I mean, there's 2 perspective at looking why Extra Classes? 1. In school you can't pass a certain subject, or fail to satisfy a score, or grade of the subject, so that's why students have to take extra class to reach a satisfaction. 2. Some, students excel at a particularly subject, and when that student is studying with a system with one standard for everybody, then that student would see it as too weak for them. That's why they have to take extra classes for their satisfaction for their skills to reach a higher goal then just a common standard of everybody.
เรามองว่าการศึกษาไทยไม่ได้ให้อะไรเราเลย ความเก่ง ทักษะ ทุกอย่างที่เรามีมาจากการเรียนพิเศษและการอ่านหนังสือทำโจทย์เอง กลับกันมันคอยถ่วงศักยภาพของเราด้วยซ้ำ
แลัวก็บางทีครูยังไม่เข้าใจเรื่องที่จะสอนเลยอะ สอนแบบผิดๆสอนแบบไม่มีความรู้ลำบากเราต้องคอยบอก คอยหาหนังสืออ้างอิงมาให้ แถมใช้เวลาเป็นชั่วโมงได้ประโยชน์น้อยกว่าการที่เราอ่านเองแค่20นาทีอีก
ผมก็ว่าอย่างงั้นเเหละ เเถมความรู้ส่วนมากจะได้มาจากตัวเราเองที่เข้าใจมากเท่าไร ;^; ส่วนมากการศึกษาจะเน้นการสอนเเบบตามหลักสตูร เเต่บางทีครูอธิบายก็ยังงงๆ ,,, เเต่ผมก็คิดเหมือนคุณนะ เพราะทุกคนมีความเก่งเเตกต่างกัน เเละความรู้ที่ได้มาก็ต่างกัน;-;
เป็นผมให้เปิดเรียนแค่ 7โมงกับ12โมงพอ
เพราะถ้าเรียนมากเด็กจะไม่พัฒนาชาติก็จะเท่าเดิม ส่วนหลังจากนั้นจะให้เด็กไปเลือกสายเรียนที่อยากเรียน 13-14
ให้เรียนฟรีส่วนทางเลือกไปเสียเอาเอง
ความคิดดีไหม
ให้แค่สังคมนิดนึงกับความเครียด
ขอเห็นต่างครับ โรงเรียนก็ให้อะไรเราบ้างนะ (ถึงจะน้อยก็ตาม) แต่ยังไงเรียนด้านนอกก็ยังให้เนอะกว่าอยู่ดี
เราว่ามันไม่พอค่ะการศึกษาไทยมันยังแย่อยู่ค่ะอยู่ในห้องเรียนไม่เข้าใจจริงๆค่ะสำหรับเราคือครูบางท่านยิ่งรรรัฐ(รรเราอะนะ)ครูเค้าไม่ค่อยสอนที่แบบสอนเลยอะ ครูจะชอบบ่นๆๆให้งาน20นาทีสุดท้ายแล้วคือไม่เข้าใจเลยสอนไม่ค่อยสอนแต่สั่งงานสุดท้ายก็ต้องพึ่งครูสอนพิเศษอะมันไม่ใช่ว่าเราอยากเสียเงินอะแต่มันจำเป็นต้องเสียเพราะในรรเราไม่ได้เราก็ต้องหาความรู้เพิ่มเองยอมเสียสักหน่อยหรือมากก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเราว่าไทยอัดทฤษฎีมากเกินไปเรียนหนักแถมต้องมาเรียนพิเศษอีกโคตรเหนื่อย 😭
กรุณาสงสารคนเรียนด้วยครับเพราะคนเรียนเค้าเหนื่อยกว่าเราไหนต้องสอบเข้าอีกติวอีกเค้าเหนื่อยเครียดนะครับตอนเด็กๆผมเจอมากะตัวพอลูกผมเกิดผมก็ให้เค้าเลือกทางของเขา
1.เรียนพิเศษ ไม่มีงานงี่เง่า ไม่มีคะแนน ไม่มีกฏระเบียบไร้สาระ
2.ระบบการศึกษาไทย มันสอนแบบหว่านแห สอนทุกอย่าง แต่ไม่ได้ใช้จริง ไม่เหมาะกับผู้เรียน
3.เรียนพิเศษ เราเลือกวิชาเรียนได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอเลื่อนชั้นก็เรียนของปีต่อไปได้
4.เรียนพิเศษ เราสร้างแผนการเรียน เรียนโรงเรียน แผนการเรียนสร้างเรา
ที่สำคัญคือมันเรียนนำในห้องได้ครับ พอพอเจอในห้องจริงๆก็เข้าใจมากขึ้นเพราะเรียนมาแล้ว เป็นการทบทวนไปในตัว
จริงทุกข้อ โดยเฉพาะข้อ 3 กับ 4 เด็ก ม ปลายสายวิทย์ คณิตมักชอบใช้ คือเรียนหลักสูตรในห้องเรียนปกติให้จบ ม.6 ตั้งแต่อยู่ ม.5 แล้วพอขึ้น ม.6 ก็ไปลงเรียนคอร์สเตรียมสอบเข้ามหาลัย
จากใจคนเป็นครูสอนในระบบปกติในจังหวัดกรุงเทพ และรับสอนพิเศษด้วย ทั้งส่วนตัวและตามสถาบันสอน คือระบบการศึกษาไทยมันแย่จริงๆ ที่โรงเรียนเราสอนนักเรียนในระดับชั้น ป.6 เพื่อเข้าสอบแข่งขันในระดับชั้น ม.1 ปัญหาที่เจอเลยคือ การสอบเข้าแข่งขันต้องใช้เนื้อหาของ ป.4-6 (บางที่ข้อสอบในการสอบเข้าระดับความยากเท่ามัธยมต้นด้วยซ้ำ) สมมติว่าเราสอนดีมากกกกก เด็กๆทำข้อสอบเนื้อหา ป.6 ได้ แต่ถ้าเขาไม่ได้เนื้อหาของ ป.4-5 หรือเนื้อหาเพิ่มเติมของมัธยมเลย ก็ยังคงสอบไม่ได้อยู่ดี ถามว่าเราพยายามสอดแทรกเนื้อหาเพิ่มเติมในชั่วโมงเรียนมั้ย เราสอนนะ แต่คือคนที่ได้ก็คือได้อ่ะ แต่บางคนแค่เนื้อหาในระดับตัวเองที่ต้องเรียนยังไม่ได้เลย การเพิ่มเติมในคาบเรียนคือคงเป็นไปไม่ได้ เราทั้งส่งเนื้อหาสรุป ส่งข้อสอบให้ทำ ทำช่องยูทูปให้นักเรียนได้ทบทวน และทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าพอโควิดมา นักเรียนคือขี้เกียจกันขึ้นเยอะมาก ครูอยากให้ แต่นักเรียนไม่อยากรับ มันก็ยากที่จะได้ สุดท้ายนี้ ถ้าประเทศไทยยังประเมินผลทุกอย่างด้วยการสอบ การสอนพิเศษก็ต้องมีต่อไปนั่นแหละ
เห็นด้วยยย
ตอนป.6 ครูอังกฤษเป็นครูที่สอนดีมากครับ ตอนนั้นได้เรียนไปถึง future ไม่ก็ perfect พอเข้าม.1 ก็ back to basic ได้เริ่มเรียน simple 55
ผมไปเจอข้อสอบอังกฤษอันหนึ่งมา เฉลยผิด 4 ข้อ ไวยากรณ์อะไรเขียนผิดหมด ไม่เข้าใจจริงๆว่าไปเอาใครที่ไหนมาทำข้อสอบ
สมัยเรียนผมว่า พวกพื้นฐานผมเข้าใจนะ แต่พอมันเริ่มที่ต้องพิศดารขึ้นผมก็งงล่ะมันมาไง และปัญหาคือไอ้ที่ ออกสอบน่ะ คือไอ้พวกพิศดารนี้แหละ คนเข้าใจมันก็เข้าใจนะเคยพยามให้เพื่อนที่เข้าใจสอนก็งงอยู่ดี มันทำให้ท้อนะ
กรณีเรียนออนไลน์ ผู้ปกครองต้องช่วยตรงนี้จริงๆ เด็กก็ต้องอยากเล่นมากกว่าเรียนอยู่แล้ว
ระบบเปลี่ยนบ่อยนี่ของจริงเลย เห็นชัดมากๆปีนึงสอบแบบนี้อีกปีเปลี่ยนอีกแล้ว แค่เนื้อหาวิชาเรียนยังเรียนไม่เหมือนกันเลย รุ่นน้องมีปัญหาอยากให้ช่วยติวหนังสือให้คือเนื้อหาแทบไม่ตรงกันเลยบางเรื่องน้องไม่ได้เรียนแบบเรา หรือบางทีก็มีการตัดหรือเพิ่มเนื้อหามาคืองงมากกกก แล้วยังเรื่องเด็กซิ่วอีกต้องมาทำความเข้าใจระบบการสอบที่ไม่เหมือนกันแทบทุกปีอีกคือปวดหัวแทนอ่ะ ยิ่งมีสถานการณ์โควิดอีก คิดว่าอะไรที่มันปล่อยผ่านได้ก็ปล่อยเถอะ เรียนก็ได้ไม่เต็มอยู่แล้วยังจะมาเปลี่ยนระบบการสอบอีก😅
ถ้าไม่เรียนพิเศษก็ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ😭 เสียเวลาไปหลายปีกับการเรียนพิเศษของโรงเรียน เราออกมาเรียนของข้างนอกรู้เรื่องกว่าตั้งเยอะค่ะ ของโรงเรียนมีแต่ในตำรา เอาข้อสอบมาให้จำอย่างเดียว
เราว่าภาระของคุณครูในปัจจุบันมันมากเกินไป จริงๆหลายคนเค้าก็เก่งนะ อย่างรรประถมก็ต้องมานั่งทำเอกสารเยอะมากๆ ทั้งๆที่ควรจะเป็นเวลาเตรียมสอน แล้วประถมคือสำคัญมากๆ เราพูดอิ้งได้ดีเพราะตอนประถมเลย แล้วต้องยอมรับว่าระบบราชการทำให้เราไม่อยากเป็นครูเว้ย เราไม่ชอบระบบนี้เลย จริงๆเคยอยากเป็นครูแต่เปลี่ยนใจเพราะระบบราชการ เจ้าขุนมูลนาย แล้วก็การเมืองไทยนี่ละ ทำให้ตอนนี้คนมองว่าคนจะเป็นครูคือคนที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้วอะ ทั้งๆที่อาชีพครูควรจะเก่งพอๆกับหมอด้วยซ้ำ หมายถึงเก่งในวิชาที่ตัวเองสอนนะ
ตั้งเเต่มีการสอนออนไลน์ ทำให้รู้มากขึ้นว่าจริงๆเเล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งการสอนของครูในรร.เลยสักนิดเดียว
ทุกวันนี้จะสอบวิชาไหน ก็จะหาคนที่เขาสอนตามเเหล่งต่างๆ เเละเเทนที่การเรียนการสอนในโรงเรียนจะช่วยให้นักเรียนได้เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยได้ง่ายขึ้น เเต่กลับมาเป็นภาระที่มากมาย ที่ต้องเสียเวลาเสียโอกาสในการเตรียมตัวเข้าสอบมหาลัย ทำให้การเรียนพิเศษจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เเละนี่ก็เป็นเหตุผลของการเลื่อมล้ำในการศึกษาไทยในปัจจุบัน 😁
ใช่ค่า
โรงเรียน = ที่ทบทวนของเด็กที่เรียนพิเศษ
1. จากมุมมองคนเป็นครูในระบบนะครับ
1.1 ระบบประเมินครู มันอิงมาจากคาบสอนด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ ครูต้องมีคาบสอบให้ถึงเกณฑ์
1.2. จากข้อที่ 1 ทำให้ โรงเรียนที่จำนวนครูเยอะ ต้องเปิดรายวิชาต่างๆ เพื่อให้ครูมีคาบ
1.3. พอเปิดวิชาเพิ่ม ถามว่าใคร ที่ต้องซวย นั่นคือ นักเรียน ต้องเรียนวิชาเพิ่มเติม ที่แม่งไม่มีประโยชน์เท่าไร
1.4. มันเลยเป็นปัญหาว่า ทำไมเรียนเยอะ!!
2. ที่ว่าเรียนพิเศษ มันดี กว่าเพราะ
2.1. ได้แต่เด็กที่ตั้งใจมาเรียนวิชานั้นจริงๆ มันก็เลยดู ดี ดูไปได้เร็ว แล้วก็เรียน+สอนได้แบบสนุก
2.2. ปัญหาที่เจอในระบบ ด้วยความที่ผมสอนแผนวิชาเฉพาะ แต่เด็กที่เลือกเข้ามาเรียน เค้าไม่ชอบจริงๆ มาเรียนเพราะเลือกอะไรไม่ได้ มาเรียนไปวันๆ
2.3. แล้วเด็กที่เค้าตั้งใจมาเรียนจริงๆล่ะ ผมก็ไม่สามารถ แยกร่างสอนได้ ต้องสอนไปตามหลักสูตร
2.4. แต่ถ้าผมสอนไว เพื่อเน้นเด็กที่ตั้งใจมาเรียน เด็กที่เค้าไม่ชอบอยู่แล้ว ยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องเรียนมันแย่ไปอีก
2.5. ถ้าในระบบ ได้เรียรวิชาเฉพาะจริงๆ ลดวิชา ที่มันไม่เหมาะกับแผนนั้นออกไปได้จริงๆ ห้องเรียนในระบบ มันเพียงพอมากครับ
องค์ประกอบมันเยอะมากครับ ที่ทำให้เกิดปัญหา
1. ระบบประเมิน
2. หลักสูตร
3. ภาระผู้สอน
4. ความพร้อม/ความชอบของผู้เรียน
5. ทัศนคติ ต่อการเลือกสถานศึกษา
6. อีกเยอะ แชร์ ๆ กันครับ
ถูกต้องครับ ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เลย
ครูในระบบที่อยู่ ร.ร.ที่ครูน้อย สอนคนละ 3-4 วิชา วิชาละหลายระดับชั้น ....
เห็นด้วยครับ
เอาง่ายๆครูมีความสามารถต่ำสต.เคยอยู่ห้องที่มีคนได้ทุนคิงเหมือนกันแล้วตัวผมก็โอลิมปิกเลขต้องบอกว่าครูไม่มีความสามารถพอจริงๆติวเตอร์ก็เหมือนกัน ติวเตอร์ที่ผมเรียนก็หมดไปแสน-2แสนนู้น ต้องบอกว่าถ้าติวเตอร์ไม่ดังมากกับครูเก่งๆก็พอๆกันแหละ
เรียนโรงเรียนรัฐตอนม.6 เคยเจอที่แย่สุดเลยนะคือครูสอนอังกฤษที่แทบไม่สอนไรเลยมาถึงให้ใบงานให้มาระบายสีหาคำศัพ์เด็กประถมแล้วให้ทำแบบนี้บ่อยด้วย ตอนสอนก็สอนแต่แกรมม่าสอนไม่รู้เรื่องสอนนิดๆ หน่อยๆ คือม.6จะขึ้นมหาลัยแล้ว แล้วจะไม่ให้พึ่งเรียนพิเศษได้ไง
เรียนในยูทูปฟรีๆยังดีกว่าเรียนที่โรงเรียนอีกครับ เข้าโรงเรียนไปเอาแค่เกรดยื่นเข้ามหาลัย ความรู้ตอนสอบก็มาจากเน็ตจากยูทูปทั้งนั้น ไปเรียนเป็นพิธี🤨
ในฐานะครูคนนึง เหนื่อยใจจริง ๆ ครับ เราใส่ใจ เราให้เด็กเต็มที่ แต่งานอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการสอน เอย เนื้อหาหลักสูตรที่เยอะแถมไม่ตอบโจทย์เอย จำนวนนักเรียนกับครูที่ไม่สัมพันธ์กันเอย ปัญหาต่าง ๆ มันเยอะไปหมด จบใหม่ไฟแรงแค่ไหนมาอยู่โรงเรียนก็ท้อครับ
เราอิจฉาเด็กในเมืองตลอดที่ได้เรียนพิเศษ เราอยู่ต่างจังหวัดที่ไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่ ที่เรียนพิเศษยิ่งไม่มี ครูที่สอนก็สอนวิทคณิต ภาษาหมด ซึ่งเราเป็นคนที่ชอบศิลปะ อยากเรียนดรออิ้งมากๆ เเต่ที่รรไม่มี ที่สอนพิเศษก็ไม่มีสักที อยากเรียนตจวก็ต้องไปกลับทุกวันโคตรไกล เเย่อะ
เดี๋ยวนี้มันมีเเบบเรียนออนไลน์เเล้วหนิคะ ที่ไหนก็เรียนได้ มีเเค่คอม/ ไอเเพด/ โทรศัพท์ก็ยังได้ เเถมยังสะดวกอีก หนังสือเขาก็จะส่งมาให้เลยหนิ
หรือ ถ้าจะเรียนดรออิ้งตามเเหล่งต่างๆก็มีสอนนะคะ เราก็เป็นคนวาดรูป ก็ฝึกตามอินเตอร์เน็ตเนี่ยเเหละค่ะ เเต่มันก็เเล้วเเต่คนอ่ะเนอะอาจจะถนัดไม่เหมือนกัน
เด็กตจว.ลำบากจริงในการหาที่เรียนพิเศษศิลปะ เราต้องมาเรียนที่กทม.ตอนปิดเทอมอ่ะ
@@kuncharut7221 มันไม่ได้เข้าถึงทุกคนครับ
@@kuncharut7221 เด็กต่างจังหวัดถ้าไม่ได้เรียนรร.ดังที่อยู่ในเมืองน้อยคนมากครับที่เด็ก รร. นอกตัวเมืองจะเก่งเท่าคนที่เรียนในเมือง ทั้งๆที่ รร รัฐบาลเหมือนกันแต่ไม่รู้ทำไมการเรียนถึงไม่ดีเท่าในเมือง
เศร้าใจและทุกข์ใจมาตลอดกับระบบการศึกษา เราเสียน้ำตา เสียสุขภาพจิตให้แก่ระบบนี้ไปมาก อยากลาออก แต่หน้าพ่อแม่ก็ลอยขึ้นมา เรามีเป้าหมายอยากเข้าคณะนึง ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรู้เยอะมากๆๆๆๆ และคู่แข่ง คนที่สอบด้วยก็เรียนพิเศษไปหมด เราที่อยู่โรงเรียนธรรมดา แทบจะเอาไปสู้ไม่ได้เลย เพราะตอนมอต้นก็ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย พยายามสู้ทนมาตลอดมปลาย จนตอนนี้จะจบม.6ละ คือเรียน 7วัน วนๆๆๆ มีเวลาพักน้อยมาก เหนื่อยมาก อยากลาออกจากตรงนี้ อยากลาออกจากการเป็นตัวเองตลอดเวลา ระบบมันแย่มาตั้งแต่รุ่นไหนแล้ว มันบ่นกันมาทุกปี ทำไมเขาถึงทำได้ ผ่านมาได้ ใช่ ผู้ใหญ่ก็จะชอบพูดแบบนี้ใส่ แต่แล้วทำไม ในเมื่อรู้ว่ามันแย่ แต่กลับไม่ถูกแก้ไข ปรับเปลี่ยนอย่างจริงจังบ้าง เราเสียเด็กออกจากระบบการศึกษากี่คนแล้ว อยากให้คนที่ทำงานตรงนั้นมาเห็นบ้างว่าพวกเราที่เป็นคนอยู่ในระบบต้องเจอกับอะไร
คหสต.นะ รร.ให้อะไรเราบ้างอ่ะ บางคนโดนบูลลี่จากเพื่อนบ้างจากรุ่นพี่บ้างจากครูบ้าง ครูนี่ตัวดีเลย รร.ส่วนใหญ่ก็สอนในสิ่งที่ไม่ได้ช่วยให้เราเข้ามหาลัยได้เลยอ่ะ สุดท้ายก็ไปจบที่เรียนพิเศษอยู่ดี เพราะถ้าไม่เรียนก็สู้กับเพื่อนๆไม่ได้ยิ่งถ้าไม่ใช้รร.เเข่งขันนะ ยิ่งหนักเลย บางคนอยากเรียนอันนู้นอันนี้ก็ไม่มีให้เรียน บางคนยังไม่รู้ตัวเองเเต่ก็ต้องมาเลือกสายกันตั้งเเต่ม.4 เข้าไปบางคนก็ไม่ไหว ท้อเหนื่อยสุขภาพจิตเเน่ เรามีเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมาก จากการศึกษาไทยเเละสังคม มันยากนะที่เเบบเด็กต้องมาเเบกรับอะไรเเบบนี้อ่ะ เเล้วผู้ใหญ่ก็ไม่เข้าใจ โรงเรียนมีประโยชน์อะไร อย่างน้อยก็เป็นเเค่ศูนย์รวมคนในวัยเดียวกันให้ได้มาเจอมาทำค.รู้จักเข้าสังคมเท่านั้น เด็กเก่งก็โดนรั้ง เด็กอ่อนก็โดนทิ้ง เด็กกลางๆก็ต้องพยายามดึงตัวเองให้ไม่หลุด เอาตรงๆเลยที่เราเห็นเเละผ่านมาคนที่เก่งเเละทำข้อสอบได้เเทบไม่มีคนไหนเลยที่เรียนในห้องเเล้วจบ ทุกคนกลับไปอ่านเองต่อ ไปเรียนพิเศษบ้าง ไปติวกับเพื่อนบ้าง เด็กเหมือนต้องสู้อ่ะ เเล้วคนที่ไม่มีทุนทรัพย์อ่ะ ได้คิดถึงกันบ้างไหม พวกเขาจะไปสู้ได้ยังไงเหลื่อมล้ำมาก นอกจากจะไม่มีโอกาสเเล้วยังไปลดทอนกลจ.เเรงบันดาลใจ ความฝันของเด็กอีกๆ
มันผิดที่หลักสูตรการศึกษาของไทยยังใช้ระบบเดิมด้วยค่ะ จะให้โทษที่ครูอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่นะ เพราะว่าครูก็ต้องทำตามที่เขากำหนด แต่เดี๋ยวนี้เขาก็สอนครูใหม่ๆให้รู้จักเอาอะไรใหม่ๆรึปรับการสอนใหม่ๆให้เข้ากับนรมากขึ้นแล้วนะคะ🥺
เราจบ รร.บ้านนอก คือบ้านนอกชนิดเน็ตเข้าไม่ถึง ครูมีแต่ให้จดส่งๆ เพราะแถวนั้นยากจนมีบางคนที่เรียนพิเศษ เราอยากเรียนคณะในฝัน พยายามสูงสุดแล้วได้แค่คณะคะแนนไม่สูงแต่ ม.ดังในปีนั้นมีเราไม่มีเงินเรียนพิเศษกับเพื่อนอีกเขาเรียนพิเศษคน 2คนทั้ง รร.ที่ติด มtop ถ้าเลือกได้อยากให้เท่าเทียมกันหน่อย เราคงได้เรียนตามฝันพูดแล้วจะร้อง อนาคตที่วาดฝัน คงเป็นได้แค่ฝันต่อไป
พี่เสื้อน้ำเงินExpressแนวคิดออกมาดีมาก คุมContextที่ต้องการสื่อสารและใช้เหตุผลรองรับแบบโครตดี
- ครูเป็นสื่อของปัญหา แต่ต้นตอปัญหาอยู่ที่ระบบการศึกษา
- การเรียนพิเศษ มันไม่ใช่ว่าติวเตอร์จะสอนดีกว่า (เสมอไป) เพราะบางคนแม่งก็คือครูในโรงเรียนนี่แหละ -*- แต่ในสถาบันกวดวิชา Targetของผู้สอน มันถูกสโคปได้ชัดขึ้น ใกล้ขึ้น และตรงจุดมากขึ้น ทั้งเนื้อหาที่สอน (ที่ไม่ได้ถูกจำกัดว่าต้องเป็นไปตามหนังสือที่กศธ.กำหนด ติวเตอร์สามารถหยิบเอาTextbookนอกมาใช้ได้ ) หรือตัวบุคคล ที่จำนวนน้อยกว่าในโรงเรียน สามารถFocusได้ง่ายกว่า ยิ่งน้อยยิ่งง่าย (ถ้า1:1ก็คือจี้ได้เลย) บวกกับระยะเวลาที่มากพอให้ควบคุมเนื้อหาได้ (ในโรงเรียนคือมันต้องฟิคไง ใน1ชม. เช่นเนื้อหานี้แม่งง่าย ไม่ต้องครบขั่วโมง แต่พอเวลาเหลือ ครูก็โปะด้วยเนื้อหาบทถัดไป ซึ่ง..แม่งก็โปะได้ไม่หมด โปะครึ่งๆกลางๆแบบขาดตอน พอกลับมาคาบหน้า ความต่อเนื่องก็หาย)
- แม้แต่ติวเตอร์เก่งๆหลายคน พอถูกเชิญเข้าเป็นวิทยากรในโรงเรียน ให้ติวสอบด้วยเวลาที่จำกัดและไม่ยืดหยุ่นตามแบบฉบับสถานศึกษา หลายคนก็ตกม้าตาย เด็กบางคนไม่รู้เรื่องด้วย แล้วเวลาสอนก็ดันมีครูมายืนจ้อง ล่กกันทั้งนักเรียน ล่กกันทั้งวิทยากร เพราะงั้นอาจารย์เก่งๆหลายคนจึงทำตัวเป็น Freelance มากกว่าจะเข้ามาอยู่ในระบบการศึกษา ที่โครตจะเส็งเคร็งนี่
- แต่! ตามที่ย้ำว่านี่ไม่ใช่เสมอไป มันยังมีเคสยิบย่อยออกมากที่อาจจะดีกว่านี้ หรือแย่กว่านี้อีกมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในระบบการศึกษามันห่วยแตกอะนะ
พอโตขึ้นละกำลังหาสิ่งที่ตัวเราเองอยากทำจริงๆในอนาคต แล้วพอได้เรียนออนไลน์รร.นี่ดีหน่อยตัดวิชาที่"ไม่จำเป็น"ออก ทำให้เรามีเวลาพักเยอะขึ้น จนได้ทำสิ่งที่อยากทำ ได้ทำอะไรนอกกฎ ได้เจอความสามารถที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน มันรู้สึกดีมากอะ มันรู้สึกได้ถึงความอิสระจากอะไรก็ไม่รู้ที่มันหนักอยู่ค่อยๆเบาลง ทำให้เรารู้เลยอะว่าที่ผ่านมาเรากำลังใช้ชีวิตโดยการสวมบทบาทนร.อยู่แทบทั้งวัน จนไม่มีเวลามาค้นหาตัวตนของตัวเอง คือเรียนที่รร.ก็ปาไปครึ่งวันแล้ว กลับบ้านมาก็ยังต้องทำการบ้าน ทบทวนบทเรียนต่ออีก บางทีมันก็มากเกินไป จนเราไม่เหลือแรงมาทำสิ่งที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราชอบได้เท่าที่ควร แล้ววันนึงที่เราต้องออกจากกรอบที่คอยบอกลำดับสิ่งที่เราต้องทำ เรารู้สึกว่าเราอาจจะงงไปเลยก็ได้ว่าเราจะทำอะไรต่อดี ในเมื่ออนาคตเราต้องเป็นคนวางแผนเอง แต่ตอนนี้เรากลับเดินตามแบบแผนที่เค้าให้มาจนเราทำตัวตนเราหายไประหว่างทางเรื่อยๆจนวันนึงเราก็อาจจะลืมจริงๆว่าเราต้องการอะไรกันแน่
เราก็คิดนะ การเรียนพิเศษมันสร้างความเหลื่อมล้ำได้เยอะมากเลย โรงเรียนไม่มีความสามารถมากพอจนเด็กต้องไปเรียนพิเศษ แล้วเด็กที่ไม่มีต้นทุนพอต่อให้ดิ้นรน อ่านเอง ทำเอง หาเอง ก็ยังไม่สามารถไปทัดเทียมคนที่เขามีทุนจริง ๆ
ใครมีประสบการณ์การเรียนพิเศษแบบไหนมาบ้าง เล่าให้ฟังกันหน่อย
ได้เรียนพิเศษถึงสี่ทุ่มเพราะ แม่คุยกับครูจนเพลินด้วยความบ้านอยู่ใกล้ที่เรียนพิเศษมากแถมครูก็ว่างด้วย แล้วให้ผมเรียนรอแม่คุยเสร็จ…..ทรมานครับ คำเดียวเลย
สำหรับผมถ้าเอาแบบเด่นๆเลยคือ สมัยเรียนมหาลัย ตอนนั้นอยู่ปี 1 แล้วผมลงเรียนวิชาแคลคูลัส 2 กับติวเตอร์คนนึง ซึ่งติวเตอร์คนนี้เขาก็เป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วแล้วเขามาเปิดโรงเรียนสอน ผมลงคอร์สตอนเย็นไว้ เป็นคอร์สเวลา 1 ทุ่ม ถึง 4 ทุ่ม ประเด็นคือแกชอบปล่อยเลท อาจจะเลทถึง 5 ทุ่ม เที่ยงคืน เคยเลทสุดคือตี 3 แล้วเช้ามีเรียนเช้าต่อ ถามว่าถ้ากลับก่อนเวลาปกติได้ไหม กลับได้ แต่พอมาอีกครั้งมันจะต่อไม่ติดเลย แกจะไม่ย้อนมาสอน แต่ข้อดีคือแกจะสอนตรงตามแผนการเรียนที่เรียนในมหาลัยมากๆ และจะให้ทำโจทย์จากข้อสอบเก่า 100% แล้วตอนสอบจริงข้อสอบก็ไม่หนีไม่จากข้อสอบเก่าๆเลย
ในมุมผม มีสองสาเหตุที่ทำให้เด็กต้องเรียนพิเศษ 1.เด็กอยากเรียนเองเพราะสนใจในวิชานั้นๆ แบบชอบเรียน อยากรู้เนื้อหาที่ลึกขึ้น อยากเก่ง 2. เรียนเพื่อสอบเข้า เด็ก อาจไม่ชอบเรียรอะไรขนาดนั้นแต่เพราะเรียนกับครูที่โรงเรียนไม่เพียงพอ ที่จะทำให้สอบติดได้
การสอบ ไร้ประโยชน์ในสายตาผม
สอบ = นักเรียนเครียด
พอนักเรียนเครียดมากๆ = ไม่อยากเรียน
พอนักเรียนเลิกเรียน = ตามเนื้อหาไม่ทัน
พอตามเนื้อหาไม่ทัน = เครียด
มีสองทางเกิดขึ้น
1.
นักเรียนบอก"ไม่สนแม่งแล้ว!!" แล้วก็ไปหางานอดิเรกทำจนต่อยอดไปเป็นงานจริงๆได้
2.
กดดันเลยอ่านหนังสือ จนเสียสุขภาพ หรือ อาจจะไปเสพยา เพื่อลดความเครียดต่างๆนา
แล้วก็ที่สำคัญที่สุด
ยังมีเด็กที่เครียดจากการสอบทำการฆ่าตัวตายด้วยเพราะ ทั้งนี้การสอบมีทั้งความกดดันและความเครียด จนอาจทำให้เด็กที่มีความเครียดอยู่แล้วปิดชีวิตไป
และนี้คือสาเหตุที่ผมเกลียดข้อสอบ
การศึกษาไม่ได้เข้าถึงทุกคนค่ะ ทุกอย่างเลยเนื้อหาการเรียน ครู นักเรียน ระบบ คือมันต่างกันจริงๆ ถ้าจะให้เอาความรู้จากรร.ไปสอบแข่งกับคนทั้งประเทศเราว่ามันไม่พอจริงๆ แค่โรงเรียนประจำอำเภอ กับโรงเรียนประจำจังหวัด ก็ต่างกันมากแล้ว เราต้องหาโอกาสที่ดีกว่าให้กับตัวเองโดยการเรียนพิเศษค่ะ
อยากให้พี่ทำว่าทำไมถ้าครูตีเรา แล้วเราต้องขอบคุณครูหลังจากที่ครูตีเราด้วยทั้งที่ครูตีเรา
ผมคิดว่าการที่เราเลือกที่ไปเรียนพิเศษเสริม เพราะเราตามเนื้อหาในห้องไม่ทันหรืออาจจะอยากเรียนล่วงหน้าเพื่อทำให้คะแนนเก็บ/คะแนนสอบดี แต่สำหรับการเรียนเสริมเพื่อติวสอบgat/pat มันเอาข้อสอบที่เราเรียนมาตั้งแต่ม.4มาสอบ ใครจะจำไหว เราก็เลยต้องมีตัวช่วยเสริมสำหรับคนที่มีกำลัง และข้อสอบgat/pat มันยากกว่าที่เรียนในโรงเรียนหลายเท่า
4:27 เสียงคุณดาวเหมาะกับการเป็นติวเตอร์จริงๆค่ะ เสียงไพเราะน่าฟัง เวลาสอนจริงๆ
จากประสบการณ์ของเรา เราเรียนพิเศษมาจะเข้าปีที่5ตอนนี้ยังเรียนอยู่ ตอนแรกเป็นคนที่ไม่ชอบวิชาอะไรเลย เพราะว่าไม่เข้าใจ เคยถามครูในคาบแล้วคำตอบที่เราได้คือทำไมเธอไม่ตั้งใจฟัง ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่อยากคุยกับครูคนไหนเลย จนแม่ส่งเรียนพิเศษค่ะ เรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม เรียนไปครึ่งปีก็สามารถอ่านเขียนพูดได้ เข้าใจกว่าที่รร.สอนอีกค่ะ เราคิดว่าเรียนพิเศษครูน่าจะดูแลเด็กทั่วถึงกว่า มีเวลาสอนเยอะกว่าถามได้ตลอด และมีเทคนิคในการสอนและเนื้อหาพร้อมตลอด แต่ครูในรร.จะสอนหลายๆห้องบางคนก็สอน2วิชาบ้าง ต้องตรวจงานเด็กเป็นร้อยคน ตามเด็กที่ไม่มีคะแนนติด0 ไหนจะต้องจัดการเรียนการสอนอีกและมีเวลาสอนที่จำกัดเลยดูแลเด็กให้ทั่วถึงทุกคนไม่ได้ แต่ครู"บางคน"ก็เหมือนไม่อยากสอนน่ะค่ะถามเด็กว่าใครมีคำถามมั้ย พอยกมือถามไปก็ชอบตอบทำไมเมื่อกี้ไม่ได้ฟังหรอ ทำไมไม่ตั้งใจ แบบนี้แหละค่ะ ที่ทำให้เด็กไม่เข้าใจและไม่กล้าถามคำถามครู
อยากแสดงความคิดเห็นด้วยเลย เราที่จะเข้าสถาปัตย์ ซึ่งต้องสอบแพท4หรือจะเอารอบพอร์ตก็ต้องทำผลงานส่ง และใช่ ที่รรไม่เคยสอนศิลปะเป็นจริงเป็นจังเลย ให้ค่าศิลปะ=0 ต้องไปเรียนพิเศษการทำผลงานหรือการทำข้อสอบแพท4 ครูแนะแนวก็ไม่เคยสอนหรืออาจจะไม่ได้ใส่ใจทั่วถึงว่าพอร์ตต้องทำผลงาน บอกแต่ให้ทำกิจกรรม เก็บใบประกาศต่างๆ ไม่รู้ด้วยมั้งว่าเค้าไม่ได้สัมภาษณ์อย่างเดียวแต่มีสอบปฏิบัติด้วย แต่คิดอีกมุมคือถ้ารรจะสอนมันก็ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะสนใจ เลยคิดเหมือนพี่ในคลิปเลยว่ามหาลัยกับรรมันไม่คอนเนคกัน ผิดที่รรไม่สอนหรือมหาลัยออกเกณฑ์ไม่สอดคล้องกับหลักสูตร? หรือคนที่คิดรูปแบบข้อสอบ?
แม่เคยสมัครคอร์สแบบติวลัดเข้า ม.4 ให้ พอไปเรียนคือเป็นห้องไม่ใหญ่มากแต่ยัดเด็กไป 30-40 คนได้ รู้สึกว่าไม่ไหว มันอึดอัดไปหมด เลยไม่ได้ไปเรียนอีกเลย ปัจจุบันเป็นติวเตอร์แบบเน้นตัวต่อตัว ไม่ก็สอนกลุ่มเล็ก ๆ เลย
เดี๋ยว คุ้นมากได้เรียนที่เดียวกันไหม😂😂 เด็กเยอะจริง เสียงดังมาก ครูก็มีคนสองคน เรียนไม่ได้ ต้องไปจ้างส่วนตัว
@@namelastname3653 ไม่แน่ใจ จำชื่อสถาบันไม่ได้แล้วครับ ผ่านมา 15 ปีแล้ว 555
เรามองว่าสุดท้ายแล้วตอนเรียนกับตอนสอบมันไม่ได้ใช้เนื้อหาแบบเดียวกันน่ะค่ะ แล้วอีกอย่างเรารู้สึกว่าการเรียนพิเศษมันทำให้เราโฟกัสในการเรียนมากกว่าและเอาไปสอบในสนามหลักได้ด้วย ในขณะที่เรียนในห้องก็จะเน้นในเรื่องการทำงานกับเพื่อน รู้ว่าต้องพูดกับใครยังไงในการทำงานกลุ่มมากกว่า แต่มันยังไม่ตอบโจทย์คนที่เรียน
เทรนเสื้อยับ ผญ.คนนี้ ใส่ได้น่ารักมากค่ะ
ผมเพิ่งเริ่มเรียนพิเศษเพราะอาจารย์ที่โรงเรียนสอนไม่รู้เรื่องครับ มีวิชานึงผมได้ 10 เต็ม 30 คะแนน
(ทั้งห้องผ่านแค่คนเดียว)
>คนที่ไม่ผ่านจะเป็นกลุ่มที่ไปเรียนพิเศษ-ได้มากกว่า 14 คะแนนแต่ไม่ผ่าน
>อีกกลุ่มคือไม่เรียนพิเศษ-ได้ต่ำกว่า 10 คะแนน
>มีคนได้ 0 เต็ม 30 คะแนน
เอกลักษณ์บ้านจูเน่ เสียงลูกสาวน่ารักน่าฟังมาก
I mean, there's 2 perspective at looking why Extra Classes?
1. In school you can't pass a certain subject, or fail to satisfy a score, or grade of the subject, so that's why students have to take extra class to reach a satisfaction.
2. Some, students excel at a particularly subject, and when that student is studying with a system with one standard for everybody, then that student would see it as too weak for them. That's why they have to take extra classes for their satisfaction for their skills to reach a higher goal then just a common standard of everybody.
ตอนอยู่ ม.ปลายอาจารย์วิชาภาษาไทยเปิดแต่ google แล้วฉายสไลด์ให้จดตามในเน็ตซึ่งเลื่อนไวมากถ้าจดไม่ทันไม่เช็คชื่อจดแบบนี้จนเรียนจบ อาจารย์ไม่สอนไรเลยไม่รู้ด้วยซ้ำจดอะไรอยู่ ส่วนอาจารย์อีกคนโดนยืมตัวให้มาสอนคณิตพื้นฐานของ ม.ปลายเพราะอาจารย์ไม่พอ ซึ่งอาจารย์เหมือนทำความเข้าใจไม่กี่ ชม ก่อนมาสอนเหมือนอาจารย์ก็ไม่ค่อยได้เหมือนช่วยกันเรียนมากกว่า ส่วนอาจารย์แนะแนว รร. ก็ตัดพ้อเด็กว่าอย่าหวังสูงเรียนแถวบ้าน เรียนอาชีวะ เน้นจบมามีงานทำก่อน ไม่เคยปลูกฝังหรือหาโควต้ามหาลัยดีๆให้เลย มีเพื่อนคนนึงไปเรียนพิเศษอยากสอบเข้าหมออาจารย์นี่แหละพา นร. คนอื่บูลลี่ว่าเพื่อนคนนี้อยากเรียนหมอ รร.ป่วยมาก แอบเสียใจที่จบ ม.6 มาไม่ได้ตั้งใจอ่าน นส แล้วเข้า มหาลัยที่ฝัน เพราะไม่มัโอกาสตั้งแต่เริ่ม เราอยู่ต่างจังหวัดที่เรียนพิเศษไม่มี ที่บ้านไม่ปลูกฝัง คุณครูบูลลี่เด็กที่อยากเรียนไกลบ้านว่ากระแดะ
ผมอยู่มหาลัยเรียนวิศวะ ผมคิดว่าจบมอปลายมาแล้วจะรอดจากวงการเรียนพิเศษ สุดท้ายก็กลับมาวนลูปเดิม พึ่งที่เรียนพิเศษ555
ติดมหาลัยได้คือมาจากเรียนพิเศษกับนั่งทำโจทย์เองจิงๆ คือเนื้อหาที่รรสอนคือยัดๆกะสอนให้จบเเต่ไม่มีการมาตะลุยโจทย์หรือสอนการประยุกต์เพื่อใช้กับโจทย์ข้อสอบสอบเข้าเลย รู้สึกเสียเวลากับการเรียนในโรงเรียนมากๆสิ่งที่ได้จากรรน่าจะเป็นเรื่องเพื่อนเเละปสกการเอาตัวรอดที่ปสดในรร
เคยถามเพื่อนเหมือนกัน เพื่อนบอกอิจฉาไงไม่ได้เรียน omg ด้วยความเปนคนเรียนเฉพาะสิ่งที่ชอบ นอกนั้นอันไหนไม่สนใจ จะไม่เรียนต่อให้เกี่ยวกับการสอบหรือวิชาสำคัญก็ตาม
ขอพูดเรื่องครู ที่เหลือครูแก่ๆในรรเยอะก็เพราะทำงานหลายปีเงินเดือนเยอะแล้วก็ไม่มีปัญหา แต่ครูดีๆรุ่นใหม่ถูกบีบออกจากการศึกษา เพราะเงินเดือนกะติ๋วหลิว งบน้อย ถ้าจะทำอะไรก็ต้องออกเองซึ่งเงินเดือนเริ่มต้นมันก็น้อยอยู่แล้ว ทำให้ขยับตัวลำบาก ก็เลยออกมาเป็นติวเตอร์เพราะเงินดีกว่าเยอะแถมทำอะไรได้อิสระกว่าอีก ซึ่งมันก็เป็นเพราะระบบอีกนั่นแหละ ไม่ให้ค่าเรื่องพวกนี้เท่าที่ควร ไม่งั้นงบคงส่งมาถึงแล้วก็มากกว่านี้ การศึกษาคงมีประสิทธิภาพขึ้นกว่านี้อีกหน่อย เพราะมีครูหลายคนที่ตั้งใจสอนแล้วก็อยากจะพัฒนาระบบการศึกษาเยอะแยะอยู่แล้วนะ
ภาระครูในระบบมันเยอะมากๆๆ บางคนจ้องทำงานธุรการ บัญชี งบประมาณ สอนหลายวิชา หลายชั้น จนไม่มีเวลาเตรียมการสอนที่ดีพอ ไหนจะงานประเมินต่าง ๆ แต่คิดก็ปวดหัวแทน
ก็ลองคิดวิชาภาษาอังกฤษที่ครูยังให้ทำเเค่เเบบฝึกหัดหนังสือหลักสูตรปี 2015 สิคะ น้องดิฉันยังเรียนเหมือนเดิม thank you teacher see you again tomorrow ,sit down, Hello เออ ก็ไม่ได้สอนดีอะไรเลยอะ ฉันที่หลุดพ้นโคจรเพราะ รร สอนพิเศษ เเละรู้สึกเห็นอนาคตเพราะครูสอนพิเศษคนนั้นเเกมาเป็นครูที่ รร ที่เราย้ายมาคือเเบบ ดีใจมากกกกกก
เราก็เป็นคนนึงที่ลาออกจากรร.มาสอบเทียบเหมือนกัน ด้วยความที่โควิดด้วย เรียนออนไลน์ด้วย มันไม่ไหวจริง ๆ ไม่อยากเสียเวลาอีกปีกว่าจะจบแล้วด้วย กลายเป็นว่ารร.ไม่ตอบโจทย์สำหรับเรามาก ๆ
การเรียนพิเศษผมมองว่าประเทศเรายังมีระบบการสอบเเข่งขัน เเละเเน่นอนขึ้นชื่อว่าเเข่งขัน การได้เปรียบจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะงั้นต่อให้ระบบทางการจะพยายามลดความสำคัญของที่เรียนพิเศษลง ยังไงก็ไม่มีทางล้มได้
กดเข้ามาดูเพราะพี่ดาวฟ้าเลยยย สำหรับเรา การศึกษาที่รร.ไม่ตอบโจทย์ทั้งด้านเนื้อหาและทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในการสอบเข้าม.1/ม.4/มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่งเป็นก็เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของพ่อแม่อีกทีนึง กล่าวคือถ้าอยากสอบติดที่ดีๆ อยากเรียนที่ดีๆ การเรียนพิเศษแทบจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับเด็กที่แบกความคาดหวังมาอย่างเราๆ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าการเรียนการสอนที่รร.เป็นภาระสำหรับเรามากเสียเวลาไปทั้งวันโดยแทบไม่ได้ความรู้อะไร โดยได้ของแถมที่ไม่ต้องการคือภาระงานที่ครูแต่ละวิชามอบหมายให้มาจนกองเป็นภูเขา จนมาช่วงโควิด เราเข้าเรียนออนไลน์แบบเปิดมันทิ้งไว้เพื่อเช็กชื่อเฉยๆ แล้วโฟกัสกับการปั่นเทปเรียนพิเศษอย่างเดียว ยิ่งทำให้เข้าใจเลยว่าการศึกษาในระบบไม่มีประโยชน์เลย การเรียนพิเศษอย่างเดียวไม่ทำให้เรารู้สึกขาดอะไรไปเลย เราสามารถสอบผ่านได้โดยไม่จำเป็นต้องฟังแนวข้อสอบจากครู แต่ยังไงก็ตาม เราก็ไม่ได้สนับสนุนว่าการเรียนพิเศษมันดี จริงๆเราไม่ชอบเลยที่เด็กต้องมานั่งเรียนเยอะๆแบบนี้ บางทีก็รู้สึกว่าเราขาดการใช้ชีวิตวัยนี้ไปเพราะการศึกษา แต่จะทำไงได้ในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกฐานะครอบครัวไม่ได้ ทำให้ต้องติดอยูในระบบการศึกษาเน่าๆของประเทศนี้ จำเป็นต้องเรียนสูงๆเพื่อยกระดับชีวิตตัวเองให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
ครูสอบภาษาอังกฤษที่รร.คนหนึ่งสอนพิเศษแล้วเอาข้อสอบพร้อมเฉลยให้กับนร.ที่เรียนพิเศษกับตัวเอง เรารู้เพราะเพื่อนเราเอาข้อสอบและเฉลยมาบอกเราด้วยเพราะรู้สึกว่ามันเอาเปรียบคนไม่เรียนพิเศษเกินไป
ความคิดเราเราว่าเรียนที่โรงเรียนเหมือนเขาแค่สอนๆให้ครบหลักสูตรแล้วก็สั่งงานเพื่อเอาคะแนนแค่นั้น แต่ว่าเรียนพิเศษเขาจะเน้นให้เด็กเข้าใจ มีสูตรของเขาที่ง่ายกว่าโรงเรียน แล้วก็เอาไปสอบได้
ตั้งแต่เด็กเสียงที่ดังก้องในหัว มีแต่ ต้องเรียนเก่งๆ จนเรียนจบ ยัดให้เรียนพิเศษจนแทบไม่รู้ว่าปิดเทอมคืออะไร เสาร์อาทิตย์ไม่รู้จัก ตั้งแค่ป.1-ม.6 แต่มันก็ไม่เก่งขึ้นอยู่ดี การบ้านที่โรงเรียนก็ค้างไม่ทำบ่อยๆเพราะกว่าจะกลับถึงก็เกือบ6โมงเย็น ไหนจะกินข้าวอาบน้ำ แป๊บๆก็ต้องนอน วันเสาร์อาทิตย์เรียน 8โมงเช้า ถึงบ่าย3 เป็นอะไรเหนื่อยมาก เคยมีครั้งนึงตอนประถมผมกลายเป็นตัวตลกในห้องเพราะคุยเรื่องการ์ตูนกับเพื่อนๆไม่ได้เพราะไม่ได้ดูมันเลยเป็นปมในใจ พอมาม.ปลาย ผมที่มีเพื่อนชอบคล้ายๆกันจึงรู้ว่าตัวเองเป็นพวกสายอาร์ต แต่พ่อแม่บอกไร้สาระ เคยคุยกับแม่ขอไม่เรียนพอเศษช่วงปิดเทอม แม่ตอบว่า "ไม่เรียนก็ไปเลี้ยงควาย" เลยแอบลองบุหรี่จนติด แอบลองเหล้า ยังดีที่ไม่ถึงพวกการใช้ยา ผมกดดันมาก มาตอนนี้ผมไม่มีเวลาค้นหาตัวเลยไม่รู้จักว่าตัวเองจะไปทางไหน ผมทำได้แค่ตื่นมา เรียน กินข้าว และนอน มาตอนนี้เข้า30ปลายๆแล้วผมก็ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ คิดอย่างเดียวอยากได้เวลาช่วงวันเด็กที่ได้เล่นสนุกกลับมา
อยากบอกคุณท่านๆผู้ปกครองนะครับผมเจอแบบนี้มาค่อนชีวิต อย่าให้มีคนอย่างผมเกิดขึ้นอีกเลย อยากให้ท่านๆดูสังเกตุบุตรหลานของท่านก่อนว่าไปได้แค่ไหนหรือไปทางไหนและสนับสนุนในทางที่ดีต่อ อย่าเอาความคิดของท่านมากดดันเลย อย่าเอาความฝันของท่านมายัดใส่ลูกท่านเลยครับ
โรงเรียนผมใช้หนังสือ สสวท. แต่แบบฝึกไม่ใช่ สสวท.
เนี้ยยย ไปทางเดียวอีกแล้ว
มีนักเรียน ครูสอนพิเศษ คนนอก ไม่มีฝั่งคุณครู อาจารย์หรือการศึกษาเลยย
แล้วแบบนี้จะรู้อีกฝั่งมั้ยเนี้ยยยยย
ผมก็ว่างั้นครับ เหมือนเป็น รายการที่มาระบาย สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบฝ่ายเดียวอะ โดยไม่มีอีกฝ่ายมาแสดงความคิดเห้นบ้างเลยเนอะหลายคลิปแล้วผมเลยไม่กดติดตามแล้ว สงสารครูในระบบที่เก่งๆ ทุ่มเท แล้วตั้งใจสอนมากๆ ยอมรับหลักสูตรในโรงเรียนแม่งห่วยจริง จับฉ่ายมาก แผนแยกก็จริง แต่ก็เรียนแม่งทุกวิชา ยิ่งโครงการหรือโปรแกรมพิเศษนะ เรียนนู้นเลิก 6 โมงเย็น 5555555555
เออ ดี
คหสต.ของผมเรียนพิเศษมันกระชับตรงจุดเเละไม่อ้อมเเละตรงไปตรงมามากกว่าที่เรียนในระบบของไทยอะเเล้วมันสงสัยอะไรถามได้เลยเเละดูจริงใจกว่าอาจารย์บางคนเเละบางทีการสอนเเมร่งไม่ได้สอนเเต่ดันเอามาออกสอบเด็กที่เรียนในระบบอะก็รำบากพอเเรงเเล้วใช่มั้ยดันออกสอบที่ไม่ได้สอนอีกสุดยอดเด็กจะทำยังไงให้เข้าใจว่ะนั่นบางคนดวงดีเดาถูกก็รอดไปบางคนไม่ได้ก็จบเเล้วเดี๋ยวนี้ยิ่งวัดคะเเนนสอบด้วยผมรู้สึกมันไม่เท่าเทียมยังไงไม่รู้5555ปัจจุบันผมก็ได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยเเล้วละรองมองกับไป ป.1-ม.3-ว้าวใช้เวลาในรั้วโรงเรียนวันละ 7-8 ชม.รู้สึกเเมร่งมีประโยชน์น้อยมากอย่างมากได้เเค่พื้นฐานอะจนตอนนี้ผมกับเพื่อนสนิทออกมาสอบเทียบเอาเลยดีกว่าไม่อยากเสียเวลาเเละเหมือนพี่ ผญ. ในคริปเลยที่สอบเทียบผ่านมันมาจากการเรียนพิเศษเเต่เรียนพิเศษอย่างเดียวก็ไม่ได้ต้องหาความรู้ตัวเองด้วยความในใจอีก 1 อย่างที่อัดอั้นมานานครูสอนอังกฤษโรงเรียนผมเเย่เเบบเเย่มากๆตัดพ้อนักเรียนใครทำไม่ได้คนนั้นต้องโดนตีผมโดนตีจนหลังเเตกครูเขาตีผมประมาณ 6 ทีช่วง ป.6 อย่างกะผมผิดนักผิดหนาทั้งๆที่พอเกรดตอนนั้นออกผมก็เกรดเกิน 3 ขึ้นทุกเทอมวิชาอังกฤษครูตีจนหลังเเตกอะ
ของหนูเรียนเต้นอะไรแบบนี้นานแล้ว แต่วิชาการ เรียนตอน ป.5 เตรียมสอบเข้า ม.1 ค่ะ ไม่ค่อยอยากเรียน เหนื่อยมาก แต่ก็อยากเข้าได้ ตอนสอบเข้าได้ดีใจมากก โล่งใจ แม่บอกว่าสอบเข้าได้แล้วไม่ต้องเรียน สุดท้ายตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ กลายเป็น ม.1 เตรียมสอบเข้า ม.4 แล้ว มันไม่เหนื่อยเท่าเดิมค่ะไม่ค่อยกดดัน และก็มีเรียนภาษาจีนหนูไม่อยากเรียนแต่พ่อแม่ให้เรียนตั้งแต่ ป.1 แล้วค่ะ ซึ่งเรียนไปนานแล้วเลิกเรียนก็เสียดาย แต่ก็เรียนที่โรงเรียนเข้าใจอยู่แล้ว เรียนพิเศษเพิ่มมันต้องทำการบ้านมีภาระงานเพิ่มอีก😔
ตอบให้ง่ายสั้น ๆ ครับ ทำไมต้องเรียนพิเศษ เพราะหลักสูตรการสอนในโรงเรียน ไม่สามารถนำไปสอบได้ครับ จบ…
เราอยู่ในคณะสายแพทย์กลุ่มกสพท.แห่งหนึ่ง ในคณะหาคนไม่เรียนพิเศษตอนสอบเข้าแทบไม่ได้เลยค่ะ มีไม่ถึง 5-10% ของคณะด้วยซ้ำ
ที่สำคัญนะ คนไม่เรียนพิเศษยังมีสอบติดเข้ามาบ้าง แต่หาคนที่มาจากพวกรร.ระดับอำเภอหรือรร.ในอ.เมืองที่ไม่มีชื่อเสียงไม่ได้เลย (ขนาดว่าเป็นม.ต่างจังหวัด มีรอบโควต้าพื้นที่นะ) มีแค่พวกรร.ประจำจังหวัด/รร.สาธิต/รร.วิทยาศาสตร์/รร.ดังในกทม. คือการศึกษาโดยรวมมันยังไม่ได้มาตรฐานจริงๆค่ะ ใครเกิดมามีบ้านอยู่ต่างอำเภอ แต่ครอบครัวไม่มีเงินส่งไปเรียนรร.ประจำจังหวัดตอนม.ต้น ม.ปลาย คงแทบหาโอกาสสอบติดคณะยากๆไม่ได้
จากนร.ม.ต้นนะคะ(คหสต.)
รร.มันสอนไม่เจ้าใจเด็กค่ะ แล้วส่วนตัวเราเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกอะไรมากมายอยู่แล้ว เวลาอยู่ในห้องคือแบบ...นั่งนิ่งๆมากๆเลยค่ะ ไม่ใช่เพราะตั้งใจเรียนมากนะคะ แต่เป็นเพราะเราไม่กล้าที่จะถาม ถ้าถามว่าทำไมไม่เปลี่ยนตัวเอง ในการที่กล้าถามครูมากขึ้น ส่วนตัวเจอเหตุการณ์จากรร.เก่าสมัยที่เรียนตั้งแต่ ป.1-6 เลยค่ะ เวลาเพื่อนยกมือถามครูบางคนก็ตอบและสอนใหม่ค่ะ แต่ครูส่วนใหญ่(ที่ใช้คำนี้เพราะมีครูเข้ามาใหม่มากมายแต่นิสัยคล้ายๆกันเป็นเวลาหลายปี)มักจะด่าว่าเด็กก่อนเสมอๆค่ะ แบบ...ทำไมตอนสอนไม่ฟัง ทำไมไม่ตั้งใจ แล้วครูต้องมาเสียเวลาสอนแค่เธอคนเดียว คือเขาฟังแหละค่ะ แต่เขาไม่เข้าใจ คุณควรจะสอนให้เข้าใจ ถ้าตรงไหนรู้ว่ามันยากก็จี้ๆจุดนั้นหน่อย หรือหาเกมหาเพลงมาช่วยให้จำได้ดียิ่งขึ้นค่ะ ถ้าการศึกษามันดีเราก็คงไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มใช่มั้ยคะ ขนาดเรียนพิเศษกับรร.(บางที่) เราเสีย 500 พอโควิดมา เสีย 600(?) แต่สิ่งที่ได้คือให้เรานั่งทำการบ้าน ส่วนครูนั่งเล่นมือถือ คือการที่เราเรียนเราเรียนเพื่อที่จะทบทวน ตอนนั้นครูวิทย์ค่ะ แต่แทนที่จะทบทวนวิทย์ให้กลับนั่งเบ่นมือถือ ซึ่งเราไม่โอเคมากๆ ถึงการศคกษาจะดีแต่ถ้ามีครูหัวโบราณแบบนี้ก็ไม่เอาค่ะ ครูเขาจบมาหลายปี แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปทุกๆปี ครูคงจะทำแบบเดิมไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ใช่สอนให้เด็กรักความเป็นไทยแบบดั้งเดิม แบบโคฟเคป๊อป แต่จะให้หนูเต้นไทยๆ ให้หนูเต้นเพลงชาติเลยมั้ย? ต้องสอนให้เด็กยังคงเป็นคนไทยอยู่(พุทธ) แต่ครูก็ควรจะปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ๆด้วยค่ะ ไม่ใช่ถึงคาบสอนมาสอนนิดๆหน่อยๆแล้วเล่าเรื่องลูกตัวเอง ไม่ใช่สอนปักผ้าออกข้อสอบเรื่องหุงข้าว สอนอีกอย่างพอออกสอบคนละโลกก็ไม่เอา ครูบอกให้เด็กใจเขาใจเรา แล้วทำไมครูไม่ทำเองบ้างล่ะคะ ลองมองมาทางใจของนักเรียนบ้างค่ะ ถ้าครูเป็นนักเรียน ครูแค่สงสัยแต่โดนผู้สอนต่อว่ากลับบางทีใช้คำรุนแรง ครูจะรู้สึกยังไงคะ?
แล้วเลิกซะนะ ลูกรักเนี่ย ยกตัวอย่างกรณีเรา ใช่ค่ะเราเป็นลูกรักครูคนนึงที่รร.เก่า อีกคนที่เราเป็นลูกรักเพราะเกรดเราดีและเราคอยสอนเพื่อนตลอด งานเดี่ยวงานกลุ่มเราทำได้ดี เราเข้าใจค่ะ แต่อีกคนเราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ เราไม่เคยตั้งใจเรียนวิชานั้นเลยเพราะครูผู้สอน มีความป้าข้างบ้านสูง พอเห็นคะแนนเราดีก็มายกย่อง งานไหนเราไม่ได้ส่งก็บอกเราส่ง แล้วไม่ตรวจงานเลย ลง 10 หมด บางคนบอกก็ดีใช่มั้ยคะ แต่เราคิดว่าเรากำลังเอาเปรียบคนอื่นอยู่ มันไม่แฟร์กับเพื่อนๆเลยค่ะ ทำไมครูต้องทำให้ความหวังดีของตัวเองทำให้เด็กที่ครูรักและชื่นชมโดนเพื่อนเกลียดแถมยังโดนเอาเข้ากลุ่มเพราะเพื่อนเห็นว่าฉลาด้วยคะ
อยากให้ครูที่มาเห็นข้อความนี้มาปรับความคิดกันหน่อยค่ะ
-รร.ดี=ไม่ต้องเรียนพิเศษ
-การศึกษาดี=ครูต้องดีด้วย
-ครูดี=นักเรียนเรียนเข้าใจไม่ต้องเรียนเสริม
เราก็เจอเหตุการณ์ประมาณนี้เลยค่ะ ฮื่อออ ตั้งแต่เรื่องยกมือถาม จนถึงการได้เป็นลูกรักครู(ซึ่งเรารู้สึกกำลังเอาเปรียบคนอื่นจริงๆ)
ถือว่าเราโชคดีที่ครูใจถามอะไรก็ตอบ เเทบไม่ตีเลยอย่างมากก็ลุกนั่ง ปล.เป็นโรงเรียนรัฐอยู่บ้านนอกด้วย ขอให้เจอ
ความสุขในชีวิตของในโรงเรียนนะครับ
ส่วนตัวตอนนี้เรียนจบแล้ว แต่ก็เคยเรียนพิเศษเหมือนกัน นี่ก็มองว่าการเรียนพิเศษมันก็ไม่ได้สำคัญหรือจำเป็นขนาดนั้นถ้าไม่ได้จะเตรียมตัวเพื่อสอบเข้าต่างๆ เพราะมีเพื่อนหรือคนรู้จักหลายคนเลยที่เค้าไม่ได้เรียนพิเศษเลยแต่ก็ยังมีผลการเรียนที่ดี และก็มีเพื่อนหลายคนเลยเช่นกันที่เรียนพิเศษเยอะมากแต่ผลการเรียนก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ คือมันไม่ใช่ว่าครูที่โรงเรียนทุกคนจะไม่ใส่ใจเด็ก อย่างของโรงเรียนเราถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้เลย ครูเค้ายินดีที่จะตอบและอธิบาย และไม่มีเพื่อนคนไหนมาบูลลี่ด้วย ทั้งหมดนี้มันขึ้นอยู่กับสังคมในแต่ละโรงเรียน และแน่นอนว่าทุกโรงเรียนมีทั้งครูและเพื่อนที่ดีและไม่ดีผสมกันไป ส่วนที่มองว่าเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าจำเป็นนั้นก็เพราะที่โรงเรียนเค้าไม่ได้สอนลึกขนาดนั้นอะ ข้อสอบจริงๆโจทย์ยากกว่าที่โรงเรียนสอนมากและลึกกว่าด้วย ที่โรงเรียนบางเรื่องก็ไม่ได้สอนเพราะสอนไม่ทัน แต่ข้อสอบมันออกไง นี่คือเหตุผลที่เราต้องเรียนพิเศษ ก็เพื่อไปหาความรู้และฝึกทำโจทย์ในส่วนที่โรงเรียนไม่ได้สอน แต่ก็มีคนรู้จักบางคนอีกเหมือนกันที่เค้าไม่ได้เรียนพิเศษเลยแต่ก็สอบติดมหาลัยนะ คือจะบอกว่าผลการเรียนหรือการสอบติดมหาลัยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนพิเศษ ต่อให้คุณเรียนพิเศษหรือไม่เรียนก็ตามถ้าคุณไม่พยายาม โอกาศของคุณมันก็น้อยกว่าคนที่เค้าพยายามอยู่ดี ความพยายามไม่ใช่ตัวการันตีความสำเร็จ แต่ถ้าคุณไม่พยายามหรือไคว่คว้ามันมาโอกาสของคุณย่อมเป็นศูนย์
สมัยเด็ก เรียนโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด ครูทั้งทุบหลัง ฟาดด้วยไม้ที่ขา รวมๆคือแย่มาก อีกทั้งพูดคำหยาบ กว่าจะจบมาได้ ก็แย่มาก เป็นเด็กเรียนพิเศษตลอด เพราะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน ครูบอกต้องตี นะ จะได้สอบได้คะแนนสูง เพราะสอบเลขตก ครูที่ตีเรา ต้องให้อภัยไป แต่รุนแรงสำหรับจิตใจมาก วัยเด็ก ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่55555
ตอนนี้เราอยู่ม.2ค่ะจากเท่าที่จำได้มีการใช้เนื้อหาของป.4-ป.5ด้วยถ้าทำโจทย์ได้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดสอบเข้าม.1ไม่ยากเลยค่ะแต่จะยากตอนที่ต้องเพิ่มเนื้อหาของม.1ไปด้วยจำได้ตอนป.6เป็นปีที่เรียนหนักมากแต่สำหรับเรามันก็สนุกค่ะเพราะเข้าใจในบทเรียนเวลาเรียนเลยไม่ค่อยยากเท่าไหร่แต่เราก็เรียนพิเศษเสริมเหมือนกันค่ะตั้งแต่ป.4ถึงป.6เลยอาจทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นมากและในห้องที่อยู่เป็นห้องคิงทำให้การแข่งขันสูงทุกคนเลยตั้งใจเรียนมากรวมไปถึงครูผู้สอนที่ต้องเสริมเนื้อหาให้เยอะพอสมควรค่ะสำหรับห้องที่เราเรียนค่ะ
อีกอย่างคือครอบครัวพยายามยัดเยียดให้เราเป็นตามที่เขาต้องการทุกอย่างจนเราไม่มีเวลาอ่านหนังสือเองอะ เรียนพิเศษเขาให้ได้แค่1อันเราก็โอเคเข้าใจเรื่องสภาพการเงิน แต่คือเป็นงั้นปุ๊บ เราต้องมาอ่านหนังสือเองแต่เขาดันยัดบทบาทดูแลน้อง ทำงานบ้าน ค่อยรับนู้นทำนี่ เราต้องเป็นเด็กกตัญญูนะ ต้องช่วยงานทุกอย่าง แล้วเราเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสืออะ แล้วความสามารถของคนเราไม่เท่ากันอะ บางอยากเราต้องใช้เวลาทำความเข้าใจมากๆ พอเราทำข้อสอบหรืออะไรออกมาไม่ดีก็โทษเราว่าเราไม่ตั้งใจเรียน
แล้วเราเห็นนะมีนักแก้ต่างอยู่เม้นนึงอะ อย่าเอาตัวเองไปเป็นบรรทัดฐานของคนอื่นค่าาา
เมื่อสิ่งนึงมีช่องโหว่.. ช่องโหว่นั้นก็จะเกิดธุรกิจขึ้นมาได้
1. ครูแต่ละคน มีความสามาารถในการถ่ายทอดต่างกัน ถูกจริต นร. บ้าง ไม่ถูกบ้าง
2. การสอนเป็นไปตามหลักสูตร อาจจะไม่ตอบโจทย์ เนื้อหาที่ต้องการ intensive รวบ ม4-6 เพื่อเข้า มหาลัย...ซึ่ง นร. อาจจะต้องเอา ม.4-6 มาทวนเอง... เพราะไม่มีคาบหลักสูตร สรุป3 ชั้นปี.... มันก็เป็นช่องโหว่ ที่ นร. อาจจะขี้เกียจเอา หนังสือ 3 ชั้นปี มาทวนเอง ก็เสียเงิน ไปเรียนพิเสด มีคนมาป้อนบทสรุปให้กิน
เจอกับตัวเองมาว่าที่โรงเรียนเรียนไม่รู้เรื่องเลยไปตระเวนเรียนพิเศษที่นั่นที่นี้ที่เพื่อนไปกันที่เค้าว่าดีแต่พอไปเรียนจริงก็ยังงูๆปลาๆด้วยความไม่ตั้งใจของเราเอง
พอเป็นแม่คนรู้บทเรียนของตัวเอง เลยนำมาปรับใช้กับลูกใหม่ฝึกบ่มนิสัยตั้งแต่อนุบาลเลย ถ้าหัวใจสำคัญของที่ที่เรียนพิเศษคือการทำแบบฝึกหัด ซื้อแบบฝึกหัดที่ร้านหนังสือมาเพราะเค้าจะมีเฉลยมีวิธีทำวิธีคิดอธิบายให้อยู่แล้ว(ส่วนตัว ของลูกเล็กเอาหนังสือเรียนมาแล้วตั้งโจทย์จากหนังสือใส่สมุดให้ลูกทำเกือบทุกวิชาตอนกลับมาจากโรงเรียนสรุปวิชาล่ะแผ่น)
หัวใจของที่โรงเรียนคือตั้งใจเรียนในห้อง
หัวใจของที่บ้านคือกลับมาแล้วทบทวนที่เพิ่งเรียนมาแล้วเปิดดูล่วงหน้าของวันพรุ่งนี้ฝึกทำแบบฝึกหัด (ข้อนี้สำคัญมากทำเองจนติดเป็นนิสัย)
เท่านี้ฝึกนิสัยลูกตั้งแต่เล็กพอโตขึ้นเค้าจะทำวิธีการเหล่านี้ด้วยตัวเอง แล้วจะไม่ต้องเปลืองตังค์ค่าเรียนพิเศษไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทางไปเรียนพิเศษ จะมีเวลาเพิ่มให้เล่นออกกำลังกาย เที่ยววันหยุด ช่วยงานบ้าน
(เริ่มตั้งแต่เล็กๆพ่อแม่สอนไม่เป็นไม่เป็นไรดูหัวข้อในหนังสือเรียนลูกแล้วมาหาในยูทูปให้ลูกดูมีเยอะแยะเลยค่ะแบบสั้นๆวันละเล็กละน้อย ลูกโตจะติดนิสัยนี้สามารถหาความรู้เองได้ตลอด เปิดโลกกว้างไม่ต้องรอให้ใครต้องมาป้อนค่ะ)
จริง อ่าน แนวข้อสอบเก่า ดีมาก
เราไม่เคยเรียนพิเศษตั้งใจเรียนในห้องก็เรียนได้ค่ะ ต้องพยายามค้นความรู้เองด้วย ครูบางคนเรารู้เลยว่าตั้งใจสอน แต่เด็กบางคนขี้เกียจเอง
อยากให้ทำเรื่อง สายสามัญvs สายอาชีพ
เคยเรียนพิเศษภาษาไทยตอนประถม เพราะตกภาษาไทยมากๆ เรียนวันแรกครูดุมาก วันต่อมาเลยงอแงไม่ไปเรียน สัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจเรียน ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจภาษาไทย
ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่เคยเรียนพิเศษอีกเลย
ส่วนตัวคิดว่าการเรียนพิเศษคือเรียนเพิ่มเติมหรือทบทวนที่เรียนมาในฉบับรวบรัด หาวิธีลัดซึ่งการเรียนในห้องเรียนไม่มีสอน แต่นี่ก็ไม่เคยไปเรียนอยู่ดี ถึงจะสนใจก็เถอะ ปัจจุบันเรียนวิศวจะจบสิ้นเดือนนี้แล้ว เกรดก็ 3.47
ถ้าให้ย้อนกลับไปก็ไม่คิดจะเลือกเรียนพิเศษอยู่ดี แต่จะเลิกเล่นเกมส์ ไปเล่นบอล เล่นบาส เล่นกีฬากับเพื่อนให้มากกว่านี้ รู้สึกเสียดายเวลาตรงนี้มากๆ
ผมทีตอนนี้อายุจะ16แล้วแต่ก็ไม่เคยตั้งในเรียนเลย คือเลื่องความรู้ตอนนี้คือปะมาน8-9ขวบ แล้วแบบท้อมาก คือมันผิดทีเราเองทีไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำไรไม่ได้ ไปเรียนก็ไม่เข้าใจเพราะไม่มีหลักสูตร แล้วไม่รู้จะทำไงแล้ว ผมเป็นพวกเข้าใจอะไรช้าด้วยแล้วพอเกือบจำได้ก็ขี้ลืม คือเหนื่อยกับตัวเองมาก ทำไมเป็นคนแบบนี้😿
ให้พูดกันจริง ๆ ปะที่เรียนพิเศษเพราะครูไม่มีความสามรถพอที่จะสอนโจทย์เอ็นเข้ามหาลัย ครูบางคนความสามารถด้อยกว่าเด็กด้วยซ้ำ ครูเอาแต่ห่วงสวย เป็นดาวติ๊กต๊อกไม่พยายามพัฒนาศักยภาพตัวเองเลย มีเพื่อนเคยเอาโจทย์ฟิสิกส์กับคณิต gat ไปถามเพราะว่าเขาไม่มีเงินเรียนพิเศษ ได้คำตอบที่โคตรจะชุ่ย บอกให้เธอไปถามเพื่อนที่เรียนพิเศษเอาสิ หลังจากนั้นใกล้ช่วงสอบเข้ามหาลัย ผอ. เขาต้องการประหยัดค่าติวเตอร์ข้างนอกแบบไม่จ้างมาช่วยติว ครูปริ้นเฉลยมาจากในเนตยังพอเข้าใจว่าครูแกอาจจะต้องศึกษา ที่ไหนได้โจทย์ขึ้นกระดานเขียนเฉลยตามโพยแล้วบอกให้ทำความเข้าใจเอง แล้วปัจจุบันข่าวก็ออกว่าหลายๆคนที่อยากเป็นครูแต่แค่คำว่า emergency ยังไม่รู้จัก หลายคนสอบติดครูแต่ก็นั้นแหละไม่อยากจะพูด นี่ขนาดเรียนมหาลัยยังไม่จบลองเอาข้อสอบพวกครูกับพวก กพ มาทำเล่นนี่ยังว่าง่ายเกินไปที่จะคัดคนที่จะเป็นครูมาสอนเด็กด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีหลายคนบอกข้อสอบมันยาก เศร้าเลย
เป็นคนนึงที่หลังจากเลิกเรียน 7-8 วิชาต่อวันเสร็จแล้วต้อง มาเรียนเสริมพิเศษต่อตอนช่วงค่ำ เพราะว่าเนื้อหาที่โรงเรียนสอนกับเนื้อหาที่ข้อสอบเข้ามหาลัยออกมันคนละระดับกันเลย แบบมีความห่างชั้นขนาดช้างยังรอดผ่านไปได้ นั้นคือรอยแยกที่ไม่สามรถปิดได้ด้วยการตั้งใจเรียนที่ห้องอย่างเดียว เพราะงั้นจะเอาคำพูดมาบอกว่าที่ไม่ติดมหาลัยเพราะไม่ตั้งใจเรียนในห้องไม่ได้แล้วหล่ะ เพราะฉะนั้นการเรียนสถาบันสอนพิเศษต่างๆที่สอนวิชาเหมือนกับที่ รร. สอนเป๊ะๆเลยเป็นตัวเลือกเพื่อมาอุดช่องว่างนั้น แต่สิ่งที่จะอามาอุดนั้นมันมีราคาที่ต้องจ่ายกับเวลาที่ต้องแลก ซึ้งเรียนมาทั้งวันที่ รร. ก็เหนื่อยมากแล้วไหนจะงานกลุ่ม ไหนจะงานเดี๋ยว ไหนจะงานโรงเรียน ยังต้องมานั้งถอกตาเรียนเลิกสามทุ่ม-สี่ทุ่มอีก วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่ เสาร์-อาทิตย์ สิ่งที่ได้จากโรงเรียนมันน้อยนิดมาก นอกจากได้สังคมรู้จักเพื่อนและส่วนเนื้อหาอื่นๆคือน้อยมาก คาบนึง 45-50 นาที กว่าครูจะเดินเข้ามา ไหนกว่าครูจะเล่าเรื่องชีวประวัตฺิของตัวเองเสร็จ บลาๆ ก็แทบจะไม่ได้อะไรแล้ว ตอนนี้โรงเรียนต้องปรับปรุงอย่างมากระบบบ้งมาก ไหนจะครูหลายๆท่านที่มุ่งเน้นแต่เรื่อง เสื้อ ผ้า หน้า ผม ของตัวนักเรียนเอง แต่คุณภาพการสอนนนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียไม่มี นี้คือความตลกร้าย ควรรตื่นรู้ซักที ส่วนครูดีๆหลายท่านก็มีที่ผมพบประสบเจอก็ขอขอบคุณครูเหล่านั้นด้วย พอเปิดเทอมมาเด็กที่ได้ไปเรียนกวดวิชาหรือไปเตรียมติดอาวุธมา กับนักเรียนอีกคนนึงซึ่งไม่ได้ไปเรียนมา มันต่างกันมาก เพราะสำหรับคนที่ไปเรียนมาแล้ว เนื้อหาใหม่ที่ครูสอนไม่ต่างอะไรกับการทบทวนสิ่งที่เจอมาเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้ไปเรียนก็ดั้นด้นพยายามเข้าใจเอาเองเถอะกับเวลา 45 นาทีต่อคาบนั้นอะ
คุณแพรวาน่ารักจรุม🙂
สำหรับเราที่เรียนพิเศษมันมีสูตรลัดอ่ะ ครูที่สอนบอกว่าถ้าไม่เรียนพิเศษจะไม่รู้สูตรลัด ซึ่งจริง
นั่งฟังมาตั้งนานคาดไม่ถึงว่าเป็นโฆษณา55 เเต่คริปดีครับชอบๆ
จากคนที่เคยสอบติดวิศวะ จุฬา ซึ่งถือว่าใช้คะแนนเยอะที่สุดในการเข้าวิศวะ (ติดเกษตร บางมด ด้วย)
1.เรียนพิเศษเรียนได้แต่ต้องพอเหมาะ ผมเรียนน้อยมาก ผมเรียนเลขอ.อรรณพเพราะส่วนตัวชอบแกตั้งแต่เด็ก ละก็ฟิสิกส์อ.กิตติภูมิ เพราะตอนขึ้นม.4พบว่าอ.สอนไม่รู้เรื่องเลย
2.ก็ส่วนมากจะเรียนตอนปิดเทอม ตอนเปิดเทอมจะมีเวลาว่างเยอะ บางที่ก็สอนดีมาก บางที่ก็ห่วย ต้องลองวัดดวงเรียนดู
3.ทำข้อสอบเก่า อุปสรรคของคนสอบไม่ติดคือไม่เคยลองทำข้อสอบ ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้แค่ไหน ตอนผมใกล้สอบก็ขี้เกียจเหมือนกัน ทำได้ไม่ครบ แนะนำว่าทำให้ครบทุกปีย้อนหลังเลยยิ่งดี
4.ส่วนตัวไม่เคยเรียนตัวๆเพราะเสียดายตังแล้วเรามีอีโก้ในตัวเองด้วย เห็นเพื่อนหลายคนเรียนตัวๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ถ้าใครหัวช้า คิดว่าเรียนตัวๆจะช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น
5.เรียนใน รร. ได้ความรู้พอสมควร ถ้าเราเรียนเข้าใจนะ แล้วตั้งใจไปกับมัน บางอย่างได้ความรู้มากเกินไปด้วยซ้ำ แต่เราต้องฝึกเพิ่มเพราะข้อสอบเอนท์กับข้อสอบใน รร. ความยากต่างกัน ถึงเรามีทฤษฏีแน่น แต่ข้อสอบมันประยุกต์มากๆ เราก็ทำไม่ได้ถ้าไม่เคยทำมาก่อน
ขอบคุณ ที่ให้ความรู้
เรื่อง การเรียนเข้าใจไม่เข้าใจ สำหรับผม 70%ขึ้นอยู่กับครูเลย ครูดีด ผมก็ดีด ครูเงียบ เฉื่อยเอาแต่พูด ห้องก็เงียบขรึม ไม่มีกล้าถามหรอกห้องตึงเครียดขนาดนี้ แต่โชคดี ม.4 รร.ผม ครูแต่ละคนดีดซะเหลือเกิน ไม่เข้าใจก็ถาม ครูก็ตอบ สำหรับผมการเรียนถามตอบแบบนี้สนุกสุดละ ครูคอยตบมุก สร้างสีสัน สอนเข้าใจ
เรียนพิเศษไม่ได้แปลว่าขยันเว้ยทุกคน มันแปลว่าไม่พอความรู้ที่รร.ให้อะ
ครูที่รรบางคนประกาศในห้องว่ามีสอนพิเศษเสริมตอนเย็นใต้ตึกที่นั่งเรียนกันอยู่ห้าห้าห้า ตลกร้ายไม่ไหว
เคยเรียน
ประถม วิทย์ คณิตย์ อังกฤษ
มัธยม ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตย์ อังกฤษ ภาษาไทย สังคม
เรียนตลอด 12 ปี ตั้งแต่ ป.1-ม.6
สิ่งที่ได้คือเหมือนเราขี้เกียจกลับมาอ่านเอง แต่อันนี้ครูพาทวนเหมือนได้เรียน 2 รอบ แถมไแ้เรียนกับครูสองคน ได้จับทริกที่แตกต่างกัน
แต่ข้อเสีย ไม่มีเวลา พอบางวิชาเราเรียนเข้าใจแล้วจากที่เรียนพิเศษพอเข้าโรงเรียนก็เบื่อจนไม่อยากเรียน และผมว่ามันไม่ได้ช่วยให้เด็กมีวินัยขึ้นเลย ทั้งที่วินัยสำคัญกว่าด้วยซ้ำ คนประสบความสำเร็จ ความรู้ก็สำคัญแต่ถ้าเรามีวินัยต่อตัวเอง เราไม่เหลอะแหละมีความมุ่งมั่น แล้วความกระตือรือร้นเด็กจะมากขึ้น เพื่อไปสู่จุดหมาย
ส่วนตัวทองว่าทำไมต้องเรียนถ้าเรามีวินัยมากพอแทบไม่จำเป็นเลย ถ้าครอบครัวใส่ใจเด็กมากขึ้น ที่เรียนๆแค่เพราะที่บ้านพาไปเรียนแต่เด็กจนเราชิน พอไม่ได้ไปเรียนก็ไม่รู้จะทำอะไรวันหยุด แค่นั้นแหละ
เจอครูที่สอนในโรงเรียนแล้วไม่ได้สอนเลย ปล่อยเด็กในคาบ เข้าคาบมาตอนเหลือ10-20นาทีสุดท้าย พอตอนสอบงงว่าทำไมเพื่อนแม่งทำได้กัน ไปถามสรุปได้คำตอบว่าไปเรียนพิเศษกับอีครูที่สอนแล้วครูมันปล่อยข้อสอบเฉลยข้อสอบก่อน เลยจำคำตอบแล้วเข้ามาทำเลยได้เต็ท
การสอนที่ดีในความคิดผมคือการสอนวิธีอะไรก็ได้ที่สนุกเหมือนกับการเล่นเกมส์ ถ้าลองสังเกตุดูคือถ้าเป็นการเล่นเกมส์เเม้ว่าตัวละครนั้นจะมีสกิลที่ยืดยาวขนาดไหน เราก็สามารถจดจำได้ในเวลาอันสั้นเเละที่สำคัญคือไม่ลืม ซึ่งถ้าหากการศึกษาไทยสามารถทำได้ผมเชื่อว่าเด็กๆทุกคนคงมีความสุขเเละความรู้เเน่นเเน่นอน
การศึกษาไทย ครูเกือบทุกคน สอนอะไรที่เด็กในช่วงวัยนั้นไม่สามารถเข้าใจได้ เนื้อหาที่สอน หนังสือที่ใช้ และข้อสอบ มันไม่ไปทางเดียวกันเลย แล้วอย่างไอ่ GAT PAT เนี่ย ไอ่ GAT ไทย GAT อังกฤษ เอาตามตรงนะครับ มันจำเป็นต้องสอบเพื่อใช้เข้ามหาลัยจริง ๆ เหรอ ??? และการแข่งขันที่ต้องเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงด้วยครับ แถมระบบที่เตรียมเข้ามหาลัย เปลี่ยนการรับแบบพลิกผันเลย มั่วซั่วตั้วเหลงจัดจ้านในส่วนหนึ่งของทวีปเลยนะ แล้วอังกฤษเนี่ย แทนที่จะสอนให้เด็กได้ใช้งานจริง แต่ให้ไปจำแกรมม่าห่านเหวไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
เอาตรงๆแบบไม่เข้าข้างตัวเองเลยนะ เวลาอยู่ในห้องอ่ะความที่มีเพื่อนเยอะในห้องนึงทำให้ความอยากเรียนมันลดลงอยากเล่นเล่นเกม เม้ากับเพื่อนบ้างทำทุกอย่างที่ไม่ใช่เรียนแต่ถ้าให้ตั้งใจเรียนจริงๆเรารู้สึกว่าครูส่วนใหญ่มักจะสอนดีแต่คือต้องตั้งใจไงเรียนเป็นเรียนเล่นค่อยว่ากัน อีกอย่างคือปัญหาอยู่ที่เด็กไทยเอง(ส่วนตัวนะ)รู้สึกว่าเราไม่กล้าที่จะถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจในห้องเรียนไม่นับพวกที่ครูไม่ดีนะ(10คนจะเจอครูแย่ประมาณ2)ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่เราอยากให้มีการแก้ไข ในขณะที่เวลาเรียนพิเศษเนี่ยจะมีคำว่าเงินเข้ามาเกี่ยวแล้วเราก็จะเห็นค่าของเวลาในกาเรียนรู้นั้น ส่วนตัวอยากให้เราแก้ที่ตัวเราด้วยว่าเราอยากเรียนมากพอรึยัง บางคนบอกอยากเรียนศิลปแต่ไม่มีที่เรียนใช่ว่าจะไม่มีแต่คุณยังไม่ขวนขวายและทุ่มเทไม่มากพอ การศึกษาของไทยมีหลายส่วนที่แย่ก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเรียกร้องทุกเรื่องจนผิดประเด็น บางครั้งก็ต้องมองที่ตัวเองบ้าง สุดท้ายเลยเรารู้สึกว่าการศึกษาไทยก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อยไม่ใช่ว่าไม่เปลี่ยนเลยแต่เปลี่ยนแค่ไหนเด็กก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พออยู่ดี แน่นอนไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดแบบนี้เราแค่คิดว่าอะไรไม่ดีอย่าเพิ่งโทษคนอื่น อะไรที่ไม่กระทบเรามากก็ทำไป อะไรที่ไม่ใช่ก็สู้ตายค่ะ จากใจเด็ก65ที่พูดไม่รู้เรื่องและกำลังจะสอบแต่ก้มาดูยูทูปแบบงงๆ
คนตั้งข้อกำหนด หรือ กติกา ให้ชัด ข้อสอบต้องอยู่ในเนื้อหาที่สอน ควรกำหนดให้ตรงกัน
นี่เคยเรียนพิเศษกับครูที่สอนในโรงเรียนนะตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่คือที่ไปเรียนเพราะมันได้ข้อสอบที่จะใช้สอบในโรงเรียนด้วยแหละบางทีครูเขาก็บอกเป็นข้อๆเลยว่าออกอะไรบ้างสุดท้ายแล้วก็เรียนเพื่อที่จะให้สอบผ่านๆไปเพื่อที่จะเอาเกรดอย่างเดียวแต่เราก็ไม่รู้จะเรียนไปทำไมแต่ไม่เรียนก็ไม่ได้อ่ะเรียนที่โรงเรียนมันไม่เข้าใจเลยโครตตลกร้าย🥲
ถ้าเป็นม.ปลายสอบเข้ามหาลัยอะ โอเน็ตอะก็ออกตามที่เรียนม.4-6 แต่ข้อสอบวิชาอื่นแบบ วิชาสามัญ(บางวิชา) gat-patอะ อันนี้ไม่ได้ออกตามที่สอน แต่สอบเข้าม.ต้นกับม.ปลายอะ แล้วแต่รร.จะออกเลย เด็กก็คงต้องไปเรียนพิเศษเพิ่ม อันนี้คิดเอง
บ้านอยู่ใกล รร.ครับ ขี่รถไปเรียนพิเศษวันหยุดข้ามจังหวัด กลับถึงบ้านเกือบค่ำ เหนื่อยมากครับ จนบางทีเอาเวลาทำการบ้ายหรืออะไรที่อยากทำ นอนไม่พอตลอด หัวตื้อมา2ปีเลย จนตอนนี้ ม.6แล้ว..
ส่วนตัวที่เรียนมา โรงเรียนไทยต้องเรียนพิเศษ เรียนให้จำ จำแล้วสอบ สอบแล้วลืม บอกเลยเกิดมาเกลียดเรียนพิเศษมาก โคตรเบื่อ เรียนแล้วก็จบ เรียนแบบไปสอบ แต่พอมาม.3 ถึง ม.6(ปัจจุบันอยู่ม.6 grade12) ที่โรงเรียนนานาชาติ จะเป็นคนละโลก ไม่ต้องเรียนพิเศษ เข้าใจตั้งแต่ในห้อง ถ้าไม่เข้าใจครูจะมาติวให้ฟรีหลังเลิกเรียน ถามได้ตลอด แม้ในเวลาเลิกเรียนไม่ต้องจ่าย มีสอนTOFEL & SATให้ฟรีอีกต่างหาก ในclassก็เลือกวิชาที่อยากเรียนได้ ยกเว้นวิชาบังคับ: English, Sci, Math. โคตรดี ไม่มีครูเปิดสอนนอกโรงเรียน ครูก็เก่ง เข้าใจเด็ก ไม่ดูถูกเด็ก มีประสบการณ์สูงในสิ่งที่ตัวเองสอน ปรึกษาได้ทุกเรื่อง การเมือง ชีวิต มหาลัย การหางาน ความรัก ความเครียด (ครูเป็นต่างชาติ US, UK เป็นส่วนใหญ่) ดีบอกเลย ไม่ต้องกลัวเรื่องมหาลัย อย่างจุฬา-นานาชาติ เค้าต้องการ IELTS 6.5 เราก็สอบได้ 6.5ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ไม่ต้องติว เรียนเอาจากรร.
*แต่มีขอเสีย แพง แต่ถ้าเทียบกับต้องไปจ่ายกวดวิชาผมว่าถูกกว่า ได้ความรู้มากกว่า ครอบคลุมกว่า สังคมคุณก็ต้องเลือกเอา
ครูเรียนพิเศษ จบสถาบันที่ดีสอนรู้เรื่อง ไม่ได้จบครู
ส่วนครูในโรงเรียน สอนไม่รู้เรื่อง
นี่เรียนรร.รัฐจ่ายค่าเทอม 2500 โดนประมาณค่าเรียนพิเศษพีคๆเคยเดือนละ 10000-12000 😂 ทุกวันนี้เกรดดีเพราะเรียนพิเศษล้วนๆเลยค่ะ😂 แต่นี่รู้สึกว่าบางทีอะระบบน่าจะเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองหาสิ่งที่ชอบบ้าง เพราะนี้เรียนวิทย์-คณิตมาโดยตลอดมารู้ตัวเองตอนม.6ว่าชอบดนตรีมากกว่าสรุปเราเสียเวลาเสียเงินเพื่อเรียนสอบเอาคะแนนไว้ใช้ยื่นแต่เราไม่ได้ใช้ เราเสียใจมากและเสียดายโอกาสในการทำกิจกรรมเพราะเอาแต่เรียน😭
ส่วนตัวเราเรียนเพราะโดนบีบให้เรียนอ่ะ
อาจารย์บางคนชอบคิดว่าเด็กมันเรียนพิเศษตอนปิดเทอมกันมาละ ก็เลยสอนแบบไม่ตั้งใจสอน นี่ก็ตามไม่ทันต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเอาเอง
ระบบการศึกษาไทยไม่ได้ให้ค่ากับการศึกษาเลย ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือต้องทำส่งประเมิน อบรมนู่นนี่ แต่สถาบันสอนพิเศษไม่ต้องมาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เขาจึงโฟกัสการสอนได้ 100% อาชีพที่สำคัญกับพัฒนาการของคนในชาติเงินเดือนน้อยนิด คนเก่งๆส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่ เขาไม่ค่อยให้ความสนใจกับอาชีพนี้สักเท่าไหร่ สุดท้ายคนที่เรียนครูคือคนที่ระบบการศึกษาของไทยคัดกรองมาแล้วว่าคุณไม่สามารถวิชาชีพอื่นได้แล้วเพราะคุณเก่งไม่พอ พอครูจบใหม่มาบรรจุสุดท้ายก็วนลูปเดิมการศึกษาไทยก็ถดถอยลงเรื่อยๆ
ขนาดคนสมัยก่อนที่ไม่ได้มีเพรียบพร้อมอย่างยุคปัจจุบัน ยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆมากมาย ส่วนเราที่เกิดมาในยุคปัจจุบันที่โลกอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้าง ความรู้จากคนยุคก่อนที่ถ่ายทอดมามีมากมายในอินเทอร์เน็ต ผมเชื่อว่าพวกเราสามารถใช้เวลาอันน้อยนิดให้มีความรู้เทียบเท่าคนยุคก่อน เพื่อต่อยอดความรู้ และพัฒนาสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังๆได้อย่างแน่นอนครับ (ได้เวลาช่วยกันเบิกทางคิดค้นพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด หรือเดินทางออกนอกกาแล็กซี่ บลาๆๆๆๆ แค่คิดก็น่าสนุกแล้วว่ามั้ย55)
เราเป็นเด็กต่างจังหวัดนะ แต่มีโอกาสเรียนม.ปลายที่เมืองกรุง การสอนแม่งต่างกันฟ้ากับเหว เราเรียนเอกชนใน ตจว นะ ครูยังไม่ค่อยใส่ใจเลย แต่มาเรียนรัฐในกรุง ครูใส่ใจมาก ในรุ่นเรานะ แต่ถ้าหมดรุ่นครูแก่ๆที่จบจุฬา ธรรมศาสตร์ เราว่าการศึกษามันก็แย่ลงเรื่อยๆ เพราะเด็กเรียนไม่เก่งก็ไปเรียนวิทยาลัยครู จบมาได้ใบครู ก็เลยเป็นครู เหมือนเราเอาคนห่วยที่สุดในแต่ละรุ่นมาเป็นครูอ่ะ แล้วเด็กในรุ่นต่อๆไปก็โง่ลงเรื่อยๆ
ที่เรียนพิเศษเพราะว่าความรู้ที่โรงเรียนยังไปไม่ถึงไหนเลย เเบบ อังกฤษไรงี้ ยังอยู่ที่เดิมๆ วนไปมาซ้ำๆ ตัดภาพมาที่เรียนพิเศษ ถ้าให้เทียบกันก็ ต่างกับฟ้ากับเหว บางทีจารย์ก็ถามว่าที่โรงเรียนถึงไหนเเล้ว พอเราบอกเท่านั้นล่ะ ห๊าาา!!!!!
การศึกษาไทยไม่ได้ให้อะไรเราเลย ครูบางท่านก็เช่นกัน เราเคยเจอข้อสอบภาษาอังกฤษครั้งนึง เรามั่นใจมากว่าตัวเลือกที่มีให้ตอบมันไม่ถูกสักข้อจริงๆ ไม่กล้าพูดตอนแรกก็เลยย้ายไปทำข้ออื่นให้เสร็จก่อนแล้วย้อนมาอ่านอีกรอบนึง คิดยังไงก็ไม่มีช้อยส์ไหนเลยจริงๆ เลยลองยกมือเรียกอาจารย์ที่คุมสอบ แล้วก็บอกว่าข้อนี้เหมือนคำตอบจะไม่มี พอเราพูดเพื่อนคนอื่น1-2คนก็บอก ใช่ๆ มันไม่มีคำตอบ อาจารย์ก็บอกว่า แหม เธออวดฉลาดเหรอ ไม่ใช่ว่าไม่รู้แล้วเนียนให้ครูไปถามเหรอ เราก็อึ้งๆนิดนึง ก็เลยนั่งลงเพราะคิดว่าอาจารย์คงไม่แก้ไขอะไรให้ แล้วก็ไม่แก้อะไรให้จริงๆ (จารย์ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดุค่ะ เป็นคนที่คุมห้องปกครองด้วย เรากับเพื่อนๆเลยไม่ค่อยกล้ากัน) จนกระทั่งผลสอบออก ดีที่ครูเจ้าของวิชาเห็นทีหลัง เลยคิดเป็นข้อฟรีไป 1 คะแนน (วิชาอื่นก็มี แล้วครูวิชานั้นๆก็ดันถือว่าเป็นโมฆะไปเฉยๆเลย คะแนนนักเรียนหายไปข้อนึงแบบ งงๆ)
เคยเป็นนักเรียน และตอนนี้ก็เป็นติวเตอร์ โรงเรียนก็แค่ที่เจอเพื่อน ทำการบ้าน ส่งงาน เพราะเคยไปงัดกับครูสินคณิตมา แล้วนางแพ้ จบปิ้ง สรุปนางก็กลั่นแกล้งออกข้อสอบยากเหี้ยๆ แต่ทั้งห้อง ยกเว้นเรา ตกหมดเลยจ้า แต่ก็นะ เรียนในโรงเรียนก็ไม่ได้อะไร ทำข้อสอบไม่ได้ ก็แปลกดี คนออกข้อสอบ ออกยากเวอร์ ใน โรงเรียนสอนง่ายชิบหาย ง่ายเหี้ยๆ
เราคิดว่าการที่เราเรียนอยู่โรงเรียนนี่มันไม่ครบไม่ใส่ใจเรามากพอ เเทบจะมีมีการบอกอะไรให้เราเข้าใจง่ายๆเลยอะ เเต่ติวเต้อนี่เขาเเบบใส่ใจเรา อธิบายยังไงก้ได้ให้เราเข้าใจ มันเเบบไม่เคยพอเลยในการเรียนที่โรงเรียน เราจะต้องมาเรียนเสริมอยู่ตลอด
เข้ามาฟังเพราะแพวาเลย แงงงงง น้องน่ารักมากๆ
เออชอบว่ะ ประโยคที่ว่า ต้องไช้ความถนัดแพทย์แต่ รร ไม่สอน เออว่ะ โคตรจริง
เราขอพูดในมุมมองตัวนักเรียนเองด้วยนะ อยากให้หลายคนถามใจตัวเองดูว่าตั้งใจเรียนในห้องเท่ากับที่เรียนพิเศษไหม ซึ่งมันมีหลายปัจจัย สิ่งรบกวนในห้องมีเยอะ เช่น เสียงคุย สภาพห้อง หลายวิชาในวันเดียว งาน ฯลฯ
แต่ที่เรียนพิเศษ คือ คนน้อย เงียบ ทุกคนมาเพื่อเรียนเสริม เรียนวิชาไม่มาก งานไม่มี ฯลฯ ดังนั้นที่เรียนพิเศษมันเอื้อมากกว่า อีกทั้งยังถูกบีบให้ต้องโฟกัสด้วยค่าเรียนและระยะเวลาคอร์สเรียนจำกัด แถมเน้นเทคนิค บางครั้งเราก็ไม่ได้เข้าใจจริง ๆ แต่รู้ว่าต้องทำแบบไหนจะได้คำตอบเฉย ๆ ใครที่มีความตั้งใจหรือเรียนที่โรงเรียนแล้วโอเค ก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มนะ มันเปลืองมาก จะเรียนต้องถามใจตัวเองว่าไปเรียนเพื่อจุดประสงค์อะไร มีไม่น้อยที่เรียนตามเพื่อน
ที่บอกว่ามหาลัยกับโรงเรียนไม่ Connect กัน เอาจริงผมมองว่าบางโรงเรียนพยายาม Connect กับมหาลัยเเล้ว (เฉพาะโรงเรียนที่การเเข่งขันค่อนข้างสูง) โดยการติววิชาพวกนี้ให้เลยโดยเฉพาะเเม้ว่าจะไม่มีในหลักสูตร ติวเเกทเชื่อม ติวโอเน็ทบ้าง เเต่สุดวิสัยอย่างวิชาเฉพาะก็อาจจะจัดติวไม่ได้ ตัดภาพมาที่ผู้จัดสอบอย่าง GAT เชื่อม หรือวิชาเฉพาะเเพทย์งี้อะครับ ผมเคยท้วงไปว่ามันไม่มีในหลักสูตรมันสร้างความเหลื่อมล้ำ คนไม่เรียนพิเศษไม่มีวันทําได้ คําตอบที่ได้กลับมาจากคนที่เกี่ยวข้องคือ เค้าคัดเลือกเฉพาะคนที่พร้อมไว้ใช้งาน ส่วนเเต่ละคนจะไปทําตัวเองให้พร้อมยังไงเป็นเรื่องของเเต่ละคน เขามองว่าการศึกษาทั้งระบบต้องโน้มมาหาเค้า ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการติวเพื่อสอบ ทั้ง ๆ ที่การศึกษามันมีหลายมิติมาก เเล้วเส้นทางหลังจากจบมัธยมก็ไม่ได้มีเเค่ระดับอุดมศึกษา ตอนนี้กลายเป็นว่าปลายทางความสําเร็จของระบบการศึกษาวัดเเค่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย เเต่ไม่ได้ให้คุณค่าด้านอื่น ๆ เลยว่าจบไปสุขภาพจิตดีมั้ย มีทักษะชีวิตหรือเปล่า ทั้งนี้ก็เพราะปัญหาเชิงโครงสร้างที่เเทบจะบังคับในสังคมนี้ว่าถ้าอยากได้งานดีเงินดีเลี้ยงตัวเองได้ต้องได้วุฒิป.ตรี คิดดูว่าถ้าไม่ได้ทําธุรกิจหรือไม่เป็นเจ้าของกิจการเเล้วไม่มีวุฒิป.ตรี กี่ปีกี่ชาติถึึงจะได้งานที่มีเงินมีสวัสดิการมากพอที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ เพราะโครงสร้างมันเป็นเเบบนี้ องค์กรที่เกี่ยวข้องเขาเลยสําคัญตัวเองมากเกินไปเช่นนี้ higher education เเม่งเลยการเป็น required education โรงเรียนเองที่ดูเหมือนพยายามฝึกทักษะต่าง ๆ นอกเหนือจากการติวการสอบให้ ทักษะความรู้เหล่านั้นก็ล้าสมัยจนนักเรียนไม่สนใจซึ่งยังไงก็ต้องเรียนเพราะถ้าไม่เรียนก็สอบไม่ได้ การเรียนจึงไม่ใช่เพื่อการพัฒนาตนเเต่เป็นเพื่อการถูกวัดคุณค่ามากกว่า ดังนั้น โครงสร้างที่ล้มเหลว + Mindset ที่ย่ำเเย่ + การศึกษาที่ล้าหลัง จึงเท่ากับ เด็กไทย
น่าแปลกที่นักเรียนโรงเรียนAจะเรียนกับครูโรงเรียนAในห้องไม่รู้เรื่อง เลยไปเรียนกับครูสอนพิเศษซึ่งสอนประจำอยู่รร.B
กลับกันนักเรียนโรงเรียนB ก็เรียนกับครูโรงเรียนB(คนที่สอนพิเศษให้รร.A)ในห้องไม่รู้เรื่อง เลยไปเรียนกับครูสอนพิเศษจากรร.A (คนที่เด็กรร.Aบอกว่าสอนไม่รู้เรื่องนั้นแหละ) แล้วเข้าใจซะงั้น ตกลงครูอะเขาสอนอย่างเข้าใจให้เด็กได้ แต่ **ว่าระบบในโรงเรียน** ไม่เคยเอื้อเลย
การศึกษาไทยแย่จนเราคิดว่าเราจะเรียนที่โรงเรียนทำไม ในเมื่อเรียนข้างนอกได้ความรู้เยอะกว่า โรงเรียนควรเป็นสถาบันการสอนหลักหนิแต่ทำไมมันดูไม่ใช่อะ แล้วเราเป็นคนที่ไม่มีทุนพอที่จะไปเรียนพิเศษ ความรู้ที่ได้รับก็จะไม่เท่าคนอื่น ละคือแบบมันไม่ใช่มั้ยอะ
คนอื่นอาจจะพูดว่าเรียนทางยูทูบอะไรอย่างงี้ก็ได้หนิ แต่บางทีการเรียนด้วยตัวเองมันไม่พอไง เนื้อหาที่ใช้สอบเข้าต่างๆมันเยอะกว่านั้นมาก คือคนที่ไม่มีทุนจะเสียโอกาสมากๆเลย ทำไมอะโรงเรียนควรให้ความรู้มากกว่าที่เรียนพิเศษสิ ทำไมไม่ปรับปรุงระบบการศึกษา ทั้งๆที่เขาเรียกร้องกันเยอะแยะละ ก็น่าจะรู้ว่าควรปรับปรุง แต่ก็ไม่ กระทรวงการศึกษาต้องการอะไรหรอคะ เอาแต่ตัวเองให้รอดไม่สนใจคนอื่นหรอคะ ภาระสังคมมากเลยค่ะ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมมันเยอะมากๆเลย โรงเรียนที่ไม่ได้ดังอะไรก็ไม่ได้สอนเน้นอะไรมาก บางโรงคือสอนไม่ดีอีก
เนื้อหาที่สอนก็ไม่เหมือนกันอีก บาง รร. อังกฤษมัธยมสอนเหมือนเด็กประถม
แล้วเด็กก็ต้องมารับกรรม
แล้วอีกอย่างโรงเรียน หรือสังคมไทยส่วนใหญ่สนใจแต่เกรด แต่ความรู้ที่ได้รับคือไม่สนใจ งงมาก ละบางอย่างมันนำมาใช้ไม่ได้อะค่ะ เพราะสนใจแต่เกรด จนนำความรู้มาประยุกต์ในชีวิตประจำวันไม่ได้
ประสบการณ์การเรียนพิเศษของเราคือเรียนกับครูที่สอนที่โรงเรียนค่ะ เรารู้สึกว่า
ครูสอนพิเศษดีกว่าสอนที่โรงเรียนค่ะ เราไม่อยากเรียนเลยค่ะ แต่เรากลัวที่ว่าถ้าไม่เรียนแกจะกดเกรด เราก็เลยต้องจำใจเรียนค่ะ ที่เราเจอมา สังเกตคนที่เรียนพิเศษกับแก แกจะช่วยให้เกรดดีขึ้นค่ะ เช่นขาดอีก2-3คะแนน จะได้เกรด4 แกก็จะช่วยค่ะ แล้วก็มันจะมีแนวข้อสอบในที่เรียนพิเศษค่ะ แกจะพูดอยู่ตลอดนะคะ ว่าครูไม่ได้เอาที่เรียนพิเศษไปออกข้อสอบ อาจจะรูปแบบนี้ แต่ครูจะเอาไปเปลี่ยนตัวเลข (วิชาคณิตค่ะ) สรุป ก็เปลี่ยนตัวเลขนะคะบางข้อ แต่บางข้อก็มีเหมือนที่เรียนพิเศษเป๊ะๆเลยค่ะ
ครูก็...การศึกษาไทยก็... ปวดหัวจัง
ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือติวสอบเลยค่ะ เพราะทำแต่การบ้าน มันเยอะเกินความจำเป็นมากๆเลยค่ะ ทุกวันนี้ทำการบ้านแค่ให้เสร็จๆไป ไม่ได้ทบทวนอะไรเพราะไม่งั้นทำไม่ทันค่ะ
แล้วก็ไม่มีเวลาค้นหาตัวเองด้วยค่ะ เพราะมันไม่มีเวลาจริงๆ ไม่มีเวลาได้ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบเลยค่ะ เด็กไทยเลยประสบปัญหาหาสิ่งที่ชอบไม่เจอเยอะมากเลยค่ะ
(คหสต.นะคะ)