ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์ ขอน้อมกราบที่ได้เมตตาสอนสั่งศิษย์ ธรรมะของพระบรมศาสดาตลอดมาครับ
รักอาจารย์และพระพุทธเจ้ามาก
ผมไม่เคยได้ยินว่าใช้ไฟดับกิเลสได้นะ มีแต่เคยได้ยินว่าใช้ปัญญาตัดกิเลส
กสิณไฟ ดับกิเลส หลวงปู่สรวงเคยเะ่งจ้องกสิณไฟดับกิเลส
การบรรลุธรรมไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพศบรรพชิตเท่านั้นเฉดเช่นเดียวกันการทำบาปไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพศผฆารวาสเท่านั้น การจะไปกรุงเทพมหานครมีหลายทาง แต่กรุงเทพมีที่เดียว เฉดเช่นเดียวกันวิธีการปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงธรรมมีหลายวิธีแต่ประตูอรหันต์นิพพานมีบานเดียว ดูก่อนจึงพึ่งตามจริตของตนเถิดอย่าสำคัญหลงที่เส้นทางอีกเลย อนุโมทนา สาธุ
ศึกษาธรรมอันเป็นธรรมของพระศาสดาผู้รู้จริงรู้แจ้งแล้วจะไม่ฟังคำปุถุชนในเรื่องอวดอ้างตน มิสาแก่ใจบังอาจดูหมิ่นพระพุทธเจ้าได้ ขอผู้ที่เชื่อพิจารณา เราเคารพศรัทธาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อย่างที่รู้ที่เห็น สวรรค์นรกบนดิน คนทำดีก็ทำดี คนทำชั่วก็ทำชั่ว ชัดมากหน้าที่มครหน้าที่มัน วิจารณ์กันโดยไม่รู้เหตุผล ไม่มีใครช่วยใครได้ กรรมใครกรรมมัน
ทุกๆอย่างมีบุญบารมีของเรา เป็นตัวกำหนดเป็นเครื่องนำทาง อย่าไปก้าวล่วง หรือตัดสินใคร คนนั้นถูก คนนั้นผิดการที่พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสสอน ก็มิได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นไม่ถูกเพราะในโลกนี้ เอกภพนี้ ยังมีองค์ความรู้และภูมิปัญญามากมายหลายสิ่งที่รอคนมีบุญบารมีไขเปิดออก ทั้งทางตรง ทางลัด โปรดทำใจให้เป็นกลางเปิดใจกว้าง เพราะถ้าใครเข้าใจคำว่า พ่อ-แม่ อย่างแท้จริงก็จะรู้ว่าพ่อ-แม่ ของเรานี่แหละคือต้นธาตุ-ต้นธรรม
ธัมมไชโยส่งมาแทน..จงบอกมาเดียวนี้ธัมมไชโยอยู่ที่ได
เห็น การเกิดชึ้น ตั้งอยู่ และ ดับ ไป เพียงเท่านี้ได้ ก็ถือว่าบรรลุธรรมของขั้นโสดาบันเบื้องต้นแล้ว มอง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงได้ในสังขารในโลกใบนี้ ก็ถือว่า ดวงตาได้เห็นธรรมแล้ว เจริญพรจร้า
ท่านสอนให้เราเป็นผู้ที่เข้าถึงของพระบรมศาสดาผ่านการปฎิบิติภาวนาด้วยความเพียรและวิริยะ ปัจจัตตังคือเราเท่านั้นที่รู้จริง..ขอบคุณที่ท่านช่วยเกลาจิตที่หยาบกระด้าง
จริงแล้วคนที่ว่าเขา ตัวเองก็ตรวจสอบเขาไม่ได้
ผมว่าก็ดีนะ่ครับคนที่มีปัญญาก็จะพิจรณาได้เพราะพระพุทธองศ์ให้เราพิจรณาก่อนจะเชื่ออะไรง่ายๆและให้เราลองปฎิบัติดูก่อนว่ามันพ้นทุกข์ได้จริงรึเป่าเพราะศาสนาเราสอนให้พ้นทุกข์ไม่ได้สอนให้เชื้อในปาฎิหาริ คิดดี พูดดี ทำดี ถือศีลให้ครบก็พ้นทุกข์ได้แล้วเมื่อศืลเราบริสุทธิ์ การที่เราจะเข้าถึงสมาธิก็ง่ายขึ้น การพิจรณาธรรมก็ง่ายขึ้น พระพุทธองค์ทรงแยกบัวไว้สี่เหล่าคนที่ยังไม่ถึงธรรมก็จะหลงเชื่ออะไรง่ายๆโดยไม่เอาไปคิดพิจรณาและทดสอบกับตนเองก่อน คนที่เอาศาสนามาอ้างแล้วสอนผู้อื่นแบบผิดๆนั่น ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆารวาสเวรกรรมก็คงจะตามทันเองแหละครับเหมือนพระที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้นหรอกครับประเทศไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เขาหลอกคนทั้งโลกได้แต่หลอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หรอกครับเมื่อวิบากกรรมที่ทำมาถึงเขาก็จะชดใช้เองผมเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆจงพบกับธรรมะที่แท้จริงและบริสุทธิ์นะ่ครับ สาธุ
ขอโทษครับผมไม่ได้ว่าใครครับผมก็แค่ออกความคิดเห็นครับถ้าเราไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร คำชื่นชมและนินทาเป็นของคู่กันถ้าเราเข้าใจในหลักธรรม ผมขอโทษที่เขียนไปให้คุณเข้าใจผิดที่ผมเขียนไปผมพูดถึงบุคคลที่ทำไม่ดีครับ ถ้าท่านปฎิบัติดีแล้วก็อนุโมทนาด้วยครับ ผมมีพระพุทธองค์เป็นแนวทางอยู่แล้วครับท่านให้พระสงฆ์สังสอนมา2500ปีแล้วและก็พ้นทุกข์ได้จริงครับ
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ มิใช่จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระคือความสำรวม เพื่อปหานะ คือความละ เพื่อวิราคะ คือคลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์”“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งสัตว์ คือคิดเอาไม่ได้ หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพึงรู้ได้
ปริยัตินั้นสำคัญปฏิบัติก็เช่นกัน สองอย่างต้องมี ครูบาอาจารย์ที่คอยแนะนั้นสำคัญยิ่ง ทั้งสามอย่างไม่เห็นมีในอัจฉลา เมื่อไร้ปริยัติการปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก ครูอาจารย์ผู้ชี้แนะเส้นทางก็ไม่มี_เพียงฝันๆก็ทึกทักเห็นท่าว่าไม่ควร. ..กษิณหรือไฟไม่อาจเผาไหม้กิเลสทั้งปวงและนั่นเป็นความคิดแบบฤาษีชีไพรในสมัยที่ยังไม่มีพระพุุทธเจ้ามาตรัสรู้_งมโข่ง การเพ่งกษิณแบยพุทธก็เพื่อให้ชัดแจ้งในอนิจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อจิตละวาง..กษิณไฟก็เช่นกัน ..ขอความกรุณาอย่ามอมเมาประชาชนอีกเลย เพราะนั่นไม่ใช่คำสอน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักธรรมวินัยแห่งพุทธ เห็นว่านรกรออยู่เบื้องหน้าเป็นแน่ครับ
สรรพสิ่งมีจิตล้วนน่าสงสาร เวทนา ต้องมาวนเวียนไม่รู้จบ ทางมาไม่รู้ทางไปจึงหาไม่เจอ จึงต้องย่ำอยู่กับที่ร่ำไป ภพคือกลาง กลางคือจิต จิตคือสูญ โดยสติ เรียกนิพพาน
ที่เห็นน่ะเพราะถ่ายย้อนแสงรองปิดไฟดู รับรองรัศมีหายทุกวันนี้คนเราเป็นอะไรกันนี่แหละที่พระพุทธองค์ทำนายไว้ศาสนาและพระองค์จะถูกทำลายจากบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีต่อพระพุทธศาสนาคิดเอาเองมโนเอาเองหรือเปล่าสมเด็จโตหรือสมเด็จพระพุทธจารย์โตทันก็ยังศึกษาพระไตรปิฎก ละเอียด อย่างที่หลายๆคอมเม้นว่ามาท่านก็ไม่เคยสอนไว้ในวิชาเตโชวิปัสสนาเอาล่ะครับโลกเราวิบัติแล้วเจ้าลัทธิต่างๆนานาเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์ใหม่อันนี้มาเจ้าสำนักใหม่เดี๋ยวดีไม่ดี กลายเป็นพระพุทธเจ้าอีกกรรมของคนไทยแท้พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่ากว่าจะมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีกพระองค์ก็ต้องรอให้สิ้นยุคศาสนาขององค์ปัจจุบันก่อนนี่ยังไม่สิ้นเลยเกิดขึ้นเยอะแยะประเทศไทย่ดีนะ มีบุคคลสำคัญเกิดขึ้นเยอะเลย ยังเยี่ยมไม่ต้องกลัวน้ำท่วมอีกแล้วที่เขาบอกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพไม่ต้องกลัวนะ พระอรหันต์นอกศาสนาเยอะเลยนิวส์คงนิวเคลียร์ก็ไม่ต้องกลัว ปัดได้หมดไม่ต้องกลัวสุดยอด Thailand สาธุสาธุสาธุ เอาฮานะอย่าเครียด
ในพระพุทธศาสนา มีหลักอยู่ ๒ อย่างคือ ๑.สมถะ เน้นที่คำว่า "เพ่ง" เพื่อให้อารมณ์มันสงบนิ่งในสภาวะเดียวหรืออารมณ์หนึ่ง คือ ไม่ฟุ้งซ่าน ซัดส่าย จุดหมายคือ ปรามจิตให้สงบนิ่ง ๒. วิปัสสนา เน้นที่ "พิจ" หมายถึง พิจารณาอาการของสภาวะที่อุบัติขึ้น และน้อมไปสู่การพิจารณา ให้เห็นสภาวะที่แท้จริงทางกายภาพและจิตภาพ ที่อุบัติขึ้น โดยน้อมไปสู่กฎสากลของสรรพสิ่งคือ เกิด ดำรงอยู่ และสลายลง หรือ ตามหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกระบวนการในฐาน ทั้ง๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม เป้าหมายคือ เข้าใจสัจธรรมของสรรพสิ่ง รวมทั้งชีวิต จิตใจ และเข้าถึงในตัวเองอย่างลึกซึ้ง จากนั้นถอนการยึดมั่นอุปทานในสักกายทิฏฐิเสีย จิตจึงจะถึงระดับกลางๆ คือ ว่าง ไม่มีดี ชั่ว มาปะปน เหลือแต่สภาวะล้วนๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ละเอียดอ่อน ผลจากปฏิบัติจริงๆ อาจไม่มีผลตามหลักการก็ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตน เหมือนหลักการของครูโซฟิสต์ในสมัยกรีกยึดถือกัน แต่พุทธศาสนามีหลักเอาไว้มิให้หลงทางหรือหลุดกรอบพุทธทัศน์นั่นเอง
หลุดพ้นทุกข์ได้มีสองทาง ทางปัญญา. กับทางเจโต จิตหลุดพ้น. ชินบันชร เพื่อแผ่เมตตา เจริญเมตตาให้กว้าง ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ. ด้วยชาญสมาธิ
พึงรักษาจิตของเราให้ดีก็พอครับ ใครดีใครร้ายอย่าไปเอามาทำให้ใจเราเศร้าหมองเลยครับ มองส่วนที่ดีเอาแล้วกัน ผมเชื่อว่าในร้ายก็มีดี
ถูกต้อง
สมัยพุทธกาล มีสุซิมะปลอมมาบวชเพื่ออยากจะได้อิทธิปาฏิหารย์ ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าได้เรียกมาสอน กฎอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาทกฎอิทัปปัจจยตาอิมัสมิง สติ อิทังโหติเมื่อสิ่งนี้ “ มี ” สิ่งนี้ย่อม “ มี ”อิมัสสุปาทา อิทังอุปปัชชะติเพราะ “ความเกิด” ขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึง “เกิด” ขึ้นอิมัสมิง อะสติ อิทัง นะโหติเมื่อสิ่งนี้ “ ไม่มี ” สิ่งนี้ย่อม “ ไม่มี ”อิมัสสะ นิโรธา อิทังนิรุชฌะติเพราะ “ความดับ” ไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึง “ดับ” ไปปฏิจจสมุปบาท สายเกิด จากพระโอษฐ์เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัยจึงมี สังขาร ทั้งหลายเพราะมี สังขาร เป็นปัจจัยจึงมี วิญญาณเพราะมี วิญญาณ เป็นปัจจัยจึงมี นามรูปเพราะมี นามรูป เป็นปัจจัยจึงมี สาฬายตนะเพราะมี สาฬายตนะ เป็นปัจจัยจึงมี ผัสสะเพราะมี ผัสสะ เป็นปัจจัยจึงมี เวทนาเพราะมี เวทนา เป็นปัจจัยจึงมี ตัณหาเพราะมี ตัณหา เป็นปัจจัยจึงมี อุปาทานเพราะมี อุปาทาน เป็นปัจจัยจึงมี ภพเพราะมี ภพ เป็นปัจจัยจึงมี ชาติเพราะมี ชาติ เป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิดขึ้น พร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ปฏิจจสมุปบาท สายดับ จากพระโอษฐ์เพราะมีความจางคลายดับโดยไม่เหลือแห่ง อวิชชา นั้น นั่นเทียวจึงมีความดับแห่ง สังขารเพราะความดับแห่ง สังขาร จึงมีความดับแห่ง วิญญาณเพราะความดับแห่ง วิญญาณ จึงมีความดับแห่ง นามรูปเพราะความดับแห่ง นามรูป จึงมีความดับแห่ง สฬายตนะเพราะความดับแห่ง สฬายตนะ จึงมีความดับแห่ง ผัสสะเพราะความดับแห่ง ผัสสะ จึงมีความดับแห่ง เวทนาเพราะความดับแห่ง เวทนา จึงมีความดับแห่ง ตัณหาเพราะความดับแห่ง ตัณหา จึงมีความดับแห่ง อุปาทานเพราะความดับแห่ง อุปาทาน จึงมีความดับแห่ง ภพเพราะความดับแห่ง ภพ จึงมีความดับแห่ง ชาติเพราะความดับแห่ง ชาติ นั้นแล ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ทั้งหลายจึงดับสิ้น ความดับลงแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ : ดังนี้ ครั้นสอนแล้วพระพุทธเจ้าจึงถาม สุซิมะ ว่า ยังต้องการ อิทธิปาฏิหารย์อยู่ไม สุซิมะตอบไม่ต้องการพระเจ้าคะยังต้องการอาเทปาฏิหารย์ สุซิมะตอบไม่ต้องการพระเจ้าคะมันแตกต่างกันสิ้นเชิง กลายเป็นหลงงมงายสมัยพุทธกาลยังมีเรื่องราวเรื่องพระอรหันต์แสดงอิทธิปาฏิหารย์ พระพุทธเจ้ายังเรียกประชุมสงฆ์เรียกพระอรหันต์มาด่าให้เสียๆ หายๆ อีกมากมาย
ทางใดๆก็ตาม หากอยู่ในแบบ (กรอบ) มรรคมีองค์8 ก็พอ
ขอน้อมร่วมเป็นกำลังใจท่านอาจารย์ อัจฉราวดี วงสกล ท่านได้ตอบอย่างชัดเจน ขอให้ทุกท่านเปิดใจให้กว้าง ท่านทำให้เห็นอย่าเป็นคนทอดธุระในการปกป้องพระพุทธศาสนา ควรเน้นทำ มากกว่าพุด. ก่อนจะวิจารณ์ใครโดยไม่ศึกษารายละเอียดอย่างแท้จริงว่าท่านอาจารย์ทำอะไรบ้าง ทำมานานขนาดไหนทำเพื่ออะไร "บ้างทีการที่จิตไม่ถึงก็จะไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็คิดคิดว่าสิ่งนั้นไม่มี ". อย่างความกตัญญู ถ้าคนใดไม่เคยคิดถึงผู้ที่มีพระคุณ คิดว่าทึ่เราได้ดีทุกวันนี้เพราะเราเก่งแต่เพียงอย่างเดียว ก็จะไม่เข้าถึงความกตัญญู อย่างแท้จริงก็ได้แต่บอกใครต่อใครว่าคิดนะด้วยเพราะกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี พิจารณาเถอะ พิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา ว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่วางอคติเถอะครับ
การปกป้องศาสนาก็ไม่ควรตำนิใน พระไตรปิฎก เพราะอะไร ? พิจารณาเอา ความกตัญูญู ที่กล่าวอ้าวก็ควรนำไปใช้กับผู้ที่มีความสัมพันพ์ต่อกันหรือผู้ที่เกลือหนุนกัน ปฎิบัติธรรมได้ก็คงจะ พิจารณาธาตุเป็น ร่างกาย มีธาตุดินกับ ธาตุน้ำ ส่วน ธาตุลมและไฟเป็นธาตุอาศัย ร่างกายดับ ธาตุไฟกับลมก็จากไป โดยธรรมชาติควบคุมไม่ได้ หลงทางในการปฎิบัติแถมสอนทางผิดๆอ้างอิงแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ ไม่ใช่เป็นการปกป้อง แต่เป็นการ ทำลาย ศาสนา มี อเวจี มหานรกเป็นจุดหมาย ถ้าคิดว่าถูกทางแล้วก็เดินต่อไปเถอะ แต่ไม่ต้องโฆษณา ล่อแมงเม่าหรอกนะ
โกศล กล่อมวิชา แค่ประกาศตนว่าบรรลุธรรมก็ไม่ใช่แล้ว แถมจะฟ้องร้องลูกศิษยอีก คนบรรลุธรรมจริงเขาต้องวางใจให้เป็นกลางไม่มีความโกรธหรือว่าแค้นใดๆ นางอย่างมากก็ๆได้แค่สมาธิขั้นหนึ่งเท่านั้นแล้วเกิดความหลงจนคุมไม่อยู่
วรินทร ตุ้มทอง แล้วคนอย่างอัจฉราดีแปล พระไตรปิฎกได้เหลอครับ อวดอุตริมนุสธรรมไม่พอ ยังอวดรู้อีกเหลอ ดูแล้วใช้วิชามารเช่น ธรรมไชโยเลยวะ หลอกให้คนเชื่อว่าตนบรรลุธรรมด้วยการเข้าฌาญสมาธิ สื่อสารกับต่างภพได้หลอกให้คนปล่อยวางในกิเลสด้วยการทานจนหมดตัว นี้ก็อ้างมูลนิธิ....? ปกป้องศาสนาพุทธ นี้แหละคือตัวดูดทรัพของคนที่หลงผิดหลงศรัทธากงจักรแทนดอกบัว ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จงใช้วิจารณญาณให้ดีถ้าไม่อยากเป็นเยื่อ เตือนด้วยความหวังดี ชาวพุทธควรมีปัญญาครับ
วรินทร ตุ้มทอง แปลพระไตรปิฎก แบบผิดๆ ถ้าพิจารณาได้ขนานนั้นจริงๆแล้วคุณมั่นใจหรือว่าผู้ที่คุณเรียกว่า อาจารย์ นั้นแปลถูกต้องแล้ว หลักสำคัญ อยู่แค่ สติประฐาน 4 เท่านั้น ขอแค่มี สติ รู้คิด รู้พิจารณา ปัญญาก็จะเกิด เมื่อเกิดปัญญา ก็จะเห็นแก่นแทน ทำให้ความยึดมั่นถือมั่นคลายตัวลง จนถึงการปล่อยว่าง ทำได้แค่นี้ชีวิตก็อยู่อย่างสงบและมีความสุขแล้ว การปฎิบัติ เพียง10-20ปีไม่ทำให้บรรลุได้หรอก ถ้าบรรลุจริง จะทิ้งทุกอย่าง คุณคิดว่าอาจารย์ที่คุณก้มกราบอยู่นั้น ละทิ้งแล้วหรือยัง แค่มีความโกรธต่อสิ่งที่มากระทบก็หมดแล้ว จิตที่ยังหวั่นไหว ไม่นิ่ง จะบรรลุธรรมได้หรือ? พิจารณาเอา ถ้า สมเด็จโตมาสอนจริง ท่านไปสอน พี่เอก สรพงค์ ไม่ดีกว่าหรือ สร้างวัดให้ท่าน แถม เป็นคนปฎิบัติใจบุญ ไม่เคย พูดอะไรให้ท่านเสีย คุณมั่นใจหรือว่า สมเด็จโตมาสอน อาจารย์คุณจริง?
เกรียงศักดิ์ อัศวเรืองสุข ไม่เชื่อ หลอกลวง ขนาดพระพุทธองค์ บำเพ็ญเพียร 500ชาติ กว่าจะบรรลุได้ หลอกลวง สมเด็จโต มาสอน อวด บ้าป่าว ถามหน่อย พวก 18มงกุฏ ชัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คุณดูจิตตัวเองได้หรือยังล่ะกิเลสสังโยชน่ได้กันรึ่ยังจึงมาเม้นอวดดีกันเหลือเกิน..จิตตัวเองก็ไม่รู้ จิตคนอื่นก็ไม่เห็นยังลังเลสงสัยแล้วจะมาพากันวิจารย์อันนั้นถูกอันนั้นผิดไปปฎิบัติให้บรรลุให้ได้ก่อนดีไหมค่อยมาวิจารย์คนอื่น..ปรามาสคนอื่นถือว่าบาปแล้วยิ่งปรามาสผู้มีภูมิจิตภูมธรรมสูงจะตกนรกเล่นๆเปล่าๆไม่คุ้มหรอกหนาพวกปุถุชนเอ๋ย..
ปริภาชก สมณพราหมณ์เหล่าอื่นนั่นเอง การเข้าฌานพราหมณ์เก่งครับ ตั้งแต่พุทธกาลแล้ว ทำมาเยอะ พพจ.ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกแล้ว ว่าพระองค์ไม่เห็นทางพ้นทุกข์ในคำสอนของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น นอกจากในธรรมวินัยนี้ เลือกเอาครับ ว่าคุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าของเราตรัสรู้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ตามคนอื่นไป ตามใจครับ
ศิษย์เก่า 2 คนนี้ลืมคุณข้าว คุณน้ำ คุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปแล้วหรือถึงทำได้ถึงเพียงนี้
ใครๆก็บรรลุธรรมได้ ถ้าผมจะบอกว่า"ผมบรรลุธรรม"คงไม่มีใครเชื่อ แต่จริงๆแล้ว"ผมบรรลุจริงๆ" ผมก็มีอาจารย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาสอน คุณๆก็คงไม่เชื่อ !!! คุณๆ ปฏิบัติเองแล้วจะรู้ ผมปฏิบัติสมาธิมาประมาณ30ปี และปฏิบัติวิปัสสนามาอีกประมาณ10ปี ผมไม่รู้จักอจ.อ้อย แต่ผมเชื่ออจ.อ้อย นะครับ
ฟังคำแถลงดีๆแล้ว ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดว่าไม่ให้เชื่อพระไตรปิฏก ท่านบอกว่าอ่านพระไตรปิฏกควรควบคู่ไปกับการปฎิบัติวิปัสสนา
ขอให้ท่านศึกษาข้อมูลให้ท่องแท้ ด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วท่านจะเข้าใจปฏิปทาที่แท้จริงของท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกลครับ
เทคนิคจากกล้องที่ถ่ายย้อนแสง อย่าคิดมาก
ถ้าคนบรรลุธรรมจะมาดูถูกพระไตรปิฏกดูถูกพระเหรอ
0951988389 Aa0951988389 ฟังจากยูทูปแล้วเห็นชัดเลยว่าเป็ นางจะสร้างตำราใหม่ พระไตรปิฎกไม่เอาเลย ตอนนี้ก็ทำพระสงฆ์ค่อนประเทศดูแย่ไปเลย
วรินทร ตุ้มทอง ดูแล้วนะจ้ะ ถึงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอยู่ไง
วรินทร ตุ้มทอง ไปรับยาปะ
[๕๑๗] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เรียนครุธรรม ๘ ประการ ในสำนักพระผู้มีพระภาค แล้วเข้าไปหาพระนางมหาปชาบดีโคตมี ชี้แจงว่า พระนางโคตมีถ้าพระนางยอมรับครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นแหละจักเป็นอุปสัมปทาของพระนางคือ:- ๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรมสามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพนับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ๒. ภิกษุณีไม่พึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ๓. ภิกษุณีต้องหวังธรรม ๒ ประการ คือ ถามวันอุโบสถ ๑ เข้าไปฟังคำสั่งสอน ๑ จากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพนับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย โดยสถานทั้ง๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน หรือโดยรังเกียจ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะเคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ๕. ภิกษุณีต้องธรรมที่หนักแล้ว ต้องประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่ายธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อสิกขมานาผู้มีสิกขาอันศึกษาแล้วในธรรม ๖ ประการ ครบ ๒ ปีแล้ว ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะเคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ฯ ๗. ภิกษุณีไม่พึงด่า บริภาษ ภิกษุโดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ฯ ๘. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปิดทางไม่ให้ภิกษุณีทั้งหลายสอนภิกษุ เปิดทางให้ภิกษุทั้งหลายสอนภิกษุณี ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือบูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต พระนางโคตมี ถ้าพระนางยอมรับครุธรรม ๘ ประการนี้ ข้อนั้นแหละจักเป็นอุปสัมปทาของพระนาง พระนางมหาปชาบดีโคตมีกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ดิฉันยอมรับครุธรรม ๘ ประการนี้ ไม่ละเมิดตลอดชีวิต เปรียบเหมือนหญิงสาว หรือชายหนุ่มที่ชอบแต่งกาย อาบน้ำสระเกล้าแล้ว ได้พวงอุบล พวงมะลิ หรือพวงลำดวนแล้วพึงประคองรับด้วยมือทั้งสอง ตั้งไว้เหนือเศียรเกล้าฉะนั้น ฯ
“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือภิกษุ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้เลย ;อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-“ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? ( ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ในที่ไหน) ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงามความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน?”ดังนี้ต่างหาก. ภิกษุ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็ นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่; ใน “สิ่ง”นั้นแหละ ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน“สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงามความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน “สิ่ง” นั้นแหละนามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.- สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐.
อยากให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวค่ะ ถ้าสงสัยสามารถเข้าไปศึกษาได้ ศึกษาปฏิบัติอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินสิ่งใดๆ
พระพุทธเจ้าใช้เวลาหลายภพหลายชาติ กว่าจะบรรลุ...เพื่อหาทางหลุดพ้น เหมือนที่จะข้ามจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึงของทะเล ว่าจะข้ามไปให้ถึงโดยวิธีใด ที่ดีที่สุดและมีสวัสดิภาพที่สุด และคิดทำวิธีข้ามเอาไว้ให้คนอื่นได้ศึกษาทำความเข้าใจ เมื่อตัวเองได้หาวิธีเจอและข้ามไปได้ แต่การข้ามตามวิธีที่ว่านั้นผู้จะข้ามก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะได้พบเจอเหตุการณ์ข้างหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ผู้จะข้ามต้องใช้ปัญญาทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามวิธีแต่ละขั้นตอนให้ดีที่สุด ในขณะกำลังข้าม แล้วฝั่งนั้นจะรออยู่...
บรรลุอรหันต์แต่ไม่บวช จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน ต้องบวชถึงจะอยู่ต่อไปได้
พิจารณามหาพิจารณา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พิจารณาอย่างนี้ เป็นชั่วโมง จนกระทั่งลุกจากธรรมมาส และไม่มีท่านใด ที่จะมา สนทนาปุจฉาวิปัสนาอีกในในเหตุณการณ์ ครั้นสมัยสมเด็จโต ปู่โตท่านได้รับเลือกให้ สนทนาธรรม จากหลักลัทธิต่าง ๆ เลือกของข้อคิดเห็น ผู้ฝึกปฏิบัติจะเห็นได้ด้วยตน และข้อหนึ่ง ต้องมีผู้แนะนำ จึงจะสามารถ ไปได้สุดทาง กรณีศึกษา อ.อัจฉารวดี เราต้องมองสิ่งดีงามที่ ได้ทำไว้ ส่วนสิ่งใดที่ไม่ใช้เส้นทางถึงที่สุด ก็ชี้นำ หากปล่อยไว้ กฏไม่อาจถอนรากถอนโคนกิเลสได้ บรรลุธรรม ให้พิจารณา เรื่องของการดับกิเลส 4 อย่างได้ เท่านั้นครับ อย่างอื่่นไม่มี เพราะพระพุทธเจ้าจะไม่สอน เรื่องที่ไม่ใช้ปัญญาทุกอย่างต้องอาศัยพลังงานดับกองทุกข์ ด้วยการพิจารณา อริยสัจ ครับ
พระพุทธเจ้าสอนให้คนรู้ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างคือทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และทางดำเนินให้ถึงดับไม่เหลือของทุกข์ เพราะฉะนั้นเราควรเพียรเพื่อให้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นเหตุดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
การเกิดมันเป็นทุกข์ การแก่มันเป็นทุกข์ การเจ็บมันเป็นทุกข์ ดารตายมันเป็นทุกข์ แม้แต่การพัดพราดจากบุคลอันเป็นที่รัก หรือสิ่งของอันเป็นที่รักนี้ก็เป็นทุกข์ (2) เรารู้แล้วว่ามันเป็นทุกข์ (3) ทุกข์นี้ควรดับมันไปเสีย (4) อริยะสัจสี่มีมรรคเป็นองค์ประกอบ (5) ขันห้ายังไงล่ะ มีรูปกายนี้จึงก่อให้เวทนาคือความทุกข์จึงเกิดสัญญามั่นหมายเป็นเครื่องพันธนาการไม่ให้เราหลุดพ้น จึงมีการเกิดขึ้นแห่งสังขารก่อภพก่อชาติขึ้นมาเวียนว่ายตายเกิดยุในสังสารวัฎนี้ไม่มีที่สิ้นสุด (6) อินทรี6ยังไงล่ะ ตานั้นกระทบกับรูป จึงเกิดตัณหา คือความอยาก จึงอุปาทานภาพขึ้นมา ก่อให้เกิดไฟราคะเผาตัวเองให้จมอยุ่กับกองทุกข์ หูนั้กระทบดับเสียง จมูกนั้นกระทบกับกลิ่น ลิ้นนั้นกระทบกับรส กายนั้นสัมผัสจึงเกิดตัณหาคือความอยาก จึงอุปาทานภาพขึ้นมา จึงเกิดไฟราคะเผาตัวเองให้จมอยู่กับกองทุกข์ นั่นเอง (7) รูปธรรม-นามธรรม มีอ่ะไรอยู่ในรูปธรรม มีขันห้า นิวรทั้งห้า อินทรี6 มีอ่ะไรอยู่ในนามธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ 8 ทุกสัพสิ่งเป็นของไม่เที่ยง ทุกสัพสิ่งเป็นทุกข์ ทุกสัพสิ่งไม่ใช่ตัวตนของเราอีกต่อไป (9) เห็นแล้วว่ามันเป็นทุกข์ ดำริแล้วว่าเป็นทุกข์ นี้คืองานกำจัดทุกข์ โดยอาศัยความเพียรเป็นที่ตั้ง โดยมีสติระลึกรู้อยู่เสมอ มีสมาธิเป็นฐานที่มั่นคง (10) โลกุตรธรรม พระชาตินี้จะเป็นพระชาติสุดท้ายไม่มีการเกิดอีก อันว่ากรงจักรแห่งสังสารวัฎนั้น กระผมได้หมั่นทำมันแล้ว ได้กระทำมันให้แจ้งแล้ว กรงจักรนั้นมันจึงหันไม่ได้อีกต่อไป จึงได้ซึ่ง อรหัตรผล นี้แหละจของจิง
เกียรติยศ ตากไธสง ื
เกียรติยศ ตากไธสง ชอบๆสุดยอดค่ะ
รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป รูปไม่แต่งต่างอ่ะไรจากความว่าง ความว่างไม่แตกตากอ่ะไรไปจากรูป ดังนั้นจึงไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย ดังนั้นขัน5ก็คือความว่าง ไม่มีความบกพร่อง ไม่มีความเต็มบริบูรณ์ ไม่มีการบรรลุ ไม่ใช่ไม่มีการบรรลุ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสมุทัย ไม่มีนิโรธ ไม่มีมรรค แต่เป็นการเข้า นิพพาน โดยตรงยังไงล่ะ ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย สะภาวะธรรมทั้งหลายก็คือความว่างนี่เอง ไม่มี รูป ไม่มี เวทนา ไม่มี สัญญา ไม่มี สังขาร ไม่มี วิญญาน ไม่มี ตา ไม่มี หู ไม่มี จมูก ไม่มี ลิ้น ไม่มี กาย ไม่มี ใจ ไม่มี รูป ไม่มี เสียง ไม่มี กลิ่น ไม่มี รส ไม่มี สัมผัส ไม่มีสัมผัส ทางใจ จึงไม่มีทุกข์ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่บำเพ็ญ บารมีนี้ จิตย่อมไม่หวันไหว จิตจึงหลุดพ้นจากความวิปลาสทั้งปวง ดังนั้น พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ไม่ว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต ต้องบำเพ็ญ ปรัชญาบารมี นี้ให้เต็มก่อน จึงจะตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิยาน ยังไงล่ะ ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย แต่พวกท่าน ต้องมองเห็น ขัน5 ก่อน ทำอย่างไรจึงจะมองเห็น ขัน5 กรรมฐาน5 ยังไงล่ะ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อสุภะ ภายใน อสุภะ ภายนอก พวกท่าน จงพิจารณา ให้รู้แจ้ง เสียเถิด
ทุกคนนั้นเป็นผู้รู้ แต่ทำไมไม่เป็นผู้ตื่นล่ะ ตื่นในการรักษาศีล ตื่นในการภาวนา ให้เกิดปัญญา รู้แจ้ง เห็นจิงล่ะ การให้ทานนั้นก็ดี ถึงจะมี อานิสงค์มาก แตอานิสงค์่ยังน้อยกว่าการรักษาศีล ศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ดี ศีล อุโบสด ศีล 10 ก็ดี ศีล ปฎิโมข์ก 227 ข้อก็ดี แต่ทั้งสามอย่างต้องรวมกัน ทาน ศีล ภาวนาจนเกิดปัญญา รู้แจ้งยังไงล่ะ รวมถึง บารมี10 ต้องเต็ม 1ทานบารมี 2ศีลบารมี 3เนกขัมมะบารมี 4ปัญญาบารมี 5วิริยะบารมี 6ขันติบารมี 7สัจจะบารมี 8อฐิฐานบารมี 9เมตตาบารมี 10อุเบกขาบารมี บารมี10เต็ม จึงจะตรัสรู้ธรรมได้ยังไงล่ะ
สมถะ และ วิปัสนากรรมฐาน ใง ท่านทำดุสิ หรือศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าท่านทำตามนี้ ย่อมไปถึงฝั่ง พระนิพพาน แน่นอน ฝุ่ีง
พระพุทธเจ้าเก่งทื่สุเดในโลก คำสอนของพระองค์ก็มื แจกฟรืและขายเยอะแยะ. หรือแค่รักษาศิล5. ก็ปิดกั้นนรกอบายภูมิแล้วค่ะ สมาธิทำให้มืสติและความสุข
ท่านสอนให้รักษาศีล ทำความดีมากมาย ปกป้องพระพุทธศาสนามากมาย มาปฏิบัติก็ไม่เสียเงิน และทำให้ศิษย์หลายคนเปลี่ยนตนเองให้มารักษาศีลได้ ผู้สงสัยต้องมาลองปฏิบัติครับ จึงจะเข้าใจ เรื่องปฏิบัติธรรมเป็นปัจจัตตัง
อย่าฟ้องใครเลยครับดูตัวอย่างวัดพระธรรมกาย โดนใส่ร้ายตลอดไม่เคยฟ้องใคร เอาเวลาไปปฎิบัติธรรมดีกว่าท่านดีจริงก็รอดเอง เเต่อย่าไปว่าร้ายใครอนูปวาโท
Venture Capitalist ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ กรรมฐาน แปลว่า อธิฐานการการงาน เป็นการประกอบอาชีพ พระพุทธเจ้าบัญญัติสมาธิวิปัสนามีดังนี้ ปฐมฌาน, ทุติยฌาน, ตติยฌาน, จตุตถฌาน, อากาสานัญจายตนะ, วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญายตนะ, เนวสัญญานาสัญญายตนะ, สัญญาเวทยิตนิโรธ ไม่มีเตโชวิปัสสนากรรมฐาน พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิก ถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว "ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน" เป็นแค่แม่ชีไม่ได้ออกบวชแล้วยังอุตริสอนภิกษุ ขนาดภิกษุณีที่ออกบวชแล้วยังต้องถือศีลถึง 113 ข้อ นี่เป็นแค่แม่ชีมาแอบอ้างคำสอนของตัวเอง....ศีล 311 ข้อ ของพระภิกษุณี ข้อปฏิบัติของภิกษุณี ๘ ประการ (ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา) ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา คือ เงื่อนไขอย่างเข้มงวด 8 ประการ ที่ภิกษุณีจะต้องปฏิบัติตลอดชีวิตอันได้แก่ 1. ต้องเคารพภิกษุแม้จะอ่อนพรรษากว่า 2. ต้องไม่จำพรรษาในวัดที่ไม่มีภิกษุ 3. ต้องทำอุโบสถและรับโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน 4. เมื่อออกพรรษาต้องปวารณาตนต่อภิกษุและภิกษุณีอื่นให้ตักเตือนตน 5. เมื่อต้องอาบัติหนัก ต้องรับมานัต (รับโทษ) จากสงฆ์สองฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี 15 วัน 6. ต้องบวชจากสงฆ์ทั้งสองฝ่าย หลังจากเป็น *สิกขามานา เต็มแล้วสองปี 7. จะด่าว่าค่อนแคะภิกษุไม่ได้ 8. ห้ามสอนภิกษุเด็ดขาด *สิกขามานา แปลว่า ผู้ศึกษา สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณีต้องเป็นนางสิกขามานา ก่อน 2 ปี พระภิกษุณีต้องถือศีล 311 ข้อ อันได้แก่ ศีล 311 ข้อที่เป็นวินัยของภิกษุณีสงฆ์ ทำผิดถือว่าเป็นอาบัติ สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นรุนแรงจนกระทั่งเบาที่สุดได้ดังนี้ ได้แก่ ปาราชิก มี 8 สังฆาทิเสส มี 17 นิสสัคคิยปาจิตตีย์ มี 30 (อาบัติที่ต้องสละสิ่งของว่าด้วยเรื่องจีวร ไหม บาตร อย่างละ 10 ข้อ) ปาจิตตีย์ มี 166 (ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่งของ) ปาฏิเทสนียะ มี 8 ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่พึงแสดงคืน) เสขิยะ มี 75 ข้อ (ข้อที่ภิกษุณีพึงศึกษาเรื่องมารยาท) แบ่งเป็น อธิกรณสมถะ มี 7 ข้อ (ธรรมสำหรับระงับอธิกรณ์) รวมทั้งหมดแล้ว 311 ข้อ ผิดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าต้องอาบัติ การแสดงอาบัติสามารถกล่าวกับพระภิกษุณีรูปอื่นเพื่อเป็นการแสดงตนต่อความผิดได้ แต่ถ้าถึงขั้นปาราชิกก็ต้องสึกอย่างเดียว
ศีลของพระมีม่ากกว่าสามพันกว่าข้อ เพียงแต่ไม่ได้เอามาสวดทุกวันอุโบสถ
กลางๆนะครับ "มันเป็นแสง แฟลร์ ครับ จะเกิดขึ้นเวลาถ่ายย้อนแสง แล้วแหล่งกำเนิดแสงหันทิศทางมาที่หน้ากล้อง ใครเป็นช่างภาพจะเห็นบ่อย ไม่มีอะไรผิดปกติ"
จะบ้าไปกันใหญ่แล้วถ้าไม่บ้าคงไม่กล้าทำนะไม่ศึกษาธรรมแล้วจะบรรลุธรรมมีที่ใหนถ้าอย่างนั้นไม่ต้องให้ลูกหลานเรียนหนังสือแล้วอายุครบไปรับราชการเลยไม่เปลืองเงินและเสียเวลา
ก้าวข้ามนิมิตรได้ถึงจะสำเร็จธรรม
กสิณ 10 เป็นอารมณ์สมถกรรมฐาน ได้แก่ ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ วาโยกสิณ เตโชกสิณ(เพ่งธาตุไฟ) อากาศกสิณ อาโลกกสิณ(เพ่งความสว่าง)ฯลฯ การเพ่งกสิณดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะกับจริตแห่งตน ส่งผลให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิถึงฌานที่ 4 (จตุตถฌาน) เป็นจิตที่มีพลังเสกเป่าอะไรขลังหมด การเพ่งกสิณนิยมมากในหมู่ฤษีชีไพร เมื่อกสิณแก่กล้าและเชี่ยวชาญในกสิณ จะมีมีอิทธิฤทธิ์และชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ผู้อื่นได้เห็นเสมอ เมื่อมีความยินดีกับอารมณ์วิเศษเหล่านี้ ชื่อว่า "จอดในฌาน"(รูปราคสังโยชน์ หรือ อรูปราคสังโยชน์) ไปไม่ถึง "พระนิพพาน" องค์ศาสดาของศาสนาต่างๆก็อยู่ตรงนี้....พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้ใช้ความเชี่ยวชาญทางฌาน(ฌานที่ 4 เหมาะที่สุด)เจริญวิปัสนา(วิปัสนาภาวนา) เกิด "ปัญญาญาณ หรือ ญาณทัสนะ"(ปัญญาวิสุทธิ์ 5) อบรมจิตออกจากอาสวะ4 คือ กามาสวะ ภวาสวะ วิภวาสวะ(ทิฏฐาสวะ)และ อวิชชาสวะ เข้าสู่ "พระนิพพาน"
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก =สัตว์ โลกเป็นไปกรรม เร็วๆนี้ยํ กมฺมํ กตํ , ตํ กมฺมํ กาเรติ =กรรใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง ไม่เร็วก็ช้า ใครที่แอบ บิดเบือน คงไม่นานต้องได้รับผลกรรม
ฟังแล้ว การเพ่ง เป็นมิฉาสมาธิ สมาธิที่ดีคือการทำให้จิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เรียกว่า สมถะ ไม่ใช่ผู้เพ่ง เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว จึงขึ้นวิปัสนาเจริญปัญญา ขึ้นฌาณ 9 ระดับ ตั้งแต่ปฐมฌาณขึ้นไป จนถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ ...การเพ่งเป็นแค่สมถะ ยังไม่ขึนปฐมฌาณเลย อุตริว่าบรรลุธรรม พวกพราหมณ์ ฤษี ก็ทำได้ การเพ่งทำให้จิตนิ่งๆ รู้ไหมว่าตายแล้วไปไหน ไปเป็นพรม ยังไม่พ้นสังสารวัฎเลย เกิดเป็นพรมแล้วอยู่นานเป็นหมื่นๆกัลป์ พระศรีอริยเมรยตรัยมาบังเกิดบนโลกอีก 91 กัลป์ พวกนี้ยังไม่เจอเลย ไม่สามารถเข้านิพพานได้อีกนาน อวดอุตริว่าบรรลุธรรม พรมเมื่อสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์แล้วก็ต้องลงมาสู่ อบายนรก เปรตวิสัย แล้วเดรัจฉาน ยังไม่พ้นสังสารวัฎ แต่ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ให้มั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างลงมั่นไม่หวั่นไหว ปฎิบัติตามมรรคมีองค์8 อย่างเดียวเท่านั้น เข้าใจปฎิจจสมุปบาทอย่างลึกซึ้งและแหยบคาย ไม่ใช่การเพ่ง เป็นการสอนผิด การบังคับจิตไม่มีทางขึ้นฌาณได้ สมาธิที่ดีจิตจะต้องรู้เอง เวลาคิดจิตรู้ทันว่ากำลังคิดเพียงกระพริบตา พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นสมาธิการภาวะนาชั้นเลิศ ไม่ใช่เอาจิตมาอยู่นิ่งๆแล้วคอยจ้องว่าเมื่อไหร่มันจะคิด ผิดเต็มๆ ผิดมหันต์ หลวงตามหาบัวบอกกับหลวงพ่อปราโมทยว่า ถ้าแยกธาตุขันธ์ไม่ได้ อย่ามาพูดว่าภาวนาเป็น ลองไปถามปฎิจจสมุปบาทดูนะ รับรองไม่รู้เรื่องหรอก จะบรรลุได้ยังไง และพระอรหันต์เหมือนกันเท่านั้นที่รับรองได้ ไปหามารับรองสิ มีอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ คนที่ศึกษาการปฎิบัติรู้กันดี แต่คิดว่าพระท่านคงส่ายหน้า
ผมไม่ได้ก็อป ผมพิมพ์จากการทรงจำในการฟัง พุทธวจน ที่สาธยาย โดยพระอาจรย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ลำลูกกา สูตตะของพระพุทธเจ้าฟังบ่อยๆ เนืองๆ มันก็จะจำได้เอง พระพุทธเจ้าตรัส อย่าบัญญัติในสิ่งไม่เคยบัญญัติ และผมก็ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทยโช วัดสันติธรรม ชลบุรี ถ้าคุณท่องไม่ได้ จำไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่รู้คล่องปากขึ้นใจ คุณสาธยายอิทัปปัจยตา และ ปฎิจจสมุปบาท โดยแยบคาย พิมพ์ลงมาสิว่า จะเข้ากันได้ดีในคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม เพราะทุกคนเข้าในปฎิจจ..ได้หลายรูปแบบ ถ้าคุณไม่เข้าใจอิทัปปัจยตา และปฎิจจสมุปบาท คุณก็ไม่รู้เรื่อง จะบอกให้ อิทัปปัจยตา และปฎิจจสมุปบาทอยู่ในอริยะสัจ4 ในข้อ สมุทัย และ นิโรธ
อยากสน. คุณอ้อย. สนคุณพระ. เรย ทุกคนก็บรรลุธรรมแล้วไม่ใช้เหลอแค่เขียนติดที่หน้าผากหรือบอกผู้อื่นว่าเราบรรลุธรรมเราก็บรรลุธรรมแล้วจะกลาบไหว้คนอื่นทำไม่ แค่เคารพซื่งกันและก้นเข้าคือมนุษย์เราก็มนุษย์เกิดตายเหมือนกัน
สาธุ ... ดีใจที่เห็นค่ะ
สาธุสุดชีวิต
ไม่ต้องเตชงเตโชหรอกรู้ลมหายใจก็พอแล้ว พยายามเห็นเกิดดับจิตหลุดไปคิดอะไร ก็ให้ดึงกลับมารู้ลมหายใจ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรยากไม่ใช้คำยาก
ประตูนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางไว้แล้ว ทางอื่นไม่ใช่กราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า
ผู้ไม่เคยปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจัง ย่อมมีข้อข้องใจสงสัยเป็นธีรมดายิ่งมีอคติด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ยอมรับฟังใดๆ โปรดคิดสักนิดคนที่ทำเพื่อความดีงามขนาดนี้กับคนที่พูดเพื่อใส่ร้ายควรเคารพใครกัน่
พุทธเจ้าชี้นิพพาน เน้นจิต ตามจริตตน เพราะมหากรุณาธิคุณจึงพ้นกิเลส จิตดับถาวร ใช้สติครอง สูญสิ้นเมื่อจิตดับ ดับขันธ์เพียงกาย
โอ้ย ใครเชื่อคลิปนี้ก็ตลกแล้วครับ พูดไปเรื่อยๆ หลักฐานก็ไม่มี นี่ทำclipดูถูกคนดูมากนะครับ
ການທຳ ອະນັນຕະຣິຍະກັມ ຕົກຢູ່ໃນຂໍ້5 ສັງຄະເພທ ຫືລ ເຮັດໃຫ້ຜູ້ອື່ນແຕ່ກແຍ່ກ ເປັນກັມທີ່ຫນັກ ອັນບຸກຄົນກະທັມແລ້ວຍ້ອມເປັນໄປເພື່ອ ນາຣົກ
ฤาษี เขาฝึกกันมาก่อนเป็นพันๆปีแล้ว เขาเรียกว่า จักระ เป็นสมถะกรรมฐาน ไม่ใช่วิปัสสนา(ปัญญาที่เห็นจริงเป็นไปตามธรรมชาติ การเกิด ดับ)
จากที่ได้ศึกษาท่านสอนดี สอนตามหลักพระพุทธศาสนา สอนให้คนทำความดี ละอัตตา รักษาศีลให้บริสุทธิ์ มีความกตัญญู ท่านประพฤติตนดี ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหาเลย
ปิดเลยศาสนาใหม่เราไม่ต้องการ
นั่นมันสปอร์ตไลน์ชัดๆ สติสติ
ลองดับไฟดวงนั้นแล้วถ่ายใหม่อีกครั้งสิครับ มีให้เต๊ะ เบยยย หลักการสะท้อนของแสงกับวัตถุ จุดโฟกัสจะอยู่ตรงวัตถุที่บังแสง เหมือนกระจายรัศมี อิอิ
ขงเบ้ง ดูดาว กล้องห่วย คณภาพต่ำ ถ่ายแบบนี้แสงไม่พอ ย้อนแสงไฟได้ ไม่น่าเชื่อเลยมีคนงมงายได้ขนาดนี้
ชอบเม้นนี้จัง
มันเป็นกรรมที่คนไม่รู้ ที่รู้เข้าไม่ทำแบบนี้หรอกคิดไปเองกรรมจริงๆๆๆๆเหนื่อใจ
ผู้ปฏิบัติธรรม จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝนการใช้ปัญญาให้มาก และใช้กาลามะสูตร..เป็นเครื่องหยั่งใจ แม้แต่ครั้งในอดีต...พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสถามพระสารีบุตรไว้ในบางเรื่อง. ลองศึกษาและลองเอามาเป็นปฏิปทา...ไว้สอนจิต. จะได้ไม่เกิดความหลง. หรือติดอยู่ในขั้นใดขั้นหนึ่งของการปฏิบัติ
เข้าตรวจคำสอน ของพระพุทธเจ้าในเวป E-pititaka+ สมถะวิปัสสนาจะละเอียด ไม่เหมือนอานาปานสติฉบับดั่งเดิมข้อมูลเก่าแก่ที่สุด เชิญสืบค้นค่ะ สาธุๆๆคำสอนพระองค์ โลกียะ ทางโลกโลกุตตระ คือธรรมชั้นลึก สอนเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ดับไม่เหลือเพื่อ นิพพาน
ธรรมมะอยู่ทุกที่ อย่าเชื่อใครง่ายๆ เพียงอย่ายึดติดบุลคลใดบุลคลหนึ่ง อันไหนดีก็ทำไป เชื่ออะไรไปเรื่อยน่ะ...
เตโช. แปล ว่าไฟ !! ไฟนี่คือ การเผากิเลส ท่าพูดลึกๆ เปรียบเหมือน แนวทาง พระพุทธเจ้า...ทรงตรัสกิเลสได้โดยง่ายดาย เหมือนไฟเผา วัตถุ คือว่า...สังเกตุมั๊ย ทำไม. เศียรพระพุทธรูป จึงแหลม..ดูดีๆเป็นลายกนก...เปรียบหรือคล้ายเปลวไฟ...!! คือสื่อว่า พระพุทธเจ้า...ทรงเผาไหม้กิเลส หมดแล้วโดยสิ้นเชิง...!! ทำไม่ ผมของพระพุทธรูป จึงขด เป็นก้นหอย เปรียบเหมือน มีปัญญาเฉียบคมและเเหลมเหมือนดังก้นห้อย...!! ผมมองว่า. เขาคงได้ แรงบันดาลใจ มาจาก เปลวไฟบนเศียร พระพุทธรูป. แล้ว มโนยึทธิ..!! เอาเอง...!!
ไปรับยาช่อง..๒.ด่วน
เพ็ญนภา ปานทอง 5555
มีสติ ศึกษาพระธรรมเอง จะฉลาดรู้ในธรรมของพระพุทธองค์ใครก็หลอกยาก ฟังแปบรู้ว่าตัวหลอกหรือตัวจริง ไม่ชอบอ่านก็ฟังพระอริยะเทศนาในยูทูปบ้างเสียงที่แท้จริงมีเยอะคับ
อวิชาคือความไม่รู้ในอริยะสัจสี่
พระศาสดาสอน ให้รู้ อริยะสัจสี่เพื่อใช้แก้ปัญหา ความตาย.อริยมรรคมีองค์แปดคือหนทางเดียวที่ชนะความตายได้ สาธุ.
จะเล่าแบบใหนก็ตามใจเถอะ เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตาม
ก่อาจจะเปนได้แต่ดวยการบันลุทำต้องได้เหนดวงตาเหนทำรุ้แจ้งเหนจิงจึงสำเรจอรหันคล้ายๆองคิรีมารคนทีทำผิดธรรมวินัยคืออาบัตมีโทดตามลำดับถ้าอาบัตปะราชิกแล้วจะรุ้แจ้งเหนจิงแล้วจะบันรุได่ไง คนถือสิน5ชีถือสิน8เณรถือสินสิบพะถือสินสองร้อยยี่สิบเจด
ฟังความหลายฝ่าย@ อาจเป็นไปได้หรือไม่ได้ กับดักมีมากครับ ทำให้ หลง ทาง ง่ายๆ🔄🔂🔁🔃🔇🔇🔊🔎🔖
สาธุให้ใด้อรหันต์ จะได้ไม่เกิดอีก สาธุ
สาธุครับ
เจ้าสำนัก...ผงที่มารโปรยลงมามันคือ"ไรฝุ่น" ขอรับ
มารที่คอยทำรายศาสนา
แปลกมากผู้วิเศษทั้งชายหญิงเกิดมากหลายสํานัก พร้อมกับการมาของไวรัสโควิด_19สรุปลงที่ พุทธภาณิช
รีสอร์ทสวยมากคับ บรรยากาศก็ดี
สมถะคืออะไรเหรอคับ
แล้วอานาปานสติถือเป็นสมถะรึป่าวคับ วิปัสสนา กับอภิญญาเหมือนกันมั้ยคับ
มาดูในเฟรสผมนะผมถ่ายรูปพวกนี้เล่นทุกวันมันสะท้อนได้ถ้ามีแสงนะ ถัาไม่มีแสงนะไม่ได้แบบนี้ แต่ถ้าปฎิบัติจริงถ่ายแบบไม่ต้องโดนแสงก็จะมีรัศมีนะ ครับดูได้ในเฟรส อ.ต้นเศรษฐี ครับ สาธุๆๆ
หิ่งห้อยยักษ์ นะนี่!5555
+อาญาสิทธิ์ อาญาธรไม่มีใครเปลี่ยนความคิดคุณได้เหมือนสีดำไม่อาจเปลี่ยนเป็นขาวได้
ท่านทั้งหลายที่มาวิจารณ์ กล่าวอ้าง ช่างตีความ เตโชวิปัสสนา กันไปแบบคนละเส้นสายไปเลย ยิ่งฟังยิ่งพิจารณา ยิ่งงง ปฏิบัติเตโชวิปัสสนามานาน ก็ไม่เห็น สภาวะธรรมดั่งที่ ได้วิจารณ์กัน มีแต่ความสงบระงับ รู้ตัวทั่วพร้อม ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย วางจิตนิ่งเป็นอุเบกขา ได้ ถึงแม้จะชั่วขณะหนึ่งก็ตาม แต่ก็ทำให้เข้าใจในอุเบกขาธรรม อันพระบรมศาสดา ตรัสสอนไว้ ว่า...อ้อ เป็นอย่างนี้เอง
ว่างเปล่า ปล่อยว่างเสีย เกิดมาชดใช้กรรม ไปพร้อมกับการสังสมบุญจิตเท่านั้น ตัวหลุดพ้น ผ่านพ้น เวียนว่ายตายเกิด เป็นที่สุดของทุกสรรพสิ่ง ธรรมชาติสิ่งใดบนโลกนี้จะเป็นนามหรือรูป เป็นเช่นไร ก็เช่นนั้นยั้งจิตไม่ให้ผูก ยังใจไม่ให้หลง ว่าสิ่งนั้นสำคัญ ว่าสิ่งนี้สำคัญ ที่สุดแล้วมนุษย์สมมุติ ขึ้นมาเอง ธรรมชาติมันก็เป็นเช่นนั้นแล ใยต้องวุ่นวายกันทำไม หมั่นปฏิบัติ ภาวนาตนไว้เถอะ เพื่อข้ามผ่านพ้น จากทุกข์ และ สุข ที่ปรุ่งแต่ง เพื่อข้ามผ่านพ้น อันกงเกวียน หรือกงกรรม เทพอย่าได้หวัง พรมห์อย่าได้เป็น เทวดาอย่าได้ฝัน อาจไม่หลุดพ้น ถึงนิรันดอน ไม่ขอเป็นผู้วิเศษ เหมือนเทวดา หวังเพียงว่า อย่าเวียนว่ายให้ตายเกิด เหลือเพียงจิตเป็นนิรัน ให้หลุดพ้น จากทุกสรรพสิ่ง จนที่สุด - ฉันจะไป ไม่ยอมกลับ จะกี่พบกี่ชาติก็ไม่มา จะจางหาย หายลับตลอดจน นิรันกาลเอ่ย.พิมสดไม่ปรุงแต่งลอกเรียน เกิดจากใจที่จะเผยแพร่ แนะนำย้ำเตือน ผิดพลาดต้องไหนโปรดจงอภัย. @fb..teerayoot tonwut
พุทธสอนให้ วิปัสสนา ดูทุกข์เพื่อดับทุกข์ ไม่ใช่ให้นั่งเพื่อสบาย ถ้าสบายแล้วจะเห็นทุกข์ได้ไง ปัจจุบันไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว แต่เรามีพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า นั้นคือ พระไตรปิฎก ใครไม่เชื่อพระไตรปิฎกไม่ใช่พุทธแล้ว
ฉันนั่งภาวนาจนตูดเป็นหนอง จึงเกิดปัญญาเข้าใจในอริยสัจะธรรมเห็นเหตุ แห่งทุกข์ สติปัฎฐานสี่ กายเวทนา จิต ธรรม ทางเดินมรรค8 จิตหลอกจิตสร้างนิมิตให้จิตหลง(อย่าหลงไม่ใช่)นิมิตหลงอาการ เป็นองค์ประดับของผู้มีปัญญา เท่านั้แหละย่าติดจ้า.!
ิขอเปิดปะตูนิพาล....ปลุกไอร้อนในกายตอนนี้มากครับ
ผมไปเม้นต์ในเพจของคนนี้ว่า "มันเป็นแสงแฟร์ คนเล่นกล้องจะรู้ดี" ไม่เกิน5วิ ลบข้อความผมออก เหลือไว้แต่พวกเม้นต์ข้อความ สาธุๆๆๆๆ
วรินทร ตุ้มทอง เป็นการแสดงความคิดเห็นครับ ไม่ใช่วิจารณ์กรุณาแยกแยะให้ออกด้วยครับ
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ด้วยไม่ใช่หรอครับว่าเราต้องเป็นดั่งม้าอาชาในเพราะม้าอาชนเวลามันกินอาหารมันก็จะนึกคิดไปหลายอย่างแล้วว่าวันนี้มันจะต้องทำอะไรบ้างเราจงเป็นดั่งม้าอาชาในผมไปฟังมาจากพุธวจนนะครับแล้วผมก็คิดว่าการใช้กรรมฐานทั้ง40กองก็ใช้ได้อยู่ที่ว่าเราจะเหมาะกับกรรมฐานกองไหนอย่างเช่นถ้าเรามักมากในกามเราก็ควรจะนั่งอสุภะกรรมฐานครับแต่ที่ผมคิดนะครับยุคสมัยนี้น่าจะเหมาะกับอานาปานสติกรรมฐานหรือกายคตาสติครับผมก็มีความรู้ไม่มากนะครับพูดผิดอะไรไปก็ขออภัยด้วยนะครับอย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับเพราะผมยังเบาปัญญาอยู่ผมแค่อยากให้รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นคำสอนที่ดีที่สุดเพราะทั่นเป็นผู้เลิศในโลก
คิดว่าเป็นแสงแฟลชครับผม
ให้เห็นว่าจิตนั้นมีอนุภาพมา.แต่การติดกับอวิชนี้เสียดายเสียมใว..ต้องพ่านอีกหลายขั้นตอนครับ.คะ
มีแต่รู่ทันกิเลสและละกิเลสไม่หมดหรอก..พระพุทธเจ้าสอนให้ละกิเลส.รู้ทันกิเลสเพื่อละให้เบาบางมากกว่า
คิดว่าบรรลุ เปนกันทุกคนครับ แต่จะมีใครฉุกคิดได้บ้างเท่านั้นเอง
ผมดูมาหลายคลิป ของหลายคน มาหลายวันแล้ว ถ้าผมมือไวปากไว แล้วที่คุณตอบผมใน30นาที เรียกว่าปากไวมือไวไหมครับ หรือว่าทำได้แค่ก้อปปี้แปะ ไม่ได้คิดอะไร
สงสารตัวเองเถอะ แค่คนแต่งหนังสือยังไม่ออก
คิดในแง่ดี..ก็ดี เขาอยู่ดี ไม่ไปทำร้ายใคร เขาก็ดี ส่วนใครเห็นต่าง ก็จะเป็นดั่งผู้บรรยายคลิป ทำลายความน่าเชื่อถือของเขาให้ได้. สำคัญคือการปฏิบัติ ปฏิบัติดีมันก็จะดี ถ้าไม่ดีก็จะมีให้สังคมติฉินเองตามธรรมชาติ
สุดยอดค่ะ..คนแถลงจิงแท้
ไม่รู้นะ แค่สงสัยว่า หลอกลวงชาวบ้านหรือเปล่า สำนักปฏิบัติธรรมเยอะแยะไม่ไป ทำไมต้องมาที่นี่ หรือ แก๊งเดียวกัน ความเห็นนะ
เยี่ยมไปแล้วครับ
สัมภาษณ์อดีตศิษย์แล้ว ก็สัมภาษณ์ศิษย์ปัจจุบันด้วยเพื่อความเป็นกลาง ไม่บิดเบือน
การ หลุดพ้น หรือ จะบันรุธรรม ไม่อยาก. อยู่บ้านก็บันรุ ธรรมได้
ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดหรือสอนตามที่ทาง เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา มาเสนอเลยนะคะ ท่านได้ชี้แจงผ่านสื่อไปแล้วอย่างแจ่มแจ้งและท่านกำลังเตรียมฟ้องเพจต่างๆที่กล่าวหาท่าน โดยมีทีมทนายชื่อดังกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ค่ะ
Chali Sa การฟ้องร้องคนอื่นไม่ใช่วิศัยของผู้บรรลุธรรม ผู้บรรลุธรรมควรวางใจให้เป็นกลางไม่ตอบโต้ พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ถูกด่าถูกนินทาใส่ร้ายต่างๆนาๆท่านยังไม่โกรธและไม่เคยตอบโต้คนที่มากล่าวมาด่าท่านเรย การที่เตรียมจะฟ้องร้องคนอื่น แค่นี้ก็รู้แล้วว่ายังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูง เต็มที่คงได้แค่สมาธิขั้นหนึ่งขันใดหรือได้แค่ฌานสมาบัติ4เท่านั้น จึงทำให้ความหลงจนคุมไม่อยู่เรยคิดว่าตนได้บรรลุธรรม คนที่ปฎิบัติส่วนมากจะเป็นกัน พอจิตมังปรุงมันแต่งก็พากันเกิดความหลง บางคนคิดว่าต้นเป็นผู้วิเศษก็มี ไม่แปลกอะไร คนแบบเดียวกับนาง เห็นมาเยอะ
วรินทร ตุ้มทอง เอาละผมขี้เกลียดเถียงด้วย ผมเชื่อในคำสอนของพระศาสดากับพระอริยะเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้น ที่เหลือแต่งกันขึ้นกันเองทั้งนั้น
วรินทร ตุ้มทอง ก็ผมยังไม่ใช่ผู้บรรลุธรรมไงคับถึงสามารถวิจาร์ยได้ตำนิได้ ถ้าผมบรรลุธรรมแล้วผมจะออกมาความเห็นทำไม แค่จะอธิบายให้เข้าใจว่าวิศัยของผู้บรรลุธรรมจริงๆเขาเป็นยังไง อย่างที่ธิบายในข้างตน ผู้บรรลุธรรมจริงๆต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดี ยินร้าย กลับคำพูดและคำตำนิติเตียนและคำวิจาร์ยของคนอื่น การที่เธอเตรียมจะฟ้องร้องผู้ที่ปล่อยข่าวออกมา แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่า ไม่ใช่ผู้บรรลุธรรม แค่ได้ฌานขั้นใดขั้นหนึ่งเท่านั้น
Chali Sa อย่าเชี่อไม่งั้นคุณจะหมดตัว:พอควยใหญ่ก็สึกเอาเงึนญาติโยมหนีไปต่างประเทศหลายคนแล้ว:วางแผนอย่างเนียนเขากะเอาเป็นพันล้านขอบอก
นี่คืออุปปกิเลศวิปัสนา มันคืออาการของจิต ที่มาจากการเพ่ง จะเพ่งเตโช เพ่งลม เพ่งอะไรก็ตามเจตนาของจิต มันสามารถข่มนิวรณ์ ให้เกิดสงบไปสู่จิตว่างๆ เเล้วเข้าใจว่าได้ผล เพราะกิเลสมันบางลงตามกำลังเจโตสมาธิ อาการมันก็ปรุงเเต่งไปต่างๆจนถึงจิตว่าง เเล้วตนหลงสภาวะ อาการจิตเป็นเจ้าของอาการ ธรรมดาถ้าเราย้อมทางสมาธิ กำลังสมาธิมันก็ข่มนิวรณ์ ให้เกิดความสงบ ไม่ได้หมายความว่าบรรลุ บางคนกายธาตุเเตก พอท่านถึงปัญญา ท่านก็เข้าใจว่า ไม่มีใครบรรลุ เราเป็นเจ้าของสิ่งใดไม่ได้ เเล้วก็มาตรึกเอาเอง อยากให้คนสรรเสริญ นี่พวกปรารภตนเอง ไม่ได้ปรารถธรรม เป็นขั้นเด็กประถม เเต่เข้าใจว่าป้าเเกก็ตั้งมั่นเเหละ เเต่ไปหลงอาการเข้าเเล้ว เเต่อ้างว่าบรรลุธรรม ผู้เข้าถึงธรรมเเท้จริงไม่อาจกล่าวคำว่าบรรลุ ท่านเห็นว่า มันคือธรรมดา อาการอย่างนี้นก็เป็นเจ้าของไม่ได้ ธรรมอาศัยผัสสะทางรูป อายตนะนอกใน เเละการตีอวิชา เเละเป็นผู้เข้าใจอาการเเห่งจิต ผู้ไม่เข้าใจย่อมหลงอาการเป็นธรรมดา เเล้วคิดว่ากูเป็น บ่าอรหันต์ บ้าบรรลุ เเหมธรรมคถาคตทุกวันนี้เป็นธรรมเเห่งการขายของซะเเล้ว ใช้คำว้าบรรลุอ้างนิพพานเป็นจุดขาย เเปลงร่างเป็นขั้นๆ จนไม่ใช่มนุษย์ขี้เหม็นไปเเล้ว เป็นเทวดากันไปหมด มีเเสงก็คิดว่าตนวิเศษซะเเล้ว นี่ตือผู้หลงอาการจิต
สงสัยประเทศเราจะมีจานบินอีกลำล่ะ😂😂ผมว่าปล่อยเถอะคัฟ ยิ่งไปยุ่ง ก้อยิ่งกลายเปนการเพิ่มกระแสความอยากรุ้อยากเหนซ่ะป่าวๆ ตัวเค้า เงินเค้า ความโง่ก้อของเค้า จะโดนหลอกโดนโกงก้อเรื่องของมัน.
ใจเยนๆคัฟ ผมก้อยังไม่ได้ว่าคัยเลย #ที่ผมบอกคือ คัยจะเชื่อไม่เชื่อ ก้อปล่อยเค้าไปเหอะ ไม่ต้องไปหวังดีแทนคนอื่น จะเรื่องจริง โดนหลอก โดนอะรัย ก้อเรื่องของเค้า" เอาตัวเราให้รอดก้อพอ"😊 #ตั้งใจอ่านดีๆก่อน#ไม่ต้องรีบพิมพ์#ส่วนเรื่องเวรกรรม??? ให้ระวังมันคืนสนองน่ะคัฟ😊😊😊
คนอยากได้ของดี แต่ไม่อยากทำดี อาจารย์สอนให้คนได้ของดี โดยการนั่งวิปัสสนานั้นเป็นสิ่งดี แต่ถ้าคนคนนั้นละเลยศีลห้า และมีความคิดต่อผู้อื่นที่ไม่ดี ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง ก็น่าเสียดายเขาจะไม่มีวันได้ของดี อาจารย์ควรสอนพื้นฐานของการทำลายกิเลสเสียก่อน ส่วนวิปัสสนาทำทีหลัง แล้วฌานจะมาเอง
การตำหนิพระไตรปิฏกฃึ่งพระพุทธองค์สั่งสอนไว้ดีแล้วโดยชอบแล้วผู้นั้นจักไม่มีทางได้บรรลุธรรมแน่นอนได้บรรลุธรรมก็บรรลุแบบหลงผิดเรียกว่าโลกียะชั้นต่ำ จงอย่าหลงทางผิดอีกเลย
![[LIVE 🔴] อาลัย "อ๋อม อรรคพันธ์" นักแสดงมากความสามารถ](http://i.ytimg.com/vi/OeEE279xvFQ/mqdefault.jpg)
![[LIVE 🔴] อาลัย "อ๋อม อรรคพันธ์" นักแสดงมากความสามารถ](/img/tr.png)
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านอาจารย์ ขอน้อมกราบที่ได้เมตตาสอนสั่งศิษย์ ธรรมะของพระบรมศาสดาตลอดมาครับ
รักอาจารย์และพระพุทธเจ้ามาก
ผมไม่เคยได้ยินว่าใช้ไฟดับกิเลสได้นะ มีแต่เคยได้ยินว่าใช้ปัญญาตัดกิเลส
กสิณไฟ ดับกิเลส หลวงปู่สรวงเคยเะ่งจ้องกสิณไฟดับกิเลส
การบรรลุธรรมไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพศบรรพชิตเท่านั้นเฉดเช่นเดียวกันการทำบาปไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพศผฆารวาสเท่านั้น การจะไปกรุงเทพมหานครมีหลายทาง แต่กรุงเทพมีที่เดียว เฉดเช่นเดียวกันวิธีการปฏิบัติเพื่อบรรลุถึงธรรมมีหลายวิธีแต่ประตูอรหันต์นิพพานมีบานเดียว ดูก่อนจึงพึ่งตามจริตของตนเถิดอย่าสำคัญหลงที่เส้นทางอีกเลย อนุโมทนา สาธุ
ศึกษาธรรมอันเป็นธรรมของพระศาสดาผู้รู้จริงรู้แจ้งแล้วจะไม่ฟังคำปุถุชนในเรื่องอวดอ้างตน มิสาแก่ใจบังอาจดูหมิ่นพระพุทธเจ้าได้ ขอผู้ที่เชื่อพิจารณา เราเคารพศรัทธาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อย่างที่รู้ที่เห็น สวรรค์นรกบนดิน คนทำดีก็ทำดี คนทำชั่วก็ทำชั่ว ชัดมากหน้าที่มครหน้าที่มัน วิจารณ์กันโดยไม่รู้เหตุผล ไม่มีใครช่วยใครได้ กรรมใครกรรมมัน
ทุกๆอย่างมีบุญบารมีของเรา เป็นตัวกำหนดเป็นเครื่องนำทาง
อย่าไปก้าวล่วง หรือตัดสินใคร คนนั้นถูก คนนั้นผิด
การที่พระพุทธเจ้ามิได้ตรัสสอน ก็มิได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นไม่ถูก
เพราะในโลกนี้ เอกภพนี้ ยังมีองค์ความรู้และภูมิปัญญามากมายหลายสิ่งที่รอคนมีบุญบารมีไขเปิดออก ทั้งทางตรง ทางลัด โปรดทำใจให้เป็นกลางเปิดใจกว้าง
เพราะถ้าใครเข้าใจคำว่า พ่อ-แม่ อย่างแท้จริงก็จะรู้ว่าพ่อ-แม่ ของเรานี่แหละคือ
ต้นธาตุ-ต้นธรรม
ธัมมไชโยส่งมาแทน..จงบอกมาเดียวนี้ธัมมไชโยอยู่ที่ได
เห็น การเกิดชึ้น ตั้งอยู่ และ ดับ ไป เพียงเท่านี้ได้ ก็ถือว่าบรรลุธรรมของขั้นโสดาบันเบื้องต้นแล้ว มอง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงได้ในสังขารในโลกใบนี้ ก็ถือว่า ดวงตาได้เห็นธรรมแล้ว เจริญพรจร้า
ท่านสอนให้เราเป็นผู้ที่เข้าถึงของพระบรมศาสดาผ่านการปฎิบิติภาวนาด้วยความเพียรและวิริยะ ปัจจัตตังคือเราเท่านั้นที่รู้จริง..ขอบคุณที่ท่านช่วยเกลาจิตที่หยาบกระด้าง
จริงแล้วคนที่ว่าเขา ตัวเองก็ตรวจสอบเขาไม่ได้
ผมว่าก็ดีนะ่ครับคนที่มีปัญญาก็จะพิจรณาได้เพราะพระพุทธองศ์ให้เราพิจรณาก่อนจะเชื่ออะไรง่ายๆและให้เราลองปฎิบัติดูก่อนว่ามันพ้นทุกข์ได้จริงรึเป่าเพราะศาสนาเราสอนให้พ้นทุกข์ไม่ได้สอนให้เชื้อในปาฎิหาริ คิดดี พูดดี ทำดี ถือศีลให้ครบก็พ้นทุกข์ได้แล้วเมื่อศืลเราบริสุทธิ์ การที่เราจะเข้าถึงสมาธิก็ง่ายขึ้น การพิจรณาธรรมก็ง่ายขึ้น พระพุทธองค์ทรงแยกบัวไว้สี่เหล่าคนที่ยังไม่ถึงธรรมก็จะหลงเชื่ออะไรง่ายๆโดยไม่เอาไปคิดพิจรณาและทดสอบกับตนเองก่อน คนที่เอาศาสนามาอ้างแล้วสอนผู้อื่นแบบผิดๆนั่น ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆารวาสเวรกรรมก็คงจะตามทันเองแหละครับเหมือนพระที่เคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้นหรอกครับประเทศไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เขาหลอกคนทั้งโลกได้แต่หลอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้หรอกครับเมื่อวิบากกรรมที่ทำมาถึงเขาก็จะชดใช้เองผมเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ ขอให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆจงพบกับธรรมะที่แท้จริงและบริสุทธิ์นะ่ครับ สาธุ
ขอโทษครับผมไม่ได้ว่าใครครับผมก็แค่ออกความคิดเห็นครับถ้าเราไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร คำชื่นชมและนินทาเป็นของคู่กันถ้าเราเข้าใจในหลักธรรม ผมขอโทษที่เขียนไปให้คุณเข้าใจผิดที่ผมเขียนไปผมพูดถึงบุคคลที่ทำไม่ดีครับ ถ้าท่านปฎิบัติดีแล้วก็อนุโมทนาด้วยครับ ผมมีพระพุทธองค์เป็นแนวทางอยู่แล้วครับท่านให้พระสงฆ์สังสอนมา2500ปีแล้วและก็พ้นทุกข์ได้จริงครับ
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ มิใช่จุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระคือความสำรวม เพื่อปหานะ คือความละ เพื่อวิราคะ คือคลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งสัตว์ คือคิดเอาไม่ได้ หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพึงรู้ได้
ปริยัตินั้นสำคัญปฏิบัติก็เช่นกัน สองอย่างต้องมี ครูบาอาจารย์ที่คอยแนะนั้นสำคัญยิ่ง ทั้งสามอย่างไม่เห็นมีในอัจฉลา เมื่อไร้ปริยัติการปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก ครูอาจารย์ผู้ชี้แนะเส้นทางก็ไม่มี_เพียงฝันๆก็ทึกทักเห็นท่าว่าไม่ควร. ..กษิณหรือไฟไม่อาจเผาไหม้กิเลสทั้งปวงและนั่นเป็นความคิดแบบฤาษีชีไพรในสมัยที่ยังไม่มีพระพุุทธเจ้ามาตรัสรู้_งมโข่ง การเพ่งกษิณแบยพุทธก็เพื่อให้ชัดแจ้งในอนิจัง ทุกขัง อนัตตา เพื่อจิตละวาง
..กษิณไฟก็เช่นกัน ..ขอความกรุณาอย่ามอมเมาประชาชนอีกเลย เพราะนั่นไม่ใช่คำสอน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักธรรมวินัยแห่งพุทธ เห็นว่านรกรออยู่เบื้องหน้าเป็นแน่ครับ
สรรพสิ่งมีจิตล้วนน่าสงสาร เวทนา ต้องมาวนเวียนไม่รู้จบ ทางมาไม่รู้ทางไปจึงหาไม่เจอ จึงต้องย่ำอยู่กับที่ร่ำไป ภพคือกลาง กลางคือจิต จิตคือสูญ โดยสติ เรียกนิพพาน
ที่เห็นน่ะเพราะถ่ายย้อนแสงรองปิดไฟดู รับรองรัศมีหายทุกวันนี้คนเราเป็นอะไรกันนี่แหละที่พระพุทธองค์ทำนายไว้ศาสนาและพระองค์จะถูกทำลายจากบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีต่อพระพุทธศาสนาคิดเอาเองมโนเอาเองหรือเปล่าสมเด็จโตหรือสมเด็จพระพุทธจารย์โตทันก็ยังศึกษาพระไตรปิฎก ละเอียด อย่างที่หลายๆคอมเม้นว่ามาท่านก็ไม่เคยสอนไว้ในวิชาเตโชวิปัสสนาเอาล่ะครับโลกเราวิบัติแล้วเจ้าลัทธิต่างๆนานาเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์ใหม่อันนี้มาเจ้าสำนักใหม่เดี๋ยวดีไม่ดี กลายเป็นพระพุทธเจ้าอีกกรรมของคนไทยแท้พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่ากว่าจะมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีกพระองค์ก็ต้องรอให้สิ้นยุคศาสนาขององค์ปัจจุบันก่อนนี่ยังไม่สิ้นเลยเกิดขึ้นเยอะแยะประเทศไทย่ดีนะ มีบุคคลสำคัญเกิดขึ้นเยอะเลย ยังเยี่ยมไม่ต้องกลัวน้ำท่วมอีกแล้วที่เขาบอกว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพไม่ต้องกลัวนะ พระอรหันต์นอกศาสนาเยอะเลยนิวส์คงนิวเคลียร์ก็ไม่ต้องกลัว ปัดได้หมดไม่ต้องกลัวสุดยอด Thailand สาธุสาธุสาธุ เอาฮานะอย่าเครียด
ในพระพุทธศาสนา มีหลักอยู่ ๒ อย่างคือ ๑.สมถะ เน้นที่คำว่า "เพ่ง" เพื่อให้อารมณ์มันสงบนิ่งในสภาวะเดียวหรืออารมณ์หนึ่ง คือ ไม่ฟุ้งซ่าน ซัดส่าย จุดหมายคือ ปรามจิตให้สงบนิ่ง ๒. วิปัสสนา เน้นที่ "พิจ" หมายถึง พิจารณาอาการของสภาวะที่อุบัติขึ้น และน้อมไปสู่การพิจารณา ให้เห็นสภาวะที่แท้จริงทางกายภาพและจิตภาพ ที่อุบัติขึ้น โดยน้อมไปสู่กฎสากลของสรรพสิ่งคือ เกิด ดำรงอยู่ และสลายลง หรือ ตามหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในกระบวนการในฐาน ทั้ง๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม เป้าหมายคือ เข้าใจสัจธรรมของสรรพสิ่ง รวมทั้งชีวิต จิตใจ และเข้าถึงในตัวเองอย่างลึกซึ้ง จากนั้นถอนการยึดมั่นอุปทานในสักกายทิฏฐิเสีย จิตจึงจะถึงระดับกลางๆ คือ ว่าง ไม่มีดี ชั่ว มาปะปน เหลือแต่สภาวะล้วนๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ละเอียดอ่อน ผลจากปฏิบัติจริงๆ อาจไม่มีผลตามหลักการก็ได้ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะตน เหมือนหลักการของครูโซฟิสต์ในสมัยกรีกยึดถือกัน แต่พุทธศาสนามีหลักเอาไว้มิให้หลงทางหรือหลุดกรอบพุทธทัศน์นั่นเอง
หลุดพ้นทุกข์ได้มีสองทาง ทางปัญญา. กับทางเจโต จิตหลุดพ้น. ชินบันชร เพื่อแผ่เมตตา เจริญเมตตาให้กว้าง ทุกดวงจิตดวงวิญญาณ. ด้วยชาญสมาธิ
พึงรักษาจิตของเราให้ดีก็พอครับ ใครดีใครร้ายอย่าไปเอามาทำให้ใจเราเศร้าหมองเลยครับ มองส่วนที่ดีเอาแล้วกัน ผมเชื่อว่าในร้ายก็มีดี
ถูกต้อง
สมัยพุทธกาล มีสุซิมะปลอมมาบวชเพื่ออยากจะได้อิทธิปาฏิหารย์ ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าได้เรียกมาสอน กฎอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท
กฎอิทัปปัจจยตา
อิมัสมิง สติ อิทังโหติ
เมื่อสิ่งนี้ “ มี ” สิ่งนี้ย่อม “ มี ”
อิมัสสุปาทา อิทังอุปปัชชะติ
เพราะ “ความเกิด” ขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึง “เกิด” ขึ้น
อิมัสมิง อะสติ อิทัง นะโหติ
เมื่อสิ่งนี้ “ ไม่มี ” สิ่งนี้ย่อม “ ไม่มี ”
อิมัสสะ นิโรธา อิทังนิรุชฌะติ
เพราะ “ความดับ” ไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึง “ดับ” ไป
ปฏิจจสมุปบาท สายเกิด จากพระโอษฐ์
เพราะมี อวิชชา เป็นปัจจัยจึงมี สังขาร ทั้งหลาย
เพราะมี สังขาร เป็นปัจจัยจึงมี วิญญาณ
เพราะมี วิญญาณ เป็นปัจจัยจึงมี นามรูป
เพราะมี นามรูป เป็นปัจจัยจึงมี สาฬายตนะ
เพราะมี สาฬายตนะ เป็นปัจจัยจึงมี ผัสสะ
เพราะมี ผัสสะ เป็นปัจจัยจึงมี เวทนา
เพราะมี เวทนา เป็นปัจจัยจึงมี ตัณหา
เพราะมี ตัณหา เป็นปัจจัยจึงมี อุปาทาน
เพราะมี อุปาทาน เป็นปัจจัยจึงมี ภพ
เพราะมี ภพ เป็นปัจจัยจึงมี ชาติ
เพราะมี ชาติ เป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้น พร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้
ปฏิจจสมุปบาท สายดับ จากพระโอษฐ์
เพราะมีความจางคลายดับโดยไม่เหลือแห่ง อวิชชา นั้น นั่นเทียวจึงมีความดับแห่ง สังขาร
เพราะความดับแห่ง สังขาร จึงมีความดับแห่ง วิญญาณ
เพราะความดับแห่ง วิญญาณ จึงมีความดับแห่ง นามรูป
เพราะความดับแห่ง นามรูป จึงมีความดับแห่ง สฬายตนะ
เพราะความดับแห่ง สฬายตนะ จึงมีความดับแห่ง ผัสสะ
เพราะความดับแห่ง ผัสสะ จึงมีความดับแห่ง เวทนา
เพราะความดับแห่ง เวทนา จึงมีความดับแห่ง ตัณหา
เพราะความดับแห่ง ตัณหา จึงมีความดับแห่ง อุปาทาน
เพราะความดับแห่ง อุปาทาน จึงมีความดับแห่ง ภพ
เพราะความดับแห่ง ภพ จึงมีความดับแห่ง ชาติ
เพราะความดับแห่ง ชาติ นั้นแล ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสะ ทั้งหลายจึงดับสิ้น
ความดับลงแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ : ดังนี้
ครั้นสอนแล้วพระพุทธเจ้าจึงถาม สุซิมะ ว่า ยังต้องการ อิทธิปาฏิหารย์อยู่ไม สุซิมะตอบไม่ต้องการพระเจ้าคะ
ยังต้องการอาเทปาฏิหารย์ สุซิมะตอบไม่ต้องการพระเจ้าคะ
มันแตกต่างกันสิ้นเชิง กลายเป็นหลงงมงาย
สมัยพุทธกาลยังมีเรื่องราวเรื่องพระอรหันต์แสดงอิทธิปาฏิหารย์ พระพุทธเจ้ายังเรียกประชุมสงฆ์เรียกพระอรหันต์มาด่าให้เสียๆ หายๆ อีกมากมาย
ทางใดๆก็ตาม หากอยู่ในแบบ (กรอบ) มรรคมีองค์8 ก็พอ
ขอน้อมร่วมเป็นกำลังใจท่านอาจารย์ อัจฉราวดี วงสกล ท่านได้ตอบอย่างชัดเจน ขอให้ทุกท่านเปิดใจให้กว้าง ท่านทำให้เห็นอย่าเป็นคนทอดธุระในการปกป้องพระพุทธศาสนา ควรเน้นทำ มากกว่าพุด. ก่อนจะวิจารณ์ใครโดยไม่ศึกษารายละเอียดอย่างแท้จริงว่าท่านอาจารย์ทำอะไรบ้าง ทำมานานขนาดไหนทำเพื่ออะไร "บ้างทีการที่จิตไม่ถึงก็จะไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็คิดคิดว่าสิ่งนั้นไม่มี ". อย่างความกตัญญู ถ้าคนใดไม่เคยคิดถึงผู้ที่มีพระคุณ คิดว่าทึ่เราได้ดีทุกวันนี้เพราะเราเก่งแต่เพียงอย่างเดียว ก็จะไม่เข้าถึงความกตัญญู อย่างแท้จริงก็ได้แต่บอกใครต่อใครว่าคิดนะด้วยเพราะกลัวว่าใครจะมองเราไม่ดี พิจารณาเถอะ พิจารณา พิจารณา มหาพิจารณา ว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือไม่วางอคติเถอะครับ
การปกป้องศาสนาก็ไม่ควรตำนิใน พระไตรปิฎก เพราะอะไร ? พิจารณาเอา ความกตัญูญู ที่กล่าวอ้าวก็ควรนำไปใช้กับผู้ที่มีความสัมพันพ์ต่อกันหรือผู้ที่เกลือหนุนกัน ปฎิบัติธรรมได้ก็คงจะ พิจารณาธาตุเป็น ร่างกาย มีธาตุดินกับ ธาตุน้ำ ส่วน ธาตุลมและไฟเป็นธาตุอาศัย ร่างกายดับ ธาตุไฟกับลมก็จากไป โดยธรรมชาติควบคุมไม่ได้ หลงทางในการปฎิบัติแถมสอนทางผิดๆอ้างอิงแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ ไม่ใช่เป็นการปกป้อง แต่เป็นการ ทำลาย ศาสนา มี อเวจี มหานรกเป็นจุดหมาย ถ้าคิดว่าถูกทางแล้วก็เดินต่อไปเถอะ แต่ไม่ต้องโฆษณา ล่อแมงเม่าหรอกนะ
โกศล กล่อมวิชา แค่ประกาศตนว่าบรรลุธรรมก็ไม่ใช่แล้ว แถมจะฟ้องร้องลูกศิษยอีก คนบรรลุธรรมจริงเขาต้องวางใจให้เป็นกลางไม่มีความโกรธหรือว่าแค้นใดๆ นางอย่างมากก็ๆได้แค่สมาธิขั้นหนึ่งเท่านั้นแล้วเกิดความหลงจนคุมไม่อยู่
วรินทร ตุ้มทอง แล้วคนอย่างอัจฉราดีแปล พระไตรปิฎกได้เหลอครับ อวดอุตริมนุสธรรมไม่พอ ยังอวดรู้อีกเหลอ ดูแล้วใช้วิชามารเช่น ธรรมไชโยเลยวะ หลอกให้คนเชื่อว่าตนบรรลุธรรมด้วยการเข้าฌาญสมาธิ สื่อสารกับต่างภพได้
หลอกให้คนปล่อยวางในกิเลสด้วยการทานจนหมดตัว นี้ก็อ้างมูลนิธิ....? ปกป้องศาสนาพุทธ นี้แหละคือตัวดูดทรัพของคนที่หลงผิดหลงศรัทธากงจักรแทนดอกบัว ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จงใช้วิจารณญาณให้ดีถ้าไม่อยากเป็นเยื่อ เตือนด้วยความหวังดี ชาวพุทธควรมีปัญญาครับ
วรินทร ตุ้มทอง แปลพระไตรปิฎก แบบผิดๆ ถ้าพิจารณาได้ขนานนั้นจริงๆแล้วคุณมั่นใจหรือว่าผู้ที่คุณเรียกว่า อาจารย์ นั้นแปลถูกต้องแล้ว หลักสำคัญ อยู่แค่ สติประฐาน 4 เท่านั้น ขอแค่มี สติ รู้คิด รู้พิจารณา ปัญญาก็จะเกิด เมื่อเกิดปัญญา ก็จะเห็นแก่นแทน ทำให้ความยึดมั่นถือมั่นคลายตัวลง จนถึงการปล่อยว่าง ทำได้แค่นี้ชีวิตก็อยู่อย่างสงบและมีความสุขแล้ว การปฎิบัติ เพียง10-20ปีไม่ทำให้บรรลุได้หรอก ถ้าบรรลุจริง จะทิ้งทุกอย่าง คุณคิดว่าอาจารย์ที่คุณก้มกราบอยู่นั้น ละทิ้งแล้วหรือยัง แค่มีความโกรธต่อสิ่งที่มากระทบก็หมดแล้ว จิตที่ยังหวั่นไหว ไม่นิ่ง จะบรรลุธรรมได้หรือ? พิจารณาเอา ถ้า สมเด็จโตมาสอนจริง ท่านไปสอน พี่เอก สรพงค์ ไม่ดีกว่าหรือ สร้างวัดให้ท่าน แถม เป็นคนปฎิบัติใจบุญ ไม่เคย พูดอะไรให้ท่านเสีย คุณมั่นใจหรือว่า สมเด็จโตมาสอน อาจารย์คุณจริง?
เกรียงศักดิ์ อัศวเรืองสุข ไม่เชื่อ หลอกลวง ขนาดพระพุทธองค์ บำเพ็ญเพียร 500ชาติ กว่าจะบรรลุได้ หลอกลวง สมเด็จโต มาสอน อวด บ้าป่าว ถามหน่อย พวก 18มงกุฏ ชัดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คุณดูจิตตัวเองได้หรือยังล่ะกิเลสสังโยชน่ได้กันรึ่ยังจึงมาเม้นอวดดีกันเหลือเกิน..จิตตัวเองก็ไม่รู้ จิตคนอื่นก็ไม่เห็นยังลังเลสงสัยแล้วจะมาพากันวิจารย์อันนั้นถูกอันนั้นผิดไปปฎิบัติให้บรรลุให้ได้ก่อนดีไหมค่อยมาวิจารย์คนอื่น..ปรามาสคนอื่นถือว่าบาปแล้วยิ่งปรามาสผู้มีภูมิจิตภูมธรรมสูงจะตกนรกเล่นๆเปล่าๆไม่คุ้มหรอกหนาพวกปุถุชนเอ๋ย..
ปริภาชก สมณพราหมณ์เหล่าอื่นนั่นเอง การเข้าฌานพราหมณ์เก่งครับ ตั้งแต่พุทธกาลแล้ว ทำมาเยอะ พพจ.ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกแล้ว ว่าพระองค์ไม่เห็นทางพ้นทุกข์ในคำสอนของสมณพราหมณ์เหล่าอื่น นอกจากในธรรมวินัยนี้ เลือกเอาครับ ว่าคุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าของเราตรัสรู้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่เชื่อก็ตามคนอื่นไป ตามใจครับ
ศิษย์เก่า 2 คนนี้ลืมคุณข้าว คุณน้ำ คุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปแล้วหรือถึงทำได้ถึงเพียงนี้
ใครๆก็บรรลุธรรมได้ ถ้าผมจะบอกว่า"ผมบรรลุธรรม"คงไม่มีใครเชื่อ แต่จริงๆแล้ว"ผมบรรลุจริงๆ"
ผมก็มีอาจารย์ที่เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาสอน คุณๆก็คงไม่เชื่อ !!!
คุณๆ ปฏิบัติเองแล้วจะรู้ ผมปฏิบัติสมาธิมาประมาณ30ปี และปฏิบัติวิปัสสนามาอีกประมาณ10ปี
ผมไม่รู้จักอจ.อ้อย แต่ผมเชื่ออจ.อ้อย นะครับ
ฟังคำแถลงดีๆแล้ว ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดว่าไม่ให้เชื่อพระไตรปิฏก ท่านบอกว่าอ่านพระไตรปิฏกควรควบคู่ไปกับการปฎิบัติวิปัสสนา
ขอให้ท่านศึกษาข้อมูลให้ท่องแท้ ด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วท่านจะเข้าใจปฏิปทาที่แท้จริงของท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกลครับ
เทคนิคจากกล้องที่ถ่ายย้อนแสง อย่าคิดมาก
ถ้าคนบรรลุธรรมจะมาดูถูกพระไตรปิฏกดูถูกพระเหรอ
0951988389 Aa0951988389 ฟังจากยูทูปแล้วเห็นชัดเลยว่าเป็ นางจะสร้างตำราใหม่ พระไตรปิฎกไม่เอาเลย ตอนนี้ก็ทำพระสงฆ์ค่อนประเทศดูแย่ไปเลย
วรินทร ตุ้มทอง ดูแล้วนะจ้ะ ถึงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอยู่ไง
วรินทร ตุ้มทอง ไปรับยาปะ
[๕๑๗] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เรียนครุธรรม ๘ ประการ ในสำนัก
พระผู้มีพระภาค แล้วเข้าไปหาพระนางมหาปชาบดีโคตมี ชี้แจงว่า พระนางโคตมี
ถ้าพระนางยอมรับครุธรรม ๘ ประการ ข้อนั้นแหละจักเป็นอุปสัมปทาของพระนาง
คือ:-
๑. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว ๑๐๐ ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลีกรรม
สามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ
นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๒. ภิกษุณีไม่พึงอยู่จำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณี
ต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๓. ภิกษุณีต้องหวังธรรม ๒ ประการ คือ ถามวันอุโบสถ ๑ เข้าไปฟัง
คำสั่งสอน ๑ จากภิกษุสงฆ์ทุกกึ่งเดือน ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ
นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๔. ภิกษุณีอยู่จำพรรษาแล้ว ต้องปวารณาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย โดยสถานทั้ง
๓ คือ โดยได้เห็น โดยได้ยิน หรือโดยรังเกียจ ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ
เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๕. ภิกษุณีต้องธรรมที่หนักแล้ว ต้องประพฤติปักขมานัตในสงฆ์ ๒ ฝ่าย
ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
๖. ภิกษุณีต้องแสวงหาอุปสัมปทาในสงฆ์ ๒ ฝ่าย เพื่อสิกขมานาผู้มีสิกขา
อันศึกษาแล้วในธรรม ๖ ประการ ครบ ๒ ปีแล้ว ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ
เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ฯ
๗. ภิกษุณีไม่พึงด่า บริภาษ ภิกษุโดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรม
แม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต ฯ
๘. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ปิดทางไม่ให้ภิกษุณีทั้งหลายสอนภิกษุ เปิด
ทางให้ภิกษุทั้งหลายสอนภิกษุณี ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้องสักการะ เคารพ นับถือ
บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต
พระนางโคตมี ถ้าพระนางยอมรับครุธรรม ๘ ประการนี้ ข้อนั้นแหละ
จักเป็นอุปสัมปทาของพระนาง
พระนางมหาปชาบดีโคตมีกล่าวว่า ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ดิฉันยอมรับ
ครุธรรม ๘ ประการนี้ ไม่ละเมิดตลอดชีวิต เปรียบเหมือนหญิงสาว หรือชายหนุ่ม
ที่ชอบแต่งกาย อาบน้ำสระเกล้าแล้ว ได้พวงอุบล พวงมะลิ หรือพวงลำดวนแล้ว
พึงประคองรับด้วยมือทั้งสอง ตั้งไว้เหนือเศียรเกล้าฉะนั้น ฯ
“ที่” ซึ่งนามรูปดับไม่มีเหลือ
ภิกษุ! สำหรับปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูต
สี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน ?” ดังนี้เลย ;
อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า :-
“ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? ( ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้ใน
ที่ไหน) ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูปดับสนิทไม่มีเหลือ ในที่ไหน?”
ดังนี้ต่างหาก. ภิกษุ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้ :-
“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็ นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์
ไม่มีที่สุด มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่; ใน “สิ่ง”
นั้นแหละ ดิน นํ้า ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน
“สิ่ง” นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม
ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ (ไม่อาจเข้าไปอยู่ได้); ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
นามรูป ดับสนิทไม่มีเหลือ; นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้ เพราะ
การดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
- สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐.
อยากให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข่าวค่ะ ถ้าสงสัยสามารถเข้าไปศึกษาได้ ศึกษาปฏิบัติอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินสิ่งใดๆ
พระพุทธเจ้าใช้เวลาหลายภพหลายชาติ กว่าจะบรรลุ...เพื่อหาทางหลุดพ้น เหมือนที่จะข้ามจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งนึงของทะเล ว่าจะข้ามไปให้ถึงโดยวิธีใด ที่ดีที่สุดและมีสวัสดิภาพที่สุด และคิดทำวิธีข้ามเอาไว้ให้คนอื่นได้ศึกษาทำความเข้าใจ เมื่อตัวเองได้หาวิธีเจอและข้ามไปได้ แต่การข้ามตามวิธีที่ว่านั้นผู้จะข้ามก็จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะได้พบเจอเหตุการณ์ข้างหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ผู้จะข้ามต้องใช้ปัญญาทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามวิธีแต่ละขั้นตอนให้ดีที่สุด ในขณะกำลังข้าม แล้วฝั่งนั้นจะรออยู่...
บรรลุอรหันต์แต่ไม่บวช จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน ต้องบวชถึงจะอยู่ต่อไปได้
พิจารณามหาพิจารณา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พิจารณาอย่างนี้ เป็นชั่วโมง จนกระทั่งลุกจากธรรมมาส และไม่มีท่านใด ที่จะมา สนทนาปุจฉาวิปัสนาอีกในในเหตุณการณ์ ครั้นสมัยสมเด็จโต ปู่โตท่านได้รับเลือกให้ สนทนาธรรม จากหลักลัทธิต่าง ๆ เลือกของข้อคิดเห็น ผู้ฝึกปฏิบัติจะเห็นได้ด้วยตน และข้อหนึ่ง ต้องมีผู้แนะนำ จึงจะสามารถ ไปได้สุดทาง กรณีศึกษา อ.อัจฉารวดี เราต้องมองสิ่งดีงามที่ ได้ทำไว้ ส่วนสิ่งใดที่ไม่ใช้เส้นทางถึงที่สุด ก็ชี้นำ หากปล่อยไว้ กฏไม่อาจถอนรากถอนโคนกิเลสได้ บรรลุธรรม ให้พิจารณา เรื่องของการดับกิเลส 4 อย่างได้ เท่านั้นครับ อย่างอื่่นไม่มี เพราะพระพุทธเจ้าจะไม่สอน เรื่องที่ไม่ใช้ปัญญาทุกอย่างต้องอาศัยพลังงานดับกองทุกข์ ด้วยการพิจารณา อริยสัจ ครับ
พระพุทธเจ้าสอนให้คนรู้ความจริงอันประเสริฐสี่อย่างคือทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และทางดำเนินให้ถึงดับไม่เหลือของทุกข์ เพราะฉะนั้นเราควรเพียรเพื่อให้รู้ตามความเป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นเหตุดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
การเกิดมันเป็นทุกข์ การแก่มันเป็นทุกข์ การเจ็บมันเป็นทุกข์ ดารตายมันเป็นทุกข์ แม้แต่การพัดพราดจากบุคลอันเป็นที่รัก หรือสิ่งของอันเป็นที่รักนี้ก็เป็นทุกข์ (2) เรารู้แล้วว่ามันเป็นทุกข์ (3) ทุกข์นี้ควรดับมันไปเสีย (4) อริยะสัจสี่มีมรรคเป็นองค์ประกอบ (5) ขันห้ายังไงล่ะ มีรูปกายนี้จึงก่อให้เวทนาคือความทุกข์จึงเกิดสัญญามั่นหมายเป็นเครื่องพันธนาการไม่ให้เราหลุดพ้น จึงมีการเกิดขึ้นแห่งสังขารก่อภพก่อชาติขึ้นมาเวียนว่ายตายเกิดยุในสังสารวัฎนี้ไม่มีที่สิ้นสุด (6) อินทรี6ยังไงล่ะ ตานั้นกระทบกับรูป จึงเกิดตัณหา คือความอยาก จึงอุปาทานภาพขึ้นมา ก่อให้เกิดไฟราคะเผาตัวเองให้จมอยุ่กับกองทุกข์ หูนั้กระทบดับเสียง จมูกนั้นกระทบกับกลิ่น ลิ้นนั้นกระทบกับรส กายนั้นสัมผัสจึงเกิดตัณหาคือความอยาก จึงอุปาทานภาพขึ้นมา จึงเกิดไฟราคะเผาตัวเองให้จมอยู่กับกองทุกข์ นั่นเอง (7) รูปธรรม-นามธรรม มีอ่ะไรอยู่ในรูปธรรม มีขันห้า นิวรทั้งห้า อินทรี6 มีอ่ะไรอยู่ในนามธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ 8 ทุกสัพสิ่งเป็นของไม่เที่ยง ทุกสัพสิ่งเป็นทุกข์ ทุกสัพสิ่งไม่ใช่ตัวตนของเราอีกต่อไป (9) เห็นแล้วว่ามันเป็นทุกข์ ดำริแล้วว่าเป็นทุกข์ นี้คืองานกำจัดทุกข์ โดยอาศัยความเพียรเป็นที่ตั้ง โดยมีสติระลึกรู้อยู่เสมอ มีสมาธิเป็นฐานที่มั่นคง (10) โลกุตรธรรม พระชาตินี้จะเป็นพระชาติสุดท้ายไม่มีการเกิดอีก อันว่ากรงจักรแห่งสังสารวัฎนั้น กระผมได้หมั่นทำมันแล้ว ได้กระทำมันให้แจ้งแล้ว กรงจักรนั้นมันจึงหันไม่ได้อีกต่อไป จึงได้ซึ่ง อรหัตรผล นี้แหละจของจิง
เกียรติยศ ตากไธสง ื
เกียรติยศ ตากไธสง ชอบๆสุดยอดค่ะ
รูปคือความว่าง ความว่างคือรูป รูปไม่แต่งต่างอ่ะไรจากความว่าง ความว่างไม่แตกตากอ่ะไรไปจากรูป ดังนั้นจึงไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย ดังนั้นขัน5ก็คือความว่าง ไม่มีความบกพร่อง ไม่มีความเต็มบริบูรณ์ ไม่มีการบรรลุ ไม่ใช่ไม่มีการบรรลุ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสมุทัย ไม่มีนิโรธ ไม่มีมรรค แต่เป็นการเข้า นิพพาน โดยตรงยังไงล่ะ ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย สะภาวะธรรมทั้งหลายก็คือความว่างนี่เอง ไม่มี รูป ไม่มี เวทนา ไม่มี สัญญา ไม่มี สังขาร ไม่มี วิญญาน ไม่มี ตา ไม่มี หู ไม่มี จมูก ไม่มี ลิ้น ไม่มี กาย ไม่มี ใจ ไม่มี รูป ไม่มี เสียง ไม่มี กลิ่น ไม่มี รส ไม่มี สัมผัส ไม่มีสัมผัส ทางใจ จึงไม่มีทุกข์ พระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่บำเพ็ญ บารมีนี้ จิตย่อมไม่หวันไหว จิตจึงหลุดพ้นจากความวิปลาสทั้งปวง ดังนั้น พระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ไม่ว่า อดีต ปัจจุบัน อนาคต ต้องบำเพ็ญ ปรัชญาบารมี นี้ให้เต็มก่อน จึงจะตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิยาน ยังไงล่ะ ดูก่อนพวกท่านทั้งหลาย แต่พวกท่าน ต้องมองเห็น ขัน5 ก่อน ทำอย่างไรจึงจะมองเห็น ขัน5 กรรมฐาน5 ยังไงล่ะ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง อสุภะ ภายใน อสุภะ ภายนอก พวกท่าน จงพิจารณา ให้รู้แจ้ง เสียเถิด
ทุกคนนั้นเป็นผู้รู้ แต่ทำไมไม่เป็นผู้ตื่นล่ะ ตื่นในการรักษาศีล ตื่นในการภาวนา ให้เกิดปัญญา รู้แจ้ง เห็นจิงล่ะ การให้ทานนั้นก็ดี ถึงจะมี อานิสงค์มาก แตอานิสงค์่ยังน้อยกว่าการรักษาศีล ศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ดี ศีล อุโบสด ศีล 10 ก็ดี ศีล ปฎิโมข์ก 227 ข้อก็ดี แต่ทั้งสามอย่างต้องรวมกัน ทาน ศีล ภาวนาจนเกิดปัญญา รู้แจ้งยังไงล่ะ รวมถึง บารมี10 ต้องเต็ม 1ทานบารมี 2ศีลบารมี 3เนกขัมมะบารมี 4ปัญญาบารมี 5วิริยะบารมี 6ขันติบารมี 7สัจจะบารมี 8อฐิฐานบารมี 9เมตตาบารมี 10อุเบกขาบารมี บารมี10เต็ม จึงจะตรัสรู้ธรรมได้ยังไงล่ะ
สมถะ และ วิปัสนากรรมฐาน ใง ท่านทำดุสิ หรือศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าท่านทำตามนี้ ย่อมไปถึงฝั่ง พระนิพพาน แน่นอน ฝุ่ีง
พระพุทธเจ้าเก่งทื่สุเดในโลก คำสอน
ของพระองค์ก็มื แจกฟรืและขายเยอะ
แยะ. หรือแค่รักษาศิล5. ก็ปิดกั้นนรก
อบายภูมิแล้วค่ะ สมาธิทำให้มืสติ
และความสุข
ท่านสอนให้รักษาศีล ทำความดีมากมาย ปกป้องพระพุทธศาสนามากมาย มาปฏิบัติก็ไม่เสียเงิน และทำให้ศิษย์หลายคนเปลี่ยนตนเองให้มารักษาศีลได้ ผู้สงสัยต้องมาลองปฏิบัติครับ จึงจะเข้าใจ เรื่องปฏิบัติธรรมเป็นปัจจัตตัง
อย่าฟ้องใครเลยครับดูตัวอย่างวัดพระธรรมกาย โดนใส่ร้ายตลอดไม่เคยฟ้องใคร เอาเวลาไปปฎิบัติธรรมดีกว่าท่านดีจริงก็รอดเอง เเต่อย่าไปว่าร้ายใครอนูปวาโท
Venture Capitalist ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
เตโชวิปัสสนากรรมฐาน พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ กรรมฐาน แปลว่า อธิฐานการการงาน เป็นการประกอบอาชีพ พระพุทธเจ้าบัญญัติสมาธิวิปัสนามีดังนี้ ปฐมฌาน, ทุติยฌาน, ตติยฌาน, จตุตถฌาน, อากาสานัญจายตนะ, วิญญาณัญจายตนะ, อากิญจัญญายตนะ, เนวสัญญานาสัญญายตนะ, สัญญาเวทยิตนิโรธ ไม่มีเตโชวิปัสสนากรรมฐาน พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายจักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ จักไม่เพิก ถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว "ภิกษุทั้งหลาย ! พวกภิกษุบริษัทในกรณีนี้, สุตตันตะเหล่าใด ที่กวีแต่งขึ้นใหม่เป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอน มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นเรื่องนอกแนว เป็นคำกล่าวของสาวก เมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักไม่ฟังด้วยดี ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่ตั้งจิตเพื่อจะรู้ทั่วถึง และจักไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน" เป็นแค่แม่ชีไม่ได้ออกบวชแล้วยังอุตริสอนภิกษุ ขนาดภิกษุณีที่ออกบวชแล้วยังต้องถือศีลถึง 113 ข้อ นี่เป็นแค่แม่ชีมาแอบอ้างคำสอนของตัวเอง....ศีล 311 ข้อ ของพระภิกษุณี ข้อปฏิบัติของภิกษุณี ๘ ประการ (ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา)
ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา คือ เงื่อนไขอย่างเข้มงวด 8 ประการ ที่ภิกษุณีจะต้องปฏิบัติตลอดชีวิตอันได้แก่
1. ต้องเคารพภิกษุแม้จะอ่อนพรรษากว่า
2. ต้องไม่จำพรรษาในวัดที่ไม่มีภิกษุ
3. ต้องทำอุโบสถและรับโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน
4. เมื่อออกพรรษาต้องปวารณาตนต่อภิกษุและภิกษุณีอื่นให้ตักเตือนตน
5. เมื่อต้องอาบัติหนัก ต้องรับมานัต (รับโทษ) จากสงฆ์สองฝ่าย คือ ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี 15 วัน
6. ต้องบวชจากสงฆ์ทั้งสองฝ่าย หลังจากเป็น *สิกขามานา เต็มแล้วสองปี
7. จะด่าว่าค่อนแคะภิกษุไม่ได้
8. ห้ามสอนภิกษุเด็ดขาด
*สิกขามานา แปลว่า ผู้ศึกษา สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณีต้องเป็นนางสิกขามานา ก่อน 2 ปี
พระภิกษุณีต้องถือศีล 311 ข้อ อันได้แก่
ศีล 311 ข้อที่เป็นวินัยของภิกษุณีสงฆ์ ทำผิดถือว่าเป็นอาบัติ สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นรุนแรงจนกระทั่งเบาที่สุดได้ดังนี้ ได้แก่ ปาราชิก มี 8 สังฆาทิเสส มี 17 นิสสัคคิยปาจิตตีย์ มี 30 (อาบัติที่ต้องสละสิ่งของว่าด้วยเรื่องจีวร ไหม บาตร อย่างละ 10 ข้อ) ปาจิตตีย์ มี 166 (ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่งของ)
ปาฏิเทสนียะ มี 8 ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่พึงแสดงคืน) เสขิยะ มี 75 ข้อ (ข้อที่ภิกษุณีพึงศึกษาเรื่องมารยาท) แบ่งเป็น อธิกรณสมถะ มี 7 ข้อ (ธรรมสำหรับระงับอธิกรณ์) รวมทั้งหมดแล้ว 311 ข้อ ผิดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าต้องอาบัติ การแสดงอาบัติสามารถกล่าวกับพระภิกษุณีรูปอื่นเพื่อเป็นการแสดงตนต่อความผิดได้ แต่ถ้าถึงขั้นปาราชิกก็ต้องสึกอย่างเดียว
ศีลของพระมีม่ากกว่าสามพันกว่าข้อ เพียงแต่ไม่ได้เอามาสวดทุกวันอุโบสถ
กลางๆนะครับ "มันเป็นแสง แฟลร์ ครับ จะเกิดขึ้นเวลาถ่ายย้อนแสง แล้วแหล่งกำเนิดแสงหันทิศทางมาที่หน้ากล้อง ใครเป็นช่างภาพจะเห็นบ่อย ไม่มีอะไรผิดปกติ"
จะบ้าไปกันใหญ่แล้วถ้าไม่บ้าคงไม่กล้า
ทำนะไม่ศึกษาธรรมแล้วจะบรรลุธรรม
มีที่ใหนถ้าอย่างนั้นไม่ต้องให้ลูกหลาน
เรียนหนังสือแล้วอายุครบไปรับราชการ
เลยไม่เปลืองเงินและเสียเวลา
ก้าวข้ามนิมิตรได้ถึงจะสำเร็จธรรม
กสิณ 10 เป็นอารมณ์สมถกรรมฐาน ได้แก่ ปฐวีกสิณ อาโปกสิณ วาโยกสิณ เตโชกสิณ(เพ่งธาตุไฟ) อากาศกสิณ อาโลกกสิณ(เพ่งความสว่าง)ฯลฯ การเพ่งกสิณดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะกับจริตแห่งตน ส่งผลให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิถึงฌานที่ 4 (จตุตถฌาน) เป็นจิตที่มีพลังเสกเป่าอะไรขลังหมด การเพ่งกสิณนิยมมากในหมู่ฤษีชีไพร เมื่อกสิณแก่กล้าและเชี่ยวชาญในกสิณ จะมีมีอิทธิฤทธิ์และชอบแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ผู้อื่นได้เห็นเสมอ เมื่อมีความยินดีกับอารมณ์วิเศษเหล่านี้ ชื่อว่า "จอดในฌาน"(รูปราคสังโยชน์ หรือ อรูปราคสังโยชน์) ไปไม่ถึง "พระนิพพาน" องค์ศาสดาของศาสนาต่างๆก็อยู่ตรงนี้....พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้ใช้ความเชี่ยวชาญทางฌาน(ฌานที่ 4 เหมาะที่สุด)เจริญวิปัสนา(วิปัสนาภาวนา) เกิด "ปัญญาญาณ หรือ ญาณทัสนะ"(ปัญญาวิสุทธิ์ 5) อบรมจิตออกจากอาสวะ4 คือ กามาสวะ ภวาสวะ วิภวาสวะ(ทิฏฐาสวะ)และ อวิชชาสวะ เข้าสู่ "พระนิพพาน"
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก =สัตว์ โลกเป็นไปกรรม เร็วๆนี้
ยํ กมฺมํ กตํ , ตํ กมฺมํ กาเรติ =กรรใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง ไม่เร็วก็ช้า ใครที่แอบ บิดเบือน คงไม่นานต้องได้รับผลกรรม
ฟังแล้ว การเพ่ง เป็นมิฉาสมาธิ สมาธิที่ดีคือการทำให้จิตตั้งมั่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เรียกว่า สมถะ ไม่ใช่ผู้เพ่ง เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว จึงขึ้นวิปัสนาเจริญปัญญา ขึ้นฌาณ 9 ระดับ ตั้งแต่ปฐมฌาณขึ้นไป จนถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ ...การเพ่งเป็นแค่สมถะ ยังไม่ขึนปฐมฌาณเลย อุตริว่าบรรลุธรรม พวกพราหมณ์ ฤษี ก็ทำได้ การเพ่งทำให้จิตนิ่งๆ รู้ไหมว่าตายแล้วไปไหน ไปเป็นพรม ยังไม่พ้นสังสารวัฎเลย เกิดเป็นพรมแล้วอยู่นานเป็นหมื่นๆกัลป์ พระศรีอริยเมรยตรัยมาบังเกิดบนโลกอีก 91 กัลป์ พวกนี้ยังไม่เจอเลย ไม่สามารถเข้านิพพานได้อีกนาน อวดอุตริว่าบรรลุธรรม พรมเมื่อสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์แล้วก็ต้องลงมาสู่ อบายนรก เปรตวิสัย แล้วเดรัจฉาน ยังไม่พ้นสังสารวัฎ แต่ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ให้มั่นคงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างลงมั่นไม่หวั่นไหว ปฎิบัติตามมรรคมีองค์8 อย่างเดียวเท่านั้น เข้าใจปฎิจจสมุปบาทอย่างลึกซึ้งและแหยบคาย ไม่ใช่การเพ่ง เป็นการสอนผิด การบังคับจิตไม่มีทางขึ้นฌาณได้ สมาธิที่ดีจิตจะต้องรู้เอง เวลาคิดจิตรู้ทันว่ากำลังคิดเพียงกระพริบตา พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นสมาธิการภาวะนาชั้นเลิศ ไม่ใช่เอาจิตมาอยู่นิ่งๆแล้วคอยจ้องว่าเมื่อไหร่มันจะคิด ผิดเต็มๆ ผิดมหันต์ หลวงตามหาบัวบอกกับหลวงพ่อปราโมทยว่า ถ้าแยกธาตุขันธ์ไม่ได้ อย่ามาพูดว่าภาวนาเป็น ลองไปถามปฎิจจสมุปบาทดูนะ รับรองไม่รู้เรื่องหรอก จะบรรลุได้ยังไง และพระอรหันต์เหมือนกันเท่านั้นที่รับรองได้ ไปหามารับรองสิ มีอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ คนที่ศึกษาการปฎิบัติรู้กันดี แต่คิดว่าพระท่านคงส่ายหน้า
ผมไม่ได้ก็อป ผมพิมพ์จากการทรงจำในการฟัง พุทธวจน ที่สาธยาย โดยพระอาจรย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพง ลำลูกกา สูตตะของพระพุทธเจ้าฟังบ่อยๆ เนืองๆ มันก็จะจำได้เอง พระพุทธเจ้าตรัส อย่าบัญญัติในสิ่งไม่เคยบัญญัติ และผมก็ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมทยโช วัดสันติธรรม ชลบุรี ถ้าคุณท่องไม่ได้ จำไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่รู้คล่องปากขึ้นใจ คุณสาธยายอิทัปปัจยตา และ ปฎิจจสมุปบาท โดยแยบคาย พิมพ์ลงมาสิว่า จะเข้ากันได้ดีในคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม เพราะทุกคนเข้าในปฎิจจ..ได้หลายรูปแบบ ถ้าคุณไม่เข้าใจอิทัปปัจยตา และปฎิจจสมุปบาท คุณก็ไม่รู้เรื่อง จะบอกให้ อิทัปปัจยตา และปฎิจจสมุปบาทอยู่ในอริยะสัจ4 ในข้อ สมุทัย และ นิโรธ
อยากสน. คุณอ้อย. สนคุณพระ. เรย ทุกคนก็บรรลุธรรมแล้วไม่ใช้เหลอแค่เขียนติดที่หน้าผากหรือบอกผู้อื่นว่าเราบรรลุธรรมเราก็บรรลุธรรมแล้วจะกลาบไหว้คนอื่นทำไม่ แค่เคารพซื่งกันและก้นเข้าคือมนุษย์เราก็มนุษย์เกิดตายเหมือนกัน
สาธุ ... ดีใจที่เห็นค่ะ
สาธุสุดชีวิต
ไม่ต้องเตชงเตโชหรอก
รู้ลมหายใจก็พอแล้ว พยายามเห็นเกิดดับจิตหลุดไปคิดอะไร ก็ให้ดึงกลับมารู้ลมหายใจ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอะไรยากไม่ใช้คำยาก
ประตูนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางไว้แล้ว ทางอื่นไม่ใช่
กราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า
ผู้ไม่เคยปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจัง ย่อมมีข้อข้องใจสงสัยเป็นธีรมดายิ่งมีอคติด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไม่ยอมรับฟังใดๆ โปรดคิดสักนิดคนที่ทำเพื่อความดีงามขนาดนี้กับคนที่พูดเพื่อใส่ร้ายควรเคารพใครกัน่
พุทธเจ้าชี้นิพพาน เน้นจิต ตามจริตตน เพราะมหากรุณาธิคุณจึงพ้นกิเลส จิตดับถาวร ใช้สติครอง สูญสิ้นเมื่อจิตดับ ดับขันธ์เพียงกาย
โอ้ย ใครเชื่อคลิปนี้ก็ตลกแล้วครับ พูดไปเรื่อยๆ หลักฐานก็ไม่มี นี่ทำclipดูถูกคนดูมากนะครับ
ການທຳ ອະນັນຕະຣິຍະກັມ ຕົກຢູ່ໃນຂໍ້5 ສັງຄະເພທ ຫືລ ເຮັດໃຫ້ຜູ້ອື່ນແຕ່ກແຍ່ກ ເປັນກັມທີ່ຫນັກ ອັນບຸກຄົນກະທັມແລ້ວຍ້ອມເປັນໄປເພື່ອ ນາຣົກ
ฤาษี เขาฝึกกันมาก่อนเป็นพันๆปีแล้ว เขาเรียกว่า จักระ เป็นสมถะกรรมฐาน ไม่ใช่วิปัสสนา(ปัญญาที่เห็นจริงเป็นไปตามธรรมชาติ การเกิด ดับ)
จากที่ได้ศึกษาท่านสอนดี สอนตามหลักพระพุทธศาสนา สอนให้คนทำความดี ละอัตตา รักษาศีลให้บริสุทธิ์ มีความกตัญญู ท่านประพฤติตนดี ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหาเลย
ปิดเลยศาสนาใหม่เราไม่ต้องการ
นั่นมันสปอร์ตไลน์ชัดๆ สติสติ
ลองดับไฟดวงนั้นแล้วถ่ายใหม่อีกครั้งสิครับ มีให้เต๊ะ เบยยย หลักการสะท้อนของแสงกับวัตถุ จุดโฟกัสจะอยู่ตรงวัตถุที่บังแสง เหมือนกระจายรัศมี อิอิ
ขงเบ้ง ดูดาว กล้องห่วย คณภาพต่ำ ถ่ายแบบนี้แสงไม่พอ ย้อนแสงไฟได้ ไม่น่าเชื่อเลยมีคนงมงายได้ขนาดนี้
ชอบเม้นนี้จัง
มันเป็นกรรมที่คนไม่รู้ ที่รู้เข้าไม่ทำแบบนี้หรอกคิดไปเองกรรมจริงๆๆๆๆเหนื่อใจ
ผู้ปฏิบัติธรรม จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝนการใช้ปัญญาให้มาก และใช้กาลามะสูตร..เป็นเครื่องหยั่งใจ แม้แต่ครั้งในอดีต...พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสถามพระสารีบุตรไว้ในบางเรื่อง. ลองศึกษาและลองเอามาเป็นปฏิปทา...ไว้สอนจิต. จะได้ไม่เกิดความหลง. หรือติดอยู่ในขั้นใดขั้นหนึ่งของการปฏิบัติ
เข้าตรวจคำสอน ของพระพุทธเจ้าใน
เวป E-pititaka+ สมถะวิปัสสนา
จะละเอียด ไม่เหมือนอานาปานสติ
ฉบับดั่งเดิมข้อมูลเก่าแก่ที่สุด เชิญสืบค้นค่ะ สาธุๆๆ
คำสอนพระองค์ โลกียะ ทางโลก
โลกุตตระ คือธรรมชั้นลึก สอนเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ดับไม่เหลือเพื่อ นิพพาน
ธรรมมะอยู่ทุกที่ อย่าเชื่อใครง่ายๆ เพียงอย่ายึดติดบุลคลใดบุลคลหนึ่ง อันไหนดีก็ทำไป เชื่ออะไรไปเรื่อยน่ะ...
เตโช. แปล ว่าไฟ !! ไฟนี่คือ การเผากิเลส ท่าพูดลึกๆ เปรียบเหมือน แนวทาง พระพุทธเจ้า...ทรงตรัสกิเลสได้โดยง่ายดาย เหมือนไฟเผา วัตถุ คือว่า...สังเกตุมั๊ย ทำไม. เศียรพระพุทธรูป จึงแหลม..ดูดีๆเป็นลายกนก...เปรียบหรือคล้ายเปลวไฟ...!! คือสื่อว่า พระพุทธเจ้า...ทรงเผาไหม้กิเลส หมดแล้วโดยสิ้นเชิง...!! ทำไม่ ผมของพระพุทธรูป จึงขด เป็นก้นหอย เปรียบเหมือน มีปัญญาเฉียบคมและเเหลมเหมือนดังก้นห้อย...!! ผมมองว่า. เขาคงได้ แรงบันดาลใจ มาจาก เปลวไฟบนเศียร พระพุทธรูป. แล้ว มโนยึทธิ..!! เอาเอง...!!
ไปรับยาช่อง..๒.ด่วน
เพ็ญนภา ปานทอง 5555
มีสติ ศึกษาพระธรรมเอง จะฉลาดรู้ในธรรมของพระพุทธองค์ใครก็หลอกยาก ฟังแปบรู้ว่าตัวหลอกหรือตัวจริง ไม่ชอบอ่านก็ฟังพระอริยะเทศนาในยูทูปบ้างเสียงที่แท้จริงมีเยอะคับ
อวิชาคือความไม่รู้ในอริยะสัจสี่
พระศาสดาสอน ให้รู้
อริยะสัจสี่
เพื่อใช้แก้ปัญหา
ความตาย.
อริยมรรคมีองค์แปดคือหนทางเดียวที่
ชนะความตายได้
สาธุ.
จะเล่าแบบใหนก็ตามใจเถอะ เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตาม
ก่อาจจะเปนได้แต่ดวยการบันลุทำต้องได้เหนดวงตาเหนทำรุ้แจ้งเหนจิงจึงสำเรจอรหันคล้ายๆองคิรีมารคนทีทำผิดธรรมวินัยคืออาบัตมีโทดตามลำดับถ้าอาบัตปะราชิกแล้วจะรุ้แจ้งเหนจิงแล้วจะบันรุได่ไง คนถือสิน5ชีถือสิน8เณรถือสินสิบพะถือสินสองร้อยยี่สิบเจด
ฟังความหลายฝ่าย@ อาจเป็นไปได้หรือไม่ได้ กับดักมีมากครับ ทำให้ หลง ทาง ง่ายๆ🔄🔂🔁🔃🔇🔇🔊🔎🔖
สาธุให้ใด้อรหันต์ จะได้ไม่เกิดอีก สาธุ
สาธุครับ
เจ้าสำนัก...ผงที่มารโปรยลงมามันคือ"ไรฝุ่น" ขอรับ
มารที่คอยทำรายศาสนา
แปลกมากผู้วิเศษทั้งชายหญิง
เกิดมากหลายสํานัก พร้อมกับการมาของไวรัสโควิด_19
สรุปลงที่ พุทธภาณิช
รีสอร์ทสวยมากคับ บรรยากาศก็ดี
สมถะคืออะไรเหรอคับ
แล้วอานาปานสติถือเป็นสมถะรึป่าวคับ วิปัสสนา กับอภิญญาเหมือนกันมั้ยคับ
มาดูในเฟรสผมนะผมถ่ายรูปพวกนี้เล่นทุกวันมันสะท้อนได้ถ้ามีแสงนะ ถัาไม่มีแสงนะไม่ได้แบบนี้ แต่ถ้าปฎิบัติจริงถ่ายแบบไม่ต้องโดนแสงก็จะมีรัศมีนะ ครับดูได้ในเฟรส อ.ต้นเศรษฐี ครับ สาธุๆๆ
หิ่งห้อยยักษ์ นะนี่!5555
+อาญาสิทธิ์ อาญาธรไม่มีใครเปลี่ยนความคิดคุณได้เหมือนสีดำไม่อาจเปลี่ยนเป็นขาวได้
ท่านทั้งหลายที่มาวิจารณ์ กล่าวอ้าง ช่างตีความ เตโชวิปัสสนา กันไปแบบคนละเส้นสายไปเลย ยิ่งฟังยิ่งพิจารณา ยิ่งงง ปฏิบัติเตโชวิปัสสนามานาน ก็ไม่เห็น สภาวะธรรมดั่งที่ ได้วิจารณ์กัน มีแต่ความสงบระงับ รู้ตัวทั่วพร้อม ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย วางจิตนิ่งเป็นอุเบกขา ได้ ถึงแม้จะชั่วขณะหนึ่งก็ตาม แต่ก็ทำให้เข้าใจในอุเบกขาธรรม อันพระบรมศาสดา ตรัสสอนไว้ ว่า...อ้อ เป็นอย่างนี้เอง
ว่างเปล่า ปล่อยว่างเสีย เกิดมาชดใช้กรรม ไปพร้อมกับการสังสมบุญ
จิตเท่านั้น ตัวหลุดพ้น ผ่านพ้น เวียนว่าย
ตายเกิด เป็นที่สุดของทุกสรรพสิ่ง
ธรรมชาติสิ่งใดบนโลกนี้
จะเป็นนามหรือรูป เป็นเช่นไร ก็เช่นนั้น
ยั้งจิตไม่ให้ผูก ยังใจไม่ให้หลง ว่าสิ่งนั้นสำคัญ ว่าสิ่งนี้สำคัญ ที่สุดแล้วมนุษย์สมมุติ ขึ้นมาเอง ธรรมชาติมันก็เป็นเช่นนั้นแล ใยต้องวุ่นวายกันทำไม
หมั่นปฏิบัติ ภาวนาตนไว้เถอะ เพื่อข้ามผ่านพ้น จากทุกข์ และ สุข ที่ปรุ่งแต่ง เพื่อข้ามผ่านพ้น อันกงเกวียน หรือกงกรรม เทพอย่าได้หวัง พรมห์อย่าได้เป็น เทวดาอย่าได้ฝัน อาจไม่หลุดพ้น ถึงนิรันดอน ไม่ขอเป็นผู้วิเศษ เหมือนเทวดา หวังเพียงว่า อย่าเวียนว่ายให้ตายเกิด เหลือเพียงจิตเป็นนิรัน ให้หลุดพ้น จากทุกสรรพสิ่ง จนที่สุด - ฉันจะไป ไม่ยอมกลับ จะกี่พบกี่ชาติก็ไม่มา จะจางหาย หายลับตลอดจน นิรันกาลเอ่ย.
พิมสดไม่ปรุงแต่งลอกเรียน เกิดจากใจ
ที่จะเผยแพร่ แนะนำย้ำเตือน ผิดพลาดต้องไหนโปรดจงอภัย. @fb..teerayoot tonwut
พุทธสอนให้ วิปัสสนา ดูทุกข์เพื่อดับทุกข์ ไม่ใช่ให้นั่งเพื่อสบาย ถ้าสบายแล้วจะเห็นทุกข์ได้ไง ปัจจุบันไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว แต่เรามีพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า นั้นคือ พระไตรปิฎก ใครไม่เชื่อพระไตรปิฎกไม่ใช่พุทธแล้ว
ฉันนั่งภาวนาจนตูดเป็นหนอง จึงเกิดปัญญาเข้าใจในอริยสัจะธรรมเห็นเหตุ แห่งทุกข์ สติปัฎฐานสี่ กายเวทนา จิต ธรรม ทางเดินมรรค8 จิตหลอกจิตสร้างนิมิตให้จิตหลง(อย่าหลงไม่ใช่)นิมิตหลงอาการ เป็นองค์ประดับของผู้มีปัญญา เท่านั้แหละย่าติดจ้า.!
ิขอเปิดปะตูนิพาล....ปลุกไอร้อนในกายตอนนี้มากครับ
ผมไปเม้นต์ในเพจของคนนี้ว่า "มันเป็นแสงแฟร์ คนเล่นกล้องจะรู้ดี" ไม่เกิน5วิ ลบข้อความผมออก เหลือไว้แต่พวกเม้นต์ข้อความ สาธุๆๆๆๆ
วรินทร ตุ้มทอง เป็นการแสดงความคิดเห็นครับ ไม่ใช่วิจารณ์กรุณาแยกแยะให้ออกด้วยครับ
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ด้วยไม่ใช่หรอครับว่าเราต้องเป็นดั่งม้าอาชาในเพราะม้าอาชนเวลามันกินอาหารมันก็จะนึกคิดไปหลายอย่างแล้วว่าวันนี้มันจะต้องทำอะไรบ้างเราจงเป็นดั่งม้าอาชาในผมไปฟังมาจากพุธวจนนะครับแล้วผมก็คิดว่าการใช้กรรมฐานทั้ง40กองก็ใช้ได้อยู่ที่ว่าเราจะเหมาะกับกรรมฐานกองไหนอย่างเช่นถ้าเรามักมากในกามเราก็ควรจะนั่งอสุภะกรรมฐานครับแต่ที่ผมคิดนะครับยุคสมัยนี้น่าจะเหมาะกับอานาปานสติกรรมฐานหรือกายคตาสติครับผมก็มีความรู้ไม่มากนะครับพูดผิดอะไรไปก็ขออภัยด้วยนะครับอย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับเพราะผมยังเบาปัญญาอยู่ผมแค่อยากให้รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นคำสอนที่ดีที่สุดเพราะทั่นเป็นผู้เลิศในโลก
คิดว่าเป็นแสงแฟลชครับผม
ให้เห็นว่าจิตนั้นมีอนุภาพมา.แต่การติดกับอวิชนี้เสียดายเสียมใว..ต้องพ่านอีกหลายขั้นตอนครับ.คะ
มีแต่รู่ทันกิเลสและละกิเลส
ไม่หมดหรอก..พระพุทธเจ้า
สอนให้ละกิเลส.รู้ทันกิเลส
เพื่อละให้เบาบางมากกว่า
คิดว่าบรรลุ เปนกันทุกคนครับ แต่จะมีใครฉุกคิดได้บ้างเท่านั้นเอง
ผมดูมาหลายคลิป ของหลายคน มาหลายวันแล้ว ถ้าผมมือไวปากไว แล้วที่คุณตอบผมใน30นาที เรียกว่าปากไวมือไวไหมครับ หรือว่าทำได้แค่ก้อปปี้แปะ ไม่ได้คิดอะไร
สงสารตัวเองเถอะ แค่คนแต่งหนังสือยังไม่ออก
คิดในแง่ดี..ก็ดี เขาอยู่ดี ไม่ไปทำร้ายใคร เขาก็ดี ส่วนใครเห็นต่าง ก็จะเป็นดั่งผู้บรรยายคลิป ทำลายความน่าเชื่อถือของเขาให้ได้. สำคัญคือการปฏิบัติ ปฏิบัติดีมันก็จะดี ถ้าไม่ดีก็จะมีให้สังคมติฉินเองตามธรรมชาติ
สุดยอดค่ะ..คนแถลงจิงแท้
ไม่รู้นะ แค่สงสัยว่า หลอกลวงชาวบ้านหรือเปล่า สำนักปฏิบัติธรรมเยอะแยะไม่ไป ทำไมต้องมาที่นี่ หรือ แก๊งเดียวกัน ความเห็นนะ
เยี่ยมไปแล้วครับ
สัมภาษณ์อดีตศิษย์แล้ว ก็สัมภาษณ์ศิษย์ปัจจุบันด้วยเพื่อความเป็นกลาง ไม่บิดเบือน
การ หลุดพ้น หรือ จะบันรุธรรม
ไม่อยาก. อยู่บ้านก็บันรุ ธรรมได้
ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดหรือสอนตามที่ทาง เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา มาเสนอเลยนะคะ ท่านได้ชี้แจงผ่านสื่อไปแล้วอย่างแจ่มแจ้งและท่านกำลังเตรียมฟ้องเพจต่างๆที่กล่าวหาท่าน โดยมีทีมทนายชื่อดังกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ค่ะ
Chali Sa การฟ้องร้องคนอื่นไม่ใช่วิศัยของผู้บรรลุธรรม ผู้บรรลุธรรมควรวางใจให้เป็นกลางไม่ตอบโต้ พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์ถูกด่าถูกนินทาใส่ร้ายต่างๆนาๆท่านยังไม่โกรธและไม่เคยตอบโต้คนที่มากล่าวมาด่าท่านเรย การที่เตรียมจะฟ้องร้องคนอื่น แค่นี้ก็รู้แล้วว่ายังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูง เต็มที่คงได้แค่สมาธิขั้นหนึ่งขันใดหรือได้แค่ฌานสมาบัติ4เท่านั้น จึงทำให้ความหลงจนคุมไม่อยู่เรยคิดว่าตนได้บรรลุธรรม คนที่ปฎิบัติส่วนมากจะเป็นกัน พอจิตมังปรุงมันแต่งก็พากันเกิดความหลง บางคนคิดว่าต้นเป็นผู้วิเศษก็มี ไม่แปลกอะไร คนแบบเดียวกับนาง เห็นมาเยอะ
วรินทร ตุ้มทอง เอาละผมขี้เกลียดเถียงด้วย ผมเชื่อในคำสอนของพระศาสดากับพระอริยะเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้น ที่เหลือแต่งกันขึ้นกันเองทั้งนั้น
วรินทร ตุ้มทอง ก็ผมยังไม่ใช่ผู้บรรลุธรรมไงคับถึงสามารถวิจาร์ยได้ตำนิได้ ถ้าผมบรรลุธรรมแล้วผมจะออกมาความเห็นทำไม แค่จะอธิบายให้เข้าใจว่าวิศัยของผู้บรรลุธรรมจริงๆเขาเป็นยังไง อย่างที่ธิบายในข้างตน ผู้บรรลุธรรมจริงๆต้องวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดี ยินร้าย กลับคำพูดและคำตำนิติเตียนและคำวิจาร์ยของคนอื่น การที่เธอเตรียมจะฟ้องร้องผู้ที่ปล่อยข่าวออกมา แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่า ไม่ใช่ผู้บรรลุธรรม แค่ได้ฌานขั้นใดขั้นหนึ่งเท่านั้น
Chali Sa อย่าเชี่อไม่งั้นคุณจะหมดตัว:พอควยใหญ่ก็สึกเอาเงึนญาติโยมหนีไปต่างประเทศหลายคนแล้ว:วางแผนอย่างเนียนเขากะเอาเป็นพันล้านขอบอก
นี่คืออุปปกิเลศวิปัสนา มันคืออาการของจิต ที่มาจากการเพ่ง จะเพ่งเตโช เพ่งลม เพ่งอะไรก็ตามเจตนาของจิต มันสามารถข่มนิวรณ์ ให้เกิดสงบไปสู่จิตว่างๆ เเล้วเข้าใจว่าได้ผล เพราะกิเลสมันบางลงตามกำลังเจโตสมาธิ อาการมันก็ปรุงเเต่งไปต่างๆจนถึงจิตว่าง เเล้วตนหลงสภาวะ อาการจิตเป็นเจ้าของอาการ ธรรมดาถ้าเราย้อมทางสมาธิ กำลังสมาธิมันก็ข่มนิวรณ์ ให้เกิดความสงบ ไม่ได้หมายความว่าบรรลุ บางคนกายธาตุเเตก พอท่านถึงปัญญา ท่านก็เข้าใจว่า ไม่มีใครบรรลุ เราเป็นเจ้าของสิ่งใดไม่ได้ เเล้วก็มาตรึกเอาเอง อยากให้คนสรรเสริญ นี่พวกปรารภตนเอง ไม่ได้ปรารถธรรม เป็นขั้นเด็กประถม เเต่เข้าใจว่าป้าเเกก็ตั้งมั่นเเหละ เเต่ไปหลงอาการเข้าเเล้ว เเต่อ้างว่าบรรลุธรรม ผู้เข้าถึงธรรมเเท้จริงไม่อาจกล่าวคำว่าบรรลุ ท่านเห็นว่า มันคือธรรมดา อาการอย่างนี้นก็เป็นเจ้าของไม่ได้ ธรรมอาศัยผัสสะทางรูป อายตนะนอกใน เเละการตีอวิชา เเละเป็นผู้เข้าใจอาการเเห่งจิต ผู้ไม่เข้าใจย่อมหลงอาการเป็นธรรมดา เเล้วคิดว่ากูเป็น บ่าอรหันต์ บ้าบรรลุ เเหมธรรมคถาคตทุกวันนี้เป็นธรรมเเห่งการขายของซะเเล้ว ใช้คำว้าบรรลุอ้างนิพพานเป็นจุดขาย เเปลงร่างเป็นขั้นๆ จนไม่ใช่มนุษย์ขี้เหม็นไปเเล้ว เป็นเทวดากันไปหมด มีเเสงก็คิดว่าตนวิเศษซะเเล้ว นี่ตือผู้หลงอาการจิต
สงสัยประเทศเราจะมีจานบินอีกลำล่ะ😂😂
ผมว่าปล่อยเถอะคัฟ ยิ่งไปยุ่ง ก้อยิ่งกลาย
เปนการเพิ่มกระแสความอยากรุ้อยากเหนซ่ะป่าวๆ ตัวเค้า เงินเค้า ความโง่ก้อของเค้า
จะโดนหลอกโดนโกงก้อเรื่องของมัน.
ใจเยนๆคัฟ ผมก้อยังไม่ได้ว่าคัยเลย #ที่ผมบอกคือ คัยจะเชื่อไม่เชื่อ ก้อปล่อยเค้าไปเหอะ ไม่ต้องไปหวังดีแทนคนอื่น จะเรื่องจริง โดนหลอก โดนอะรัย ก้อเรื่องของเค้า" เอาตัวเราให้รอดก้อพอ"😊
#ตั้งใจอ่านดีๆก่อน
#ไม่ต้องรีบพิมพ์
#ส่วนเรื่องเวรกรรม??? ให้ระวังมันคืนสนองน่ะคัฟ😊😊😊
คนอยากได้ของดี แต่ไม่อยากทำดี อาจารย์สอนให้คนได้ของดี โดยการนั่งวิปัสสนานั้นเป็นสิ่งดี แต่ถ้าคนคนนั้นละเลยศีลห้า และมีความคิดต่อผู้อื่นที่ไม่ดี ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง ก็น่าเสียดายเขาจะไม่มีวันได้ของดี
อาจารย์ควรสอนพื้นฐานของการทำลายกิเลสเสียก่อน ส่วนวิปัสสนาทำทีหลัง แล้วฌานจะมาเอง
การตำหนิพระไตรปิฏกฃึ่งพระพุทธองค์สั่งสอนไว้ดีแล้วโดยชอบแล้วผู้นั้นจักไม่มีทางได้บรรลุธรรมแน่นอนได้บรรลุธรรมก็บรรลุแบบหลงผิดเรียกว่าโลกียะชั้นต่ำ จงอย่าหลงทางผิดอีกเลย