สิ่งงศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพิษณุโลก พระพุทธชินราช
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2024
- เรื่องเล่าพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพิษณุโลก พระพุทธชินราช เป็นที่กล่าวตรงกันว่าพระพุทธชินราช แห่งเมืองพิษณุโลกมีพุทธลักษณะสง่างามกว่าพระพุทธรูปสำคัญๆที่ประดิษฐานอยู่ตามวัดต่างๆในเมืองสยาม จากประวัติศาสตร์ที่จารึกในพงศาวดารฝ่ายเหนือ กล่าวว่า ในปีพุทธศักราช 1500 กษัตริย์องค์ที่ 7 ของกรุงสุโขทัย คือ พระมหาธรรมราชา ลิไท ทรงสร้างพระพุทธชินราชขึ้น ในเวลาเดียวกับการสร้างเมืองพิษณุโลก พญาลิไท ทรงมีความเลื่อมใสพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ทรงรอบรู้แตกฉานในพระคัมภีร์ไตรปิฏกอย่างลึกซึ้ง ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมไตรภูมิพระร่วง ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นที่กล่าวขวัญถึงในทุกยุคทุกสมัย เมื่อทรงสร้างเมืองพิษณุโลกขึ้นแล้ว จึงมีพระราชประสงค์สร้างพระพุทธปฏิมา ที่งดงามที่สุด ยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์ใด ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันในเวลานั้น และทรงค้นหาปฏิมากรฝีมือเยี่ยม มาสร้างพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ ที่มีพุทธลักษณะสัณฐานคล้ายคลึงกัน ต่างเฉพาะขนาดขององค์พระองค์หนึ่ง ตั้งพระนามตั้งแต่เริ่มสร้างว่า พระพุทธชินราช ขนาดขององค์พระหน้าตักกว้าง 5ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว
องค์สอง นามว่า พระพุทธชินสีห์ หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว
และองค์ที่สาม นามว่า พระพุทธศรีศาสดา หน้าตัก 4 ศอก 1 คืบ 6 นิ้ว
เมื่อขึ้นแม่แบบคือการปั้นรูปเหมือนเสร็จ ทั้ง 3 องค์ จึงให้บรรดาช่างทุกเมือง และคนทั้งหลายมาตรวจดู เห็นพ้องตรงกันว่า พุทธลักษณะดี หาพระพุทธรูปเมืองอื่น งามเสมอเหมือนมิได้แล้วก็ให้ทำหุ่น แล้วเททองสัมฤทธิ์ ในวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะ ปีพ.ศ.1498
เมื่อแกะหุ่นออก ปรากฏสมบูรณ์ดีพร้อมทุกประการ 2 องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ และ พระศรีศาสดา สำหรับพระพุทธชินราชนั้น ทองเดินไม่เต็ม ช่างต้องทำหุ่นใหม่ แล้วเททองถึง 3 ครั้ง ก็ยังไม่สำเร็จ พระมหาธรรมราชา ลิไท จึงทรงตั้งจิตอธิษฐาน ขอเอาพระบารมีของพระองค์เองเป็นที่ตั้ง ทั้งยังให้พระอัครมเหสี ร่วมอธิษฐานจิตด้วย ปรากฏในการทำหุ่นครั้งใหม่นี้มีชีปะขาวผู้ลึกลับมาเข้าช่วยอย่างแข็งขัน ไม่พูดไม่จากับใคร ครั้นหุ่นสำเร็จ ก็เริ่มเททองตามมงคลฤกษ์ ในวันพฤหัสบดี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ปีพ.ศ.1500 ทองก็เดินแล่นดีทั่วหุ่น องค์พระสมบูรณ์ดีพร้อมทุกประการ ข้างฝ่ายชีประขาวผู้ปรากฏตัวมาช่วยก็เดินหายออกจากประตูด้านทิศเหนือ ถึงตำบลหนึ่งก็หายตัวไปอย่างน่าอัศจรรย์ พระมหาธรรมราชา ลิไท รับสั่งให้ติดตามค้นหา เพื่อพระราชทานรางวัล ก็ไม่มีใครหาพบ ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เมื่อให้ช่างขัดแต่งองค์พระ ชักเงางามดีแล้ว ก็ให้นำเข้าประดิษฐานในพระวิหาร โดยพระพุทธชินราช ประดิษฐานในวิหารใหญ่ทางทิศตะงันตก ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหารหันพระพักตร์ไปทางแม่น้ำน่าน ส่วนพระชินสีห์ ประดิษฐานในวิหารฝั่งทิศเหนือ พระศรีศาสดา ประดิษฐานในวิหารฝั่งทิศใต้ สำหรับเศษทองต่างๆนำไปหล่อเป็นพระพุทธรูปได้อีก1องค์ สูง 22 นิ้ว ปางมารวิชัย และพระอัครสาวก อีก 1 คู่ เรียกกันแบบชาวบ้านว่า พระเหลือ ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามใหม่แก่พระเหลือ ว่า พระเสสันตปฏิมา
รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสสรรเสริญพระพุทธรูป ทั้ง 3 องค์ไว้ตอนหนึ่งว่า "...เมืองพิษณุโลก ก็เปลี่ยนเจ้าผลัดนายร้ายๆดีๆ บางทีเป็นเมืองหลวง ลางทีเป็นเมืองขึ้น หลายครั้งหลายหน ข้าศึกมาแต่อื่น เข้าผจญเอาไต้เอาไฟเผาถิ่นที่ต่างๆ ในเมืองนั้นเสียเกือบหมด แต่พระพุทธรูป 3 องค์นี้ มิได้เป็นอันตราย ควรเห็นเป็นอัศจรรย์..."
ในเรื่องเล่าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพิษณุโลกไว้หลายเหตุการณ์ในแต่ละรัชสมัย ตั้งแต่อดีต จวบจนถึงปัจจุบัน
คาถาบูชา พระพุทธชินราช
(ตั้งนะโม 3 จบ)
อิเมหิ นานาสักกาเรหิ อะภิปูชิเตหิ
ทีฆายุโก โหมิ อะโรโค สุขิโต
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ
ประสิทธิ ลาโภ ชะโย โหตุ สัพพะทา
พุทธะ ชินะราชา อภิปาเลตุมัง นะโมพุทธายะ
谢谢老师善良的分享，随喜赞叹！广做功德，人心向善。祈愿熄灭众生病苦，远离一切天灾人祸。合十！
สาธุๆๆๆครับ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
สาธุสาธุสาธุค่ะ🙏🙏🙏
เล่าขัดเจนทำให้เข้าใจง่ายทำให้น่าสนใจค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ🙏🙏
อนุโมทนาสาธุ ขอบคุณค่ะ 🤍🙏
กราบ สาธุ สาธุ สาธุ
นอมกราบสาทุ🙏🙏🙏🌹
กราบสาธุๆๆครับ
กราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ
สาธุๆ
กระผมและครอบครัวกราบ สาธุ สาธุ สาธุ ครับผม
สาธุ
น้อมกราบนมัสการค่ะ
ไปกราบมาแล้วศรัทธาที่สุด🙏🙏🙏
โอม...มะ อะ อุ...นะโมพุทธายะ ข้าพระพุทธเจ้า... เทพศักย์สรณ์ เจ้าชายแห่งสรวงสวรรค์...ขอขมากรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอตั้งสัตยาธิษฐาน ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
กายกัมมัง วจีกัมมัง
มะโนกัมมัง สัพพะเมโทสัง
ขะมะถะ เม ภันเต
กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินประมาทพลาดพลั้ง ต่อพระรัตนตรัย บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ครู อุปัชฌาย์อาจารย์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอันมีพระพรหม 20 ชั้น เทพเทวา 6 ชั้น พระภูมิเจ้าที่ เจ้าป่าเจ้าเขา ผีบ้านผีเรือน ผู้มีอุปการคุณทั้งหลายเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี ขอให้ท่านเหล่านั้นจงอดโทษและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ญาติมิตรทั้งหลายด้วยเทอญ
ขออภิวาทนอบน้อม
ในพระพุทธบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธบุษยรัตน์ พระพุทธชินราช พระไพรีพินาศ พระชัยหลังช้าง พระพุทธโสธร หลวงพ่อพระสุก หลวงพ่อพระเสริม หลวงพ่อพระใส หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อโต พระบรมสารีริกธาตุ ทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้า ทั้งหลาย
พระบารมีแห่งพุทธธรรม มีพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร
พระนวโลกุตตระธรรม
พระไตรลักษณ์ พระไตรปิฎก พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม
พระบารมีแห่งพระอริยสงฆ์ พระอรหันต์ พระสุขวิปัสสิโก พระฉฬภิญโญ พระเตวิชโช พระปฏิสัมภิทัปปัตโตพระอรหันตธาตุ พระอสีติมหาสาวก พระอนาคามี พระสกิทาคามี พระโสดาบัน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หลวงปู่ศุข หลวงพ่อปาน หลวงพ่อคง พระครูบาศรีวิชัยหลวงพ่อคล้าย หลวงพ่อจง หลวงพ่อรวย หลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อพูน หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อทอง หลวงพ่อมหาวีระ (ฤาษีลิงดำ) หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อปลอดภัย (หลวงปู่สว่าง)
พระบารมีแห่งพระบรมโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวร พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระอุปคุต พระมาลัย หลวงปู่เทพโลกอุดร หลวงปูทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
พระบารมีแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันมีพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระหลักเมือง พระทรงเมือง พระบรมราชาธิราช พระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ทุกพระองค์
พระคุณแห่งบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย คุณครู อุปัชฌาย์ บูรพาจารย์ อาจารย์ และผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล สรรพมงคลทั้งหลาย อันมีมงคล 38 ประการ เป็นต้น รวมทั้งบุญกุศล และบารมีแห่งคุณงามความดีที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญแล้วทั้งในอดีตชาติ และในชาติปัจจุบัน จงรวมกันเป็นตบเดชะดลบันดาลให้ปวงข้าฯ ทั้งหลาย จงแคล้วคลาดปลอดภัย ไม่ไปสู่อบายภูมิอันได้แก่ เดรัจฉานภูมิ นรกภูมิ เปตภูมิ อสูรกายภูมิ
ประเทศไทยจงเจริญรุ่งเรือง เป็นแดนศิวิไลซ์ สังคมสงบสุข ปราศจากทุพภิกขภัย อุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย โจรภัย โรคภัย เป็นครัวของโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาและวัฒนธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
พระมหากษัตริย์ไทยทรงพระเจริญ และรุ่งเรืองด้วยอำนาจ วาสนา บารมี คนในประเทศมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย ๆ โดยทั่วหน้า
ให้ลูกหลานจงประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ได้แก่ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ชาตินี้จงบริบูรณ์ด้วยรูปสมบัติทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ มนุษย์สมบัติ ได้บำเพ็ญเพียร ประพฤติตนเป็นประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายดุจพระบรมโพธิสัตว์ ตลอดอายุขัย 2506 ปี
ชาติหน้าได้บรรลุถึงสวรรค์สมบัติ จุติในสรวงสวรรค์ชั้นดุสิต อันเป็นที่สถิตแห่งพระบรมโพธิสัตว์ เพื่อรอการจุติไปพร้อมกับพระศรีอริยเมตไตรย์โพธิสัตว์
ชาติต่อไปเป็นชาติสุดท้ายได้จุติไปบังเกิดในแดนศิวิไลซ์ อันเป็นดินแดนพุทธภูมิแห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา ได้เป็นพระมหาสาวก บรรลุอภิญญา 6 และปฏิสัมภิทา 4 บรรลุถึงซึ่งนิพพานสมบัติ เมืองแก้ว เมืองนิพพาน พ้นจากบ่วงมาร อันเป็นที่สุดแห่งทุกข์ทั้งปวง ตลอดกาลนานเทอญ
ไปกราบมาหลายครั้ง แต่ละครั้งคนเยอะ หามุมถ่ายรูปก็ยากครับ
สาธุ🙏🙏🙏
พระพุทธชินราช ไม่ได้เป็นพุทธศิลปแบบสุโขทัยเท่านั้น // หากพิจาณาจะพบว่ามีศิลปเชียงแสนผสม (1 ดูจากรูปทรงองค์พระที่อวบอ้วนเหมือนพระเชียงแสน 2 นิ้วเสมอไม่มีในสุโขทัย 3 ฐานองค์พระบัวควำ่บัวหงาย ไม่มีในสุโขทัย จมูกจะไม่ยื่นยาวเหมือนพระสุโขทัย 4 พระกรรณ จะมีติ่งบนพระกรรณค่อนไปด้านหลัง 5 พระพักต์จะมีลักษณะคล้ายมนุษย์ พระถันจะเห้นหัวพระถันเพียงด้านเดียว เห็นชัดเจน ฯในพระอีก 2 องค์ 6 ฐานองค์พระจะเป็นบัวควำ่บัวหงาย เป็นศิลปแบบเชียงแสน ) ทำการสร้างโดยพระศรีธรรมไตรปิฎก(เจ้าเมืองเชียงแสนที่มาตีกรุงศรีสัชนาลัย จึงได้ให้ช่างศรีสัช เชียงแสน และหริภูญชัย มาร่่วมกันออกแบบสร้าง ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ พุทธลักษณะจึงไม่ตรงกับสุโขทัย และเชียงแสนโดยตรง..
สาธุครับหลวงพ่อขอให้ครอบครัวลูกแขงแรงปลอดภัยบูญรักษาพระครุ้มครองพ้นเคราะภัยอายุยืนยาวนานรวยๆๆๆปังๆๆๆ
“พระพุทธชินราช" "พระพุทธชินสีห์" และ"พระศรีศาสดา"ไม่ได้เป็นพุทธศิลป์แบบสุโขทัย // หากพิจาณาจะพบว่าเป็นพุทธศิลป์แบบเชียงแสนที่ปรากฏเป็นส่วนใหญ่ โดยพิจารณาได้จาก 1.ดูจากรูปทรงองค์พระที่จะอวบอ้วนเหมือนพระเชียงแสนทั่วไป 2. พระโอษฐ์ไม่มีรอยหยักและไม่แย้มสรวญเช่นพระสุโขทัย 3. ฐานองค์พระเป็นแบบฐานบัวคว่ำบัวหงาย จะไม่มีและไม่พบในพุทธศิลป์แบบสุโขทัยเด็ดขาด 4.พระนาสิกจมูกจะไม่ยื่นยาวและโด่งมากเหมือนพระสุโขทัย 5. พระกรรณ(หู)จะมีติ่งบนพระกรรณค่อนไปด้านหลังเป็นพุทธศิลป์เฉพาะแบบเชียงแสน 6.พระพักต์จะมีลักษณะที่มีความคล้ายมนุษย์มากกว่า 7. พระถันจะเห็นหัวพระถันเพียงด้านเดียว และจะเห็นหัวพระถันที่ไม่ชัดเจน 8.นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทจะเสมอกัน ซึ่งจะไม่มีในพุทธศิลป์แบบสุโขทัยเด็ดขาด แต่มีพุทธลักษณะเช่นเดียวกับพระเจ้าเก้าตื้อเมืองเชียงใหม่ที่เป็นพุทธศิลป์แบบเชียงแสน
ในการสร้างนั้น สร้างโดยพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (เจ้าเมืองเชียงแสน) ที่มาตีเมืองศรีสัชนาลัย จึงได้ให้ช่างชาวเชียงแสนช่างหริภุญชัย และช่างศรีสัชนาลัย มาร่วมกันออกแบบสร้าง ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ พุทธลักษณะจึงไม่ตรงกับสุโขทัยเลย แต่จะเป็นแบบพุทธศิลป์แบบเชียงแสนโดยตรง.. (ซึ่งพุทธลักษณะตามที่กล่าวรวมทั้งหมด จึงตรงต้องตามตำนานของพงศาวดารเหนือที่กล่าวไว้ข้างต้น)
**หมายเหตุ ในยุคของพระมหาธรรมราชาลิไทนั้น จะมีการสร้างพระพุทธรูปเป็นแบบพุทธศิลป์สุโขทัยที่เรียกว่าเป็นแบบหมวดใหญ่ ที่มีพุทธศิลปแบบสุโขทัยที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก (จะไม่มีพุทธศิลป์แบบเชียงแสนตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเลย) // และที่น่าสังเกตว่า ตามที่กล่าวมาที่ว่า พระมหาธรรมราชาลิไทให้ช่างชาวเชียงแสนและหริภูญชัย มาร่วมสร้างกับช่างศรีสัชนาลัยนั้น มันขัดกับความเป็นจริงมาก เพราะสุโขทัยมีช่างตั้งมากมาย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ช่างจากที่อื่น มาทำการร่วมสร้างด้วย และจะนำเอาช่างจากเชียงแสนและหริภุญชัย มาร่วมสร้างโดยวิธีใด (บังคับหรือจ้างมา) จึงไม่มีความเป็นสมมติธรรมแต่อย่างใด ดังนั้นพระมหาธรรมราชาลิไทจึงไม่ได้เป็นผู้สร้างในสมัยพระองค์อย่างแน่นอน...
nongs
H.p....
maars
กราบสาธุๆๆครับ
กราบสาธุครับ