ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
มาฟังธรรมไม่ใช่มาสวดมนต์ พระพุทธเจ้าแสดงธรรมตลอดคืน ตามพระไตรปิฎกดังนี้เรื่องการฟังธรรม พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภการฟังธรรม ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ" เป็นต้น.ดังได้สดับมา พวกมนุษย์ผู้อยู่ถนนสายเดียวกันในกรุงสาวัตถี เป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ถวายทานโดยรวมกันเป็นคณะแล้ว ก็ให้ทำการฟังธรรมตลอดคืนยังรุ่ง แต่ไม่อาจฟังธรรมตลอดคืนยังรุ่งได้ บางพวกเป็นผู้อาศัยความยินดีในกามก็กลับไปเรือนเสียก่อน บางพวกเป็นผู้อาศัยโทสะไปแล้ว แต่บางพวกง่วงงุนเต็มทีนั่งสัปหงกอยู่ในที่นั้นนั่นเองไม่อาจจะฟังได้ ในวันรุ่งขึ้น พวกภิกษุยังถ้อยคำให้ตั้งขึ้นในโรงธรรม เจาะจงถึงเรื่องนั้น พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ" เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า "ด้วยเรื่องชื่อนี้" จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาสัตว์เหล่านี้ อาศัยภพแล้วเลยข้องอยู่ในภพนั่นเอง โดยดาษดื่น ชนิดผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า."บรรดามนุษย์ ชนผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย ฝ่ายประชานอกนี้เลาะไปตามตลิ่งอย่างเดียว ก็ชนเหล่าใดแล ประพฤติสมควรแก่ธรรมในธรรมที่เรากล่าวชอบแล้ว ชนเหล่านั้นล่วงบ่วงมารที่ข้ามได้ยากอย่างเอกแล้ว จึงถึงฝั่ง".พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้า 357
@@paderm จะให้ไปฟังธรรมที่ไหน พระภิกษุรูปใดเป็นผู้แสดงธรรม
คนปัจจุบันหาเวลาไปปฏิบัติธรรมยาก การไปสวดมนต์ข้ามปีก็น่าจะถือว่าเป็นการไปฝึกจิตฝึกความอดทนในช่วงเทศกาลสำคัญย่อมเกิดผลที่ดีกว่าย่อมเกิดเป็นบุญกุศลมากกว่า แทนที่จะไปดื่มฉลอง
สวดมนต์ข้ามปีก็ดีกว่าไปกินเหล้า ?เพราะไม่รู้ว่าสวดด้วยความไม่รู้ อยากได้มงคลชีวิต คือ กิเลส คือความอยกา ความอยากไม่ดี และเมื่อไม่ได้ศึกษาพระะรรม จึงเข้าใจผิดคิดว่า สวดแล้วจะได้สิ่งดีกับชีวิต ลืมเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการอ้อนวอนขอ ความเห็นผิด พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าอันตรายกว่าธรรมอื่น เป็นกิเลสที่อันตราย ดังนั้น หากกล่าวตรงตามจริง ความเห็นผิดที่กระทำอยู่นั้นที่เข้าใจผิด เป็นอันตรายกว่าอบายมุขอย่างอื่น แต่ต้องเข้าใจให้ถูกว่าในคลิปไม่เคยสนับสนุนบอกให้ไปทำอกุศลอย่างอื่น แต่กลับบอกให้ทำประเพณีที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ แทนที่จะสวด ก็ฟังพระธรรมด้วยภาษาตนที่ฟังเข้าใจเกิดปัญญา ละกิเลส นี่คือสิ่งที่แนะนำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเองครับ ขออนุโมทนาดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด)นี้เลย ดูก่อนภิกษทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป.
ไม่ได้เสียหายอะไร แม้ไม่มีมาก่อน แต่เป็นไปเพื่อกุศล ไม่มีอกุศลเลย
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์..ผเดิม..สาธุสาธุสาธุธรรมด้วยค่ะ
ธรรมนี้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก กราบอนุโมทนาสาธุๆค่ะ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
ตนเขาอยากสวด สวดแล้วสบายใจ โปร่งใส ดี
ถ้าสวดแล้วสบายใจเป็นบุญ ? คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องบุญเข้าใจผิดว่าบุญเป็นความสบายใจเป็นความสุข แท้ที่จริงแล้วความสุขเป็นความรู้สึกเป็นเวทนา ความรู้สึกสุขสบายใจเกิดกับกิเลสก็ได้ เช่น เกิดกับโลภะ ขณะดูหนังฟังเพลงออกกำลังกาย มีความสุข ดูหนังฟังพลงออกกำลังกายเป็นบุญไหม ไม่เป็นครับเพราะ เป็นโลภะ เป็นกิเลส แต่มีความรู้สึกสุขเกิดร่วมด้วยได้ ดังนั้น สุขสบายใจ จึงไม่ใช่ตัววัดว่าเป็นบุญ บุญเป็นสภาพธรรมที่สงบจากกิเลส แต่ความรู้สึกสุขเกิดขณะที่เป็นบุญได้ และเกิดในขณะที่เป็นกิเลสได้ด้วย ครับบุญ หมายถึง ธรรมที่ชำระล้างจิตใจแต่สิ่งที่ตรงข้ามกับบุญ คือ กิเลส มี โลภะ ความติดข้อง โทสะ ความขุ่นใจ และ โมหะ ความไม่รู้ เป็นต้น ขณะใดที่อยากได้ผล อานิสงส์ในการสวด เป็นความต้องการ เป็นโลภะ ขณะใดที่สวดพูดคำไม่รู้จักแปลเป็นภาษาไทย แต่ก็ไม่เข้าใจคำนั้น หรือ เข้าใจคำนั้นผิด ก็เป็นความไม่รู้ เป็นโมหะแต่ บุญ คือ ขณะที่ไม่มีกิเลส ไม่มีโลภะ ไม่มีโมหะ ขณะให้ทาน ขณะรักษาศีล ขณะเข้าใจถูก ขณะที่อ่านแล้วเข้าใจถูก มีปัญญา ไม่มีโมหะ จึงเป็นบุญที่ประเสริฐขออนุโมทนา
ปุญญวิปากสูตร [๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุขดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมรู้ชัดซึ่งผลแห่งบุญอันน่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน เราเจริญเมตตาจิตตลอด ๗ ปีครั้นแล้ว เราไม่ได้กลับมายังโลกนี้ตลอด ๗สังวัฏฏวิวัฏฏกัป
ศาสนาพุทธเป็น ศาสนาของปัญญา ศีล สมาธิ ปัญญาสวดมนต์ข้ามปี พาคนร่วมกันทำความดี ระหว่างสวดมนต์ก็ต้องมีศิล สวดด้วยใจเจอก็ได้สมาธิ เมื่อมีสมาธิยอมได้ปัญญาฟังธรรมไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ก็ไม่ได้ปัญญาอย่ามาสอนขัดขว้างคนทำความดีเลย ทำความดีแม้แต่น้อยก็ยังดีกว่าทำความชั่วผิด ศีล
ขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพครับ ขออนุโมทนาครับ
โมทนาบุญการแสดงธรรม ครับ
ผมว่าใครจะสวดก็ไม่ผิดนะ ไม่ใช่ค้านไปเสียหมด
กราบ อนุโมทนา ค่ะ ❤🙏
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ🙏
กราบสาธุค่ะอาจารย์🙏🙏
ชัดเจนคับ ดีสุดๆ
เขาเข้าวัดสวดมนต์จะข้ามปีหรือไม่ข้ามปีบทสวดมนต์ในวันพระก็ล้วนแต่เป็นสิ่งดีทั้งนั้นเพราะคนที่เข้าวัดไปสวดมนต์ถือศีลภาวนาย่อมได้บุญทั้งหมดเชื่อเรื่องบุญหรือเปล่าเชื่อเรื่องบาปหรือเปล่าคนที่สอนคนให้ไม่เข้าวัดสวดมนต์น่าจะเป็นเปรตมากกว่า
ไม่มีพุทธวจนบทใดที่พระพุทธเจ้าให้สวดปฏิจจสมุปบาท จึงเป็นคำกล่าวแต่งใหม่อธิบายพุทธวจนผิดอ้างสาธยาย(สัชฌายะ)ผิดแต่ไม่ใช่สาธยายจึงหลงสวดปฏิจจสมุปบาทและธรรมจักรแบบปัจจุบันที่ทำผิดไม่ใช่สาธยายเพราะอ่านคำพุทธวจน แล้วแปลความหมายผิด จึงเข้าใจคำว่า สาธยายผิด นี่คือโทษของการไม่ฟังอรรถกถาอธิบาย แต่ก็เป็นการอธิบายคิดเองเข้าใจผิดในคำว่า สาธยาย ครับ สาธยายต้องเข้าใจว่าเป็นภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของคนสมัยนั้นครับ ที่ฟังรู้เรื่อง และมาสาธยายเพื่อพิจารณาเกิดปัญญาเพราะเข้าใจถูกจึงสาธยาย แต่คนสมัยนี้ เอามาสาธยายท่องบ่นเป็นคำบาลี ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง เพราะฉะนั้น การสาธยายเพื่อความเข้าใจถูก และผู้ที่กล่าวสาธยายมีความเข้าใจถูก ไม่ใช่ไม่รู้อะไร มาสาธยายบทสวดต่างๆท่องจำ นั่นไม่ใช่การสาธยายในพระพุทธศาสนา ครับ แทนที่จะฟังว่าปฏิจสสมุปบาทคืออะไร อวิชชาไม่รู้อะไร ให้เกิดปัญญาแต่มาท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง ก็ฟังให้เข้าใจในสิ่งนั้น พิจารณาใคร่ครวญโดยไม่ใช่การสวดท่องจำ ดังนั้นจึงหลงลืมสับสนระหว่าง สัญญา กับ ปัญญา ว่าสัญญาจำ ไม่ใช่ปัญญานั่นเอง ดังนั้นถามคนที่สวดท่องปฏิจจสมุปบาทว่า และสวดท่องธรรมจักรว่า ขณะนี้เห็นมีอวิชชาไหมและมีอวิชชาอย่างไร จะแสดงว่าคำถามนี้ผู้ที่ท่องมีปัญญาเข้าใจหรือจำ ครับ เรียนถาม ขออนุโมทนา
อนุโมทนาค่ะ
สวดไม่เดือดร้อนใคร ไม่เบียดเบียนใครก็สวดได้ ?แม้ตอนนี้อยู่เฉยๆก็ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่กิเลสเกิดขึ้นในใจแล้วแต่ไม่รู้ เห็นแล้วไม่รู้อะไร โมหะเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่ามีกิเลส จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกเบียดเบียนด้วยกิเลสในใจของตนเองเกือบทุกขณะ นี่คือพระปัญญาที่พระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงของกิเลส โลภะเกิดขึ้นเมื่อใด ทำร้ายตนเองแล้ว เพราะไม่เข้าใจจึงสวด ครับ เพราะผู้ที่เข้าใจพระธรรม ย่อมระลึกถึงพระคุณโดยไม่ต้องสวด ดังนั้นเข้าใจผิดว่าสวดตอนไหนก็ได้บุญ นกแก้วนกขุนทอง ก็ท่องคำสวดได้ ครับ เด็กไม่ศึกษาธรรม ก็สวดได้ครับที่มีความจำดี สัญญา จึงไม่ใช่ปัญญา ครับ สัญญาจำ เกิดกับอกุศลได้ และคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สิริมงคล จิตที่ดี ที่ไม่ใช่ความเข้าใจผิดที่คิดว่าสวดเป็นสิริมงคล เป็นมงคลเพราะเข้าใจถูก สวดไม่รู้อะไร แปลแต่ไม่เข้าใจ เป็นความไม่รู้ ไม่ใช่สิริมงคลแต่เพิ่ม อัปมงคล และ แม้คำว่า แม้เพราะเหตุนี้ แปลมาแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจคำนี้ แม้เพราะเหตุนี้คืออะไร ก็เป็นการท่องจำ สัญญาจำ ที่ไม่รู้อะไรนั่นเองครับ ดังนั้น สำคัญที่ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจถูกต้อง ครับ เหตให้เกิดปัญญา คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจในภาษาที่เข้าใจ ไม่ใช่ไปสวดคำที่แปลแล้ว แต่ไม่เข้าใจคำนั้นตามคำพระพุทธเจ้าครับ ขออนุโมทนากิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในใจ เดือดร้อนแล้ว แม้อยู่เฉยๆไม่เบียดเบียนใครปุริสสูตร [๓๒๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามแห่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมกี่อย่างเมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย. [๓๒๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่าง เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน ธรรม ๓ อย่าง คือ ๑. โลภะ ๒. โทสะ ๓. โมหะดูก่อนมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่างนี้แล เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย. [๓๓๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า โลภะ โทสะ และโมหะ ที่เกิดขึ้นในตนย่อมฆ่าบุคคลผู้ใจบาป เหมือนขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น.
ยิ่งอวดรู้ เที่ยวชี้มือสั่งคนนั้น ไม่ต้องทำอย่างนี้ คนนี้จะต้องทำอย่างนั้น นั่นแหละคือการสร้างบาป สร้างกิเลสให้เกิดในใจตน ชีวิตเขา เขาเลือกเอง เขากำหนดเอง ไม่จำเป็นต้องมีใครชี้นิ้วสั่งครับ....
เฮ้อ อะไรเนี่ย คนที่ยังกิเลส ยังละทิ้ง ไม่ได้ขนาดนั้น
อนุโมทนา
ผมเป็นสายสวดมนต์ ชอบไปสวดมนต์ข้ามปีด้วย ท่านอาจารย์เผดิมไม่น่าออกมาพูดแบบนี้เลย ในฐานะที่ผมเป็นคนสวดมนต์และติดตามอาจารย์เผดิม รู้สึกผิดหวังมากครับ ห้ามไม่ให้คนสวดมนต์ซะอย่างนั้น ไปขวางทางบุญของเขา อยากให้อาจารย์เผดิมพูดเรื่องพระปีนเสาร์ เขากำลังจะฟ้องอาจารย์เผดิมอยู่นะครับ
ปฏิบัติมากๆ ก็ใช่ว่าจะหลงไม่ได้ อวิชชามันละเอียดซับซ้อน บังดวงตาเห็นธรรมจริงๆ หลงไปยึดว่าเรานั้นรู้ เรานั้นเหนือมีปัญญามากกว่าคนอื่น สุดท้ายความเมตตานั้นหายไป เพราะหลงไปแบ่งแยกเราเขา ยึดแต่สิ่งที่เราเชื่อและเข้าใจคนอื่นน้อยลง
❤สาธุค่ะ เคยท่องทุกอย่าง จน จำได้ครบและ จำไว้สดับคู่สาย ในสายเกิด และสายดับแต่ไม่ได้ท่องจำ แบบ ทุกวันค่ะ )จึงเข้าใจคำว่า ( พระพุทธ เจ้า ไม่ได้ให้ท่อง ค่ะ) เป็นการชี้มุม ให้ทำความ เข้าใจ จึงเข้าใจได้ค่ะอนุโมทนาสาธุ ๆๆ❤❤❤
สาธุครับ
ต่างคนต่างจิตใจต่างความคิด ไม่สามารถชี้นิ้วให้คนทั้งหมดทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงเวลาที่เขาพร้อมเขาก็ประพฤติ,ปฏิบัติเองเขา
ถูกต้องต้องตรับ...ลูกคนละพ่อ คนละแม่ ไม่ใช่ญาติข้างเคียง ไม่จำเป็นต้องมาชี้นิ้วสั่งใครเขา ต่างคน ต่างความคิด ไม่จำเป็นต้องไปชี้นิ้วสั่งใครเขา ทำตัวเองให้ดีพอก็พอแล้ว.....
ฟังยังไงว่าเขามาชี้นิ้วสั่งให้ทำต้องเชื่อเขา ที่เขามาพูดกล่าว เผื่อใครได้ยินได้ฟัง สะสมเหตุปัจจัยมา ก็เข้าใจได้ ไม่ได้มาพูดสั่งชี้นิ้วให้ใคร ทำตาม ฟังยังไง คนอื่น เขาฟังเข้าใจมี
🙏🙏🙏
💖🙏🙏🙏💖
ก๊ไม่ได้ผิดอะไรถ้าจะสวด
อาจารย์ค่ะเคยไปฟังอยู่ ช่วงหลังปีแล้วฟังพระสวดมนต์อยู่บ้าน เท่านั้นค่ะ
ถามว่าท่านอาจารย์...สำเร็จ..ถึงขั้นไหน.หรือถึงโสดา....รึยัง..ผมจะไปกราบท่าน...
พูดได้แต่ใช่จะละง่าย
พระเดี่ยวนี้ไม่แสดงธรรม ฉันข้าวสวดรับซองกลับ วัดมีงานก็สวดอย่างเดียวไม่ให้ปัญญาแก่ญาติโยม
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ กล่าวความถูกต้องของพระพุทธศาสนา ที่ถูกต้อง สิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ใครฟัง เข้าใจ น้อมรับคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ประเสริฐอย่างยิ่ง ประโยชน์อย่างยิ่ง เจ้าค่ะ สาธุสาธุเจ้าค่ะ
มีบุญที่ได้ฟัง กราบสาธุ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
พระสุตรบอกหน้าด้วยจะไดตรวจคับ
🍀🍀🍀🙏🙏🙏
ผมก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง แต่ไม่(คิดจะ)ไปสวดมนต์ข้ามปี.
สวดมนต์ข้ามปีเป็นพิธีกรรมที่สร้างขึ้นมาไม่นานมานี้ตอนที่ต้องการสวดมนต์อ้อนวอนเทพเจ้าให้ช่วยดลบันดาลให้คนสำคัญหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย สถาบันสงฆ์เลยยึดพิธีกรรมนี้ให้ประชาชนทำเพื่อจงรักภักดี แต่พิธีกรรมนี้เป็นแค่กุศโลบาย ที่ไม่ใช่คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์
เคยมีคนบอกมั๊ยว่า สวดมนต์แล้วเป็นบาป. ต้องฆ่าคนถึงจะได้บุญ....คำถามเล็กๆครับ....
โอ๊ย...งั้นคนสมัยพุทธกาลก็ไปนิพพานกันหมดแล้ว บรื้อออิ
เราสวดเพื่อระลึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ส่วนการละกิเลสเราก็ทำควบคู่กันไปผมไม่อยากไห้ผู้รู้ทั้งหลายไปเหมารวม
นั่นคือการถอนอุปปาทานใช่ใหมครับ
ปิ่นชี้ความสว่างค่ะ
จะสวดหรือภาวนา ขอให้รู้ความหมายในสิ่งที่ทำ รู้แล้วลงมือทำ ทำแล้วยังทุกข์ไหม ถ้าทำแล้วยังทุกข์อยู่ก็ไม่ต้องทำ
สวดก็ไม่เห็นจักเป็นอะไร เพรอะกฏของเดอะลอแอทแทรคชั่นมันยังมีเมนี่เฟสเล้ยมันก็ได้วายเรชั่นบวกไง
ครูบาฯผู้รู้ กล่าวไว้ว่า "สอนคน อย่าให้ผิดแม้เพียงองศาเดียว"
ปี ก็สิ่งสมมุติ ปีไทย ปีจีน ปีแขก ปีฝรั่ง ต่างก็สมมุติ กันไป ไม่ได้ตรงกัน ตรงวัน
บ้าบออะไรกันน้อมนุษย์
ทรมานตัวเองเปล่าๆครับ พระพุทธเจ้าทรงไม่เคยสอนไว้
ประเพณีคืออะไร? ศาสนาคืออะไร? มันคนละเรื่องกัน พระพุทธเจ้าเป็นคนไทยรึป่าว ?พระพุทธเจ้าใช้ภาษาอะไร? พุทธบริษัทควรสวดมนต์ภาษาอะไร ? สวดภาษาไทยพระพุทธเจ้า.. งง
สวดปีละครั้งหนักกบาลใคร
การสวดมนต์ไหว้พระส่วนตัวผมคิดว่าเป็นมงคลทุกเมื่อใครจะคิดอย่างไรก็ตามอยู่ที่ตัวเราคิดดีทำดีมีสุข
สวดแล้วจิตใจสงบอิ่มใจก็ไม่เห็นมีใครบอกว่าผิด
ใช่ครับ....ไม่ได้เบียดเบียนใครสักหน่อย. พอใจทำ เต็มใจทำ ทำแล้วมีความสุขในใจ และที่สำคัญ ไม่เคยเห็นว่า ทำให้บ้านใครไฟไหม้เพราะสวดมนต์ นะ ......เขาพอใจทำ พอใจปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้นิ้วสั่งครับ....ความสุข ความพอใจของเขา เป็นใครจะมาชี้นิ้วสั่งเขา...คิดแค่นั้นพอครับ ....
แต่ถ้าเรานึกถึงคููณพระพุทธเจ้าไม่ดีเหรอ
ทำไมเพิ่งออกมาพูดตอนนี้ตั้งนานไม่พูด
ท่านเผยแพร่มาตั้ง 3 ปีแล้ว มากกว่านั้นหรือเปล่าเราไม่รู้เราจำได้ว่า 3 ปี เธอโผล่มาพูดแบบนี้ เธอไปอยู่ที่ไหนมา
คลิปท่านออกมา 15 วัน 7 วันตลอด 3 ปี เราก็ฟังทุกคลิป
เกาะกระแส โล้น กระโถนแดง. ครับ. ผมร่วมงาน แทบทุกปี. สวดแล้วมีความสุขในใจ สวดแล้วไม่ได้เบียดเบียนใคร เป็นความพอใจของผู้ประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า สวดมนต์แล้ว ทำให้บ้านใครไฟไหม้สักหน่อย คนทำเขาพอใจทำ เต็มใจทำ. ทำแล้วมีความสุขไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้มือสั่งครับ.....
@@pl5047อ๋อ ก็ตามเหตุตามปัจจัย ก็กรรมใครกรรมมัน ก็ไม่ได้ว่าอะไรใครเลย แล้วเข้ามาว่าเขาทำไม เราก็แค่บอกให้รู้เท่านั้น อาจารย์ ท่านก็ ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาคำขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตามความเป็นจริง ตามพระไตรปิฎกที่ท่านศึกษามา จะเชื่อที่ไหน ใครจะไปว่าอะไรใคร ก็ตามเหตุตามปัจจัย ใครสะสมมาอย่างไร ก็มีผิดกับถูก 2 อย่าง เท่านั้น
ทำดีไม่มีข้อห้ามทำได้ค่ะสวดได้ไม่ไม่สวดก็ได้ไม่ผิดทั้งนั้นมันไม่มีในพระไตรปิฎกก็ไม่ใช่เรื่องผิดทำได้ค่ะ
สวดมนต์ก็ทำให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่านผมสวดทุกวันทำให้จิตใจสงบพยายามถือศีล5ให้ได้ใช้ชีวิตไม่ประมาทคิดดีพูดดีทำดีก็ทำให้จิตใจดีแล้วครับ
ต้องไปฉลองดื่มเหล้าถึงจะได้บุญ😅😅😅😅
มาฟังธรรมไม่ใช่มาสวดมนต์ พระพุทธเจ้าแสดงธรรมตลอดคืน ตามพระไตรปิฎกดังนี้
เรื่องการฟังธรรม
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภการฟังธรรม ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ" เป็นต้น.ดังได้สดับมา พวกมนุษย์ผู้อยู่ถนนสายเดียวกันในกรุงสาวัตถี เป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ถวายทานโดยรวมกันเป็นคณะแล้ว ก็ให้ทำการฟังธรรมตลอดคืนยังรุ่ง แต่ไม่อาจฟังธรรมตลอดคืนยังรุ่งได้ บางพวกเป็นผู้อาศัยความยินดีในกามก็กลับไปเรือนเสียก่อน บางพวกเป็นผู้อาศัยโทสะไปแล้ว แต่บางพวกง่วงงุนเต็มทีนั่งสัปหงกอยู่ในที่นั้นนั่นเองไม่อาจจะฟังได้ ในวันรุ่งขึ้น พวกภิกษุยังถ้อยคำให้ตั้งขึ้นในโรงธรรม เจาะจงถึงเรื่องนั้น พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ" เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า "ด้วยเรื่องชื่อนี้" จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาสัตว์เหล่านี้ อาศัยภพแล้วเลยข้องอยู่ในภพนั่นเอง โดยดาษดื่น ชนิดผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า.
"บรรดามนุษย์ ชนผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย ฝ่ายประชานอกนี้เลาะไปตามตลิ่งอย่างเดียว ก็ชนเหล่าใดแล ประพฤติสมควรแก่ธรรมในธรรมที่เรากล่าวชอบแล้ว ชนเหล่านั้นล่วงบ่วงมารที่ข้ามได้ยากอย่างเอกแล้ว จึงถึงฝั่ง".
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้า 357
@@paderm จะให้ไปฟังธรรมที่ไหน พระภิกษุรูปใดเป็นผู้แสดงธรรม
คนปัจจุบันหาเวลาไปปฏิบัติธรรมยาก การไปสวดมนต์ข้ามปีก็น่าจะถือว่าเป็นการไปฝึกจิตฝึกความอดทนในช่วงเทศกาลสำคัญย่อมเกิดผลที่ดีกว่าย่อมเกิดเป็นบุญกุศลมากกว่า แทนที่จะไปดื่มฉลอง
สวดมนต์ข้ามปีก็ดีกว่าไปกินเหล้า ?
เพราะไม่รู้ว่าสวดด้วยความไม่รู้ อยากได้มงคลชีวิต คือ กิเลส คือความอยกา ความอยากไม่ดี และเมื่อไม่ได้ศึกษาพระะรรม จึงเข้าใจผิดคิดว่า สวดแล้วจะได้สิ่งดีกับชีวิต ลืมเรื่องกรรมและผลของกรรม เป็นการอ้อนวอนขอ ความเห็นผิด พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าอันตรายกว่าธรรมอื่น เป็นกิเลสที่อันตราย ดังนั้น หากกล่าวตรงตามจริง ความเห็นผิดที่กระทำอยู่นั้นที่เข้าใจผิด เป็นอันตรายกว่าอบายมุขอย่างอื่น แต่ต้องเข้าใจให้ถูกว่าในคลิปไม่เคยสนับสนุนบอกให้ไปทำอกุศลอย่างอื่น แต่กลับบอกให้ทำประเพณีที่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง คือ แทนที่จะสวด ก็ฟังพระธรรมด้วยภาษาตนที่ฟังเข้าใจเกิดปัญญา ละกิเลส นี่คือสิ่งที่แนะนำให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องนั่นเองครับ ขออนุโมทนา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด)นี้เลย ดูก่อนภิกษทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป.
ไม่ได้เสียหายอะไร แม้ไม่มีมาก่อน แต่เป็นไปเพื่อกุศล ไม่มีอกุศลเลย
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะท่านอาจารย์..ผเดิม..สาธุสาธุสาธุธรรมด้วยค่ะ
ธรรมนี้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งนัก กราบอนุโมทนาสาธุๆค่ะ
🙏🙏🙏 กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่ดีงามค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
ตนเขาอยากสวด สวดแล้วสบายใจ โปร่งใส ดี
ถ้าสวดแล้วสบายใจเป็นบุญ ? คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องบุญ
เข้าใจผิดว่าบุญเป็นความสบายใจเป็นความสุข แท้ที่จริงแล้วความสุขเป็นความรู้สึกเป็นเวทนา ความรู้สึกสุขสบายใจเกิดกับกิเลสก็ได้ เช่น เกิดกับโลภะ ขณะดูหนังฟังเพลงออกกำลังกาย มีความสุข ดูหนังฟังพลงออกกำลังกายเป็นบุญไหม ไม่เป็นครับเพราะ เป็นโลภะ เป็นกิเลส แต่มีความรู้สึกสุขเกิดร่วมด้วยได้ ดังนั้น สุขสบายใจ จึงไม่ใช่ตัววัดว่าเป็นบุญ บุญเป็นสภาพธรรมที่สงบจากกิเลส แต่ความรู้สึกสุขเกิดขณะที่เป็นบุญได้ และเกิดในขณะที่เป็นกิเลสได้ด้วย ครับ
บุญ หมายถึง ธรรมที่ชำระล้างจิตใจแต่สิ่งที่ตรงข้ามกับบุญ คือ กิเลส มี โลภะ ความติดข้อง โทสะ ความขุ่นใจ และ โมหะ ความไม่รู้ เป็นต้น ขณะใดที่อยากได้ผล อานิสงส์ในการสวด เป็นความต้องการ เป็นโลภะ ขณะใดที่สวดพูดคำไม่รู้จักแปลเป็นภาษาไทย แต่ก็ไม่เข้าใจคำนั้น หรือ เข้าใจคำนั้นผิด ก็เป็นความไม่รู้ เป็นโมหะ
แต่ บุญ คือ ขณะที่ไม่มีกิเลส ไม่มีโลภะ ไม่มีโมหะ ขณะให้ทาน ขณะรักษาศีล ขณะเข้าใจถูก ขณะที่อ่านแล้วเข้าใจถูก มีปัญญา ไม่มีโมหะ จึงเป็นบุญที่ประเสริฐ
ขออนุโมทนา
ปุญญวิปากสูตร
[๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุข
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมรู้ชัดซึ่งผลแห่งบุญอันน่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้ว
ตลอดกาลนาน เราเจริญเมตตาจิตตลอด ๗ ปีครั้นแล้ว เราไม่ได้กลับมายังโลกนี้ตลอด ๗
สังวัฏฏวิวัฏฏกัป
ศาสนาพุทธเป็น ศาสนาของปัญญา
ศีล สมาธิ ปัญญา
สวดมนต์ข้ามปี พาคนร่วมกันทำความดี ระหว่างสวดมนต์ก็ต้องมีศิล สวดด้วยใจเจอก็ได้สมาธิ เมื่อมีสมาธิยอมได้ปัญญา
ฟังธรรมไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ก็ไม่ได้ปัญญา
อย่ามาสอนขัดขว้างคนทำความดีเลย ทำความดีแม้แต่น้อยก็ยังดีกว่าทำความชั่วผิด ศีล
ขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพครับ ขออนุโมทนาครับ
โมทนาบุญการแสดงธรรม ครับ
ผมว่าใครจะสวดก็ไม่ผิดนะ ไม่ใช่ค้านไปเสียหมด
กราบ อนุโมทนา ค่ะ ❤🙏
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ🙏
กราบสาธุค่ะอาจารย์🙏🙏
ชัดเจนคับ ดีสุดๆ
เขาเข้าวัดสวดมนต์จะข้ามปีหรือไม่ข้ามปีบทสวดมนต์ในวันพระก็ล้วนแต่เป็นสิ่งดีทั้งนั้นเพราะคนที่เข้าวัดไปสวดมนต์ถือศีลภาวนาย่อมได้บุญทั้งหมดเชื่อเรื่องบุญหรือเปล่าเชื่อเรื่องบาปหรือเปล่าคนที่สอนคนให้ไม่เข้าวัดสวดมนต์น่าจะเป็นเปรตมากกว่า
ไม่มีพุทธวจนบทใดที่พระพุทธเจ้าให้สวดปฏิจจสมุปบาท จึงเป็นคำกล่าวแต่งใหม่อธิบายพุทธวจนผิด
อ้างสาธยาย(สัชฌายะ)ผิดแต่ไม่ใช่สาธยายจึงหลงสวดปฏิจจสมุปบาทและธรรมจักรแบบปัจจุบันที่ทำผิดไม่ใช่สาธยายเพราะอ่านคำพุทธวจน แล้วแปลความหมายผิด จึงเข้าใจคำว่า สาธยายผิด นี่คือโทษของการไม่ฟังอรรถกถาอธิบาย แต่ก็เป็นการอธิบายคิดเองเข้าใจผิดในคำว่า สาธยาย ครับ
สาธยายต้องเข้าใจว่าเป็นภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของคนสมัยนั้นครับ ที่ฟังรู้เรื่อง และมาสาธยายเพื่อพิจารณาเกิดปัญญาเพราะเข้าใจถูกจึงสาธยาย แต่คนสมัยนี้ เอามาสาธยายท่องบ่นเป็นคำบาลี ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง เพราะฉะนั้น การสาธยายเพื่อความเข้าใจถูก และผู้ที่กล่าวสาธยายมีความเข้าใจถูก ไม่ใช่ไม่รู้อะไร มาสาธยายบทสวดต่างๆท่องจำ นั่นไม่ใช่การสาธยายในพระพุทธศาสนา ครับ แทนที่จะฟังว่าปฏิจสสมุปบาทคืออะไร อวิชชาไม่รู้อะไร ให้เกิดปัญญาแต่มาท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง ก็ฟังให้เข้าใจในสิ่งนั้น พิจารณาใคร่ครวญโดยไม่ใช่การสวดท่องจำ ดังนั้นจึงหลงลืมสับสนระหว่าง สัญญา กับ ปัญญา ว่าสัญญาจำ ไม่ใช่ปัญญานั่นเอง ดังนั้นถามคนที่สวดท่องปฏิจจสมุปบาทว่า และสวดท่องธรรมจักรว่า ขณะนี้เห็นมีอวิชชาไหมและมีอวิชชาอย่างไร จะแสดงว่าคำถามนี้ผู้ที่ท่องมีปัญญาเข้าใจหรือจำ ครับ เรียนถาม ขออนุโมทนา
อนุโมทนาค่ะ
สวดไม่เดือดร้อนใคร ไม่เบียดเบียนใครก็สวดได้ ?
แม้ตอนนี้อยู่เฉยๆก็ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่กิเลสเกิดขึ้นในใจแล้วแต่ไม่รู้ เห็นแล้วไม่รู้อะไร โมหะเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่ามีกิเลส จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกเบียดเบียนด้วยกิเลสในใจของตนเองเกือบทุกขณะ นี่คือพระปัญญาที่พระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงของกิเลส โลภะเกิดขึ้นเมื่อใด ทำร้ายตนเองแล้ว เพราะไม่เข้าใจจึงสวด ครับ เพราะผู้ที่เข้าใจพระธรรม ย่อมระลึกถึงพระคุณโดยไม่ต้องสวด ดังนั้นเข้าใจผิดว่าสวดตอนไหนก็ได้บุญ นกแก้วนกขุนทอง ก็ท่องคำสวดได้ ครับ เด็กไม่ศึกษาธรรม ก็สวดได้ครับที่มีความจำดี สัญญา จึงไม่ใช่ปัญญา ครับ สัญญาจำ เกิดกับอกุศลได้ และคำพระพุทธเจ้า ไม่ใช่สิริมงคล จิตที่ดี ที่ไม่ใช่ความเข้าใจผิดที่คิดว่าสวดเป็นสิริมงคล เป็นมงคลเพราะเข้าใจถูก สวดไม่รู้อะไร แปลแต่ไม่เข้าใจ เป็นความไม่รู้ ไม่ใช่สิริมงคลแต่เพิ่ม อัปมงคล และ แม้คำว่า แม้เพราะเหตุนี้ แปลมาแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจคำนี้ แม้เพราะเหตุนี้คืออะไร ก็เป็นการท่องจำ สัญญาจำ ที่ไม่รู้อะไรนั่นเองครับ ดังนั้น สำคัญที่ต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจถูกต้อง ครับ เหตให้เกิดปัญญา คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจในภาษาที่เข้าใจ ไม่ใช่ไปสวดคำที่แปลแล้ว แต่ไม่เข้าใจคำนั้นตามคำพระพุทธเจ้าครับ ขออนุโมทนา
กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในใจ เดือดร้อนแล้ว แม้อยู่เฉยๆไม่เบียดเบียนใคร
ปุริสสูตร
[๓๒๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามแห่งท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมกี่อย่างเมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย. [๓๒๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่าง เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุรุษ ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน ธรรม ๓ อย่าง คือ
๑. โลภะ
๒. โทสะ
๓. โมหะ
ดูก่อนมหาบพิตร ธรรม ๓ อย่างนี้แล เมื่อบังเกิดขึ้นในภายในของบุคคล ย่อมบังเกิดขึ้นเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อความทุกข์ เพื่อความอยู่ไม่สบาย.
[๓๓๐] พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้พระสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณ์คำร้อยแก้วนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาคำร้อยกรองต่อไปอีกว่า
โลภะ โทสะ และโมหะ ที่เกิดขึ้นในตนย่อมฆ่าบุคคลผู้ใจบาป เหมือนขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ ฉะนั้น.
ยิ่งอวดรู้ เที่ยวชี้มือสั่งคนนั้น ไม่ต้องทำอย่างนี้ คนนี้จะต้องทำอย่างนั้น นั่นแหละคือการสร้างบาป สร้างกิเลสให้เกิดในใจตน ชีวิตเขา เขาเลือกเอง เขากำหนดเอง ไม่จำเป็นต้องมีใครชี้นิ้วสั่งครับ....
เฮ้อ อะไรเนี่ย คนที่ยังกิเลส ยังละทิ้ง ไม่ได้ขนาดนั้น
อนุโมทนา
ผมเป็นสายสวดมนต์ ชอบไปสวดมนต์ข้ามปีด้วย ท่านอาจารย์เผดิมไม่น่าออกมาพูดแบบนี้เลย ในฐานะที่ผมเป็นคนสวดมนต์และติดตามอาจารย์เผดิม รู้สึกผิดหวังมากครับ ห้ามไม่ให้คนสวดมนต์ซะอย่างนั้น ไปขวางทางบุญของเขา อยากให้อาจารย์เผดิมพูดเรื่องพระปีนเสาร์ เขากำลังจะฟ้องอาจารย์เผดิมอยู่นะครับ
ปฏิบัติมากๆ ก็ใช่ว่าจะหลงไม่ได้ อวิชชามันละเอียดซับซ้อน บังดวงตาเห็นธรรมจริงๆ หลงไปยึดว่าเรานั้นรู้ เรานั้นเหนือมีปัญญามากกว่าคนอื่น สุดท้ายความเมตตานั้นหายไป เพราะหลงไปแบ่งแยกเราเขา ยึดแต่สิ่งที่เราเชื่อและเข้าใจคนอื่นน้อยลง
❤สาธุค่ะ เคยท่องทุกอย่าง จน จำได้ครบ
และ จำไว้สดับคู่สาย ในสายเกิด และสายดับ
แต่ไม่ได้ท่องจำ แบบ ทุกวันค่ะ )จึงเข้าใจคำว่า ( พระพุทธ เจ้า ไม่ได้ให้ท่อง ค่ะ) เป็นการชี้มุม ให้ทำความ เข้าใจ จึงเข้าใจได้ค่ะ
อนุโมทนาสาธุ ๆๆ❤❤❤
สาธุครับ
ต่างคนต่างจิตใจต่างความคิด ไม่สามารถชี้นิ้วให้คนทั้งหมดทำอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงเวลาที่เขาพร้อมเขาก็ประพฤติ,ปฏิบัติเองเขา
ถูกต้องต้องตรับ...ลูกคนละพ่อ คนละแม่ ไม่ใช่ญาติข้างเคียง ไม่จำเป็นต้องมาชี้นิ้วสั่งใครเขา ต่างคน ต่างความคิด ไม่จำเป็นต้องไปชี้นิ้วสั่งใครเขา ทำตัวเองให้ดีพอก็พอแล้ว.....
ฟังยังไงว่าเขามาชี้นิ้วสั่งให้ทำต้องเชื่อเขา ที่เขามาพูดกล่าว เผื่อใครได้ยินได้ฟัง สะสมเหตุปัจจัยมา ก็เข้าใจได้ ไม่ได้มาพูดสั่งชี้นิ้วให้ใคร ทำตาม ฟังยังไง คนอื่น เขาฟังเข้าใจมี
🙏🙏🙏
💖🙏🙏🙏💖
ก๊ไม่ได้ผิดอะไรถ้าจะสวด
อาจารย์ค่ะเคยไปฟังอยู่ ช่วงหลังปีแล้วฟังพระสวดมนต์อยู่บ้าน เท่านั้นค่ะ
ถามว่าท่านอาจารย์...สำเร็จ..ถึงขั้นไหน.หรือถึงโสดา....รึยัง..ผมจะไปกราบท่าน...
พูดได้แต่ใช่จะละง่าย
พระเดี่ยวนี้ไม่แสดงธรรม ฉันข้าวสวดรับซองกลับ วัดมีงานก็สวดอย่างเดียวไม่ให้ปัญญาแก่ญาติโยม
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง ในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์ กล่าวความถูกต้องของพระพุทธศาสนา ที่ถูกต้อง สิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ใครฟัง เข้าใจ น้อมรับคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ประเสริฐอย่างยิ่ง ประโยชน์อย่างยิ่ง เจ้าค่ะ สาธุสาธุเจ้าค่ะ
มีบุญที่ได้ฟัง กราบสาธุ🙏🏻🙏🏻🙏🏻
พระสุตรบอกหน้าด้วยจะไดตรวจคับ
🍀🍀🍀🙏🙏🙏
ผมก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง แต่ไม่(คิดจะ)ไปสวดมนต์ข้ามปี.
สวดมนต์ข้ามปีเป็นพิธีกรรมที่สร้างขึ้นมาไม่นานมานี้ตอนที่ต้องการสวดมนต์อ้อนวอนเทพเจ้าให้ช่วยดลบันดาลให้คนสำคัญหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย สถาบันสงฆ์เลยยึดพิธีกรรมนี้ให้ประชาชนทำเพื่อจงรักภักดี แต่พิธีกรรมนี้เป็นแค่กุศโลบาย ที่ไม่ใช่คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์
เคยมีคนบอกมั๊ยว่า สวดมนต์แล้วเป็นบาป. ต้องฆ่าคนถึงจะได้บุญ....คำถามเล็กๆครับ....
โอ๊ย...งั้นคนสมัยพุทธกาลก็ไปนิพพานกันหมดแล้ว บรื้อออิ
เราสวดเพื่อระลึกถึงคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ส่วนการละกิเลสเราก็ทำควบคู่กันไปผมไม่อยากไห้ผู้รู้ทั้งหลายไปเหมารวม
นั่นคือการถอนอุปปาทานใช่ใหมครับ
ปิ่นชี้ความสว่างค่ะ
จะสวดหรือภาวนา ขอให้รู้ความหมายในสิ่งที่ทำ
รู้แล้วลงมือทำ ทำแล้วยังทุกข์ไหม ถ้าทำแล้วยังทุกข์อยู่ก็ไม่ต้องทำ
สวดก็ไม่เห็นจักเป็นอะไร เพรอะกฏของเดอะลอแอทแทรคชั่นมันยังมีเมนี่เฟสเล้ยมันก็ได้วายเรชั่นบวกไง
ครูบาฯผู้รู้ กล่าวไว้ว่า "สอนคน อย่าให้ผิดแม้เพียงองศาเดียว"
ปี ก็สิ่งสมมุติ ปีไทย ปีจีน ปีแขก ปีฝรั่ง ต่างก็สมมุติ กันไป ไม่ได้ตรงกัน ตรงวัน
บ้าบออะไรกันน้อมนุษย์
ทรมานตัวเองเปล่าๆครับ พระพุทธเจ้าทรงไม่เคยสอนไว้
ประเพณีคืออะไร? ศาสนาคืออะไร? มันคนละเรื่องกัน พระพุทธเจ้าเป็นคนไทยรึป่าว ?พระพุทธเจ้าใช้ภาษาอะไร? พุทธบริษัทควรสวดมนต์ภาษาอะไร ? สวดภาษาไทยพระพุทธเจ้า.. งง
สวดปีละครั้ง
หนักกบาลใคร
🙏🙏🙏
การสวดมนต์ไหว้พระส่วนตัวผมคิดว่าเป็นมงคลทุกเมื่อใครจะคิดอย่างไรก็ตามอยู่ที่ตัวเราคิดดีทำดีมีสุข
สวดแล้วจิตใจสงบอิ่มใจก็ไม่เห็นมีใครบอกว่าผิด
ใช่ครับ....ไม่ได้เบียดเบียนใครสักหน่อย. พอใจทำ เต็มใจทำ ทำแล้วมีความสุขในใจ และที่สำคัญ ไม่เคยเห็นว่า ทำให้บ้านใครไฟไหม้เพราะสวดมนต์ นะ ......เขาพอใจทำ พอใจปฏิบัติ
ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้นิ้วสั่งครับ....
ความสุข ความพอใจของเขา เป็นใครจะมาชี้นิ้วสั่งเขา...คิดแค่นั้นพอครับ ....
🙏🙏🙏
แต่ถ้าเรานึกถึงคููณพระพุทธเจ้าไม่ดีเหรอ
ทำไมเพิ่งออกมาพูดตอนนี้ตั้งนานไม่พูด
ท่านเผยแพร่มาตั้ง 3 ปีแล้ว มากกว่านั้นหรือเปล่าเราไม่รู้เราจำได้ว่า 3 ปี เธอโผล่มาพูดแบบนี้ เธอไปอยู่ที่ไหนมา
คลิปท่านออกมา 15 วัน 7 วันตลอด 3 ปี เราก็ฟังทุกคลิป
เกาะกระแส โล้น กระโถนแดง. ครับ. ผมร่วมงาน แทบทุกปี. สวดแล้วมีความสุขในใจ สวดแล้วไม่ได้เบียดเบียนใคร เป็นความพอใจของผู้ประพฤติปฏิบัติ ไม่ใช่ว่า สวดมนต์แล้ว ทำให้บ้านใครไฟไหม้สักหน่อย คนทำเขาพอใจทำ เต็มใจทำ. ทำแล้วมีความสุข
ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้มือสั่งครับ.....
@@pl5047อ๋อ ก็ตามเหตุตามปัจจัย ก็กรรมใครกรรมมัน ก็ไม่ได้ว่าอะไรใครเลย แล้วเข้ามาว่าเขาทำไม เราก็แค่บอกให้รู้เท่านั้น อาจารย์ ท่านก็ ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาคำขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตามความเป็นจริง ตามพระไตรปิฎกที่ท่านศึกษามา จะเชื่อที่ไหน ใครจะไปว่าอะไรใคร ก็ตามเหตุตามปัจจัย ใครสะสมมาอย่างไร ก็มีผิดกับถูก 2 อย่าง เท่านั้น
ทำดีไม่มีข้อห้ามทำได้ค่ะสวดได้ไม่ไม่สวดก็ได้ไม่ผิดทั้งนั้นมันไม่มีในพระไตรปิฎกก็ไม่ใช่เรื่องผิดทำได้ค่ะ
สวดมนต์ก็ทำให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่านผมสวดทุกวันทำให้จิตใจสงบพยายามถือศีล5ให้ได้ใช้ชีวิตไม่ประมาทคิดดีพูดดีทำดีก็ทำให้จิตใจดีแล้วครับ
ต้องไปฉลองดื่มเหล้าถึงจะได้บุญ😅😅😅😅