THECLIP รีวิว Toyota Majesty ถึงไม่นุ่มเท่า Alphard แต่หรูเข้าท่าในราคาแทบหารสอง!

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2020
  • แรกเริ่มเดิมทีผมแทบไม่อยากขับรถคันนี้เลย เพราะถึงแม้ตัวผมจะ 5XL แต่ผมเกลียดการขับรถใหญ่ แล้วคุณหมูก็ยื่นกุญแจเจ้า Majesty นี้ให้ แล้วให้เริ่มขับจากในตัวเมืองที่การจราจรแออัด อยากจะร้องไห้น้ำตาเป็นโค้กมาก แต่ก็ต้องกล้ำกลืน ไม่กล้าบอกน้องว่ารถแบบนี้พี่ขับแล้วประสาทจะกิน
    แต่เมื่อลองขับไปได้เพียงไม่ถึง 5 กิโลเมตร ผมกลับรู้สึกเริ่มคุ้นชินกับมันอย่างประหลาด วิธีการวางแนวล้อหน้าที่ยื่นมาข้างหน้าคนขับอาจจะช่วยให้ได้ความรู้สึกที่เหมือนขับรถ MPV หรูตัวโตมากกว่าที่จะเป็นรถตู้ HiACE ตาหวานที่ผมเคยแอบขโมยเพื่อนขับสมัยวัยรุ่น น้ำหนักพวงมาลัยเบา อัตราเร่งและการตอบสนองของเครื่องยนต์เวลาขับในเมืองถือว่าดีมากเมื่อมองว่ารถใหญ่บ้านบึ้มขนาดนี้ แต่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาดความจุแค่ 2.8 ลิตร ผมขับมันไปหลายที่ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกล้าขับรถใหญ่เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยวกลับรถที่วงเลี้ยวรัศมีแคบกว่า E-Class ตัวถังที่กะระยะได้ง่าย ล้วนช่วยให้ผมขับเรือสำราญเดินสมุทรลำนี้ได้ประหนึ่งเรือประจัญบานขนาดไม่ใหญ่
    เรื่องการโดยสาร ผมยกนิ้วโป้งให้กับความสบายของเบาะ และพื้นที่ภายในที่ไม่มีใครใหญ่ไปกว่านี้แล้ว (ถ้าคุณไม่นับ Commuter) ช่วงล่างก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำมาได้นุ่มนวลกว่าที่คาด ผมลองนั่งเบาะเจ้านายแล้วให้คุณหมูเป็นโชเฟอร์ ความสบายที่รู้สึกได้นั้น มากกว่า Hyundai H-1 แต่ยังไม่นุ่มเป็นเก๋งแบบ Alphard หรือ Kia Grand Carnival ผมรู้สึกโอเคเวลารถมันวิ่งไปในแบบที่คนขับรถตู้ส่วนมากขับกัน สบายจนแอบหลับไปเลย แต่เมื่อถนนเริ่มแย่ ความสะเทือนในสไตล์รถตู้พาณิชย์ก็ยังคงเหลืออยู่ แต่อยู่ในระดับที่คนส่วนมากรับได้
    อย่างไรก็ตาม บนถนนบางแบบที่มีระนาบซ้าย/ขวาไม่เท่ากัน ตัวรถจะโยนซ้ายขวามากกว่ารถของคู่แข่งแบบรู้สึกได้ และถ้าคุณเป็นรถตู้ตีนผี ใช้ความเร็วเกิน 120 บ่อยๆ อาจจะรู้สึกว่าช่วงล่างมีอาการร่อนๆ ยิ่งช่วงเกิน 150 เป็นต้นไป ความนิ่งและแน่นเทียบไม่ได้กับ H-1 ซึ่งดูเหมือนถูกจูนช่วงล่างมาให้รับใช้ตู้ซิ่งตีนผีอย่างจงใจ การเก็บเสียงใน Majesty ก็ยังไม่ได้ดีแบบรถตู้ Luxury ขนานแท้ วิ่งแค่ 100 กม./ชม. ผมก็ต้องเริ่มตะเบ็งเสียงเพื่อคุยกับคนขับแล้ว และเสียงลมก็ดังทั้งหน้าและหลัง..ซึ่งคงเลี่ยงได้ยากเพราะทรงของรถนั้นต้านลม
    แต่ท้ายที่สุด เมื่อลองนับนิ้วคำนวณดูว่าสิ่งที่ได้มา กับราคาที่จ่าย 2.199 ล้านบาท ผมกลับมีความรู้สึกว่ารถคันนี้คุ้มค่าเงินที่จ่ายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคุณใช้มันทำในสิ่งที่มันเกิดมาเพื่อทำ นั่นก็คือ การพาคนในครอบครัวจำนวนมากเดินทางไปด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน มีสารถีช่วยขับให้ คุณได้อุปกรณ์ครบ ได้บรรยากาศน้องๆ Alphard สิ่งที่ต้องไปทำเพิ่มคือจอสำหรับคนเบาะหลังดูหนังสักหน่อย แค่นั้นก็พอแล้ว อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่มีสารถี ต้องขับรถเอง และต้องใช้เป็นรถคันเดียวในบ้าน ทำหลายสิ่งอย่าง หรือต้องแบ่งรถกันใช้กับภรรยา ผมจะแนะนำ Kia Grand Carnival มากกว่า
    ++++++++++++
    ติดตามอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ www.headlightma...
    หรือ Facebook ที่เพจ / headlightmag

ความคิดเห็น •