"7 เมษายน 2310 วันแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่..วันกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2” 417 ปีราชธานีของไทย"

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 28 ก.ย. 2024
  • 🪷🪷🪷"7 เมษายน 2310 วันแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่..”#วันกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2”
    ครบรอบ 257 ขวบปี กรุงศรีอยุธยาศรีรามเทพนคร แตกพ่ายครั้งที ๒ สิ้นราชอาณาจักร #กรุงศรีอยุธยาศรีรามเทพนคร อนาประชาราษฎร ทั้งหลายทั้งปวงล้มหายตายจากกันไปบ้างก็ ตกเป็นทาส ของอังวะ ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกริบไปหมด เมืองต้องเหลือแต่เท่าธุลี
    บัดนี้สิ้นแล้วกรุงศรีอยุธยาศรีรามเทพนคร
    ศุภอักษรอัครมหาเสนาบดีไทยในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศมีไปถึงอัครมหาเสนาบดีลังการะบุนามพระนครดังนี้ : “กรุงเทพมหานครทวาราวดีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตนรา ชธานีบุรีรมย์”
    ครบรอบ 257 ปี การเสียกรุงศรีอยุธยาศรีรามเทพนคร ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2310
    มหาราชวงษ์ พงษาวดารพม่า
    "....ครั้นถึง ณ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ จุลศักราช ๑๑๒๙ พลทหารแลนายทัพนายกองทั้งปวงก็เข้าในกำแพงเมืองกรุงศรีอยุทธยาได้ เมื่อเข้าในกำแพงได้นั้น พลทหารพม่าทั้งปวงก็เที่ยวเอาไฟเผาบ้านเรือนของพลเมืองแลวัดวาอารามเสียสิ้น แล้วเที่ยวจับพลเมืองราษฎรชายหญิงทั้งปวง แลเที่ยวเก็บริบเงินทองทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ เปนอันมาก ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยานั้น เห็นไฟลุกไหม้ขึ้นทั้ง ๔ ทิศ พระองค์ก็แปลงกายพร้อมกับพระมเหสีแลพระราชบุตรีพระราชบุตราพระสนมกรมไนย หนีเล็ดลอดปะปนกับราษฎรชาวเมืองออกทางประตูทิศตวันตก ในเวลานั้นพลช้างพลม้าแลพลทหารราบพม่าทั้งปวงเข้าเมืองได้ก็เอาปืนใหญ่ยิงโดยสับสน ลูกกระสุนปืนก็ไปต้องพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา หรือเรียกว่าเจ้าฟ้าเอกาทัศ สวรรคตที่ในกำแพงเมืองกรุงศรีอยุทธยานั้น"
    ภาพเขียนจากอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี
    "กรุงศรีอยุธยา หรือ อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรของชนชาติไทยสยาม (ไทยภาคกลาง) ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วง พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310 มีกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางอำนาจหรือราชธานี ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับหลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับนานาชาติ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ญี่ปุ่น เปอร์เซีย รวมทั้งชาติตะวันตก เช่น โปรตุเกส สเปน เนเธอร์แลนด์ (ฮอลันดา) อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเคยสามารถขยายอาณาเขตประเทศราชถึงรัฐชานของพม่า อาณาจักรล้านนา มณฑลยูนนาน อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรขอม และคาบสมุทรมลายูในปัจจุบัน
    เป็นอดีตราชธานีของไทยมีหลักฐานของการเป็นเมืองในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 - 18 โดยมีร่องรอยของที่ตั้งเมือง โบราณสถาน โบราณวัตถุ และเรื่องราวเหตุการณ์ในลักษณะ ตำนานพงศาวดาร ไปจนถึงหลักศิลาจารึก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานร่วมสมัยที่ใกล้เคียงเหตุการณ์มากที่สุด ซึ่งเมืองอโยธยาหรืออโยธยาศรีรามเทพนคร หรือเมืองพระราม มีที่ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา มีบ้านเมืองที่มีความเจริญทางการเมือง การปกครอง และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่ง มีการใช้กฎหมายในการปกครองบ้านเมือง 3 ฉบับ คือ พระอัยการลักษณะเบ็ดเสร็จ พระอัยการลักษณะทาส พระอัยการลักษณะกู้หนี้
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกู้เอกราชคืนมาได้ใน พ.ศ. 2127 และ เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้ในปลายปีเดียวกันแล้วทรงสถาปนา กรุงธนบุรีเป็นราชธานีแห่งใหม่ โดยกวาดต้อนผู้คนจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรีเพื่อสร้างเมืองใหม่ แต่กรุงศรีอยุธยาไม่ได้ กลายเป็นเมืองร้าง ยังคงมีคนรักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่และราษฎรที่หลบหนีไปได้กลับเข้ามาอยู่รวมกัน ต่อมาได้รับการยกย่อง เป็นเมืองจัตวาเรียก "เมืองกรุงเก่า"
    #วันสำคัญพึงระลึกถึงไว้เป็นบทเรียน
    #วันพลังแผ่นดิน
    7 เมษายน 2310 วันแห่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่..”วันกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2”
    #อะไรที่ทำให้กรุงศรีแตก
    #อะไรคือลางบอกเหตุร้าย
    #ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเสมอ
    #สวดมนต์ภาวนาเถิดจะเกิดผล
    ขอบคุณภาพจาก : ภาพยนต์ศรีอโยธยา ภาค 2 🪷🪷🪷

ความคิดเห็น •