คำเวนทานถวายสุวรรณโกศ

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 24 ก.ย. 2024
  • คำเวนทาน ในพิธีถวายสุวรรณโกศ
    พระธาตุทักขิณโมลีธาตุเจ้าศรีจอมทอง
    โดย ท่านพระครูพิจิตรสรการ
    วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
    วันที่๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
    "คำเวนทาน" เป็นวรรณกรรมร้อยกรองของล้านนา
    ที่ประพันธ์ด้วยฉันทลักษณ์ประเภทร่าย
    เพื่อใช้ประกอบในพิธีกรรมต่างๆ
    เเสดงถึงปฏิภาณโวหารของผู้ที่ได้รับมอบหมาย
    ให้กล่าวคำเวนทาน เนื่องจากการเวนทาน
    คือการประกาศเพื่อให้ผู้ที่ได้มาร่วมทำบุญ
    เเละเทพยดาทั้งหลายได้รับทราบ
    ถึงมูลเหตุเเห่งการถวายทาน
    เเละวัตถุประสงค์เเห่งการถวายทาน
    อันจะก่อเกิดศรัทธาปสาธะ
    เเละการร่วมอนุโมทนาในกุศลเจตนา
    ในกุศลทานที่ได้ประกอบในคราวนั้น

ความคิดเห็น • 5

  • @exouenoulavong3503
    @exouenoulavong3503 ปีที่แล้ว

    ສາທຸໆໆ

  • @maitreya_Comforter
    @maitreya_Comforter 2 ปีที่แล้ว +1

    นี่คือคำของพระพุทธเจ้า... ขยันอ่านสักนิดจะได้ประโยชน์อย่างมาก ตามความเป็นสัจจะธรรม หากมีสิ่งใดเกิดกับจิต จิตรู้สิ่งใดจะเป็นเหตุและ สิ่งนั้นจะมีผลมาให้กายได้รับ
    เหตุผลความจริงธรรมชาติถ้าสัตว์ทั่วๆไปจะมีเกิด...แก่..เจ็บ...แล้วตายลงไป เป็นธรรมดาของชีวิตสัตว์ เพราะเป็นการจุติจากจิตเดิมภพชาติที่แล้วตามอกุศลกรรมมาเป็นวิบากชาติภพสัตว์เดฉานรับผลกรรมสืบต่อมาจากภพชาติก่อน แต่มนุษย์ก็มีกายเป็นสภาพสัตว์เหมือนกันจริงแต่มีความประเสริฐสุดของการได้กายนี้จากการก่อกุศลที่ดีจึงมีจิตมีการนึกคิดให้มาด้วย กายเป็นสถานะรับผลกรรมที่เกิดกับจิตรู้
    โลกนี้เป็นการถูกเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้รส รู้สัสผัส อ่อน-แข็ง -ร้อน หนาว ความพอใจ-ไม่พอใจ สุข -ทุกข์
    เกิดจากกายมนุษย์ที่ มี จำ นึกคิด และสมมุติขึ้น เป็นนามธรรม-รูปธรรม เรียกว่าวิญญาณ
    ธรรมหรือธาตุรู้ สมมุติตัวรับรู้ข้างในคือตอนเรารู้สึกนึกคิดทั้งหมดที่มีกับกายตอนนี้เดี๋ยวนี้นั่นแหละ
    โลกนี้มีจิตรู้+เจตสิกคือรุ้อารมณ์+รูป คือการสมมุติสิ่งต่างๆเป็นชื่อเป็นรูปเป็นลักษณะที่เข้าใจ
    กรรมเกิดจาก การกระทำบางสิ่งโดยเจตนา คือมีกาย+วาจา+ใจ เป็นเหตุ ส่งให้มีผลกรรมกับร่างกาย
    การละสิ่งที่ยึดไว้ในตัวตน ไม่ไช่ให้ไปละตนเองออกจากตัวตน แต่ให้ละความเคยหลงไปเชื่อตามๆกันข้างในตัวตน คือ ไปเชื่อว่า เกิดมาแล้วก็แก่แล้วก็เจ็บแล้วก็ตายและไปกำหนดว่ามีอายุขัยไม่เกิน100ปีกันจนเป็นจริงหมดโลกแล้ว นี่คือความหมายคำว่าสิ่งที่ยึดข้างในตัวตนให้ละออกไปให้หมด มันไม่มีเราไม่ไช่เรา เป็นแค่การทำหน้าที่ตามสัจจะธรรม โดยเราไม่รู้ เพราะไปคิดตามกันว่า เป็นปกติธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เอาคำมาสอนกันผิดเพี้ยน ไตยลักษ์ เอามาปนมั่วกับอายุขัย อริยมรรคไปรวมกับมรรคมีองค์8 โลกเลยบรรลัยกันหมด พินาศเพราะโง้สอนโง้ เลยเกิดบรมโง้ ตายเกิดสืบไป ปัญญาหรือพุทธเนี่ยสอนเพื่อเข้าใจ ที่ความคิด ไม่ไช่สอนให้ทำตัวตนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ...ตามคำตรัสรู้ ต้องวางสิ่งที่หลงยึดมั่นถือมั่นในตัวตน หมายถึงการพ้นทุกข์ที่สุดแห่งทุกข์ ไม่มีสุขใดยิ่งกว่า โลกนี้หรือจักรวาลไหนไม่ต่างกัน คือไม่ต้องกลัวการตายเกิดอีกในสังสารวัตร
    นั่นคือ การละที่เคยไปคิดมั่นเป็นปกติว่าเวลาอายุขัยมีได้เท่านี้ จากการละการยึดว่ามีอายุขัยได้แค่นี้เป็นแบบนี้เพราะมีเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา
    การใช้อายุไปปลงที่อนิจจังความเสื่อมค่าคุณธรรมเลยถอยลงเพราะยึดผิดทาง
    นี่คือคำตอบของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แล้วจะทรงนำคำนี้มาบอก เพื่อมนุษย์จะได้ไม่ไปมัวหลงในความทุกข์ต่อไป ไม่ได้สอนหรือบอกใครให้เชื่อนะ แต่ พิจรณาดูว่าเป็นจริงหรือเปล่าเองก่อน สิ่งใดที่หาคำตอบได้จากพระพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่ความเชื่อแบบคนทั่วๆไปแน่นอน ...ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็ช่าง เราเอาคำจริงมาบอกแล้ว ไม่คิดไม่เชื่อนั่นก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคน สมบัติใดๆในโลกไม่สามารถซื้อเวลาชีวิตได้ แต่สมบัติที่เป็นลาภอันประเสริฐสามารถทำสิ่งที่สมบัติเงินทองทำไม่ได้.........

  • @ยุทธพงษ์กิ่งงาม-ษ9ถ

    🔱เอียมอุไรวรรณ🔱

  • @อนุชัยแก้วมา-ฉ3อ
    @อนุชัยแก้วมา-ฉ3อ 2 ปีที่แล้ว

    🌼🌼🌼

  • @หัวเว่ย-ฎ2ป
    @หัวเว่ย-ฎ2ป 3 ปีที่แล้ว

    คล้ายๆการอ่านกาพย์ฉบังในพิธีทางภาคกลาง