ทำอย่างไรให้มี R&D Mindset ในตัวเอง กับ สวทช. | The Secret Sauce EP.94
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ย. 2024
- การสร้างสินค้ารูปแบบเดิมๆ ออกมาขายในยุคที่มีการแข่งขันสูงอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การทำ R&D (Research and Development) จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่เหนือคู่แข่ง เพิ่มโอกาสความสำเร็จ พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเอง
แต่จะทำอย่างไรให้ตัวคุณและคนที่ต้องทำงานร่วมกันมี R&D Mindset หรือวิธีคิดในการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรม นำไปสู่การสร้างสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ให้องค์กร
เคน นครินทร์ คุยกับ ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในรายการ The Secret Sauce
อ่านเนื้อหาของเอพิโสดนี้ ได้ที่ www.thestandar...
---------------
THE STANDARD PODCAST : EYE-OPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : www.thestandar...
SoundCloud: / thestandardpodcast
Spotify : open.spotify.c...
Twitter : / thestandardpod
Facebook : / thestandardth
#สวทช #R&D #TheSecretSauce #TheStandardPodcast #TheStandardCo #TheStandardTH
สำหรับปีหน้าคลิป The Secret Sauce จะย้ายไปลงที่ช่อง THE SECRET SAUCE ที่ bit.ly/tsschannel สามารถกดติดตามไว้ก่อน เพื่อไม่ให้พลาดเอพิโสดใหม่นะครับ
เป็นแฟนคลับนะครับ ชอบมาก แต่คลิปนี้ต้องขอทำความเข้าใจนอกประเด็นนิดนึง คือที่อาจารย์บอกว่าเก้าอี้ทำฟันมีแบบใช้ไฟฟ้า และใช้พลังงานจากลม จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ ในส่วนที่เป็นกลไกการกรอฟันทั้งหมดของเก้าอี้ทำฟัน จะใช้แรงดันจากลมเท่านั้นครับ ก่อนหน้านั้นโบราณๆก็จะใช้แรงขาเรานี่แหละครับ ปั่นเอาเหมือนถีบจักร เนื่องจากฟันเรามีชีวิต เวลากรอฟันต้องใช้น้ำฉีดลดความร้อนที่อาจจะทำอันตรายต่อประสาทฟันจึงไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้มันจะอันตรายครับ
R&D Mindset = อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ+ ตั้งคำถามเยอะๆ + เรียนรู้ให้กว้าง +ตกผลึกเป็นความรู้ใหม่
ชอบจังค่ะ จริงๆ Passion ที่มีอยู่ อาจจะไม่ใช่งานที่ชอบจริงๆ
ขอบคุณมากกค่ะ เป็น นศ.เภสัชคนนึงที่อยากทำงานเป็น R&D ด้านเครื่องสำอาง😊
ขอบคุณมากๆค่ะ
พูดได้ดีมากๆครับ
ฟังคลิปนี้แล้วทำให้ตาสหว่าง หัวโล่ง ขึ้นมาทันทีเลยพร้อมที่จะต้อนรับไอเดียใหม่ๆ
มันดีมากเลยค่ะ ฟังแล้วชอบ ep นี้ที่สุด
กำลังจะทำ R&D งานวิจัยป.โท พอดีเลยค่ะ
Thanks
มีบัตร จับมือไหม๊คะพี่ ฟังเสียงพี่ จนรู้สึกอยากไปนั่งฟัง สดๆ
เชื่อมั่นในนักวิจัย(อาชีพ)ไทยมากๆค่ะ(ไม่นับคนที่แค่เรียนป.เอก ทำวิจัยแบบขอไปทีเอาให้ได้ปริญญานะคะ) ว่ามีความสามารถทัดเทียมไม่แพ้ชาติไหนเลย หลายคนไปเรียนมาจากม.ระดับท้อปของโลก มีผลงานวิจัยเป็นที่ยอมรับมากมาย เก่งระดับหัวกะทิ แต่พอกลับไทยไปโดนขังอยู่ภายใต้กรอบ ภายใต้ระบบที่สร้างมาครอบไม่ให้เค้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ จะพูด วิจารณ์ feedback อะไรองค์กรก็ไม่ได้ดูไม่งาม ทำให้องค์กรไม่รู้ปัญหา หลายปีผ่านไปคนเหล่านั้นก็ต้องเอาตัวรอดโดยการปรับตัวให้รอดไปที เดี๋ยวหมดทุนก็เป็นอิสระ เมื่อระบบไม่ได้empoweringคนเหล่านี้ เราก็ไม่ได้เห็นเค้าฉายแสงออกมาเต็มที่ บวกกับbiosystem ที่ไทยไม่พร้อม นักวิจัยต้องmulti-task เป็นทั้งlab manager, lab admin, สั่งของ ดีลกับเซล เขียนขอทุน, ทำกิจกรรมเพิ่ม KPI ฯลฯ เรื่องไม่ยอมรับความแตกต่าง ไม่เปิดใจนี่เห็นด้วยสุดๆเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ ไม่collaborateกัน แล้วจะสร้างนวัตกรรมยังไงมันไม่มีใครที่คนเดียวเก่งทุกเรื่อง ที่อเมริกา(industry) นักวิจัยมีหน้าที่คิดงานและทำวิจัยอย่างเดียว งานจับฉ่ายอย่างอื่นมีคนอื่นทำ เซฟเวลาและพลังงานสมองไปเยอะมาก งานก็ทำได้productiveเพราะเราทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเนื้องานไม่ใช่กิจกรรมอื่น มีsupportจากภาครัฐดึงดูดคนมาทำงานสายtech startup มีoutsorceพร้อมจะcollaborateด้วย collaboration ไม่ใช่แค่การให้ยืมใช้พื้นที่แบบlab incubatorแล้วจะไปได้ความรู้จากเค้านะคะ แต่collaborateแบบรับส่วนนึงของโปรเจคมาช่วยพัฒนาเติมตรงจุดที่ขาดเลย ทำงานง่ายกว่าอยู่ไทยมากๆค่ะ แอบยกย่องหัวจิตหัวใจพี่ๆนักวิจัยที่ไทยมากๆ superhumanกันทั้งนั้น แต่ไม่ค่อยได้recognition จากสังคม ค่าตอบแทนก็น้อย สุดท้ายคนเก่งๆก็หนีไปทำงานสายอื่นหมดค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอนเท้นท์ดีๆนะคะ ดร.ณรงค์พูดได้น่าสนใจหลายประเด็น แต่ค่อนข้างidealistic ค่ะยังไม่เห็นว่าเกิดขึ้นแล้วที่ไทย อยากให้ทำได้แบบนั้นนะคะ
สร้างนวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มมูลค่า
อยากไป สวทช จัง
อยากให้นายจ้างที่บริษัทได้ฟังจังเลย
🥇🥇🥇🥇
ความรู้สึกช้าไปไหม
ความรู้ต้องนำไปใช้ในเชิงเศรษฐกิจได้ทั้ง การผลิตแจกจ่าย&บริโภค หนีไม่พ้นทางวัตถุ😘😘😘🤣👌( ・ㅂ・)و💰
ไปฝึก สหกิจที่ สวทข มาแทบกระอักเลือดตาย5555😂
ขอบคุณนะคะ
ได้ข้อคิดและจะนำมาปรับใช้ในการทำงานครับ
ดีค่ะ