ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ฟ้ง อาจารณ์แล้วจะปฏิบัติค่ะการเกิดเป็นทุกข์จริงๆ
ขออนุญาติครับ...ท่านพูดได้ดีแต่ไม่ตรงเพราะยังไม่เคยตายจริงส่วนพระนิพพานนั้นผู้ยังไม่พบไม่ควรสอนเพราะละเอียดยิ่งขอชี้เป็นทาน(หากเชื่อ)อาการตาย-เริ่มต้นจากมูลแห่งคือ พิษของโรคปัจจุบัน,ความเจ็บปวด,ที่มีลักษณะทวีอย่างที่สุด-จากนั้นความเจ็บปวดทุกข์ จะทรงตัวและลดน้อยพร้อมกับการถอนธาตุขันธ์ ทำให้อ่อนกำลังขาดการบังคับควบคุม-จนที่สุดไม่สามารถบังคับกายได้เลย คราวนี้ก็จะเกิดสภาวจิตล้วน(ดังที่ท่านกล่าวว่าสมุดบันทึก)มันคืออารมย์กังวล,เป็นห่วง,ต้องการ...แต่ท่านใดฝึกสมาธิเสมอ ย่อมอดทนได้มีสติมั่น จะสามารถลดอารมย์ไม่สุขนี้ได้-เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วยอมสงบ จนรู้ถึงอาการตายได้ ท่านจะทราบถึงหัวใจ,ปอด,ทีแผ่วเบาช้าลงจนหยุดและหมดลมหายใจเข้าออก ก็จะนิ่งๆอย่างนั้น-แม้ตาไม่เห็น,กายตายแล้ว,แต่สิ่งหนึ่งไม่เคยตายคือ หู มีการได้ยินตลอดจนจิตออกจากร่าง-เมื่อจิตออกจากร่าง(แบบฉับพลัน)ทราบอีกที ท่านจะรู้เห็นอีกครั้งในสภาพท่ายืนลอยๆพร้อมกับอารมย์เฉยๆอย่างนั้น***นี้คืออาการตายจริง ...ส่วนการเข้าถึงพระนิพพาน ขอท่านทั้งหลายเข้าใจให้ดีก่อนว่ามี นิพพานโลกีย์,แลนิพพานโลกุตระ...การเข้าถึงพระนิพพาน มีสอนหลายวิธิ คือ การตัดสุขหมายถึงละกิเลสขอชี้ไป"คิริมานนท์สูตร"ส่วนธรรมอื่นผมไม่ทราบ๏การเข้าถึงพระนิพพาน(ด้วยปัญญา)...ให้ท่านทราบไว้ว่า พระนิพพานจะเกิดรวมกับพระอรหันต์เสมอ...แต่พระนิพพานเป็นความรู้สุดท้ายของพระอรหันต์๏พระอรหันต์คือ ผู้รู้แจ้งในความตรงปกติ ซึ่งเป็นความสามารถรู้ในทุกสิ่ง...การรู้ในทุกสิ่งยังเป็นทุกข์ หมายถึงยังเป็นภาระทางจิต...ดังนั้นการเข้าพระนิพพาน(การจบรู้)จึงจำเป็นเพราะพระนิพพานมีสภาวะว่าง(สามารถรองรับการรู้ได้อย่างไม่จำกัด***ซึ่งต่อไปจะขอชี้ถึงการเข้าถึงพระนิพพาน
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต ทำให้มีกำลัง มีพลังที่จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีคุณภาพต่อไป อย่างแข็งแกร่งด้วย ขอกราบอาจารย์จากใจค่ะ
อนุโมทนาสาธุในบุญอ.ศุภวรรณค่ะ
อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
มีคุณประโยชน์ต่อชีวิตเป็นที่สุด.ขอขอบพระคุณ.อนุโมทนาสาธุ.
เตรียมตัวตายอย่างดีที่สุด.. ร่างกายนี้มีประโยชน์ทางการแพทย์...
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ จะพยามฝึกทำตามค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
อาจารย์อธิบายได้อย่างนอดเยี่ยมมากค่ะ ฟังเข้าใจง่าย มองภาพชัด และเป็นแรงบันดาลใจในการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆในชีวิตให้ะร้อมก่อนไปได้ดีมากๆค่ะ
การเข้าถึงพระนิพพาน(ด้วยปัญญา)...ขอเรียกว่า การทำลายรู้ ซึ่งมีวิธิ,อาการ,สภาวะ,โลกพระนิพพาน,ดังนี้๏ผมคิดว่าท่านทั้งหลายผ่านการทำภาวนา จนมีสมาธิที่สงบสุขแล้วหลายท่านเรียกว่า"ญาณสี่" หากท่านยังไม่ถึงพระนิพพานก็สามารถทราบถึงความคล้ายดังกับญาณนี้(ญาณ4คือลูกของพระนิพพาน)...ต่อไปนี้จะขอชี้อธิบายถึงพระนิพพาน(ซึ่งผมทราบดีว่าตถาคตทรงห้ามไว้ ในผู้ที่ยังไม่พบไม่ชำนาญไม่ควรสอน)1.ผู้จะถึงพระนิพพานได้ ต้องผ่านสมาธิ(ญาณ4มาก่อน)คือ มีสุขสงบนิ่งมีกล่าวไว้แล้วในธรรม2.การเข้าพระนิพพาน จำเป็นต้องรู้พร้อมในธรรมเฉพาะ พระนิพพานขอชี้ไปที่"คิริมานนท์สูตร"ให้น้อมจิตเข้าใจหนทางแห่งพระนิพพานให้เข้าใจ3.ศึกษาธรรมโดยเฉพาะประโยคทอง ที่เกี่ยวกับพระนิพพาน ในทางบอกถึงสภาวะพระนิพาน(จำเป็นต้องรู้จักก่อนจึงจะรู้)เช่น ๏มีเหมือนไม่มี แต่มี ให้ตีธรรมนี้ให้เข้าใจและหาสิ่งที่ซ่อนอยู่๏พระนิพพานเปรียบดังรูเข็ม แม้นำเส้นผมฝ่าซีก ก็ไม่อาจสอดทะลุได้(ธรรมนี้จำเป็นมากเพื่อการสร้างนิมิต)4.จากนั้นให้ทำการภาวนา เมื่อถึงพร้อมและมีฐานธรรมตาชี้แล้วเมื่อเกิดสมาธิ ก็จะเป็นสมาธิในสภาวะที่ต่างออกไป คล้ายแรงแม่เหล็กแต่ไม่ใช่การควบแน่นอย่างขั้นสมาธิญาณ...เมื่อความสงบดังกล่าวแล้ว ให้สร้างนิมิตขึ้นคือ ภาพสมมุติอันมีเข็มที่มีรุขนาดเล็ก กับเส้นผมที่ฝ่าซีก จากนั้นให้ทำการสมานสอดใส่แต่จงจำไว้ว่า"ไม่อาจจะสอดให้ทะลุได้เสมอ(จงตั้งคำถามในจิตว่าทำไม)***นี้คือการทำลายรู้ โดยทำให้แจ้งในความสงสัย จนที่สุดมีคำตอบ...เมื่อกิเลสอยากรู้หมดสิ้นแล้ว ธรรมที่ว่า มีเหมือนไม่มี แต่มีจะปรากฎในจิตท่าน***ต่อไปนี้จะขอบอกถึงสภาวะพระนิพพาน(โลกพระนิพพาน)1.จะเกิดรูปอันเป็นทิพย์อันใสสว่างดังเพชรแก้ว 2.มีสิ่งปรากฎคล้ายบัตรสีทอง ซึ่งไร้ข้อความอักษร3.พระนิพพานปรากฎ -มีความเป็นเรา(ไม่ใช่การยึดติด)แต่เป็นเราในสภาวะว่างสบาย-มีความสว่างสีสรรที่พอดี ไม่รำคาญ สามารถอยู่อาศัยได้ตลอด-มีฐานพระนิพพานคล้ายดังอุโมงค์อันกว้างและโปร่งอย่างที่สุด แต่มีความพอดีเสมอ-เมื่อเข้าสู่พระนิพพาน ไม่มีรูปในความเป็นเราปรากฎเพียงทราบว่ามีเรา-ไม่ว่าจะนึกคิดสิ่งใดย่อมคิดนึกได้หาประมาณ และไม่ติดค้างเลยโปร่งโล่งตลอดเพราะพระนิพพานดูดซับทั้งหมด***ความเป็นพระนิพพานนี้ อาจไม่มีผู้ใดเชื่อเพราะหลายท่านยังไม่ถึงแต่ผมทราบว่าหลายท่านคงผ่านสุขสงบ จากการภาวนาจนมีสมาธิที่ดีมาแล้ว(พระนิพพานก็คล้ายอย่างนั้นแต่มีความมั่นคงกว่ามาก)เป็นความพอดี
ฟังอาจารย์แล้วไม่่อยากหยุดฟังค่ะ
กราบสาธุๆค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ทำอะไร ๆ มามากมาย ลองมาฝึกตายดูก็ดีมากครับ ขอบคุณมากครับ
ตามอาจารย์มาจากรายการเจาะใจ
สาธุ ค่ะ
สาธุเป็นบุญที่ได้ฟังอาจารย์
มารับชม ขอบคุณครับ อ.
ชอบฟังอาจารย์ ค่ะ เพลินสนุก แต่ก่อนฟัง หลวงพ่อ ปราโมช แล้วมาเจอ อ.ศุภวรรณ ก็ฟังคู่กันไป การพูดมีความเหมือน อ.แม่ สินธุเดชะ ไมคะ
สาธุครับ อธิบายใช้ภาษาเข้าใจง่ายครับ
รู้จริงมากรูลึกเลยค่ะอาจารย์
กราบสาธุๆๆพระธรรมอันลึกซึ้ง
สาธุค่ะ🙏🏻
🙏🌸💛
ขอบคุณค่ะอาจารย์
สาธุอนุโมทามิค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
สาธุคะ อาจารย์
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่ชี้แนะแนวทางพระนิพพานในเวลาที่ชีวิตกำลังทุกข์ใจ
นอนกำหนดลมหายใจ
พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ต้องรอให้ตายก่อนถึงจะได้นิพพาน พระอรหันต์ทุกองค์ได้บรรลุนิพพานก่อนตายทั้งนั้น ถ้ามัวแต่รอให้ตายก่อนแล้วจะไปเอานิพพานตอนไหนกัน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า อยู่กับลมหายใจ จนลมหายใจสุดท้าย...รู้ลมหายใจสุดท้ายได้ นั่นล่ะ ไม่ต้องไปเกิดอีก เพราะสังขารทั้งหลายที่จะนำไปเกิดไม่มี ....ท่านว่า ไม่ต่างอะไรกับพระอรหันต์ที่เป็นอรหันต์มาแล้วตั้ง100 ปี....หรือ ถ้าได้ฟังคำสอนแท้ ของท่าน ไม่ใช่ท่องพุทโธ น่ะ คำสอน เช่น ปฏิจจสมุปบาท ขณะกำลังตาย...ก็จะเข้าใกล้นิพพาน เกิดอีกครั้งเดียวก็จะนิพพาน
จะหาซื้อหนังสืออาจารย์ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป หรือซื้อได้ที่ไหนคะ
เวลาใกล้ตาย มีเวทนาหรือไม่ เป็นอย่างไรจิต ไปอยู่ตรงไหน/ไปเกาะที่ใหน ครับขอบคุณครับ
เห็นความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอหลังจากน้องสาวตายในปี2562,พอผ่านมาถึงวันที่29/1/64น้องชายมาตายอีกคน
เรียนถามอาจารย์ว่าถ้าเราตายแบบสงบแบบใช้ยากล่อมประสาทหรือยาอีจะทำให้เราตายอย่างสงบจะเป็นไปได้ไหมครับ พ่อผมท่านเป็นมะเร็งผมฝนฝิ่นดิบใส่น้ำให้กินทุกวันปรากฎว่าท่านตายด้วยรอยยิ้มและไปอย่างสงบจริง ๆ อย่างนี้ถือว่าท่านจะถึงนิพานได้ไหมครับ
ถ้ามีเกิดต้องมีตาย
หนูกำลังเลือกท่าตายแล้วค่ะ
สาธุค่ะอาจารย์
สาธุค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เวลานอนไม่หลับจะพยายามกำหนดคำว่าพุทโธ
ขอแนะนำให้อาจารย์ศึกษาเพิ่มเติมที่พุทธวจนครับจะได้ตอบปัญหาได้ในระดับโลกครับอาจารย์เก่งภาษาอยู่แล้ว
ขอบพระคุณอาจารย์มากค๋ะที่ให้ความรู้
ฟ้ง อาจารณ์แล้วจะปฏิบัติค่ะ
การเกิดเป็นทุกข์จริงๆ
ขออนุญาติครับ...ท่านพูดได้ดีแต่ไม่ตรงเพราะยังไม่เคยตายจริง
ส่วนพระนิพพานนั้นผู้ยังไม่พบไม่ควรสอนเพราะละเอียดยิ่ง
ขอชี้เป็นทาน(หากเชื่อ)
อาการตาย
-เริ่มต้นจากมูลแห่งคือ พิษของโรคปัจจุบัน,ความเจ็บปวด,ที่มีลักษณะทวีอย่างที่สุด
-จากนั้นความเจ็บปวดทุกข์ จะทรงตัวและลดน้อยพร้อมกับการถอนธาตุขันธ์ ทำให้อ่อนกำลังขาดการบังคับควบคุม
-จนที่สุดไม่สามารถบังคับกายได้เลย คราวนี้ก็จะเกิดสภาวจิตล้วน
(ดังที่ท่านกล่าวว่าสมุดบันทึก)มันคืออารมย์กังวล,เป็นห่วง,ต้องการ
...แต่ท่านใดฝึกสมาธิเสมอ ย่อมอดทนได้มีสติมั่น จะสามารถลดอารมย์ไม่สุขนี้ได้
-เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วยอมสงบ จนรู้ถึงอาการตายได้ ท่านจะทราบถึงหัวใจ,ปอด,ทีแผ่วเบาช้าลงจนหยุดและหมดลมหายใจเข้าออก ก็จะนิ่งๆอย่างนั้น
-แม้ตาไม่เห็น,กายตายแล้ว,แต่สิ่งหนึ่งไม่เคยตายคือ หู มีการได้ยินตลอด
จนจิตออกจากร่าง
-เมื่อจิตออกจากร่าง(แบบฉับพลัน)ทราบอีกที ท่านจะรู้เห็นอีกครั้งในสภาพท่ายืนลอยๆพร้อมกับอารมย์เฉยๆอย่างนั้น
***นี้คืออาการตายจริง
...ส่วนการเข้าถึงพระนิพพาน ขอท่านทั้งหลายเข้าใจให้ดีก่อนว่ามี นิพพานโลกีย์,แลนิพพานโลกุตระ
...การเข้าถึงพระนิพพาน มีสอนหลายวิธิ คือ การตัดสุขหมายถึงละกิเลส
ขอชี้ไป"คิริมานนท์สูตร"ส่วนธรรมอื่นผมไม่ทราบ
๏การเข้าถึงพระนิพพาน(ด้วยปัญญา)
...ให้ท่านทราบไว้ว่า พระนิพพานจะเกิดรวมกับพระอรหันต์เสมอ
...แต่พระนิพพานเป็นความรู้สุดท้ายของพระอรหันต์
๏พระอรหันต์คือ ผู้รู้แจ้งในความตรงปกติ ซึ่งเป็นความสามารถรู้ในทุกสิ่ง
...การรู้ในทุกสิ่งยังเป็นทุกข์ หมายถึงยังเป็นภาระทางจิต
...ดังนั้นการเข้าพระนิพพาน(การจบรู้)จึงจำเป็นเพราะพระนิพพานมีสภาวะว่าง(สามารถรองรับการรู้ได้อย่างไม่จำกัด
***ซึ่งต่อไปจะขอชี้ถึงการเข้าถึงพระนิพพาน
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ชีวิต ทำให้มีกำลัง มีพลังที่จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีคุณภาพต่อไป อย่างแข็งแกร่งด้วย ขอกราบอาจารย์จากใจค่ะ
อนุโมทนาสาธุในบุญอ.ศุภวรรณค่ะ
อนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
มีคุณประโยชน์ต่อชีวิตเป็นที่สุด.ขอขอบพระคุณ.อนุโมทนาสาธุ.
เตรียมตัวตายอย่างดีที่สุด.. ร่างกายนี้มีประโยชน์ทางการแพทย์...
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ จะพยามฝึกทำตามค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ
อาจารย์อธิบายได้อย่างนอดเยี่ยมมากค่ะ ฟังเข้าใจง่าย มองภาพชัด และเป็นแรงบันดาลใจในการเตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆในชีวิตให้ะร้อมก่อนไปได้ดีมากๆค่ะ
การเข้าถึงพระนิพพาน(ด้วยปัญญา)
...ขอเรียกว่า การทำลายรู้ ซึ่งมีวิธิ,อาการ,สภาวะ,โลกพระนิพพาน,ดังนี้
๏ผมคิดว่าท่านทั้งหลายผ่านการทำภาวนา จนมีสมาธิที่สงบสุขแล้ว
หลายท่านเรียกว่า"ญาณสี่" หากท่านยังไม่ถึงพระนิพพานก็สามารถทราบ
ถึงความคล้ายดังกับญาณนี้(ญาณ4คือลูกของพระนิพพาน)
...ต่อไปนี้จะขอชี้อธิบายถึงพระนิพพาน(ซึ่งผมทราบดีว่าตถาคตทรงห้ามไว้ ในผู้ที่ยังไม่พบไม่ชำนาญไม่ควรสอน)
1.ผู้จะถึงพระนิพพานได้ ต้องผ่านสมาธิ(ญาณ4มาก่อน)คือ มีสุขสงบนิ่ง
มีกล่าวไว้แล้วในธรรม
2.การเข้าพระนิพพาน จำเป็นต้องรู้พร้อมในธรรมเฉพาะ พระนิพพาน
ขอชี้ไปที่"คิริมานนท์สูตร"ให้น้อมจิตเข้าใจหนทางแห่งพระนิพพานให้เข้าใจ
3.ศึกษาธรรมโดยเฉพาะประโยคทอง ที่เกี่ยวกับพระนิพพาน ในทางบอกถึงสภาวะพระนิพาน(จำเป็นต้องรู้จักก่อนจึงจะรู้)เช่น
๏มีเหมือนไม่มี แต่มี ให้ตีธรรมนี้ให้เข้าใจและหาสิ่งที่ซ่อนอยู่
๏พระนิพพานเปรียบดังรูเข็ม แม้นำเส้นผมฝ่าซีก ก็ไม่อาจสอดทะลุได้
(ธรรมนี้จำเป็นมากเพื่อการสร้างนิมิต)
4.จากนั้นให้ทำการภาวนา เมื่อถึงพร้อมและมีฐานธรรมตาชี้แล้ว
เมื่อเกิดสมาธิ ก็จะเป็นสมาธิในสภาวะที่ต่างออกไป คล้ายแรงแม่เหล็ก
แต่ไม่ใช่การควบแน่นอย่างขั้นสมาธิญาณ
...เมื่อความสงบดังกล่าวแล้ว ให้สร้างนิมิตขึ้นคือ ภาพสมมุติอันมี
เข็มที่มีรุขนาดเล็ก กับเส้นผมที่ฝ่าซีก จากนั้นให้ทำการสมานสอดใส่
แต่จงจำไว้ว่า"ไม่อาจจะสอดให้ทะลุได้เสมอ(จงตั้งคำถามในจิตว่าทำไม)
***นี้คือการทำลายรู้ โดยทำให้แจ้งในความสงสัย จนที่สุดมีคำตอบ
...เมื่อกิเลสอยากรู้หมดสิ้นแล้ว ธรรมที่ว่า มีเหมือนไม่มี แต่มีจะปรากฎในจิตท่าน
***ต่อไปนี้จะขอบอกถึงสภาวะพระนิพพาน(โลกพระนิพพาน)
1.จะเกิดรูปอันเป็นทิพย์อันใสสว่างดังเพชรแก้ว
2.มีสิ่งปรากฎคล้ายบัตรสีทอง ซึ่งไร้ข้อความอักษร
3.พระนิพพานปรากฎ
-มีความเป็นเรา(ไม่ใช่การยึดติด)แต่เป็นเราในสภาวะว่างสบาย
-มีความสว่างสีสรรที่พอดี ไม่รำคาญ สามารถอยู่อาศัยได้ตลอด
-มีฐานพระนิพพานคล้ายดังอุโมงค์อันกว้างและโปร่งอย่างที่สุด แต่มีความพอดีเสมอ
-เมื่อเข้าสู่พระนิพพาน ไม่มีรูปในความเป็นเราปรากฎเพียงทราบว่ามีเรา
-ไม่ว่าจะนึกคิดสิ่งใดย่อมคิดนึกได้หาประมาณ และไม่ติดค้างเลยโปร่งโล่ง
ตลอดเพราะพระนิพพานดูดซับทั้งหมด
***ความเป็นพระนิพพานนี้ อาจไม่มีผู้ใดเชื่อเพราะหลายท่านยังไม่ถึง
แต่ผมทราบว่าหลายท่านคงผ่านสุขสงบ จากการภาวนาจนมีสมาธิที่ดีมาแล้ว(พระนิพพานก็คล้ายอย่างนั้นแต่มีความมั่นคงกว่ามาก)เป็นความพอดี
ฟังอาจารย์แล้วไม่่อยากหยุดฟังค่ะ
กราบสาธุๆค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
ทำอะไร ๆ มามากมาย ลองมาฝึกตายดูก็ดีมากครับ ขอบคุณมากครับ
ตามอาจารย์มาจากรายการเจาะใจ
สาธุ ค่ะ
สาธุเป็นบุญที่ได้ฟังอาจารย์
มารับชม ขอบคุณครับ อ.
ชอบฟังอาจารย์ ค่ะ เพลินสนุก แต่ก่อนฟัง หลวงพ่อ ปราโมช แล้วมาเจอ อ.ศุภวรรณ ก็ฟังคู่กันไป การพูดมีความเหมือน อ.แม่ สินธุเดชะ ไมคะ
สาธุครับ อธิบายใช้ภาษาเข้าใจง่ายครับ
รู้จริงมากรูลึกเลยค่ะอาจารย์
กราบสาธุๆๆพระธรรมอันลึกซึ้ง
สาธุค่ะ🙏🏻
🙏🌸💛
ขอบคุณค่ะอาจารย์
สาธุอนุโมทามิค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะอาจารย์🙏🙏🙏
สาธุคะ อาจารย์
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่ชี้แนะแนวทางพระนิพพานในเวลาที่ชีวิตกำลังทุกข์ใจ
นอนกำหนดลมหายใจ
พระพุทธเจ้าสอนว่าไม่ต้องรอให้ตายก่อนถึงจะได้นิพพาน พระอรหันต์ทุกองค์ได้บรรลุนิพพานก่อนตายทั้งนั้น ถ้ามัวแต่รอให้ตายก่อนแล้วจะไปเอานิพพานตอนไหนกัน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า อยู่กับลมหายใจ จนลมหายใจสุดท้าย...รู้ลมหายใจสุดท้ายได้ นั่นล่ะ ไม่ต้องไปเกิดอีก เพราะสังขารทั้งหลายที่จะนำไปเกิดไม่มี ....ท่านว่า ไม่ต่างอะไรกับพระอรหันต์ที่เป็นอรหันต์มาแล้วตั้ง100 ปี....หรือ ถ้าได้ฟังคำสอนแท้ ของท่าน ไม่ใช่ท่องพุทโธ น่ะ คำสอน เช่น ปฏิจจสมุปบาท ขณะกำลังตาย...ก็จะเข้าใกล้นิพพาน เกิดอีกครั้งเดียวก็จะนิพพาน
จะหาซื้อหนังสืออาจารย์
ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป หรือซื้อได้ที่ไหนคะ
เวลาใกล้ตาย
มีเวทนาหรือไม่ เป็นอย่างไร
จิต ไปอยู่ตรงไหน/ไปเกาะที่ใหน ครับ
ขอบคุณครับ
เห็นความตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอหลังจากน้องสาวตายในปี2562,พอผ่านมาถึงวันที่29/1/64น้องชายมาตายอีกคน
เรียนถามอาจารย์ว่าถ้าเราตายแบบสงบแบบใช้ยากล่อมประสาทหรือยาอีจะทำให้เราตายอย่างสงบจะเป็นไปได้ไหมครับ พ่อผมท่านเป็นมะเร็งผมฝนฝิ่นดิบใส่น้ำให้กินทุกวันปรากฎว่าท่านตายด้วยรอยยิ้มและไปอย่างสงบจริง ๆ อย่างนี้ถือว่าท่านจะถึงนิพานได้ไหมครับ
ถ้ามีเกิดต้องมีตาย
หนูกำลังเลือกท่าตายแล้วค่ะ
สาธุค่ะ🙏🏻
สาธุค่ะอาจารย์
สาธุค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เวลานอนไม่หลับจะพยายามกำหนดคำว่าพุทโธ
ขอแนะนำให้อาจารย์ศึกษาเพิ่มเติมที่พุทธวจนครับจะได้ตอบปัญหาได้ในระดับโลกครับอาจารย์เก่งภาษาอยู่แล้ว
ขอบพระคุณอาจารย์มากค๋ะที่ให้ความรู้