ดร.ประมวล เพ็งจันทร์ บรรยายพิเศษ เรื่อง ฮู้ซื่อๆปรากฏการณ์แห่งการเรียนรู้ภายใน ep1 20 10 61

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 15 ธ.ค. 2024

ความคิดเห็น • 9

  • @บุญถมเสียงธรรมนําธรรมะสู่ชุมชน

    อนุโมทนา อย่างยิ่งโยมพ่อ ดร.ประมวล เพ็งจันทร์

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ขอแสดงความเคารพต่อท่านอาจารย์ ประมวล เพ็งจันทร์
    พระพุทธเจ้าของพวกเรานั้น ก็เคยแสดงให้เห็นว่าโลกนั้นกลม โดยได้ทรงเปรียบว่า โลกก็เหมือนผลมะขามป้อมบนฝ่ามือของพระองค์ นี้เป็นประการที่หนึ่ง
    คำว่า ฮู้ซื่อๆ นี้. พระพุทธองค์ก็ได้ทรงพูดไว้ตั้ง2600กว่าปีมาแล้ว “___หายใจออกก็ฮู้ หายใจเข้าก็รู้ เมื่อหายใจออกยาว ก็ฮู้ว่าหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็ฮู้ว่าหายใจเข้ายาว ____” เป็นต้น การ “ฮู้ซื่อๆ”นี้ เป็นเพียงการฝึกสติเพื่อให้ได้สมาธิเท่านั้น ส่วนปัญญานั้นต้องอาศัยการพิจารณา ดังใน”โสดาปัตติยังคธรรม4” คือ 1) สัปปุริสสังเสวะ 2) สัทธัมมัสสวนะ 3) โยนิโสมนสิการ 4) ธัมมานุธัมมปฏิปฏิ.
    ถ้าไม่มี “โยนิโสมนสิการ” ปัญญาย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ การบรรลุธรรมย่อมไม่มี

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ความโลภทำให้เกิดวิริยะก็ได้ นั่งเล่นไพ่ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ต้องกินก็ยังได้. ฉะนั้นแล้ว เมื่อพูดถึงความเพียร ต้องเป็นความเพียรที่เป็นเครื่องเผากิเลส และเป็นความเพียรที่เป็น สัมมาวายามะ

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ความเห็นที่2). คำว่า ฮู้ซื่อๆ กับคำว่า รู้สักว่ารู้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่ท่านพาหิยะนั้น ความหมายห่างไกลกัน84000โยชน์. จะอธิบายก็ยาวเกิน และไม่มีผู้สนใจ จึงขอเว้นไว้

  • @สมศักดิ์พงษ์แก้ว-ย5ห

    ขอสันติสุขจงมีกับทุกท่านครับ สบายใจดีครับ อยากให้นำวิชาปรัชญามาร่วมเสวนาปรัชญากับการเมืองไทยนิรันดร์ บนการสำแดงจริงครับ ขอพลังบรืสุทธิ์ได้เกิดร่วมกันครับ

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ความเห็นที่4) ขอถามว่า ถ้าไม่ใช้ความคิดในการอ่านพระธรรม แล้วจะเกิดความสัทธาได้อย่างไร?
    เป็นเพราะเราใช้ความคิดในการอ่าน เราจึงไม่สัทธาในคำสอนของศาสนาอื่นๆ

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ความเห็นที่5) สรุปก็คือว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอาศัยความคิด เมื่อคิดถึง 🖐 ก็รู้มือ ไม่ได้รู้เท้า คิดถึงหัวก็รู้หัว ไม่ได้ไปรู้ท้อง
    ฉะนั้นแล้ว คำพูดที่ว่า “รู้มือโดยไม่ต้องคิด” จึงเป็นคำพูดที่ผิด เมื่ออ่าน”หฤทัยสูตร”โดยไม่คิดพิจารณาตาม ก็จะไม่รู้ว่า ที่อ่านนั้นอ่านอะไร แล้วจะเกิดความซาบซึ้งในรสของพระสูตรนี้ได้อย่างไร? หลักการของพระพุทธศาสนาของพวกเรานั้น คือ ต้องพิจารณาโดยถี่ถ้วนทุกแง่ทุกมุมแล้วจึงเชื่อ เพราะเป็นศาสนาแห่งปัญญาสำหรับผู้มีปัญญา คำพูดที่ว่า ศัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา จึงถูกต้องแล้ว. ศาสนาอื่นที่มีพระเจ้าเป็นผู้สร้าง สาวกของศาสนานั้น ก็มีศัทธาพละเหมือนกัน แต่ไม่มีปัญญา ไม่รู้จักถามว่า แล้วพระเจ้ามาจากไหน? ถ้าพระเจ้าเกิดขึ้นเองได้ ตัวเราก็เกิดขึ้นเองได้เช่นกัน เป็นต้น

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    เพราะรู้ธรรมนั้น จึงเรียกว่า”ญาณ” กว่าจะเป็น”ญาณ”ได้ ก็ต้องอาศัยความคิดพิจารณาธรรมนั้นอย่างชนิดเอาเป็นเอาตาย ขอยกตัวอย่าง “ธัมมัฏฐิติญาณ” ปัญญาในการกำหนดปัจจัยว่า อวิชชาเป็นที่ตั้งแห่งความเกิดขึ้น ความเป็นไป นิมิต กรรม ความประกอบไว้ ความพัวพัน สมุทัย เหตุ และปัจจัยของสังขารทั้งหลาย ด้วยอาการ ๙ อย่างนี้ อวิชชาจึงเป็นปัจจัย สังขารเกิดขึ้นเพราะปัจจัย แม้อวิชชาและสังขารต่างก็เกิดขึ้นเพราะปัจจัย. นี้แสดงให้เห็นเห็นว่า ยากแค่ไหน ผ่านความคิดพิจารณามากเพียงใดกว่าจะได้”ญาณ”ขั้นต้น. ฉะนั้นคำพูดที่ว่า ไม่ต้องอาศัยความคิด จึง ผิดอย่างมหันต์

  • @ผู้ยังศึกษาเรื่องทุกข์

    ความเห็นที่3). อริยสัจ4 ต้องอาศัยความคิดพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ทุกข์นั้นต้องกำหนดรู้ อะไรเป็นทุกข์ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มาเปิดเผย พวกเราจะรู้หรือว่า อุปทานขันธ์5เป็นตัวทุกข์. เมื่อเราได้ฟังคำสอนมา เราก็ต้องพยายามคิดพิจารณาให้เห็นทุกข์. ถ้าเห็นทุกข์แล้ว ก็ย่อมจะกลัว แล้วหาทางให้พ้นทุกข์. ในโลกนี้ ปัจจุบันมีสักกี่คนที่กำลังปฏิบัติให้พ้นทุกข์? คำพูดที่ว่า ทุกข์รู้ได้โดยไม่ต้องคิดนี้จึงผิด แม้ว่าคิดว่ารู้แล้ว ความจริงไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริง รู้เพราะฟังมาเท่านั้นเอง. อริยสัจที่เหลืออีก3 ก็เป็นอย่างนี้