บทสวดมนต์ พาหุงฯ มหากา พุทธชัยมงคลคาถา
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2024
- สวดโดย พระทรงวุฒิ ถิรจิตโต
Thai Monks Pali Chanting
ภาพวาดพระพุทธเจ้า โดย กฤษณะ สุริยกานต์
พุทธชัยมงคลคาถา หรือมักเรียกว่า คาถาพาหุง ตามบาทแรกของพระคาถา เป็นชื่อพระคาถาในพระพุทธศาสนา มีความยาวแปดบท ใช้สวดสรรเสริญชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ประการ
๑. ชนะมาร ด้วยบารมี
ทรงเอาชนะพญามารพร้อมทั้งเสนามาร ที่มาผจญเพื่อขัดขวางไม่ให้พระองค์ตรัสรู้ ด้วยทานบารมีที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติและได้กรวดน้ำไว้ในแผ่นดิน แม่พระธรณีมาเป็นพยานในทานบารมีนั้น ได้บีบน้ำออกจากมวยผมซึ่งมากมายมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมกองทัพเสนามาร จนกระทั่งพญามารยอมแพ้
๒. ชนะยักษ์ยักษ์อาฬวก ด้วยขันติธรรม
ยักษ์ตนหนึ่งชื่ออาฬวกะ มีนิสัยดุร้ายและมีฤทธิ์มาก บีบบังคับพระเจ้าอาฬวีให้ส่งคนไปเป็นอาหารวันละคน เมื่อหาคนส่งไปไม่ได้พระเจ้าอาฬวีได้ส่งพระโอรสของพระองค์ไป พระพุทธเจ้าทรงทราบ จึงเสด็จไปปราบด้วยขันติธรรม ทำให้ยักษ์เลิกทำปาณาติบาต และช่วยเหลือพระราชกุมารไว้ได้
๓. ชนะผญาช้างนาฬาคีรี สัตว์ดุร้าย ด้วยเมตตา
ครั้งหนึ่งพระเทวทัตคิดจะปรงพระชนม์พระพุทธเจ้าเพื่อขึ้นเป็นใหญ่แทน จึงจ้างให้คนมอมเหล้าช้างนาฬาคีรีซึ่งเป็นช้างที่ดุร้าย ตัวใหญ่และกำลังตกมัน แล้วปล่อยให้ช้างวิ่งมาหมายที่จะขย้ำพระพุทธองค์ให้ตาย แต่เมื่อพระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาจิตเข้าไปดับไฟแห่งโทสะในใจของช้าง ทำให้ช้างสร่างเมาได้สติกลายเป็นสัตว์อ่อนโยน เข้ากราบแทบเท้าพระองค์
๔. ชนะโจรองคุลิมาล ด้วยฤทธิ์
สมัยหนึ่งมีมหาโจรคนหนึ่ง ฆ่าคนแล้วตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นพวงมาลัยห้วยคอเขาฆ่าคนไปถึง ๙๙๙ คน อีกคนเดียวจะครบ ๑,๐๐๐ ตามกำหนด คนสุดท้ายที่จะฆ่าคือแม่ของเขา พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงเสด็จไปปรากฏตัวให้เห็น วางอุบายให้มหาโจรนั้นวิ่งตามจนเหนื่อยล้าและมีจิตอ่อนโยนลง จึงทรงแสดงธรรมโปรดให้ได้สติกลับเป็นคนดีและออกบวช
๕. ชนะนางจิญจมาณวิกา คนใส่ร้าย ด้วยสันติ
สมัยหนึ่งนางกิญจมาณวิกา สาวกพวกเดียรถีย์ได้ผูกท่อนไม้ไว้ที่ท้อง แล้วกล่าวต่อหน้าพุทธบริษัทว่าพระพุทธเจ้าทำตนท้องแล้วไม่รับผิดชอบ พระพุทธองค์ตรัสด้วยความสงบนิ่งว่า "ความจริงเป็นเช่นไร เจ้ากับเราเท่านั้นที่รู้ดี" นางได้ยินดังนั้นก็แสร้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำให้ไม้ที่ผูกไว้หลุดหล่นลงพื้น ประชาชนเมื่อรู้ความจริงก็พากันลากตัวนางออกไปจากวัด พอพ้นประตูวัดนางก็ถูกแผ่นดินสูบไปเกิดในนรกอเวจี
๖. ชนะสัจจนิครนถ์ คนมักอวด ด้วยปัญญา
สมัยหนึ่งมีนักบวชนอกศาสนา ชื่อสัจจกนิครนถ์เป็นนักโต้วาทีที่มีฝีปากกล้า โต้กับใครไม่เคยแพ้ วันหนึ่งมาาขอโต้วาทะกับพระพุทธเจ้า เขาได้กล่าวหักล้างคำสอนของพระพุทธองค์ที่สอนว่าสรรพสิ่งเป็นอนัตตานั้นผิด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ทำกรรมและผู้รับกรรมก็จะไม่มี พระพุทธองค์ย้อนถามว่าถ้าตัวตนนี้เป็นของเรานั้นไซร้ เราสามารถบังคับให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายได้ไหม ทำให้สัจจกนิครนถ์จนมุมและพ่ายแพ้กลับไป
๗. ชนะพญานาคนันโทปนันทะ ด้วยฤทธิ์ของพุทธสาวก
สมัยหนึ่ง มีนาคชื่อนันโทปนันทะ กำลังดื่มเหล้าเคล้านารีอยู่ เห็นพระพุทธเจ้าเหาะมากับเหล่าสาวก ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจว่าพระพุทธเจ้ากับเหล่าสาวกเอาธุลีที่เท้ามาโปรยใส่หัวตน จึงแปลงกายเป็นนาคใหญ่พันกายรอบเขาสิเนรุ แผ่พังพานขวางทางไม่ให้เสด็จไป พระพุทธองค์ทรงส่งพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นเลิศด้านแสดงฤทธิ์ไปปราบ จนนาคยอมแพ้ขอขมาและหลีกทางให้โดยดี
๘. ชนะพกะพรหมผู้หลงผิด ด้วยปัญญารู้แจ้งและแสดงให้เห็นจริง
สมัยหนึ่ง พกพรหมเสวยสุขมานาน ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดเกิดแก่ร่างกายและทิพย์สมบัติของตน จึงคิดว่า "คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า สรรพสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่สงสัยจะผิด เพราะผ่านมาตั้งหลายหมื่นปีตัวเราและทิพยสมบัติของเราก็ยังคงเดิม" พระพุทธองค์ทรงทราบถึงความคิดของพวกพรหมเช่นนั้นจึงเสด็จไปโปรด และทรงชี้แจงให้เห็นความจริง ว่าไม่มีสิ่งใดหลุดพ้นจากกฎไตรลักษณ์ไปได้รวมถึงตัวพกพรหมเองก็เช่นเดียวกัน ทำให้พกพรหมยอมรับและขอถึงพระองค์เป็นสรณะตลอดไป.
"พระพุทธมนต์..วัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ บทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา
เพื่อเทิดทูนเคารพบูชา คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า {ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แสงสว่าง บนผืนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง} เพื่อเป็นอานิสงส์เป็นประโยชน์แก่พุทธมามกะ พุทธบริษัทชาวพุทธสืบต่อไปฯ
..ทั้งนี้ทางช่อง ต้องขอขอบพระคุณ ผู้ที่มีส่วนสร้างผลงานภาพ สำหรับนำมาประกอบวีดีโอ ตลอดทั้งผู้มีส่วนทุกท่าน ไว้เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย
"จัดทำเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน..ไม่มีการจำหน่าย หรือ มีค่าตอบแทนใดๆ"
[จัดตั้งช่องธรรมะโดย พระทรงวุฒิ ถิรจิตโต]
พุทธชัยมงคลคาถา หรือมักเรียกว่า คาถาพาหุง ตามบาทแรกของพระคาถา เป็นชื่อพระคาถาในพระพุทธศาสนา มีความยาวแปดบท ใช้สวดสรรเสริญชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ประการ
๑. ชนะมาร ด้วยบารมี
ทรงเอาชนะพญามารพร้อมทั้งเสนามาร ที่มาผจญเพื่อขัดขวางไม่ให้พระองค์ตรัสรู้ ด้วยทานบารมีที่สั่งสมมาตั้งแต่อดีตชาติและได้กรวดน้ำไว้ในแผ่นดิน แม่พระธรณีมาเป็นพยานในทานบารมีนั้น ได้บีบน้ำออกจากมวยผมซึ่งมากมายมหาศาลไหลบ่าเข้าท่วมกองทัพเสนามาร จนกระทั่งพญามารยอมแพ้
๒. ชนะยักษ์ยักษ์อาฬวก ด้วยขันติธรรม
ยักษ์ตนหนึ่งชื่ออาฬวกะ มีนิสัยดุร้ายและมีฤทธิ์มาก บีบบังคับพระเจ้าอาฬวีให้ส่งคนไปเป็นอาหารวันละคน เมื่อหาคนส่งไปไม่ได้พระเจ้าอาฬวีได้ส่งพระโอรสของพระองค์ไป พระพุทธเจ้าทรงทราบ จึงเสด็จไปปราบด้วยขันติธรรม ทำให้ยักษ์เลิกทำปาณาติบาต และช่วยเหลือพระราชกุมารไว้ได้
๓. ชนะผญาช้างนาฬาคีรี สัตว์ดุร้าย ด้วยเมตตา
ครั้งหนึ่งพระเทวทัตคิดจะปรงพระชนม์พระพุทธเจ้าเพื่อขึ้นเป็นใหญ่แทน จึงจ้างให้คนมอมเหล้าช้างนาฬาคีรีซึ่งเป็นช้างที่ดุร้าย ตัวใหญ่และกำลังตกมัน แล้วปล่อยให้ช้างวิ่งมาหมายที่จะขย้ำพระพุทธองค์ให้ตาย แต่เมื่อพระพุทธองค์ทรงแผ่เมตตาจิตเข้าไปดับไฟแห่งโทสะในใจของช้าง ทำให้ช้างสร่างเมาได้สติกลายเป็นสัตว์อ่อนโยน เข้ากราบแทบเท้าพระองค์
๔. ชนะโจรองคุลิมาล ด้วยฤทธิ์
สมัยหนึ่งมีมหาโจรคนหนึ่ง ฆ่าคนแล้วตัดนิ้วมือมาร้อยเป็นพวงมาลัยห้วยคอเขาฆ่าคนไปถึง ๙๙๙ คน อีกคนเดียวจะครบ ๑,๐๐๐ ตามกำหนด คนสุดท้ายที่จะฆ่าคือแม่ของเขา พระพุทธเจ้าทรงทราบจึงเสด็จไปปรากฏตัวให้เห็น วางอุบายให้มหาโจรนั้นวิ่งตามจนเหนื่อยล้าและมีจิตอ่อนโยนลง จึงทรงแสดงธรรมโปรดให้ได้สติกลับเป็นคนดีและออกบวช
๕. ชนะนางจิญจมาณวิกา คนใส่ร้าย ด้วยสันติ
สมัยหนึ่งนางกิญจมาณวิกา สาวกพวกเดียรถีย์ได้ผูกท่อนไม้ไว้ที่ท้อง แล้วกล่าวต่อหน้าพุทธบริษัทว่าพระพุทธเจ้าทำตนท้องแล้วไม่รับผิดชอบ พระพุทธองค์ตรัสด้วยความสงบนิ่งว่า "ความจริงเป็นเช่นไร เจ้ากับเราเท่านั้นที่รู้ดี" นางได้ยินดังนั้นก็แสร้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำให้ไม้ที่ผูกไว้หลุดหล่นลงพื้น ประชาชนเมื่อรู้ความจริงก็พากันลากตัวนางออกไปจากวัด พอพ้นประตูวัดนางก็ถูกแผ่นดินสูบไปเกิดในนรกอเวจี
๖. ชนะสัจจนิครนถ์ คนมักอวด ด้วยปัญญา
สมัยหนึ่งมีนักบวชนอกศาสนา ชื่อสัจจกนิครนถ์เป็นนักโต้วาทีที่มีฝีปากกล้า โต้กับใครไม่เคยแพ้ วันหนึ่งมาาขอโต้วาทะกับพระพุทธเจ้า เขาได้กล่าวหักล้างคำสอนของพระพุทธองค์ที่สอนว่าสรรพสิ่งเป็นอนัตตานั้นผิด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ทำกรรมและผู้รับกรรมก็จะไม่มี พระพุทธองค์ย้อนถามว่าถ้าตัวตนนี้เป็นของเรานั้นไซร้ เราสามารถบังคับให้ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายได้ไหม ทำให้สัจจกนิครนถ์จนมุมและพ่ายแพ้กลับไป
๗. ชนะพญานาคนันโทปนันทะ ด้วยฤทธิ์ของพุทธสาวก
สมัยหนึ่ง มีนาคชื่อนันโทปนันทะ กำลังดื่มเหล้าเคล้านารีอยู่ เห็นพระพุทธเจ้าเหาะมากับเหล่าสาวก ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจว่าพระพุทธเจ้ากับเหล่าสาวกเอาธุลีที่เท้ามาโปรยใส่หัวตน จึงแปลงกายเป็นนาคใหญ่พันกายรอบเขาสิเนรุ แผ่พังพานขวางทางไม่ให้เสด็จไป พระพุทธองค์ทรงส่งพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นเลิศด้านแสดงฤทธิ์ไปปราบ จนนาคยอมแพ้ขอขมาและหลีกทางให้โดยดี
๘. ชนะพกะพรหมผู้หลงผิด ด้วยปัญญารู้แจ้งและแสดงให้เห็นจริง
สมัยหนึ่ง พกพรหมเสวยสุขมานาน ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดเกิดแก่ร่างกายและทิพย์สมบัติของตน จึงคิดว่า "คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า สรรพสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่สงสัยจะผิด เพราะผ่านมาตั้งหลายหมื่นปีตัวเราและทิพยสมบัติของเราก็ยังคงเดิม" พระพุทธองค์ทรงทราบถึงความคิดของพวกพรหมเช่นนั้นจึงเสด็จไปโปรด และทรงชี้แจงให้เห็นความจริง ว่าไม่มีสิ่งใดหลุดพ้นจากกฎไตรลักษณ์ไปได้รวมถึงตัวพกพรหมเองก็เช่นเดียวกัน ทำให้พกพรหมยอมรับและขอถึงพระองค์เป็นสรณะตลอดไป.
กราบสาธุ สาธุ สาธุค่ะ 🙏🙏🙏