จากใจ Gen Y ใกล้ๆ Z ครับพี่ฟ้าผมไม่สามารถอยู่ร่วมสังคมกับพวกผู้ใหญ่ในสังคมการทำงานได้เลยแค่ไม่เข้าสังคมไม่มีปฏิสัมพันธ์เมื่อไม่จำเป็นก็จะถูกแบ่งแยกซึ่งเราก็ทำงานในความรับผิดชอบของเราให้ดีที่สุดแต่ก็ถูกมองข้ามเรื่องนั้นไปกลายเป็นว่าเราผิดหรอที่เป็นแบบนี้
01:47 ตัวไรอะ
เจออีกแล้วเหรอ
ขอเดินไปดูใกล้ใกล้ก่อน
เปลี่ยนหัวข้อ 👉🏻ทำอย่างไรให้คนเข้มแข็ง อดทนเหมือนคนหลังยุคสงคราม ละเอียดตามการศึกษาในปัจจุบัน👌🏻
ยุคก่อนวิธีทำไม่ซับซ้อน ไม่ละเอียด ความแตกต่างไม่มาก เพราะหลังสงคราม คนทุกคนพักรักษาสุขภาพจิตอยู่ ใครทำอะไรให้สบายก็ใช้บริการเขาไป แบรนด์จึงน้อยในธุรกิจต่างๆ
ปัจจุบันการศึกษาแยกเป็นสายชัดเจน มีความละเอียดเพื่อความแม่นย่ำมากขึ้น เพิ่มมูลค่าความรู้ ค่าจ้างในการจ้างคนอย่างเหมาะสม ช่วยรอต่อไปสักพักการผูกขาดตลาดของแบรนด์ใหญ่ๆจะทำได้ยากมากขึ้น แบรนด์จากคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจผลิตสินค้า บริการต่างๆคุณภาพราคาเหมาะสม ไม่หวังกำไรต่อชิ้น 30-50% อย่างแบรนด์ที่ผูกขาด ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเรื่องการผูกขาดด้วย
เพราะวัตถุดิบเหลือน้อยลงไม่พอให้คนรุ่นหลังใช้งานในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ธรรมชาติกำลังถูกทำร้าย
พญานาค ครับ 555
55555 พี่ฟ้าตลก รู้น๊าาา 😂😂
คนสมัยก่อนไม่รู้จักโรคซึมเศร้าครับ สมัยก่อนเรียกว่าโรคประสาท บางคนตีความคนที่ป่วยว่าเป็นบ้าด้วยซ้ำ ผมคือคนนึงที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการตีความหมายของคนในยุคนั้น จากการที่มีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
คนสมัยนี้ก็ไม่รู้จักครับ เครียดนิดเหงาหน่อยก็เป็นละซึมเสร้า เคยได้ยินวิธีสังเกตุคนโรคซึมเศร้ามาจากคนๆนึง เขาบอกไว้ว่า ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็น แสดงว่าคนนั้นไม่เป็น
ก็ถูกไม่ใช่หรอ? โรคซึมเศร้าก็คือโรคประสาท??? โรคซึมเศร้าก็คือการที่สมองทำงานไม่ปกติ ไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรให้น่ากระทบจิตใจ คือมันเป็น Fact ทั้งนั้นเลย
@@fronteredar7355 ก็ถูกครับ แต่คงไม่มีใครโอเคที่ถูกเรียกแบบนี้ อีกอย่างคนที่เป็น depression ก็คงรู้สึกแย่กว่าเดิมถ้าเกิดมีใครสักคนไปเรียกพวกเขาแบบนี้ อย่าใช้คำที่ทำให้พวกเขาดูแปลกแยกจากคนทั่วไปเลยครับ พวกเขาก็เหมือนคุณหรือทุกคนนั่นแหละ แค่ sensitive มากกว่า สุดท้ายผมก็บอกได้แค่ว่า ถ้าไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกันหรือเปิดใจรับฟังโดยไม่มีอคติก็ไม่มีทางเข้าใจครับ
คุยอยู่คนเดียวก็นึกว่าคุยกับพญานาค
สมัยก่อนไม่มีโซเซียลให้ฟุ้งซ่าน เศร้ามาก็ได้แค่หยุดคิดเรื่องตัวเองพอคิดได้ก็ดีขึ้นเอง ส่วนสมัยนี้เศร้ามาเปิดโซเซียลก็เจอคนนั้นคนนี้แล้วเอามาเปรียบเทียบตัวเองทำให้ดิ่ง ทำไมเราไม่ดีอย่างเค้า
โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องที่ควรเปรียบเทียบกันเลยค่ะคุณฟ้า แต่คนที่เอาโรคนี้มาอ้างก็ไม่สมควรนะเอาจริงๆ จากตัวเราที่เป็นโรคนี้มาหลายปี เหตุและปัจจัยมันต่างกันมากไม่ว่าจะยุคไหนๆเพราะแต่ละคนพื้นฐานในชีวิตก็ต่างกันมาก Mental health จึงสำคัญมากเลยนะคะสำหรับคนไทย
มีเยอะมากจริงครับคนที่เอาโรคซึมเศร้ามาอ้าง สงสารคนที่เป็นจริงๆ ผมเห็นยังท้อเลย
ยกตัวอย่างของคนที่เอาโรคซึมเศร้ามาอ้างในสถานการณ์ที่ไม่ควรเอามาอ้างให้ผมฟัง เพื่อเพิ่มความรู้ของผมหน่อยครับ
เห็นด้วย ทุกประการ
ผมบอกเลย ยุคสมัยนี้ลำบากมากกกก
ถ้าไม่มีต้นทุนเดิมติดตัวมา
โลกไปเร็วมาก สมัยก่อนชิวกว่าเยอะ
ผู้คนน้อย การแข่งขันน้อย
ค้าขายก็ง่าย ยิ่งยุคปู่ย่า
ที่ทางนี่ไปจองกันฟรีๆ ก็มี
สมัยนี้อ่ะหรอการแข่งขันสูงมากกกกกก
ความคิดจากคน อายุ 35
จากมุมคนที่เกิดต้นสุดของ gen z (1998) ถ้าเปรียบเทียบชีวิตเป็นเกม ช่วงเวลานี้มันเป็นช่วงเวลาที่เล่นไม่ค่อยสนุกสำหรับผู้เล่นใหม่ 555555
เหมือนเด็กสมัยใหม่ต้องการเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมถึงต้องทำงานหนัก ทำไมใช้ shortcut ไม่ได้ถ้าผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน หรือทำงานหนักแล้วจะได้อะไรกลับมาและมันคุ้มค่าไหม
อะไรคือแรงจูงใจในการทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเกมเกมนี้
.
ซึ่งส่วนตัวมองว่าสิ่งที่ทำให้ gen z กับ gen x หรือ baby boomer มีทัศนคติด้านการทำงานหรือการใช้ชีวิตต่างกันค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ ๆ มันเป็นเพราะความต่างของสภาพเศรษฐกิจ
ถ้าใครตามเรื่องการเงินการลงทุน หรือศึกษาข่าวสารบ้านเมืองจะสังเกตว่าความต่างที่ชัดเจนของรุ่นเรา (gen z) และรุ่นพ่อแม่เราคือเงินเฟ้อมันทวีความรุนแรงขึ้นมาก
ค่าครองชีพต่อรายได้ต่างกันแบบชัดเจน พ่อแม่เราทำงานทั่วไปสามารถสร้างครอบครัวได้ตั้งแต่ 20 ปลาย ๆ ถึง 30 ต้น ๆ มีบ้านมีรถ ส่วนรุ่นเราจบเกียรตินิยม
ทำงานบริษัทชั้นนำในประเทศ แต่ดูราคาบ้าน ดูค่าครองชีพคือรู้ตัวเลยว่ายังสร้างครอบครัวเองไม่ได้แน่ ๆ แบกรับภาระทางค่าใช้จ่ายไม่ไหว
.
ถ้าเปรียบเทียบภาษาเกม มันเหมือนช่วง 30-40 ปีก่อนหน้านี้ในเวลาใกล้เคียงกัน ความพยายามใกล้เคียงกัน รุ่นพ่อแม่เราสามารถฟาร์มเงินเพื่อไปซื้อไอเทมได้เยอะกว่าเรา และไอเทมที่ฟาร์มได้ (บ้าน, หุ้น, ทองคำ)
มันสามารถเพิ่มมูลค่าด้วยตัวมันเองได้ ในขณะที่เวลาผ่านไปเงินเฟ้อขึ้นตลอด ค่าครองชีพพุ่ง รายได้เฉลี่ยของประชากรขยับตามไม่ทัน ดูอย่างราคาบ้านต่อรายได้ของสหรัฐ ช่วงปี 80 ต่างกันประมาณ 3.5 เท่า ส่วนปัจจุบันต่างกัน 5.8 เท่า ต่อให้พยายามจะก็อปแผนชีวิตพ่อแม่แบบเป๊ะ ๆ ยังไงผลลัพธ์ก็ไม่ดีเท่า
ราคาที่ดินราคาอสังหาพุ่งสูงเพราะคนใช้เป็นที่หนีเงินเฟ้อ จำนวนก็มีน้อยลงทุกวันแต่ราคาที่จับจองได้แพงขึ้นทุกวัน ทองคำตอนนี้ all time high ตลาดหุ้นก็มีไว้ดึงเงินจากคนชนชั้นกลางสูบไปให้คนรวยที่มี time preference ที่สูงกว่า นอกจากเงินที่หาได้จะซื้อไอเทมได้น้อยลงแล้ว ไอเทมบางชิ้นยังไม่สามารถให้ผลตอบแทนได้เหมือนแต่ก่อน มันเป็นความลำบากที่ไม่เจอเองจะไม่มีทางรู้ เพราะสภาพทางเศรษฐกิจตอนที่เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่มันต่างกัน ยุคนี้ถ้าไม่มี money literacy บอกเลยว่ายังไงก็ลำบาก จะเก็บเงินในธนาคารกินดอกเบี้ยแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เหมือนเงินระเหยตลอดเวลา จะเอาเงินไปลงทุนก็เงินต้นน้อย gen z หลาย ๆ คนแค่ทำงานพอมีเดือนชนเดือนก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ไม่แปลกที่จะ burn out กันเพราะเหมือนวิ่งอยู่บนลู่ หยุดทันทีก็ล้มหน้าทิ่ม แต่จะวิ่งต่อก็เหนื่อยเหลือเกินแถมไม่เห็นเส้นชัย
.
ซึ่งถ้าดูดี ๆ สภาพแวดล้อม สังคม การเมือง เศรษฐกิจ ทุกอย่างที่มันเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันมันก็คือผลกระทบจากรุ่นของ gen x หรือ baby boomer ไม่ใช่หรอ
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ด้วยทุก ๆ รัฐบาลที่ขึ้นสู่อำนาจ ทุก ๆ นโยบายทางการเงิน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่มันส่งผลกระทบจากอดีตถึงปัจจุบันมันคือสิ่งที่คุณเลือกเอง
หรือชีวิตของคน gen z, gen alpha นี่ผู้ใหญ่ก็ให้กำเนิดมาเองกับมือ เลี้ยงมาด้วยตัวเอง แล้วจะมาบ่นผลลัพธ์ของตัวเองว่าไม่เอาไหนมันฟังดูประหลาด
เพราะคุณคือคนสร้างเรา และสิ่งแวดล้อมของเรา คุณสร้างขึ้นมากับมือทั้งทางตรงและทางอ้อม การจะโทษให้ทุกอย่างเป็นความผิดของ gen z มันเลยสะท้อนกลับเข้าตัวที่เป็นต้นกำเนิดเสียเอง
ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรกับคน gen ก่อนหรอก แค่คิดว่ามันไม่แฟร์เวลามีปัญหาอะไรแล้วคนแก่ "บางคน" โทษคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้มองภาพใหญ่เลยว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปของมัน
.
For better or worse, we(gen z) are the byproduct of their(gen x, baby boomer) decisions anyway 🤨
ขอบคุณคลิปนี้มาก ๆ ครับ พี่ฟ้าใสมองภาพปัญหาในหลายมุมมอง วิเคราะห์ออกมาได้แบบมี empathy แล้วมีแง่มุมที่น่าสนใจเยอะเลย
สุดยอดครับ
เปรียบเทียบเป็นเกมได้ดีมากๆ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆนะ น่าสงสารอะ ถ้าเข้าใจเรื่อง อเจนด้า 2000 และ อเจนด้า2030 แล้วจะเศร้าหนัก เพราะเขาวางแผนมาแล้ว และนี่คือ ยุคสุดท้ายที่จะต้องทุกข์ทรมานที่สุด ก่อนที่ทุกคนบนโลกจะบอกว่า ไม่ไหวแล้วๆๆ ยอมๆๆๆ ให้ Ai มาปกครองแทน เป็นระเบียบโลกใหม่ ที่มีรัฐบาลโลก รัฐบาลเดียว
เหอๆเหนแต่ความคิดเข้าข้าวตัวเองโทษทุกอย่าง แต่ไม่ดูความสามารถในการพัฒนาของตัวเองเลย บอกเราสามรถสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี แต่คนรุ่นก่อนเราก็สร้างเครื่องมือมาให้พวกคุณใช้ แต่คุณไม่มีความสามารถในการใช้เครื่องมือพวกนั้นเองหรือเปล่า
เออจริงใช่เลย คือมึงอยู่มาก่อน แล้วดูสถิติตัวเลข เศรฐกิจ ทรัพยากร ที่มึงเหลือไว้ให้พวกกู..... แล้วมาบอกว่าพวกกูอ่อนแอไม่สู้ ถุยชีวิต โคตรตลก
เม้นแบบนี่ คือกำลังใจ ว่าสังคมคอนเท้น “เด็กสมัยนี้” มันลงได้ลึกกว่าเมื่อก่อน
และเด็กสมัยนี้ ไม่ได้โดน tiktok ล้างสมองทุกคนอย่างที่เคยกังวลกัน
โอเคแหละ การที่คลิปนี้ยังไม่แมส ก็สะท้อนกลุ่มประชากรได้ระดับนึง (อาจจะคาดไม่ถึงว่าพี่ฟ้ามาพูดหัวข้อนี้)
ขอบคุณมากๆเลยที่เม้นวิเคราะห์เชิงลึกครับ
เหนื๊อยเหนื่อย!!
วิ่งไล่ตามหาความสุข…
ทุกวันนี้ แค่หยุดเกลียด หยุดด้อยค่าตัวเองได้ ก็โคตรเก่งแล้วครัช
จริงแท้ที่สุดเลยครับ 👍
จริงที่สุดครับ
"แค่หยุดเกลียด หยุดด้อยค่าตัวเองได้ ก็โคตรเก่งแล้วครัช" นี้แหละครับ ถ้าทำได้ก็คือหนทางสู่ความสุข ไม่ต้องวิ่งตามหามันหรอก
เอาตรงๆผมชอบยุคเก่านะ แต่ยุคก่อนการใช้ชีวิตหรืออะไรต่างๆ มันsimpleกว่าสมัยนี้มาก มันไม่ซับซ้อนเท่ายุคปัจจุบัน ในหลายๆเรื่อง
ใครถาม
@ เสือกไรในเม้นกุว่ะ ไอติ๋ม
@ รกโลกจริงมึงอะ
@@Hiimkrjg-if7ff โทดทีว่ะไอติ๋ม
บ้านผมกลับชอบยุคปัจจุบันมากกว่าแฮะ เทคโนโลยีมันทำให้เราใช้ชีวิตสะดวกและได้รับข้อมูลข่าวสารง่ายขึ้นมากๆ เมื่อก่อนติดต่อกันยากไปหน่อย ต้องโทรหยอดเหรียญไม่ก็เขียนจดหมาย
เด็กสมัยนี้ มารวมตัวกันตรงนี้
มาเเล้วคับ จากgen z
Gen Z อยู่ยากมากครับ
จากใจ Gen Y ใกล้ๆ Z ครับพี่ฟ้าผมไม่สามารถอยู่ร่วมสังคมกับพวกผู้ใหญ่ในสังคมการทำงานได้เลยแค่ไม่เข้าสังคมไม่มีปฏิสัมพันธ์เมื่อไม่จำเป็นก็จะถูกแบ่งแยกซึ่งเราก็ทำงานในความรับผิดชอบของเราให้ดีที่สุดแต่ก็ถูกมองข้ามเรื่องนั้นไปกลายเป็นว่าเราผิดหรอที่เป็นแบบนี้
Gen Z Burn out จัดๆอยากหนีไปปลูกผักในป่า 😂
10 ปีที่เเล้วก็เห็นพูดเเบบนี้😅😅
สมัยก่อนสบายแต่ไม่สะดวก สมัยนี้สะดวกแต่ไม่ค่อยสบาย
Absolutely
จริง
บางอย่างถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ บางอย่างถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง
รองคิดดูว่าวัคซีนป้องกันโรคต่างๆยังไม่มันมี ต้องใช้ชีวิตแบบระวังตัวตลอดเวลา
จริงครับใช่เลยครับ
คนเป็นซึมเศร้าจริงๆ อันนี้ไม่เถียง
แต่คนสมัยนี้หลายคนชอบตั้งโพสต์ แล้วปิดท้ายว่า อย่าด่าแรงเป็นซึมเศร้า
พอถามว่าหาหมอไหม 99.9% ตอบว่าไม่ อันนี้ผีบ้ามาก
ในตต.ก็มี โพสต์ดราม่า แล้วปิดด้วยกำลังเป็นซึมเศร้า
กลายเป็นการ์ดที่เหมือนบอกอย่ามาด่าชั้นไปแล้ว คนเลยเอือมไปเลย
ก็คิดซะว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ
อย่าไปใส่ใจ คนหาหมอจริงๆหมอจะห้ามเล่นโซเชียล
ไม่ใช่หรอก เหมือนเฟคเรียกร้องความสนใจมากกว่า!! มันมีจริงๆนะ คนที่อยากดังจนยอมให้ตัวเองเป็นซึมเศร้า
ก็อย่าไปด่าเขาเลยครับ เขาแค่อาจอยากระบายน่ะครับ
@@tjtongie3042 ไม่อยากด่าหรอก แต่บางครั้งก็แอบรำคาญมึงจะเจ้าน้ำตาอะไรนักหนา
จากใจเด็กที่เพิ่งจบใหม่ที่เริ่มงานมาได้3เดือนนะครับเอาให้รอดในแต่ละวันก็ยากมากๆแล้วครับ ไม่รู้จะข่มเด็กไปทำไม หลายๆคนตัวเองก็ไม่ได้อยู่สูงอะไรเลยแค่อยากกดเด็กด้วยอายุมากกว่า ไม่มีสาระอะไรนอกจากนั้นเลยครับจากลมปากของหลายๆคนที่พ่นออกมาในที่ทำงาน
ก็เด็กสมัยนี้ความรู้มีน้อยกว่าเสมียน แต่คิดว่าความสามารถตัวเองเท่า CEO ไอ้นู่นก็ไม่ดีไอ้นี่ก็ไม่ได้ไม่พอใจชั้นจะวีน เอาแต่ใจตัวเองไม่รู้จักรอไม่อดทน คิดว่าตัวเองเก่งชิบหายพอให้ทำก็ง่อยทำไม่ได้แล้วก็ไปว่าเค้าไม่สอน
ผมไม่เชื่อว่าจะมีพี่ที่อยากรังแกน้องหรอกครับ ขนาดคนต่างชาติเรายังช่วยเลยครับ บางทีภาษาที่ใช้อาจทำให้ดูห่างเหินกันครับ ลองปรับหากันดูนะครับ ถ้าไม่ไหวจริงคงมองที่อื่นครับ ให้กำลังใจนะครับ
@@tjtongie3042 ต้นโพสของน้องอาจจะสื่อถึงการโดนข่มมากกว่านะคะ ไม่ได้เชิงรังแกค่ะ แต่เป็นเรื่องการข่มเด็กใหม่จริงๆมันมีแบบนี้มานานมากแล้วจริงๆค่ะตั้งแต่หัวหน้า HR ผู้จัดการ หรือเพื่อนร่วมงาน มีแบบนี้ทุกทีค่ะจากการที่ทำงานมาหลายๆที่มีประสบการณ์ทุกที่ค่ะไม่ใช่แค่ตัวหนูเองเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็โดนค่ะอีกอย่างถ้าเรื่องรังแกที่พี่บอกว่าไม่มีมันก็มีค่ะ เช่น โดนสั่งย้าย โดนบีบตัวคำต่างๆนาๆที่ทำให้เราออกก็มีโดยที่เราไม่ได้ทำผิดอะไรแต่แค่ไม่ถูกใจก็สั่งย้าย และยิ่งมีหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานที่นิสัยไม่ดีทั้งข่มทั้งรังแกสารพัดค่ะ หนูไม่รู้นะคะว่าพี่ทำงานที่ไหนแต่ทุกๆงานทุกๆสายอาชีพจะมีคนแบบนี้ในทุกๆสังคมค่ะไม่ว่าจะต่ำหรือสูงก็โดนเหมือนกันค่ะในทั้งยังเป็นระบบรุ่นพี่รุ่นน้องอยู่เลยมันไม่เหมือนต่างประเทศค่ะที่ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียบกัน ขนาดแค่ไม่ยกมือไหว้หัวหน้าหรือคนที่มีอำอาจในการทำงานยังโดนเลยค่ะ หนูไม่รู้นะว่าพี่เคยสัมพันธ์โลกภายนอกที่แท้จริงแบบนี้ไหมคะถ้ามีพี่ธุรกิจของตัวเองหนูเข้าใจได้ค่ะ
บางคนแก่ๆแล้วเงินเดือนเป็นแสนๆ แต่ตัวเองไม่ทำงานมาให้เราทำแล้วเอางานไปเอาหน้าต่อ😡
ที่ๆผมทำ senior คนนึงโยนงานมาให้ทำแล้วตัวเองนั่งว่างพอเราทำอะไรผิดนิดหน่อยว่า แซะบ้าง แต่ตัวเองนั่งว่างไม่สอนงาน นั่งเทรดทองแล้วก็อวดportกันว่าวันนี้ได้เท่าไหร่บลาๆ พอเราถามดีๆว่าตรงนี้ควรทำยังไง ชักสีหน้า ทำน้ำเสียงกระแทกใส่
ยุคนี้สะดวกสบายกว่าสมัยก่อนอยู่แล้วครับ สำหรับคนที่มีฐานะที่จะสบายได้ แต่สำหรับคนที่ลำบาก ไม่ว่าจะยุคไหนก็ลำบากเหมือนเดิมนั่นแหละ จะมากน้อยก็ดูที่ อัตราเงินเฟ้อต่อค่าแรงขั้นต่ำละกัน
คนที่เก่งมีความสามารถไม่มีใครมานั่งเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำครับ เพราะการเพิ่มค่าแรง ทำให้เกิดผลกระทบต่อนายจ้าง โรงงานหลายแห่งก็จะจ้างแรงงานต่างด้าวมากขึ้น และสุดท้ายก็จะย้ายฐานการผลิต คุนสามารถหารายได้มากกว่านั้นได้หลายเท่าถ้าคุนมีความสามารถ
@@user-wx1wz9mj9p คุณไม่เข้าใจสินะครับ ลองอ่านใหม่นะ ส่วนเรื่องที่คุณอธิบายมามันไม่เกี่ยวกับยุคสมัยครับ มันคนละประเด็นกับคลิปนี้
สมัยก่อนฆตต.กันเยอะกว่าสมัยนี้อีก โธ่เอ้ยยย เมื่อก่อนที่ไม่มีใครบ่นเพราะเขาเคยพูดเรื่องเหล่านี้แล้วแต่ไม่มีคนจะรับฟังไง ไม่ได้เกี่ยวกับยุคหรอกครับ คนสมัยนี้อดทนกว่าคนสมัยก่อนอีก งานสมัยนี้ต้องการความท้ายทายพลาดก็ถึงกับเสียหายหลายแสนแต่เงินเดือนตามค่าครองชีพยังไม่ทันเลย บอกว่าเด็กสมัยนี้อ่อนแอ บอกเลยว่าไม่แน่นอน
จริงครับ ไม่ใช่แค่สมัยก่อนนะ โรคซึมเศร้ามันมึมาตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีอารยธรรมละ อย่างน้อยๆก็ยุคกรีกโบราณ มันแค่เปลี่ยนชื่อและการวินิจฉัยไปตามยุคสมัยและพัฒนาการทางการแพทย์
แต่ผมว่าเด็กสมัยนี้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ซึ่งมันดีมากเลย ดีกว่าสมัยผมที่ต้องทำตามธรรมเนียมผิดๆในองค์กรต่อๆกันถ้าไม่ทำโดนนั่นนี่
เป็นอีกคลิปที่ชอบค่ะ วิวดีมากๆ😊👍
ส่วนตัวคิดว่า คำว่าลำบากของแต่ละคนของแต่ละยุค มันเป็นปัจเจก ไม่ควรเอามาเปรียบเทียบกัน
เพราะมันเปรียบกันไม่ได้ มันมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่ไม่เหมือนกัน เหมือนที่ครูบอก อันนี้เห็นด้วย และคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
เปรียบเทียบกับตัวเอง ความลำบากส่วนใหญ่จะเป็นความลำบากทางกาย คือเกิดในยุคที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
ต้องทำทุกอย่างเอง แต่แทบไม่มีความลำบากทางใจเลย เพราะได้เรียนรู้ชีวิต ผ่านผู้คนจริง ได้เล่นกับเพื่อนข้างบ้านจริง ฯลฯ
แต่ความลำบากของน้องๆยุคนี้ น่าจะเป็นเพราะ ชีวิตพอตื่นลืมตาขึ้นมาก็เห็นแต่การเปรียบเทียบจากโลกโซเชียล
ซึ่งเป็นความยาก และซับซ้อนมาก เพราะข้อมูลในโลกโซเชียลอาจไม่ได้จริงตามที่เห็นทั้งหมด แต่เพราะรู้ไม่เท่าทัน
ชีวิตก็เกิดความลำบาก เกิดการเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองสัมผัสได้ และเข้าใจน้องๆในยุคนี้ที่สุดค่ะ
คือผมในฐานะ gen yก็ไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบหรอกนะ ถ้าไม่โดน gen xหรือ baby boomer เปรียบเทียบก่อนซึ่งมีเยอะมากๆ บอกว่าเด็กสมัยนี้ขี้เกียจบ้างแหละ อ่อนแอบ้างแหละ ซึ่งคลิปนี้ออกมาผมดีใจมาก คือถ้าสังเกตุดีๆ ส่วนใหญ่จะเปน x กับ baby boomer ตั้งข้อสงสัยในgenผมไว้เยอะ กดดัน ลพจะไม่คิดทำความเข้าใจกับ genอื่น ตรงนี้แหละะคือปัญหา
เห็นด้วยกับความคิดนี้ค่ะ
ขอบคุณครับพี่น๋า ต่างยุค ต่างทุกข์ 🙏
ชีวิตในการดำรงอยู่สบายเกินไป ถ้าหิวข้าวแบบจะอดตาย พจญภัยพิบัติ และดิ้นรนเพื่ออยู่รอดตลอดเวลา อยู่รอดเกิน 20 ปี ก็บุญแล้ว คนมันจะดราม่าน้อยลง … แต่นี่ชีวิตที่สบายกายแล้ว อยู่แต่กับมือถือสื่อฉาบฉวยทั้งตัวเองและคนรอบข้าง สมองมันเลยเอาไปดราม่าโดยไม่มีสติ ฮอร์โมนแย่ ๆ ที่ไปกระตุ้นความซึมเศร้ามันเลยออกมาโดยไม่รู้ตัว… มันแค่การใช้ชีวิตที่ไร้สติสัมปชัญญะ เอาสมองมาทำร้ายตัวเองแบบไม่รู้ตัวเท่านััน
บางคนยังดูคลิปไม่จบดูให้จบก่อนนะครับ วิเคราะห์ได้ดีมากๆครับ
ดีแล้วครับ มี Engagement 👍
คุณฟ้าใส มันก็จริงแบบที่ผู้ใหญ่เค้าพูดนะ ถ้าไม่อวยกันเกินไป เด็กสมัยนี้ ควรจะเข้มแข็งกว่านี้ ในอนาคตอีกสักหน่อยจะเห็นผล ของการกระทำของตนชัดขึ้น พูดในฐานนะคนอายุ 40 มีลูกชาย และมีลูกน้อง
ท่านฝึกลูกของท่านให้เข้มเเข็งยังไงเหรอครับ ไม่ได้กวนนะครับผมอยากทราบไว้เป็นแนวทาง ขอบคุณมากๆเลยครับ😅
@garn9717 มันมีรายละเอียด อีกเยอะเลยครับ มันต้องเพิ่มบททดสอบให้เค้า บ้านใครบ้านมัน แต่หลักการคือ ให้เค้ามี น้ำอดน้ำทน มากขึ้น
ผมอายุ15 แต่ผมมีความคิดเอาง่ายๆก็คงหัวโบราณกว่าเพื่อนนะ และผมเห็นปัญหาชัดเจนขอบคนรุ่นผม เอะอะอะไรก็โพสต์ลงเฟส บ่นเผื่อใครจะเข้าใจ แล้วก็ไปฟังเพลงให้บิวต์อารมณ์ตัวเองให้เศร้ากว่าเดิม และเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างสะดวกขึ้น เด็กรุ่นใหม่มีความอดทนน้อยลง สมาธิสั้นลง เอาแต่ใจมากขึ้น เอาเถอะผมไม่ได้เหมารวมแต่โดยส่วนมากคนมันเป็นงี้จริงๆ
บางทีเจนเก่าก็เอาเปรียบพนักงานทั้งในเวลานอกเวลาาจนเคยตัว พอรุ่นใหม่ไม่ยอมก็ว่าเขา ท้้งๆ ที่ประเทศอื่นๆ เขาไม่ทำกันแบบเรา อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ไม่ควรต้องอดทน แต่ถ้าถูกต้อง ก็ควรที่จะอดทน
ที่พูดมาก็อย่าไผเอาอะไรมากเลยครับ ผมก็แค่15 ประสบการณ์ชีวิตก็ไม่มี ผมอาจจะโลกแคบและตีความโลกผิดไปเองก็ได้
ผมก็เป็นนะครับ โรคซึมเศร้า แต่ไม่เคยเอามาเป็นข้ออ้าง เน้นไปหาหมอแล้วก็กินยา ตอนนี้รักษามา1ปีแล้ว
ผมอยู่ Gen X ครับ .. เมื่อก่อนรู้สึกอึดอัดกับคนต่างรุ่น รึแม้กระทั่งคนรุ่นเดียวกัน ผมเริ่มพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่อง ต่อมาผมเลยพยายามเปิดใจเรียรู้สิ่งใหม่ๆ เริ่ม Shift up ตนเอง โดยการเรียนรู้เรื่อง AI เรื่อง Crypto และ เรียนจิตวิทยาเพิ่มเติม ... ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆ และสามารถเข้าใจ Generation Gab มากขึ้น การพูดคุยและการฟังอย่างเข้าใจ ในแบบของเขา โดยไม่เอาไม้บรรทัดในใจของเราไปตัดสินใจ เราจะเข้าใจกันมากขึ้น เราจะสื่อสารกันมากขึ้น และเราจะเริ่มมีความสุขมากขึ้น ... นอกจากจะช่วยเหลือตนเองในใจได้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วยครับ ...
ที่บ้านผมบอกว่า ผมไม่ได้เป็นซึมเศร้า ผมแค่เห็นแก่ตัว ใจพังมากๆเลย
ดูแลตัวเองนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
คนทุกยุคมีภาวะหดหู่ร่วงหล่นซึมเศร้าเมื่อไม่สามารถเอาชนะความไม่เที่ยงที่ควบคุมไม่ได้ของธรรมชาติครับ
แต่คนรุ่นก่อนๆเขาผลักภาวะทางใจนี้ให้ศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธาในระบบ ให้แบกรับชีวิตตนแทน
คนรุ่นใหม่เชื่อถืออีโก้ตัวเองเท่านั้นแบกรับสิ่งนี้ไม่ได้ ทางจิตวิทยาเขาก็ช่วยสร้างสิ่งที่เรียกว่าโลกซึมเศร้ามาให้
ให้พวกคุณมองว่ามันเป็นโรค มันเป็นความผิดปรกติสารในสมอง ให้อีโก้ของพวกคุณยังเอาชนะมันได้ดวยเงินและความรู้ ไม่ยอมแพ้ สูญเสียตัวตน แล้วคิดสั้น
ผมคิดว่ายุค Babyboomers น่าจะยังเก่าไม่พอที่จะออกมาพูดแบบนี้นะครับ ที่ลำบากจริงๆน่าจะ Lost gen ซึ่งผ่านช่วงสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง อันนี้ลำบากของจริงเลย น้ำอาหารขาดแคลนอดมื้อกินมื้อ ที่อยู่ก็ไม่มีเพราะต้องหนีเอาชีวิตรอด สภาพจิตใจจากสงครามเห็นคนสำคัญรอบตัวก็ตายจากสงคราม ส่วนสงครามยุคหลังๆ พวกสงครามเกาหลี,เวียดนาม ก็หนักเหมือนกันแต่ผลกระทบไม่ได้มากเท่าสงครามโลก คนที่จะออกมาบอกว่าสมัยก่อนลำบากกว่านี้ผมให้เครดิตแค่คนที่มากจากยุคสงครามโลกจริงๆ ไม่น่าจะมีอะไรลำบากกว่าการเอาชีวิตรอดท่ามกลางสงครามแล้วผมว่า
ส่วนสมัยนี้คนอ่อนแอน่าจะแค่เรื่องสุขภาพจิตนะผมคิดว่า คนเป็นโรคเกี่ยวกับสุขภาพจิตเยอะ น่าจะเป็นผลของการใช้ชีวิตในแบบสมัยใหม่ที่แบบเราไม่ต้องกังวลกับปัจจัยพื้นฐานมากเลยเอาไปกังวลอย่างอื่นแทน😅 แต่คนยุคนี้จะเด่นในเรื่องความเฉลียวฉลาดมากกว่าคนยุคก่อนคนรุ่นใหม่จะเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนคนรุ่นเก่าจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตมากเท่าไหร่ แต่เรื่องความเฉลียวฉลาดก็สู้คนรุ่นใหม่ไม่ได้
ผม GenZ เพิ่งเข้าวัยทำงานได้สักพัก แค่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์เฉยๆ ฟังหูไว้หูไม่ต้องเชื่อที่ผมบอก อ่านแล้วลองคิดวิเคราะห์ด้วยวิจารณญาณดูนะครับ
วิเคราะห์ได้ดีมากๆ คนส่วนใหญ่ที่มาพูดเรื่องนี้นะ มักจะมีคติแฝงนิดๆแหละ ไม่มากก็น้อย แล้วปักหลังจากฝั่งของตัวเองก่อนแล้วพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย ซึ่งเหตุผลของแต่ละฝ่ายมักจะไม่ลึกซึ้งเท่าไหร่หรอก แต่อันนี้ วิเคราะห์ไปถึง คน Gen Silent เลย ไปถึง 4-5 พันปีก่อน โอ้โห จินตนาการล้ำมาก เพราะไม่ได้เริ่มจากใจที่มีอคติ ปักหลังไว้ก่อน แต่พยายามจะหาความจริง
ขอบคุณที่อุตส่าห์ฟังถึงจุดวิเคราะห์ครับ🙏
เมื่อก่อนก็มี แค่ไม่รู้จักเฉยๆ ไม่มีองค์ความรู้
ผมคิดว่า ในยุคปัจจุบัน ปัญหามันซับซ้อนมาก จนมันอธิบายได้ยาก ไม่ได้จับต้องได้เหมือนยุคก่อน เช่น เรื่องเศรษกิจ เรื่องการเข้าถึงข้อมูล เรื่องสภาพจิตใจ มันเข้าใจยาก เลยมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหา
ผม Gen Y แต่ก็เห็นใจ Gen ต่อๆไปมาก คิดว่าอนาคตปัญหามันก็จะซับซ้อนไปอีก เอาแค่จะบอก สู้ๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะให้สู้ยังไง
ใช่ครับ ครอบครัวจน มีพี่น้องหลาบคน ต้องสู้เพื่ออยู่รอด โหนรถเมล์ตรงทางขึ้นไปโรงเรียน สายตาสั้นมากแต่ไม่มีเงินซื้อแว่นตา มองไม่เห็นกระดานโรงเรียนเพราะไม่มีแว่นตา
เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ ผมดูคุณตั้งแต่คุณเริ่มทำช่อง เป็นแรงบันดาลใจให้ผมดูแลสุขภาพร่างกายให้มันดี ต้องขอบคุณมากจริงๆครับ (ตอนนี้ไม่ค่อยได้ดูนะครับ แต่ก็รับรู้เรื่องราวของคุณครับตลอดครับ)
ผมคบและคุยได้ทุกเพศทุกวัยครับ ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจและให้เกียรติเรา ไม่เหยียดไม่ดูถูกคนอื่น ผมคบได้หมดครับ เป็นกัลยาณมิตรที่ดี
ผมว่าน่าจะมาจากการเลั้ยงดูและการศึกษา ผมเห็นพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกสมัยนี้ ไม่ว่าจะจนหรือรวยก็เลี้ยงลูกคล้ายกัน ชอบให้อะไรง่าย เช่นพวกวัตถุ ไม่ต้องดูและแลตัวเองเท่าไหร่ เช่นเรื่องอาหาร เสื้อผ้า คือดูแล้วโคตรสบาย ตัวอย่างคือขนาดอายุเยอะแล้วยังต้องป้อนข้าว ไปรับไปส่งเรียน เด็กเลยไม่มีภูมิต้านความลำบาก จากที่คลิปยกตัวอย่างเรื่องการรับข้อมูลผ่าน net มากมีปัญหา ผมก็รับข้อมูลทาง net มากเหมือนกันทำไมไม่มีปัญหล่ะ แต่ปัญหาบางอย่างที่ยกมาก็เห็นด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่องเศราฐกิจนี่เห็นด้วยเลย ลำบากในการสร้างตัวยากกว่ามาก
สำหรับผมนะครับไม่ว่าจะอยู่ยุคสมัยเก่ากับใหม่หรือยุคสมัยไหนยังไงๆก็จะมี4สิ่งนี้อยู่เสมอตลอดครับ 1)ความขัดแย้งวุ่นวายต่างๆ
2) เศรษฐกิจการเงินการค้าธุรกิจกิจการต่างๆกับเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง
3)ความเครียดทุกข์กายทุกข์ใจจากสิ่งต่างๆรอบๆตัว และ
4)การเสพสื่อโซเชียลมากจนเกินไปก็ทำให้เครียดไม่สบายใจครับ (บอกตรงๆนะครับทุกวันนี้ผมเองก็เริ่มจะเป็นโรคซึมเศร้าบ้างอยู่ครับรู้สึกผิดหวังกับรู้สึกเหงาๆอยากมีเพื่อนคุยบ้างเพราะอยู่แบบไร้เพื่อนมาเป็น4ปีแล้วครับแต่ผมเองก็จะพยายามระมัดระวังกับพัฒนาตัวเองฝึกประคองจิตใจตัวเองเสมอๆครับแม้จะยังทำได้ไม่ค่อยดีมากนัก ครับ🤔)
ทำงาน8ชม.เหมือนกันระหว่าง งานที่เหงื่อออกเหนื่อยแรงกาย ย่อมสามารถพูดได้ว่ามันลำบากกว่างานนั่งในห้องแอร์ แต่ไองานห้องแอร์ไม่เสียเหงื่อสักหยดนี่แหละ แทบทำให้คนเป็นบ้าหรือซึมเศร้าเพราะมันรับมือความเครียดทางสมองหนักและยาวนานมาก คนรุ่นเก่าสร้างตัวจากตอนประเทศยังไม่มีอะไร โอกาสมากมาย จะทำอะไรก็รวยง่ายเต็มไปหมด ถ้าไม้ใหญ่ไม่ล้มตาม ไม้ต้นใหม่ก็เกิดแทนที่ไม่ได้
ไม่อยากโดนคนรุ่นก่อนมาเปรียบเทียบกับรุ่นตัวเอง แต่คนรุ่นนี้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนในเน็ตซะงั้น แล้วมานั่งเครียดชีวิตตัวเอง
ดังนั้นอย่าไปห้ามคนอื่นไม่ให้เปรียบเทียบ เพราะตัวคุณเองยังเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ก็ไม่แปลก รุ่นผู้ใหญ่เป็นรุ่นผู้สร้าง รุ่นนี้มันรุ่นบริโภคนิยม เสพอย่างเดียว ก็ที่ว่าความลำบากสร้างคนแข็งแกร่ง คนแข็งแกร่งสร้างความสงบสบาย ความสบายสร้างคนอ่อนแอ คนอ่อนแอสร้างความวุ่นวาย ก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากนี้เลย
ทุก gen มีจุดอ่อนครับ
ลุงมาบอกว่าเด็กรุ่นใหม่อ่อนแอก็อาจจะไม่ผิด
แต่รุ่นที่โดนสแกมเมอร์หลอกมากที่สุดก็รุ่นลุงๆป้าๆเหมือนกันนะ
ดังนั้นหันมาคุยกันและพยายามเข้าใจอีกฝ่ายน่าจะดีกว่ามาโจมตีจุดอ่อน
12:37 ก็คนมันมัน โทษ สังคมเอ้ย เลี้ยงลูกให้เอาตัวรอด คุณไม่เคยมีลูกนี่สิเข้าใจได้ คุณพูดมาเหมือนบั่นทอน กำลังใจมากกว่าที่จะให้กำลังใจ พัฒนาตัวเองพัฒนาลูกระบบการศึกษาให้ลูก ทางเลือกให้หลายแบบให้ลูกไม่ดีกว่าหรอวะ คุณก็ลองไปถามคนที่เกิดมาหน่อยดิว่า ถ้าคุณเกิดไม่เกิดคุณรู้สึกว่าตนเองโชคดีกว่ากัน
ขอบคุณสำหรับมุมมองครับ
ผมเกิด 1998 คงเป็น gen Z แหละครับเรียนจบปริญญาตรีเกี่ยวกับการออกแบบ ทุกวันนี้ทำงานเงินเดือน 20,000-30,000 ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เรารู้ๆกันก็เยอะครับแต่ผมก็เก็บเงินนะ เดือนละ 5,000-10,000 ถ้าผมเก็บแบบนี้ 10 ปีผมพึ่งได้ 1,200,000 เองครับซื้อบ้านยังไม่ได้เลย แค่คิดก็ท้อแล้วครับ ยังไม่นับเรื่องเงินเฟ้อปีละ 5% ไม่อยากให้ลูดโตมาแล้วต้องเจออะไรแบบนี้
พี่โคตรเก่งเลย ผมเป็นกำลังใจให้✌
เชื่อไหมครับ คนที่มีอัตตาสูง ยังไงๆ ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ผมเคยพยายามทุกทางแล้วก็ไม่เคยสำเร็จ มันยังมีความเชื่อแบบเก่าๆ มาห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้
สุดท้ายแล้วผมว่า "รักษาใจเราไว้ดีกว่า" โดยเอาสิ่งที่คุณฟ้าพูดมาทำความเข้าใจคนที่พูดแบบนั้นกับเรา แทนที่จะพยายามจะทำให้เขาเข้าใจเราครับ
สิ่งที่คุณฟ้าเล่าให้ฟัง ผมเห็นด้วยเลยครับ ยุคเปลี่ยนสิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไป รูปแบบของความลำบากก็เปลี่ยนไป ถึงแม้จะมีความสบายบางอย่างเข้ามา
สมัยนี้ลำบากกว่าสมัยก่อนอีก กูผู้ซึ่งอายุ 40
ประสบการณ์ส่วนตัวคิดว่า เพราะเรียนนาน 20ปี+(จบป.ตรี)
และพอทำงาน ค่าครองชีพกับรายได้ไม่สมดุลกัน(มากๆ) ต้องขอเงินที่บ้านเพิ่ม
(เนื่องจากเป็นคนต่างจังหวัด มาทำงานกทม. มีค่าหอพักด้วย)
จึงเกิดความเครียด และ burnout ครับ
ทุกวันนี้ยังสงสัยว่า ทำไม รายรับประเทศเราถึงไม่สมดุลกับรายจ่ายเลย
เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเช่าหอพัก
บวกกันแทบจะ 100% ของเงินเดือน
การเดินทางของแต่ละคนมีบริบทต่างกัน มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเราจะเรียกสิ่ง ๆ นั้นว่าอะไร มีประสบการณ์กับมันอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในแบบฉบับของตัวเองอย่างเต็มที่ ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนนะครับ
ไม่ต้องอะไรเลย แค่เรื่องการเรียนอะ เอาข้อสอบเมื่อ 40 ปีที่แล้วมาเทียบกับปัจจุบันนี้สิ มันเทียบกันไม่ได้เลย ในเรื่องจำนวนผู้เข้าสอบแข่งขันกันอีก ยุคนั้นจะมีคนมีโอกาสสอบสักกี่คนล่ะ
เท่าที่เจอมาไม่คิดว่าอยู่กับยุคเลย มองว่าอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า
เพราะคนสมัยก่อนที่อ่อนแอก็มีเหมือนกัน บ่นก็เก่งเช่นกัน
สุดท้ายอยู่ที่สังคมมากกว่า ยุคอาจมีส่วน แต่ยังไงสังคมก็สำคัญกว่า
ถ้าสังคมที่อยู่มีแต่คนพัฒนาตัวเอง ขยัน และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ คนที่อยู่สังคมนั้นก็จะเป็นแบบนั้น
แต่ถ้าอยู่ในสังคมที่เรื่องเล็กน้อย ดราม่า บูลลี่ หรือคิดมาก บ่นด่ากัน คนที่อยู่ในสังคมแบบนี้ก็จะกลายเป็นขี้แพ้อ่อนแอไปเอง
จากใจคนทำงานประจำที่เลือกสังคมไม่ได้ และเจอสังคมมาทุกแบบ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดได้ว่าสังคมที่เป็นอยู่ไม่ใช่แบบที่เราต้องการก็ออกมาก็ได้นะ
เพราะผมก็กลายเป็นคนขี้แพ้ ขี้เกรงใจมาเหมือนกันในช่วงนึง
ผมเลือกที่จะไม่คุยกับสังคมแบบนั้น ปิดหูที่จะฟัง และใช้ชีวิตในส่วนตัวเองให้ดี
นิสัยอ่อนแอ ขี้แพ้ มันก็จะค่อยๆ หายไปเอง ถ้าเราชนะตัวเองได้ในทุกวัน
พี่น่ารักก❤☺️❤️
คนสมัยก่อนอยู่กันเป็นปึกแผ่น คำว่าอยู่โดดเดี่ยวพึ่งตัวเองอย่างเดียวไม่ค่อยจะมี ลองมาตอนนี้ในบางพื้นที่ ที่เป็นย่านเรียกว่า ย่านคนศีลธรรมน้อยยิ่งแย่เลย เห็นคนอื่นอ่อนแอ ก็รุมทึ้งกันเป็นอีแร้งเลย ผมว่าตรงนี้มันเปรียบเทียบกันได้ โครงสร้างสังคมที่ช่วยกันสร้างมาอย่างดี มันมีหลายอย่างที่ดีขึ้นเยอะปฎิเสธไม่ได้ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เค้าสร้างมาให้เราดีในระดับนึง แต่สิ่งนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือความโหดร้ายของคน มีทุกยุคทุกสมัย แต่ในสมัยนี้ยิ่งแย่ เอาเปรียบกันด้วยกฎหมาย มีอำนาจก็ใช้ กดขี่คนอื่น ถ้าเราเข้าใจตรงกัน ผมว่าความลำบากของทุกยคสมัยไม่เคยเปลี่ยนครับ คน "ไม่ดี" ก็ จ้องเอาเปรียบคนอื่นตลอดเวลา เป็นปกติครับ อินเทอร์เน็ต การคมนาคม เศรฐกิจ ไม่สามารถเปลี่ยน มโนธรรมของคนได้ และถ้าเรายังอยากจะใช้ชีวิตต่อไป ไม่ว่าใครก็ต้องเจอและรับมือกับสิ่งแย่ๆพวกนี้ตลอดเวลา ส่วนตัวผมคิดว่า ความคิดอย่าง เด็กสมัยนี้อ่อนแอ มันเป็นอะไรที่ ไร้ตรรกะ และเป็นความขี้เกียจ และการแบ่งแยก อย่างมาก ทั้งๆที่ตัวเองก็อยู่ใน ยุคเดียวกันกับคนที่คุณเรียกเขาว่า "อ่อนแอ" แต่คุณไม่เดือดร้อนแบบเดียวกับเขา นั่นทำให้คุณ "แข็งแกร่ง" กว่าเขาจริงๆเหรอ? ลองนิยามคำที่คุณใช้ดูดีๆ แล้วคุณจะเห็นปัญหาที่แท้จริง ว่ามันคืออะไร การสร้าง streotype อย่าง เด็กสมัยนี้ อ่อนแอ มันทำให้รู้เลยว่าคนพูดเนี่ย มี mind set ที่ ค่อนข้างแย่มาก
1.ความลำบากไม่ได้ชี้วัดว่าเเข็งแกร่งหรือไม่
2.แข็งแกร่งคือด้านไหนก่อน survival skill? physical?mental? economic?
3.ความตื่นรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามันน้อยกว่าสมัยนี้เพราะระดับการศึกษาคนเก่าแก่เฉลี่ยต่ำกว่า
4.พัฒนาการทางการแพทย์ไม่เท่ากันทั้งการวินิจฉัย การรักษา ยุคใหม่ยอมเจริญมากกว่า
5.ค่านิยมจากสังคมสมัยก่อนที่ live style แบบ survival + poor education จึง misunderstanding หลายๆ อย่าง
6.ยุคสมัยก่อนการเข้าถึงของข้อมูลข่าวสารน้อยกว่าความรู้ทั่วไปจึงต่ำกว่า
7.นิสัยการอาบน้ำร้อนมาก่อนเป็นเหมือนน้ำเต็มแก้วและค่อน conservative คนแก่ๆเก่าๆ จึงมีภาวะ Dunnin kruger's effect คือ ความรู้น้อยความมั่นใจสูงและภาคภูมิใจกับความรู้ที่ไม่อัพเดตความเจริญในอดีต จึงปฎิเสธข้อเท็จจริง
8.การยอมรับ หรือ insight ต่อโรคนี้ต่ำคนเป็นไม่ยอมรับคนไม่เป็นก็ต่อต้านแล้วคิดเองว่ามันคือความอ่อนแอเพราะไม่มีความรู้จึงคิดเอาเองและเชื่อแบบนั้น
ปัญหาไม่ใช่คนรุ่นใหม่อ่อนแอปัญหาคือคนรุ่นเก่าไม่อัพ patch และมีภาวะ Dunning Kruger effect ปรับตัวเข้ายุคใหม่ไม่ได้ตะหาก
จะว่าเด็กสมัยนี้อ่อนแอก็ไม่ผิดครับ เพราะยุคสมัยนี้ข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ มันเข้าถึงได้ง่ายกว่าแต่ก่อนเพราะมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและสื่อโซเชียลทั้งหลาย
พอเด็กสมัยนี้ได้เข้าถึงและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย มันก็โตไว เรียนรู้ไว แต่มันก็มีคนที่ปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน ทางเทคนิคคืออ่อนแอเกินกว่าจะรับมือกับข้อมูลพวกนั้นไหว จนป่วยจิต เป็นซึมเศร้าไปจริง ๆ ก็มีครับ
สุดท้ายแล้วก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติแหละครับ อย่ารีบตัดสินเชื่ออะไรง่าย ๆ หรือรับข้อมูลอะไรบางอย่างไวเกินไปจนมันทำร้ายตัวเองครับ
ที่คนเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเพราะ มันมีเรื่องที่ต้องรู้ เยอะมากกว่ายุคก่อนสะอีก ทั้งเทคโนโลยีต่างๆ สังคม การเปลี่ยนแปลงของโลกที่ก้าวกระโดดรวดเร็ว การแข่งขันสูงขึ้น จากประชากรที่มากขึ้นและอื่นๆอีกมากมายหลายเรื่อง มันไม่ง่ายเลยที่จะรับข้อมูลทั้งหมด รับสภาพสังคม ที่ทั้งกดดัน และเปลี่ยนแปลงเร็วได้
สวัสดีครับคุณฟ้าใส คุณ พศ.เดียวกับผม แต่ชีวิตคุณอยู่บนสวรรค์ ผมอยู่นรกบนดิน ไม่ต้องเด็กยุดนี้หรอกครับ ผมเองเป็นซึมเศร้าแต่เด็ก เป็นโรคเครียด ไบโพล่า ย้ำคิดย้ำทำ ทุกวันผมอยู่แต่กับความระแวง ไม่มีปัญหาอะไรก็ยังมีแพนิคในใจ ปัญหาเกิดกับใครแค่1 แต่สำหรับผมคือ100 อะไรที่เขาไม่เครียดผมเครียดหมด แต่ผมก็ต้องอยู่ชดใช้กรรมและพยายามอยู่กับโรคประสาทอย่างมีสติ เพราะผมหนีมันไม่ได้ มันทรมานมาก แต่ผมก็พยายามเอาสติ สมาธิเป็นตัวช่วยให้มันดีขึ้น เราจะปล่อยให้มันเป็นแล้วไม่รู้จักรักษากายใจ ถ้าหนักเข้า อยู่กับใครก็สร้างปัญหา+ความน่ารำคาญให้สังคม
บางคนก็ใช้คำนี้ได้เปลือง อะไรนิดนึงก็ว่าซึมเศร้า
ชอบครับคอนเท้นท์เเนวนี้❤❤❤
ผมว่ายุค 90 มีความสุขที่สุดแล้ว โลกค่อนข้างสงบสุขหลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง คนไทยก็ไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างทุกวันนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ 9/11 ทุกอย่างก็เริ่มจะแย่ลง คิดว่ามันจะแย่ลงเรื่อยๆจนกว่าจะมีการรีเซ็ตครั้งใหญ่นั่นแหละ
ผมเป็นซึมเศร้า เพราะผมเข้ากับเพื่อนๆรุ่นผมไม่ได้ เพราะผมปฎิบัติตัวในถานะที่ผู้ใหญ่เรียกผมว่า”เด็กดี”อย่างเคร่งครัด พยายามดำเนินชีวิตในทัศนคติที่พวกเขาอยากให้เป็น จนสักพักรู้ตัวอีกทีผมกลัวการเข้าสังคม เเละเป็นซึมเศร้าจากการที่ไม่เป็นที่ต้องการของเด็กๆในสังคมเดียวกัน😢
พูดติดอ่างด้วย ชึมเศร้าไปด้วย ทั้งๆที่ เป็นคนที่อยากจะกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ปาไป 29 แล้ว ก็ยังเป็นอยู่
อ่อนแอก็คืออ่อนแอ ทุกขทุกคนต้องเจอหมด สมันก่อนใช้จอบพรวนดิน พอมีรถไถต้องเกี่ยวมือ มีรถเกี่ยวต้องมีคนหามมาให้รถ เดี่ยวนี้นั่งสั่งโทสับจบทุกอย่าง เนี่ยการได้ข้าวเปลือกต่างกันมากละ เด็กรุ่นใหม่ก็ทำได้สบายละ เขาบอกอ่อนแอเพราะขาดความอดทนยอมแพ้ง่าย เพราะงานที่จะสำเร็จอดทนต้องมี เจอด่านินทามันต้องเจอทุกคน รุ่นใหมแตกไวไป อินเตอเน็ตมันมีข้อเสียก็ต้องเลือกใช้มัน เราก็ต้องคอยบอกข้อเสียมัน
สมัยก่อนประชากรยังน้อย การแข่งขันยังไม่สูงมาก โอกาสก็มีมากกว่าสมัยนี้สามารถเป็นผู้เริ่มต้นหรือบุกเบิกธุรกิจจับถูกทางก็รวยเลย สมัยนี้หลายๆอย่างก็ถึงจุดอิ่มตัว การแข่งขันก็สูงนอกจากจะแข่งกันกันเองยังต้องไปแข่งขันกับAIอีก มิจฉาชีพก็เยอะขึ้น เศรษฐกิจเองก็ต่างกันมากถ้าล้มสมัยนี้ลุกยากกว่าสมัยก่อนมากนะ เอาความลำบากแต่ละยุคสมัยมาเปรียบกันไม่ได้หรอก ผมเองก็เป็นซึมเศร้าสาเหตุมาจากการคอลโทรลของที่บ้านและการชอบถูกเอาไปเปรียยเทียบ จนเราคิดว่าต้องขนาดไหนถึงจะดีพอ และคำว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนก็เป็นคำที่ผมได้ยินบ่อยมากจนผมเองไม่กล้าที่จะทำอะไร ตอนที่มันประทุสิ่งที่อัดอั้นออกมาและดิ่งเป็นช่วงที่แย่มากของชีวิต ตอนนี้ก็ยังคงพบแพทย์และรักษาอยู่ใช้ชีวิตกับคนอื่นค่อนข้างยากส่วนมากจะอยู่คนเดียว และค่อนข้างจะตัดขาดจากโซเชี่ยลเพื่อรักษาอารมณ์ของตัวเอง ซึมเศร้าหลายคนชอบอ้าง แต่คนที่เป็นจริงๆแบบผมจะไม่ค่อยอยากให้ใครรู้หรอกว่าเราเป็นเพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าถ้าเค้ารู้เค้าจะคิดยังไงกับเรา ซึมเศร้าไม่ได้ต้องการให้ใครมาเอาใจแต่ขอแค่คนที่เข้าใจแค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆมากครับ ตอนแรกเห็นหัวคลิปผมถึงกับขมวดคิ้ว เพราะหลายคนชอบตัดสินคนเป็นซึมเศร้าเอาตัวเองเป็นไม้บรรทัดและว่าผู้อื่นทั้งที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย แต่พอเข้ามาฟังก็โอเคครับ😊
ผมเกิดปี 2527 ปีนี้ผมอายุ 40 ละ
ตั้งแต่เด็กผมโดนเพื่อนแกล้ง โดนเพื่อนบูลลี่มาแทบจะตลอด หนักที่สุดเลยคือตอนจะเรียนจบม.6 ตอนนั้นเครียดมากครับ พอเวลามันผ่านไปหลาย10ปี เราอายุมากขึ้น ทำงานทำการก็เข้าใจชีวิตมากขึ้น เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เรียนรู้ที่จะให้อภัยคนที่เคยทำแย่ๆกับเรา ใครที่เคยทำแย่ๆกับเราในตอนนั้นมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ถ้าเราเก็บเอามาคิดเอามาจำใส่ใจทุกเรื่อง เส้นเลือดในสมองแตกตุยกันพอดีครับ
ถ้าคนสมัยก่อนเขาขิงหรืออวดว่า สมัยก่อนฉันว่างแถมน่าเบื่อกว่านี้เยอะ แถมไม่เครียด ไม่ต้องสนใจปัญหาสังคม ตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ทำงานหาเงินแลกไม่ต้องมาอะไรมาเร่ง หรือมีข่าวแจ้งเตือนวิกฤติทุกๆ5นาที หรือแม้กระทั่งอวดว่าสมัยพวกเขาโฟกัสกับการเอาตัวรอดไม่มีเวลามาคิดเรื่องสภาพจิตใจ หรือ มีอะไรให้เปรียบเทียบมีแค่แรงกดดันจากป้าข้างบ้าน และ คนในครอบครัว แล้วบอกตัวเองตั้งใจทำงานเก็บเงินยันตายจนอยู่เฉยๆแล้วอยู่ไม่ได้เพราะเบื่อ ไม่ต้องมาจมจ่อเป็นออฟฟิศซินโดรมตั้งแต่อายุ20-30แบบเด็กสมัยนี้ ผมจะไม่เถียงพวกเขาเลยแถมอิจฉาด้วยย โชคดีนะเนี่ย พ่อแม่ไม่กดดันให้เรียนพิเศษ น่าอิจฉาจังเลย แต่เกิดมาเจอแคมเปญมีลูกมากจะยากจนนี่ผมคงไม่กล้าขิงแล้วนะ
ผม 37 ก็รู้สึกว่าอ่อนแอเกินไปครับ ไม่เอา gen เด็กกว่าก็ได้ เอา gen เดียวกันนี่แหละ
เอะอะก็เศร้า อะไรก็ไม่รู้
ไม่สู้ไม่ขยันไม่พยายาม โดนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็บอกซึมเศร้า
จะว่าผมสบายเลยพูดได้ ก็ไม่ใช่ เคยผ่านทั้ง ต้มข้าวสารกินกับน้ำปลาน้ำตาล ลางานเพราะไม่มีเงินเดินทางไปทำงาน
ก็สู้ฟันฝ่ามาจนที่สบายพอสมควรในปัจจุบัน
เอาจริง ๆ กดดันตัวเองหนักมาก ๆ ถ้าทำไม่ได้ เรียกตัวเองเป็นขยะ ถ้าไม่อยากเป็นขยะไร้ประโยชน์ ก็ต้องห้ามพัก
ก็ไม่ซึมเศร้านะ
แล้วเรื่องทำงานหนัก ผมคิดว่า อาทิตย์ละ 60 ชม+ ต่อสัปดาห์ ถึงจะเรียกว่าหนัก เพราะช่วงนึงของชีวิต ผมหนักกว่านี้
ที่สำคัญที่สุด อยู่คนเดียว ไม่มีใครให้ปรึกษา ไม่มีคนช่วยเหลือ ทุกอย่างต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด
อยู่แบบนี้เป็น 10 ปี
ผมคิดว่าเลิกสร้างคำพูด และ วาทกรรมสวยหรู ที่ไร้ประโยชน์กันได้แล้วครับ เลิกสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนคิดจะโทษส่งต่าง ๆ รอบกาย แล้วหันมาพัฒนาตัวเองแบบจริงจังมากกว่าครับ
ยุคสมัยนี้ ง่ายกว่ายุคก่อนเยอะเลย ทั้งอาชีพ ความสะดวกในการเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ มีตัวช่วยเยอะแยะเต็มไปหมด แต่คนตามกันแต่ดราม่าไร้สาระ
ตอนนี้ เอะอะ ๆ ก็ empathy จนมันเละเทะไปหมดแล้วครับ ขับรถย้อนศรก็ต้องเห็นใจ ทำงานห่วย ก็ต้องเห็นใจให้โอกาส ฯลฯ
ความเห็นอกเห็นใจเป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่ต้องมีกฎหรืออะไรเข้ามาคิดด้วย ไม่งั้น เละเทะแน่ ๆ
ความคิดส่วนตัวของผมนะ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ทัศนคติความคิดเราของนั้นแหละ ผมเป็นคนมีเพื่อนน้อย ยิ่งโตยิ่งน้อย ตอนเด็กเพื่อนโคตรเยอะ ชอบทำอะไรคนเดียว ผมไม่สนใจด้วยว่าใครจะคบกับเราไม่คบกับเรา หรือคิดยังงัยกับเราชั่งมัน ตราบใดที่เราไปไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ใช่ว่าเฮ้ยทำไมเพื่อนคนที่ทำงาน พ่อแม่ไม่สนใจกูเลยวะ เศร้าวะไม่มีแรงทำอะไรเลย มันก้อไม่ใช่ปะ ผมสนใจแต่ครอบครัว ผมเป็นหลัก(คนที่ดีกับเราไม่ดีเราก้อไม่เอา) งานก่อส่วนงานทำงานเป็นทีมที่ได้รับมอบหมายได้ไม่มีปัญหากับใครก้อได้โตแล้ว แยกแยะออก ว่าอันไหนงานอันไหนเรื่องส่วนตัว ส่วนคนอื่นจะแยกออกไม่ออกก้อชั่งแม่งปล่อยให้มันปัญญาอ่อนไป ส่วนนอกเหนือจากงาน ชีวิตส่วนตัวไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร และไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายด้วย ผมมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ทำอะไรคนเดียวได้ ปัญหามันมีกันทุกคนอยู่แล้ว แต่ละคนก้อมีวิธีการแก้ไขไม่เหมือนกัน ขึ้นกับเราจะรับมือยังงัย วัดกันที่ใจจะสู้ไม่สู้ ิอีกอย่างอย่าไปใส่ใจคำพูดคนอื่นมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ทำอะไรให้ชีวิตเราดีขึ้น อีกผมไม่เคยเอาตัวผมไปเทียบกับใคร เหมือนผมอยากมีรถขับ เพราะ กลัวแฟนพ่อแม่ลูกผมร้อนเดี๋ยวฝนตกอีก จะได้นั่งสบาย อีกอย่างเราก้อพอมีเงินแล้ว เอามาใช้เพื่อประโยชน์ให้เราและคนครัว ไม่ใช่อยากได้เพราะเพื่อนมีรถคนข้างบ้านมีรถ ทั้งที่เงินยังไม่พอยาไส้ก้อไม่เอานะ ผมอะแข่งกับตัวเองไม่ได้แข่งกับใคร เอาที่เราสบายใจ ปล.เศร้าได้แต่อย่าจมปัก ชีวิตมันต้องดิ้นรนทุกยุคทุกสมัย รักตัวเราเองให้มากๆ ใส่ใจตัวเอง ทำอะไรทำให้เต็มที่ ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหนถือว่าเราได้ทำสุดความสามารถครับ
@fonpuwadol เห็นด้วยครับ
เป็นเม้นที่โคตรเห็นด้วย รู้เลยไม่ใช่ระดับลูกจ้างแระ (ไม่ได้ดูถูก ซึ่งผมก็เคยเป็นมาก่อน)เหมือนเห็นตัวเองเลยพี่ จำได้เคยมีเงินอยู่200-300 ทำงานวัน10ชม. กินมาม่าวันเว้นวันเป็นปีๆ จะตายให้ได้ (เดียวนี้สบายแล้ว) พอเห็นน้องๆรุ่นนี้ ถามหาแต่ Empathy What!!! ระเบียบวินัย กฎเกณฑ์ขอบเขต อาวุโส การให้เกียรติ มารยาท มันก็ต้องมี ยุคนี้แค่ไว้ผมยาวก็ถามแระ ไว้ทำไม? ดูที่ผลการเรียนดิ ผมก็เป็น!!! ผมเคยถามหัวหน้าบ.เหมือนกันว่าจะใส่ถุงเท้าขาวทำไม สีอื่นไม่ได้หรือไง ใส่ยูนิฟอร์มทำไม!!!! พอกลางคนเท่านั้นแหละ รู้แระ 😅
โคตรเห็นด้วย เอาจริงๆเรามองว่าไม่เกี่ยวกับเจนเท่าไหร่หรอก (เป็นแค่ correlation แต่ไม่ใช่ causation) คิดว่าแค่คนชอบมองแบบเหมารวม (stereotyping) เลยคิดว่าเพราะอายุต่างกันเลยมีปัญหา
แต่เรามองว่าจะเจนไหนก็เหอะ มันขึ้นอยู๋กับทัศนคติและแรงผลักดันสู่เป้าหมายเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องปัจเจกมากๆ คนเรามันมีข้ออ้างได้หมดแหละ ถ้าขี้เกียจหรือท้อแท้ เราสามารถสรรหาสารพัดเหตุผลมาได้หมด
เหมือนเราเจนY สมัยก่อนก็อ้างได้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนนอกเลยพูดอังกฤษไม่ได้ มาตอนนี้สื่อการเรียนเข้าถึงได้ด้วยปลายนิ้วเพียบก็ยังไม่เรียน ตัดภาพไปหลานเรา gen z เรียนอินเตอร์ แต่ภาษาไม่กระดิกเลย หลานมันก็บอกว่า เพราะมีสื่อเยอะเกินไป เลยไม่รู้จะฝึกจากอันไหนบ้าง เรียนไม่ทันเพื่อนบ้าง ครูสอนไม่เข้าใจบ้าง บลา บลา สรุปคือข้ออ้างทั้งนั้นแหละ เราแค่ยังไม่อยากยอมรับความจริงว่าเราขี้เกียจเพราะมันดูไม่ดีในใสายตาคนรอบข้าง กลัวคนจะมองว่าเราเป็นคนห่วย
ซึ่งจริงๆ บูมเมอร์ เจน X Y Z ที่ประสบความสำเร็จระดับสากลก็มีให้เห็นเยอะแยะที่เป็นคนไทยด้วยกันนี่แหละ ลองไปฟังบทสัมภาษณ์คนเหล่านี้ สิ่งที่เค้ามีร่วมกันคือ ทัศนคติหรือ mindset ที่ดี (productive) และมีความรับผิดชอบ (accountability) ไม่มีข้ออ้างเยอะอ่ะ
แต่ตอนหลังๆมานี้มันมีปัญหาช่วงวัยเพราะหลายคนชอบ victimize ตัวเองว่าโดนกระทำ เป็นซึมเศร้า เธอต้องนั่นนู่นนี่โน่นให้ฉันนะ คือมันtoxicมากๆ ชีวิตตัวเอง ปัญหาตัวเอง แต่ให้คนอื่นมาปรับตัวตามเพียงเพราะคนป่วยไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเป็นศูนย์กลางทุกอย่าง ปัญหาคนป่วยใหญ่สุด ปัญหาคนอื่นช่างมัน ซึ่งมันเห็นแก่ตัวอ่ะ ป่วยก็รักษา แค่นั้นเลย ไม่ใช่ป่วยซึมเศร้าแล้วยังรับแต่เรื่องลบๆ ทำให้คิดลบๆ แล้วเล่นบทเหยื่อมาขอความเห็นใจคนอื่น ใครไม่เห็นใจก็พาลไปโกรธเค้าอีก อันนี้งงสุด ทำตัวเองแต่โทษคนอื่น ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ เจอแบบนี้หนีให้ไกลก่อนเลย
@@RomiSalekเม้นนี้ก็โคตรดี คนเราไม่อยากยอมรับความจริงหรอกว่าเราห่วย เราขี้เกียจ เราพลาด เราแย่ มันยากกกกก ก็เลยหาข้ออ้างมากลบมัน เรื่องนี้มันต้องฝึก ผมก็เป็นตอนเด็กๆ แต่มีเหตุการณ์นึงที่ผลักดันผมให้เปลี่ยนชีวิตคือ เพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันมาในร.ร.ต่างจังหวัด ปัจจุบันเป็นแอร์โฮสเตสของ Fly Amirates เป็นมา10ปีแล้ว แม่งลูกร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเลย แม่เลี้ยงเดี่ยวด้วย (ไม่ได้บูลลี่แต่อย่างใด) แต่แม่งขยันโคตรๆ ตอนนั้นยูทูปยังไม่ค่อยมีคลิปสอนอังกฤษด้วยซ้ำ คอร์สออนไลน์ก็ไม่มี เรายังใช้Dicกันอยู่เลย (แอปอะไรก็ไม่มี มีแต่ตู้หยอดเหรียญ หรูหน่อยก็3310) เเต่เชื่อไหมแม่งแปลทุกหน้าที่หนังสืออังกฤษจะมีได้ ผมลอกเขาทุกวัน5555 ดูดิ คนไม่มีข้ออ้าง คนมันจะไปสู่ความสำเร็จอ่ะ แล้วดูดิสมัยนี้ ไม่ต้องต่างจังหวัดนะ เอาแน่ร.ร.ในกทม. เดินไปถามเป็นภาษาอังกฤษ ผมว่าเกินครึ่งโรงเรียน ถามคำตอบคำ มีพูดจริงๆได้ไม่ถึง10% อยู่ดี เว้นแต่ว่าร.ร.อินเตอร์ หรือไม่ก็ท็อปๆไปเลย
แล้วเด็กยุคนี้ก็จะบอกว่า การศึกษามันห่วยยยยย
ทั้งๆทีหยิบ AI สักตัวมานั่งคุยทั้งวันสักปี ก็เก่งแระ
ดูเพื่อนผมดิ เปิดดิกตอนม.3 ตอนนี้บินรอบโลก ผมไม่เก่งแบบเขาหรอก ผมเป็นได้แค่เจ้าของธุรกิจที่ได้แรงบันดาลใจจากเขาในวันที่ผมมีข้ออ้างเยอะ ปล.ผม Gen Y ที่ก็อยู่ในยุคที่น้องๆบอกว่าแย่เหมือนกันนี้แหละ โควิด 3ป. รัฐประหาร การศึกษาห่วย เศรษฐกิจแย่ เจอออออพร้อมกันนี้แหละ แต่ผมไม่ซึม หรือเศร้าสักนิด แต่เคยท้อ เคยจน เคยเหนื่อย มืด8ด้าน กินมาม่าเป็นปีๆ สู้ดิว่ะ
เด็กสมัยนี้ เขาต้องเจอการแข่งขันรูปแบบใหม่ คนรุ่นเก่าเขาไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะการแข่งขันรูปแบบเก่าๆ มันจบไปแล้ว คนรุ่นเก่าเขาสร้างสิ่งต่างๆ ไว้หมดแล้ว จะเอาอะไรมาแข่งกันอีกหละ คนรุ่นใหม่ต่างหากที่ต้องหาหนทางไปยังที่ๆ ใหม่ ที่ๆ ไม่มีใครเคยไป เดี๋ยวนี้ทำงานถึกทนไม่พอเลี้ยงคนทั้งครอบครัวได้ หรอกครับ
เด็กสมัยนี้เก่งนะมล้ำมาก 8 ขวบ ก็ burn out 10-ขวบก็ซึมเศร้า
ประเทศชาติจงเจริญ!!!! 😊👍
พี่ฟ้าหล่อเท่มากเลย ♥
พูดได้ดีครับ
เปิดมุมมองดีจังเลย
ผมชอบคลิปแบบนี้
หลักๆแล้วมันไม่เกี่ยวว่าเด็กยุคไหนนะครับ ต่างครอบครัว ต่างนิสัย มันมองแบบตายตัวไม่ได้ครับ ผมโตมาแบบสังคมดำมืด เหล้า ยา ความรุนแรงในครอบครัว ผมเลยแกร่งกว่าคนที่เกิดมาพร้อมครอบครัวอบอุ่น และผมไม่สร้างปัญหาให้สังคม ผมท่องในหัวแบบนี้เสมอ
สมัยก่อนไม่ได้ยอมรับว่ามีโรคซึมเศร้า และโรคซึมเศร้าไม่สามารถฆ่าใครได้นอกจากฆ่าตัวตายเอง สมัยนี้ป่วยก็ไปรักษามาขอความเห็นใจในสื่อโซเชียลปลอบโอ๋ไปก็ป่วยการสุดท้ายจบที่ถ้าไม่มายืนจุดนี้ไม่เข้าใจหรอก อยากให้คนทั้งโลกเข้าใจแต่ตัวเองยังไม่เข้าใจตนเองและไม่เคยคิดถึงความรู้สึกคนที่มาปลอบ สรุปคิดว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้าก็ไปหาหมอ ไม่มีเงินหาหมอก็ไปหาเงิน 🤗🤗🤗
เป็นเด็กสมัยนี้เหนื่อยมากเลยครับงานต้องทำแบบ Cross Function ผลตอบแทนก็ไม่สู้ค่าครองชีพรวมวางแผนจนสมองจะไหลแล้วก็ยังต้องแก้ปัญหารายวันอยู่ดี
เหนื่อยจริงครับ
บางคนเค้าไม่ได้เป็นหรอกคะ ซึมเศร้า แต่มันเป็นคำฮิตติดปาก ที่ชอบพูดกันในหมู่วัยรุ่น Genใหม่ๆ รวมทั้งสื่อ social ต่างๆ ก็ชอบจับประเด็นนี้มาพูด คือถูกกดดันจากสื่อมากในยุคนี้
ผมก็อยู่ในยุคเดียวกันกับคุณฟ้านะครับ แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าเด็กสมัยนี้อ่อนจนเป็นโรคซึมเศร้า
แต่เท่าที่ฟังรายการวิทยุที่โทรฯไปปรึกษา หลายสายก็เป็นคนยุคเดียวกันกับพวกเราวัย 35-40 ชอบเกรินว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ผมเองฟังแล้วยังขัดใจเลยว่าโรคซึมเศร้ามันเป็นง่ายขนาดนั้นกันเลยเหรอ
เด็กสมัยนี้ถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกันคับ ยุคเก่าแก่ไม่ใด้หมายความว่าสุขสบายหรือลำบากกว่ากันแต่การรับรู้และตอบสนองต่างกัน ไม่โทษเด็กสมัยนี้ผมอายุ40ผมว่าเป็นยุคอยู่ง่ายสุด
ยุคนี้สบายจริงไหม ถ้าสบายเท่า = ภาพรวมชีวิตดีขึ้นอัตราการเสียชีวิตลดลง
ใช่ครับยุคนี้สบาย คนอายุยืนขึ้นเรื่อยๆ แต่ธรรมชาติก็แปลกครับมันก็หาสมดุลของตัวเองเจอเสมอ
พอคนมากขึ้น สภาพสังคมก็กดดันขึ้น เคยไปฟังเรื่องอัตราเด็กเกิดใหม่ที่เป็นปัญหาในไทย
กลับกลายเป็นว่า ชีวิตสบายการแพทย์ก้าวหน้า คนตายน้อยลง
แต่กลับกันคนเกิดน้อยลง ต่อให้คนมีเงินยุคนี้ก็ไม่นิยมมีลูกเกิน 2-3 คน
ขนาดคนรู้จักกัน บ้านมีฐานะเลยคำว่ากลางเพราะไปเที่ยวต่างประเทศได้รัวๆ ยังบอกเลยว่าขอมีลูกแค่สองคนพอ ทั้งๆ ที่รุ่นพ่อแม่เขามีลูกตั้ง 4 คนรวมตัวเขาเองด้วย
นี่ไงธรรมชาติปรับสมดุลชัดๆ เลยครับ มนุษย์เราผมมองว่ายังไงก็หลุดจากกรอบของธรรมชาติไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายธรรมชาติก็หาทางลดจำนวนผู้คนลงด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลง
ยิ่งญี่ปุ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงอันดับต้นๆ ของประเทศที่เจอวิกฤตปัญหาเด็กเกิดใหม่เลยครับ
ปัญหาความกดดันทางสังคม ถ้าระดับผู้นำประเทศหาทางแก้ไม่ได้ อนาคตคงไม่ถึงกับสูญสิ้นเผ่าพันธุ์
แต่มีปัญหาหลายเรื่องแน่นอน ทั้งแรงงานที่ลดลง สภาพสังคมที่จะเต็มไปด้วยผู้สูงอายุวึ่งรัฐบาลของประเทศโลกที่สามไม่สามารถรองรับได้
มองยังไงก็หายนะชัดๆ
พี่หน้ายังกะ 20 กลางๆ 5555 38 นี้โคตรเว่อออ ออกกำลังกายมีผลจริง
กรรมพันธุ์ด้วยครับพี่ฟ้าเคยบอกอยู่ แม่เขาหน้าเด็กครับ (ถ้าจำไม่ผิด)
โชค
และโอเคแหละ การดูแลการกิน ออกกำลังกายก็มีผลอยู่
เพราะในวงตระกูล ที่มีพันธุกรรมเดียวกัน พี่ก็น่าจะคงสภาพได้ดีสุดและ
เเต่ละยุคเด็กที่เกิดมาก็ต่างกันตามสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิต ไม่มีทางที่เด็กเเต่ละยุคจะเหมือนกัน เด็กอาจจะอ่อนแอในบางมุมจริงๆ เเต่ไม่ใช่ว่ารุ่นเราหรือรุ่นก่อนๆจะไม่มี
ส่วนตัว Gen Y นั้งๆนอนๆอยู่บ้านยันอายุ24 ย่าส่งให้เรียนเสริมพวกซ่อมคอม ภาษาญี่ปุ่นได้ N3 รับจ้างทำงานรายวันค่าแรงวันละ 300
พอขึ้นเลข 3 งานไม่ค่อยมั่นคง พ่อให้ทำงาน กทม. ฟันหญ้า ลงคลองเก็บขยะ ละ แรกๆคือโครตลำบาก เหมือนยังมีความคิดว่ากูเรียนมาเยอะทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ
พอโยนทุกอย่างทิ้ง คิดซะว่าเริ่มจาก 0 ปรับตัวได้ตอนนี้โครตลัลลาเลย จากที่เมื่อก่อนเคยทำงานกลับบ้านมาต้องกลับมาคิดโน้นนี้ เดี๋ยวนี้ลงงานตูมนึงจบ กลับบ้านสบายใจ
ส่วนใหญ่เป็นศึมเศร้าเทียมครับ เป็นจริงๆมีน้อย พากันเบียวเยอะ
โรคซึมเศร้า ไม่ใช่แค่เศร้าซึม 😅
เราเคยมีภาวะซึมเศร้าตั้งแต่วัยรุ่น เมื่อก่อนมันไม่มีชื่อโรคนี้ เราก็เรียกมันว่า ... เราเป็นโรคเครียด แค่นั้น ยุคนั้นมีดารา นักร้อง ฆตต เยอะก็ด้วยอาการซึมเศ้รา โรคทางจิต หรือ โรคุคลิกภาพ ผิดปกติ มีมานานมากแล้ว แค่ไม่มีใครใส่ใจจริงจังเหมือนสมัยยนี้ เพราะสมัยก่อน ไม่มีใครอยากยอมรับว่า...ตัวเองมีปัญหาทางสุขภาพจิตหรอกค่ะ เพราะสมัยก่อน เราเรียกคนที่มีอาการทางจิตทั้งหลายว่า...คนบ้า
แต่สมัยนี้หลายคนเอาเรื่องซึมเศร้ามาอ้างจากเหตุ จิตใจตนอ่อนแอ ความไม่ได้เรื่องของตน หรือการพลาดของตน ย้ำว่าบางส่วน แล้วทำไมบางคนจิตใจกระทบเหมือนกัน ไมบางคนไม่เป็นซึมเศร้าล่ะ ตกลงอยู่ที่จิตใจคนไหม ส่วนเรื่องรับข่าวสารปัญหาของรุ่นใหม่ ไม่มีความแยกแยะว่าที่ตนรับข้อมูลจริงหรือปลอม
คนสมัยใหม่ยอมรับความจริงไม่ค่อยได้ บวกกับมีความคาดหวังในชิวิตสูงเกินตัว พอทำไมไ่ด้/มีความเครียด แล้วจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่เป็นกลายเป็นเตรียดสะสม
ชื่อรายการใหม่ "พี่ฟ้า นักล่าตั๋วเฮีย" ผมตั้งให้เลยครับ
Next episode เจอกัน
เด๋วนะ คุณฟ้าใส 39 เหรอครับ ผมนึกว่า 30
ตลกดีครับ เด็กยังไม่แซะว่าคนสมัยก่อนก็อหิวาตกโรค เอะอะก็ฝีดาษ เลยครับ อันนั้นตายกันไม่รู้กี่คน 😂😂😂
ขี้แตกกับตุ้มขึ้นมึงสามารถมองเห็นและสัมผัสใด้แค่นี้มึงก็แยกแยะไม่ออกสมแล้วๆ
สมัยก่อนไม่มี สื่อ social มากครับ เด๊ญวนี้เด็กเสพพวกนี้เยอะดราม่าตลอดต้องออกมาได้ครับมาออกกำลังกายท่องเที่ยวดูธรรมชาติดีกว่า
ผม Gen Z (2001) ก็มีอาการดีขึ้นจากซึมเศร้ามากแล้วครับ มีตัวช่วย บวกกับคิดได้ว่าต้องรักตัวเองมากขึ้น เป็นหนักตอนเข้ามหาลัย เพราะกดดันจากหลายๆ อย่างเลยต้องลาออกมา จนตอนนี้เรียนจบที่อื่นอาการก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ แล้ว อาจจะมีบ้างเวลาอยู่เฉยๆ นานๆ แต่ก็แถบจะเป็นคนปกติแล้วครับ ไม่ได้จมดิ่งลึกแล้ว แถมฟื้นตัวไวด้วยครับ 😊
เรื่องหางานนี่ยิ่งบอกเลยว่าหายากครับ ยิ่งสาขาผมยิ่งคนไม่รู้จัก ต้องไปหาประสบการณ์ข้างนอก ทำเอาเองทั้งนั้น บอกรับเด็กจบใหม่แต่ต้องการ ปสก 😅 และยิ่งถ้าจะทำตรงสายนี่ยิ่งหมดหวังครับ พี่ที่เรียนปอโทก็ยังบอกว่า แกมองไม่ออกเลยว่าจบไปจะทำอะไร
สมัยไหนก้อเหมือนกัน มันก้อลำบากกันคนละอย่าง
ซึมเศร้าหลังๆไม่ค่อยได้ยินแล้ว ตอนนี้ได้ยิน Introvert แทน
การที่ได้เป็นดาราดัง ชีวิตต่างจากมนุษย์ 90% บนโลก แล้วบอกว่าลำบากเป็นเรื่องตลกมากๆ
ซึมเศร้าที่เป็นกันเยอะสมัยนี้ เป็นไปได้ไหมว่า เรากิน ใช้ ของมีสารพิษตั้งแต่เกิดยันโตยันแก่ ผักมียาฆ่าแมลง ของใช้มีสารพิษ เนื้อสัตว์มียาปฎิชีวนะ แล้วมันไปมีผลต่อสารเคมีในสมอง เราว่ามีผลนะ แต่เราไปโฟกัสที่ว่ามันเป็นความรู้สึก เลยคิดว่าเป็นทางจิต ถ้าลองคิดดีๆ มันก็เป็นอาการมาจากทางกายภาพนั่นแหละ ที่สารเคมีในสมองเราเพี้ยนไป เวลาหมอรักษาก็ให้ยาเพื่อรักษากายภาพไม่ใช่เหรอ
สมัยก่อนมีแต่ไปเรียกรวมๆว่าคนบ้า แล้วไปจับขังอยู่บ้านหรือปล่อยวัด
คนแก่มันแค่รู้วิธีจัดการที่ถูกต้อง
ขอแชร์ เรื่อวราวในมุมหนึ่งของเรา. เรื่องมันมีอยู่ว่า...อยู่มาวันนึงก็ค้นพบว่า เวลาเจนผู้ใหญ่พูดคำว่า "เด็กสมัยนี้อ่อนแอ" ส่วนมากจะได้ยินมันมาจากคำพูดของคนที่มีนิสัยแข็งๆ ด้านๆ ถึกๆ โตมาแบบทุลักทุเล. แล้วพอมันมีเหตุการณ์บังคับชีวิตตัวเรา ให้เราต้องกล้ำกลืนอดทนให้อยู่กับคนเหล่านี้ นี่ก็เข้าปีที่ 4ได้ , วันเวลาจากการเกลือกกลั้วซึ่งกันและกันระหว่างเราขั้วด้านตรงข้ามสุดของพวกเขาเจนผู้ใหญ่, ซึ่งทำให้เราได้รับความรู้สึกที่ใหม่มากว่า. เอ้ย, ในระยะเวลาที่ผ่านมา พวกลุง ป้า โก อี๊ ซิ้ม เจ็ก.. คือ มีเจตนา ว่า ห่วง อยากให้เจ้าเข้มแข็ง ต้องผ่านมันไปให้ได้เส่ อย่าอ่อม ไรงี้ แต่พวกเขาเป็นสไตล์คนที่เติบโตมาแล้วมีแนวโน้มว่าจะใช้คำว่า "เด็กสมัยนี้อ่อนแอ" ทดแทน คำว่า ต้องเข้มแข็ง ต้องผ่านไปให้ได้ อย่าอ่อม พวกกูเป็นห่วงเอ็งไอเด็กรุ่นใหม่เอ๋ย. นี่ก็เป็นอีกมุมที่ค้นพบหากใช้เวลาเกลือกกลั้วด้วยกันสุดๆกับพวกเขา. ส่วนในมุมอื่นๆก็เห็นด้วยทั้งหมดโดยไม่แย้ง ทุกแง่มุมของแต่ละเจน แต่ละคำพูดเงื่อนไขมันแตกต่างกัน. 🙏🏾
ยุคก่อนยังไม่รู้จักโรคนี้ครับ ผมที่เป็นคนยุคgen Yต้นๆก็เพิ่งรู้จักโรคนี้เมื่อไม่กี่10ปีก่อนนี่เอง
สมัยนี้ซึมเศร้าจริงมี 60% ซึมเศร้าปลอมมี 40% รายละเอียดตามที่ฟ้าใส บอกเลย
ต้องดูด้วยว่าเทียบกับสมัยไหนครับ ถ้าเทียบกับรุ่นพ่อรุ่นปู่เรา ยุคนั้นก็แมนๆหน่อย นักเลง อันธพาล ต่อยตีกันเพียบ ทำโทษไม้เรียวสุดโหด รับน้องมหาโหด ผู้ชายห้ามเป็นตุ๊ดถ้าเป็นต้องบำบัดเปลี่ยนนิสัย มือปืนรับจ้างยินกันตายตามต่างจังหวัดเป็นเรื่องปกติ ทำผิดพึ่งสื่อพึ่งกฎหมายไม่ได้ อิทธิพลล้วนๆ ยิงกันตามสวนตามไร่ ไม่มีโซเชียลให้ร้องทุกข์ ต้องพึ่งตัวเอง
ก็ถ้าเทียบกับสมัยสงครามโลกครั้งที่2 รุ่นนั้นเขาก็คือ Greatest Generation ยุคสงคราม ความเป็นความตาย ไม่มีใครช่วยเหลือ ช่วยตัวเอง ถ้าไม่เข้มแข็งก็ไม่รอด สมัยนั้นเขาก็แข็งแกร่งกว่ามากจริงๆ
ถ้ามาสมัยนี้ แล้วเทียบกับ2สมัยก่อน ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่านะ ทั้งเรื่องค่านิยมของสมัยนี้ ไม่ใช้ความรุนแรง สอนเด็กก็ต้องห้ามตี ผู้ชายร้องไห้ได้ไม่ผิดอะไรก็คนเหมือนกัน ผู้ชายไม่ต้องแมนก็ได้เป็นตุ๊ดได้ มีปัญหาร้องสื่อก็ได้เดี๋ยวก็มีชาวเน็ตมาช่วยให้ได้รับความเป็นธรรม ถึงจะรู้สึกแย่กับอะไรก็ตามก็ไม่ต้องเครียดต้องอะไรมากเพราะโพสต์โซเชียลก็มีคนมาเห็นใจตลอดคนไลค์ให้กำลังใจตลอด
แต่ถ้าเทียบกับสมัยก่อนๆเลยที่สงบสุขของไทย ยุคกรุงศรีที่ไม่เร่งรีบ มีเวลาว่างทำกับข้าวเมนูนึง3วัน นั่งแกะสลักดอกไม้ถาดหนึ่งครึ่งวัน ใช้ชีวิตเรื่อยๆไม่รีบร้อนและไม่มีแรงกดดันแบบนี้ สมัยนี้ก็จิตใจแข็งแกร่งกว่าแน่นอน
คนสมัยก่อนสบายกว่าคนสมัยนี้มากๆ
อดีตทำเกษตรมีกินเหลือพอทั้งปี รับจ้างเก็บเงินซื้อวิทยุสักเครื่อง เรียนโรงเรียนวัดอ่านออกเขียนได้ บวกลบคูณหารเป็น ก็ถือว่าเจ๋งสุดในหมู่บ้านแล้ว 🤭🤭🤭 สมัยนี้มีป้าข้างบ้าง.มีสื่อกระแสโซเชียล มีคนในครอบครัวคาดหวังมากมายอยากให้เป็นอะไรก็ได้ที่ได้ผลตอบแทนสูงจึงทุ่มเทส่งเสียให้ดีที่สุด สุดท้ายก็พังเพราะผิดหวัง การลงทุนมีความเสี่ยง หากขาดทุนก็ต้องยอมรับให้ได้ การลงทุนที่เสี่ยงที่สุดคือไม่ลงทุนอะไรเลย 🤭🤭🤭 อดีตก็มีความยากและง่ายในยุคสมัยนั้น ปัจจุบันก็เช่นกัน สังคมจะว่าเช่นไร ตราบใดที่ทำงานสุจริตเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ก็ถือว่าไม่น่าเกลียดแล้ว
คนยุคก่อนเคยเจอ โควิทไหมครับ วิกฤตที่หนักกว่า ต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์
มันก็มี แต่สมัยโน่นมันไม่ค่อยมีคนรู้จัก หรือไม่ก็ไม่มีโซเชียลรึเปล่า