ลิเกคณะอดิเทพ ฟ้ารุ่ง เรื่องตำนานชาละวัน
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 28 พ.ย. 2024
- #เหน่อสุพรรณ #ลิเก
ลิเกคณะอดิเทพ ฟ้ารุ่ง เรื่องตำนานชาละวัน
ติดต่อการแสดง 📞☎️👇0619541966 และ 0874045538❤️❤️❤️
.......................................................................................................... บันทึกถ่ายทำวีดีโอโดย เหน่อสุพรรณ
เหน่อสุพรรณ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 512/4 ม.5 ต.หนองหญ้าไซ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ติดต่อถ่ายวีดีโอ (ลิเกทุกคณะผมจะเป็นสื่อกลางให้ทุกคณะครับ)
ติดต่อถ่ายทำที่เบอร์โทร 📞☎️👇081-325-7998 กิจ
เพื่อไม่พลาดคลิปใหมๆ กดSubscribe (กดติดตาม)กดสั่นกระดิ่งเตือนด้วยนะครับจะมีลิเกให้ชมกันตลอดครับ
กดติดตามตรงนี้เลยครับ
▲Subscribe / @เหน่อสุพรรณ
.........................................................................................................
ลิเก
เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 คำว่า ลิเก ในภาษามลายู แปลว่า ขับร้อง เดิมเป็นการสวดบูชาพระในศาสนาอิสลาม สวดเพลงแขกเข้ากับจังหวะรำมะนา พวกแขกเจ้าเซ็นได้สวดถวายตัวเป็นครั้งแรกในการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2423 ต่อมาคิดสวดแผลงเป็นลำนำต่างๆ คิดลูกหมดเข้าแกมสวด ร้องเป็นเพลงต่างภาษา และทำตัวหนังเชิด โดยเอารำมะนาเป็นจอก็มี ลิเกจึงกลายเป็นการเล่นขึ้น ต่อมามีผู้คิดเล่นลิเกอย่างละคร คือ เริ่มร้องเพลงแขก แล้วต่อไปเล่นอย่างละครรำ และใช้ปี่พาทย์อย่างละคร
ลิเกมี 3 แบบ คือ
1. ลิเกบันตน เริ่มด้วยร้องเพลงบันตนเป็นภาษามลายู ต่อมาก็แทรกคำไทยเข้าไปบ้าง ดนตรีก็ใช้รำมะนา จากนั้นก็แสดงเป็นชุดๆ ต่างภาษา เช่น แขก ลาว มอญ พม่า ต้องเเริ่มด้วยชุดแขกเสมอ ผู้แสดงแต่งตัวเป็นชาติต่างๆ ร้องเอง พวกตีรำมะนาเป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงบันตนแทรกระหว่างการแสดงแต่ละชุด
2. ลิเกลูกบท คือ การแสดงผสมกับการขับร้องและบรรเลงเพลงลูกบท ร้องและรำไปตามกระบวนเพลง ใช้ปี่พาทย์ประกอบแทนรำมะนา แต่งกายตามที่นิยมในสมัยนั้นๆ แต่สีฉูดฉาด ผู้แสดงเป็นชายล้วน เมื่อแสดงหมดแต่ละชุด ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลง 3 ชั้นที่เป็นแม่บทขึ้นอีก และออกลูกหมดเป็นภาษาต่างๆ ชุดอื่นๆ ต่อไปใหม่
3. ลิเกทรงเครื่อง เป็นการผสมผสาน ระหว่างลิเกบันตนและลิเกลูกบท มีท่ารำเป็นแบบแผน แต่งตัวคล้ายละครรำ แสดงเป็นเรื่องยาวๆ อย่างละคร เริ่มด้วยโหมโรงและบรรเลงเพลงภาษาต่างๆ เรียกว่า "ออกภาษา" หรือ "ออกสิบสองภาษา" เพลงสุดท้ายเป็นเพลงแขก พอปี่พาทย์หยุด พวกตีรำมะนาก็ร้องเพลงบันตน แล้วแสดงชุดแขก เป็นการคำนับครู ใช้ปี่พาทย์รับ ต่อจากนั้นก็แสดงตามเนื้อเรื่อง ลิเกที่แสดงในปัจจุบันเป็นลิเกทรงเครื่อง
วิธีแสดง เดินเรื่องรวดเร็ว ตลกขบขัน การแสดงเริ่มด้วยโหมโรง 3 ลา จบแล้วบรรเลงเพลงสาธุการ ให้ผู้แสดงไหว้ครู แล้วจึงออกแขก บอกเรื่องที่จะแสดง สมัยก่อนมีการรำถวายมือหรือรำเบิกโรง แล้วจึงดำเนินเรื่อง ต่อมาการรำถวายมือก็เลิกไป ออกแขกแล้วก็จับเรื่องทันที การร่ายรำน้อยลงไปจนเกือบไม่เหลือเลย คงมีเพียงบางคณะที่ยังยึดศิลปะการรำอยู่
ผู้แสดง เดิมใช้ผู้ชายล้วน ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ให้บุตรสาวชื่อละออง แสดงเป็นตัวนนางประจำคณะ ต่อมาคณะอื่นก็เอาอย่างบ้าง บางคณะให้ผู้หญิงเป็นพระเอก เช่น คณะกำนันหนู บ้านผักไห่ อยุธยา การแสดงชายจริงหญิงแท้นั้น คณะนายหอมหวล นาคศิริ เริ่มเป็นคณะแรก ผู้แสดงต้องมีปฏิภาณในการร้องและเจรจา ดำเนินเรื่องโดยไม่มีการบอกบทเลย หัวหน้าคณะจะเล่าให้ฟังก่อนเท่านั้น นอกจากนี้ การเจรจาต้องดัดเสียงให้ผิดปกติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของลิเก แต่ตัวสามัญชนและตัวตลกพูดเสียงธรรมดา
เพลงและดนตรี ดำเนินเรื่องใช้เพลงหงส์ทองชั้นเดียว แต่ดัดแปลงให้ด้นได้เนื้อความมากๆ แล้วจึงรับด้วยปี่พาทย์ แต่ถ้าเล่นเรื่องต่างภาษา ก็ใช้เพลงที่มีสำเนียงภาษานั้นๆ ตามท้องเรื่อง แต่ด้นให้คล้ายหงส์ทอง ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ได้ดัดแปลงเพลงมอญครวญของลิเกบันตนที่ใช้กับบทโศก มาเป็นเพลงแสดงความรักด้วย
เรื่องที่แสดง นิยมใช้เรื่องละครนอก ละครใน และเรื่องพงศาวดารจีน มอญ ญวน เช่น สามก๊ก ราชาธิราช ฉันใดเวือง
การแต่งกาย แต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม เลียนแบบเครื่องทรงกษัตริย์ จึงเรียกว่าลิเกทรงเครื่อง "สมัยของแพง" ก็ลดเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวลงไป แต่บางคณะก็ยังรักษาแบบแผนเดิมไว้ โดยตัวนายโรงยังแต่งเลียนแบบเครื่องทรงของกษัตริย์ในส่วนที่มิใช่เครื่องต้น เช่น นุ่งผ้ายกทอง สวมเสื้อเข้มขาบหรือเยียรบับ แขนใหญ่ถึงข้อมือ คาดเข็มขัดนอกเสื้อ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ แต่ดัดแปลงเสียใหม่ เช่น เครื่องสวมศีรษะ เครื่องประดับหน้าอก สายสะพาย เครื่องประดับไหล่
ตัวนางนุ่งจีบยกทอง สวมเสื้อแขนกระบอกยาว ห่มสไบปักแพรวพราว สวมกระบังหน้าต่อยอดมงกุฎ ที่แปลกกว่าการแสดงอื่นๆ คือสวมถุงเท้ายาวสีขาวแทนการผัดฝุ่นอย่างละคร แต่ไม่สวมรองเท้า
สถานที่แสดง ลานวัด ตลาด สนามกว้างๆ โดยปลูกเพิงสูงระดับตา ด้านหน้าเป็นที่แสดง ด้านหลังเป็นที่พักที่แต่งตัว
ลิเกทุกคณะ
ทีมเหน่อสุพรรณได้ถ่ายทำ และตัดต่อลิเกเพื่อ ร่วมอนุรักษ์สืบสานลิเกไทย ให้อยู่คู่คนไทยตลอดไป จะเป็นสื่อกลางถ่ายลิเกให้ทุกท่านได้ดูกัน บางคนอายุเยอะไปไม่ไหวนอนดึก ทีมเหน่อสุพรรณจะเป็นสื่อกลางให้ดูกันครับ และได้ติดตามรับชมลิเกที่ท่านชื่นชอบอีกด้วย จากใจทีมงาน เหน่อสุพรรณ
(มีดพร้า-ขวดสุรา ใช้ในฉากการแสดงเท่านั้นไม่ได้ให้ความรุนแรงในท้องเรื่อง เด็กที่ดูขอให้ผู้ปกครองให้คำแนะนำด้วยครับ หรือคำวาจาใดที่นักแสดงพูดไม่สุภาพทางคณะขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ)
คณะนี้แสดงดี เต็มเวลาเต็มเนื้อเรื่อง ไม่ไร้สาระ ตัวตลกมีพอดีไยมีมากเกิน ชอบๆ มีโอกาสต้องจ้างคณะคณะนี้แน่นอน
เคยดูน้องๆแสดงกันได้ดีรำสวยร้องเก่ง สุดยอดจร้า
เยี่ยมยอดเลยแสดงดี❤❤❤❤❤
แสดงดีทุกคนค่ะ
คณะนี้ก็ดีนะ
❤สุดยอดเลยชอบมากๆเลยรักทุกคนเลยนะคะสู้ๆนะคะรักเป็นกําลังใจให้นะคะ❤
คณะอดิเทพฟ้ารุ่งเป้นลิเกพี่กับน้องที่รักกันมากแสดงเป้นตัวไหนในเรื่องก็แสดงได้ดีสมบทบาทมากน้องบุมยิ้มน่ารักมีเสน่หเสียงร้องเป้นเอกลักษณ์ส่วนน้องแบดยิ้มสวยรุปหล่อเวลาหยอกยิ่งน่ารักมากขอให้เจ้าภาพทุกท่านที่จะหาลิเกเพื่อทำการแสดงขอแนะนำลิเกคณะอดิเทพฟ้ารุ่งรับรองไม่ผิดหวังแสดงดีไม่ยืดเยื้อเล่นเร็วไม่น่าเบื่อขอให้มีงานแสดงมากๆมีเจ้าภาพจัดหาไปทำการแสดงตลอดไป😊
@@บุญทอง-พ3ขณ วันนี้มีนางเอกน้องอ้อมเข้ามาร่วมงานยิ่งดีมากๆดูจากบทบาทวิมาลาสุดยอดจริงๆ
น้องอ้าย ผอมมาก
การแสดงฝีมือยังยอดเยี่ยมทุกท่านจ้ะ
ระยองฮิทุกคนแสดงดีค่ะยิ่งตอนจบฟ้ารุ่งและอดิเทพณัฐฐามณีแสดงถึงบทบาทร้องไห้จริงทำเราน้ำตาไหล
@@janpenpumpuang5206
น้องอ้อมเล่นได้สุดยอดเต็มที่กับการแสดงส่งบทให้เห็นว่าชาละวันน่าสงสารไกรทองใจร้ายในเรื่องนะคะวิมาลารักสามีคือชาละวันมากแสดงให้เห็นว่าวิมาลาห่วงชาละวันมากๆแบดเล่นสมบทบาทบูมสมบทบาทสามคนอ้อมแบดบูมเก่งสุดๆ/สรุปคณะอดิเทพฟ้ารุ่งเป็นลิเกที่น่าดูมากๆครับ