ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ครับ สำหรับความรุ้ แนวนี้
อนัตตาชีวิต คือ ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติเสมือน ฟ้าร้อง ฝนตก แดดออก หรือคลื่นลมแรง...................................................รูป เป็นพลังงานและสสาร ความคิด ความรู้สึก สภาวะทั้งหลาย คือ สัญญานไฟฟ้าในสมอง.....................................,............ ตถาคต ทรงแสดงสภาพธรรมที่มีจริง ประกอบด้วย จิต เจตสิก รูป นิพพาน อันเป็น..ธรรมอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครและไม่มีแก่นหรือสาระใดๆทั้งสิ้น ตถคตา.เป็นนักวิทยาศาสตร์เอกของโลก มิใช่ผู้นำจิตวิญญาน พิจารณาได้จาก..ธรรมวิทย์..ที่ทรงแสดงความจริงไว้ชอบแล้ว กรรม นายเวร การเวียนว่ายตายเกิด ผู้สร้าง..ผู้ดลบันดาล.. มีมาก่อนตถาคตได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้.. คัมภีร์..นวโกวาท..สำหรับภิกษุผู้ใหม่ มีแต่ธรรมและวินัย ตามสังคยนา 1 ธรรมนั้น..ไม่มี สังสารวัฎ วิบากกรรม นายเวร นรก สวรรค์ การเวียนเกิด เวียนตาย ปาฎิหารย์ ไม่มีอรหันต์ หรือ อริยะบุคคลใดเลย.. เหตุนีั..ตถาคต..ย่อมไม่อาจตรัสถึงสิ่งเหลานี้ได้เลย ด้วยเพราะ.. พุทธองค์ ทรงเป็นผู้ทวนกระแสโลกด้วยวิทยาการศาสตร์แห่งปัญญา..เท่านั้น สาธุๆๆ อนุโมทนามิ _/\_ ด้วยเศียรเกล้าฯ
FC เลยค่ะ อัพคลิปเรื่อยๆ นะคะ มีประโยชน์มาก อธิบายเข้าใจดีเลย
นรก สวรรค์ มีอยู่ เป็นภพภูมิ/เป็น ทิพย์ จิตพัฒนาดีแล้ว "จิตรู้ จิตสร้าง สมมุตติ=นามรูป" สรรพสิ่ง ในจักรวาล มี สรรพสิ่ง อายตนะ ๕ เห็น+รู้ และมี สรรพสิ่ง เป็น พลังงาน=นาม จิตผัสสะได้/รู้ได้ ในตัวคน ก็มี ทั้งรูป อนุภาค และ มี นาม/พลังงาน =จิต เท่านั้น เห็น จิต ทำงาน ในขันธ์๕ ชาวตะวัน คิดว่า สมองทำงานหรือ God ทำให้คน "มีชีวิต" พุทธะ บอกว่่า "พลังจิต+พลังกรรม" ทำให้คน มีชีวิต+ยังไม่ตาย พอจิต หยุดสังขาร/แยกจาก ร่าง คนก็ตายอัตโนมัติ
กลไกของธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ และน่าทึ่งฯลฯ...เมื่อใดที่ มนุษย์ตื่นรู้ ได้จริง...ความเชื่อบางอย่าง ที่มนุษย์มโนขึ้นมาเองจะสลายไป" มองให้ลึกลงไปในธรรมชาติแล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่างดีขึ้น " นรก สวรรค์ อยู่ที่ชีวิตนั้นๆ เป็น หรือ สร้างขึ้นฯลฯ...รวมทั้งกลไกของธรรมชาติจัดสรรค์เคยเห็นไหมว่าทำไมบางคนถึงได้ไปเกิด ณ ประเทศนั้นและอีกคนได้ไปเกิด ณ อีกประเทศหนึ่งบางคนอยู่ในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์กับอีกคนอยู่กับภูมิประเทศที่แห้งแล้งฯลฯ.....จงมองเข้าไปใน "กรรม" ที่ทำไว้แต่บางก่อนกลไกของธรรมชาติจะจัดสรรค์และไม่มีสรรพชีวิตใดหนีพ้นจงคิด พูด และทำ แต่กรรมดีเพราะชีวิตในอนาคตขึ้นอยู่กับ "กรรม" การกระทำไว้ณ ปัจจุบัน
กดติดตามแล้วครับ ทำต่อไปนะครับ
ทำไมผีป่าปีศาจผีที่อยู่นานๆไม่ถูกตามจับไปรับกรรมบางตนอยู่เป็น100ปีเที่ยวหลอกหลอน
เพราะพวกเขามีบัตรv.i.p เลยไม่โดนตามตัวครับ
เป็นคำถามสำหรับผู้ที่ยังมี"อวิชชาอยู่" ผู้มีวิชาแล้ว ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มากครับ" เพราะมีความรู้ที่ถูกต้อง" มีความรู้ที่จริงแล้ว" คือ สัจจะธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นความจริงของกฎธรรมชาติ วิชา เหนือ อวิชชา จบเรื่องครับ^^
แต่ผมเคยดูคุณริว จิตสัมผัส เคยเห็นคลิปนานมาแล้วเค้าสื่อสารกับวิญญาณหมาได้
รอติดตามคลิปอื่นๆอีกคะ
สรุปว่า ผู้ถามกับผู้ถูกถามมีความรู้เท่ากันครับ
หายไปนานเลยนะคะ
Fc ครับกลับมาแล้ว
เค้ายังอยู่ครับทุกคนนนนนนนน
ข้อมูลจากฝ่ายพุทธศาสนา เถรวาท อิงตามข้อมูลในพระไตรปิฎกคําว่า ผี ! ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้าคําว่าผีเป็นคติความเชื่อเดิมของคนใทย ลาว กัมพูชา...ศาสนาผี มีมาก่อนพุทธศาสนาเข้ามา.พระพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า ผี แต่ มีศัพท์บัญญัติ เรียกชัดเจน ว่า อะไรคืออะไร (เทวดา มนุษย์ เปรต สัดเดรฉาน สัตนรก อสุกาย(ปีศาจ) นาค ยัก อสูร คนธรรพ์…)ทั้งหมดนี้ ถูกเรียกว่า สัตว์ เพราะยังติดใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณที่ไม่ใช่มนุษย์ จะเรียกได้ว่า อมนุษ แปลว่าไม่ใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นจึงพูดได้ว่า (คําว่า ผี !) ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้า ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็ยืนยันth-cam.com/video/-oNuR5c2sbY/w-d-xo.html คําว่าผี มาจากสำนวนแปลไทยในพระไตรปิฏกครับ มาจากคำว่า อมนุสฺ(อมนุษย์)(ผี)อ(ไม่ใช่) มนุษย์ = ไม่ใช่มนุษย์ เช่น อสูร ยักษ์ นาค เทวดา เปรต สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรกซึ่งคนละความหมายกับผีที่เป็นความเชื่อของชาวบ้าน คนไทย ลาว… มักจะเอาคำว่า ผี ไปใช้กับคนที่ตายแล้ว. สมัยก่อน ก่อนผู้คนจะมีความรู้เรื่องไข้มาลาเรีย เมื่อเป็น ไข้มาลาเรีย ก็เชื่อว่าผีเข้าแล้ว.เทวดา นาค ยัก อสูร อสุรกาย(ปีศาจ) คนธรรพ์ ผู้ที่มีฤทธิ์เดช นั่นมีจริง. แต่(คําว่า ผี !) ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้า.เทวดาผู้ที่มีฤทธิ์เดชสามารถ แสดงฤทธิ์เดช แปลงร่าง เผื่อช่วย หรือ ทําลางบอกเหตุ หรือ เข้าสิงคนใด้.เช่น ในพระวินัยปิฎก เรื่องผีเข้าสิงเณรข้อมูลที่มา : สามเณรสานุ บุตรของอุบาสิกาคนหนึ่ง ถูกยักษิณีเข้าสิงetipitaka.com/read/thai/15/251/ 84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=33&p=5 ในกรณีนี้ เป็นการแปลให้คนไทยเข้าใจเท่านั้นเอง เพราะคําว่าผีเป็นคติความเชื่อเดิมของคนใทย ลาว กัมพูชา...ศาสนาผี มีมาก่อนพุทธศาสนาเข้ามา.โดยเนื้อในความหมาย: คําว่าผีของศาสนาผี ต่างจาก คําว่าผีที่แปลในพระไตรปิฎก ของพุทธ (ผี=อมนุษ แปลว่าไม่ใช่มนุษย์).ในพระสูตรนี้ ใช้คำภาษาบาลีว่า อมนุษ แปลว่า ผี (เรื่องบุคคลถูกผีเข้าสิง)ภาษาไทย84000.org/tipitaka/read/r.php?B=27&A=1742ภาษาบาลี อักษรไทย84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=27&A=1734 ในพระสูตร เรื่อง ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี…คําเดิมที่เป็นบาลี คือ ฉว แปลว่า ศพก็ได้ ชั่วร้ายก็ได้ หมายถึงมนุษย์ที่ทำเลวภาษาไทย84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=21&A=1602&Z=1641ภาษาบาลี อักษรไทย84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=21&item=54&items=1สัปปสูตร : มารแปลงกายเป็นพญางู84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=15&siri=142 ถ้าเห็นอมนุษ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราจริง ขอเเนะนําให้ให้แผ่เมตตาให้เขาอย่างเดียวครับ ดูการแผ่เมตตา จาก กรณียเมตตสูตร ตามคําสอนของพระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่างครับ.กรณียเมตตสูตรetipitaka.com/read/thai/25/9/84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=237&Z=267เราต้องแยกแยะไห้ออกว่า เนื้อในคําสอนของแต่ละศาสนา(ผี พุทธ พราหมณ์…) คือ อะใร ?ถ้าไปเชื่อว่าผีมีจริง พระเจ้ามีจริง นั่นก็ใม่ใช่พุทธ แล้ว ถ้าเป็นพุทธ ต้องยึด คําของพระศาสดา ของพุทธ เป็นหลักเราสาวก(ผู้เดินตาม)ของพระพุทธเจ้า พระองค์ว่าอย่างใร เราสาวกก็ควร/ต้องศึกษา และ เผยแผ่แต่เนื้อในคําสอนของพระองค์ อย่างนั้น. เพราะไม่งั้น จะเป็นบาป บิดเบือนคําสอนของพระองค์ จะกลายเป็นการกล่าวตู่ ว่าพระองค์ตรัสไว้ ทั้งที่ ไม่ได้ตรัสไว้ ตัวอย่างเช่นเรื่อง พระสาติ ที่ว่าวิญญาณ เวี่ยนว่ายตายเกิด 84000.org/tipitaka/book/v.php?B=12&A=8041&Z=8506 วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด แต่สัตว์เวียนว่ายตายเกิด สัตว์คือ? สัตว์ คือผู้ที่ยังติดใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ. สัตว์ต้องเวียนว่ายเพราะไม่เห็นอริยสัจ. เหตุที่เรียกว่า “สัตว์” 84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=4433&Z=4459 วิญญาณคือวิญญาณ คือ กิริยา ที่รู้แจ้งอารมณ์6ประเภท (ตา หู..)จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา คือรู้รูปด้วยตา หรือการเห็นโสติวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู คือรู้เสียงด้วยหู หรือการได้ยินฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก คือรู้กลิ่นด้วยจมูก หรือการได้กลิ่นชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น คือรู้รสด้วยลิ้น หรือการรู้รสกายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย คือรู้โผฏฐัพพะด้วยกาย หรือการรู้สึกกายสัมผัสมโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ คือรู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ หรือการนึกคิด
🎉
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ครับ สำหรับความรุ้ แนวนี้
อนัตตา
ชีวิต คือ ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ
เสมือน ฟ้าร้อง ฝนตก แดดออก หรือ
คลื่นลมแรง
...................................................
รูป เป็นพลังงานและสสาร
ความคิด ความรู้สึก สภาวะทั้งหลาย
คือ สัญญานไฟฟ้าในสมอง
.....................................,............
ตถาคต ทรงแสดงสภาพธรรม
ที่มีจริง ประกอบด้วย จิต เจตสิก
รูป นิพพาน อันเป็น..ธรรมอนัตตา
ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา
ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
และไม่มีแก่นหรือสาระใดๆทั้งสิ้น
ตถคตา.เป็นนักวิทยาศาสตร์
เอกของโลก มิใช่ผู้นำจิตวิญญาน
พิจารณาได้จาก..ธรรมวิทย์..ที่
ทรงแสดงความจริงไว้ชอบแล้ว
กรรม นายเวร การเวียนว่ายตายเกิด
ผู้สร้าง..ผู้ดลบันดาล.. มีมาก่อนตถาคต
ได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้..
คัมภีร์..นวโกวาท..สำหรับภิกษุผู้ใหม่
มีแต่ธรรมและวินัย ตามสังคยนา 1
ธรรมนั้น..ไม่มี สังสารวัฎ วิบากกรรม นายเวร
นรก สวรรค์ การเวียนเกิด เวียนตาย ปาฎิหารย์
ไม่มีอรหันต์ หรือ อริยะบุคคลใดเลย..
เหตุนีั..ตถาคต..ย่อมไม่อาจตรัสถึง
สิ่งเหลานี้ได้เลย ด้วยเพราะ.. พุทธองค์
ทรงเป็นผู้ทวนกระแสโลกด้วย
วิทยาการศาสตร์แห่งปัญญา..เท่านั้น
สาธุๆๆ อนุโมทนามิ _/\_ ด้วยเศียรเกล้าฯ
FC เลยค่ะ อัพคลิปเรื่อยๆ นะคะ มีประโยชน์มาก อธิบายเข้าใจดีเลย
นรก สวรรค์ มีอยู่ เป็นภพภูมิ/เป็น ทิพย์ จิตพัฒนาดีแล้ว "จิตรู้ จิตสร้าง สมมุตติ=นามรูป" สรรพสิ่ง ในจักรวาล มี สรรพสิ่ง อายตนะ ๕ เห็น+รู้ และมี สรรพสิ่ง เป็น พลังงาน=นาม จิตผัสสะได้/รู้ได้ ในตัวคน ก็มี ทั้งรูป อนุภาค และ มี นาม/พลังงาน =จิต เท่านั้น เห็น จิต ทำงาน ในขันธ์๕ ชาวตะวัน คิดว่า สมองทำงานหรือ God ทำให้คน "มีชีวิต" พุทธะ บอกว่่า "พลังจิต+พลังกรรม" ทำให้คน มีชีวิต+ยังไม่ตาย พอจิต หยุดสังขาร/แยกจาก ร่าง คนก็ตายอัตโนมัติ
กลไกของธรรมชาติ
เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ และน่าทึ่ง
ฯลฯ...
เมื่อใดที่ มนุษย์ตื่นรู้ ได้จริง...
ความเชื่อบางอย่าง
ที่มนุษย์มโนขึ้นมาเอง
จะสลายไป
" มองให้ลึกลงไปในธรรมชาติ
แล้วคุณจะเข้าใจทุกอย่างดีขึ้น "
นรก สวรรค์
อยู่ที่ชีวิตนั้นๆ เป็น หรือ สร้างขึ้น
ฯลฯ...
รวมทั้งกลไกของธรรมชาติจัดสรรค์
เคยเห็นไหมว่าทำไม
บางคนถึงได้ไปเกิด ณ ประเทศนั้น
และอีกคนได้ไปเกิด ณ อีกประเทศหนึ่ง
บางคนอยู่ในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์
กับอีกคนอยู่กับภูมิประเทศที่แห้งแล้ง
ฯลฯ.....
จงมองเข้าไปใน "กรรม"
ที่ทำไว้แต่บางก่อน
กลไกของธรรมชาติจะจัดสรรค์
และไม่มีสรรพชีวิตใดหนีพ้น
จงคิด พูด และทำ แต่กรรมดี
เพราะชีวิตในอนาคต
ขึ้นอยู่กับ "กรรม" การกระทำไว้
ณ ปัจจุบัน
กดติดตามแล้วครับ ทำต่อไปนะครับ
ทำไมผีป่าปีศาจผีที่อยู่นานๆไม่ถูกตามจับไปรับกรรมบางตนอยู่เป็น100ปีเที่ยวหลอกหลอน
เพราะพวกเขามีบัตรv.i.p เลยไม่โดนตามตัวครับ
เป็นคำถามสำหรับผู้ที่ยังมี"อวิชชาอยู่" ผู้มีวิชาแล้ว ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มากครับ" เพราะมีความรู้ที่ถูกต้อง" มีความรู้ที่จริงแล้ว" คือ สัจจะธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นความจริงของกฎธรรมชาติ วิชา เหนือ อวิชชา จบเรื่องครับ^^
แต่ผมเคยดูคุณริว จิตสัมผัส เคยเห็นคลิปนานมาแล้วเค้าสื่อสารกับวิญญาณหมาได้
รอติดตามคลิปอื่นๆอีกคะ
สรุปว่า ผู้ถามกับผู้ถูกถามมีความรู้เท่ากันครับ
หายไปนานเลยนะคะ
Fc ครับกลับมาแล้ว
เค้ายังอยู่ครับทุกคนนนนนนนน
ข้อมูลจากฝ่ายพุทธศาสนา เถรวาท
อิงตามข้อมูลในพระไตรปิฎก
คําว่า ผี ! ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้า
คําว่าผีเป็นคติความเชื่อเดิมของคนใทย ลาว กัมพูชา...ศาสนาผี มีมาก่อนพุทธศาสนาเข้ามา.
พระพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า ผี แต่ มีศัพท์บัญญัติ เรียกชัดเจน ว่า อะไรคืออะไร (เทวดา มนุษย์ เปรต สัดเดรฉาน สัตนรก อสุกาย(ปีศาจ) นาค ยัก อสูร คนธรรพ์…)
ทั้งหมดนี้ ถูกเรียกว่า สัตว์ เพราะยังติดใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
ที่ไม่ใช่มนุษย์ จะเรียกได้ว่า อมนุษ แปลว่าไม่ใช่มนุษย์
เพราะฉะนั้นจึงพูดได้ว่า (คําว่า ผี !) ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้า ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็ยืนยัน
th-cam.com/video/-oNuR5c2sbY/w-d-xo.html
คําว่าผี มาจากสำนวนแปลไทยในพระไตรปิฏกครับ มาจากคำว่า อมนุสฺ(อมนุษย์)(ผี)
อ(ไม่ใช่) มนุษย์ = ไม่ใช่มนุษย์ เช่น อสูร ยักษ์ นาค เทวดา เปรต สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก
ซึ่งคนละความหมายกับผีที่เป็นความเชื่อของชาวบ้าน คนไทย ลาว… มักจะเอาคำว่า ผี ไปใช้กับคนที่ตายแล้ว. สมัยก่อน ก่อนผู้คนจะมีความรู้เรื่องไข้มาลาเรีย เมื่อเป็น ไข้มาลาเรีย ก็เชื่อว่าผีเข้าแล้ว.
เทวดา นาค ยัก อสูร อสุรกาย(ปีศาจ) คนธรรพ์ ผู้ที่มีฤทธิ์เดช นั่นมีจริง. แต่(คําว่า ผี !) ไม่มีในคําสอนของพระพุทธเจ้า.
เทวดาผู้ที่มีฤทธิ์เดชสามารถ แสดงฤทธิ์เดช แปลงร่าง เผื่อช่วย หรือ ทําลางบอกเหตุ หรือ เข้าสิงคนใด้.
เช่น ในพระวินัยปิฎก เรื่องผีเข้าสิงเณร
ข้อมูลที่มา : สามเณรสานุ บุตรของอุบาสิกาคนหนึ่ง ถูกยักษิณีเข้าสิง
etipitaka.com/read/thai/15/251/
84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=33&p=5
ในกรณีนี้ เป็นการแปลให้คนไทยเข้าใจเท่านั้นเอง เพราะคําว่าผีเป็นคติความเชื่อเดิมของคนใทย ลาว กัมพูชา...ศาสนาผี มีมาก่อนพุทธศาสนาเข้ามา.
โดยเนื้อในความหมาย: คําว่าผีของศาสนาผี ต่างจาก คําว่าผีที่แปลในพระไตรปิฎก ของพุทธ (ผี=อมนุษ แปลว่าไม่ใช่มนุษย์).
ในพระสูตรนี้ ใช้คำภาษาบาลีว่า อมนุษ แปลว่า ผี (เรื่องบุคคลถูกผีเข้าสิง)
ภาษาไทย
84000.org/tipitaka/read/r.php?B=27&A=1742
ภาษาบาลี อักษรไทย
84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=27&A=1734
ในพระสูตร เรื่อง ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี…
คําเดิมที่เป็นบาลี คือ ฉว แปลว่า ศพก็ได้ ชั่วร้ายก็ได้ หมายถึงมนุษย์ที่ทำเลว
ภาษาไทย
84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=21&A=1602&Z=1641
ภาษาบาลี อักษรไทย
84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=21&item=54&items=1
สัปปสูตร : มารแปลงกายเป็นพญางู
84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=15&siri=142
ถ้าเห็นอมนุษ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราจริง ขอเเนะนําให้ให้แผ่เมตตาให้เขาอย่างเดียวครับ ดูการแผ่เมตตา จาก กรณียเมตตสูตร ตามคําสอนของพระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่างครับ.
กรณียเมตตสูตร
etipitaka.com/read/thai/25/9/
84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=237&Z=267
เราต้องแยกแยะไห้ออกว่า เนื้อในคําสอนของแต่ละศาสนา(ผี พุทธ พราหมณ์…) คือ อะใร ?
ถ้าไปเชื่อว่าผีมีจริง พระเจ้ามีจริง นั่นก็ใม่ใช่พุทธ แล้ว
ถ้าเป็นพุทธ ต้องยึด คําของพระศาสดา ของพุทธ เป็นหลัก
เราสาวก(ผู้เดินตาม)ของพระพุทธเจ้า พระองค์ว่าอย่างใร เราสาวกก็ควร/ต้องศึกษา และ เผยแผ่แต่เนื้อในคําสอนของพระองค์ อย่างนั้น.
เพราะไม่งั้น จะเป็นบาป บิดเบือนคําสอนของพระองค์ จะกลายเป็นการกล่าวตู่ ว่าพระองค์ตรัสไว้ ทั้งที่ ไม่ได้ตรัสไว้ ตัวอย่างเช่นเรื่อง พระสาติ ที่ว่าวิญญาณ เวี่ยนว่ายตายเกิด 84000.org/tipitaka/book/v.php?B=12&A=8041&Z=8506
วิญญาณไม่ได้เวียนว่ายตายเกิด แต่สัตว์เวียนว่ายตายเกิด
สัตว์คือ? สัตว์ คือผู้ที่ยังติดใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ. สัตว์ต้องเวียนว่ายเพราะไม่เห็นอริยสัจ. เหตุที่เรียกว่า “สัตว์” 84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=17&A=4433&Z=4459
วิญญาณคือวิญญาณ คือ กิริยา ที่รู้แจ้งอารมณ์6ประเภท (ตา หู..)
จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา คือรู้รูปด้วยตา หรือการเห็น
โสติวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู คือรู้เสียงด้วยหู หรือการได้ยิน
ฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก คือรู้กลิ่นด้วยจมูก หรือการได้กลิ่น
ชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น คือรู้รสด้วยลิ้น หรือการรู้รส
กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย คือรู้โผฏฐัพพะด้วยกาย หรือการรู้สึกกายสัมผัส
มโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ คือรู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ หรือการนึกคิด
🎉