันผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ครับที่ไม่มีลม และผมเจอกับพระเจ้าตอนนั้น เราทุกคนมีคุณสมบัติทุกอย่างที่เสมอเหมือนพระเจ้าครับ ดวงจิตมีเพียงดวงเดียว เราทุกคนบนโลก มาจากที่เดียวกัน
@@billthapanakon751เดียวอายุมากๆมันมีทุกข์แล้วก่อนตายมันหาที่ยึด กรรมกอ่นตายมาปรากฏ เดียวมันจะเข้าใจเอง ตอนนี้ปล่อยให้มัน เชื่อตัวเอง ดีดดิ้นไปก่อน.ศาสนาพุทธไม่ใช่ความเชื่อของจริง ไอ้ที่พระสอน บางเรื่องนอกพระพุทธศาสนา.
นั้นแหล่ะครับที่ทุกศาสนาไม่มี มีเพียงพุทธเท่านั้น
ชอบความคิดทัศนคติของคุณมากเลย น้ำเสียงที่เล่ารอยยิ้มคือมันฟังเพลินไปหมด นี่เป็นคนนึงที่ชอบตั้งคำถามในหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์ตอบไม่ได้ทำให้รู้สึกว่า ไศยศาสตร์เราก็ไม่อาจจับต้องสัมผัสได้ว่าคำตอบเป็นแบบนั้นจริงๆ สุดท้ายคนที่จะตอบได้ก็คือตัวเอง ไม่มีคำตอบที่ต้องการ แต่มีความคิดของตัวเองที่จะมาตอบตัวเองได้
โดนใจ "เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ถ้าเรามีความรักเป็นที่ตั้ง ถึงทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ความรักจะยังอยู่"
ได้เรื่องชีวิต เป็นสิ่งไม่จริงแท้ เวลามาเปลี่ยนได้ เอาความผูกพันสัมพันธ์เป็นที่ตั้งยึดเหนี่ยวของสิ่งชั่วคราวไม่ได้จริงแท้
ความรักก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเหมือนกัน
ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจอย่างนึงล่ะเน๊าะ
เราก็กึ่งนับถือพุทธกับไม่มีศาสนา
คือไม่ได้เคร่ง แต่หลาย ๆ อย่างในพุทธก็น่าสนใจ
ได้ฟังมุมมองปั๋นแล้วเพลินดีค่ะ 😊
คำว่าพุทธ จริงๆ มีแค่ ศีล สมาธิ ปัญญา แค่นี้ครับ
เรียกว่านับถือพุทธศาสนาแต่ไม่ยึดติดพิธีกรรมมากกว่า คือนับถือพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมนำคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตแต่ไม่เข้าร่วมพิธีกรรมไม่เชื่อเรื่องโลกหน้าและการเวียนไหว้ตายเกิด
@@milannoish ผีมีจริงน่ะแต่ถ้าทํากรรมดีเยอะก็คงไม่ได้เกิดเป็นผี
@@สมหมายนาน่าน ผีคืออะไรอ่ะ จับต้องได้ไหม มีจริงไหมและมีหลักฐานที่บอกว่าผีมีจริงไหมอ่ะ ผีต้องเป็นยังไง ผีมีรูปร่างยังไง ผีทำอะไรได้บ้างอ่ะ ผีเกิดจากอะไรอ่ะ ทำไมถึงต้องมีผี ผีกินอะไรเป็นอาหารอ่ะ ผีใช้ชีวิตยังไง ผีมีหน้าที่อะไรบ้างอ่ะ
@@theerapatmaneeon724 เห็นว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนออกมาบอกว่าวิญญาณมีจริงแล้วค่ะ ในความเชื่อของเราคือเขามีจริงแต่ว่าเขาจะไม่ยุ่งกับเราถ้าเราไม่ยุ่งกับเขา ส่วนอยากอื่นที่คุณกล่าวมาทางนี้ก็ไม่รู้เช่นกันเพราะไม่เคยเป็นผี
ชอบคอนเทนต์วันนี้มากเลยค่ะ ไม่ค่อยมีใครมาพูดเรื่องศาสนากันเลย ได้เปิดมุมมองใหม่ๆด้วย ก็เหมือนกับที่ปั๋นบอก การตัดสินใจที่จะไม่นับถือศาสนาใดมันเกิดจากเรื่องราวของแต่ละคนที่พบเจอมา และแต่ละคนก็ควรจะมีสิทธิ์ศึกษาด้วยตัวเองแล้วค่อยเลือกด้วย คนเราเวลามีปัญหา มีวิธีแก้เยอะแยะ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีสติ คำนี้ก็ช่วยเราไว้บ่อยเลยค่ะ 🥰🥰
เคยได้ยินคนๆนึงเปรียบเอาไว้ว่า ถ้าโลกใบนี้คือเกมส์ ผู้คิดเกมนี้ขึ้นมามีเงื่อนไขว่า ทำดี เลเวลอัพ ไปสวรรค์ ทำชั่ว เลเวลลด ตกนรก แต่ต่อให้ได้ไปสวรรค์ เราก็ยังติดอยู่ในเกมส์นี้อยู่ การปล่อยวางและเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ยึดติกับทุกสิ่งที่เกมส่งมาให้เรา คือการออกจากเกมส์อย่างถาวร เราจะไม่ใช่ตัวละครในเกมนี้อีกแล้ว เราเลยอยากออกจากเกมมากกว่าที่จะเลเวลอัพค่ะ แต่ถ้ายังติดอยู่ที่นี่ ก็ตั้งใจจะทำดีกับทุกคนเข้าไว้ดีกว่า จนกว่าเราจะออกจากเกมนี้ได้ค่ะ ✌🏻
เราจะเล่นเกมให้สนุก และวันที่ต้องจบเกมก็จะจบอย่างสงบ เย้!
ถ้าอยากออกจากเกม ไม่ยากเลยครับแค่หยุดเล่นเกม😇😇แล้วค้นหากฎแห่งเป็นความจริง แล้วก็จะเจอทางออก!!
@@NongKao ใช่เลย ขอบคุณมากค่ะ 😇✨
@@arissarapisut3105 พุทธองค์ท่านก็ออกจากเกมส์ดั่งคุณว่านะ(ออกจากวัฏฏสงสาร).ลองตรองดูสิ...เผื่อคุณไม่รู้
ดีใจครับที่ทำคอนเทนต์แนวศาสนา คนไม่ค่อยพูดถึงกันเพราะกลัวว่าจะเป็นดราม่า หรือความขัดแย้ง เพราะมันค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่กาลเวลาเปลี่ยน ความคิดคนก็เปลี่ยนตาม คลิปนี้มีประโยชน์มากๆครับ ได้ข้อคิดดีๆเยอะเลย
ดีใจที่พี่ทำคอนเทนต์นี้ ส่วนตัวก็ไม่ได้นับถือศาสนาเหมือนกันครับ
เราก็เหมือนกัน จนวันหนึ่งเราทำลายชีวิตตัวเอง แบบไม่ตั้งใจ หมดที่พึ่งเรารอยมากช่วงนั้รศาสนาดันมาค้ำเราเฉยทำให้เราเห็นข้อดี แต่ก็ไม่ได้เชื่อนับถือมากแค่เลือกจะเชื่อในส่วนที่น่าสนใจเป็นประโยชน์
ไม่นับถือ แต่รู้สึกขอบคุณที่ศาสนาทำให้คนที่คิดเบียดเบียนคนอื่นบางกลุ่มกลัวบาป ทำให้สังคมสงบสุข มันคือกฎหมายแบบไม่มีลายลักอักษร บทลงโทษแบบมองไม่เห็นคือลงนรก ซึ่งดี ต่อสังคมคนเลวๆในระดับหนึ่ง
นับถือเถอะคับ ความดีไม่เพียงพอหรอกคับ ที่คุณคิด มันแค่คุณอาจเคยโดนกระทำไม่ดีบางเหตุการณ์ แล้วลองศึกษาพุทธศาสนาดู เอาแบบจริงๆ ไม่ใช่แบบตามชาวบ้านนับถือกัน แต่ให้เจาะลึก
@@0002-r2x ความดีไม่เพียงพอตรงไหนครับ อย่าบังคับหรือพูดให้ความคิดคนนั้นดูผิดเลยดีกว่าครับ เพราะการไม่นับถือศาสนาก็ำม่ผิดถูกมั้ยละครับ
@@Marcus.KM321 ไม่ผิด ที่ไม่นับถือศสานา เช่น เดียวกับ ที่ไม่ผิด ที่ไม่สนใจ เรื่อง กฎของแรงโน้มถ่วงของโลก หรือ แรง G แต่ มีคำสอนเพียงหนึ่งเดียว ที่เป็น สัจจะ ความจริง ที่พิสูจน์ได้ เช่น เดียวกับ เรื่อง แรงโน้มถ่วงของโลก คำสอน ที่ว่าสอน เรื่อง ความเป็นตัวเรา คือ อะไร ? เน้นย้ำว่า เป็นสัจจะความจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำกัดกาลเวลา
ผมเป็นคนนึงที่ตอนนี้ก็ไม่ได้นับถือศาสนาอะไร แต่ยังเขียนว่าพุทธในเอกสารต่างๆอยู่ เพราะแค่ขี้เกียจไปอธิบายกับคนอื่นๆว่าทำไมถึงไม่นับถือ ผมและหลายๆคนรอบตัวก็เริ่มจากการเอ๊ะกับสิ่งที่โดนสอนมา พอเอ๊ะแล้วเราก็ไปหาศึกษาเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่รู้สึกว่า make sense เลย พอมีโอกาสได้ไปถามคนที่ศึกษามา ก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี จนสุดท้ายก็มีคำถามมากมายในหัวและไม่ได้นับถืออะไรจริงๆจังๆหลังจากนั้น คำสอนไหนเรามองว่าสมเหตุสมผลก็ทำตาม อันไหนเราว่าไม่สมเหตุสมผลก็ไม่ไปยุ่ง โดยเฉพาะพวกพีธีการหรือพิธีกรรมต่างๆ
จากใจ ผมคนพุทธ ผมคนเคยไปโบสถ์คริสต์ นิกายโปรเตสแตนแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี ผมบอกเลยว่า ... ไม่ถืออะไรเลยดีกว่า แต่ส่วนตัวชอบพุทธตรงที่คำสอนเป็นวิทยาศาสตร์ และไม่บังคับอะไรเลย ไปวัดไม่ไปวัดก็ได้ ตอนไปคริสต์ ต้องไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ไปตั้งแต่เช้าทำอะไรก็ไม่รู้ที่เราไม่อินเลยสักนิด และแล้วกลับมาไม่ถืออะไรเลย ก็เหมือนได้ทวงคืนวันหยุด ของเราคืน และสบายดี ไม่เชื่ออะไรเลยก็สบายใจดี สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจก็คือหมูกระทะและของกินอร่อยๆ
เหมือนผมเป็นพุทธแต่ไปโบสถ์คริสไม่ได้ไรเลยนอกจากคำว่ารักพระเจ้า...ศาสนาอื่นศึกษาหมดล่ะสุดท้ายก็กลับมาพุทธ เพราะมีเหตุผลสุด
@@nichokidman8203 ผมก็เจอแบบคุณเลยครับ
พุทธคือศาสนาที่ดีที่สุดในโลก
ถ้าให้เทียบศาสนาทั้งหมด ผมก็ว่าพุทธนี่แหละดูมีเหตุผลสุด แต่ก็ยังมีบางจุดที่ไม่เมคเซ้นส์อยู่แต่ก็ถือน้อย ศาสนาอื่นมีช่องโหว่ให้เอ๊ะเพียบ
ส่วนตัวผมว่าไม่มีดีแล้วครับ ชีวิตง่ายกว่าเยอะ
- ไม่ต้องใส่บาตร อยากช่วยคนก็บริจาค(ไม่ต้องคิดเรื่องบุญบาป แค่ผู้รับพอใจผมก็โอเคแล้ว)
- ไม่ต้องไปโบสถ์/วัด เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
- ไม่ต้องคิดมากปวดหัวกับทฤษฎีทางศาสนา (ทุกศาสนานะ) เช่น คนเกิดจากอะไร ตายแล้วไปไหน บลาๆ
ไม่ต้องคิดมาก ทำงานมีความสุขในทุกๆวันพอ มีเงินเก็บ แก่แล้วไม่เดือดร้อน ไม่ทำใครเดือดร้อน ผมว่าชีวิตแค่นี้ก็พอแล้วมั้งครับ
อันนี้ใช่เลย อยากช่วยคนก็บริจาค ตัวผมไม่นับถือศาสนาแล้ว แต่เวลาคนที่บ้านเขาไปเที่ยววัดกัน เราก็ไปด้วยได้ แล้วก็ไปหยอดตู้ช่วยค่าน้ำค่าไฟเขาซะหน่อย ก็รู้สึกสบายใจละ 555555
เหมือนกัน
คุณไม่ได้รู้หลักคำสอนศาสนาพุทธจริงๆ😊
@@user-nu5iz5fu1b คุณคงไปใด้ฟังมาจากพุทธเจ้าจริงๆละนะ😁😁😁😃😃😆มันคือความเชื่อของแต่ละคนไม่มีใครรู้จริงหรอก
บุญ-บาป บันทึกที่จิต ครับ
จะตักจนบาตรทะลุ ไปโบสถ์ 1000วัด ถ้าจิตหม่องใฝ่ต่ำก็เจ๊งครับผม
😊
คิดเหมือนกันเลยค่ะ โดยเฉพาะงานศพ นี่ว่าจะเอาสมุดเบาใจ(living will)มาเขียนไว้บ้าง ไม่ค่อยอินกับพิธีอะไรยุ่งยากแบบนั้นเลย ยิ่งเห็นรอบตัวจัดพิธีแต่ละครั้งต้องมาทะเลาะกันเรื่องเงินทอง ผลประโยชน์นั่นนี่ ปวดหัวมาก😓
ผมขอพูดในมุมมองของผมนะครับ ผมก็เคยมีความคิดขัดแย้งกับพิธีกรรมทางศาสนา แต่ผมก็มีความคิดอีกมุมหนึ่งงว่า พิธีกรรมถูกสร้างมาเพื่อที่จะจัดระเบียบในการประกอบวิธีให้มันเรียบร้อยไปได้ด้วยดี
ถ้าไม่มีการจัดระเบียบ ผมคิดว่ามันจะเกิดความวุ่นวาย เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอะไรก่อน
@@tansaelee9799 แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้แปลพิธีต่างๆคือการจัดระเบียบมันจึงเกิดความวุ่นวายเหมือนประมาณของมันต้องมีโดยไม่ตั้งคำถาม
@@namchanakead5939 พิธีกรรมไหนที่คิดว่าไม่เหมาะไม่ควรก็ว่าไปอย่าง แต่พิธีกรรมงานศพในปัจจุบันผมคิดว่ามันดีแล้วครับ มันจะมีคำที่พระเทศน์ว่า ตั้งแต่เกิดจากท้องแม่จนถึงวันตายก็ต้องใช่เงินใช่ทองทั้งนั้น และมีอีกประโยคหนึ่ง คือเตรียมตัวก่อนตาย วิธีแก้ก็มีครับ ทำประกันสังคม ทำประกันชีวิตไว้ และวิธีแก้ง่ายที่สุดคือบริจาคศพให้โรงบาลครับ
@@tansaelee9799แต่เท่าที่เห็นไม่ใช่การจัดระเบียบนะ มีแต่ความวุ่นวาย และเรื่องเงินทอง และผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ขัดกับหลักศาสนา ที่การเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
@@ดาราฝ่ายรีย์ บรรดาพิธีกรรม.หรือประเพณีอะไรก็แล้วแต่..ถ้าเราไปอ่านอริยสัจ4..ผมว่ามันไม่เกี่ยวข้องกันเลย..ยิ่งเรื่องทำบุญทำทานด้วยแล้วแทบจะเป็นจุดเล็กๆในจักวาลเลยมั๊ง
เท่าที่ฟังมาแล้ว ปั๋นจะมาทาง Secular มากกว่า Atheist หรือเปล่าครับ
Secular - "of or relating to the physical world and not the spiritual world" or "not religious." [neutral]
Atheist - " a person who disbelieves or lacks belief in the existence of God or gods." [anti-belief / disbelief]
Agnostic - "a person who believes that nothing is known or can be known of the existence or nature of God" [unknowing / nonbelief]
น่าสนใจค่ะ ดูเป็น Secular มากกว่าจริง ๆ เพราะปั๋นค่อนข้าง neutral ขอบคุณนะคะ
@@Riety เป็นทั้ง 2-3 อย่างนี้พร้อมกันก็ได้ครับ คำบอกคุณลักษณะทางความเชื่อพวกนี้ ก็คล้ายๆ กับ genre ของหนัง-ละคร ที่เรื่องหนึ่งสามารถเป็นได้ทั้ง โรแมนติก, ตลก, สยองขวัญ, สืบสวนสอบสวน ฯลฯ
เช่นกัน
คนสามารถเป็น irreligious คือไม่นับถือศาสนา, เป็น secular ไม่เอาเรื่องศาสนาหรือจิตวิญญาณ มาเกี่ยวข้องกับตัวเอง, เป็น atheist ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า, เป็น agnostic เชื่อว่าไม่มีวิธีพิสูจน์พระเจ้า
เราสามารถเป็นทั้งหมดนี้พร้อมกันได้ ไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในทางกลับกัน บางคนที่ไม่นับถือศาสนา ก็อาจเชื่อเรื่องจิตวิญญาณหรือเชื่อว่ามีพระเจ้าได้ ก็จะเป็นพวก SBNR (spiritual but not religious)
@@Ourobobos ว้าวคุณอู๋มาถึงนี่เลยครับ
@@Riety ผมก็เป็นคนพุทธครับ เเต่ผมว่า ผมเนี่ยเชื่อเเบบเอธิส เเต่เป็นทั้งสองสายเลย คือ ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า เเละเชื่อว่ามี เเต่ไม่นับถือ เเละรวมไปถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ เเละเช่นเดียวกัน ถึงมันทีจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องน่านับถือ
@@Ourobobos ผมเห็นต่างครับ Agnostic กับ Atheist มองเผินๆแล้วอาจจะดูเมินหรือคล้ายคลึงกันแต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงรากศัพท์และความหมายแล้วเราจะพบว่า บุคคลที่เป็น Agnostic กับ Atheist จะมีจุดแบ่งที่ชัดเจนอยู่จากความหมายของตัวคำศัพท์เอง
Agnostic มาจาก Greek แปลว่า "unknown" หรือ "unknowable" It means "a person who does not have a definite belief about whether God exists or not" or, more broadly, "a person who does not believe or is unsure of something."
ในขณะที่
Atheist also comes from Greek, from a- meaning "not" or "without" and theos, meaning "god." In English is simply means "a person who believes that God does not exist."
อย่างที่คุณได้พูดถึงไว้ว่า "เป็น atheist ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า, เป็น agnostic เชื่อว่าไม่มีวิธีพิสูจน์พระเจ้า เป็นทั้ง 2-3 อย่างนี้พร้อมกันก็ได้ครับ"
อยากให้ลองอ่านประโยคนี้ของตัวเองอีกครั้งช้าๆนะครับ แล้วตอบผมอีกทีว่าคนเราสามารถเป็นทั้งสองอย่างนี้ได้พร้อมกันจริงหรือไม่ ผมเห็นด้วยให้แง่ที่ว่าสองคำนี้มีจุดร่วมความหมายกันตรงที่ต่างก็เป็น the party of irreligion แต่ถ้ามองในเชิงความหมายสองอย่างตากกัน Agnostic ออกแนว irreligion แบบ Neutral ในขณะที่ Atheist จะไปทาง Negative กว่าตรงที่ลองนึกภาพ Agnostic กับ Atheist ไปยืนคุยกับคนที่นับถือศาสนาดูละจะเข้าใจครับ คนนึงบอกว่า Nothing is known or can be known กับอีกคนบอกว่า God does not exist คนที่บอกว่า Nothing can be known เนี่ยคือเขาไม่ได้ไปบอกเลยว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่มีจริง แต่เขาบอกว่ามันproveไม่ได้ แต่ Atheist เนี่ยบอกว่าไม่มีไม่เชื่อ เห็นความต่างไหมครับว่าทำไม Agnostic กับ Atheist เป็นคนเดียวกันไม่ได้
ตัวผมเองก็มาจากครอบครัวเคร่งศาสนาคริสต์(คาทอลิค)มากๆ (ทั้งฝั่งพ่อและแม่)
โดนส่งเรียนโรงเรียนคาทอลิคตลอด12ปี ต้องเรียนศาสนาทุกวัน เข้าโบสถ์ต่อเนื่องอย่างเคร่งครัด
กว่าผมจะเริ่มไม่ศรัทธาและตั้งคำถามกับศาสนาก็คือวัยมหาวิทยาลัย และออกจากศาสนาโดยสมบูรณ์คือเริ่มทำงานแล้วด้วยซ้ำครับ
พอออกมาแล้ว มองย้อนกลับไป ทั้งหมดที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องตลก
โดยส่วนตัวผมคิดว่า การบอกกับคนอื่นว่าตัวเองไม่มีศาสนา คนจำนวนมาก(แม้จะอายุไม่เยอะนัก) ก็จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่ (เคยคิดว่าแค่สมัครเรียนอนุบาลให้ลูก ถ้ามีช่องกรอกศาสนาของตัวเอง หรือของลูก ถ้ากรอกว่าไม่มีศาสนา จะมีผลกับการเข้ารับเรียนมั้ย)
คล้ายๆผมเลยแต่ผมออกจากพุทธ ตอนเด็กๆต้องเข้าวัดไปฟังเทศน์ทุกสัปดาห์
เอาจริง ๆ ตอนผมสมัครงานผมก็ไม่กล้ากรอกว่าไม่มีศาสนาเหมือนกันครับ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ แต่ก๋ตกงานอยู่ดี 5555
เหมือนผมเลย เคร่งคาทอลิกทั้งตระกูล เรียนโรงเรียนคาทอลิคมาตลอด แต่ตอนนี้ ผมไม่มีศาสนาแล้ว แล้วก็อยากให้ลูกไม่มีศาสนาเหมือนกัน แต่ก็กลัวเรื่องโรงเรียน
ดีใจค่ะที่ทำคลิปนี้แบ่งปันกันนะคะ เพราะทางเราก็ไม่ได้นับถือ แต่อยากฝังตัวเองในป่าตอนตาย เพราะคิดว่าน่าจะเป็นปุ๋ยในดินต่อไปได้
ก่อนจะเป็นปุ๋ยอย่าลืม ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ด้วยนะครับ กันสูญพันธุ์ ครับ
เป็นคอนเทนต์ที่ดีมากเลยค่ะ เราเป็นพุทธแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นคริสต์ พอนานๆไปเราก็เกิดคำถามมากมายเลยค่ะ อย่างเช่น พระเจ้ารักมนุษย์มาก เราก็เกิดคำถามว่าถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมถึงยอมให้เรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับคนคนนั้นล่ะ และมีหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยโอเค ไม่ใช่ศาสนานี้ไม่ดีนะคะ เรายอมรับเลยว่าสังคมศาสนานี้อบอุ่นและผู้คนรอบข้างน่ารักมากๆ เราเลยตัดสินใจไม่นับถือศาสนาค่ะ สบายใจขึ้นมาก ทำให้เรามองโลกในความเป็นจริงและมีเหตุผลรองรับมากขึ้น เราเหมือนคุณปั๋นเลยค่ะ เราตั้งใจที่จะไม่รับปริญญา วันเกิดตัวเองก็ไปหาอะไรอร่อยๆกิน ถ้าได้แต่งงานก็คงแค่แลกแหวนและจดทะเบียนสมรสกัน เราเน้นเรื่องการใช้เวลากับคนรอบข้างซึ่งเรารู้สึกว่ามันมีความสุขและเรียบง่าย ส่วนเรื่องความตาย เราคิดว่าพอตายแล้วก็ให้ที่บ้านจัดการได้เลย แต่เราทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้แล้วค่ะ ขอบคุณคุณปั๋นที่มาแชร์คอนเทนต์ดีๆแบบนี้นะคะ :)
ส่วนใหญ่วิธีคิดที่บอกมาก็เป็นแบบพุทธนะครับ พุทธตามคำสอนแท้ ๆ ครับ อยู่กับตัวเอง เรียนรู้ตัวเอง ไม่เบียดเบียนเอาเปรียบตัวเองและผู้อื่น ก็ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจแล้วครับ แต่ขอว่าอย่าพึ่งประมาทในชีวิตหลังความตายครับ อาจจะ เอ๊ะ ! ขึ้นมาอีกทีก็ได้ครับ
เห็นด้วยกับน้อง น้องไม่ผิดที่ไม่นับถืออะไร นอกจากตัวเราเอง คนแบบนี้คือที่สุดแล้ว จะมองทุกอย่างด้วยเหตุผล มองทุกอย่างด้วยความจริง คนแบบนี้จะไม่ตกเป็นเหยื่อของคนอื่น เขาอยู่ด้วยตัวเอง 👍❤️
ผมขอแย้งคำว่ามองทุกอย่างด้วยเหตุผล กับ คำว่าทุกอย่างด้วยความจริงครับ ผมว่าคำนี้เวอร์เกินไปครับ
การที่ศรัทธาหายไปก็เพราะว่าเรากำลังเชื่อในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ ศาสนาที่ไม่บอกเหตุผลที่เราเกิดมาทำให้เราไม่มีเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริง ไม่มีความเชื่อ ไม่ศรัทธา แต่เมื่อโลกพัฒนาการมากขึ้น ศาสนาที่ถูกพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ จะเป็นศาสนาที่คงอยู่ตลอดไป คือศาสนาที่เป็นจริง แบบจริงๆ อย่างไร้ข้อกังขา. ความศรัทธาที่ดีต้องมาความคู่กับความรู้
แต่ไม่มีใครรู้ ชีวิตหลังความตาย โดยคนเป็นได้ คือไม่มีทางเป็นไปได้
เราเกิดมาเพื่อสร้างความหลากหลายของการเลือกนะคะ ถ้าศาสนาบอกเราว่าเราเกิดมาทำไม ก็เหมือนเราเกิดมาพร้อมมีคู่มือ How to ห้อยไว้ที่คอมาตั้งแต่เกิด การใช้ชีวิต การเลือกของเรา ก็จะไม่มีอีกต่อไป ชีวิตที่เราไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่น่าจะเป็นชีวิตที่เราต้องการนะคะ เราเท่านั้นที่เป็นผู้เลือก ไม่ว่าจะเลือก ทำ หรือไม่ทำอะไรเลย เราก็เลือกแล้วอยู่ดี
แล้วความเชื่อทางจิตวิญญาณก็เอาวิทยาศาสตร์มาปนไม่ได้ แต่อยู่ร่วมกันได้ อะไรที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์เราก็เลือกวิทย์ อะไรที่ต้องใช้จิต ก็ใช้จิตใช้ใจสร้างสันติสุข
ป่วยร่างกายก็หาหมอทานยา แต่ป่วยทางจิตวิญญาณก็ต้องใช้ทางจิตวิญญาณช่วยเหลือนะคะ
ทั้ง2อย่างต้องใช้คู่กัน แล้วชีวิตถึงจะเติมเต็ม เป็นสมการส่วนที่ขาดหายที่มาทำให้ชีวิตสมบรูณ์
เราก็ไม่ได้นับถือตั้งแต่15-16 ฟังแล้วเข้าใจเพื่อนเรามากขึ้น เรื่องครอบครัวมีผลกับความคิดกับชีวิตจริงๆ อย่างเราพ่อแม่ให้อิสระเต็มที่จะทำอะไรมันก็ง่ายไปหมด ยี่สิบปลายๆเราก็เกษียนได้แล้ว ต่างจากเพื่อนครอบครัวเขาไม่ให้อิสระ คิดจะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด
อยากให้วันนึง น้องปั๋นได้เจอคนที่รู้จริง แล้วได้คุยกัน คนที่มีแนวคิดหาเหตุและผล ก่อนจะเชื่อไม่ใช่เอาศรัทธานำแต่ขาดปัญญา แบบนี้นี่แหละ คือผู้ที่ทรงปัญญา 💕
ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบที่มีคนกล้าออกมาพูด วิจารณ์เรื่องศาสนามากขึ้น ส่วนตัวแต่ก่อนเป็นพุทธ แล้วไม่โอมากๆ เลยเปลี่ยนมาไม่มีศาสนา และในที่สุดก็มาเป็นคาทอลิก นี่คือลงตัวที่สุดแล้ว
ไม่นับถือศาสนา อยู่ที่ใจครับ แต่ไม่ได้หมายถึงต่อต้านทุกอย่าง หรือทำตรงข้ามกับที่คนอื่นเขาเชื่อ
ผมคนนึงที่ไม่เชื่อ แต่รับฟังได้ทุกคำสอนของทุกศาสนา บางอย่างมีเหตุผลที่ดีก็รับฟังได้ ถือเป็นความรู้ครับ
ไม่เชื่อไม่จัดงานต่างๆตามพีธีกรรม แต่ถ้าคนอื่นอยากจัดให้เรา ก็ไม่ต่อต้านครับ
อย่างน้อยคนรอบข้างที่เรารัก เขาก็มีชุดความคิดอีกแบบหนึ่ง จะหักหาญน้ำใจก็ใช่ที่
การไม่นับถือศาสนา ก็ถือเป็นชุดความคิดอีกแบบของความเชื่อ
❤️❤️❤️ ถ้ามนุษย์มีสติปัญญาถึงระดับที่ยอมรับความจริงทุกอย่างได้ด้วยใจที่ไร้แรงต้าน นั่นแสดงว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะมีสติปัญญามากไปกว่ามนุษย์อีกแล้ว ❤️❤️❤️
เช่นกัน หากมนุษย์ไม่นับถือศาสนาเพราะความกลัว ไม่ว่าจะกลัวตกนรก หรือกลัวบาป
แต่เค้าทำด้วยปัญญา ว่า เค้าไม่ควรจะเบียดเบียนใคร และเข้าใจว่า คนอื่นมีความรู้สึก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่เราไม่ควรทำกับใคร ในสิ่งที่เราก็ไม่อยากโดนกระทำ
นั่นเอง คือการเข้าถึงความจริง
หากเรายอมรับได้ว่า วันนึงเราต้องแก่ เจ็บ พลัดพราก เจอสิ่งที่ไม่อยากเจอ หรือไม่ได้เจอสิ่งที่ปรารถนา หรือแม้กระทั่งเราจะต้องตาย ร่างกายมันจะทิ้งตัวมันเอง
เมื่อนั้น ศาสนาก็ไม่ได้จำเป็นอะไร
ในเมื่อเราเข้าใจความจริงสูงสุดของชีวิต
ที่คุณว่ามา นั่นแหละ เรียกว่าพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
#ลองไปศึกษาดีดีนะครับ
หลังจากที่ตายไปแล้ว จิตเราก็แตกดับไปด้วยหรือ แล้วถ้าตายไปแล้วจิตไม่ได้แตกดับแต่ไปอยู่อีกที่หนึ่ง การนำพาจิตเราไปอยู่ณ.ที่แห่งนั้นคงเป็นเรื่องเกินที่จะไม่มีใครกำหนดหรือนำพาให้เราไปอยู่ณ.จุดนั้น
@@paphatpaphat5838 สำหรับผม พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาครับ แต่คือความจริง เป็นความจริงที่พระพุทธเจ้าค้นพบ เป็นความจริงที่ไม่มีใครมาหักล้างได้ นอกเสียจากยังเข้าไม่ถึง ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ก็เพราะว่าศึกษาพุทธศาสนาจากกายใจ จนเข้าใจจริงๆว่า พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาครับ และแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงเคยตรัสไว้เช่นนี้เหมือนกัน
@@archfa จิตจะเปลี่ยนสภาพไปตามเชื้อที่ยังอยู่ครับ จิตเป็นเหมือนพลังงาน พลังงานชนิดไหนยังเหลือ ก็ไปสร้างชีวิตในรูปแบบที่สอดคล้องกับเชื้อที่ยังเหลือ ทางพุทธเรียกว่า กรรม
และมันจะจบสิ้นก็ต่อเมื่อหมดเชื้อ หรือที่เรียกว่า การหมดความติดค้างในความไม่รู้
ในที่นี้ หมายถึงการหมดความติดค้างในความไม่รู้เกี่ยวกับความจริงของกายใจนี้ล้วนๆเลยครับ
และก็แค่ความจริงส่วนเดียวด้วยคือการยอมรับได้จริงๆ ว่ากายใจนี้ไม่ใช่เราโดยปราศจากแรงต้าน เพราะเกิดปัญญาเห็นตามจริงแล้วว่า สิ่งใดบังคับบัญชาไม่ได้ สิ่งนั้นย่อมไม่ใช่เรา ในระดับที่ประจักษ์ต่อจิตจริงๆ
@@archfa จิตนั้นมีการแตกดับและเกิดขึ้นตลอดเวลาครับ มันเร็วจนการสังเกตเป็นไปได้ยากมาก ถ้าอธิบายง่ายๆก็เหมือนหลอดไฟมีการกระพริบที่60hz ซึ่งดวงตาของคุณมองไม่ทัน ในขณะที่จิตที่แตกดับและเกิดตลอดเวลาของเรานั้นมันเร็วกว่านั้นมากมาย เร็วกว่าแสงเร็วกว่าพลังใดๆทั้งหมดในจักรวาล เพียงแค่คิดจิตก็ไปถึง พวกฝึกจิตจนกำลังสูงเขารู้ดีครับ การจะสังเกตจิตที่กำลังจะดับส่วนมากคือเวลาใกล้ตายจะเห็นชัดเจนที่สุด เพราะการระเบิดของจิตจะรุนแรงมาก สาเหตุก็เพราะจิตกำลังจะเปลี่ยนรูปเพื่อนำเกิดในรูปลักษณะอื่นตามเชื้อกรรมที่มีอยู่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยากจะทำความเข้าใจจากการอ่านตัวหนังสือครับ คุณจะต้องฝึกจิตสมาธิให้ได้อย่างน้อยฌาน1 ให้มีกำลังเพียงพอที่จะเฝ้าดูจิตควบคู่การใช้สติพิจารณาครับ เล่าไปไม่เห็นภาพ
เป็นพุธในบัตรประชาชนค่ะและไม่ยุ่งกับพิธีกรรมใดๆเพราะตรองดูแล้วถ้ามีพระเจ้าจริงทำไมคนถึงทำสงครามทำไมถึงมีโรคติดต่อทำไมถึงมีคนจนสุดขั้วทำไมคนถึงฆ่าแกงกันพระเจ้าองค์ไหนไม่มาช่วยเลย นับถือตัวเอง ในศาสนาพุธพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ถ้าเรามีสติรู้ผิดชอบชั่วดีเราก็เป็นพระพุทธเจ้าได้ ไม่ผิดนะกับการเป็นคนไม่มีศาสนา ดีมากเลยสำหรับคลิปค่ะ
เราก็ออกมาเหมือนกัน เพราะส่วนมากที่เจอ เจอแต่คนคลั่งไม่ค่อยเจอคนเคร่ง บางอย่างมันก็ดูเพ้อๆจับต้องไม่ได้ เป็นศาสนาที่สอนเรื่องความรักนะ แต่ทำไมเราลองสัมผัสแล้วกลับอึดอัดก็ไม่รู้ เราเลยขอเลือกไม่นับถืออะไรแต่ให้ความเคารพเท่ากันหมด ไม่มีเอก “ฉันไม่ใช่ซาตาน ฉันไม่ใช่เทวดา ฉันคือฉัน “cr.คังคุไบ 555✨😂🌈
เป็นข้อมูลที่ดีครับ เพราะเคยได้ยินมานานแล้ว ที่คนบอกว่าไม่มีศาสนา
ส่วนหนึ่งมองว่า เราหนึ่งสมองสองมือ คิดแบบวิทยาศาสตร์ มากกว่า อารมย์ความรู้ภายใน ที่จับต้อง เข้าใจได้ยาก ไม่ต้องคิดมากมาย จนกว่าชีวิตจะถึงทางตัน
ความที่โลกนี้ สอนให้เรา มองออกนอกตัว แต่หารู้ทันได้ว่า สิ่งที่เห็นนั้นไม่จริง แค่เราส่องกระจก มันก็เอาขวาเป็นซ้าย ซ้ายเป็นขวาแล้ว
มองออกนอกตัวมากๆกันจนคุ้น เอามาถือกันไว้หลายๆสิ่งหลายอย่าง
ชอบไม่ชอบกับ กิน กาม เกีรติ สติปัญญาความสามารถ เอามาใช้กันไป
เมื่อเข้าไปอยู่ในเส้นทางที่ต้องมีคู่แข่งคู่ต่อสู้ในเส้นทางนั้นๆ จนลืมหน้าที่ๆแท้จริงของการมาเกิด
ศาสนามีความเข้มค้นเมื่ออยู่ในยุคที่ยังมีคนรับความรู้ธรรมะต่างๆได้ พวกเขาก็จะลงมาเกิดตามหมู่ขณะของแต่ละศาสนา ต่างก็ต้องการมาให้ศาสนาของตนให้เผยแพร่ไปทั่วโลกเพราะต่างก็มีความเชื่อของตน จะไปอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า หรือพระนิพพาน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ดวงจิตของเรานั้นมีดวงเดียว ร่างกายก็เป็นแค่ที่อาศัยอยู่ชั่วคราว แต่ผมก็เชื่อว่าศาสนาที่ดีต่อมวลมนุษย์ชาติ คือศาสนาที่สอนให้ผู้คนนั้นมีสติ ไม่เบียบเบียนตนเองและผู้อื่น ด้วยความรักความเมตตา ปรารถนีต่อกัน สอนให้ฝึกตนเองก่อน เหมือนกับ ท่อนฟึนที่อยู่ในใจในตัวของเราแต่ละคนก่อน ลดและดับมันก่อนที่จะไปเอาแต่มองเพ่งโทษคนอื่นก่อน ต่างคนต่างทำ แล้วสันติสุขที่แท้จริง จะเกิดขึ้น เมื่อเคลื่อนความถี่ของความคิดนั้นมีแต่กระแสของความ คิด พูด ทำดี สถาวะดินฟ้าอากาศ ธรรมชาติก็จะดีตามไปด้วย เปรียบเทียบเวลาเราอยู่ในห้องพระ กับไปอยู่ในโรงเหล้าหรือบ่อนการพนัน แต่ทุกอย่างก็จะมีแรงดึงดูดของมัน อายะตนะตรงกัน มันก็ขอบคบกันไป
คนที่มีปัญญาและชอบคิดแบบวิทยาศาสตร์ ก็มีมากที่จะบอกว่าไม่มีศาสนา คงเพราะยังไม่มีอะไรให้สะกิดใจ บางทีก็ต้องมีกัลยาณมิตรที่ต้องมีความรู้ธรรมะที่ต้องให้ความกระจ่างแบบว่าถูกจริตของผู้ฟังได้ดี หรือ ชีวิตที่ไปถึงทางตัน หรือมันเบื่อ ความท้าทาย อะไรๆก็รู้ไปหมดแล้ว แต่ความมหัสจรรย์ของธรรมะก็คือ จะมีทางที่จะต้องเรียนรู้ต่อๆไปอีก
อย่างความสำเร็จของคนเรา ต่างก็ต้องการความเจริญความสำเร็จ แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 1 สำเร็จบนดิน คือขีวิตหน้าที่การงาน 2 สำเร็จบนฟ้า ทำความดีบุณกุศล ตายแล้วไปเป็นชาวสวรรค์ อยู่กับพระผู้เป็นเจ้าที่ตนเคารพ
3 สำเร็จเหนือฟ้า คือความหลุดพ้น
เนื่องจากคนเกิดมา ส่วนมากจำอดีตของตนไม่ได้ แต่ก็มีส่วนหนึ่งมีทั่วโลก จำอดีตของตนได้
ก็เคยได้ยินจากกลุ่งของผู้ตื่นรู้ หลายๆกลุ่ม ได้พูดถึง ในร่างกายของเราที่บนหัวหลังกระโหลกตรงท้ายทอย จะมีจุดๆหนี่ง เป็นต่อมที่เก็บความจำทั้งหมดของเรา มันถูกปิดอยู่ ถ้าเรามีความสามารถให้มันเปิดได้ ก็จะเข้าถึงความรู้ในนั้นได้ แต่สำหรับการปฏิบัตธรรมของการฝึกสติสมาธิ ก็จะมีความรู้ตรงนี้ได้ ถ้าทำถูกวิธี แต่ก็เป็นคนละส่วนกับการสั่งสมบุญกศลบารมี 10 ของการหลุดพ้น ตามความชอบความเชื่อ วาศนาบารมีของแต่ละคน ก็มีเรื่องราวของความรู้ที่เกิดขึ้นเฉพาะตนของแต่ละคน ซึ่งที่สุดของความรู้แบบนี้ตามความเชื่อของผมคือ เอาไปค้นหาความจริงของตัวเราว่าคือใครเกิดมาเพื่อจะมาทำหน้าที่ที่แท้จริงอย่างไร แต่ดั่งแต่เดิมมาจนถึงทุกวันนี้
ตายไปแล้วไปไหนทำอะไรต่อจนจะถึงที่สุดของชีวิตของแต่ละคน
ศาสนา = ความเชื่อที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อตอบข้อสงสัยของตัวเอง (สมมุติฐาน)
วิทยาศาสตร์ = ความจริงของโลกและธรรมชาติ สามารถพิสูจน์ได้
+1ศาสนาเปนสิ่งที่มนุษย์อุปโหลกขึ้นมาเอง
พุทธจริงๆ คือ สติ และไม่ยึดมั่นกับสิ่งที่ไม่ยั่งยืน หัวใจจริงๆที่พระพุทธท่านสอน
คอนเทนท์คลิปนี้ น่าสนใจ ค่ะ
เปิดมุมมอง ด้านความคิด
ที่อยู่ในใจ ของเราเอง
มุมมองด้านศาสนา
เป็นคนไม่มีศาสนาแบบน่ารัก ความคิดเปิดกว้างดี ไม่ตั้งกำแพงแต่มีคำถามเพื่อเรียนรู้ ส่วนมากเจอแต่ชอบดูถูกนั้นนู้นนี่ อยากให้คนรุ่นใหม่ที่คิดจะไม่มีศาสนาเริ่มจากการตั้งคำถามแบบนี้ไม่ใช่ตั้งกำแพง
เรื่องภายนอก
ไม่มีศาสนาก็ต้องเข้าใจกฏหมาย
กฏโรงเรียน ,กฏโรงงาน เพื่อชีวิตไม่ไปกะทบผู้อืน
เรื่องภายใน
ไม่มีศาสานาต้องเข้าใจชีวิตเองตกผลึกเอง
พระพุธเจ้าทรงลองผิดลองถูกเราไม่ต้องไปลองเอง
ผมก็เคยเป็นแบบพี่นะครับ เติบโตมาในครอบครัวที่เป็นพยานพระยะโฮวา พอช่วงวัยรุ่น เราก็ตัดสินใจออกมาจากองค์การนี้ แต่สุดท้ายแล้ว พอเราใช้ชีวิตในแบบของตัวเราเอง เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยครับแย่ลงด้วยซ้ำ พอตอนนี้เราโตขึ้นเรากลับรู้สึกว่าเราต้องการแค่ความสุขแท้ในชีวิตจริงๆ ซึ่งถ้าพี่เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กคงพอเข้าใจว่า สิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลสอน มันดีต่อชีวิตเราและทำให้เรามีความสุขจริงๆ จนตอนนี้ผมเองก็กลับเข้ามาเป็นพยานเหมือนเดิม ผมกลับรู้สึกเสียดายเวลาที่หายไปมากกว่าที่ผมออกจากที่นี่ไป ผมเข้าใจคุณแม่ของพี่นะครับ เค้ารักพี่อยากให้พี่ได้ชีวิตตลอดไป แต่อย่างที่ไบเบิลบอกเราไม่สามารถบังคับใจใครได้ ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน คุณแม่พี่เลยทำได้แค่อธิษฐาน และเฝ้ารอวันนึงที่ลูกๆจะกลับมา
ส่วนสิ่งที่พี่สงสัยในแต่ละเรื่อง
1เรื่องคนเต็มโลก
ก็อย่างที่พี่ได้คำตอบจากผู้ดูแล มีหลายสิ่งที่เกินกว่ามนุษย์จะเข้าใจได้ มีแต่พระยะโฮวาเท่านั้นที่เข้าใจและคอยเปิดเผยให้แก่เราได้ พี่สงสัยว่าถ้าวันที่เราอยู่โลกใหม่ แล้วมนุษย์จะเต็มโลก จะอยู่ได้ยังไง พี่ลองถามตัวเองดูครับว่า สมมุติ คนเป็นพ่อแม่เรา มีลูกเพิ่มเข้ามาในชีวิตหลายคน ถ้าเค้ารู้สึกว่าบ้านเล็กเกินไป พ่อแม่จะไม่ขยับขยายย้ายบ้าน หรือต่อเติมเพิ่มหรอ เหมือนกันครับ เมื่อถึงวันที่พระเจ้าเห็นว่ามนุษย์เพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกว่าพื้นที่ไม่พอ ท่านจะไม่ขยายแผ่นดินโลกเพิ่มเลยหรอครับ ในเมื่อท่านรักมนุษย์ทุกคนมากขนาดที่ยอมเสียสละลูกของท่านมาไถ่ชีวิตให้ทุกคน
2เรื่องวิวัฒนาการ
เมื่อก่อนผมก็สงสัยเหมือนกันครับ แต่ผมก๋ได้คำตอบจากหนังสือต่างๆของพยาน ถ้าพี่ออกไปตั้งแต่เด็ก ก็คงจะไม่ได้อ่าน เพราะปัจจุบันทางองค์การของเรามีการอัปเดตเรื่องใหม่ๆเข้ามา รวมถึงคำตอบสำหรับเรื่องวิวัฒนาการด้วยครับ ทำให้ผมได้คำตอบที่สงสัยมาตั้งแต่เด็ก อย่างเรื่องไดโนเสาร์ ผมสงสัยและก็ได้คำตอบเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ติดอะไร ก็ลองเข้ามาอ่านทางเว็บไซต์ดูนะครับ หัวข้อเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ลองถามคุณแม่ดูได้ครับ
3ส่วนเรื่องที่พี่ลองเข้าศาสนาต่างๆแล้วแต่ไม่รู้สึกว่าอยากจะเข้า ผมว่าลึกๆในใจพี่รู้อยู่แล้วว่าพยานพระยะโฮวาเราดีที่สุด เรามีความรักต่อกันอย่างแท้จริง พี่แค่รู้สึกว่ายังไม่มีศาสนาอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าดีกว่านี้แค่นั้นเอง เลยเลือกที่จะไม่นับถือเลย
อย่างที่บอกว่าทุกวันนี้พี่ใช้สติในการใช้ชีวิตบนโลก คัมภีร์ไบเบิลก็มีบอกไว้ว่า เราเรารู้จักใช้สติปัญญาของเราในการแก้ปัญหาต่างๆในชีวิต ซึ่งก็จริงครับ แต่อย่างที่เรียนมา ชีวิตของเรามันคงไม่จบแค่เวียนว่ายตายเกิดหรอก
ทำไมเราต้องเป็นแบบนั้น ลองคิดดูนะว่าเวลาพ่อแม่มีลูกก็อยากให้ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ใช่มั้ย แล้วทำไมพระเจ้าจะต้องสร้างเราให้ต้องเจอกับโลกแย่ๆทุกวันนี้ และความตาย การที่ท่านฟื้นฟูโลกและให้เรามีชีวิตตลอดไป เนี่ยแหละคือความรักแท้จริง และความต้องการของพระองค์ตั้งแต่แรก
ขอโทษนะครับที่พูดยาวขนาดนี้ แต่ก็ขอบคุณด้วยครับที่เสียเวลามาอ่าน หวังว่าพอจะทำให้พี่ได้คำตอบหรือคิดอะไรได้นะครับ ไม่มีอะไรสายเกินไป ทุกคนรอพี่กลับมารวมถึงคุณแม่ที่รักของพี่ด้วยครับ ท่านคงดีใจมากๆ
ผู้ใดเห็นธรรม..ผู้นั้นเห็นเรา...อย่าเชื่อใครง่ายถึงเขาจะเป็นครูอาจารย์..และคำภีร์..จงศึกษาและปฏิบัติจนกว่าเราจะเห็นผลลัพธ์..พุทธศาสนายิ่งศึกษายิ่งลึกซึ้ง..ยิ่งปฏิบัติยิ่งมหัศจรรย์..รู้ได้เฉพาะตน...ธรรมะคือธรรมชาติเข้าใจธรรมชาติคือเข้าใจธรรมะ
รู้ได้เฉพาะตนจริง เรื่อง สมาธินี้เหมือนกับพลังในกายที่เราไม่เคยทราบมาก่อนเลย
นี้คือ พุทธแท้จริงแต่ มันไม่เหมาะกับคนไทย
ผมชอบความคิดของพี่ครับ ทุกๆคำพูดของพี่ ผมฟังแล้วคือพุทธแท้ๆเลย แต่พี่แค่อาจยังไม่รู้สิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกจากพุทธวจน เท่านั้นเอง. ถ้าพี่ศึกษาพุทธวจนดีๆแล้ว พี่แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย มีแต่จะเพิ่มพูนความรู้ที่ถูกไขปริศนาในชีวิตมากขึ้น .
( ส่วนตัว: " ในชีวิตของผมเคยสงสัยหลายๆสิ่ง และ เคว้งคว้างไปตามวันเวลา พอมาวันนี้ผมก็สิ้นสงสัยแล้วเพราะพระพุทธเจ้า". )
นั่นสิอ่านจากหลายคอมเม้นที่ออกจากพุทธ ไปคือ ล้วนไปโฟกัสกับสิ่งที่ไม่ใช่สาระสำคัญ แก่นสารของความเป็นพุทธ ก็เป็นธรรมดา พุธอีกหลายคนที่ศึกษากันแค่เปลือก
รู้นะ ว่ามีชีวิตเพื่อรอวันตาย
มีชีวิตอยู่เพื่อฝึกฝนจิตใจตัวเอง ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะถึงวันตายค่ะ
เป็น Althiest เหมือนกันครับ มีประสบการณ์กับครอบครัวคล้ายๆปั๋นเลย และจากที่คุยกับ Athiest หลายๆคนรู้สึกว่าโดยมากจะอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่เคร่งศาสนามากๆ
ดีมากครับ ถึงน้องปั๋นไม่ได้
นับถือศานสนาใดๆ แต่เรียนรู้
ที่จะเข้าใจในชีวิตและผู้คน
จะว่าไปแล้วแท้จริงทุกคน
ล้วนเป็นอิสระ โดยเฉพาะ
ทางด้านจิตใจ ขอให้มีความสุขครับ
สุดยอดมากเลยครับ อยากมีชีวิดแบบคุณมากครับ. ได้ทำตามที่ตัวเองชอบ และ สิ่งที่คุณทำมันดีมากด้วย ดีต่อสังคม
ผมชื่นชมในวิธีคิดของคุณมากครับ มีตรรกะที่มีเหตุและผล
ผมเชื่อในกฏแห่งกรรม กรรมคือการกระทำ ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ไม่เกี่ยวกับดี-เลว ดี-เลว ขึ้นอยู่กับว่า คุณคือใคร คุณมองจากมุมไหน ถ้าคุณเป็นผัก คุณคงไม่คิดว่าการถูกกินเป็นเรื่องที่ดี ทำในสิ่งดีเราคิดว่าดีกับคนอื่น แต่เขาอาจไม่คิดว่ามันดีสำหรับเขาก็ได้ สุดท้ายจะทำอะไรก็ทำ แค่ต้องคิดก่อนทำและยอมรับผลของการกระทำของเรา(เพราะเราไม่รอบคอบ คิดไม่ถึง ไม่มีความรู้มากพอ) ทำผิดก็แก้ไขในสิ่งที่เราทำได้ ทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ถ้าเจอคนงี่เง่าตามจิก ก็ให้คิดในใจว่า(เรื่องของมึง)
ดีใจที่ได้ยินว่าเคยเป็นพยานฯ จากที่เล่ามาตอนนั้นยังเด็กมากนะ ผมก็เป็นเด็กพยานฯคนนึ่ง ที่ตอนนั้นไม่รู้อะไร วันๆเล่นแต่เกมส์
ขออธิบายบางสิ่งที่อาจทำให้เข้าใจผิด
0.การประชุมไม่ใช่3วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ3ชั่วโมงเหมือนที่ว่ามา (มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างตลอด10กว่าปีนี้)
1.พยานฯไม่เคยเรียกสถานที่นมัสการว่าโบสถ์ แต่เรียกหอประชุมฯ เพราะมีหลายสิ่งที่ต่างจากโบสถ์
2. ไม้กางเขนมีที่มา จากคัมภีร์ภาคภาษากรีก คำว่า สเตารอส แปลว่า เสาตั้งตรง หรือ ไม้ท่อนเดียว
3. พยานฯไม่ได้สอน ว่าโลกจะถูกทำลายเหมือนอย่างที่หลายคนเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก
4. คุณบอกว่า ถ้ามนุษย์ไม่ตาย คนจะล้นโลก แต่ความจริงก็คือ มนุษย์ตายก็จะล้นโลกเหมือนกัน
5. เรื่องวิวัฒนการหรือมีผู้สร้าง เว็ปไซค์พยานฯมีคำตอบเหตุผลชัดเจน
สรุป มีหลายสิ่งที่คุณยังไม่รู้ในตอนนี้ และบางสิ่งที่ไม่มีทางรู้ แต่คำพยากรณ์ที่ไบเบิลบอก ช่วยเราให้เข้าใจ หลายสิ่งที่เขียนไว้นานมาแล้ว มีเหตุการณที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต และที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
พอดีเห็นคลิปขึ้นหน้าเลยลองกดเข้ามาดู แล้วก็ตั้งใจดูจนจบ เป็นคลิปที่น่าสนใจมากค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนที่คิดตรงกับเราได้มากขนาดนี้ ส่วนตัวยังไม่ได้ come out อย่างจริงจัง ID card ก็ยังเป็นพุทธ แต่การปฏิบัติตนต่างๆได้หยุดและเลิกสนใจไปนานแล้ว ส่วนสิ่งที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจก็คือตัวเอง เพื่อนและครอบครัว ไม่มีการวางแผนแต่งงาน มีลูก ไม่มีงานวันเกิด ทำการบริจาคดวงตาและอวัยวะไว้เรียบร้อยแล้ว พอมาฟังคนที่คิดคล้ายๆกันแบบนี้ มันเหมือนปลดล็อกอะไรหลายอย่างๆในตัวเลยค่ะ รู้สึกดีมากๆ ขอบคุณที่มาแชร์เรื่องราวให้ฟังนะคะ จะตามคลิปต่อๆไปค่ะ subscribe เรียบร้อยแล้ว!🥰👍🏻
ขอบคุณมากนะคะ
พี่ผ่าน ความอึดอัด มาอย่างเข้มข้น ในเรื่องของศาสนา รอวันจิตเต็ม ผมว่าพี่จะเข้าใจเองครับ ว่าอะไรจะเข้ากับพี่ได้
ของจริงต้องพิสูจน์ได้ แต่หาใช่สิ่งที่ต้องพิสูจน์จากตาเนื้อเท่านั้นครับ
วิทยาศาสตร์ ยังย้อนแย้งในตัวเองเลยทุกๆวันนี้
จิตอย่าหมอง โลภ โกรธ หลง เบาบาง ไม่เบียดเบียนใคร แค่นี้ก็ ชิวๆแล้วครับ
เพราะ ทุกอย่างล้วนบันทึกที่จิตเท่านั้นครับ😊
ผมนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่จแรกเลย มีช่วงหนึ่งเกิดปัญหาวุ่นๆในชีวิตเยอะมากเหมือนจะแก้ไม่ตกผมคิดแก้ด้วยการคิดที่จะเปรี่ยนศาสนาคิดอยู่นานเหมือนกันสุดท้ายผมมองว่าวิธีนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการหนีหรือทิ้งปัญหามากกว่า สุดท้ายผมก็อยู่กับศาสนาพุทธต่อไปยอมรับกับทุกปัญหาที่เข้ามาอยู่กับมันทำใจยอมรับมันจนตอนนี้รู้แล้วว่าปัญหาไม่ใช่ปัญหา ความทุกข์ไม่ใช่ความทุกข์และความสุขก็ไม่ใช่ความสุข555งงมั้ย ช่างเถอะผมแค่เหมาะกับศาสนาพุทธแค่นั้นแหละ ขอบคุณสำหรับเรื่องของคุณนะครับมันดีมาก
ส่วนตัวผมเองก็เป็นคริสเตียน แต่พอฟังแล้วผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่านิกายของพี่มันไม่ Make Sense ของนิกายผมก็มีวันสิ้นโลกเหมือนกัน คนที่เชื่อในพระเจ้าจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ คนที่ไม่เชื่อจะไปอยู่ในนรก นิกายของผมสอนว่าทุกคนไม่มีวันตาย ร่างกายเราเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่วิญญาณของเราจะอยู่ตลอดไป
ผมก็เป็นคริสเตียน..ถ้าในวงการคริสเตียน..มีหลายลัทธิที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนแต่คริสเตียนมองว่าเป็นลัทธิสอนผิด..เช่นมอร์มอน(ฝรั่งหล่อๆที่ปั่นจักรยานไปกัน2คน)..หรือพยานพระยะโฮวาห์เองที่คุณเคยนับถือก็เป็นลัทธิสอนผิดที่คริสเตียนทั่วไปไม่ยอมรับไม่คบหาก็ไม่แปลกที่เขาตอบสิ่งที่คุณสงสัยไม่ได้...พระเยซูตอบคำถามที่คุณสงสัยในพระคัมภีร์ว่า..เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาคนที่ตายก็จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไปอยู่แผ่นดินใหม่จะไม่มีการยกให้เป็นสามีและภรรยากันอีกต่อไป.ในแผ่นดินสวรรค์มีแต่การสรรเสริญพระเจ้าไม่น่าจะมีเรื่องความรักเรื่องเพศเรื่องขยายเผ่าพันธุ์กันแล้ว..ที่จริงคุณน่าจะลองไปคริสตจักรอื่นดูก่อนคริสตจักรที่มีมาตรฐานได้รับการยอมรับ..เช่น.คจ.ร่มเย็น,คจ.ร่มเกล้า,คจ.ใจสมาน,คจ.ความหวัง,คจ.ชาโรม,คจ.ไทกรุงเทพฯ,คจ.ฮิม,คจ.สิงห์ราช,คจ.สามัคคีธรรม,คจพระกิติุณสมบูรณ์.
เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆเลยคะพี่ ได้เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์อีกมุมของ atheist
เราเป็น agnostic atheist (ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ว่าไม่มี เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่) เพราะส่วนตัวมองว่า ศาสนาหรือพระเจ้าไม่ได้ effect การใช้ชีวิตเราเลย ชอบมีคนถามประมาณว่า ถ้าไม่นับถือศาสนาแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะใช้ชีวิตยังไง จะปฏิบัติความดียังไง ซึ้งเรางงหนักมาก… ที่เราตอบบ่อยๆคือ ถ้าจะทำความดีก็ควรทำเพราะมันคือสิ่งที่ควรทำ ทำไมถึงต้องคิดว่าทำแล้วจะได้บุญ หลายๆเรื่องมันคือ common sense ถ้าคิดดีทำดีคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง ตกนรกหรือขึ้นสวรรค์
ไดๆคือทุกคนมีความเชื่อต่างกันเนาะ everybody deserves respect
- ขอให้ผู้ชมใช้วิจารณญานด้วย....
- ขอให้ใจเย็นนิดหนึ่งก่อนที่จะไม่เอาศาสนา
- มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม พิธีกรรมต่าง ๆ ทางศาสนาเป็นพิธีทางสังคม ทำให้เราอยู่ในสังคมได้
- หากไม่มีศาสนา ตายแล้วก็ไม่มีคนมาจัดการ....
- ขอให้ศึกษาศาสนาที่เรานับถือให้เข้าใจก่อน ค่อยปฏิเสธนะ
- คริสต์แท้คือ protestant (พระเยซู พระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์)
- พระเจ้า(พระเยโฮวา) คือ จุดเริ่มของสรรพสิ่งในจักรวาล นี้ ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต....พระเจ้าคือ เจ้าจักรวาล / พระเจ้าในที่นี้ หมายถึงวิญญาณ / โลกของวิญญาณ....
- ไม่ให้บูชา พระเจ้าอื่น หรือสิ่งอื่น เพราะพระองค์ไม่ให้ลูกของพระองค์นอกใจ / เพราะพระองค์เป็นผู้เนรมิต มนุษย์
- ไม่ให้กินเลือด....เพราะเลือดคือชีวิต / ในเลือดเป็นที่รวมของเชื้อโรค
- พูดถึงวันสิ้นโลก....สรรพสิ่งมีเกิดและมีสูญไป
- ในโลกหน้าหลังตาย คือโลกของวิญญาณ มนุษย์จึงไม่ล้นโลก
- ในโลกนี้....มีสองสิ่ง
1.พระเจ้า
2.ผี / ซาตาน
1.สวรรค์ / 2. นรก
- ไม่มีวิญญาณ แต่แล้วทำไมคนทั้งโลกต้องทำพิธีให้คนตาย....
- ลองไล่ดู....เราเกิดจากแม่....แม่เกิดจาก..........แล้วมนุษย์คนแรกมาจากไหน....ในพระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าเป็นผู้เนรมิต มนุษย์ และเนรมิตสรรพสิ่ง...........
- พระเจ้าเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าเหลือเชื่ออีก....ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทำไม่ได้........
- หากคุณไม่เชื่อก็พิสูจน์ได้นะ..............
มาถูกทางแล้วครับ สติเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบของทุกคำถามที่อยู่ในตัวเรา สติมีหลายระดับ และเราเห็นสติจริงๆแล้วหรือยัง สติคืออะไร อะไรทำให้สติเกิดขั้น สติเอาไปใช้ทำอะไร เพื่ออะไร แล้วเราจะพัฒนาสติไปให้ถึงที่สุดของสติได้อย่างไร ฝากคำถามไว้ก่อนนะถ้าเรามีอะไรดีจริงๆเราอาจได้เจอกันใหม่
เป็นคอนเทนต์ที่ดีมากๆเลยค่ะ ❤️
ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ทำคลิปตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน
สบายใจดี
พี่ ชื่นชมน้องนะครับ " ไม่นับถือศาสนา "สำหรับพี่ เป็นแค่ คำพูดเท่านั้น "ศาสนา คือ รวมความเชื่อในหลักของศาสนานั้นๆ" เหตุผลของน้องรับฟังได้ครับ เพราะน้องใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง ฉนั้นทำได้เลย ไม่มีมีผิดเพราะมันเป็นเรื่องของน้อง ดีกว่าคนเลวๆ ทำเรื่องเลวๆจนถูก ด่าว่า "ไอ้คนไม่มีศาสนา" มีคนเคยเปลี่ยน ศาสนาง่ายๆเพราะ มีแฟนเป็น คริสเตียน และเหตุผลอีกมากมาย ในมุมของพี่ ศาสนาทุกศาสนาที่พอจับต้องได้ ยังหลงเหลือมาจากอดีต ก่อนวิทยาศาสตร์ คือ ประเพณีการปฏิบัติ พี่เป็นคน พุทธ ก็ไม่ได้ใส่บาตรทุกเช้า ไม่ได้เวียนเทียน ทุกครั้ง...คนพุทธ เรามีกฏแห่งกรรม จรรโลงใจ มีศิล 5 ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ขึ้นอยู่กับเรา ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย... พี่คิดว่า พี่ก็ไม่ได้ต่างจากคุณพ่อของน้องนะครับ คือเป็นพุทธ แต่ก็ไม่เคร่งมาก และคนแบบพี่มีเยอะมาก ... อย่างที่บอกครับ เป็นแค่คำพูดเท่านั้น ยุคพี่ก็เคยพูดกันแต่ไม่เคยคิดจะให้คนอื่นรู้นอกจากเพื่อนในวัยนั้น ยุคนี้ถ้าไปถามบางคน บอกว่าไม่นับถือก็เยอะแยะ. ฟังดูเก๋ดี..แต่เอาจริงๆ มันไม่ใช่...สมมุติมีคนจะมาฆ่าเราถ้าเราห้อยไม้กางเขน...เราไม่อยากโดนฆ่าก็เก็บไม้กางเขน เปลี่ยนศาสนาทันที...นี่แหละครับ คือ คำตอบของมนุษย์ ถือและปล่อยได้ตลอดเวลา น้องยังอายุยังน้อย...ถ้าน้องอายุ ซัก 40 พี่คิดว่าความคิดน้องจะไปไกลกว่านี้ หรือ อาจย้อนกลับได้ครับ...เพราะนั่นคือเรื่องของ น้อง Riety คนเดียว ล้วนๆ. 😊
เราว่าศาสนาก้เหมือนวิชาเรียนทั่วไป ได้ศึกษา ให้รุ้ให้เข้าใจในมุมมองต่างๆ จริงๆไม่ต้องยึดติดก้ได้ว่าเป็นศาสนาอะไร หรือไม่มีศาสนา ก้ไม่เป้นอะไร ทุกอย่างคือสมมติของมนุษย์ค่ะทั้งชื่อ ความคิด สิ่งปลูกสร้าง เงินตรา ระบบการศึกษหรือระบบเศรษฐกิจ ความจริงมีหนึ่งเดียว ตอนนี้เราอยุ่ในสิมิวเลชั่น :) แค่ไม่หลงไปกับมันมากก้พอแล้ว ชีวิตมีเวลาจำกัดค่ะ มีความสุขในปัจจุบันกันนะ
ไม่อยากนับถือศาสนาที่ถืออยู่เหมือนกัน ซึ่งความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่งมงายสิ่งที่เชื่อนั้นมีบางอย่างไม่ใช่หลักที่แท้จริง แล้วมองหาศาสนาที่ตนเองยอมรับได้แต่ยังไม่เจอ ใจจริงไม่อยากนับถืออะไรเลย ในกรณีนั้นกลัวว่าทำให้ถูกแบ่งแยกจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง ในสังคมเราถ้าไม่มีพวกพ้องดูค่อนข้างลำบาก หวังว่าสังคมจะเปิดกว้างขึ้นอีก
มีคนที่กล้านำเสนอเนื้อหาแบบนี้ ทำให้คนที่เชื่อแบบเดียวกัน และมองเรื่องศาสนาเป็นแค่ความเชื่อที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ได้กล้าแสดงตัวมากขึ้น ขอบคุณมากครับ 🙂
ของเราตรงกันข้ามเลยเราเป็นคนถือศีลกินเจแต่โดนเหยียดซะแบบนั้นทั้งๆที่เราก็เข้าใจคนไม่นับถือศาสนานะรวมทั้งไม่เคยเหยียดใครเลยไม่ว่าเขาจะนับถืออะไรแต่กลับโดนเหยียดซะงั้น😥 เพราะว่าเราพ่อก็เป็นคริสคาทอลิค(ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพุทธแล้ว)แม่เป็นคนพุทธดังนั้นเราจึงชอบในทุกศาสนาเพราะเห็นความสวยงามในศาสนาทั้งพุทธ คริส และอิสลามเพราะก็มีเพื่อนเป็นคนอิสลามด้วย แต่ตอนนี้กลับมีเพื่อนร่วมทำงานคนรอบตัวเหยียดว่าเราถือศีลหรอกินเจหรอ ไร้สาระทั้งๆที่เราไม่เคยทำร้ายใครไม่เคยเหยียดเลย แต่ก็เราก็ปล่อยวาง และเข้าใจว่าเอ้อคนเราอยู่ในสังคมและแวดล้อมแตกต่างกันผ่านอะไรมาไม่เหมือนกันด้วย อันนี้เราแค่มาแชร์ในแง่มุมของเราที่เราเจอมาเท่านั้นนะคะ
น่าจะเป็นเรื่องปกตินะครับ ทุกวันนี้ตัวผมเอง ก็เหมือนไม่ได้นับถือ ศาสนาไหนศาสนานึง แต่กลับศึกษาและทำความเข้าใจกับทุกๆศาสนา และนำแกร่นแท้ของแต่ละศาสนา มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพราะแต่ละข้อปฏิบัติ ข้อห้ามต่างๆ จริงๆแล้วมันไม่ได้ใช้ได้ตลอด ผมเข้าใจว่าข้อปฏิบัติหรือข้อห้าม ได้สร้างขึ้น ตามยุคสมัยหรือวิกฤต ของแต่ละยุคสมัย หรือภูมิภาค ,ภูมิประเทศของแต่ละที่ในยุคสมัยนั้นๆ
เมื่อก่อนผมนับถือศาสนาพุทธครับ แต่พอเราเริ่มโตเริ่มศึกษา+พบเห็นสิ่งต่างๆนาๆมานาน รู้สึกว่าสิ่งที่เรานับถืออยู่มันไม่ดีแล้วความเสื่อมทรามมันมากขึ้น ผมก็เลยถอยออกมาคงเหลือไว้เพียงคำสอนดีๆของพุทธเจ้า แล้วก็ไม่มีศาสนา พ่อแม่ก็ว่าผมว่าบ้านับถือมาตั้งนาน แต่หลังๆก็เฉยๆไม่ว่าอะไรละ เพราะศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สำหรับผมคือยึดเหนี่ยวตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่ตั้งประกอบกับเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรเลยด้วยเลยไม่จำเป็นต้องมีศาสนามาเป็นที่ยึดเหนี่ยว เชื่อว่าตัวเองแกร่งพอ 😁 ภรรยาก็เคยถามว่าถ้าผมตายไปจะให้ทำยังไง ผมก็เลยบอกไปว่าจะเผาหรือจะฝังเลยแบบไม่ต้องมีพิธีก็ได้ไม่เป็นไรเลย แค่ไม่เป็นการรบกวนคนที่อยู่เบื้องหลังมากมายก็พอ ปัจจุบันภรรยาพุทธ ลูกๆก็พุทธ(โตขึ้นจะสอนให้พวกเขาเข้าใจและเลือกเอง)
สรุปคือพุธนั่นปหละครับ ใช้สติแก้ไขปัญหา ไม่ยึดติด นับถือพุทธ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด แขวนพระ ไหว้พระพุทธรูป ครับ สิ้งที่น้องทำอยู่ทุกวันนี้คือแก่นแท้ของพุทธทั้งสิ้น ทำดี ช่วยเหลือทุกชีวิต เท่าที่เราทำได้ เราก็จะได้ความสุขที่ใจ นั่นก็เรียกว่าได้บุญ ที่ว่าทั้งนี้ก็ไม่ได้จะให้มานับถือพุทธนะครับ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย ขอแค่ยึดแนวทางนี้ก็พอ เราก็จะเป็นสุขแล้ว
خَـٰلِدِينَ فِيهَا ۖ لَا يُخَفَّفُ عَنْهُمُ ٱلْعَذَابُ وَلَا هُمْ يُنظَرُونَ ١٦٢
เรียน ชาวพุทธ ควรทราบ
1อัลเลาะห์คือพระผู้เป็นเจ้า
2ใครไม่เชื่ออัลเลาะห์ต้องอยู่ในนรก
3ต้องอดกามอยู่ในนรกตลอดกาล
4ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดเป็นสัตว์
5ไม่มีการเกิดใหม่เป็นคนเพื่อแก้ตัว
6โลกถูกทำลายก่อนวันพิพากษา
7อิสลามคือความหวังและความสุข
8พุทธคือความเศร้าไร้อนาคต
8บุญไม่ได้ทำให้มีความสุขเสมอไป
9บุญใหญ่ที่ทำให้ตนเองต้องตายก็มี
10พุทธยโสดูถูกศาสนาพราหมณ์
11นิพพานเป็นเรื่องกุของกระเทยสิทธัตถะ
12เกิดปุ๊บเดินได้7ก้าวเป็นเรื่องหลอกคนโง่
13ชาวพุทธทั้งโง่ทั้งเหี้ยศาสนาวิปริต
14แค่ข่มใจไม่แดกหมูพวกมึงยังทำไม่ได้
15มีหรือจะข่มใจได้ไม่ตีกระหรี่
16แต่พวกมันเย่อหยิ่งคิดว่าตนเองฉลาด
17พวกมึงอ้างปัญญาปฏิเสธอัลเลาะห์
16แล้วคิดว่าพวกมึงจะฉลาดหรือ?
17การอดกามเป็นแค่การเบื่อกาม
18การเบื่อกามไม่ได้ทำให้ใครสูงส่ง
13สิทธัตถะเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา
14ธรรมะมันทั้งยกเมฆทั้งย้อนแย้ง
14นิพพานที่ไกลกว่าสวรรค์เป็นเรื่องตอแหล
15ไม่เคยเห็นสิทธัตถะแล้วทำไมต้องเชื่อมัน?
16สิทธัตถะเป็นผู้ป่วยจิตเวชขั้นรุนแรง
17มันคิดว่าตัวมันคือผู้วิเศษดีเลิศประเสริฐสุด
18มันไม่ได้กินยาจึงทิ้งลูกเมียหนีเตลิด
19ใครที่ละหมาดครบ๕เวลาจะได้เข้าสวรรค์
20ชาวสวรรค์จะได้เสพกามมีความสุข
21ชาวสวรรค์อยู่สวรรค์ไม่มีหมดบุญ
22ไม่ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดใหม่
23ตัวท่านแก่ทุกวันวันหนึ่งจะต้องตาย
15การรับโทษในนรกทรมานกว่าการละหมาด
14พวกท่านพร้อมกับพระพุทธรูปเป็นเชื้อไฟนรก
15ควรศึกษาสิ่งเร้นลับที่อัลเลาะห์เปิดเผย
16อาหารสวรรค์อร่อยกว่าเนื้อสุกร
17อัลเลาะห์ไม่ได้กลัวเนื้อหมู
18สิทธัตถะแดกเนื้อหมูตัวตืดขี้รั่วตาย
19แก๊งคอลเซนเตอร์มีแต่ชาวพุทธ
20ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
21ความเท็จมีมากมายนับไม่ถ้วน
20ทั่วโลกมีมุสลิมมากกว่าชาวพุทธ
21ในสายตาชาวโลก, พุทธคือศาสนาหลอกแดก
22อัลเลาะห์ไม่ใช่เรื่ิองแต่งแต่เป็นความจริง
23การฆ่าคนด้วยความอธรรมเป็นบาป
24ความชั่วต่างๆ99%ชาวพุทธเป็นผู้กระทำ
25มุสลิมอาจให้ฯแต่นรกไม่ให้เกียรติพวกมึง
25ห้ามสบประมาทอัลเลาะห์,
26ใครฝ่าฝืนขอให้ถูกรถทับสมองเละ
27ใครกลับใจเชื่ออัลเลาะห์ขอให้ได้เข้าสวรรค์
28ชาวสวรรค์บางท่านจะได้เห็นอัลเลาะห์
เจอมาพอสมควรกับชาวต่างชาติ ที่เป็นอศาสนิก แต่ยังชอบศึกษาปรัชญา ครับ หลายคนชอบฝึกสติ สมาธิ แบบศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะพุทธและฮินดู และแนวปรัชญาต่อชีวิต จิตใจ ครับ ... คือ ศาสนาบางศาสนา เขาเป็นปรัชญา ผสม ความเชื่อ ครับ มิใช่มีแต่ความเชื่อล้วนๆ ... สำหรับพุทธ คุณไม่เชื่อโลกหน้าไม่เป็นไร แค่ทำเหตุในปัจจุบันให้ดี ใจก็มีสุข ในปัจจุบันธรรม เพียงพอแล้วครับ
ไม่ว่าความเชื่ออย่างไหน ก็เป็นลัทธิความเชื่ออย่างหนึ่ง เช่นนับถือผี, ไหวศาลเจ้า, ไหว้เทพเจ้า ก็เป็นลัทธิอย่างหนึ่ง , เชื่อว่าตายแล้วเกิดก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง, เชื่อว่าตายแล้วสูญเกิดชาติเดียวจบ ก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ,ไม่นับถือศาสนา ก็ต้องมีแก่นของการไม่นับถือศาสนาว่าความเชื่อของการไม่นับถือศาสนาคืออะไร แก่นคืออะไร นั่นก็คือลัทธิความเชื่ออย่างหนึ่งเช่นกันครับ แต่ไม่มีคำว่าดี หรือไม่ดี ส่วนตัวผมคือ ทุกข์ หรือไม่ทุกข์ แต่พระพุทธเจ้าสอนทางปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ไว้แล้ว อยู่ที่จะศึกษาหรือปฏิบัติ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ในกาย ในจิตนี้เองรึเปล่าแค่นั้น ^^ เพราะไม่ว่าจะมีความเชื่อแบบไหน ทุกคนล้วนอยู่ในกฏเดียวกัน เพราะมีกาย มีจิตเหมือนกัน มีกรรม คือผลของการกระทำเช่นกัน ไม่ว่าจะนับถืออะไร
ข้อเสียของพุทธอย่างนึง จากปสก ส่วนตัวของเราเลยคือ มันปล่อย เกินไปจน มั่ว มันมีแก่นแท้ก็จริง แต่เจือไปด้วยหลากหลายวัฒนธรรม ประเพณี ที่เราเข้าไม่ถึง พอเราได้สัมผัสผิวเผินแล้วมันไม่ค่อยประทับใจ สำหรับเรานะ (first impression) มีทั้งพิธีกรรม ความเชื่อ ความงมงาย ทั้งๆทีมันมีด้านดีๆที่เราว่าเข้าท่าอยู่ไม่น้อย แต่เราเองก็ไม่ค่อยอินแล้ว เสียดายนะ แต่ไม่เสียใจ เลยเข้าใจคนที่เค้าเลือกที่จะไม่มีไม่เอา ว่าคงรู้สึกเหมือนๆกัน
แม้ไม่มีศาสนา แต่เชื่อว่าการปฏิบัติตนไม่แพ้คนที่มีศาสนา แถมอาจจะดีกว่าบางคนที่อ้างศาสนาบังหน้ามาหากินด้วยซ้ำไปครับ และด้วยการผิดเพี้ยนด้วยกาลเวลา ผู้คนที่สั่งสอน หลักปฏิบัติฯลฯ ทำให้บางอย่างดูเกินพอดี เกินจากดั้งเดิมไปมากครับ
การมีศาสนาหรือไม่มีศาสนาไม่ใช่สิ่งผิด ไม่ใช่ปัญหา
แต่สิ่งที่ผิดและเป็นปัญหา คือการนำความต่างทางความคิดความเชื่อมาเหนียดมาโจมตีกัน
คนมีศาสนาต่างๆ โจมตี ไม่มีศาสนา
ไม่มีศาสนา โจมตี คนนับถือศาสนาต่างๆ
คนมีศาสนาหนึ่ง โจมตี คนนับถือศาสนาอื่น
คนที่นับถือศาสนาเดียวกัน โจมตี คนที่นับถือลัทธิแตกย่อยที่ต่างจากเรา
…การยึดถือสิ่งใดๆจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การโจมตีกันทางความคิดความเชื่อ
Exactly
หลักๆเราใช้ชีวิตที่มีกฎหมายควบคุมมันดูมีอิทธิพลกว่าเพราะถ้าทำผิดมันมีผลต่อตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ส่วนศาสนามันแค่ผิดทางใจไม่มีผลที่เห็นชัดไม่อย่างนั้นโลกนี้มันวุ่นวายหรือนักการเมืองข้าราชการต่างๆและทุกๆคนคงไม่โกงไม่เบียดเบียนคนอื่นกันแบบนี้
กิเลสเป็นเครื่องแยกคนดีกับคนชั่วออกจากกัน
@@Rebirth2554 อย่าเอาพุทธศาสนามาเป็นบรรทัดฐานดิครับ
เป็นคำถามที่คนยุคนี้เจอกันเยอะค่ะ ไม่ว่าจะคนอื่นถามตัวเรา หรือตัวเราถามตัวเอง
เรามองว่าคำถามหรือข้อสงสัยอะไรในโลกนี้ มันไม่มีอะไรที่แปลกหรือเป็นไปไม่ได้
เพราะจิตใจของคน ก็สามารถสงสัย ตั้งคำถามกับสารพัดเรื่อง
แต่ประเด็นคงเป็นว่า "เราตั้งคำถาม ตั้งข้อสงสัย แล้วเราหาทางรับมือกับมันยังไง?"
เช่น ถ้ามันไม่ได้คาใจอะไรมาก ก็ปล่อยข้อสงสัยนั้นไว้ แล้วก็ใช้ชีวิตไป
หรือถ้ามันเป็นคำถามที่คิดว่าคุ้มค่าที่จะหาคำตอบ ก็ลองแสวงหาคำตอบดู
เพราะฉะนั้น การตั้งคำถาม แล้วมุ่งใช้สติปัญญาแสวงหาคำตอบ เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนค่ะ
อย่างน้อยระหว่างทางที่แสวงหาคำตอบ มันก็จะได้พบเจอประสบการณ์อะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์ได้
ส่วนคนที่เชืออะไร แล้วชอบยัดเยียดความเชื่อของตัวเองให้คนอื่น มีคนแบบนี้เยอะในสังคม
และบ่อยครั้ง ตัวเราเองก็อาจจะเผลอเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ 555 เราก็ต้องระวังตัวเองเช่นกัน
เช่น คนที่เห็นว่า ศาสนาดี แล้วจะยัดเยียดความเชื่อของตัวเองให้ผู้อื่นเห็นดีด้วย
บางทีคนเหล่านั้น ก็ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่า "ทำไม พวกเขาถึงนับถือศาสนา?" 55
พวกเขาเข้าถึงเข้าใจในสิ่งที่เขาเชื่อถืออย่างดีพอหรือยัง?
เพราะคนที่นับถือศาสนาที่เข้าถึงมากพอ เค้าจะไม่ไปเที่ยวบังคับใครให้มานับถือเหมือนตนเองค่ะ
มันเป็นเรื่องที่ต้องประสบด้วยตนเอง มันเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยสติปัญญาของแต่ละคน
ความเชื่อมันบังคับกันไม่ได้เนอะ!!
สำหรับผม ศาสนา ก็คือสถาบันนึงทีเขาสร้างกฎนั้นนี่เพื่อไม่กลุ่มคนที่อยู่ร่ามกันมีปัญหา แต่ยุคสมันนี้มันไม่ใช่แล้วที่จะต้องถูกยัดเยียดบังคับให้มีศาสนา หลายๆคนมีนิสัย จิตใจ ที่ดีกว่าบางคนที่มีศาสนาอีก
- สิ่งที่เรียกว่าธรรมะ,ความรับผิดชอบ,กตัญญู,การช่วยเหลือกัน,หรือความรู้ผิดชอบชั่วดี คนเรามีอยู่แล้วเป็นพุทธภาวะในตัวทุกคน แม้ไม่ต้องเข้าสังกัดศาสนาของศาสดาท่านใด
- เหมือนกับสัณชาตญานการรักตัวกลัวตาย,การต่อสู้ป้องกันตัว มันมีอยู่แล้วในตัวคนทุกคน ไม่ต้องเข้าสังกัดค่ายศิลปการต่อสู้ใดก็ได้(มวยไทย,กังฟู,คาราเต้,คิกบ้อกซิ่ง,เควัน ฯลฯ)
ขออนุญาติแชร์นะครับ
(ตามหลักศาสนาพุทธนะครับ)
ปัจจัยให้เกิดการเห็นผิด
1. ปรโตโฆสะ (ที่ไม่ดีงาม)
2. อนิโยนิโสมนสิการ
ความเห็นผิดอีก 10 ประการ
1. ความเห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล
2. ความเห็นว่า การบูชาพระรัตนตรัยไม่มีผล
3. ความเห็นว่า การบวงสรวงผู้มีคุณไม่มีผล
4. ความเห็นว่า การทำดีและทำชั่วไม่มีผล
5. ความเห็นว่า โลกนี้ไม่มีจริง
6. ความเห็นว่า โลกหน้าไม่มีจริง
7. ความเห็นว่า มารดาไม่มีพระคุณ
8. ความเห็นว่า บิดาไม่มีพระคุณ
9. ความเห็นว่า สัตว์ที่จุติและเกิดไม่มีจริง
10. ความเห็นว่า สมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ รู้ยิ่งเห็นแจ้ง ประจักษ์ซึ่งโลกนี้และโลกหน้าด้วยตนเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ได้ ไม่มีในโลก
ปัจจัยให้เกิดการเห็นถูก
1. ปรโตโฆสะ (ที่ดีงาม)
2. โยนิโสมนสิการ
ศึกษา
ความรู้อริยสัจ
ไตรลักษณ์
ปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมข้อแรกของมรรคมีองค์ ๘
***โชคดีแล้วครับที่เกิดมาเจอศาสนาพุทธ อย่าให้เสียโอกาสนะครับ
ขอถามได้ไหมคะว่าถ้าสมมติว่าแม่หรือพ่อเขาไม่ได้เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เกิดอะค่ะ แล้วตอนที่พวกเขาแก่ เราก็ไม่ได้เลี้ยงดูเขา อย่างนี้ถือว่าผิดตรงไหนไหมคะ
@@_31th79 ขออนุญาติตอบนะครับ
ประเด็นแรกนะครับ
1. พ่อแม่ ไม่ได้เลี้ยงดูเราตั้งแต่เกิด แต่พ่อแม่ ได้ให้ ลมหายใจกับเรา ตรงนี้ พ่อแม่ได้ผลบุญครับ
2. ส่วนที่พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเรา ตรงนี้เป็นผลกรรมของเราครับ ซึ่งในอดีตที่เราได้เคยทำกรรมไว้ในลักษณะแบบนี้ครับ
3. ส่วนที่พ่อแม่ทอดทิ้งเราในชาตินี้ พ่อแม่ก็จะได้รับผลกรรมในอนาคตครับ ถ้าผลกรรมตามมาเร็วก็จะเจอชาตินี้ ถ้าช้าก็จะชาติหน้าหรือชาติถัดไปตามแรงกรรมครับ
ประเด็นที่สองนะครับ
1. พอพ่อแม่เราแก่ เราไม่ได้เลี้ยงดู ผิดมั้ย
ตอบนะครับ ผิดหรือไม่ผิด อันดับแรกอยู่ที่ใจเราก่อนครับ ว่าจิตใจเรามีเจตนาจะเลี้ยงดูพ่อแม่หรือเปล่า
1.1 ถ้ามีเจตนาจะเลี้ยงดู แต่ไม่มีโอกาส ก็เป็นกรรมดีทางมโนกรรมครับ จะส่งผลบุญให้เราในอนาคตได้ครับ
1.2 ถ้ามีเจตนาจะเลี้ยงดู มีโอกาสด้วย แต่ไม่ทำ แบบนี้กรรมก็จะส่งผลทางมโนกรรมให้เราได้รับบุญเพราะกตัญญู(รู้คุณ)
แต่กรรมก็ส่งผลไม่ดีในทางด้าน กายกรรม เพราะเราไม่ กตเวที (การตอบแทน) ในอนาคตเราก็จะโดนแบบที่พ่อแม่โดนครับ
1.3 ถ้าไม่มีเจตนาเลี้ยงดู ก็แย่หน่อยครับ เพราะเราก็จะได้รับผลกรรมแบบที่พ่อแม่ได้รับครับ
@@นิวรณ์-ป8จ และนี่แหละ ถึงเลิกเป็นพุทธ พ่อแม่ให้ลมหายใจ เพราะไม่ความไม่พร้อม ไม่รู้จักวางแผนชีวิต คนเป็นลูกไม่ได้ขอมาเกิด ต้องเกิดมาลำบาก และเป็นหนี้บุญคุณเฉยเลย
@@tomang3493
ขออนุญาติตอบนะครับ
ประเด็นแรกนะครับ
ถามว่า และนี่แหละ ถึงเลิกเป็นพุทธ
ตอบนะครับ
คนเราทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่าพุทธ คริส อิสลาม หรืออื่นๆ ที่จริงแล้วเราเกิดมาพร้อมกับคำว่าไม่มีศาสนาทั้งนั้นครับ (เราพึ่งมารู้จักศาสนาเมื่อตอนเราเกิดทั้งนั้นครับ) 1.อยู่ที่กรรมของเรา ว่าจะไปเจอศาสนาไหน
2. ปัจจัยภายนอก(สิ่งแวดล้อม) จะเป็นเหตุให้เรามีความคิดและความเชื่อไปในทางไหน
ประเด็นที่ 2 นะครับ
ถามว่า พ่อแม่ให้ลมหายใจ เพราะไม่พร้อม ไม่วางแผนชีวิต
ตอบนะครับ
คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกิเลสครับ อยู่ที่ใครมีมาก หรือมีน้อย ซึ่งพ่อแม่ที่คุณกล่าวมา เขามีความต้องการ ก็คือความอยาก ซึ่งเป็นกิเลสที่ติดมา ประกอบกับกรรมที่ทำในอดีตชาติ จึงเป็นเหตุให้เขามีลูกเมื่อไม่พร้อมครับ
ลองคิดดูนะครับ แล้วพ่อแม่ลูก ครอบครัวที่สมบูรณ์ในโลกนี้ มีมั้ยครับ / คำตอบก็คือมี เพราะเขาเหล่านั้นก็ทำกรรมไว้แบบนั้น เขาจึงเกิดมามีครอบครัวที่สมบูรณ์
ประเด็นที่ 3 นะครับ
คนเป็นลูกไม่ได้ขอมาเกิด ต้องเกิดมาลำบาก
แล้วเป็นหนี้บุญคุณเฉยเลย
ตอบนะครับ
การที่คนเป็นลูกมาเกิด จะขอหรือไม่ขอ เมื่อถึงวาระเวลาของกรรมที่ทำไว้ให้มาเกิด ก็ต้องมาเกิดครับ แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะไปเกิดเป็นอะไร สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา หรือพรหม ครับ
และการที่ต้องเกิดมาลำบาก ก็เพราะบุคคลนั้นได้เคยทำกรรมไว้ลักษณะนี้ ก็ต้องมาชดใช้กรรมครับ เราเป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่อยู่แล้วครับ เพราะท่านให้ลมหายใจ
ถามว่าลมหายใจให้อะไรเราได้บ้าง
การตามรู้ลมหายใจ เข้า-ออก อยู่เป็นปกติ จะทำให้ จิตเรา หลังจากที่เราตายแล้ว จะไม่ไปเกิดในทุกขติภูมิครับ แบบนี้จึงเรียกว่า พ่อแม่มีพระคุณกับเราครับ
@@นิวรณ์-ป8จ เกิดมาไม่รู้เรื่องราวอะไร มีกรรมเสียแล้ว
สติ กับ ความไม่เที่ยง กับ ความไม่ประมาท .. คือคำสอน ที่ประเสริท ที่สุด ของศาสนาพุทธครับ
บริจาคอวัยวะแล้วยังเหลือร่างที่ต้องจัดการอยู่นะครับ อาจจะต้องวางแผนตรงนี้ไว้ด้วย
(ไม่ได้หมายความว่าต้องทำพิธี แต่ต้องมีวิธีจัดการ)
ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นเพื่อนๆ atheist เขาจะใช้หลักว่า ให้ญาติจัดการตามความเชื่อของญาติ อะไรอย่างนี้เป็นต้น
ปกติถ้าไม่มีญาติมาจัดการ ทางหน่วยงานที่รับไปเขาก็จัดการให้ครับ ยกเว้นญาติที่ต้องการทำพิธีกรรม
บังเอิญผ่านมาฟัง เราก็เคยออกจากคริสต์ลูเธอแรนด์ เลยไม่นับถือศาสนามาหลายปี ชอบที่เธอพูดตอนท้ายว่า เชื่อในศาสนาหมา ยิ้มตามเลยอ่ะ เรารักหมามาก โดยเฉพาะหมาจรจัด เขาคือสิ่งที่ทำให้สบายใจ
ดูคลิปนี้จบ ทำให้เราได้มุมมองใหม่ๆต่อชีวิตเพิ่มขึ้นเลยค่ะ ทำให้เราลงทะเบียนบริจาคอวัยวะ ได้ทันทีเลยค่ะ หลังจากที่เราผัดผ่อนมานานหลายปีจนลืมไปเลยว่าจะทำ รู้สึกโล่งเลยค่ะ ในที่สุดก็ได้ทำสักที 😌
เขาก็ทำพิธีกรรมทางศาสนาให้อยู่ดีถ้าเป็นพุทธก็เข้าวัดเผาเหมือนเดิม
ผมแอบตกใจนะที่ความคิดเราคล้ายๆกัน ชอบดูคลิปแบบนี้ทำมาบ่อยๆนะ
+1 ครับ เป็นคนไร้ศาสนา โดนญาติๆบางคนมองเราแบบอี๋เลยนะ แต่เราก็รู้อะไรดีไม่ดี และ ยึดที่จะทำดีมากๆเลยนะ
เรามาจากแม่อิสลาม พ่อพุทธ เรียนรร.คริส นะ แต่วันนึงก็ตัดสินใจทางนี้ครับ
คริสนิกายที่ปั๋นเคยนับถือ เหมือนอิสลามในหลายๆส่วนเลยนะครับ
มาจากอิสลามนี่นับถือเลยนี่กล้าออกมา มันยากมากก แต่เพื่อน ๆ อิสลามที่ปั๋นรู้จักส่วนใหญ่ก็น่ารักเปิดกว้างค่ะ คงมีคนหลาย ๆ แบบแหละในหนึ่งศาสนา
@@Riety ไม่ง่ายเลยครับ และของน้องปั๋นก็ไม่น่าจะง่ายเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำตอบนี้ที่เป็นกำลังใจดีๆให้ผมนะครับ
ถ้าแม่เป็นอิสลาม พ่อพุทธ ถ้าพ่อไม่เปลี่ยนศาสนา นั่นหมายความว่าแม่คุณตกศาสนาแล้ว
@@KKKYeahhhhh โลกนี้อาจจะไม่ได้ง่ายพอตามที่พระเจ้าบอกไว้สำหรับทุกคนครับ แต่ละครอบครัวก็มีความจำเป็นต่างกัน ถ้าพระเจ้าคิดว่าคนที่ศรัทธาทำอะไรไม่ได้ไปสักข้อนึงแล้วจะให้เค้าตกนรก พระเจ้าคงรักเราตามที่สอนแหละมั้ง 🤔 … So be it.
แต่บอกเลยสำหรับผมคือ None sense.
@@XolutionX ใช่ครับ โลกนี้ไม่ได้ง่าย โลกนี้เป็นเพียงทดสอบ และทุกคนต้องเจอมัน แต่ที่อธิบายไป เพื่อให้เข้าใจว่าการที่แม่คุณแต่งงานกับคนต่างศาสนิก ถือว่าตกมุรตัด(ตกศาสนาแล้ว) เพราะในอิสลามการแต่งงานคือกฎของศาสนาไม่ใช่ประเพณี มีกฎ มีกรอบ ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงจะใช้คำว่ามุสลิม(ผู้นับถืออิสลามอีกต่อไปไม่ได้) จึงจะแจ้งให้ทราบตรงนี้ ในส่วนการตัดสินใจของคุณ คนในครอบครัวคุณ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว เคารพในการตัดสินใจของคุณครับ ที่คุณเลือกไม่นับถือศาสนา เพราะในคัมภีร์ก้อแจ้งว่า "ไม่มีการบังคับในเรื่องศาสนา" ส่วนมุมมองในการมองพระเจ้าว่าใจดีหรือโหดร้าย มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคล โชคดีนะที่เราอยู่ในประเทศเสรี จึงคุยเรื่องนี้ได้อิสระ ถ้าอยากคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ เราจะได้เห็นมุมมองของคนนับถือกับคนไม่นับถือกัน ยินดีครับ ถ้าหากผมพูดอะไรไม่สบายใจก้อขอโทษด้วยนะ
Good testimony for your life 😊God bless you to happy 💕God Loves You...Good Luck
ผมก็ไม่นับถือศาสนาเลย แถวบ้านเขานับถือแต่พุทธ แต่ผมเลือกที่จะไม่นับถือ ผมเบื่อเวลาต้องมีพิธีกรรมอันนั้นอันนี้ ต้องมีค่าใช้จ่าย ผมว่ามันเป็นศาสนาเงินมากกว่า
ขอบคุณที่ทำคลิป ดีๆแบบนี้ออกมาค่ะ
แต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกในสิ่งที่ตัวเชื่อ และต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ไม่ผิดที่เราอยากให้อิสระกับชีวิตของเราเองครับ
ทุกศาสนาเป็นเพียงเครื่องมือนึง เหมือน ประเทศ พรหมแดน เพราะทุกคนล้วน uniqueness แตกต่างกัน อาจจะเกิดความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่จากปัจจัยสี่ได้ ก็ต้องมีเครื่องมือไว้จัดระบบเบียบทางสังคม โดยมีตึงบ้างหย่อนบ้าง สุดท้าย มีความสุข เคารพตัวเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น แบ่งปันความสุข โอกาสให้คนรอบตัว ได้ก็จะดีที่สุด ซึ่งการที่มีความหลากหลายแตกต่างก็เป็นทั้งความสวยงาม และ อาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็สุดแท้แต่ใครสบายใจที่ได้ นับถือ สิ่งๆ ใด หรือ อิสระที่จะไม่นับถึงสิ่งๆ ใดๆ #เคารพกันและกัน #จากพุทธตอนนี้ก็กำลังจะเป็นเช่นคุณปั่นครับ semi :)
Thank you for putting English subtitles. It was very interesting~
ผมเป็นคนนึงที่ยิ่งโต ยิ่งเรียนรู้สิ่งรอบตัว ยิ่งเห็นความย้อนแย้งของศาสนา บ้างไม่มีเหตุผล บ้างอ้างศาสนาตนเหนือศาสนาอื่น โดยที่เขาไม่ได้ให้เครดิต เช่นศาสดา ของศาสนานี้ เป็นพ่อของศาสดา ศาสนานั้น ทั้งที่เข้าไม่มีบัญญัติไว้ในคัมภีร์ โดยส่วนตัวเชื่อว่าในอดีตศาสนามีความจำเป็น เพราะยังไม่มีกฏหมาย ศาสนาและจารีตประเพณี จึงมีส่วนสำคัญไม่ให้มนุษย์ กระทำผิด หรือกระทำละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพื่อให้สังคมเกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสงบสุข แต่ในปัจจุบันเรามีกฎหมาย ซึ้งระบุไว้ทุกอย่าง ว่าไหนทำได้ ไหนทำไม่ได้ เรามีจารีตประเพณี และวัฒนธรรม และมารยาททางสังคม การที่เราจะไม่มีศาสนาจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป เพราะแค่เรา เชื่อมันในจิตใจของตนเองและยอมรับตนเอง แก้ไขในข้อผิดพลาดของตนเอง และ เคารพกฎหมาย ให้เกียรติผู้อื่น ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น แค่นี้เราก็อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขแล้ว แท้ที่จริงแล้วศาสดา ของศาสนา อาจล้วนเป็นนักปราชญ์ ด้านสังคม คนที่ไม่มีศาสนา เขาเพียงแค่เชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล และอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงในปัจจุบัน โดยมองว่าศาสนาและพิธีกรรม และข้อห้ามต่างๆ รวมทั้งสิ่งที่ศาสกนิก ต้องพึงปฏิบัติตามบัญญัติ ในคัมภีร์ ล้วนเป็นอุปสรรค หรือข้อจำกัด ในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน หรือทำให้ชีวิตมีพันธะ ไม่อิศระ เพราะโลกและมนุษย์มีวิวัฒนาการ แต่ศาสนา ไม่มีวิวัฒนาการตาม บัญญัติอย่างไรก็คืออย่างนั้น จึงเป็นข้อจำกัดของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ในอดีตมนุษย์เคยเข็นฆ่า หรือฆ่าล้างเผ่าพันธ์กันเพราะเรื่องศาสนา โดยศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อ หากเราไม่เชื่อก็ควรมีสิทธิเลือก เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตมีแค่ชีวิตเดียว ตายคือดับสูญ อย่างนั้นก็ควรเลือกในสิ่งที่ตนเชื่อ
หลายคนมีศาสนา แต่ได้ปฏิบัติเป็นศาสนิกชน ที่ดีครบถ้วนแล้วหรือยัง
ในปัจจุบันมีคนที่ไม่มีศาสนาเยอะมาก แค่ไม่แสดงออก หรือแสดงตน ด้วยเพราะอาจถูกมองว่าแปลก กลัวไม่ถูกยอมรับหรือไม่อยากอธิบาย เพราะคิดว่าอธิบายไปก็คงไม่เข้าใจ ด้วยเพราะว่ามีความเชื่อที่แตกต่างกัน หรือเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคนในครอบครัว ผมจึงขอให้นิยามคนเหล่านี้ว่า
(บุคคลอันเป็นที่รักของคนในครอบครัว)
=เราเป็นทุกอย่างให้ได้ตามที่คนในครอบครัวอยากให้เราเป็น เพื่อให้เขาสบายใจ
อยากแชร์ว่า เราเป็นชาวพุทธในนามเพราะเหนื่อยจะอธิบายว่าทำไมเราไม่เชื่อหลายอย่างที่คนอื่นเชื่อ รวมถึงการไม่เชื่อว่า ขณะที่เรามีชีวิตอยู่ ต้องมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพราะเราดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเราเอง สิ่งที่เราควรมองสำรวจคือตัวเรา ความคิดเรา ไม่ใช่อย่างอื่น ศาสนาสำหรับเราเป็นแค่วิชาที่สอนแนวปฏิบัติต่างๆ เราสามารถเลือกมาใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งบางศาสนาเองก็สอนให้อยู่กับตัวเอง ฝึกปล่อยวาง แต่คนกลับยังรู้สึกว่าต้องมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่
ที่คุณพูดมาก็ในนามจริงๆ ตัวคุณเข็มแข็ง คิดเองได้ไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาไหนครับ เพราะพุทธเจ้าไม่ได้บังคับใครมากราบไหว้ เพราะหลักสำคัญคือคำสอน ให้ละ ความ รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งน้อยคนจะทำได้ แม้แต่ตัวผมเองก็ทำไม่ได้100% แต่ช่วยให้เรามีสติ ได้ดี แล้วมีทางออกได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง
@@user-ne4gk5ht3qทางศาสนาพุทธที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจเปรียบเสมือนบ้านคือร่างกายของเราคือเครื่องกั้นเพื่อปกป้องจิตใจ เหมือนคนมาด่าสาปแช่งเราถ้าเราไม่มีสติไม่มีที่ยึดเหนี่ยวก็จะโกรธเป็นทุกข์และอาจนำไปสู่เรื่องเลวร้ายเช่นไปฆ่าเขาตายและตนเองต้องเดือดร้อน
การมีสติรู้ตัวเหมือนเรามีบ้านไว้เพื่อพักกายใจ การไม่มีที่ยึดเหนี่ยวเหมือนคนจรเร่ร่อนอาจพบอันตรายได้ทุกเวลา
พระพุทธศาสนาจึงสอนให้เรามีสติรู้ตัวควบคุมบังคับตัวไม่ไปทำสิ่งเลวร้ายและจงทำดีและทำจิตใจให้สงบ
แต่สิ่งสำคัญคือศาสนาพุทธไม่เชื่อว่ามีพระเจ้ามาเสกบันดาล ตัวเราคือผู้ลิขิตตัวเอง
คนเราไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาอะไรก็ได้ครับ เพราะแก่นของชีวิตก็คือ พอใจที่จะทำอะไรก็ได้ โดยไม่สร้างความเดือนร้อนให้ตัวเองและคนอื่นๆ แล้วก็สามารถควาบคุมความคิด ควบคุมอารมณ์ เวลาผิดหวังได้ เวลาโมโหได้ เวลาฮอโมนมาได้ ไม่ทำร้ายตัวเอง เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์บนโลกนี้ แค่นี้ก็สร้างที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้ตัวเอง ด้วยตัวเราเองได้แล้วครับ
ขอบคุณที่แชร์เรื่องนี้ เราเองพ่อแม่เป็นพุธเพราะในบัตรประชาชน แต่แม่ส่งเราเรียนในโรงเรียนประจำเป็นโรงเรียนคริสต์ นอกจากตามทำตามประเพณีเป็นครั้งคราว แต่จิตใจไม่ฝักใฝ่ศาสนาอะไรเลย ชอบวิทยาศาสตร์มากกว่า
หลักคำสอนในแต่ละศาสนาก็ดี ก็ดูว่าเหมาะกับเรา ทำให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ทำตนให้เดือดร้อนกายใจ และผู้อื่น เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ชอบแนวทางคุณปั๋นครับ ถ้าไว้คุณปั๋นเผื่อมีโอกาส ลองหาข้อมูลของ Dr. Ian Stevenson ดูนะครับ ผมว่าน่าสนใจ ท่านรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ life after death กับ reincarnation จากทั่วโลก ไว้มากมาย เผื่อเป็นแนวทางครับ
ศาสนาเป็นแนวทาง ชีวิตที่เหลือเราต้องกำหนดเอง แต่มนุษย์ก็ยังมีความไม่รู้จักพอ ศาสนาจึงเป็นตัวแทนของคนให้น้อมยอมรับว่าสิ่งที่คนๆนึงทำมันไม่ใช่สิ่งที่จับต้องไม่ได้เสมอไป สิ่งที่คนๆนึงทำไปมันจะต้องมีผลตามมา เป็นขั้นเป็นตอนตอบแทน นั่นแหละคือคุณค่า หรือความมาย.
ฟังแล้วนั่งร้องไห้อ่ะ เหมือนได้คำตอบบางอย่างให้กับตัวเอง ขอบคุณนะคะ
ปล.ทางนี้คิดว่าตัวเองไม่ได้นับถือศาสนาเหมือนกันค่ะ แค่นำคำสอนดีๆของแต่ละศาสนามาปรับใช้กับตัวเองให้เกิดประโยชน์ก็พอ
ยุคสมัยนี้และอนาคตต่อไป การมีสติอยู่กับปัจจุบัน(พุทธ) ดีที่สุดแล้ว เพราะความคิดใหม่ๆและคำสอนใหม่ๆมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การที่เราจะเอาศาสนาหรือคำสอนมาเป็นหลักการดำเนินชีวิต มันทำได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน เพราะฉนั้น เรามีสติและจิตที่สงบอยู่ตลอด อย่าเพ้อฝันกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อาจเสียใจก็ได้ ถ้าไม่ได้ตามหวัง อย่าเศร้ากับอดีตที่ผ่านไปแล้ว เพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
......เราบวชเรียนมา 6 ปี (เพราะจำเป็น ตอนนั้นที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี) เราบอกตามตรงว่าเราเห็นอะไรที่ไม่ค่อยดีหรือความเสื่อมในศาสนามาเยอะ แล้วประกอบกับวิชาที่เรียนก็ไม่ได้ต่างจากเด็กมัธยมทั่วไปด้านนอก มันก็เลยทำให้เราเป็นคนหัวสมัยใหม่ มองโลกในทางวิทยาศาสตร์และตั้งคำถามขณะที่บวชอยู่ว่า สรุปแล้วศาสนามันคืออะไรกันแน่..?
จนเราลาสึกขามาเรียนมหาวิทยาลัย แบบคนปกติทั่วไปด้านนอก ด้วยความที่เราเรียนรัฐศาสตร์ หลักสูตรหรือวิชาต่างๆ มันทำให้เราเข้าใจแก่นรากที่มาของศาสนาว่ามันถูกสร้างขึ้นเพราะเห็นใด เชื่อมโยงมาจากอะไร โดยเฉพาะวิชา การเมืองกับศาสนา มันทำให้เราเปิดโลกเลยแหละ
จนตอนนี้เราเฉยๆมากกับศาสนาอะ ไม่ค่อยสนใจอะไรกับพระ กับวัด หรือศาสนาเลย จนตอนนี้บริบทหรือความมีอยู่ของศาสนามันเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าไม่มีศาสนาแล้วก็ว่าได้ แต่ชีวิตก็ยังแฮปปี้ดี ยึดหลักความเป็นจริงของโลกก็พอ แล้วปรับตัวให้ได้แค่นั้น...
มึงก็คือหนึ่งในมารศาสนา บวชหาแดกกับศาสนา ศาสนาก็อยู่ของมันดีๆ พอคนมาหาแดกกับศาสนาก็เลยเลิกนับถือศาสนาเลยงั้นเหรอ ศาสนามันผิดตรงไหน ตลกดี พิมพ์มาเยอะแยะเหมือนจะเข้าใจโลก แต่ก็เป็นได้แค่พวกวอนนาบีอยากก้าวหน้าเพราะการยังนับถือศาสนามันไม่ทำให้ตัวเองดูชิคๆคูลๆ
พุทธศาสนามีสิ่งดีๆมากมายอยู่ที่คุณตัดสินใจเลือกเท่านั้นเอง ชีวิตคือการตัดสินใจเลือกครับ
เราเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชมและชื่นชอบปั๋นมากนะ
เราเองเป็นชาวพุทธและไม่เคยตัดสินใครทั้งต่างศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาเลย
เพราะเรายอมรับความแตกต่างได้ ด้วยการไม่เบียดเบียนกัน
และเราเข้าใจ เพราะเราเคยโดนบังคับให้ทำตาม
พอโดนบังคับแล้วมันทำได้ไม่ดี ไม่ประทับใจใดใดเลย
พอเราโตขึ้นเราเริ่มสนใจเอง เลยให้เวลา ให้ใจ
จนมาวันนี้ อายุ 30แล้ว เราภูมิใจในความเป็นชาวพุทธในแบบของเรา
เราเชื่อว่าการมองตนเองให้มากและแก้ไขปรับปรุงตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เมื่อคนอื่น เห็นเราเค้าจะรู้สึกได้และอยากเดินตามแนวทางการใช้ชีวิตแบบเราเอง ในท้ายที่สุด
ดีมากเลยงับ💕
ลองแบบนี้ดูมั้ยครับ ลองนับถือทุกศาสนา ผมเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีหมดนะ เพียงแต่เราต้องเลือกในสิ่งที่เราคิดว่ามันดี และเข้ากับตัวเรา สิ่งไหนดีจากศาสนาไหนก็นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ
เขร้ ติดตามมานาน มีมุมนี้ด้วย เป็นกำลังใจ ให้เสมอนะคับ
ผมมีแนวคิดอยู่อย่างนึงนะครับปั๋น "การเชื่อพระเจ้าเปรียบเสมือนการซื้อประกัน ถ้าเราตายไปแล้วเกิดไม่มีพระเจ้าเราก็ไม่สูญเสียอะไร แต่ถ้าพระเจ้าเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดแล้ว ชีวิตหลังความตายของเราก็ยังได้รับความคุ้มครอง"
พระเจ้าจากความเชื่อไหนของจริงอะครับ ความเชื่อมีนับล้านความเชื่อจะรู้ได้ไงว่าทำตามความเชื่อไหนแล้วจะถูกต้องสำหรับพระเจ้าตัวจริง
@@YuggerBlack มันก็ต้องใช้การวิเคราะห์ การค้นคว้าหาข้อมูล และประสบการณ์ส่วนต้วกับพระเจ้าครับ เป็นเรื่องส่วนบุคคล การไม่เชื่ออะไรเลยผมคิดว่ามันเสี่ยงมากสำหรับชีวิตหลังควา ตาย เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกสิ่งมันจะเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญ มันสมบูรณ์แบบเกินไป ต่อให้หลักแนวคิดแบบวิวัฒนาการมันก็จะต้องมีจุดแรกเริ่มที่ไม่ควรเป็นความบังเอิญเช่นเดียวกัน
@@Pex_Go ผมมองทุกความเชื่อเท่ากันหมดครับ ไม่ได้มองที่ปริมาณ ถ้าความเชื่อพระเจ้าที่ถูกต้องมีอันเดียวก็เท่ากับเป็น1ในล้านของความเชื่อทั้งหมด รวมทั้งความไม่เชื่อในพระเจ้าก็ด้วย คุณกับผมอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่ต่างกันเลย แต่ผมเชื่อว่าถ้าพระเจ้ามีจริงจะไม่ทำให้มนุษย์มีความเชื่อมากมายขนาดนี้
@@YuggerBlack ความเชื่อมีมากมายจริงครับ แต่ถ้าว่าตามเหตุผลในความเชื่อส่วนตัวของผมคือคริสเตียนนะครับ "พระเจ้าไม่ได้ปราถนาให้มีความเชื่อผิดๆมากมาย แต่มนุษย์ได้สร้างความเชื่อผิดๆมากมายมากราบไหว้บูชา เนื่องจากแรกเริ่มเดิมทีพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ให้มีนิสัยแห่งการนมัสการ แต่มนุษย์ในปัจจุบันติดเชื้อพันธุกรรมคือความบาปที่ได้มาจากมนุษย์คนแรกๆ เพราะความบาปกับความบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ เหมือนแสงสว่างและความมืด มนุษย์กับพระเจ้าเลยขาดจากกัน พอนานไปมนุษย์ก็หลงลืมพระเจ้าแต่ด้วยอุปนิสัยแรกเริ่มที่พระเจ้าได้สร้างให้มนุษย์มีนิสัยรักการนมัสการ จึงเกิดศาสนาต่างๆขึ้นมามากมายเช่นในปัจจุบันครับ
@@Pex_Go แล้วถ้าเกิดว่าพระเจ้ามีจริง มีอำนาจมากมาย แล้วพระเจ้าจะมีความสามารถในการควบคุมมนุษย์ไม่ให้นอกลู่นอกทางได้มั้ยนะ??
คนฉลาดคือคนที่รู้จักวิเคราะห์ 👏🏻
ไม่ใช่เชื่อหมดใจโดยไม่สงสัยหรือมีคำถาม เพราะหลายๆศาสนาจะมีกฎว่า “อย่าสงสัยหรือตั้งคำถาม ให้ทำตามไม่งั้นจะบาป”👎🏻👎🏻🤬
พวกรุ่นแม่ๆป้าๆ ชอบเชื่อแบบฝังใจโดยไม่ตั้งคำถาม
และชอบยัดความคิดนี้ให้ลูกหลาน ถ้าคนฉลาดหน่อยเขาก็จะรู้จักการวิเคราะห์ว่ามันมีเหตุผลหรือจับต้องได้ หรือป่าว
ผมเป็นคนพุทธ และผมยังศึกษาอีกหลายศาสนา ด้วยความสงสัยว่าชีวิตคืออะไร และผมยังศึกษาวิทยาศาสตร์ควบคู่กันไป
ทำไมคอนเทนต์เหมือนรู้ทันเราตลอดเลย กำลังจะไปออกเหมือนกันค่ะㅠㅠ พี่ปั๋นศักดิ์สิทธิ์มาก
ไม่ผิดที่ไม่มีศาสนา แต่ถ้าทุกคนได้อ่านพระไตรปิฎกในพระพุทธศาสนา มีหลายเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ ด้วยหลักเหตุและผลและด้วยหลักธรรมชาติ ของทุกสรรพสัตว์ สาธุๆๆ คิดดีทำดี
จริงๆอยากให้ปั๋นลองศึกษาศาสนาพุทธดู พุทธในแบบคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีไสยศาสตร์ ไม่มีงมงาย มีแต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นอยู่ และเป็นไป ย้ำเตือนสติเราได้นะครับ สำหรับเรา ถ้ามีคนถามว่าเรานับถือศาสนาอะไร เราจะตอบตลอดว่าเรานับถือคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ :)
ปัญหาคือหลายๆคำสอนใช้ได้ แต่บางคำสอนตกยุคแล้วก็มีค่ะ ขนาดกฎหมายยังต้องมีการอัพเดทเลย แต่ทำไมศาสนาถึงแช่แข็งตัวเอง
คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เคยตกยุคครับไช้ได้ตลอดไหนอนาคตก็ยังไช้ได้ตลอด ลองไปดู พิมพ์คำว่า
พุทธวจน ดูครับเป็นแก่นแท้ของศาสนาพุทธที่ไม่มีคำแต่งเติมไหม่เข้ามาเพราะคำแต่งไหม่ทำไห้ศาสนาพุทธไช้ชีวิตยากขึ้น เพราะคำสอนพระพุทธเจ้าแท้น้้นไช้ชีวิตง่านมาก
ชอบคลิปแนสนี้มากค่ะะ ทำอีกนะคะ
ผมก็ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรนะ แต่มันใจว่าสร้างปัญหาให้สังคมน้อยกว่าพวกมีศาสนาส่วนมากแน่นอน
บางศาสนาเราก็ชอบคำสอนบางอย่างนะ ก็เก็บมาเป็นหลักการใช้ชีวิตได้ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่าศาสนาไหนเหมาะกับเรา 100%
นอกจากศาสนาเบค่อน
//ปกสวยจัง ชอบมากครับ 😁❤️