ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ธาตุ เกิดแล้วต้องดับขอรับพระคุณเจ้า
ธาตุรู้.ปฏิปฏิ.เกิดแล้วต้องดับค่ะ+1
น้อมจิตกราบสาธุครับ
ผม.ทั้งหลง.ทั้งไหลไปกับอารมย์.
ปิ่นสาธุค่ะ
สาธุ 🙏กราบ🙏กราบ🙏กราบ
น้อมกราบสาธุครับ
สาธุๆๆ ครับ
❤❤❤❤❤❤❤กราบสาธุครับ❤❤❤❤❤❤❤😊🎉
กราบสาธุครับ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
อนุโมทนา สาธุ😊
กราบสาธุ สาธุ สาธุครับ
ธาตุรู้แตกต่างจากขันต์ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นธาตุตามธรรมชาติ แต่ธาตุรู้จะเรียกว่าจิต หรือนิพพานธาตุก็ได้ ไม่เกิดไม่ดับ จิตที่มีอวิชชาคือความหลงปรุงแต่งจากผัสสะเรียกว่าจิตสังขาร มีอาการรับรู้ สุข ทุกข์ แต่จิตที่เป็นธาตุรู้แยกจากจิตสังขาร ไม่เกิดไม่ดับรับรู้อาการปรุงแต่งของจิตแต่ไม่ใช่ได้ไหลตามอาการของจิต ถ้าแยกจิตผู้รู้ ออกจากอาการของจิตได้ จิตก็จะมีปัญญาเห็นของจริง ว่าธรรมทั้งหลายทั่งปวงเป็นอนัตตา รูปธาตุ นามธาตุ ต่างไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา จิตสังขารหลงปรุงแต่งยึดติด จิตจะเห็นความจริงของธรรมชาติว่า สิ่งต่าง ๆ เป็นแค่ความจริงโดยสมมุติ มีสัตว์ บุคคล เรา เขา แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นทุกข์ เพราะไม่พ้นจากกฎไตรลักษณ์ เมื่อเห็นตามจริงได้ว่า ตัวจิตสังขารกับจิตผู้รู้ ธาตุรู้เป็นคนละตัวกัน จิตผู้รู้จะมีปัญญา จะสละวางความยึดมั่น ถือมั่น ในสมมุติทั้งหลาย จางคลาย หลุดพ้นจากระบบสังสาร ธาตุรู้ก็จะเข้าสู่สภาวะเดิมคือไม่เกิด ไม่ดับ ไม่ไป ไม่มา ไม่มีความกว้าง ยาว ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งก็คือนิพพานธาตุนั่นเอง 😊😊😊
พระไตรปิฎกระบุไว้ชัดเจนว่า ปรมัตถธรรม มีทั้งสิ้น 4 อย่าง คือ จิต, เจตสิก, รูป, และนิพพาน ครับปรมัตถธรรม คือ สภาพธรรมะที่มีลักษณะเฉพาะของตนจริง ๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้จิต เป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้ รู้แจ้งในอารมณ์ (สิ่งที่ถูกรู้) เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ มี 6 ทาง คือ เห็น, ได้ยิน, ได้กลิ่น, ลิ้มรส, กายกระทบสัมผัส, และคิดนึก ครับเจตสิก เป็นสภาพรู้เกิดขึ้นพร้อมจิตดับพร้อมจิต อาศัยจิตเป็นประธานในการรู้ มีหลายประเภทและสามารถเกิดขึ้นได้หลายดวงพร้อมจิตหนึ่งขณะ เช่น เวทนาเจตสิก (สุข-ทุกข์), สัญญาเจตสิก (ความจำ), สติเจตสิก (การระลึกรู้) เป็นต้นรูป เป็นสภาพที่ไม่รู้ ในชีวิตประจำวันจะมีรูปที่ปรากฏอยู่ 7 รูป คือ สี, เสียง, กลิ่น, รส, อ่อน-แข็ง (ธาตุดิน), เย็น-ร้อน (ธาตุไฟ), และตึง-ไหว (ธาตุลม)นิพพาน เป็นสภาพรู้อย่างหนึ่ง เป็นสภาพที่ดับจากกิเลส หรืออวิชชา (ความไม่รู้) ได้สิ้นเชิง เป็นวิสังขารธรรม หรือไม่มีการปรุงแต่ง จึงไม่เกิดและไม่ดับ ไม่ใช่จิตแต่เป็นอารมณ์ของจิตได้ และเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล หรือตัวตนจะเห็นได้ว่า ธรรมมะแต่ละอย่างนั้น มีลักษณะแตกต่างกันชัดเจน จึงต้องแยกออกทีละหนึ่งไม่ปะปนกัน เช่น จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป ไม่ใช่นิพพาน, นิพพาน ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป เป็นต้นครับดังนั้น จิต คือ จิต ไม่ใช่นิพพานครับ แต่จิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้ครับขออนุโมทนา
@ ขอบคุณค่ะ
เสียงค่อยมากฟังไม่รู้เรื่อง ช่วยเร่งเสียงให้ดังด้วยครับ. จะได้รู้ว่าพูดอะไร
อมตะธาตุ 6 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อาวกาศ ธาตุรู้
อนุโมทนาสาธุครับ
สาธุ🙏🏻
กราบสาธุครับ
,,กราบสาธุๆๆ,,
สาธุผม
สาธุครับ
สาธุ
🙏🙏🙏❤
อมตธาตุ
แค่ได้ชื่อว่าธาตุรู้ก็ขัดแย้งกับคำกล่าวที่ว่า เกิดไม่ปรากฏแล้วครับ ธาตุรู้ (วิญญาณ) นามรูป ไล่ถึงทุกข์ในปฏิจสมุปาทสูตรครับ
ธาตุรู้ตั้งอยู่ได้ โดยปราศจาก ขันธ์4 เวทนา สัญญา สังขาร รูป ได้ไหมครับ?
ได้ นิพพานไง ธาตุรู้อยู่เป็นหนึ่ง ปราศจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเกี่ยวข้อง
ขอบคุณครับ
@@narlyrc1692 ขันธ์ 5 เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา วิญญาณหรือธาตุรู้ ก็เป็นหนึ่งในขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา สิ่งที่เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา เข้านิพพานไม่ได้คับจิตต้องเสวยอารมณ์ตลอดเวลาคับ ตั้งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ แม้แต่พระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติก็มีนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนพระอรหันต์ที่ปรินิพพาน (อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ) จิตสุดท้ายจะดับ และจะไม่มีจิตเกิดต่อเนื่องขึ้นมาอีก จิตสุดท้ายนั้นมีชื่อว่า จริมจิต
@@narlyrc1692 ขอพระสูตรที่เกี่ยวข้องหรืออธิบายด้วยครับ
@@abc_xyz-o2x สูตร 2×(-2)=0 ไม่มีจำนวนเต็มดับสูญหมดไม่เหลือ
กราบนมัสการอนุโมทนาสาธุครับ *พระบาลีว่า "ปะภัสสะระมิทัง ภิกขะเว จิตตัง ตัณจะโข อาคันตุเกหิ อุปะกิเลเสหิ อุปักกิลิฏฐัง:ภิกษุทั้งหลาย จิตต์นี้เลื่อมใสประภัสสรแจ้งสว่างมาแต่เดิม แต่อาศัยอุปกิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นอาคันตกะสัญจรมาปกคลุมห่อหุ้ม จึงทำให้จิตต์มิส่องสว่างได้" *พระอริยสาวกไขความว่า จิตต์(จิตตัง) คือ ธาตุรู้ เป็น"อสังขตธาตุ"จึงไม่เกิดไม่ดับ แต่สิ่งที่เกิดดับอยู่กับธาตุรู้คือ รูปนาม ขันธ์5 อายตนะ เจตสิก ธัมมารมณ์ **ผู้ไม่มี"ฌานสมาบัติ"รองรับพระธรรม จึงเข้าใจว่าจิตต์หรือธาตุรู้มีการเกิดดับ
สาธุค่ะ มีเกิดมีดับนั่นคือสังขตธาตุ หากแต่อสังขตธาตุุไม่มีเกิดไม่มีดับดำรงอยู่อย่างนั้นค่ะ
ตัวรู้มันก็คือ การรับรู้ด้วยอายตนะภายใน อายตนะภายในมี6ช่องทางสลับเวียนกันรับรู้ มันไม่ใช่อะไรที่รุงรังด้วยโวหาร ถ้าการรู้ไม่เกิดไม่ดับมันก็รู้วิ่งไปวิ่งมาสลับกันทำงานผ่านอายตนะทั้ง6 การที่มันสลับกันไปแต่ละอายตนะๆ จะว่ามันไม่เกิดไม่ดับอย่างไร เมื่อรับรู้เรื่องหนึ่งจบไป เกิดผัสสะใหม่มาตกกระทบก็ต้องไปรู้เรื่องใหม่ เรื่องเก่าก็ดับไป อุปาทะ ฐีติ ภังคะ ถ้าไปเข้าใจว่าจิตไม่เกิดดับ แล้วจะเข้าใจหลักการภาวนาได้หรือ?
จิตเดิมแท้ประภัสสร แต่เพราะมีอุปกิเลสทำให้ไม่ส่องสว่างที่จริง ถ้าเข้าใจสักเล็กน้อยก็จะไม่ฟุ้งไปไกล จิตเกิดร่วมกับเจตสิก หมายถึงตัวจิตเปล่าๆเหมือนแก้วน้ำ มีน้ำใส่แก้วมันก็ไม่ใส มันก็เท่านั้น นี่ตีความไปถึงจิตเดิมแท้แบบมาจากปรมาตมันโน่น เริ่มแรกจักรวาล แตกเป็อณูแบบแรกเริ่มsuper nova เมื่อหมดธุระก็คืนสู่ปรมาตมัน ว่าไปโกลทะลุมิติโน่น
@@เทพฤทธิ์สาธิตการมณี-ฐ3ป😂ท่านภาวนาให้ถึงระดับที่พระอาจารย์ท่านรู้ท่านถึงเข้าใจ ของมันรู้ได้เฉพาะตัวครับ เอาปริยัติมาอธิบายธาตุรู้มันยากครับ ถ้าไม่ภาวนาก็ป่วยการ ถ้าคุณได้มีบุญได้สนทนาธรรมกับพระอริยะเจ้าที่ท่านสำเร็จไปแล้วท่านก็จะตอบเหมือนพระอาจารย์สุชาติครับ อยากรู้ภาวนาเยอะจะสิ้นสงสัยไปเองครับ
ถ้าอสังขตธรรมมีจริง แล้วใครสร้างอสังขตธรรม
ท่านคิดเองใช่รึเปล่าครับ เพราะมันขัดกับไตรลักษณ์
สาธุในธรรมหลวงพ่อพูดถูก
น้อมกราบสาธุค่ะ
สาธุๆครับ
ธาตุ เกิดแล้วต้องดับขอรับพระคุณเจ้า
ธาตุรู้.ปฏิปฏิ.เกิดแล้วต้องดับค่ะ+1
น้อมจิตกราบสาธุครับ
ผม.ทั้งหลง.ทั้งไหลไปกับอารมย์.
ปิ่นสาธุค่ะ
สาธุ 🙏กราบ🙏กราบ🙏กราบ
น้อมกราบสาธุครับ
สาธุๆๆ ครับ
❤❤❤❤❤❤❤กราบสาธุครับ❤❤❤❤❤❤❤😊🎉
กราบสาธุครับ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
อนุโมทนา สาธุ😊
กราบสาธุ สาธุ สาธุครับ
ธาตุรู้แตกต่างจากขันต์
ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นธาตุตามธรรมชาติ แต่ธาตุรู้จะเรียกว่าจิต หรือนิพพานธาตุก็ได้ ไม่เกิดไม่ดับ
จิตที่มีอวิชชาคือความหลงปรุงแต่งจากผัสสะเรียกว่าจิตสังขาร มีอาการรับรู้ สุข ทุกข์
แต่จิตที่เป็นธาตุรู้แยกจากจิตสังขาร ไม่เกิดไม่ดับรับรู้อาการปรุงแต่งของจิตแต่ไม่ใช่ได้ไหลตามอาการของจิต ถ้าแยกจิตผู้รู้ ออกจากอาการของจิตได้ จิตก็จะมีปัญญาเห็นของจริง
ว่าธรรมทั้งหลายทั่งปวงเป็นอนัตตา รูปธาตุ นามธาตุ
ต่างไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของของเรา จิตสังขารหลงปรุงแต่งยึดติด จิตจะเห็นความจริงของธรรมชาติว่า สิ่งต่าง ๆ เป็นแค่ความจริงโดยสมมุติ
มีสัตว์ บุคคล เรา เขา
แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นทุกข์
เพราะไม่พ้นจากกฎไตรลักษณ์
เมื่อเห็นตามจริงได้ว่า ตัวจิตสังขารกับจิตผู้รู้ ธาตุรู้เป็นคนละตัวกัน
จิตผู้รู้จะมีปัญญา จะสละวางความยึดมั่น ถือมั่น ในสมมุติทั้งหลาย จางคลาย หลุดพ้นจากระบบสังสาร ธาตุรู้ก็จะเข้าสู่สภาวะเดิมคือไม่เกิด ไม่ดับ ไม่ไป ไม่มา ไม่มีความกว้าง ยาว ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งก็คือนิพพานธาตุนั่นเอง 😊😊😊
พระไตรปิฎกระบุไว้ชัดเจนว่า ปรมัตถธรรม มีทั้งสิ้น 4 อย่าง คือ จิต, เจตสิก, รูป, และนิพพาน ครับ
ปรมัตถธรรม คือ สภาพธรรมะที่มีลักษณะเฉพาะของตนจริง ๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้
จิต เป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้ รู้แจ้งในอารมณ์ (สิ่งที่ถูกรู้) เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ มี 6 ทาง คือ เห็น, ได้ยิน, ได้กลิ่น, ลิ้มรส, กายกระทบสัมผัส, และคิดนึก ครับ
เจตสิก เป็นสภาพรู้เกิดขึ้นพร้อมจิตดับพร้อมจิต อาศัยจิตเป็นประธานในการรู้ มีหลายประเภทและสามารถเกิดขึ้นได้หลายดวงพร้อมจิตหนึ่งขณะ เช่น เวทนาเจตสิก (สุข-ทุกข์), สัญญาเจตสิก (ความจำ), สติเจตสิก (การระลึกรู้) เป็นต้น
รูป เป็นสภาพที่ไม่รู้ ในชีวิตประจำวันจะมีรูปที่ปรากฏอยู่ 7 รูป คือ สี, เสียง, กลิ่น, รส, อ่อน-แข็ง (ธาตุดิน), เย็น-ร้อน (ธาตุไฟ), และตึง-ไหว (ธาตุลม)
นิพพาน เป็นสภาพรู้อย่างหนึ่ง เป็นสภาพที่ดับจากกิเลส หรืออวิชชา (ความไม่รู้) ได้สิ้นเชิง เป็นวิสังขารธรรม หรือไม่มีการปรุงแต่ง จึงไม่เกิดและไม่ดับ ไม่ใช่จิตแต่เป็นอารมณ์ของจิตได้ และเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล หรือตัวตน
จะเห็นได้ว่า ธรรมมะแต่ละอย่างนั้น มีลักษณะแตกต่างกันชัดเจน จึงต้องแยกออกทีละหนึ่งไม่ปะปนกัน เช่น จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป ไม่ใช่นิพพาน, นิพพาน ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป เป็นต้นครับ
ดังนั้น จิต คือ จิต ไม่ใช่นิพพานครับ แต่จิตมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้ครับ
ขออนุโมทนา
@
ขอบคุณค่ะ
เสียงค่อยมากฟังไม่รู้เรื่อง ช่วยเร่งเสียงให้ดังด้วยครับ. จะได้รู้ว่าพูดอะไร
อมตะธาตุ 6 ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ อาวกาศ ธาตุรู้
อนุโมทนาสาธุครับ
สาธุ🙏🏻
กราบสาธุครับ
,,กราบสาธุๆๆ,,
สาธุผม
สาธุครับ
สาธุ
🙏🙏🙏❤
อมตธาตุ
แค่ได้ชื่อว่าธาตุรู้ก็ขัดแย้งกับคำกล่าวที่ว่า เกิดไม่ปรากฏแล้วครับ ธาตุรู้ (วิญญาณ) นามรูป ไล่ถึงทุกข์ในปฏิจสมุปาทสูตรครับ
ธาตุรู้ตั้งอยู่ได้ โดยปราศจาก ขันธ์4 เวทนา สัญญา สังขาร รูป ได้ไหมครับ?
ได้ นิพพานไง ธาตุรู้อยู่เป็นหนึ่ง ปราศจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเกี่ยวข้อง
ขอบคุณครับ
@@narlyrc1692 ขันธ์ 5 เป็น ทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา วิญญาณหรือธาตุรู้ ก็เป็นหนึ่งในขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา สิ่งที่เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา เข้านิพพานไม่ได้คับ
จิตต้องเสวยอารมณ์ตลอดเวลาคับ ตั้งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ แม้แต่พระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติก็มีนิพพานเป็นอารมณ์ ส่วนพระอรหันต์ที่ปรินิพพาน (อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ) จิตสุดท้ายจะดับ และจะไม่มีจิตเกิดต่อเนื่องขึ้นมาอีก จิตสุดท้ายนั้นมีชื่อว่า จริมจิต
@@narlyrc1692 ขอพระสูตรที่เกี่ยวข้องหรืออธิบายด้วยครับ
@@abc_xyz-o2x สูตร 2×(-2)=0 ไม่มีจำนวนเต็มดับสูญหมดไม่เหลือ
กราบนมัสการอนุโมทนาสาธุครับ *พระบาลีว่า "ปะภัสสะระมิทัง ภิกขะเว จิตตัง ตัณจะโข อาคันตุเกหิ อุปะกิเลเสหิ อุปักกิลิฏฐัง:ภิกษุทั้งหลาย จิตต์นี้เลื่อมใสประภัสสรแจ้งสว่างมาแต่เดิม แต่อาศัยอุปกิเลสเครื่องเศร้าหมองเป็นอาคันตกะสัญจรมาปกคลุมห่อหุ้ม จึงทำให้จิตต์มิส่องสว่างได้" *พระอริยสาวกไขความว่า จิตต์(จิตตัง) คือ ธาตุรู้ เป็น"อสังขตธาตุ"จึงไม่เกิดไม่ดับ แต่สิ่งที่เกิดดับอยู่กับธาตุรู้คือ รูปนาม ขันธ์5 อายตนะ เจตสิก ธัมมารมณ์ **ผู้ไม่มี"ฌานสมาบัติ"รองรับพระธรรม จึงเข้าใจว่าจิตต์หรือธาตุรู้มีการเกิดดับ
สาธุค่ะ มีเกิดมีดับนั่นคือสังขตธาตุ หากแต่อสังขตธาตุุไม่มีเกิดไม่มีดับดำรงอยู่อย่างนั้นค่ะ
ตัวรู้มันก็คือ การรับรู้ด้วยอายตนะภายใน อายตนะภายในมี6ช่องทางสลับเวียนกันรับรู้ มันไม่ใช่อะไรที่รุงรังด้วยโวหาร ถ้าการรู้ไม่เกิดไม่ดับมันก็รู้วิ่งไปวิ่งมาสลับกันทำงานผ่านอายตนะทั้ง6 การที่มันสลับกันไปแต่ละอายตนะๆ จะว่ามันไม่เกิดไม่ดับอย่างไร เมื่อรับรู้เรื่องหนึ่งจบไป เกิดผัสสะใหม่มาตกกระทบก็ต้องไปรู้เรื่องใหม่ เรื่องเก่าก็ดับไป อุปาทะ ฐีติ ภังคะ ถ้าไปเข้าใจว่าจิตไม่เกิดดับ แล้วจะเข้าใจหลักการภาวนาได้หรือ?
จิตเดิมแท้ประภัสสร แต่เพราะมีอุปกิเลสทำให้ไม่ส่องสว่าง
ที่จริง ถ้าเข้าใจสักเล็กน้อยก็จะไม่ฟุ้งไปไกล จิตเกิดร่วมกับเจตสิก หมายถึงตัวจิตเปล่าๆเหมือนแก้วน้ำ มีน้ำใส่แก้วมันก็ไม่ใส มันก็เท่านั้น นี่ตีความไปถึงจิตเดิมแท้แบบมาจากปรมาตมันโน่น เริ่มแรกจักรวาล แตกเป็อณูแบบแรกเริ่มsuper nova เมื่อหมดธุระก็คืนสู่ปรมาตมัน
ว่าไปโกลทะลุมิติโน่น
@@เทพฤทธิ์สาธิตการมณี-ฐ3ป😂ท่านภาวนาให้ถึงระดับที่พระอาจารย์ท่านรู้ท่านถึงเข้าใจ ของมันรู้ได้เฉพาะตัวครับ เอาปริยัติมาอธิบายธาตุรู้มันยากครับ ถ้าไม่ภาวนาก็ป่วยการ ถ้าคุณได้มีบุญได้สนทนาธรรมกับพระอริยะเจ้าที่ท่านสำเร็จไปแล้วท่านก็จะตอบเหมือนพระอาจารย์สุชาติครับ อยากรู้ภาวนาเยอะจะสิ้นสงสัยไปเองครับ
ถ้าอสังขตธรรมมีจริง แล้วใครสร้างอสังขตธรรม
ท่านคิดเองใช่รึเปล่าครับ เพราะมันขัดกับไตรลักษณ์
สาธุในธรรมหลวงพ่อพูดถูก
น้อมกราบสาธุค่ะ
กราบสาธุครับ
สาธุๆครับ