คำถามที่คนเกาหลีสงสัย เกี่ยวกับประเทศไทย
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 13 ต.ค. 2022
- ❣️ติดตามช่องของยอนได้ที่ : / @yeoninbangkok
📍Stay Studio
www.staylifestyle.com
한국어는 자막 CC에서 선택 후 시청 바랍니다🙏🏻
📱MY SNS
❥ Instagram: / yeoninbangkok
❥ Facebook: /
❥ TikTok: www.tiktok.com/@yeoninbangkok
ช่องทางการติดต่อ /Business Inquiries 💌 or DM
💌 yeoninbangkok@gmail.com
_____________________________________________
Music provided by BGM President
Track : Cookie For You - • [달콤한 귀여운음악] 내가 만든 쿠키🍪 ...
Track : 사짜 - • [Royalty Free Music] 사...
Track : Candy - • [Royalty Free Music] C...
[Video Source Support]
TH-cam channel "freeticon" : / freeticon
#คนเกาหลี #SlangAholic #yeoninbangkok
ที่คนไทยไม่ชอบเบียดบนรถ เลือกที่จะไปคันหน้า จริงๆแล้วคนไทยมีความถือเนื้อถือตัวสูง ขนาดในครอบครัวบางคนยังไม่ค่อยสัมผัสตัวกัน และบางคนถึงกับรังเกียจกับการสัมผัสคนอื่นที่ไม่รู้จักด้วย
จริงค่ะ ไม่ชอบให้ใครโดนตัว ไม่ชอบโดนตัวใครด้วย แหะๆ
ตอนดูข่าวเบียดกันที่อิเทวอน นี่นึกถึงคลิปนี้เลยค่ะ ย้อนกลับมาดูอีกทีเลย ที่ว่าคนเกาหลีนอมเบียดกันได้ถ้าจะไปต่อ แต่เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงไม่เข้าใจว่าคนเต็มแล้วทำไมถึงยังไปกันต่ออีก😢
แต่ผมว่าคนไทยก็อยากรู้จักบางคนอีกกลุ่ม แต่คนไทยจะมีความถือตัวว่า คุณเบียดฉันคนนี้ไม่ควรรู้จัก อะไรแบบนี้มากกว่า คุณพลักฉัน นิ อะไรแบบนี้ ผมว่าคนไทยจะไม่ชอบคนมาสัมผัสตัว คนไทยจะคิดว่าว่าคุณเอาอะไรมาแตะฉันรึป่าว เพราะคนไทยเวลาอยู่ที่แคบจะมีเหมือน รู้ว่ามันไม่ปลอดภัยและเลี่ยงที่มันแคบ จะรอจังหวะที่okคนไม่เยอะ หรือคนไม่ถือตัวก็มีนะ มันไม่ใช่ว่าคนไทยรังเกียจ หรอก อาจจะบางคนที่ถือตัว ผมจะบอกการถือตัวก็ดีแต่ถือตัวเกินไปทำตัวตัวรังเกียจใคร จะบอกว่าทำแบบนี้ คนต่างชาติอาจจคิดว่า คนไทยหยิ่งและพยองก็ได้ นะคับ ส่วนตัวคิดว่าคนไทย อยากรู้จัก ใครและ จะดูจังหวะคนควรพูดกับใครคนไหน มากกว่า สรุปคนไทยก้อยากรู้จักต่างชาติ และ
@@targaryen4545 จริงๆๆเรายังงง.จนทุกวันนี้ มันจะไปเบียดอะไรขนาดนั้น เรานี่เห็นคนเยอะๆนี่เดินหนีแล้ว แล้วประเภทต้องไปนั่งรอ ร้านอาหารนี่ขอบายเลย ไม่ว่าอร่อยแค่ไหนก็ตาม จะแย่งเบียดกันเพื่อ??
หลังจากดูคลิปนี้ไม่นานก็มีข่าวคนเบียดกันจนหายใจไม่ออกและเสียชีวิตไปเยอะที่อิแทวอนมันอาจจะเพราะคนเกาหลีเคยชินกับการเบียดเสียดกันมันเลยทำให้ชะล่าใจจนประมาท ถ้าเป็นคนไทยแค่เห็นคนเยอะจนต้องเบียดก็คงเลือกที่จะถอยออกมา นี่แหละวัฒนธรรมและความเคยชินที่ต่างกัน
เรื่องไม่ใส่รองเท้าผมมองว่ามันอาจจะเป็นวัฒนธรรมของคนไทยไปแล้ว เพราะคนไทยถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆคือห้ามใส่ร้องเท้าเข้าในบ้าน มันเลยเป็นความรู้สึกที่ชินเพราะทุกคนถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ นี่แหละคือสาเหตุที่คนไทยชอบเกรงใจอ่อนน้อมถ่อมตนเพราะถูกสอนตั้งแต่เด็กๆ อยู่บ้านห้ามใส่รองเท้าเข้าบ้าน อยู่โรงเรียนห้ามใส่รองเท้าเข้าห้องเรียน แล้วอยู่ที่ทำงานออฟฟิตจะเหลือรึ แต่ถ้าเดินข้างถนนไม่ใส่รองเท้าอันนั้นเค้าว่าบ้าครับ 5555😂😂
***ออฟฟิศ✔ เขียนทับศัพท์แบบนี้นะคะ
ไม่ใช่อ็อฟฟิต❌ 🙏😅
@@ihatemonday6673 ครับ ออฟฟิศ^^
มันเลอะ สกปรก เหยียบฝุ่น สิ่งสกปรกมากมาย จะเอาเข้าบ้าน เข้าห้องที่สะอาดเหรอ ถูกต้องแล้วไทยทำถูก ฝรั่ง หรือเกาหลี ทำไม่ถูก
@@thiwthailand7430 ไปหาว่าเขาทำไม่ถูก ประเทศเขาหนาวค่ะ เรื่องความสะอาดบ้านฝรั่งสะอาดกว่าคนไทยเยอะ
@@demooo7291 ไม่จริง
ขอตอบ ข้อที่เขียนบนโปรไฟล์SNSว่าจบอะไร น่าจะเป็นเพราะเรื่อง connection ด้วยค่ะ คนไทยให้ความสำคัญกับพวกคอนเนคชั่น บางทีไปทำงาน หางาน เจอรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน ก็อาจจะให้คำแนะนำเรื่องงาน เรื่องต่างๆได้ เพราะแค่เห็นคนจบที่เดียวกันมันก็รู้สึกสนิทกันเพิ่ม1000%😂 เป็นการช่วยสร้างสานสัมพันธ์ อาจจะได้พริวิเลจในบางเรื่องมั้งนะคะ อีกอย่างน่าจะเป็นฟิลแนะนำตัวเองไปด้วยค่ะ😄
แต่ละคำถามคุณยอนคือดีมากนะ หลายๆเรื่องเราก็ไม่คิดเหมือนกัน คอนเทนต์สนุกมากๆเลย❤
การใส่ uniform ไม่ได้ทำให้บริษัท เสียหาย แต่มันเป็นการโปรโมทบริษัท ในอีกรูปแบบ โดยที่ไม่ต้องไปจ้างโฆษณา และอีกอย่าง เวลาไปหาลูกค้าเวลาไปหลายๆคน แล้วใส่ uniform มันบ่งบอกถึงการทำงานเป็นทีม เป็นมืออาชีพ
แต่คนรุ่นใหม่ว่า ใส่อะไรก็ได้ ดีกว่า อย่าปิดกั้นจินตนาการ ประเทศชาติพังหมดแล้ว
@@aweb2000 เด็กรุ่นใหม่คิด ก็ถูกครับ มันไม่ใช่คณิตศาสตร์ มันไม่มีอะไรผิด 100% ถูก 100% เพราะคนเรามีสิทธิ์คิดได้ แต่ที่ผมอธิบายคือความหมายของการใส่ uniform เฉยๆ และการใส่ uniform แล้ว อาจไม่เป็นไปตามความหมายก็ได่ มันขึ้นกับบุคคล บางคนไม่ใส่ อาจทำดีกว่าคนใส่ก็ได้ สำหรับผม ใส่ก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้ ถ้าทำแล้วดี แล้วทำงานให้บริษัทเขามีกำไร และเป็นคนทำดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ
ไม่เปลืองแฟชั่นดีครับ ผมว่านะ งั้นต้องหาแต่ชุดใหม่ๆใส่ เพราะกลัวคนว่าใส่ซ้ำๆ
@@aweb2000 เด็กรุ่นใหม่คงต้องเป็นนายตัวเองเท่านั้น ไปเป็นลูกน้องใครไม่ได้ เพราะไม่รู้จักคำว่าระเบียบกฏเกณฑ์ อ้างแต่สิทธิเสรีภาพ ประเทศชาติจะพังก็เพราะไม่ทำตามระเบียบกฏเกณฑ์นี่แหละ บางบริษัทใหญ่โตมีหน้ามีตาพนักงานได้ใส่เครื่องแบบบริษัทเขาก็มีความภูมิใจของเขา
@@aweb2000 มันก็แล้วแต่ความสะดวกและรูปแบบองค์กรครับ ไม่ผิดไม่ถูก แค่เราเลือกอยู่ให้ตรงจุดที่เหมาะกับเรา
ที่คนไทยชิล เรื่องถอดรองเท้าในออฟฟิศ อาจจะเป็นเพราะเคยชินจากตอนเรียนก็ถอดรองเท้านั่งเรียนตั้งแต่ประถมจนจบ ม.6 เวลาวิ่งเล่นในอาคารเรียนก็ไม่ใส่รองเท้า ถุงเท้าขาดและดำคือเรื่องปกติมาก 5555
ที่ทำงานเราก็ถอดรองเท้าคุยงานกะบอสเหมือนกัน บอสไม่ถือเพราะบอสก็ถอด555
ใช่ค่ะ เราอยู่โรงเรียนไม่ถอดรองเท้ากลายเป็นไม่สุภาพ สกปรก
ใส่นานเหม็นอับเมืองไทยร้อน
หลักๆมันอึดอัดถ้าจะใส่รองเท้า ตลอดเวลา ถอดมันสบายกว่า
นี่อยู่เกาหลีเคยเอาลูกขึ้นรถไฟใต้ดินครั้งนึงลูกอายุสองขวบ ยังไม่มีใครลุกให้เด็กนั่งเลยค่ะ แล้วผู้ชายนั่งเรียงกันเต็ม คนไทยอย่างเรางงมาก แถมพอมีคนลุกถัดจากที่เรากับลูกยืนประมาณสองที่นั่ง อาจุมม่าเหมือนเหาะมาจากที่แกยืนตรงประตูรีบมานั่งเลยจ้า ต้องใช้คำว่าหาะกันเลยทีเดียว มันเร็วมากจริงๆ
ก็ถือว่าธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละประเทศ จะไปต่อว่าอะไรเขาตรงนั้นก็คงไม่ได้ คงได้แต่มาแชร์ข้อมูลให้คนไทยได้รับรู้ ว่าเทียบกันแล้วคนไทยมีน้ำใจเอื้อเฟื้อมากกว่าจริงๆ
อยู่เกาหลีเหมือนกันค่ะ ขึ้นรถไฟ รถเมล์วัยรุ่นและทหารหนุ่มๆนั่งเต็ม พอเราขึ้นไปกับคนแก่สองสามคนต้องยืนน่ะค่ะ ไม่มีใครลุกให้คนแก่นั่งคือแอบ งงในวัฒนธรรมของประเทศนี้ค่ะ😂
@@kittimachaisena153 ถ้าเป็นที่ไทยคงแย่งกันลุกให้คนแก่เด็กและสตรีได้นั้ง #น้ำใจคนไทย
@@dul4231น่าจาเป็นเมื่อก่อน
เดี๋ยวนี้ วัฒนธรรม ดีดี กำลัง
จะจาง หายไป
เค้าคงคิดว่า อยากนั่งก็ไปนั่งแทกซี่ครับ
เป็นคำถามที่ insight มากๆ ไม่เคยเห็นต่างชาติถามลึกขนาดนี้😂
- สถาบันหรือรุ่นใส่เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นรุ่นเดียวกันค่ะ เผื่อรู้จักกันแต่จำหน้าไม่ได้55
- เราชอบถูกเรียกน้องมากกว่า เพราะถือว่าหน้าเด็กค่ะ 555
ใจความอยู่ข้อสุดท้าย 5555555
สวัสดีครับป้า
สวัสดีคับคุณยาย
การที่เขียนว่าจบที่ไหนเพราะมันมีเป็นคำถามมาให้ตอบตอนสมัครค่ะ แล้วก็เพื่อนๆมหาลัย รุ่นพี่รุ่นน้องจะได้แอดกันได้แล้วก็เป็นคอนเนคชั่นมากกว่าพราวนะคะ
เหมือนกัน มีให้ใส่เลยใส่
คนรู้จักที่ไม่พบกันนานจะได้หากันเจอง่ายขึ้น และมั่นใจว่าถูกคน เพราะเวลาผ่านไป รูปร่างหน้าตาอาจเปลี่ยนไปมากจนไม่แน่ใจ
@@yotakayotaka อันนี้ใช่เลยค่ะ บางทีมีคนแอดมาหรือเห็นข่าวคนคนนึงแบบหน้าคุ้นมากก็จะเข้าไปดูประวัติว่าเรียนจบจากไหนปีไหน ดูว่ารู้จักรึเปล่า
- ที่ใส่มหาลัยหน้าไอจีเพราะได้เจอเพื่อนง่ายๆค่ะ บางทีรูปโปรไฟล์มันเห็นหน้าเราไม่ชัด พอเห็นชื่อไอจีกับรุ่นก็เลยหากันเจอง่ายกว่า
- ปกติเราเรียกพนักงานเสิร์ฟว่าพี่ซะส่วนมาก และพนักงานก็เรียกเราว่าพี่ 555555 แต่เวลามีคนที่ดูอายุมากกว่าเรียกเราพี่มันเฟลจริงนะ คิดแต่ว่าตัวเองหน้าแก่รึเปล่า 😂
- ยูนิฟอร์มโรงงานบางที่ใส่แล้วรู้บริษัืทแล้วก็แยกสีเพื่อให้รู้แผนกด้วยนะคะ ทำให้สังเกตเห็นได้ง่ายเวลาอยู่ในไลน์ผลิต
- ไม่นั่งเพราะลงใกล้ ก็เลยเว้นที่ไว้ให้คนที่ลงไกล เด็ก คนท้อง หรือผู้ใหญ่นั่งดีกว่า
- คนไทยไม่ชอบเบียดเพราะอากาศร้อน + รู้สึก uncomfortable เวลาโดนตัวคนไม่รู้จัก + ส่วนตัวคิดว่าเวลาต้องเบียดคนอื่นมันใช้ energy มากกว่าปกติ มันเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ทำอะไรเลยก็เลยเลี่ยงๆ
- ไม่ใส่รองเท้่าเดิน สถานการณ์นั้นไม่ได้เป็นทางการมาก ก็เลยถอดมันสบายเท้่ากว่า ระบายความร้อนได้ดีกว่าด้วย
คุณทีมตอบคำถามได้ดีมาก เข้าใจความเป็นสังคมไทยได้ดี 👍👍
คุณ ทีม ตอบได้ดีครับใกล้เคียงสุดละ 99%เห็นด้วยเลยคนไทยเป็นแบบนั้นจริงจากอินเนอร์ ไม่ได้ประดิษฐ์(ส่วนมาก)
ประเด็นเรื่องรถไฟ เราว่าอย่างของญี่ปุ่นเพราะจำนวนคนที่ใช้รถไฟมันเยอะมากกก ต่อให้รอไปขบวนหน้าก็ยังเบียดเหมือนเดิมเพราะมันเป็น rush hour ค่ะ บวกกับคนประเทศเขาต้องไปตรงเวลา เลยไม่รอกัน
แต่ของไทย bts mrt ถือว่าเป็นรถสาธารณะที่แพง ไม่ใช่ทุกคนที่ขึ้นได้เหมือนของญี่ปุ่น ต้องไปดูพวกรถเมล์ รถกระป๋อง อะไรแบบนี้ค่ะ จะยืนเบียดๆเหมือนกันเพราะมันเลือกไม่ได้ขนาดนั้น สุดท้ายก็ต้องยอมเบียดค่ะ
อันนี้เห็นด้วย
คนไทยเป็นคน ใจดี ขี้เกรง ใจมีน้ำใจ ผมเชื่อว่าหลายๆประเทศชอบคนไทย ถ้าได้ สัมผัส
วัฒนธรรม ดีดี
กำลังจะจาง
หายไป และ หายไป
ชื่นชมขอบคุณ สอนน้องYeon ถูกต้องน่ารัก สังคมวัฒนธรรมไทย ปกติโอบอ้อมอารีย์ เผื่อแพร่ เอื้อเฟื้อ เด็ก สตร๊มีครรณ์ คนชรา สังคมไทยน่าชื่นชม และน่ารัก กริยามารยาท เคารพสิทธิคนรอบข้าง สวยงาม FCBKK.
Uniform ไทย ส่วนมากจะมีที่โรงงานการผลิตค่ะ สาเหตุคือเป็น safety ถ้าเกิดแต่งตัวรุงรังมา เสื้อผ้าอาจเกี่ยวเข้าไปในเครื่องได้ // โรงงานทำอาหารก็เน้นเรื่องความสะอาด // อีกมุม พนง.สายผลิต ก็เป็นคนอยากได้เอง ไม่ต้องกลัวเลอะ ยังไงบ.ก็ออกให้ 😋
ตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องที่ไม่นั่งตรงที่นั่งใน BTS หรือ MRT นะคะ
สำหรับเราไม่ค่อยชอบนั่งเพราะ เราเดินทางไม่ไกลค่ะ
แค่ไม่กี่สถานีก็ลงแล้ว เลยชอบยืนมากกว่า เพราะแป๊บๆ เดี๋ยวก็ลงแล้ว
สละที่นั่งให้คนอื่นที่อาจจะเดินทางไกลกว่าเราได้นั่ง
แต่ถ้าครั้งไหนที่เดินทางไกลหลายสถานี ต้องรอนานกว่าจะถึง ถ้ามีที่นั่งเราก็นั่งนะ
ยืนนานๆ ก็เมื่อยเป็น แต่ส่วนใหญ่เราไม่นั่งเพราะมันเดินทางแค่ระยะใกล้ๆ ค่ะ
ในฐานะที่เป็นอายุน้อย: ก็ถ้านั่งแล้วต่อมามีคนแก่/คนท้องเข้ามาเราก็ต้องลุกให้ ถ้างั้นสู้ยืนไปตั้งแต่แรกดีกว่าค่ะ
เขาเรียกว่าไม่เห็นแก่ตัว
การที่คนไทยไม่ใส่รองเท้าในที่ทำงานทั้งวัน อาจจะเป็นเพราะว่า อากาศเมืองไทยร้อนอบอ้าว ก็เลยคิดว่า ถ้าใส่ทั้งวันอาจจะทำให้เท้าเหม็นได้นะ 🥰🥰🥰
คนไทยง่ายๆสบายๆกันเอง ใจดี ยิ้มเก่ง ฟังไปก็แอบคิดช่างสังเกตุมากคุณยอน…ชอบๆๆๆสนุกดีครับ
- ที่ใส่ว่าจบจากที่ไหน ส่วนตัวใส่แค่เฟซบุ้ค มันทำให้เราได้เจอเพื่อนเก่าๆได้ง่ายขึ้นค่ะ ได้กลับมาเจอกันคุยกันเพราะใส่ชื่อสถาบันนี่แหละค่ะ เพราะตอนที่แยกย้ายกันไปเรียนไปทำงาน บางทีก็ไม่ได้ติดตามกันเลย มาใส่ในบัญชีโซเชียลแล้วทำให้หากันเจอง่ายขึ้นค่ะ
- คนไทยส่วนใหญ่น่าจะชอบโดนเรียกว่า น้อง ด้วยซ้ำนะคะ เพราะโดนเรียกว่าน้องแล้วจะรู้สึกว่า อุ๊ย! เพราะชั้นหน้าเด็กใช่มั้ย เค้าถึงเห็นชั้นเป็นน้อง 5555
- เวลาผช.เรียนรด.ผญ.ทำอะไร ที่ร.ร.เคยมีทั้งปล่อยผญ.กลับบ้านเลย และให้อยู่ในร.ร.เข้าชมรม หรือจะเรียนพิเศษก็มีค่ะ ช่วงที่ปล่อยกลับบ้านเลย ก็แหน่!!! แน่นอน กระจุกอยู่ตามห้างค่ะ ไม่มีถึงบ้านเร็วกว่าปกติหรอก 5555
- ที่ไม่ใส่รองเท้าในออฟฟิศ มันเมื่อยยจริงค่ะ ตอนถอดรองเท้าสบายกว่า แล้วเวลาต้องลุกไปไหนทันที บางทีก็ลืมใส่ก่อน ลุกไปเลย ที่ไม่ใส่สลิปเปอร์เพราะรู้สึกเกะกะและร้อนค่ะ เคยทำงานบ.ที่บังคับให้ใส่สลิปเปอร์ในออฟฟิศ(บ.ยาและอาหารเสริม) พอถึงโต๊ะก็ถอดอยู่ดี 5555 ว่าคนไทยชิลแล้ว เอาจริงๆเคยเจอฝรั่งใส่ขาสั้นรองเท้าแตะมาทำงานค่า 5555
สบาย สบายมากกว่าเจ้าถิ่นเสียอีก
คำถามแรก ที่คุณ Yeon ถามว่าทำไมคนไทยถึงเรียกคนแปลกหน้าว่า พี่ น้อง ทั้งที่ไม่ใช่ญาติ
จริงๆความคิดคนไทย มองเรื่องการให้ความรู้สึกเหมือนเป็นญาติพี่น้อง มันจะรู้สึกอบอุ่นใจ และสนิทกันได้เร็วกว่า
จะเห็นว่าคนไทยใช้คำเรียกญาติพี่น้อง เรียกคนอื่นๆที่ไม่ใช่ญาติตนเองด้วย เช่น เจอคนแก่ผู่สูงอายุ เราก็เรียกคุณยาย คุณตา
เจอคนมีอายุหน่อย ก็เรียกคุณป้า-ลุง หรือตามตัวอย่างในคลิปที่เรียกพนักงานเสิร์ฟ เป็นต้น
ซึ่งวัฒนธรรมนี้ก็มีในเอเชีย เช่น ในจีน เกาหลี เพียงแต่จะไม่เข้มข้นเท่าไทย
คือเขาถามว่าคนไทยแยกยังไง คนไหนพี่คนไหนน้อง เรียกกันยังไง เพราะคนเกาหลี ไม่ว่าคนแปลกหน้าจะแก่กว่าหรือเด็กกว่า จะเรียกพี่ทุกคน
เรื่องนี้เป็นทัศนคติเรื่องการให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยครับ อย่างของญี่ปุ่นนี่จะเรียกพนักงานเสิร์ฟว่า พี่ชาย หรือ พี่สาว เสมอ เหมือนเป็นการให้เกียรติว่าอาวุโสกว่า
ในขณะที่เมืองไทยเราจะเรียกว่า น้อง เหมือนกับมองว่าเขามีหน้าที่รับใช้เรา (หรือไม่ก็มองว่าเขาไม่อาวุโสเท่าเรา)
เวลาคนไทยไปไหว้วานอะไรคนที่ไม่รู้จัก เช่นถามทาง เราก็จะเลือกถามคนที่ดูมีอายุกว่าเรา (ดูจากหน้านั่นแหละ) แล้วเรียกว่า พี่ เพราะเราไปพึ่งพาเขา
@@caragio อันนี้ผมอาจจะไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ คือปกติไปร้านอาหาร เท่าที่สังเกตคนไทยก็จะเรียกบริกรด้วยการประเมินจากอายุเอาเสียส่วนมากนะครับ ถ้าบริกรมีอายุน้อยกว่าเราก็เรียกว่า "น้อง" ถ้าบริกรเขามีอายุเยอะกว่าก็เรียกว่า "พี่" หรือ "น้า" ไม่น่าจะเกี่ยวกับการให้เกียรติ
@@caragio ไม่เห็นด้วยบางส่วนแฮะ ผมว่าคนใหญ่จะดูว่าอายุน้อยหรือมากกว่าเราถ้ามั่นใจว่าอายุน้อยกว่าก็จะเรียกว่าน้องแต่ถ้าไม่มั่นใจก็จะเรียกว่าพี่ ลุง ป้า ตา ยา ตามบริบทไป แต่ก็มีบางคนที่เรียกคนที่ไม่รู้จักว่าพี่เสมอ แต่ถ้าโดยภาพรวมก็ตามบริบทพี่ผมพิมพ์จะมากกว่า
@@letseat5123 ใช่เลยค่ะ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆจะเรียกพี่ เพราะบริบทของเราตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเข้าวัยผู้ใหญ่
อยากให้มี อีพี 2 จังเลยครับ ดูสนุกมาก คุณทีม ตอบคำถามแทนคนไทยได้ดี
เรื่องใส่ข้อมูลที่เรียน หรือที่ทำงาน เราคิดว่า เพื่อนในเฟซหรือไอจีส่วนใหญ่ ก็คือรุ่นพี่-รุ่นน้อง หรือเพื่อนร่วมงานแหละ เค้าอาจจะยังมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับคนเหล่านั้น เลยใส่ไว้ อีกอย่างเผื่อคนในแวดวงนัิ้้นเข้ามา จะได้เป็นการแนะนำตัวไปในตัว….มั้งนะคะ รุ่นพี่-รุ่นน้องเราหลายคนก็ใส่ไว้ค่ะ เราเห็นก็รู้ได้ว่าเค้ารุ่นไหน บางทีมีอะไรก็ทักไปหา โดยที่ไม่เคยเจอกันจริง ๆ มาก่อน
ที่เกาหลีกับเมืองไทย เรื่องการเคารพผู้ที่อายุเยอะกว่า เป็นวัฒนธรรมที่เหมือนๆกันครับ แต่ความเข้มข้นของเกาหลีมากกว่าในไทยนิดนึงครับ ผมเคยอยู่เกาหลีช่วงนึง
ผญ.ไทยเรียนรด.ก็มีนะคะ จำได้ว่าช่วงมัธยมปลายตอนนั้นเพื่อนผญ.เรายังสมัครไปเรียนเลย ประมาณ 4 - 5 คนได้ ประมาณนี้ แต่ช่วงนั้นคือทั้งญ./ช. ก็คือต้องสอบคัดเลือกก่อนเข้าเรียนกันทุกคนค่ะ ถ้าผ่านเกณฑ์ก็ได้เรียน แต่จำนวนผญ.ที่เขารับเข้าเรียนอาจจะน้อยกว่าผช. ส่วนนร.หญิงชายคนอื่น ๆ ที่เขาไม่ได้เรียนรด. เขาก็มีตารางเรียนวิชาอื่นตามปกติ ไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้นนะคะ
เราเป็นคนนึงนะ เคยเป็นพนักงานธนาคาร ผู้ชอบสังสรรค์ หลังเลิกงาน เรามีชุดเปลี่ยนตลอด บางคนหาว่าจัดเต็ม แต่ไม่ใช่ เรารู้สึกอิสระกว่าเยอะ ค่ะ เวลากินดื่ม ทำตลอดจริงๆ และเราจับรถไปตลอดเลยมีชุดคิดรถ ง่ายๆค่ะ
ที่ใส่มหาลัยหน้าเฟซ ไม่ใช่เพราะพราวนะคะ แต่ใส่เพราะหาเพื่อนที่อยู่มหาลัยเดียวกัน
โดยเฉพาะช่วงเข้าปีหนึ่ง ถ้าเราใส่มหาลัยก็จะมีเพื่อนม.เดียวกันแอดมา
และเราก็ไม่ค่อยรับแอดคนที่ไม่รู้จักด้วย แต่ถ้าขึ้นเฟซว่าอยู่ ม.เดียวกันก็จะรับเลย เผื่อจะได้มีคอนเนคชั่น
ทีนี้พอเรียนจบก็ไม่ได้เข้าไปแก้ แค่นั้นเอง 555555
ชอบตอนนี้มากๆ นิสัยคนไทยจะง่ายๆกันเองแต่ก็จะให้เกียรติผู้อื่นและเกรงใจด้วยนะ อย่างไรก็ไม่ต่างจากคนชาติอื่นๆมากนัก
ส่วนตัวนะผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ใส่ใจรายละเอียด ถ้ามีช้อยให้เติม ส่วนใหญ่จะเติมให้เต็มเกือบทุกข้อนะ เหมือนทำข้อสอบ มันคือความใส่ใจมากกว่าครับตั้งแต่เรียนชั้นประถมละ😆😆😆
เป็นเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเปิดเผยกว่า จริงใจ มั่นใจในตัวเอง การเรียกพี่เรียกน้องเป็นการแสดงความเป็นกันเอง ให้ความสนิทสนม คนเกาหลีน่าจะส่วนตัวสูง หวาดระแวงกว่าคนไทย ขาดความเป็นกันเอง คิดลบมากกว่าคนไทย
เรื่อง uniform คิดว่าอาจจะทำให้ทุกคนในที่ทำงานดูเท่าเทียมกันค่ะ ทุกคนใส่เหมือนๆกันอะไรแบบนี้ แล้วก็น่าจะตัดปัญหาเรื่องเสียเวลาต้องมาเลือกชุดว่าวันนี้จะใส่อะไรดีค่ะ
เรื่องรองเท้า น่าจะมีรากมาจากวัฒนธรรมสมัยโบราณเลยครับ
1-เมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น พื้นบ้านจะไม่เย็นเหมือนเมืองหนาว
เลยไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าก็ได้
2-บ้านไทยโบราณจะเป็นบ้านยกสูงมีใต้ถุนและพื้นทางเดินส่วนมาก
จะเป็นดินเป็นโคลน เวลาเดินรองเท้ากับเท้าจึงมักจะเลอะโคลน
ส่วนใหญ่จึงจะมีภาชนะใส่น้ำวางไว้ใกล้บันไดทางขึ้นบ้านไว้ล้าง
ทั้งรองเท้าและเท้า พอล้างเสร็จก็ถอดรองเท้าไว้ข้างลางแล้วเดินขึ้นบ้านไป
3-จากข้อ 2 มันจึงกลายเป็นวัฒนธรรมการถอดรองเท้าก้อนเข้าบ้านเข้าห้อง
และมักจะไม่ใส่รองเท้ากันในบ้าน แม้ว่าบ้านเรือนจะเปลี่ยนเป็นแบบบ้านสมัยใหม่แล้ว
ตั้งคำถามน่าสนใจดีค่ะ ชอบๆตอนนี้ค่ะ อิอิ การเข้าประชุมเล็กๆ (ไม่ได้ทางการมาก) กับกลุ่มที่คุ้นเคย หัวหน้าที่คุ้นเคยไม่เฮี้ยบมากเกินไป ก็จะเริ่มมีลูกน้องหลายคนเลยค่ะ ที่เอาหมอนมากอด มาอิงหลังเวลาเดินไปห้องประชุม บางคนก็เอาผ้าห่มมาเพราะหนาว แต่ถ้าเป็นประชุมทางการ เจอกับผู้ใหญ่ระดับทางการมากๆที่ต้องเกรงใจ คนที่เข้าประชุมก็จะมาแบบพร้อมหมด รองเท้า เสื้อผ้าให้ดูดีหน่อย 555
- ที่ใส่ชื่อมหาวิทยาลัยหรือรุ่นเอกที่จบมาเพราะเผื่อไปฟอลไอจีหรือเจอไอจีโดยบังเอิญ
จะได้รู้ว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันหรือเพื่อนที่จบจากที่เดียวกันจะเพิ่มความเป็นกันเองในการทักทาย
เพราะบางทีรูปโปรไฟล์ไม่ได้โชว์หน้า หรือบางคนก็หน้าเปลี่ยน5555
- เรื่อง BTS บางทีขึ้นไม่กี่สถานีก็ลงแล้วค่ะ และเวลานั่งก็เบียดกับคนอื่นด้วย ส่วนตัวนี่คิดว่าคนไทยถือเนื้อถือตัวพอควรถ้าไม่สนิทกัน
- ส่วนเรื่อง ร.ด. เด็กผญ.โรงเรียนเราปล่อยให้กลับบ้านค่ะ555555555555 สามารถพบเจอได้ตามห้างทั่วไป
- รองเท้านี่ น่าจะเพราะคนไทยชินกับการถอดรองเท้าเข้าห้องแต่เด็กเลยมั้ง และก็อากาศร้อนเลยถอดให้มันสบายๆ
แต่ละคำถามคุณยอนคือดีมากนะเลยค่ะ ทำต่อเรือยๆนะค่ะ
ชอบคำถามมาก เป็นคำถามจากมุมต่าง ที่คนภายนอกมอง ซึ่งบางสิ่งมันเป็นความเคยชินของคนไทยจนเป็นเรื่องปกติ ชอบมากครับ ทำอีกนะครับ 😀😀
เรียน รด. ถ้าไม่จบปี 3 ก็ต้องเกณฑ์เหมือนกันครับ
ส่วนการจับใบดำ - ใบแดง
คนที่มีรายชื่อต้องมารายงานตัวในวันเกณฑ์ทุกคน แต่ไม่ได้จับทุกคนครับ
คัดคนเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น
ประเภทถัดรอง คือสูงไม่ถึง 160
ไม่ได้ขนาด คือ ขนาดหน้าอกไม่ถึง 76 ซม.
LGBTQ หากมีใบรับรองแพทย์จาก รพ.ทหาร ก็จะตีเป็นเพศสภาพไม่ตรงเพศกำเนิด
อ้วนมี bmi เกิน 35
สายตาสั้น เกิน 8 ไดออปเตอร์
สายตายาว เกิน 5 ไดออปเตอร์
พวกป่วยหายไม่ทันใน 30 วัน พวกนี้ปีหน้ามาเกณฑ์ใหม่ หากยังไม่หาย 3 รอบหรือประเภท 3 ครั้งที่ 3 ก็ไม่ต้องเกณฑ์ครับ
ส่วนระยะเวลาเกณฑ์ทหารไม่เท่ากันครับ ตามใบวุฒิ และความสมัครใจ
วุฒิต่ำกว่า ม.6 ทั้งแบบจับ และสมัคร เป็นเต็ม 2 ปี
จบ รด.ปี 1 สมัคร เป็น 1 ปี 6 เดือน/ จับฉลาก 2 ปี
ม.6,ปวช. - สมัคร 1 ปี / จับฉลาก 2 ปี
ปวส. , ป.ตรี, รด.ปี2 - สมัคร 6 เดือน / จับฉลาก 1 ปี
ยังเหลืออีกแบบที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหารครือโรงเรียนจ่าโรงเรียนนายร้อย
แล้วกรณีของ ณเดชน์ ที่ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ตรงกับข้อไหนล่ะ
@@info001a ณเดชน์ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะนำใบรับรองแพทย์มาว่าเป็นโรคหอบหืด ซึ่งเป็นกลุ่มโรคงดเว้นเกณฑ์ทหารครับ หรือประเภท 4 หรือเรียกว่า ทุพพลภาพ แต่ส่วนใหญ่จะเรียกพิการซะมากกว่า อ้วน bmi เกิน 35 ก็จัดอยู่ในกลุ่ม 4 ครับ
@@info001a โรคหอบครับ จริงๆตามกฎหมายระบุไว้หลายโรคเลย ต้องไปดูเองถึงจะทราบ
ขอเสริมนิดหนึ่งค่ะ เรื่องการเกณทหาร สำหรับสาวประเภทสอง มีข้อยกเว้นแล้วคะ สำหรับคนที่แต่งญ. แล้วแต่ยังไม่ได้แปลงเพศ ก็จะให้พบจิตแพทย์เพื่อยืนยันและรับใบรับรอง และได้รับการยกเว้นค่ะ ในใบจะรับรองว่า " เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด " ก็จะได้รับการยกเว้นค่ะ
*เหตุการณ์นี้เจอกับตัวเองเลยค่ะ เฟริมๆๆ
ขอบคุณมากที่มีคำถามแบบนี้มันดูแล้วเป็นระเบียบและเกิดอะไรขึ้นก็จะรู้ ดูแล้วดีๆๆๆ
รด (นักเรียน รักษาดินแดน) ปัจจุบันจะเรียกว่า นศท (นักศึกษาวิชาทหาร) ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เรียน บางพื้นที่มีจำกัดจำนวน ต้องสอบสมรรถภาพก่อนถึงจะเรียนได้ (ถ้าคนเกิน จะคัดคนที่ได้คะแนนน้อยออก)
เมื่อเรียน นศท จบแล้ว จะได้ขึ้นทะเบียนอยู่ใน ทหารกองหนุน เมื่อมีสงคราม และกำลังพลไม่พอ จะถูกเรียกมาฝึกทบทวนแล้วต้องไปรบ โดยจะมีตำแหน่งเป็น ผบ.หมู่ (หัวหน้าของทหารเกณฑ์)
ตอนเรียน นศท จบ 3 ปี + จบการศึกษา จะได้ยศ ว่าที่สิบโท, ถ้าเรียนจบ 5 ปี จะได้ยศ ว่าที่ร้อยตรี
ลองนึกถภาพเล่นๆมีสงครามจริงๆ คนที่จบรด.มา แล้วต้องมานำหมู่ทหารที่เป็นทหารเกณมาไปออกทำภารกิจ 5555
@@chaninsiripong1318 ตอนนั้นคงเรียกอดีต รด มาฝึกก่อบไปรบ แล้วคงคัดอีกทีแหละครับ ว่าใครจะนำหมู่ปืนเล็กไปออกรบ ถ้าเฟอะฟ๊ะเค้าคงไม่ส่งไปหรอกครับ เป็นภาระเปล่าๆ
@@jaturonkphi หัวหน้าครับ ขณะนี้หมู่ของเราขาดการติดต่อจากกอง แผนที่ไฟไหม้หมด เข็มทิศเปียกน้ำพัง เราจะเดินต่อไปทิทางไหนดีครับ หรือควรตั้งแค้มปกันก่อนนี่ก็ 5โมงแล้ว
อันนี้คิดเหมือนกัน เรื่องขึ้นรถไฟฟ้า ถ้าเยอะคือ ขบวนถัดไป ล้าน % ไม่ชอบไปเบียดแล้วต้องโดนตัวคนอื่นเยอะ
ชอบคอนเทนท์นี้มากดลยครับคุณยอน ขอให้มีภาค 2 ครับ
เรื่องพี่กับน้องในร้านอาหารเข้าใจคุณยอนค่ะ เพราะจะเรียกพี่เหมือนคุณยอนเหมือนกัน
แต่ภาษาไทยพูดสุภาพต้องมีคะ/ครับ ลงท้าย เช่น “อเมริกาโน่ เย็น 1แก้ว ค่ะ”
คล้ายๆที่เกาหลีจะถ้าคุยกับพนักงานแบบสุภาพคงจะเป็น “아이스 아메리카노 주세요”
ส่วนเรื่องของเครื่องแบบ ที่นี่ให้ใส่ เป็นระเบียบค่ะ
พอฟังหลายๆเรื่องแล้วคิดว่าที่เกาหลีคิดเรื่อง privacy, security เยอะมากเลยค่ะ
ที่ไทยไม่ค่อยคิดเรื่องแบบนี้เยอะ
แต่สำหรับเราเป็น healty care provider หรือข้าราชการบางหน่วยงานห้ามใส่ข้างนอกก็มีค่ะ
23:24 ที่โรงเรียนของฉันให้เรียน girl scout ค่ะ
เวลาอยู่ในออฟฟิศก็ใส่เป็น slippers ค่ะ เพราะการใส่รองเท้าคัชชูมันอึดอัด ไม่สบายเท้า แต่เวลาจะไปชั้นอื่นที่ไม่ใช่พื้นที่แผนกเรา หรือออกนอกตึก ก้จะเปลี่ยนเป็นคัชชูทุกครั้งค่ะ
การเกณฑ์ทหารของไทย ถ้าผู้ชายไม่เรียน รด. แล้วเรียนในหมาวิทยาลัย สามารถผ่อนผันให้เรียนจนจบปริญญาตรีได้ แล้วค่อยมาเกณฑ์ทหารครับ ส่วนคนที่วุฒิปริญญาตรีหรือปวส. เวลาจับได้ใบแดง สามารถลดระยะเวลาในการเป็นทหารเหลือแค่ 1 ปี ถ้าสมัคร ได้เป็น 6 เดือนครับ ส่วนการรายงานตัวจะมี 2 ผลัด คนที่โดนผลัดที่ 1 จะต้องไปรายงานตัวเข้ากรมในวันที่ 1 พฤษภาคม ส่วนผลัดที่ 2 จะต้องไปรายงานตัวเข้ากรมในวันที่ 1 พฤศจิกายน ของทุกปีครับ
ชอบมากครับคอนเทนท์นี้ คุณยอนช่างสังเกตดีจัง ไม่ซ้ำกับที่ไหนเลย
แล้วก็ชอบคุณทีมเวลามาออกช่องอื่นด้วย เพราะรู้สึกว่าตอนทำคอนเทนท์ตัวเองจะเกร็งแปลกๆ ไม่รู้ว่ารู้สึกไหมครับ
พอมาแบบธรรมชาติแล้วดูสนุกขึ้นไปอีก
38ปีก่อน..เพราะรักในทรงยาวรากไทรเลยไม่เรียน รด.
สุดท้ายต้องมาจับใบดำใบแดงโดนไป2ปี..สบายใจไปจ้ะ..แต่ก็ทำให้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ..2ปีมีคุณค่ามาก..ฝึกความอดทนฝึกวินัยทำมห้ตัวเองมีระเบียบขึ้นเยอะเลย😁😁😁😁
ผู้ชายไทยเยอะแยะครับที่ไม่ได้กลัวการเกณฑ์ทหารเพราะเรื่องฝึกหนัก เรื่องโดนครูฝึกแดก เรื่องกลัวตายเพราะถูกส่งไปรบ อะไรแบบนั้น แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาชีวิตไปช่วงนึง ตอนผมเรียน ร.ด. ยังว่า มันไม่หน่อมแน้มไปเหรอ ถึงจะเป็นกำลังสำรอง ก็ควรจะฝึกหัด หรือ เรียนอะไร ที่วัดคุณภาพ แล้วได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ หรือต้องพร้อมเข้าสนามรบทันทีที่ โดน mobilize
เป็นคลิปที่สนุกอีกหนึ่งคลิปครับ ได้มุมมองความรู้ของสองวัฒนธรรม
เห็นด้วยเลยค่ะ เราเป็นชิวๆค่ะ ชอบให้คนเรียก น้องค่ะ ให้ความรู้สึกว่าเราดูเด็ก bts เบียด ❌ไม่ขึ้น ในออฟฟิศ ❌ไม่ใส่รองเท้าค่ะ เราใส่สลิปเปอร์ คลุมผ้าห่มค่ะ ใส่หมอนรองคอนั่งทำงานด้วยค่ะ ชิวๆเหมือนอยู่บ้านค่ะ 😆
ชอบคำถามยอน...ช่างสังเกตมากกกก ส่วนคุณทีมก้อตอบได้ดี ....ตอบแบบมีที่มาที่ไปเช่น เรื่องเกณฑ์ทหาร ส่วนเรื่องไม่ใส่รองเท้าในออฟฟิศ ถ้าเป็นบริษัทเอกชน แผนกเล็กๆ ทำงานกันมานาน จะรู้สึกว่าทำงานแบบพี่น้อง ครอบครัว กัอเลยชิล ยิ่ง บ.พวกประเภทติสต์ๆ ครีเอท ยิ่งชิล ยกว้นช่วงพบลูกค้า /ปช. ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมบริษัทนั้นๆ เลย ...
ที่ทำงานบังคับให้ใส่เครื่องแบบทุกวัน เราเอาเสื้อไปเปลี่ยนตอนเช้ากับตอนเลิกงาน ทุกวัน เพราะไม่อยากให้ใครรู้ทำงานที่ไหน และก็ตามเหตุผลที่คุณยอนอธิบาย
เราก็ทำค่ะ แต่พอตำแหน่งสูงๆ หลังๆ จะดื้อแพ่งไม่ใส่ละ 5555
เรื่องเขียนมหาลัย ง่ายต่อการแอดเพื่อนค่ะ เพราะถ้าไม่เติม เพื่อนมหาลัยจะไม่ค่อยรู้ และไม่กล้าแอดมา และจริงค่ะ ออฟฟิศก็เหมือนบ้าน😂😂😂
เราว่ายอนน่าจะหมายถึงใน Instagram หรือเปล่าคะ เพราะมันเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษ ถ้าใน Facebook เค้าเขียนชื่อมหาลัยเต็มเลยไม่เคยเห็นมีตัวย่อ
@@love_uall เราก็หมายถึง ig
คำถามแรกเนี่ยเวลาไปซื้อของแล้วโดนคนที่ดูอายุมากกว่าเรียกว่า พี่เนี่ยจะรู้แปลกๆมาก แบบเอ๊ะเราดูหน้าแก่ขนาดนั้นเลยเหรออะไรแบบนี้
สนุกดี น้องคนไทยก็ตอบคำถามได้ดีมากๆ
วิ่งไปนั่งที่นั่งในรถไฟฟ้านี่นะ คือค่อนข้างน่าเกลียดเลยค่ะสำหรับคนไทย แบบว่าเก็บอาการหน่อย อะไรจะแย่งชิงอะไรขนาดนั้น สำหรับผู้หญิงนะ
เรื่องเบียดก็ตอบตรงค่ะ คือกูไปขบวนหน้าก็ได้ จะเบียดทำไม มันแน่นแล้ว เกรงใจเค้า 5555
เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเรื่องแปลกสำหรับต่างชาติ 5555 น่าติดตามมากค่ะ ความสงสัยของคุณYeon น่ารักมากค่ะ
ที่ใส่ uniform ของบริษัท เพราะประหยัดด้วยค่ะ ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ 😂😂😂
เห็นด้วย
EPนี้ดีมากดูแล้วเพลิน คนไทยชิลๆทุกอย่างสบายๆ
เรียกคุณดีที่สุด บางคนไม่อยากนับญาติด้วย เป็นการสุภาพที่สุด
คุณ ถ้าใช้เรียกผู้ใหญ่ที่อาวุโสก็ดูไม่สุภาพ ผมรู้สึกแบบนี้
นี่โตกรุงเทพใช้แต่คุณและลงท้ายด้วยค่ะตลอด กับบริกรกับพนักงานปั๊มน้ำมันเราก็เรียกคุณเพราะให้เกียรติ สังคมที่เราโตมาการพูดแบบนี้แสดงถึงความสุภาพเป็นสากลและทางการกว่า และเวลาทำงานดูเป็นมืออาชีพ แต่ถ้าไปใช้ที่ตจว.คนตจว.จะมองว่าดัดจริต เสแสร้งค่ะ เจอมาแล้ว😂 เค้าชอบให้นับญาติ ลงท้ายจ๊ะจ๋า ป้าจ๊ะ ยายจ๋า งี้ ฟังดูน่าเอ็นดู
ในมุมมองที่ผมเคยเป็นพนักงานและตอนนี้เป็นนายจ้างและเคยเปลี่ยนผู้รับการบริการ มุมมองจะแตกต่างกัน แต่กรณีนี้ผมขอพูดถึงในมุม "เป็นผู้รับการให้บริการ" ก่อนนะครับ ผมรู้สึกอุ่นใจกว่าหากดูคนที่มาเป็นทีมพร้อมให้การบริการ เพราะดูมีความเป็นมืออาชีพ หากเค้าทำผิดหรือทำไม่ได้ตามมาตราฐานมันก็จะส่งผลถึงภาพรวมของบริษัทของเค้าด้วย แต่ถ้าเค้าทำดีผมก็จะแนะนำต่อว่าบริษัทหรือทีมงานนี้มีความเป็นมืออาชีพไว้ใจได้ไม่ทิ้งงาน มันก็จะส่งผลต่อไปถึงภาพลักษณ์ของบริษัทด้วย หากไม่สวมเสื้อโลโก้บริษัทมาเราก็แอบคิดในใจว่าคนนี้เป็นใครพร้อมทำงานหรือเปล่า ไว้ใจได้มั้ยหากงานเสียเราจะติดต่อที่ใครและใครจะเป็นคนรับผิดชอบ บางทีอาจจะมองในแง่ร้ายหน่อยเรากลัวเค้าเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมา ผมมองว่าการใส่เสื้อทีมที่เหมือนกันมันเป็นการสร้างทีมเวิร์คที่ดูมีพลัง เวลางานมีปัญหาผมก็โทรไปแจ้งได้เลยอบบอุ่นใจว่าเค้าจะไม่ทิ้งเรา เพราะเราถ่ายรูปการทำงานเป็นหลักฐานว่ามีการเข้ามาทำงานจริงในวันเวลาดังกล่าวจริง ผมเป็นผู้รับการบริการ
อันนี้ยอนเค้าพูดถึงเวลาที่ไม่ได้เข้างานครับ เช่น ช่วงก่อนเข้างานหรือเลิกงาน คนเกาหลีก็มีuniformแต่เค้าเลือกที่จะเอามาเปลี่ยนที่ทำงาน แล้วก็เปลี่ยนกลับตอนเลิกงาน
@@TheFuse518 อันนี้เห็นด้วยเพราะผมฟังคลิ๊ปต่อจนจบ ผมเห็นว่าก็ควรเปลี่ยนเสื้อนะ เพราะเวลาไปทำอะไรแล้วเหมือนเอาชื่อเสียงบริษัทเข้าไปด้วย แต่คนไทยก็คงแบบสบายๆ เสื้อตัวเดียวจนจบวันไม่อยากเปลี่ยน เพราะมันต้องพกติดตัวไปด้วย มันทำให้ต้องซักผ้าบ่อยๆ "ขี้เกียจ" ผมคิดว่าคนไทยน่าจะเป็นแบบนี้
เรื่องยูนิฟอร์มบริษัทไม่ได้บังคับนะ แต่คนที่ชอบใส่ไม่อยากคิดเยอะว่าวันนี้จะแต่งตัวอะไรดี หยิบเสื้อบริษัทมาใส่ง่ายดีค่า
ตามมาจากเพจนายทีม บางคำถามน่ารักมาก คนไทยชิวมากจริงๆ😂😂😂
อันนี้ส่วนตัวทีละเรื่องเลย
1. เรื่องเรียกพี่/น้อง/ลุง/ป้า คือด้วยความที่ถ้าเราเรียกคู่สนทนาด้วยสรรพนามที่เป็นผู้ใหญ่กว่า มันเหมือนเป็นการให้เกียรติว่ามีประสบการณ์มากกว่า(หรืออะไรทำนองนั้น) เป็นการถ่อมตัว หรือถ้าเรียกคู่สนทนาเป็นน้องก็อาจเรียกด้วยความเอ็นดู แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือต้องดูน้ำเสียงและบริบทการสนทนาด้วย บางทีอาจเป็นการเรียกด้วยการเหยียดหยาม
2. เรื่อง ร.ด. คือไม่อยากไปเกณฑ์ทหารครับ ยอมหัวเกรียน 3 ปี แลกมากับอิสระในการวางแผนชีวิตหลังจบโดยไม่ต้องพะวงหรือติดเรื่องเกณฑ์ทหาร
3. เรื่องนั่ง อันนั้นคือเกรงใจ แต่ถ้าแบบรถว่างๆโล่งๆเลยก็นั่งนะ แต่พอมีผู้สูงอายุ คนท้องหรือคนหอบของมาพะรุงพะรังก็ลุกให้
4. เสื้อฟอร์ม ด้วยบางทีการรีดเสื้อเชิ้ตมันก็วุ่นวายเกินไป ก็เลยเลือกที่จะใส่เสื้อฟอร์มที่มันไม่จำเป็นต้องรีด อีกอย่างคือถ้าไม่คิดว่าตัวเองจะไปทำอะไรไม่ดี ทำใมต้องกลัวคนเอาเรื่องไปรายงาน
5. เรื่องรองเท้า คือก็ถอดแล้วมันสบายขา แต่โดยส่วนตัวถ้าไม่ได้เดินออกนอกห้องทำงานก็จะไม่ค่อยใส่รองเท้าเดิน แต่ถ้าเจอคนนอกก็ใส่เพื่อให้ดูสุภาพ ที่ทำงานสำหรับคนไทยมันไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น ยกเว้นใว้แค่ส่วนงานที่ต้องพบปะคนนอกบ่อยๆ อันนั้นค่อนข้างเคร่งเรื่องการแต่งกาย
แต่เรื่องใว้เล็บนี่ก็เพิ่งรู้นะ เพราะผู้ใหญ่ที่เจอก็ไม่มีใครใว่เล็บเลย
ไม่ชอบให้คนเรียกพี่เลย แต่ละคน เจ้าเล่ห์ เด่วมีการทอนเงินผิด รึ มีการ โกงอะไรซักอย่างตลอด รึมีการกระทำอะไรไม่ดีใส่ตลอดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นคิดว่า คนที่เรียกแบบนี้ คือคนที่ใส่หน้ากาก อย่างน้อย คนๆๆนี้ ก็ผิดศีลเรื่องวาจา มานับญาติทั้งๆๆที่ไม่ใช่ญาติ ก็ไม่เข้าใจ ตอนเด็ก คนที่เรียกลงท้ายด้วยพี่ คือกระเป๋ารถเมล์น่ะ ไปเลียนแบบกระเป๋ารถเมล์เพื่อ?
เคยขึ้น mrt แล้วมีครอบครัวคนเกาหลี เป็นผู้ชายเกาหลี ผลักดันคนไทยอย่างแรงเลยให้เข้าไปเบียดๆกันใน mrt ตอนนั้นเราโกรธมากๆๆ😡 และรู้สึกว่าทำไมเค้าต้องผลักแรงขนาดนี้ทุกคนข้างในเซตามแรงผลักกันหมด แต่ตอนนี้เราให้อภัยเค้าแล้ว ไม่โกรธ ปล่อยวาง 😊😇
แล้วทำไมไม่เดินเข้าด้านในเองต้องรอให้คนอื่นผลักเข้า
@@nhuengthienbunlertrat3291 คนไทยเกือบทุกคนจะมีมรรยาทดีเดินเข้าข้างในเอง ไม่จำเป็นต้องรอให้คนอื่นผลัก !!!
คนในรถคงใจดีมากเลย ไม่มีใครสอนมวยให้ไอเกา
ดูคลิปนี้แล้วได้เห็นทัศน-คติเพื่อนบ้านได้ดีขึ้น ได้แลกเปลี่ยนความรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน.
จริงๆ ภาษาไทยส่วนใหญ่ เน้นเรื่องอารมณ์ที่จะสื่อมากกว่าคำพูดอีกครับ เพราะถึงคำพูดจะน่ารักสุภาพ แต่หากน้ำเสียงและอารมณ์ที่สื่อมันรุนแรงก็ไม่ดีอยู่ดีครับ 😅
ส่วนใหญ่ที่คนไทยชอบใส่ชื่อมหาลัย/ที่ทำงาน อาจจะเริ่มจากเฟซบุ๊กที่มีฟังก์ชันนี้มาให้ใส่แล้วคนไทยก็เริ่มใส่กันทุกแพลตฟอร์มเลย
ที่เกาหลีถึงเป็นทหาร ถ้านั่งแล้วก็ไม่จำเป็นต้องลุกให้ใครเลย
คนไทยใส่ชุดทำงานตั้งแต่ออกจากบ้าน เพราะที่ทำงานไม่มีล็อกเกอร์ส่วนตัวให้เก็บชุด แล้วก็ไม่อยากหอบชุดไปกลับให้หนักด้วยค่ะ
เรื่องถอดรองเท้าในที่ทำงานส่วนตัวเป็นเพราะมันร้อนเท้าค่ะ🤣
เรื่องรองเท้าเป็นเฉพาะผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงรึเปล่า? ยังไม่เคยเห็นออฟฟิศบริษัทใหญ่ๆที่ไหน พนักงานถอดรองเท้าเดิน นอกจากบริษัทเล็กๆ กันเอง เป็นโฮมออฟฟิศอะไรแบบนั้น
@@kittenastrophy5951 ผมเคยทำงานบริษัทใหญ่มี ยูนิฟอร์ม สำหรับหน้าร้านแน่นอนว่าไม่ให้ถอด แต่คนที่ทำงานในสำนักงานใหญ่ส่วนใหญ่ถอด และมีรองเท้าแตะไว้เปลี่ยนกันด้วย มีหมอนนะ(หรือตุ๊กตานุ่มๆ)แต่ไม่ถึงขั้นผ้าห่ม
คนไทยเป็นคนขี้อวดครับ
เวลาได้อะไรดีๆ มักจะโพสรูป ลง facebook
อวดครับ เช่นไป เที่ยวต่างประเทศ
จบปริญาญา เรียนที่ไหน ทำงานที่อะไร
บางทีก็อวดลูก บ้างครับ คนไทยหลายคนเป็นคนชอบ ยุ่งเรื่องชาวบ้านครับ เลยชอบเข้ามาดูโปรไฟล์คนอื่นๆ อยู่ตลอด
@@TheFuse518รองเท้าแตะถือเป็นรองเท้า ไม่ใส่รองเท้าคือเท้าเปล่า ไม่ใส่อะไรทั้งนั้น
แขกรับเชิญ ตอบคำถามได้ดีมากครับ
แถมตอบแบบสุภาพด้วย
การลงท้ายด้วยค่ะ ครับ แสดงออกได้หลายอย่างนะคะเช่น การให้เกียรติ แสดงความสุภาพ จ่อกันและกัน ดูน่ารัก ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ😊
เป็นการคุยที่น่ารักมากเลยค่ะ
สนุกมากเลย แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ
แต่ก็ได้เข้าใจ คนเกาหลีมากขึ้น
ข้อดีของการใส่ยูนิฟร์อมบริษัท คือประหยัดค่าเสื้อผ้า ไม่ต้องมานั่งเลือกเสื้อผ้า หรือ อวดแบรนด์เนมกัน เลิกงานดื่มคนเกาหลีเวลาเมาอะเรี่ยราดมาก เราเข้าใจนะ ว่าไม่อยากใส่ชุด๋บริษัทไปดื่มกินต่อ (เค้าดื่มกันหนักจริงๆ)คนไทยก็มีเมาแต่ยังคีบลุคกว่าเยอะ เคยเห็นคนเกาหลี ญี่ปุ่นเมาถอดสูท เรี่ยราดจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว บนทางเชื่อมbtsคือ..... หมดกัน ขึ้นรถเบียด อากาศก็ส่วนหนึ่งร้อน เหงื่อออกเหนอะหนะ หงุดหงิด ตัวเหนียวหนึบ มันแหยะๆอะ ไม่อยากให้ใครโดนตัว แต่ใดๆไทยอะชิวๆสบายๆ ไม่เยอะ ก็คนคุ้นเคยรู้จักสนิทกันแล้วก็เราสะดวกแบบนี้อะคร่ะ🤣🤣🤣🤣🤣🤣สนุกดีค่ะได้เปิดโลกทัศน์ ประเทศไทยดีที่สุดละ โอเคร หนุมไทย ดีที่สุดด้วย🤣🤣🤣(รึป่าวนะ แต่ที่แน่ๆป่ะป๊าเราอะที่หนึ่งชายไทย🤣🤣🤣🤣)
ทุกคำถามมักมีเหตุผลเพราะ คนไทยเป็นคนชิล 😂😂😂
น้องซี ฉลาดคิดฉลาดตอบดีมากเลยครับ ความรู้รอบตัวก้อดีด้วย
09:19 คุณยอนเค้าน่าจะหมายถึงทำไมคนไทยไม่เปลี่ยนเสื้อบริษัทเป็นชุดปกติหลังจากเลิกงานงี้มั้ยคะ เพราะที่เกาหลีเค้าจะเปลี่ยนกันค่ะ คำตอบง่ายๆสำหรับเราเลยเพราะว่าคนไทยคงขี้เกียจเปลี่ยนไปมางี้มั้ยคะ เพราะขี้เกียจแบกชุดลำลองมาเปลี่ยนด้วยค่ะ 555555555555555
ขี้เกียจซัก ก็เป็นอีกเหตุผลนึง ทำไมต้องซักสองตัว 55555
ชอบมากครับสนุกดีครับ ได้มุมมองใหม่ๆด้วยครับ
ชอบคลิปนี้จัง ทำแบบนี้อีกนะคะ ฟังเพลินสนุกมากๆ
สนุกมากเลย คำถามดีแบบไม่คาดคิดว่าต่างชาติจะคิดคำนึง555😂
สำหรับต่างชาติเกือบ 85% จะใสชุดไปรเวท และไปเปลี่ยน uniform ที่ locker ของบริษัท และในประเทศไทยถ้าเป็น บ.ใหญ่ ๆ จะมี locker เปลี่ยนชุด uniform ทุก บ.
ตั้งคำถาม ได้ดีมากเลยอ่ะ ชอบๆๆๆ
เรื่องไว้เล็บนิ้วก้อยเราไม่รู้คนอื่นยังไง แต่ผู้สูงอายุบ้านเราคือ เอาไว้เจาะแผงยาค่ะ 55555
เอาไว้เเคะขี้หูแคะขี้มูก ถ้าใช้นิ้วอื่นเด่วมันใหญ่ไปรูจะบาน
เคยถามบอกว่า เอาไว้แคะขี้มูก รึเกา
เป็นคำถามที่ดีทุกคำถามเลยครับ คำเรียกน่องที่ไทยคือเอ็นดูครับไม่ได้เป็นการไม่สุภาพเลย
ส่วนเรื่องโดนตัวจริง แม้แต่ผมผู้ชายก็ไม่ชอบถ้าผู้หญิงมาเบียด
ที่ยอนไปเรียกเขาว่าน้อง
แล้วเขาตกใจ แสดงว่าเขาคิดว่ายอนอายุน้อย (หน้าเด็ก)กว่าเขาครับ
เกลียดตรงหัวหน้าเรียกแล้วเดินกอดหมอน ห่มผ้าห่มไปด้วย โคตรเรื่องจริง 555
มาดูคลิปนี้กับคำถามที่ที่เกี่ยวกับการเบียดกันขึ้นBTS คนไทยมักจะยอมขึ้นขบวนถัดไปมากกว่าที่จะยอมเบียดกันไป..แต่คนเกาหลียอมที่จะเบียดกันเพื่อรีบไป..ทำให้เข้าใจในเหตุการณ์อิเทวอนเลยค่ะ
เราผู้ซึ่งเป็นคนนึงที่ไม่ชอบการเบียดเสียดมาก ไม่ชอบเที่ยวช่วงเทศกาลด้วยเพราะเหมือนไปแย่งอากาศหายใจกัน..ดูข่าวรู้สึกเสียใจมากและไม่เข้าใจว่าจะเข้าไปเบียดกันทำไม แต่จากคำถามและคำตอบนี้ทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นค่ะ
ผมเข้าใจวัฒนธรรมการเรียกพี่-น้องของคนเกาหลีเลยครับ มองย้อนบ้านเราเลยรู้สึกแปลกไปเลย เพราะเราชิวมากที่จะเรียกแต่เขาซีเรียสกว่าต้องระวังมากกว่าไรงี้
ชอบความช่างสังเกตของคุณยอน 😅
เรื่องเครื่องแบบชุดทำงาน ไทยไม่เหมือนเกาหลี หรือ ญี่ปุ่น ที่พอเลิกงานก็มีล๊อกเกอร์ให้เปลี่ยนชุดกลับบ้าน แขวนเครื่องแบบเก็บไว้ในตู้ เราใส่ชุดออกมาจากบ้านเลย อากาศมันร้อนนะคะ ชุดเลยมีเหงื่อ ใส่ทั้งวันจะให้เปลี่ยนชุดแล้วเก็บเข้าตู้ วันรุ่งขึ้นเอากลับมาใส่ใหม่แบบที่เกาหลีน่าจะไม่ได้ ขี้้เกลือขึ้นเสื้อค่ะ
ที่เรียน รด. เพราะมันจะเสียเวลาในการทำงานครับ เวลาจบออกมาได้ทำงานดีกำลังจะได้ดี ต้องออกมาเกณทหารอีก เสียเวลาเสียโอกาศ 1-2 ปีเลย บางที่การทำโทษในค่ายทหารก้อรุนแรงมาก จึนถึงเสียชีวิตก็มี
I found a lot of my old friends on facebook because they put the school name and year in their profile. You know, some friend we lost contact sine we finished from school.
ผมอยู่เกาหลี ติดนิสัยที่ไทยเวลาเจอคนแก่จะลุกให้นั่ง แต่พอลุกแล้วคนแก่เกาหลีจะถามกลับว่าลงสถานีไหน หากลงสถานีถัดไปเขาถึงจะนั่งแทนที่หากอีกหลายสถานีเขาจะไม่นั่งเขาจะบอกเรานั่งเลยไม่เปนไร
ชอบคนตอบ ตอบใด้ดีมาก
คำถามยอนน่ารักมากค่ะ ฟังแล้วตลกมากค่ะ😂😂😂😂
คำถามแรก คนไทยไม่ค่อยห่วงprivacyด้วยมั้งคะ เวลาไปส่องแล้วเห็นว่าจบจากไหนก็เหมือนจะติดต่อง่ายดี เอาไปถามเพื่อนว่ารู้จักคนนี้มั้ยๆซึ่งลึกๆแล้วส่วนนึงก็😮มาจากอำนาจนิยมแหละค่ะ ความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง\connection 😂😂ถ้าจบจากที่เดียวกันก็ทำให้มีไบแอส
ตอบคำถามดีมากครับ ❤️❤️❤️
ชอบมากๆๆ ขอ Ep2
น่ารักทั้งคู่.....บทสัมภาษณ์นี้สนุกมาก น่ารักมากๆๆๆครับ😂
เป็นคลิปที่น่าสนใจมากๆค่ะ อย่างตอนอยู่ออหิศเราจะซื้อรองเท้าแตะน่ารักๆ ใส่ และคิดว่าออฟฟิศเหมือนบ้านหลังที่ 2 ค่ะทำงานและรู้สึกทำงานกับพี่น้อง อบอุ่นค่ะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้สุดๆค่ะ แต่งานก็ต้องรับผิดชอบให้เต็มที่ด้วยค่ะ❤❤
บริษัทเราทุกคนใส่รองเท้านะคะ อย่างมากก็ใส่ slipper ค่ะ ให้เกียรติสถานที่และสุภาพ ไม่ใช่ทุกบริษัทในไทยจะไม่ใส่นะคะอย่าเพิ่งเข้าใจผิดค่ะ คิดว่าเป็นเฉพาะบางองค์กรเท่านั้น แอบตกใจเหมือนกันที่คนไทยไม่ใส่รองเท้าในที่ทำงาน อย่างที่บริษัทเรามีกฎการแต่งตัวด้วยซ้ำค่ะเพราะด้วยลักษณะการทำงานเป็นวิชาชีพที่ต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่ถึงไม่ได้ไปพบปะลูกค้าที่บริษัทก็ไม่มีใครเดินเท้าเปล่านะคะ เพราะพื้นที่มีคนเดินไปมายังไงก็ไม่สะอาดค่ะ