DB 405 นิ่ง เบิกบาน แจ่มใส (

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 13 พ.ค. 2024
  • DB 405 นิ่ง เบิกบาน แจ่มใส (7:19 นาที) - พระราชโพธิวิเทศ (หลวงพ่อปสันโน)
    #องค์ฌาณ #วิตก #วิจาร #ปีติ #สุข #เอกัคคตา #เบิกบาน #แจ่มใส #ผู้รู้ #หลวงพ่อปสันโน
    #พระราชโพธิวิเทศ
    “... ส่วนประกอบขององค์ฌาณ
    วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
    เป็นองค์ประกอบที่ทำให้จิตใจรวม
    นิ่ง เบิกบาน แจ่มใส
    ข้อแรกคือ วิตก
    วิตกในภาษาไทยกับภาษาบาลีไม่เหมือนกัน
    เพราะว่า วิตกในภาษาไทยมีความหมาย
    วิตกกังวล วิตกวุ่นวาย
    แต่วิตกในภาษบาลีที่พระพุทธเจ้าใช้
    คือ ยกขึ้นมาคิด ความคิดได้ถูกยกขึ้นมาสู่จิตใจของเรา
    วิจารคือ การไตร่ตรองตามความคิดอันนั้น
    คิดตามให้รอบคอบในความคิดนั้น
    บางทีจิตจะคอยเลื่อน ฟุ้ง มัว หรือยังไงก็สุดแล้วแต่
    ก็เป็นธรรมดาของจิต
    แต่เมื่อสังเกตดูว่า มันไม่ชัดเจนแล้ว หรือม้นเริ่มฟุ้งแล้ว
    ต้องยกวิตกขึ้นมาใหม่ เช่น การยกความรู้สึกของลมหายใจเข้า
    ลมหายใจออก ก็เป็นวิตก ก็คอยสังเกตดู
    วิจารคือ ได้ดูตาม สังเกตตามจากมุมต่างๆ
    เพื่อมีความชัดเจนยิ่งขึ้นในความรู้สึกนั้น
    เป็นธรรมดาที่สติจะค่อยๆ เลื่อน
    เราก็วิตกใหม่ ตั้งต้นใหม่
    เลยวิตก วิจาร เราอาศัยความคิดที่อยู่ในขอบเขตของคุณงามความดี
    อาศัยความคิดที่อยู่ในขอบเขตของคุณธรรม
    เช่น ยกกตัญญูขึ้นมา
    จะเป็นความคิดก็ดี หรือภาพในความจำก็ดี
    เช่น เรายกภาพของท่านแม่ชีซึ่งเป็นความคิดที่ดี
    ได้เห็นท่านแม่ชีเหมือนกับได้ให้กำลังกับเรา
    เรามีความกตัญญูต่อท่าน
    ก็ทำให้จิตใจของเราค่อยเบิกบาน แจ่มใส
    วิตก วิจาร แล้วปีติก็เกิดขึ้น
    ปิติก็มีส่วนหนึ่งของความอิ่มเอิบก็ดี
    แล้วก็มีส่วนของความตื่นเต้นสักหน่อย
    มันมีกำลัง เลยต้องมีส่วนของความสุข
    ความสุขก็จะเย็นกว่า
    เหมือนกับปีติเกิดขึ้นในความรู้สึกของเรา
    ความสุขจะกลับมาที่ร่างกายมากกว่า
    ให้คลี่คลายในร่างกาย ให้คลี่คลายในความรู้สึกของเรา
    ช่วยให้ความรู้สึกไม่ฟู่ ไม่แพร่กระจาย
    มีความหนักแน่นในความรู้สึกอยู่ในปัจจุบัน
    เราได้วิตก วิจาร ปีติ สุข แล้วก็เอกัคคตา
    เอกัคคตา คือจิตเป็นหนึ่ง
    แต่ว่าหนึ่งนั้นเป็นหนึ่งแบบไหน
    เพราะว่า บางทีก็มีความเข้าใจว่า
    จิตเป็นหนึ่งที่เราไม่อยากให้อย่างอื่นเข้ามา
    เราพยายามห้ามสิ่งที่จะเข้ามาจากข้างนอก
    เราพยายามอย่างที่จะรักษาความเป็นหนึ่งเอาไว้
    หรือถ้าเป็นภาาษาอังกฤษเรียกว่า One pointed
    แต่ point นั้นจะมีลักษณะแบบไหน
    ตรงนี้เป็นส่วนสำคัญเพราะ
    ถ้ามันเป็น One Pointed ที่แคบจนเกินไป
    และไม่อยากให้มีอะไรมากระทบกระเทือน
    มันไม่ค่อยสงบเท่าไหร่
    แต่ถ้ามันเป็นหนึ่งที่โดยมีอะไรเกิดขึ้น
    เราก็รู้อยู่ รู้อยู่ โดยไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเหล่านั้น
    มันก็สักแต่ว่า ความรู้สึก หรือความสัมผัสที่เกิดขึ้น
    มันก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
    ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว น่าหวั่นไหว น่าสนใจเท่าไหร่นัก
    หรืออย่างที่หลวงพ่อชาชอบใช้สำนวนว่า
    มันก็แค่นั้น
    แล้วถ้าเราคิดในลักษณะว่า มันจะดีแค่ไหน มันก็แค่นั้น
    มันจะแย่เท่าไหร่ มันก็แค่นั้น
    มันจะน่าสนใจเมากน้อยท่าไหร่ มันก็แค่นั้น
    มันจะน่าเบื่อแค่ไหน มันก็แค่นั้น
    ถ้าเรามีความรู้สึก มันก็แค่นั้น
    เราอยู่กับสติดีกว่า อยู่กับผู้รู้ดีกว่า
    การต่อเนื่องอยู่กับความรู้สึก ลมหายใจเข้า
    ลมหายใจออก รู้อยู่ รู้ว่าเข้า รู้ว่าออก
    รู้ว่า มีความรู้สึกอย่างไร รู้ว่ามีความรู้สึกที่สลายไป
    ไม่เป็นเหตุที่ทำให้มีความหวั่นไหว
    ไม่เป็นเหตุที่ทำให้มีความฟุ้งซ่านเกิดขึ้น
    และนี่เป็นพื้นฐานของจิตใจผู้ภาวนา ผู้ปฏิบัติ
    ยิ่งโดยเฉพาะผู้ภาวนาในอานาปานสติ …”
    พระราชโพธิวิเทศ (หลวงพ่อปสันโน)
    ณ เสถียรธรรมสถาน
    ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖

ความคิดเห็น • 3

  • @noicassim1739
    @noicassim1739 19 วันที่ผ่านมา

    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ หลวงพ่อ

  • @nokpenpak9374
    @nokpenpak9374 15 วันที่ผ่านมา

    น้อมกราบสาธุเจ้าค่ะ

  • @noicassim1739
    @noicassim1739 19 วันที่ผ่านมา

    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ หลวงพ่อ