ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
กราบนมัสการครับ🙏
น้อมกราบสาธุในธรรมเจ้าคะ
น้อมกราบหลวงพ่อ อนุโมทนา สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ขอกราบนมัสการค่ะหลวงพ่อ
สาธุๆๆครับหลวงพ่อ
น้อมกราบสาธุ✨️เจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุคะ
กราบสาธุครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ต่อไปจะสวดทำวัตรเช้าพร้อมกับระลึกตามความหมายไปพร้อมๆ😊กัน
ได้ฝังแล้ว แจ่มแจ้งค่ะ หลวงพ่อ
สาธุๆๆ
สาธุๆๆๆค่ะ หลวงพ่อ
🙏🙏🙏
❤ รู้สิ่งใด หมายเอาไว้ / ก็จะถูกบันทึกเป็นความจำ❤ รู้สมมุติ แล้วติดไปกับสมมุติ / จิตมีรูปนามสมมุติ , มีตัณหาสามเป็นองค์ประกอบ / จึงเรียกวิญญาณ หรือจิตเจตสิก หรือจิตสังขาร หรือจิตมีอวิชชา หรือสังขตะธรรม / จิตประเภทนี้เกิดๆดับๆ , / ถูกบันทึกซ้อนๆกันไว้ในสัญญา กลายเป็นภพชาติคือต้องเกิดในโลกียะภูมิ
"จิต" ก็ไม่เที่ยง จิตก็เป็นทุกข์ จิตก็เป็นอนัตตา ครับ เพราะจิตนั่นก็คือ วิญญาณขันธ์ (จิต,มโม,วิญญาณ คือสิ่งเดียวกัน) ครับ สัญญา คือความจำได้หมายรู้ แต่จะไปรู้เรื่องอนาคต ไม่ได้ เรื่องที่ยังมาไม่ถึง (ยังไม่ได้ผัสสะ) จะไปจำได้อย่างไรละ ครับ
❤ รูป คือสิ่งที่เห็น ที่ทราบได้ด้วยตาเนื้อ ตาทิพย์ไม่เที่ยง เช่นกายหยาบ , กายทิพย์ , กายละเอียด , วิมานของผู้ที่อยู่ในโลกทิพย์ ล้วนไม่เที่ยง
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ผมทำสมถะไม่ได้ ต้องใช้วิธีการอย่างไรในการเจริญปัญญาครับ
ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ ท่านรู้สึกเข้าไปที่ใจโดยไม่มีควาคิดนึกได้ไหม ถ้ารู้สึกได้ มันไม่มีอะไร มันนิ่งและเฉยอยู่ใช่ไหมครับ ท่านทำอย่างนี้บ่อยๆ เสมอๆ ทั้งขณะทำงานหรือฟังธรรมอยู่ก็ทำไปด้วย อย่างนี้คือเจริญสติที่ตรงลงที่จิต อยู่ในหลักสติปัฏฐานสี่ เป็นวิปัสสนาและสมถะไปในตัว เมื่อเหตุเพียงพอผลคือญาณเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์ห้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวสังขาร สติมันเห็นไม่ใช่เราคิดเอาเห็นเอา คำว่าปัจจัตตังจะเกิดขึ้นแก่ใจท่าน แต่อย่าคาดหวังไว้ก่อน ทำเหตุ ผลมาเองปัญญาที่ท่านต้องการนั้นเป็นความเข้าใจเมื่อสติเห็นการทำงานของสัญญาและสังขารแล้วคลายความยึดมั่นลงนั่นเอง
สาธุ สาธุ สาธุ
กราบนมัสการครับ🙏
น้อมกราบสาธุในธรรมเจ้าคะ
น้อมกราบหลวงพ่อ อนุโมทนา สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ
ขอกราบนมัสการค่ะหลวงพ่อ
สาธุๆๆครับหลวงพ่อ
น้อมกราบสาธุ✨️เจ้าค่ะ
น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ
กราบสาธุคะ
กราบสาธุครับ
สาธุ สาธุ สาธุ ต่อไปจะสวดทำวัตรเช้าพร้อมกับระลึกตามความหมายไปพร้อมๆ😊กัน
ได้ฝังแล้ว แจ่มแจ้งค่ะ หลวงพ่อ
สาธุๆๆ
สาธุๆๆๆค่ะ หลวงพ่อ
🙏🙏🙏
❤ รู้สิ่งใด หมายเอาไว้ / ก็จะถูกบันทึกเป็นความจำ
❤ รู้สมมุติ แล้วติดไปกับสมมุติ / จิตมีรูปนามสมมุติ , มีตัณหาสามเป็นองค์ประกอบ / จึงเรียกวิญญาณ หรือจิตเจตสิก หรือจิตสังขาร หรือจิตมีอวิชชา หรือสังขตะธรรม / จิตประเภทนี้เกิดๆดับๆ , / ถูกบันทึกซ้อนๆกันไว้ในสัญญา กลายเป็นภพชาติคือต้องเกิดในโลกียะภูมิ
"จิต" ก็ไม่เที่ยง จิตก็เป็นทุกข์ จิตก็เป็นอนัตตา ครับ เพราะจิตนั่นก็คือ วิญญาณขันธ์ (จิต,มโม,วิญญาณ คือสิ่งเดียวกัน) ครับ
สัญญา คือความจำได้หมายรู้ แต่จะไปรู้เรื่องอนาคต ไม่ได้ เรื่องที่ยังมาไม่ถึง (ยังไม่ได้ผัสสะ) จะไปจำได้อย่างไรละ ครับ
❤ รูป คือสิ่งที่เห็น ที่ทราบได้ด้วยตาเนื้อ ตาทิพย์ไม่เที่ยง เช่นกายหยาบ , กายทิพย์ , กายละเอียด , วิมานของผู้ที่อยู่ในโลกทิพย์ ล้วนไม่เที่ยง
กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ผมทำสมถะไม่ได้ ต้องใช้วิธีการอย่างไรในการเจริญปัญญาครับ
ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ ท่านรู้สึกเข้าไปที่ใจโดยไม่มีควาคิดนึกได้ไหม ถ้ารู้สึกได้ มันไม่มีอะไร มันนิ่งและเฉยอยู่ใช่ไหมครับ ท่านทำอย่างนี้บ่อยๆ เสมอๆ ทั้งขณะทำงานหรือฟังธรรมอยู่ก็ทำไปด้วย อย่างนี้คือเจริญสติที่ตรงลงที่จิต อยู่ในหลักสติปัฏฐานสี่ เป็นวิปัสสนาและสมถะไปในตัว เมื่อเหตุเพียงพอผลคือญาณเห็นไตรลักษณ์ของขันธ์ห้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวสังขาร สติมันเห็นไม่ใช่เราคิดเอาเห็นเอา คำว่าปัจจัตตังจะเกิดขึ้นแก่ใจท่าน แต่อย่าคาดหวังไว้ก่อน ทำเหตุ ผลมาเอง
ปัญญาที่ท่านต้องการนั้นเป็นความเข้าใจเมื่อสติเห็นการทำงานของสัญญาและสังขารแล้วคลายความยึดมั่นลงนั่นเอง
สาธุ สาธุ สาธุ