ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
🙏🙏🙏
ขอวิญณาญสูุ่สุคติภพที่ดีครับ
ตื่นเถิด
สวัสดีคุณอาจารย์เพลิน.พรหมแดน.และคุณศกุนตลา.พรหมสว่าง. และครอบครัวที่อบอุ่นและทุกท่านโชคดีมีความสุขฟังเสียงเพลงธรรมะสติ.ขออนุโมทนาบุญ.สาธุ.สาธุ.สาธุ.ครับและปลอดภัยสุขภาพแข็งแรงและเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกวันครับ
ชอบมากๆเลยค่ะ
เพลงต่อไป คือเพลง มหัศจรรย์วันตรัสรู้ ความยาวของเพลงนี้คือ 7 นาที 25 วินาที ซึ่งเป็นเพลงลำดับที่ 28 ของอัลบั้ม บทเพลงพระพุทธประวัตินั่นเองครับ
เกร็ดความรู้ บทเพลงพระพุทธประวัตินิสาชล แปลว่าอะไร?!!!!นิสาชล แปลว่า น้ำค้างนั่นเองครับ
บทบรรยายและบทพูด เพลง ทรงตรัสรู้ผู้บรรยาย สมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน)เจ้าชายสิทธัตถะ,พระมหาบุรุษ,พระพุทธเจ้า ให้เสียงโดย ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ (โต๊ะ พันธมิตร)เสียงบรรยายโดย เพลิน พรหมแดน : ก่อนสิ้นราตรีกาลแห่งวันเพ็ญเดือน 6 ในเวลาปัจจุบันสมัยรุ่งอรุโณทัยไขแสงทองส่องอร่ามฟ้าพระองค์ได้ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณสมตามพระมโนปณิธานแล้วทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดอันไม่เคยปรากฎมาก่อนแต่กาลไหนๆ ถึงกับเปล่งพระพุทธสีหนาทเป็นปฐมอุทานตรัสทักตัณหาว่าพระพุทธเจ้า : "นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวอยู่ในเกลียววังวนของชาติสงสารนี้เราพยายามสืบเสาะแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนคือตัวตัณหาผู้ก่อสร้างนามรูปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทรมานเป็นเวลาอันเนิ่นนานเกินจักนับประมาณได้แต่ก็มิอาจพานพบ ดูก่อนตัณหา ผู้เป็นช่างทำเรือนให้ตถาคตบัดนี้เราได้พบท่านแล้วเห็นตัวท่านแล้วตั้งแต่นี้สืบไปท่านไม่สามารถสร้างเรือนให้เราได้อีกแล้วกลอนเรือนทั้งหลายช่อฟ้าทั้งมวลและเครื่องมือสร้างเรือนทั้งหมดของท่านนั้นเราได้ทำลายสิ้นแล้วจิตของเราตถาคตก็ปราศจากหมดจดจากสังขารทั้ง 3 ซึ่งท่านจะตกแต่งให้บังเกิดในภพใดๆ สืบต่อไปนั้นหามีไม่และตัณหาทั้งหลายของเราก็ดับสิ้นไปโดยไม่มีเศษเชื้อเหลือค้างคาแม้แต่นิดติดเอาไว้เลย"เสียงบรรยายโดย เพลิน พรหมแดน : ขณะนั้นทั่วทั้งโลกาและสกลจักรวาลก็สะเทือนสะท้านบังเกิดความมหัศจรรย์ไปทั่วทุกแห่งหน
เพลง ทรงตรัสรู้ศิลปิน เพลิน พรหมแดนอัลบั้ม บทเพลงพระพุทธประวัติ แผ่นที่ 3 ทรงตรัสรู้คำร้อง/ทำนอง สมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน)เรียบเรียง ปฏิพล เหมวรานนท์Mix & Mastering ปฏิพล เหมวรานนท์ครั้นสุริยาลาลงลับเหลี่ยมโลก พระศศิธรหมุนย้อนโยกขยับขยายเขยื้อนเคลื่อนเยือนฟ้าเวหาพราย หมู่ดาริกาเรียงรายล้อมรัชนีเปล่งรังสีเงินยวงหยาดย้อยระยับ สาดแสงจับทิฆัมพรเพิ่มรัศมีเพ็ญสิบห้าค่ำเดือนหกปุรณมี ศศิรังสีหยาดเย็นทั่วทั้งโพยมเมฆน้อยลอยอ้อยอิ่งพิงอากาศ ได้แสงทอปริมาตรส่องสาดโฉมแสงดาวพรายจากปลายฟ้ามาชโลม นภาล้ำงามอุดมเด่นกว่าคืนใดจักจั่นเรไรหรีดหริ่งนิ่งเงียบสงัด ลมเชื่อยฉิวปลิวสบัดใบโพธิ์ไสวนิสาชลเตรียมหยาดเกล็ดลงเม็ดพราย อาบแสงจันทร์ดารารายและรื่นรมย์พระโพธิสัตว์เจริญอานาปานสติ ภาวนาสมาธิตั้งแต่ยามปฐมตั้งจิตจ่อจดกำหนดลม อัฏฐสมาบัติบ่มแต่ปฐมยามบุพเพนิวาสานุสสติญาณบรรลุได้ รู้การเกิดดับเวียนว่ายได้ลึกล้ำเกิดชาติไหนเป็นอะไรทั้งรูปนาม ระลึกตามย้อนเห็นความเป็นมาสี่อสงไขยแสนมหากัปนานนับเนื่อง หยั่งรู้เรื่องเบื้องหลังสิ้นกังขาดั่งแสงสูรย์สาดส่องจากท้องนภา สู่โลกาจ้ากระจ่างสว่างวาวอตีตังสญาณหยั่งทราบทั้งสิ้น ในบุปภพจบฟ้าดินถิ่นร้อนหนาวพระอภิญญาอดุลย์เดชพิเชษฐคร้าว บุพเพนิวาสานุสสติน้าวเข้ามานำเข้ามานำนับแต่ย่ำค่ำ อันเป็นปฐมยามแห่งราตรีมัชฌิมยามค่ำคืนนั้น จุตูปปปาตญาณก็พลันเกิดมีมวลสัตว์โลกในทุกชีวี ทราบโดยถ้วนถี่ด้วยทิพจักษุญาณสัตว์โลกทั้งหลายพากัน เกิดตายเวียนว่ายวกวนทั้งสูงต่ำปะปน ระคนสุขทุกข์นานาตามแต่กรรมที่เคยทำมา ต่างพากันนั้นเกิดมาใช้กรรมทำกุศลพาตนให้ได้สุขชื่นชีวา ทำชั่วช้าพาให้ได้แต่ทุกข์ระกำบุญบาปมีบังคับชี้นำ ผลกรรมตามติดคอยลิขิตบันดาลประจักษ์ในทิพจักษุญาณ เหมือนบุรุษนั้นอยู่ที่สูงมองหมู่ชนสัญจรเนืองนอง เมื่อมองจ้องดูรู้ดีใครจะไปมาเห็นโดยถ้วนถี่ ดั่งที่มีแน่แท้ในทิพจักษุญาณปัจฉิมยามย่ำรุ่งอรุณ จิตบรรเจิดจรูญอดุลย์เอกอนันต์ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ พิจารณาปัจจยาการปฏิจจสมุปปบาทธรรมอวิชชานั้นเป็นตัวนำ ปัจจัยให้เกิดสังขารสังขารให้เกิดวิญญาณ วิญญาณเกิดเป็นนามรูปนำพาแล้วเกิดเป็นสฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทานอุปาทานนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ภพสมทบให้เกิดเป็นชาติพัวพันชาติเป็นปัจจัยชรามรณะโดยพลัน โสกะปริเทวะทุกข์นั่นตามกันหนุนเนื่องนำมาโทมนัสอุปายาสะอาศัยซึ่งกันและกัน บ่อเกิดกองทุกข์อันดักดานเนิ่นนานมั่นคงถ้าอวิชชาดับสูญสิ้นลง สังขารมิอาจดำรงวิญญาณดับลงเช่นกันทรงหยั่งพระญาณลงพิจารณา ด้วยพระปัญญาอันยิ่งสุขุมาลย์ในปฏิจจสมุปปบาทนั้น ทั้งกาลอนุโลมปฏิโลมครวญใคร่ไปมาตั้งแต่มรณะชราย้อนถึงอวิชชาครบครัน อาสวักขยญาณก็พลันเจิดจ้าสกาวได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้า กิเลสถูกเผาหมดสูญจากใจไปโดยสิ้นเชิงเหมือนเพลิงหมดเชื้อไม่เหลือไฟ
🙏🙏🙏
ขอวิญณาญสูุ่สุคติภพที่ดีครับ
ตื่นเถิด
สวัสดีคุณอาจารย์เพลิน.พรหมแดน.และคุณศกุนตลา.พรหมสว่าง. และครอบครัวที่อบอุ่นและทุกท่านโชคดีมีความสุขฟังเสียงเพลงธรรมะสติ.ขออนุโมทนาบุญ.สาธุ.สาธุ.สาธุ.ครับและปลอดภัยสุขภาพแข็งแรงและเป็นที่รักของเพื่อนๆทุกวันครับ
ชอบมากๆเลยค่ะ
เพลงต่อไป คือเพลง มหัศจรรย์วันตรัสรู้ ความยาวของเพลงนี้คือ 7 นาที 25 วินาที ซึ่งเป็นเพลงลำดับที่ 28 ของอัลบั้ม บทเพลงพระพุทธประวัตินั่นเองครับ
เกร็ดความรู้ บทเพลงพระพุทธประวัติ
นิสาชล แปลว่าอะไร?!!!!
นิสาชล แปลว่า น้ำค้างนั่นเองครับ
บทบรรยายและบทพูด เพลง ทรงตรัสรู้
ผู้บรรยาย สมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน)
เจ้าชายสิทธัตถะ,พระมหาบุรุษ,พระพุทธเจ้า ให้เสียงโดย ปริภัณฑ์ วัชรานนท์ (โต๊ะ พันธมิตร)
เสียงบรรยายโดย เพลิน พรหมแดน : ก่อนสิ้นราตรีกาลแห่งวันเพ็ญเดือน 6 ในเวลาปัจจุบันสมัยรุ่งอรุโณทัยไขแสงทองส่องอร่ามฟ้าพระองค์ได้ทรงบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณสมตามพระมโนปณิธานแล้วทรงเบิกบานพระหฤทัยอย่างสูงสุดอันไม่เคยปรากฎมาก่อนแต่กาลไหนๆ ถึงกับเปล่งพระพุทธสีหนาทเป็นปฐมอุทานตรัสทักตัณหาว่า
พระพุทธเจ้า : "นับแต่ตถาคตท่องเที่ยวอยู่ในเกลียววังวนของชาติสงสารนี้เราพยายามสืบเสาะแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนคือตัวตัณหาผู้ก่อสร้างนามรูปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทรมานเป็นเวลาอันเนิ่นนานเกินจักนับประมาณได้แต่ก็มิอาจพานพบ ดูก่อนตัณหา ผู้เป็นช่างทำเรือนให้ตถาคตบัดนี้เราได้พบท่านแล้วเห็นตัวท่านแล้วตั้งแต่นี้สืบไปท่านไม่สามารถสร้างเรือนให้เราได้อีกแล้วกลอนเรือนทั้งหลายช่อฟ้าทั้งมวลและเครื่องมือสร้างเรือนทั้งหมดของท่านนั้นเราได้ทำลายสิ้นแล้วจิตของเราตถาคตก็ปราศจากหมดจดจากสังขารทั้ง 3 ซึ่งท่านจะตกแต่งให้บังเกิดในภพใดๆ สืบต่อไปนั้นหามีไม่และตัณหาทั้งหลายของเราก็ดับสิ้นไปโดยไม่มีเศษเชื้อเหลือค้างคาแม้แต่นิดติดเอาไว้เลย"
เสียงบรรยายโดย เพลิน พรหมแดน : ขณะนั้นทั่วทั้งโลกาและสกลจักรวาลก็สะเทือนสะท้านบังเกิดความมหัศจรรย์ไปทั่วทุกแห่งหน
เพลง ทรงตรัสรู้
ศิลปิน เพลิน พรหมแดน
อัลบั้ม บทเพลงพระพุทธประวัติ แผ่นที่ 3 ทรงตรัสรู้
คำร้อง/ทำนอง สมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน)
เรียบเรียง ปฏิพล เหมวรานนท์
Mix & Mastering ปฏิพล เหมวรานนท์
ครั้นสุริยาลาลงลับเหลี่ยมโลก พระศศิธรหมุนย้อนโยกขยับขยาย
เขยื้อนเคลื่อนเยือนฟ้าเวหาพราย หมู่ดาริกาเรียงรายล้อมรัชนี
เปล่งรังสีเงินยวงหยาดย้อยระยับ สาดแสงจับทิฆัมพรเพิ่มรัศมี
เพ็ญสิบห้าค่ำเดือนหกปุรณมี ศศิรังสีหยาดเย็นทั่วทั้งโพยม
เมฆน้อยลอยอ้อยอิ่งพิงอากาศ ได้แสงทอปริมาตรส่องสาดโฉม
แสงดาวพรายจากปลายฟ้ามาชโลม นภาล้ำงามอุดมเด่นกว่าคืนใด
จักจั่นเรไรหรีดหริ่งนิ่งเงียบสงัด ลมเชื่อยฉิวปลิวสบัดใบโพธิ์ไสว
นิสาชลเตรียมหยาดเกล็ดลงเม็ดพราย อาบแสงจันทร์ดารารายและรื่นรมย์
พระโพธิสัตว์เจริญอานาปานสติ ภาวนาสมาธิตั้งแต่ยามปฐม
ตั้งจิตจ่อจดกำหนดลม อัฏฐสมาบัติบ่มแต่ปฐมยาม
บุพเพนิวาสานุสสติญาณบรรลุได้ รู้การเกิดดับเวียนว่ายได้ลึกล้ำ
เกิดชาติไหนเป็นอะไรทั้งรูปนาม ระลึกตามย้อนเห็นความเป็นมา
สี่อสงไขยแสนมหากัปนานนับเนื่อง หยั่งรู้เรื่องเบื้องหลังสิ้นกังขา
ดั่งแสงสูรย์สาดส่องจากท้องนภา สู่โลกาจ้ากระจ่างสว่างวาว
อตีตังสญาณหยั่งทราบทั้งสิ้น ในบุปภพจบฟ้าดินถิ่นร้อนหนาว
พระอภิญญาอดุลย์เดชพิเชษฐคร้าว บุพเพนิวาสานุสสติน้าวเข้ามานำ
เข้ามานำนับแต่ย่ำค่ำ อันเป็นปฐมยามแห่งราตรี
มัชฌิมยามค่ำคืนนั้น จุตูปปปาตญาณก็พลันเกิดมี
มวลสัตว์โลกในทุกชีวี ทราบโดยถ้วนถี่ด้วยทิพจักษุญาณ
สัตว์โลกทั้งหลายพากัน เกิดตายเวียนว่ายวกวน
ทั้งสูงต่ำปะปน ระคนสุขทุกข์นานา
ตามแต่กรรมที่เคยทำมา ต่างพากันนั้นเกิดมาใช้กรรม
ทำกุศลพาตนให้ได้สุขชื่นชีวา ทำชั่วช้าพาให้ได้แต่ทุกข์ระกำ
บุญบาปมีบังคับชี้นำ ผลกรรมตามติดคอยลิขิตบันดาล
ประจักษ์ในทิพจักษุญาณ เหมือนบุรุษนั้นอยู่ที่สูงมอง
หมู่ชนสัญจรเนืองนอง เมื่อมองจ้องดูรู้ดี
ใครจะไปมาเห็นโดยถ้วนถี่ ดั่งที่มีแน่แท้ในทิพจักษุญาณ
ปัจฉิมยามย่ำรุ่งอรุณ จิตบรรเจิดจรูญอดุลย์เอกอนันต์
ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ พิจารณาปัจจยาการปฏิจจสมุปปบาทธรรม
อวิชชานั้นเป็นตัวนำ ปัจจัยให้เกิดสังขาร
สังขารให้เกิดวิญญาณ วิญญาณเกิดเป็นนามรูปนำพา
แล้วเกิดเป็นสฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน
อุปาทานนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ภพสมทบให้เกิดเป็นชาติพัวพัน
ชาติเป็นปัจจัยชรามรณะโดยพลัน โสกะปริเทวะทุกข์นั่นตามกันหนุนเนื่องนำมา
โทมนัสอุปายาสะอาศัยซึ่งกันและกัน บ่อเกิดกองทุกข์อันดักดานเนิ่นนานมั่นคง
ถ้าอวิชชาดับสูญสิ้นลง สังขารมิอาจดำรงวิญญาณดับลงเช่นกัน
ทรงหยั่งพระญาณลงพิจารณา ด้วยพระปัญญาอันยิ่งสุขุมาลย์
ในปฏิจจสมุปปบาทนั้น ทั้งกาลอนุโลมปฏิโลมครวญใคร่ไปมา
ตั้งแต่มรณะชราย้อนถึงอวิชชาครบครัน อาสวักขยญาณก็พลันเจิดจ้าสกาว
ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้า กิเลสถูกเผาหมดสูญจากใจไปโดยสิ้นเชิง
เหมือนเพลิงหมดเชื้อไม่เหลือไฟ