เผชิญหน้า 02/2/58 : "ธุดงค์ธรรมชัย" เมื่อกิจกรรมสงฆ์กระทบประชาชน
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 1 ก.พ. 2015
- วันจันทร์ที่ 2 ก.พ. 2558 พบกับ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ที่มาตอบทุกโจทย์ ทุกคำถาม ในประเด็น ""ธุดงค์ธรรมชัย" เมื่อกิจกรรมสงฆ์กระทบประชาชน?" ในรายการ เผชิญหน้า Face Time กับ "ดนัย เอกมหาสวัสดิ์"
ติดต่อโฆษณา โทร.02-620-6743
ติดตามตอนอื่นๆของรายการ "เผชิญหน้า" ได้ที่ www.springnews.co.th/program/f...
กด "Like" เกาะติดทุกข่าวสารได้ที่แฟนเพจ / facetimeth
ติดตามข่าวจริงสปริงนิวส์ได้ทาง www.springnews.co.th
ติดตามชมรายการ "เผชิญหน้า" ออกอากาศเป็นประจำทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.10 น. - 21.00 น.ทาง "สปริงนิวส์ ดิจิทัลทีวี ช่อง 19" และ "เคเบิลทีวีช่อง 29" ทั่วประเทศ
รับชม สปริงนิวส์ ผ่านเว็บไซต์ได้ที่ www.springnews.co.th/live
ตามติดทุกเหตุการณ์นาทีต่อนาทีผ่านทวีตเตอร์ / springnews_tv
![ไม่ต้องมีที่ที่ให้ฉันอยู่ แต่ขอแค่มีฉันอยู่ก็พอ (Spaceless) - getsunova [OFFICIAL MV]](http://i.ytimg.com/vi/4N8idbxZ-7M/mqdefault.jpg)
น้อมกราบในธรรมที่หลวงพ่อพระพยอมท่านปรารภธรรมนั้นเป็นความจริงปัจจุบัน ฟังแล้วก็มาพัฒนาจิต เป็นธรรมที่มีคุณค่ายิ่ง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุสาธุเจ้าค่ะ
ผมเป็นวัยรุ่นคนนึงที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้สร้างบุญ แต่ผมดีใจที่พระท่านได้เดินมา จนทำให้ผมได้สร้างบุญให้กับตัวเอง ด้วยการตอนรับท่าน ด้วยดอกไม้ ปลื้มมากบอกตรง
ติ่งธรรมกาย เยอะแหะ 555
ทำบุญให้เยอะๆนะครับ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ถ้าจะให้ดีมีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ แล้วเอาไปทำบุญให้หมดเลยครับ สนับสนุนให้ได้บุญกันเยอะๆ ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี ดีไม่ดีได้ขึ้นชั้นพรหมเลย ถ้าจะไปกูธนาคาร มาสัก 2 3 ล้าน เอามาทำบุญ
ปล.ฝากทักทายสตีฟจ็อบด้วยนะครับ
555 กระทืบ like ตรงไหนนะ
myPhoenix168 กู้แล้วไม่ต้องใช้คืนนะยอมติดคุกเพราะใจอยากทำบุญจริงๆอานิสงคงมหาศาลเพราะเสียสละขนาดอิสระภาพของตัวเอง...ยอมติดคุกเพื่อให้ได้เงินมาทำบุญโอ้ววววจะมีอะไรเสียสละได้ขนาดนี้...ชะรอบว่าจะได้วิมานเพชร 7 สีพร้อมฆ้อน 3.5แสนมงกุดไก่ย่างแหวนข้าวต้มมัดผ้าคลุมทองหนักหมื่นชั่ง...บนสวรรค์ชั้น 6 ปรนิมมิตวสวัสตี...
+myPhoenix168 ใช่เลยครับ โครตเเย่ธัมมี
เรียกว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัวจะได้มั๊ยครับ คริ คริ
ฝงฝง งง.ง ฝง งง.งง.งงง งง งง งง.ง งงงงงงงงง งง.ง ง งงงง งงง.งงฝงงง.ง.ง ฝงฝง งฝงงงงง ฝงฝงงง ฝงฝง งฝง งง งง ง.งง.ง.ง.ง.งงงงง ฝงง.งงงงงlllhasll mll mllllllllllllkbllllllkblml
คนดีคือคนที่่พูดดี,ทำดี,คิดดี,และจับดีอยู่เป็นนิจ,คนชั่วคือคนที่ทำชั่ว,พูดชั่ว,คิดชั่ว,และคอยจับผิดอยู่เป็นนิจ,ผู้ที่มีปัญญาย่อมฟังก่อน,คิดก่อน,แล้วตรองก่อนเมื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้วจึงได้พูด,และก่อนพูดก็ยังคิดก่อนว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่,เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี,และเป็นเรื่องมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์,ขอขอบคุณรายการจับผิดทั้งหลายที่ทำให้ผมและหลายๆคเกิดความศรัทธาในวัดธรรมกายมากๆๆๆยิ่งขึ้น........ขอบคุณครับ......ขอบคุณ....เอาเวลาจับผิดผู้อื่นมาคอยจับผิดตัวเองดีกว่า....นิสัยที่ไม่ดีจะได้ไม่ติดตัวไปเหมือนชาตินี้.........จริงหรือเปล่าขอรับ......
ขยันแล้วรวย ไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์
เพราะดิฉันเห็นคนรอบตัวหลายท่าน ขยันจนแก่ ขยันจนตาย คนมากมายในสังคมล้วนขยัน ก็ไม่เห็นคนขยันนั้นรวยกันทุกคน...
แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า
บุญเป็นเบื้องหลัง ความสุขและความสำเร็จ
นั้นคือคำตอบสุดท้าย เป็นสัจจธรรมเที่ยงแท้
กรรมขึ้นกับเจตนา เจตนาดี ทำให้จิตผ่องใส เป็นเลื่อมๆ ใส ๆ คนที่มาต้อนรับพระด้วยจิตเลื่อมใส ผลคือบุญเกิด จึงเท่ากับว่าได้ประกอบเหตุดีแล้ว
อาศัยเหตุนี้ แล้วรับพร จึงสมเหตุแน่นอน
การที่พระท่านเห็นผู้มาต้อนรับประกอบเหตุดีแล้ว ให้พรว่าจงรวยจึงสมเหตุ ย่อมสำเร็จ.....ตามคำพร....นั้นค่ะ
ดิฉันประทับใจธรรมบท บทหนึ่ง เรื่องพระราชา มีจิตเลื่อมใส
ในบุญที่ได้ถวายภัตตาหารพระปลอม
ด้วยไม่ทรงทราบว่าเป็นพระปลอม เมื่อพระองค์ตรึกระลึกถึงทีไรจึงปลื้มทุกที
ด้วยบุญนี้เมื่อพระราชาละโลกไป
อานิสงส์ยังส่งให้ไปจุติยังสวรรค์ดาวดึงส์
เชียวแหละ
ตรงข้ามกับยายหอย
แม้อาศัยอยู่หน้าวัดเชตุวัน
ได้เห็นพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์แท้ๆ
ผ่านไป ผ่านมา ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่ด้วยจิตที่ไม่เลื่อมใส
แถมกลับ " ด่าว่า " พระทุกวัน เมื่อละโลก จึงไปทุคติคือโลกันต์(ทุกข์สาหัส) ด้วยมิจฉาทิฐิดิ่งนั้น
หากจะยกคำสอนของครูบาอาจารย์ ท่านพุทธทาส ท่านก็มักกล่าวสอนเสมอว่า
ให้เลือกเอาแต่ส่วนดีของเขา ส่วนเลวอย่างไปดูไปเอา เพราะหากจะหาใครมี
แต่ดีส่วนเดียวก็จะเหมือน จะหาเอาหนวดเต่า ซึ่งมันไม่มี
จะเสียเวลาตายเปล่า.
จึงน้อมมาปฏิบัติ ว่าสำคัญที่สุดคือเจตนา คือใจเรานั้นเองที่สำคัญที่สุด ต้องรักษาใจตัวเอง วางใจให้ดีๆ เอาแต่ส่วนดีๆ
ก็ไปเอาบุญกับเขา มาค่ะ ปลื้มมากๆ ใจใสใจสบาย คิดเลยว่าหากตาย ก็คงตายดีอย่างพระราชาองค์นั้นเลยจริงๆ
จึงขอแชร์ประสบการณ์แด่ทุกท่าน...ซึ่งคือเพื่อน
เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ว่า....ลองไปพิสูจน์ปีหน้าไปร่วมต้อนรับ ด้วยจิตที่เลื่อมใส ในพุทธศาสนาของเรา
ตั้งจิตเป็นสังฆทาน เพราะเขามีพระมากกว่า 4 รูป คือปีหน้าจะเป็น 1,131รูป มาจากหลายวัดทั่วไทย ล้วนผ่านการจำพรรษา ฝึกตนทนหิว บำเพ็ญตบะ ได้รับอนิสงส์กฐินแล้วทุกรูป
และเมื่อคิดให้ดี พระเป็นพันหากไม่ฝึกตน มีวินัย มากอย่างเยี่ยมยอด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ตรงเวลาในภาระกิจเดินธุดงค์
จะไม่เป็นอย่างที่เห็น และสำเร็จได้เลย ก็ลองคิดถึงตัวเองเวลาไปเที่ยวกันเป็นครอบครัว หรือเป็นคณะใหญ่หน่อยสักแค่ 10 -20 คน
ยังมีเรื่องวุ่นวาย กระทบกระทั้งกัน บางที่เป็นเรื่องเป็นราวอย่างไม่คาดคิดเลยก็มี แต่นี่ พันกว่านะ...
ขอกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น แม้จะดับขันปรินิพพาน นานมาแล้ว ขอกราบพระธรรม และขอกราบพระสงฆ์ ผู้สืบทอด ศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่ธรรมเรื่อยมา
คนขยันแล้วรวย กลับคนขี้เกียจแล้วรอผลบุญกุศลมาทำให้ตัวเองรวย อย่างไหนที่จะรวยจริงกว่ากัน คุณลองยกตัวอย่างมหาเศรษฐีพันล้านที่ขี้เกียจสักคนซิ(ไม่นับลูกหลานที่ได้มรดกจากพ่อที่รวยนะ) ศาสนาพุทธสอนไว้ว่า เมื่อเราทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นเป็นผลตอบแทน เมื่อเราหว่านข้าวย่อมได้เมล็ดข้าวเป็นผลตอบแทน อีกอย่าง อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าทำบุญแล้วหวังผลตอบแทน เช่นทำบุญแล้วหวังรวย หวังขึ้นสวรรค์ หวังจะได้โชคลาภ เช่นนี้ผมคิดว่าไม่ใช่การทำบุญหรอก มันคือ"การลงทุน"แต่เมื่อใดที่ทำบุญหรือให้โดยไม่หวังผลตอบแทนให้แล้วเรามีความสุขกลับการให้นั้นๆนั้นแลคือ"การทำบุญ"
พระพทํเจ้าบอกว่า คนมีความเพียร ย่อมหาทรัพย์ได้
Suthijit Jiratammaratana นี่คุณถ้าอย่างนั้นผมถาม จิตผมนี่เป้นกุศลมาก รักษาศีลไม่ออกจากที่นั่งที่นอน เพราะกลัวไปเหยียบมดเหยียบอะไรตายจะบาป ทรัพย์สินมีเท่าไหร่บริจาคถวายทานทั้งหมด นั่งนอนภาวนาอยู่กับที่นั่งที่นอน คุณว่าผมจะได้สุขหรือได้ทุกข์...แม้พระพุทธเจ้าเองก็สอนไว้ว่าบุคคลทั้งหลายพึงล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร หิวข้าวมีเงินในกระเป๋า แต่ไม่ลุกขึ้นออกจากที่นอนเดินไปซื้อของกินมันจะหายหิวไหม๊มันจะหายทุกไหม๊...ไอ้เดินไปซื้อข้าวกินนี่เพียรแบบกิ๊กก๊อกเองนะยังทำให้พ้นทุกกิ๊กก๊อกจากความหิวได้....แล้วทานนี่ต้องปราศจากตัณหาคือให้ทานไปเพื่อละการอยากได้ทั้งปวง ถึงจะส่งผลให้เกิด ฉกกามาวจรภูมิ แต่ที่ประเสริฐกว่าทานคือตัวศีล และสมาธิ เพราะสมาธิก่อให้เกิดฌาณ ผู้ใดทรงฌาณได้ขณะกายจะแตกจิตเคลื่อนสู่แดนพรหม ...ไปหาอ่านพระไตรปิฏกบ้างนะศาสนาพุทธเป็นเรื่องของเหตุและผลไม่ใช่ความงมงาย ศรัทธามาพร้อมเหตุผลแต่งมงายมาพร้อมกับอารมย์ความรู้สึก..จบ
สาธุครับ
บุญเกิดจาก ศรัทธาใครทำก็ได้ อยู่ที่ใจที่คิดจะทำ แค่นี้
สาธุหลวงพ่อเทศได้ฟังง่าย
ทุกคนเกิดมาก็อยากรวยกันทั้งนั้น,ที่หลวงพ่ออวยพรให้รวยไม่่ได้เอ่ยลอยๆ,ที่ท่านเอ่ยก็เพราะญาติโยมได้ตั้งใจทั้งทำทาน,รักษาศิล,และนั่งสมาธิได้ประกอบเหตุเริยบร้อยแล้วท่านจึงให้พรให้ไปรวย,หรือว่ามีบางวัดอวยพรให้้ไปจน,ท่านครับ,ที่ผมได้ฟังได้รู้ได้เห็นได้ตรอง,ไม่เคยเห็นหลวงพ่อธัมมชโยไปกล่าวว่าร้ายใครแม้แต่ครั้งเดียว,แต่กลับตรงข้าม,ไค้แต่ได้ยินหลวงพ่อสอนให้ลูกพระลูกเณรให้เป็นพระแท้,คือทำกายวาจาและใจให้บริสุทธิ์เพื่อจะได้เป็นเนื้อนาบุญให้แก่ญาติโยม,โยมจะได้บุญเยอะๆ,บุญอยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ,เมื่อมีบุญมากก็จะรวยเร็วรวยแรง,จึงเห็นได้ว่าตั้งแต่วัดสร้างมาความศรัทธาของหมู่ชนก็มากขึ้นเรื่่อยๆ,คิดว่าวัดพระธรรมกายคงไม่เก่งที่จะสามารถหลอกคนทีเดียวได้เป็นล้านๆคนหรอกนะแต่ที่ทุกอย่างสำเร็จได้เพราะหลวงพ่อและหมู่คณะตั้งใจทำเรืองที่จริง,เรื่องที่ดี,,เรื่องที่มีประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาแและต่อชาวโลกต่างหาก ไม่ได้ทำเพื่อลาภ,ยศ,สรรเสริญแต่อย่างใดและความศัทธาของโยมที่่เกิดขึ้นเกิดมาจากใจที่บริสุทธิ์ การจะตั้งใจเป็นคนดีไม่ควรอายแต่ควรอายในการกรระทำที่ไม่ดี,พูดไม่ดีและคิดไม่ดี ขอบคุณครับ
พระธุดงค์ธรรมชัย อยู่ในที่ๆเขาจัดไว้ให้ ในบัญญัติ ธุดงควัตรข้อที่12 ด้วยนะคะ ไม่ได้มีถือเพียงข้อเดียว
นายดนัย เอกชัยสวัสดิเขาเป็นชาวคริสต์ครับ ความหวังของการจักรายการก็คือการดึงพระมาด่าพระ ด่ากิจกรรมทุกอย่างที่เป็นความดีของชาวพุทธ พระพยอมก็ถูกเขาหลอกเอามาเป็นเครื่องมือด้วย นายดนัยก็ถูกหลอกใช้ครับ โปรดดู Atrocities of Christianity . Christian crimes against humanity
ผู้จัดรายการคะข้อมูลคุณไม่ดีถ้าไปถามคนรู้จริงถามไปถามมาระวังจะ เงิบ นะคะ เป็นพิธีกรที่ดีควรใช้คำพูดที่ระวังหน่อย ไม่ใช่คำพูดที่ใส่สีตีไข่เสียดสีจนเกินงานนะคะ รักษาศรัธาของญาติโยมที่เข้าวัดด้วยคะ แต่ดูแล้วคุณคงไม่เคยไปเปิดหูเปิดตาเปิดปัญญาเท่าไหร่นะคะ ถึงได้เลือกใช้คำพูดแบบนี้
ท่านถือสองข้อ คือฉันมื้อเดียว กับอยู่ในที่ที่เขาจัดให้ คือสองข้อจ๊ะ แล้วคนท้องที่ก็มีเยอะครับ
ดูภุมิใจมากเลยอะ 13 ข้อ ได้ 2 ข้อ เอ้าๆ ก็ยังดีๆ ฉันอาหารมื้อเดียว ว้าววววว สุดยอดเลย พระที่ไหนๆ เค้าไม่เคยทำกันนะเนี่ย
พระธุดงค์ท่านแม้เคลื่อนไหว แต่จิตใจและร่างกายช่างสงบนิ่ง องอาจ สง่างาม น่าเลื่อมใส
คุณเองล่อกแล่ก ด้อกแด๊ก สั่นคลอนเหลือเกิน โยกเยกไปมา ดูแล้วมึน เอาอะไรไปดูหมิ่นดูแคลนพระผู้ทรงศีลถึง 1130 รูปที่บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ บวชอย่างน้อย 1 พรรษา ครบแล้วต้องปฏิบัติธรรมเข้มข้นต่ออีกเป็นเดือน จึงออกเดินธุดงค์ เพื่อโปรดญาติโยม ท่านตรึกองค์พระในกลางกายไปตลอดเส้นทาง 485 กม. ตัวคุณเอง นั่งอยู่กับที่ หัวเราะ หัวร่า กับพระกับเจ้า นี่งามหรือ
ก็แค่อย่าเรียก ธุดงครับ เรียก เดินโชว์อะไรก็ว่าไป
01 NT TH พระพทุธเจ้าไม่เคย สอนให้นับถือในวิชามารนะ อยู่ยงคนงกระพันนะ ข้างหลัง สักข้อสอบเหรอ
ใช่ครับ แก้โง่ จะได้ไม่โดนลัดธิฝากระโถนหลอก
ติ่งฝากระโถนสิท่านนะ 555
เมื่อก่อนไม่เคยศึกษาพุทธวจน ถึงต้องเอามาเตือนใจว่า อย่าทำ ในสิ่งที่ไม่ใช่ ท่านหละ หลุดจากโครนตมที่ท่านยึดติดหรือยัง ที่พักบนวิมาร หรือสร้างพระทองคำ หน้าตาไม่เหมือน พระพุทธเจ้า ท่านคิดว่าพวกท่าน กำลัง ทำอะไร?
ปีนี้ที่มหาลัยของผมเป็นจุดพักค้างของพระธุดงค์ ผมกับเพื่อนได้ล้างเท้าพระธุดงค์ตั้งพันกว่ารูปด้วยปลื้มมาก เอาบุญมาฝากทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ
ศิลบริสุทธิ์ซักกองค์ไหม
+siwakon noff บุญเอามาฝากกันไม่ได้ครับ พระพุทธเจ้าตรัส ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใครอยากได้บุญต้องทำเอง
Krissada1000 ในบุญกริยาวัตถุ 10 ไงครับ บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา สาธุก็ได้บุญแล้ว
+siwakon noff นั่นหมายถึงคนนั้นต้องโมทนานะครับ และต้องโมทนาเอง ไม่ใช่คนอื่นโมทนาให้ ที่คุณบอกว่าเอาบุญมาฝาก จึงเป็นการฝากใครไม่ได้เลยครับถ้าเขาไม่โมทนา ตรงกันข้ามถ้ามีคนคนที่คุณไม่ได้คิดว่าจะเอาบุญมาฝาก แต่เขารู้ว่าคุณทำอะไรดีๆมา เขาโมทนา เขาก็ได้บุญครับ แต่ไม่ใช่เป็นบุญที่คุณเอามาฝาก เป็นบุญที่เขาสร้างเองโดยคิดถึงคุณครับ
ผิดธุดงควัตร์13เกือบทุกข้อบุญที่ว่าเดินธุดงไม่เกิดครับเป็นอาบัติ
เป็น ธรรมยาตราโดยพระผู้ปฏิบัติธุดงค์วัตร ในข้อ2 ฉันอาหารมื้อเดียว และข้อ12 อยู่ในสถานที่ที่เขาจัดให้ ตามมีตามได้ครับ
ธุดงค์ธรรมชัย ต้องกฏอาบัติอย่างชัดเจนกี่ข้อในพระธรรมวินัย
May 5, 2013 at 3:03am
ธุดงค์ธรรมชัย ต้องกฏอาบัติอย่างชัดเจนกี่ข้อในพระธรรมวินัย
(โดยคุณอมเรศ กาลปุตรา)
1. ธุดงค์ หรือ ธุตงฺค เป็นวัตรปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ แต่ไม่มีการบังคับ แล้วแต่ผู้ใดจะสมัครใจปฏิบัติ เป็นอุบายวิธีกำจัดขัดเกลากิเลส
ทำให้เกิดความมักน้อยสันโดษ ยิ่งขึ้น ไม่สะสม เพื่อให้เบาสบายไปมาได้สะดวกด้วยไม่มีภาระมาก เหมือนนกที่มีเพียงปีกก็บินไป มิใช่เพื่อสะสมหรือเพื่อลาภสักการะและชื่อเสียง ถ้าทำเพื่อลาภ เพื่อชื่อเสียง ต้องอาบัติทุกกฎ
- อ่านดีๆ นะครับที่ว่า “มิใช่เพื่อสะสมหรือเพื่อลาภสักการะและชื่อเสียง ถ้าทำเพื่อลาภ เพื่อชื่อเสียง ต้องอาบัติทุกกฎ” อันนี้ชัดเจน มาก ว่า ธรรมกายธุดงค์ไปมีรถนำหน้ารับบริจาคไปด้วยตลอด + ทำเพื่อชื่อเสียง เพราะต้องการจักให้ตนได้ลงบันทึกใน Guinness World Records
- อย่างนี้เข้ากฏข้อห้าม ข้อมิพึงกระทำหรือไม่? และต้องอาบัติทุกกฏหรือไม่? เมื่อทราบแล้วว่าผิดพุทธวินัยอันต้องอาบัติทุกกฏ พุทธบริษัทพึงสนับสนุนหรือไม่?
- พระวินัย คือ พระวินัย เป็นกฏที่พระศาสดาวางไว้เพื่อให้สงฆ์ (ชนหมู่มาก) พึงปฏิบัติตามเพื่อมิให้เกิดโลกวัชชะ (มีโทษทางโลก = กระทำเพราะรู้ด้วยจิตมีเจตนาแห่งการกระทำ)
2. ธุดงค์ คือวัตร หรือแนวทางการปฏิบัติจำนวน 13 ข้อ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาต ไว้ให้แก่พระสงฆ์สำหรับเลือกนำไปปฏิบัติ เพื่อมุ่งให้เป็นแนวปฏิบัติเพิ่มเติมของพระสงฆ์ที่ตั้งใจสมาทานความเพียร เพื่อมุ่งขัดเกลาทางจิตเพื่อกำจัดกิเลส
โดยธุดงค์นี้เป็น เพียงวัตรหรือแนวทางการประพฤติ ที่ไม่ใช่ศีลของพระสงฆ์ พระสงฆ์จึงเลือกปฏิบัติหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และการปฏิบัติธุดงค์ ไม่ได้จำกัดเฉพาะพระสงฆ์เท่านั้น
- การมาเดินเช่นนี้ของธรรมกาย เริ่มต้นด้วยการเดินเพื่อขัดเกลาซึ่งอาสวะกิเลสหรือไม่? เพราะ การขัดเกลาอาสวะกิเลส เพราะ “อาสวะกิเลส” แปลว่า กิเลสสิ่งที่ทำให้จิตขุ่นมัวหรือรับคุณธรรมได้ยาก ที่แอบซ่อนนอนเนื่องซึมซาบย้อมจิต เพียงรอสิ่งที่มากวน มากระตุ้นเร้าให้กิเลสที่นอนเนื่องตกตะกอนนอนก้น คืออยู่ในลักษณาการที่ดับลงไปอย่างชั่วคราวที่อยู่ในจิตให้ขุ่นมัวคุกรุ่น ขึ้นมาเป็นกิเลสหรือองค์ธรรมสังขารกิเลสต่อไปนั่นเอง
- การมาจัดฉากเดินแบบนี้ คือ มาเดินๆ มาโรยดอกไม้ แล้วก็กลับวัดแบบนี้ ได้กำจัดอาสวะกิเลสอย่างไร?แบบ นี้อยู่ที่วัดแล้วปฏิบัติธรรมเพื่อกำจัดอาสวะกิเลสก็ย่อมได้ เพราะที่เดินๆ กันของภิกษุทางธรรมกายนั้นมิได้เป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะกิเลสเลย
เมื่อทราบด้วยปัญญาและหลักพระวินัยเช่นนี้แล้ว พุทธบริษัทสี่พึงอนุโมทนาร่วมด้วยหรือไม่? เพราะการผิดซึ่งพระวินัยเช่นนี้ นานไปจักนำไปสู่การทำให้พระวินัยเสื่อมถอยหรือเรียกได้อีกอย่างว่าจาบจ้วงพระธรรมวินัย อันพุทธบริษัทต้องร่วมกันตักเตือนหรือถวายธรรมที่ถูกต้องแก่เขา ว่ามิควรกระทำ จักถูกต้องกว่า จริงหรือไม่
ข้อ ต่อไป เรามาศึกษากันต่อแบบชาวพุทธเราว่า “ธุตงฺค” ที่พุทธบิดรทรงอนุญาตให้ “พุทธสาวก หรือ ศากยบุตร” พึงกระทำได้จักต้องสมาทานปฏิบัติอย่างไรบ้าง และทางธุดงค์ธรรมกายต้องกฏอาบัติข้อไหนอย่างชัดเจนบ้าง
1. ปังสุกูลิกังคะ ละเว้นใช้ผ้าที่ประณีตเหมือนที่คหบดีใช้ สมาทานถือใช้แต่ผ้าบังสุกุลที่เขาทิ้งแล้ว- ข้อนี้ธุดงค์ธรรมกายได้กระทำหรือไม่ แต่ก็พออนุโลมได้ว่าผ้าบังสุกูลนั้นไม่ค่อยมีแล้ว จึงถือว่าทางธรรมกายยังไม่ผิดเท่าใดนัก
2. เตจีวริตังคะ ละเว้นการมีผ้าครอบครองและใช้สอยผ้าเกิน 3 ผืน (ในความหมายว่าผ้านุ่ง ผ้าห่ม ผ้าคลุม) คือ ผ้าที่เป็นผืนๆ ที่ไม่ได้ตัดเป็นชุด ตามหลักผ้าใช้นุ่งห่มเพื่อกันความร้อนความเย็นและปกปิดร่างกายกันความน่าอาย เท่านั้น- ข้อนี้ธุดงค์ธรรมกายที่แต่งมาเดิน ก็อนุโลมได้ว่าไม่ผิดเพราะครองผ้า 3 ผืนมาเดิน
3. ปิณฑปาติกังคะ ละเว้นรับอดิเรกลาภ สมาทาน เที่ยวบิณฑบาตเป็นประจำ- ข้อนี้ธุดงค์ธรรมกายมิได้กระทำ หรือ มิได้มีเจตนาเบื้องต้นมาเช่นนั้น เพราะคำว่า “อดิเรกลาภ” จักหมายถึง “อดิเรก” แปลว่า “การทำไปเพื่อความเพลิดเพลิน”
บวกคำว่า “ลาภะ” ที่แปลว่า “สิ่งที่จักได้มาหรือสิ่งที่จักทำให้มีกำไร” ซึ่งต้องอธิบายสักนิดว่า ลาภมีทั้งทางรูปธรรม เช่น ทรัพย์สินเงินทองหรืออาหารรสเลิศ และทางนามธรรม เช่น ชื่อเสียงหรือเกียรติยศหรือการได้รับการสรรเสริญเยินยอ
ข้อนี้ถือว่าธุดงค์ธรรมกายผิดพระวินัย คือ มีรถรับบริจาคทรัพย์นำหน้า อันก่อให้เกิดอดิเรกลาภทางรูปธรรม และจุดประสงค์ข้องหนึ่งของทางธรรมกายต้องการได้จดบันทึกลงใน Guinness World Records อันเป็นหวังจะมีชื่อเสียงหรือเป็นอดิเรกลาภทางนามธรรม อันถือว่าเป็นการต้องกฏอาบัติครั้งที่ 1
4. สปทานจาริกังค ละเว้นการโลเล (ยึดติด) ภิกขาจาร (เพื่อมิให้ผูกพันกับญาติโยม) สมาทานบิณฑบาตรตามลำดับ ลำดับบ้าน ไม่เลือกบ้านที่จะรับบิณฑบาต เดินแสวงหาบิณฑบาตไปตามลำดับ
ข้อนี้ก็ถือว่าทางธุดงค์ธรรมกายผิดอีก เพราะไม่ละเว้นการโลเล อันยึดติดกับพิธีกรรมโรยดอกดาวเรือง เพื่อให้ตนนั้นเกิดความผูกพันกับญาติโยมมายิ่งขึ้นด้วยการวางรูปแบบให้เขามาปฏิบัติตามที่ตนจัดขึ้นและไม่มีการรับบิณฑบาต (บิณฑะ = ข้าวหรืออาหาร) แต่มาเพื่อรับดอกไม้ รับเงินทองและรับชื่อเสียง อันถือว่าเป็นการต้องกฏอาบัติครั้งที่ 2
5. เอกาสนิกังคะ ละเว้นอาสนะที่สอง สมาทานอาสนะเดียว (ฉันมื้อเดียว). ปกติมักถือการนั่งฉันเมื่อเคลื่อนก้นจากฐานอาสนะที่นั่งเป็นอันยุติการฉัน หรือรับประทานอาหารในวันนั้น
ข้อนี้ไม่ทราบว่าทางธุดงค์ ธรรมกายสมาทานอาสนะเดียวหรืออาสนะที่สองในขณะจัดธุดงค์ธรรมกาย จึงมิอาจพิจารณาว่าต้องกฏอาบัติหรือไม่ ให้ยกละทิ้งไป
6. ปัตตปิณฑิกังคะ ละเว้นฉันภาชนะที่ 2 ใส่อาหารรวมในภาชนะเดียวกันทั้งหมด สมาทาน ฉันเฉพาะในบาตร7. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ ละเว้นการรับประทานอาหารเหลือ สมาทานเมื่อเริ่มลงมือฉันแล้วไม่ยอมรับเพิ่ม
- กฏ 2 ข้อนี้ก็อนุโลมให้เพราะมิอาจทราบได้ว่าทางธุดงค์ธรรมกายได้กระทำ “ปัตตปิณฑิกังคะ” ร่วมด้วยหรือไม่ อันนี้ชาวธรรมกายเองต้องนำไปพิจารณาเองว่าทำหรือไม่ จึงไม่ปรับว่าต้องกฏอาบัติ
8. อารัญญิกังคะ ละเว้นการอยู่ในเสนาสนะใกล้บ้าน สมาทานการอยู่ในป่าไกล 500 ช่วงคันธนู โดยจะต้องให้ตะวันขึ้นในป่า หากตัวอยู่ในบ้านตอนตะวันขึ้นเป็นอันธุดงค์แตก สมาทานถืออยู่ในป่า (วน - กลุ่มต้นไม้, อรัญญ - ป่าไกลบ้าน)
- ข้อนี้ทางธุดงค์ธรรมกายได้กระทำผิดพระธรรมวินัยอย่างแน่นอน เพราะมาธุดงค์เข้าสู่คามแห่งชาวบ้าน (เขา เมืองหลวงที่มีบ้านเรือนแออัด) สมาทานใกล้บ้านเรือนของฆราวาสเกิน 500 ช่วงคันธนูหรือประมาณ 500 - 1,000 เมตร และมาปรากฏในหมู่ระยะ 500 ช่วงคันธนูบ้านตนตอนตะวันขึ้นและไม่สมาทานถืออยู่ป่าอย่าแน่นอน ข้อนี้จึง ถือว่าธุดงค์ธรรมกายต้องกฏอาบัติอย่างชัดเจนเป็นข้อที่ 3
9. รุกขมูลิกังคะ ละเว้นนอนในที่มีที่มุงที่บัง (เช่นบ้าน ถ้ำ กุฏิ) สมาทานอยู่โคนไม้ แต่ท่านอนุญาตให้ทำซุ้มจีวรได้ ส่วนของวัดป่าบางที่นั้นจะต่างออกไปเล็กน้อย คือ จะใช้การปักกลดแทน
- ข้อนี้ทางธุดงค์ธรรมกายได้กระทำผิดพระธรรมวินัยอย่างแน่นอน อัน มิได้สมาทานอยู่โคนไม้อย่างชัดเจน คือ มาเดินธุดงค์โรยกลีบดอกไม้ แล้วนั่งรถกลับวัดจไปจำวัดที่กุฏิหรือบางรายอาจจะเข้าพักตามที่วัดหรือ โรงเรียน อันมิใช่ที่วิเวกเหมาะสมแก่การปกิบัติธรรมเพื่อกำจัดอาสวะกิเลส ข้อนี้จึงถือว่าธุดงค์ธรรมกายต้องกฏอาบัติอย่างชัดเจนเป็นข้อที่ 4
10. อัพโภกาสิกังคะ ละเว้นการเข้าในที่มีที่มุงที่บังและใต้ต้นไม้ สมาทานอยู่กลางแจ้ง คือการไม่เข้าไปพักในร่มไม้หรือชายคาหลังคาใด ๆ หรือแม้การกางร่มกลดเพื่อกันแดดกันฝนก็ไม่ได้ห้ามทั้งซุ้มจีวรและการใช้มุง ใด
- ข้อนี้ผู้ที่นับถือทางธรรมกายต้องพิจารณาเองว่าสงฆ์ที่มาร่วมธุดงค์ธรรมกาย นั้นเข้าไปพักอาศัยในที่มุงที่บังหรือใต้ต้นไม้จริงหรือไม่ เข้าไปพักอาศัยในชายคาแห่งคามหรือกลับไปจำวัดในกุฏิหรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่ถือว่าต้องกฏอาบัติแต่ถ้ากระทำเช่นนั้นก็ถือว่าต้องกฏอาบัติ
11. โสสานิกังคะ ละเว้นการอยู่ในสถานที่ไม่เปลี่ยว สมาทานอยู่ป่าช้า ในคัมภึร์หมายถึงป่าช้าเผาศพ ซึ่งต้องเคยมีการเผาศพมาก่อนอย่างน้อยครั้งหนึ่งแต่ไม่ใช่ป่าช้าฝังผี
- ข้อนี้ทางธุดงค์ธรรมกายนั้นมิได้ละเว้นการปลีกวิเวกเข้าสู่สถานที่เปลี่ยว แต่กลับมุ่งเข้าสู่สถานที่อันไม่เปลี่ยว (เข้าเมืองกรุงที่วุ่นวาย) แถมมิได้พำนักอาศัยอยู่ในที่ที่เคยใช้เผาศพหรือป่าอันเงียบสงัด ข้อนี้จึง ถือว่าธุดงค์ธรรมกายต้องกฏอาบัติอย่างชัดเจนเป็นข้อที่ 5
12. ยถาสันถติกังคะ ละเว้นการโลเล (ยึดติด) ในเสนาสนะ สมาทานอยู่ในที่ตามมีตามได้ เสนาสนคาหาปกะจัดให้อย่างไรก็อยู่ตามนั้น
- ข้อนี้ก็ต้องถามท่านที่ให้การสนับสนุนธุดงค์ธรรมกายว่า สงฆ์ซึ่งมาร่วมในการธุดงค์ธรรมกายนั้นโลเลในการสมาทานซึ่งเสนาสนะตามมีตาม ได้หรือไม่
ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องกฏผิดพระธรรมวินัย จึงถือว่าไม่เข้าการพิจารณาว่าต้องกฏอาบัติ แต่ถ้ามิใช่ก็ถือว่าต้องกฏอาบัติ อันนี้ทางธรรมกายจะทราบดีว่าตนนั้นอาบัติกฏข้อนี้หรือไม่
13. เนสัชชิกังคะ สมาทานถืออิริยาบถนั่ง-อิริยาบถยืน-อิริยาบถเดินเพียง 3 อิริยาบถไม่อยู่ในอิริยาบถนอน
- ข้อนี้ก้ต้องถามทางธุดงค์ธรรมกายว่าสมาทานถือกี่อิริยาบท จักไม่ขอวิจารณ์
สรุปแล้วทางธุดงค์ธรรมกายต้องกฏอาบัติชัดเจนถึง 5 ข้อใหญ่ๆ จาก 13 ข้อด้วยกัน แล้วอย่างนี้จักมาอ้างว่าทำเพื่อเชิดชูหรือกระตุ้นพระศาสนาได้อย่างไร? เพราะการทำผิดกฏของทางพระพุทธศาสนานั้นเรียกได้ว่า "เป็นการทำลายรากฐานที่พระบรมศาสดาได้กำหนดไว้ดีแล้ว" อย่างแน่นอน
เมื่อต้องกฏอาบัติ สงฆ์กลุ่มนั้นทั้งหลายจึงถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติในอาบัติ อันมีโทษตามพระวินัย และพุทธบริษัทที่ดีจักต้องไม่ควรส่งเสริม
แต่ถ้าท่านใดมากล่าวว่าทำๆ ไปเหอะเพราะน่าจะเป็นการกระตุ้นให้คนหันมาทำดีนั้นถือว่าท่านมีมิจฉาทิฏฐิ (ทรรศนะ ที่ไม่ดีไม่งาม) เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าพุทธบริษัทคนนั้นเป็นผู้ร่วมกระทำการจาบจ้วงพระธรรมวินัยให้ผิด เพี้ยนเสื่อมลงไปเช่นกัน
ทางที่ถูกเมื่อท่านได้พิจารณากฏแห่งการธุดงค์หรือทุตงฺคทั้ง 13 กฏนี้อย่างท่องแท้ด้วยสติปัญญาที่ดีงามแล้ว ท่านพึงกลับไปถวายธรรมแก่ผู้ที่จัดงานนี้ขึ้นมาว่าไม่ถูกไม่ควร จักเป็นการถูกต้องกว่า
อย่าให้เหมือนกับเรื่องของกลอง “อานกะ” เลย ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธองค์เคยยกมาสอนธรรมแล้วครั้งหนึ่งว่า
ด้วย ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเชตวัน เมืองสาวัตถี พระองค์ได้ตรัส มีกลองชื่อ "อานกะ" อันเป็นกลองเนื้อดีของพวกกษัตริย์ทสารหะ เมื่อกลองแตกลงพวกทสารหะได้ตอกลิ่มไม้ลงไปอุด แล้วเมื่อเวลาผ่านไปกลองนั้นก็แตกอีก ชาวเมืองก็ตอกลิ่มลงไปอีก ทำเช่นนี้เรื่อย ๆ จนในที่สุดโครงเก่าก็หายไปฉันใด จนไม่เหลือเนื้อไม้อันเป็นแก่นแห่งกลองอาน กะอีกเลย
หรือถ้าท่านคิดว่าทำๆ ไปเหอะ หวังเพียงแต่ว่าจะเอาเนื้อไม้อะไรใส่ลงไปก็ใส่ไปเถิดกลองก็ตีดังเหมือนกัน นานไปมันก็จักไม่ได้ชื่อว่ากลองอานกะอีกต่อไป พระวินัยในพระพุทธ ศาสนาก็เช่นกัน ถ้าท่านกระทำเฉกเช่นกลองอานกะ ไม่นานแก่นธรรมหรือพระวินัยที่พระศาสดาเพียงสร้างมากำหนดมาก็จะไม่เหลือให้ท่านได้ทราบว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไรอีกอย่างแน่นอนในอนาคต
แล้วพวกท่านนั้นเองจักได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ทำลายพระพุทธศาสนา ที่ ท่านมักชอบกล่าวอ้างตนว่าท่านเป็นชาวพุทธ เป็นสาวกแห่งพระศรีศากยมุนี แต่ท่านกลับทำลายแล้วซึ่งแก่นธรรมอันดีงามของพุทธบิดรของท่านเช่นนั้นเองแลฯ
ขออภัยนะครับที่ต้องอธิบายยาวสักนิด แต่การอธิบายนี้จักได้นำมาซึ่งปัญญาพิจารณาว่าอะไรถูก อะไรผิด ในพระธรรมวินัยแห่งพระศาสดา
แล้วอย่า ให้พวกเดียรถีย์ที่จักมาบิดเบือนพระพุทธศาสนาเพื่อนำไปใช้หาลาภสักการะมา เป็นเหลือบ มาเป็นหมัดเกาะกินพระศาสนาที่สมณโคดมเพียรเหนื่อยยากสร้างมากว่าเกือบ 45 พรรษาแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกเลย
สงสารพระ พุทธองค์กันบ้างเถิด แม้ยามพุทธบิดรจักเข้าสู่กาลปรินิพพานในวาระสุดท้าย พุทธองค์ก็ยังต้องประคองสังขารมาสอนธรรมอยู่เลย แล้วเราที่เป็นชาวพุทธจักมาทำลายพระเมตตาปัญญาแห่งพระตถาคตกันในสมัยนี้ให้ ผิดเพี้ยนไปหรือไร?
จึงอยากฝากให้ผู้ที่สนับสนุนในธุดงค์ธรรมชัยครั้งนี้ ได้โปรดพิจารณาธรรมหรือกฏพระวินัยนี้อย่างละเอียดด้วยนะครับ
อย่า เอาข้ออ้างเล็กๆ น้อยๆ อาทิเช่น กระตุ้นให้คนอยากทำบุญหรือจะทำให้พระพุทธศาสนามีศูนย์กลางในโลก และ ฯลฯ เช่นนี้ อันเป็นการนำเอาแค่กระพี้หรือเศษธุลี มาทำลายแก่นธรรมที่สำคัญหรือที่เป็นหลักใหญ่และเป็นรากฐานของพระพุทธศาสนา อีกเลย เพราะนานไปท่านจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ทำให้ "กลองอานกะ" ไม่เหลือความเป็น "กลองอานกะ" นะครับ
ทีกับพระต้มตุ๋นสร้างเครื่องรางของคลังซึ่งไม่ใช้หลักธรรมคำสอน ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนกันมั่งเลย ส่วนตัวผมว่ามันมีอคติทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆเลย ปล.ผมยังไม่เคยไปวัดธรรมกายเลยสักครั้งไม่ใช่ติ่งเติ่งอะไรนะคับ
ผมศิษย์พระพยอม หลวงพ่อผมไม่มีข่าวเสียหายคับ
บัว มี สี่เหล่า ปัญญา คือยอดสูงสุดที่พะพุทธเจ้ากล่าวไว้
เอา 13 ข้อมาเทียบแล้ว เห็นชัดแล้วว่าไม่ใช่ธุดงค์
ถ้าหลวงปู่ชาท่านยังอยู่ ถ้ามีคนไปถามท่านว่าใครถูกใครผิด ท่านก็คงตอบว่า มีถูก จึงมีผิด มีผิด จึงมีถูก เพราะผิดถูกอยู่ที่ใจ แล้วท่านก็จะบอกว่า ก็ตัวเรายังไงที่ผิด เพราะเรามัวแต่ไปเพ่งเล็งคนอื่น จนลืมดูตัวเราเอง
ผู้ออกบวชย่อมรักษากายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ ไม่พูดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นเพราะพระสงค์ต้องรักษาศีล227ข้อด้วยชีวิต ถ้าพูดโจมตีใส่ร้ายคนอื่นเขาเรียกพระทุศีลครับ ท่านผู้เจริญในธรรม.../
พระป่ากับพระเมืองมันต่างกัน ดูสีจีวอนก็รู้ละฮ่ะ ไหนของจริง ไหนของปลอมมมม...
พิธีกรทำดีแล้วครับ ผมชอบ ลีลาแก แปลกดี
ไม่ผิดหวังที่ท่านพระอาจารย์พยอม ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องธุดงค์ของธรรมกาย
จะทำอะไรไม่มีใครห้ามจะเป็นเทพบุตรเทวดา
ก็ห้ามใครไม่ได้.
แต่อย่าทำให้มนุษย์เดินดินเดือดร้อน.
การไม่เบียดเบียน เป็น บรมธรรม
น่าจะชัดเจนแล้วนะครับ คนเรามีศรัทธาควรจะควบคู่กับความมีเหตุผล
พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมือนกษัตริย์องค์อื่นๆเพราะพระองค์ท่านจะออกสำรวจพื้นที่และแก้ไข้สิ่งต่างๆเช่น ฝนหลวง เกษตรทฤษฎีใหม่
โปรดอ่าน Some mistakes of Moses เขียนโดย Robert G.Engersoll, Nails and thumbscrews เขียนโดย ท่าน Josheph McCabe, Queen Jane Bible แล้วคุณจะตาสว่างขึ้น
ธรรมกาย อยู่ได้ไม่นานหรอก ดูจากคนที่พิมพ์ข้อความ ในโลกอินเตอร์เน็ต ในเรื่องที่เกี่ยวกับธรรมกาย
วัดธรรมกาย เป็นวัดที่ผม ไม่เคยคิดที่จะเลื่อมใสศรัทธา นี้คือประสบห์การจริงเด็กแถวบ้าน แม่อยู่ธรรมกาย เป็นกรรมการอยู่ในนั้น พาคนเข้าวัดธรรมกายได้หัว ละ 2000 ลูกเต้าอยู่บ้านติดยา ไม่สนใจเข้าวัดอย่างเดียวเลี้ยงลูกด้วยยาบ้า ปล่อยเด็กให้เป็นภาระของสังคม เพราะ วัดธรรมกายคุณคิดกันดูนะถวายพระพุทธรูป องค์ หนึ่ง ไม่รู็กี่หมื่น ถวายแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ (จริงเหรอ) พุทธพาณิชย์ หรือเปล่า นี้คือเรื่องจริงประสบห์การจริง คุณรู้ แล้วคุณจะคิดต่างจากธรรมกายทันที
พระพยอมเข้าใจไม่ถูกต้องมาก ในเรื่อง บิณฑบาตไปตามลำดับบ้านนั่น หมายถึง วันนี้รับบ้านนี้ นั้น บ้านโน้น เรียกว่าเป็นไปตามลำดับแถว ไม่ใช่หมายความว่าเรียงแถวไปบิณฑบาต ไม่ใช่ทุกที่ๆจะถวาย แล้วเราก็เรียงแถวไปรับมาไว้หมด ..ต้องเทียบไปคล้อยในข้อประพฤติมุนีสูตร ,โมเนยยสูตร ,หรือ นาลกสูตร เป็นต้น (บิณฑบาตไปตามลำดับบ้านเป็นวัตร คือรับตามลำดับบ้านตามแถวเดียวกัน ไม่รับข้ามบ้านข้าม แถว) คือไม่รับภิกษาที่เดิม ไม่อยู่ร่มไม้เดิม เป็นไปตามลำดับ เข้าในทำนองนี้ เมื่อครบรอบแล้ว ก็จึงเวียนมาที่เดิมอีก " เรียกว่าเป็นไปตามลำดับแถว " ธุดงค์ไม่ใช่แปลว่า เรียงแถวเรียบร้อยดี แต่แปลว่าเคี่ยวกรำ ขัดเกลากิเลส ..การเรียงแถวเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่ตามธรรมดา ไม่เรียกว่าธุดงค์ คือมีคนมากก็ต้องเรียงแถว มันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เมื่ออยู่ด้วยกันมากคน
ข้อธุดงค์ต้องไม่โยงกับความคลุกคลี (ทั้งกับโยม ทั้งกับพระด้วย) ก็คือไม่ใช่เรื่องเรียงแถว แต่มุ่งไว้ว่าไม่ให้เลือกรับบิณฑบาตซ้ำตามความเจาะจงที่กามคุณบอกมาว่าให้ไปตามที่น่ารักน่าชอบจะพาไป
ในที่อื่น ก็ว่าทำนองที่ว่ามา เช่นกัน (wiki) ◘ สปทานจาริปังคะ ละเว้นการโลเล (ยึดติด) เที่ยวจาริก (ภิกขาจาร) (เพื่อมิให้ผูกพันกับญาติโยม) สมาทานบิณฑบาตรตามลำดับ ลำดับบ้าน ไม่เลือกบ้านที่จะรับบิณฑบาต เดินแสวงหาบิณฑบาตไปตามลำดับ. ส่วนของวัดป่าบางที่นั้นจะมีวิธีการเพิ่มออกนอกไปจากคัมภีร์อีก คือ ละเว้นบิณฑบาตซ้ำที่เดิม ถืออย่างเบาย้ายสายบิณฑบาตทุกวัน อย่างหนักออกเดินทางย้ายที่เที่ยวบิณฑบาตไม่ต่ำกว่าที่เดิมไม่เกินโยชน์ (16 กิโลเมตร) สมาทานบิณฑบาตตามลำดับบ้าน ลำดับอายุพรรษา ไม่เดินแซง (แย่งอาหาร) ซึ่งไม่ผิดจากพระไตรปิฎก-อรรถกถาแต่อย่างใด สามารถทำได้เช่นกัน ..ฯ
ข
พระบางรูปเทศน์หนึ่งชั่วโมงไม่เคยเอยถึงพระพุทธเจ้า มีแต่งอ้างหลวงพ่อนั้นหลวงปู่นี้ ชาวพุทธจริงๆจึงไม่ค่อยฟัง เป็นพระการที่จะเทศทุกวันนี้ต้องระวังเพราะประชาชนเริ่มเข้าใจในเนื้อแท้คำสอนของพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น ฟังแล้วเป็นไปได้ คิดได้ พิสูจน์ได้
ธุดงบ้าอะไรในเมืองใครสรรเสิญมีแต่คนบ้า
ผมชอบดอกดาวเรือง.
ไม่ชอบดาวรวย.
123พระพุทธเจ้าสอนให้อยู่ง่าย กินง่าย เลี้ยงง่าย ธรรมกายทำตรงข้ามหมดทุกอย่าง อยากเด่น อยากดัง อยากหรู
คนม้นทำให้รถติด คนรบกวนรถ สมัยนี้รถไม่รบกวนใคร
.....
เคยเดินทางแล้วหอบหืดแต่ติดขบวนธุดงค์ว่าไง
ขออนุโมทนาบุญกับพระที่ธุดงค์ ทุกองค์ ทุกวัด แต่ไม่เห็นด้วยที่มาเป็นพันๆองค์แบบนี้ คนทั่วไปย่อมมองเป็นการสร้างภาพ หากวัดธรรมกายปฎิบัติธรรมเหมือนวัดอื่นๆ ( นับแสนวัด ) ในประเทศไทย..( ปัจจุบันทำแปลก เด่นอยู่วัดเดียว ) เลยเป็นที่มา ของเรื่องขัดแย้ง อะครับ
มีแต่คนงมงายเท่านั้นแหละที่หลงเชื่อคุณธรรมมชโย
ชอบจังตำนี้ คนใกล้นรกอย่างผม คุณใกล้นรกจริงๆ
ไม่เข้าสักข้อ
เข้าป่าไปเถิดครับ
ร้อนกันฉ่าๆเลยนะ พวกสาวก
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ผมก็ว่างั้นหละ หูตามืดมัว อยากไปสวรรค์ กันทั้งวัด แต่ขอโทษ เท้าพระวัดนี้ ฝ่าเท้าแดงแจ๋
เพราะ คงไม่เคยเดินบนดินกะเค้าอะนะ
ถ้ากล่าวสิ่งใดให้ขัดเคืองใจ ขออภัยนะค่ะ เรามารักษาศีลกันนะค่ะ แล้วคำพูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ จะหายไป แล้วจิตจะบริสุทธิ์ขึ้นตามกำลังของศีล จะไม่กระทบผู้อื่น การแสดงความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องอยู่ในกรอบของคุณธรรมห้าประการที่มนุษย์ทุกคนพึงมี จะต้องไม่กล่าวคำหยาบคาย เป็นการให้เคารพกัน เป็นสิ่งที่ดี น่าสนทนาด้วย ขอบคุณค่ะ
ของคุณลัดธิ ฝากระโถนที่สอนในทางที่ดีครับ
สงสารคน50000คนที่ สัตว์นรก เอาไปให้ ลัทธิฝากระโถนจัง เค้า้องไม่มีกิน เค้าจะล้มลาย ก้เพราะ สัตว์นรกตัวนี้แหละ
ติ่ง ธรรมกลาย 4 U th-cam.com/video/ZG5oN0S_CPo/w-d-xo.html
ไม่ชอบก้ไม่ต้องมาพูดถึง
ธ้มมไชโยไม่ใช่พุทธแท้
พระ..ไม่ยอม
อโหสิๆเด้อ
The most beautiful picture in the world and Thailand is the one. May all good deeds you all did bring happiness to you n your country. This is NOT event, they are the good Buddhists that try to protect and contribute the Buddha teaching. Thailand is the only big one Buddhist country. Stop Attachk The Dhammakaya temple. This is FREEDOM which has the Buddha is the founder of DEMOCRACY AND FREEDOM. Nothing wrong the cars or human have the RIGHTS TO US THE ROAD. You both attack Buddhist Ordination, the good monks and Dhammakaya temple. You seem to scare monk from Pak Nam to be the head of Sangkha. Who is behind the aguement or discussion. Piss off man! Your program is rubbish. You set this program to attack Buddhism and the Dhammakaya Temple so you should STOP this program if then we go ahead of Legal Action. You've defame the MONK and temple. You are the bloody hopeless if you don't REALLY know about Buddhism just shut your mouth up. You are FAKE BUDDHIST
พระพยอมประทานโทษนะคับ ท่านจะจำผิดเพื่ออะไร ในเมื่อก็พุทธลูกเป็นพระ ลููกพระศาสสดา สอนให้คนเเละเยาวชนเป้นคนดี ก่อนจะติเตียน อคิติในมีอยู่รึป่าว จะโต้วาทีกันอย่างปราช ก็ลบความเกีลยดชังก่อนน่ะ ถึงจะเกิดประโยชน์
เงินซื้อศรัทธาไม่ได้นะค่ะ
แต่เงินซื้อ ที่นั่งได้ นะ
01 NT TH ศรัทธา มีอยู่ใน "โพธิปักขิยธรรม 37" ถ้าเห็นสิ่งใดแล้วเกิดศรัทธา ถือว่าเป็น "ธรรม" ค่ะ แต่คำว่า เงินซื้อที่นั่งได้นะ เป็นธรรมฝ่ายทุคติ เป็นที่ไป ออกนอกมรรควิถี หรือ มรรคจิต ที่เราจะต้องเดินตามแล้วน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่คอมเม้นท์กัน
จริงครับ อย่างไรศรัทธาก้ถือว่าได้บุญ เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดกล้า หรือท่านชอบหว่านบนทราย ถ้านับถือศาสนาพุทธ ควรนับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า
เราปฏิบัติบูชาค่ะ อย่างนี้เรียกว่านับถือหรือยังค่ะ เราไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่คบชู้ ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มของมืนเมาทุกชนิด อันทำให้สติฟั้นเฟือน ทาน ศีล ภาวนา ทำครบเลยค่ะ และก็มีผลเป็น "ปัจจัตตัง" พึงรู้ได้เฉพาะตน
555 ก้ไม่รุ้สินะ ครับ ตามลำบากของท่านเลยครับ
พิธีกรหัวเราะได้ไม่จริงใจมาก