ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
นมัสเต ท่านหม้อได้หมด ก้อสดชื่น พี่เดินทางได้ธรรมชาติกันเองมากๆๆ ครัช รอติดตามน่ะ
ชีวิตได้ก้าวต่อ เพราะมีหม้อให้พลัง นมัสเตครับ
*พุทธองค์ ทรงสละ ทุกสมบัติสงฆ์อยากจัด โกยสมบัติ โกยที่ดินใต้จีวร ซ่อนกิเลส กอบโกยสินหลอกหากิน พวกงมงาย ตายปัญญาใต้พฤกษา องค์พุทธา อยู่อาศัยเดินเท้าไป มอบให้ดวง ตาสว่างแลเอกบุรุษ สุดประเสริฐ น้ำหนึ่งแท้ทรงแน่วแน่ ส่องสว่างแท้ แก่โลกเราพระมากมาย มุ่งหมายบวช เพื่ออยากดังเพื่อมั่งคั่ง หวังอิทธิพล ครอบคนได้ผลประโยชน์ สิ่งโปรดเพื่อ โกยมากมายเลวทำลาย พุทธปัญญา หลอกหากินปัญญาสิ้น เหยื่อดิ้นรน ถูกสวมเขาบ้ามัวเมา บุญ,ชาติหน้า บ้าสวรรค์ผลสุดท้าย ได้อะไร ที่ไหนกันทุกชีวัน นั้นมิใช่ สิ่งใดเลยกลับสังเวย มารตัวกู และของกูควรจะรู้ มารร่างคน ล้นทุกหล้ามารร้ายสุด ไม่หยุดการ ทอนโลกาแต่อนัตตา มากลืนกิน ดิ้นพ้นฤาFrom Anatta, Sunyata and Tathata.
อนุโมทนาสาธุ
สาธุๆครับ
🙏🙏🙏
อนิจจัง ล้วนทุกขัง อนัตตาทุกแหล่งหล้า หาได้พ้น จากไตรลักษณ์แก่,เจ็บ,มลาย หมดใจกาย พึงตระหนักเร็วยิ่งนัก จักสู่ความ ว่างเปล่า,กลวงFrom Anatta, Sunyata and Tathata.
ไปแบบนี้ได้เห็นทุกมุมดีมากครับ
@@ตาพระยา-ฦ6ฉ ทำให้ผมประหลาดใจว่ามีแบบนี้ด้วยหรอ นอกเหนือจากที่เราได้เห็นกันเป็นประจำที่ประเทศเรา การกราบไหว้ การสวดมนต์ และอีกหลายอย่างมีความแตกต่างกันครับ
*ปรุงแต่งใจ ขึ้นเมื่อใด มิใช่พุทธเพราะไม่หยุด ความงมงาย ได้เพ้อฝันศาสนประโยชน์ คือสิ่งโปรด แข่งยึดมั่นยิ่งขวางกั้น พุทธปัญญา พาบอดใจฝันคว้าไขว่ วิมานสวรรค์ บนชั้นฟ้า้อยากชาติหน้า อยากบุญญา สู่สวรรค์ได้มั่งมี ได้สุขศรี สารพันพวกเหยื่อนั้น ทุ่มถวาย ได้มั่งมีแม้ดิ้นรน จนถึงที่ สุดอย่างไรล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ อนัตตาอนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง เร็วนักหนาสุญญตา พาว่างเปล่า ทุกสิ่งแลFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
ได้เปิดหูเปิดตามาก ขอบคุณนะคะแอดที่พาชม ^/\^ พุทธคยานี่ได้ยินบ่อยตามวิทยุไทยที่พระสงฆ์ท่านประกาศหากใครอยากร่วมบุญ
ขอบคุณเหมือนกันครับที่เข้ามารับชม ช่องผมจะวาไรตี้หน่อยมีหลากหลายมุมมอง หลายคอนเท้น สาระอาจจะมีนิดหน่อย ดูพอได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกกว้างขึ้นครับ
เราไปครบ 4 สถานแล้ว ใจเป็นประธาน แต่ละที่ห่างไกลมาก เสาอโศก มีสิงห์โตข้างปน ไวสาลี ค่ะ
เก่งมากครับที่ไปมาครบแล้ว คุณมีศรัทธาที่แรงกล้าจริงๆชื่นชมครับ
*บุญใดใด ชาติหน้าสวรรค์ เพ้อฝันได้แต่อย่าหมาย ได้เป็นจริง สิ่งเพ้อฝันปรุงแต่งใจ ให้งมงาย สารพันชีพแสนสั้น นั้นไม่มี ตัวตนจริงสรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ สุญญตากาลเวลา รวดเร็วพร่า ทุกทุกสิ่งอนัตตา พาว่างเปล่า เร็วอย่างยิ่งประเสริฐจริง ถ้าทิ้งมาร ตัวกูของกูเกิดมีอยู่ เพียงชั่วครู่ ถ้าไร้ค่าอนิจจา รกโลกา หาดีไม่สรรพสิ่ง วิ่งมารวม อยู่ที่ใจคิดเสียใหม่ ใช้ชีวา สร้างค่าคนFrom Anatta, Sunyata and Tathata
อนุโมทนาในการเผยแผ่ แม้ว่าความรู้ทางพุทธจะยังไม่มาก ก็ขอบคุณ นะครับ
ขอโทษจริงๆครับที่สาระอาจจะน้อยไปนิดนึง ผมเจออะไรทุกคนจะได้เห็นแบบนั้น บางมุมที่เราไม่เคยเห็นก้อจะนำมาแบ่งปันกันครับ
ศาสนาพุทธดีมากคือ มีหลายนิกายหลายชาติ แต่ก็ไม่ขัดแย้งไม่ทะเลาะกันรวมกันจัดกิจกรรมก็ได้ไม่มีปัญหา🙏🙏🙏
ช่ายครับ ไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน ไม่ขัดแย้งกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน
*เอกภพนี้ หาได้มี อยู่จริงไม่สมุตติไว้ ในอวกาศ ความว่างเปล่าเกิดดับไป ในความว่าง ทุกหมู่ดาวอยู่ชั่วคราว แล้วก้าวสู่ สุญญตาอนิจจา อนัตตา และทุกขังใครจะหวัง ครองอะไร สมใจได้ทุกชีวี เป็นธุลี เมื่อมลายสิ่งทั้งหลาย ได้คืนสู่ ผู้สร้างมาสร้างคุณค่า ให้ชีวา ได้อย่างไรเพียงร่วมใจ สร้างสรรค์ไว้ ให้โลกนี้ทิ้งร่องรอย คนคอยตาม บนปฐพีทิ้งรอยดี ที่เกื้อโลก ตอบพระคุณถ้ามัวขุน อัสมิมานะ จะหมดค่าทุ่มปัญญา เป็นอาวุธ แย่งคว้าไขว่ผลสุดท้าย ได้ความว่าง เปล่าตลอดไปชีพใดใด ล้วนมิใช่ สิ่งใดเลย(ผู้สร้างมา=the nature=ธรรมชาติ ที่ฉันรักชื่นชมมาตลอดเวลา)From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*เอกภพนั้น มันไม่มี อยู่จริงแท้ลวงตาแล แค่สมมุติ สุดโต่งไว้กาลเวลา และอนัตตา มากลืนไปสิ่งใดใด วิ่งไปสู่ สุญญตาพวกขันธ์ห้า มารับรู้ ชั่วครู่ได้แล้วมลาย กลายเป็นสิ่ง ว่างเปล่าไปกูของกู ดูให้ดี มีจริงไหมล้วนดับไป ไม่กลับคืน เช่นทุกดาวพวกสามหาว ราวเป็นทาส กูของกูน่าอดสู อยู่ด้วยความ เห็นแก่ตัวทรัพย์มายา ศักดิ์ยศถา ล่อได้ทั่วให้เมามัว ชั่วหลงตัว กูของกูแย่งโหยหา คว้าอะไร ที่ไหนกันทุกชีวัน นั้นร่วมทาง ไปแห่งใดทุกข์มากมาย ไขว่คว้าได้ จริงที่ไหนรวดเร็วไป ในความว่าง เปล่าและกลวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ทรงสอนแก่นธรรม ที่สามารถครอบคลุมโลกและเอกภพได้ดังนี้1. อนิจจตา คือความไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏภายนอก ,ความไม่แน่นอน ไม่จีรังยั่งยืนของสิ่งทั้งปวง2. ทุกขตา คู่กับอนิจจตา คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ย่อมแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นเสมอ เป็นความไม่สมบูรณ์บกพร่องอันเป็นเนื้อใน, โดยอธิบายว่า ความบกพร่องความไม่สมบูรณ์ในตัวนั้นแหละ คือทุกขตา เมื่อบกพร่องไม่สมบูรณ์มันก็ย่อมเปลี่ยนในที่สุด อนิจจตา ไม่แน่นอนและ ไม่จีรังยั่งยืน ย่อมเป็นทุกข์3. อนัตตตา คือ ความไม่มีตัวตน ความมิใช่ตัวตน อนัตตตา มีความหมายคือ ทุกชีวิตไม่มีตัวตนแท้จริงได้ เกิดขึ้นมาจากเซลล์ที่สืบพันธุ์ ประกอบเป็นร่างกาย แค่ชั่วครา แล้วต้อง เกิดการหมดหน้าที่ของ เซลล์ร่างกาย ต้องเน่าเปื่อยแยกสลาย ออกจากกัน หรือ body cell disintegrations เช่นเดียวกับพวกสัตว์ พืชต้นไม้ต่างๆ เพราะเมื่อไม่มีตัวตนและแก่นสารที่แท้จริง จึงไม่มีความตายแต่อย่างใด ผีวิญญาณใดใดก็ไม่มีเป็นการแตกแยกสังขารเน่าเปื่อยสลายคืนสู่ธรรมชาติ ที่สร้างขึ้นมา ดังนั้นโลกของแต่ละสิ่งมีชีวิตพัฒนา อายตนะขึ้นมารับรู้ว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็ดับไปและสิ่งรับรู้ทั้งหมด ในสมองและระบบประสาทก็ดับสิ้นไปเช่นกัน เป็นความว่างเปล่าของแต่ละโลกของสิ่งมีชีวิต .4.. ธัมมัฏฐิตตา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้โดยพลังแห่งธรรมชาติ เท่านั้น ไม่มีผู้ใดพระเจ้าใดใด ที่มนุษย์ กุขึ้นมา จะมาแทนที่พลังธรรมชาติไดัเป็นกฏของธรรมชาติลัวนๆ เป็นธรรมดา ของกระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติ 5. ธัมมนิยามตา คือ ชีวิตทุกชีวิต การที่สิ่งต่างๆเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับสลายไปเป็นกฎธรรมชาติหรือภาวะที่ยืนตัวเป็นหลักแน่นอนอยู่โดยธรรมดา เป็นกฎธรรมดา ทุกชีวิตทุกสิ่ง อยู่ภายใต้ พลังผลักดันของธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีใคร ฝ่าฝืนได้เลย เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้นอยู่ แล้วดับไปในความว่างเปล่า ทั้งสิ้น, ไม่ขึ้นอยู่กับผู้สร้างผู้บันดาล ไม่ขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นของศาสดาหรือศาสนาใดๆหรือปรุงแต่งจิตใจ ว่า เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ6. อิทัปปัจจยตา เป็นชื่อหนึ่งปฏิจจสมุปบาท หลักแห่งการเกิดขึ้นอาศัยกันของปัจจัยทั้งหลาย เมื่อเกิดสิ่งนั้น จึงมีสิ่งนี้ (Dependent Origination) ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผลเกี่ยวเนื่องกัน มิใช่มีแต่ผลแล้วไม่มีเหตุ หรือมีแต่เหตุแล้วไม่มีผล
*สอนธรรมใด ให้หลงใหล ใจเสพติดย่อมคิดผิด หลงนิมิต ติดมายาธรรมมากมาย มีหลากหลาย ทุกทุกหล้าธรรมนานา อนัตตา เช่นนั้นเองแข่งคว้างเคว้ง มุ่งไขว่คว้า มายึดมั่นสารพัน ยึดถือมั่น ได้จริงหรือสุญญตา มาล้อมไว้ มิใช่ฤามิใช่หรือ เกิด,ดับไป ในความกลวงแม้ติดบ่วง มายาคติ มิหลุดพ้นทุกชีพชน เพื่อนร่วมทาง อย่างเดียวกันอนันตกาล ผลาญหมดไป แม้เพ้อฝันทุกชีวัน นั้นมิใช่ สิ่งใดเลยแม้สังเวย โลกมายา พาคิดตื้นมิอาจฝืน การคืนสู่ ผู้สร้างไว้อย่าหมายปอง เป็นเจ้าของ แม้กายใจไม่มีใคร ได้อะไร สักอย่างเลยFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.(พลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เหนือเอกภพ ก็คือ อนันตกาล,อนัตตา,สุญญตา,ผู้สร้างไว้= the nature=ธรรมชาติ )
เเขกที่อินเดีย เวลาเดินผ่านสาปเหมือนเเขกที่เดินในไทยป่าวคับไม่ได้บูลลี่นะ เเต่เเขกเชื้อสายฮินดีในไทย ไม่ค่อยจะอาบน้ำกัน มันคือความจริงที่เราเจอครั้งนึงผมก็เคยจะไปอินเดีย เเต่มีเหตุให้ล้มเลิกไป ใจจริงอยากไปมาก
@@arrukkikrina2755 อินเดียมีความหลากหลายมากทางชนชั้น พวกไร้บ้านนอนตามข้างถนนจะสาปหน่อย แต่บุคคลทั่วไปก้อไม่ได้มีกลิ่นแบบแต่ะเข้าจมูก โดยรวมผมว่าอยู่ที่ตัวบุคคลครับ
*เราของเรา แข่งกันเฝ้า ยึดถือมั่นชีพแสนสั้น นั้นไม่มี แก่นสารแลเกิดดับไป ในความว่าง เปล่าเร็วแท้ควรยกแด แลก้าวออก จากอัตตาหลงธูปเทียน น่าติเตียน ไสยศาสตร์ปัญญาขาด คาดพึ่งแต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากได้บุญ ขุนชาติหน้า หลงนิมิตยิ่งเสพติด สิ่งเพ้อฝัน สวรรค์ลวงโง่กับฉลาด คาดดูได้ ใครมากกว่าโง่และบ้า มีมากกว่า อย่าสงสัยทั่วโลกา หายุคปราชญ์ ได้หรือไรถ้าส่วนใหญ่ ไม่อาจพ้น ยุคมืดเลยแข่งสังเวย โลกมายา พางมงายนักบวชได้ ศาสนา โลภหากินได้อิทธิพล ผลประโยชน์ กอบโกยสินความคิดสิ้น มายาคติ ยิ่งผลิบานพวกพระเจ้า บุญ,สวรรค์ กุปั้นได้พวกงมงาย ได้ย้อนแย้ง ธรรมชาติตื้นปัญญา พาขัดแย้ง วิทยาศาสตร์รูปธาตุ อรูปธาตุ ระบาดไปสนองใคร่ ใฝ่เป็นข้า ของกามธาตุยิ่งระบาด ทาสขันธ์ห้า หาได้จบพุทธปัญญา ค่าสูงสุด คลุมเอกภพโลกประสบ พุทธศาสนา ย้อมมาแทนแม้งมงาย มายาคติ มืยั้งไว้ล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ อนัตตาอนันตกาล ร่วมการกลืน เร็วนักหนาสุญญตา พาว่างเปล่า สิ่งทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.( พลังธรรมชาติที่ทรงพลังมากที่สุดเหนือเอกภพ ก็คืออนันตกาล, อนัตตา และสุญญตา รูปธาตุ=บ้าเป็นทาสของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของมันไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของมันได้อรูปธาตุ= บ้าเป็นทาส สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ไม่มีตัวตนอยู่จริง อวิชชาเทวนิยม ปมอวิชชา ไสยศาสตร์ สิ่งงมงายและมายาคติ เช่นบุญ, ชาติหน้า,สวรรค์ ผีวิญญาณ ,สิ่งศักดิ์สิทธิ์,อภินิหาร,ปาฏิหาริย์,อิทธิฤทธิ์, สิ่งเหนือธรรมชาติ ,อุปาทาน ,ความงมงาย,ความเชื่อผิดๆๆ อัตตา=ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู )
สรุปกาลามสูตรของพระพุทธองค์ดังนี้1. อย่าเพิ่งเชื่อ พวกตำนาน เรื่องปรำปรา เรื่องที่เล่าต่อกันมา2. . อย่าเพิ่งเชื่อ พวกหนังสือสือตำรา สิ่งสลักจารึกไว้ตาม หิน ผนัง ที่ต่างๆ แม้สิ่งที่เขียนบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก3. .อย่าเพิ่งเชื่อตามประเพณีธรรมเนียม วัฒนธรรมที่ทำต่อๆ กัน มา4. .อย่าเพิ่งเชื่อ ข่าวลือในสังคม 5. .อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นตรรกศาสตร์ เพราะมิได้ผล 100% เสมอไป6. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรงกับความคิด ความเชื่อของตน ที่มีอยู่ใน ใจ7. อย่าเพิ่งเชื่อ สิ่งที่เปรียบเทียบทาง ปรัชญาต่างๆๆ เช่น เหมือน ขี่ช้างจับตั๊กแตน 8. .อย่าเพิ่งเชื่อ เมื่อเห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอก อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นด้วยตา คิดว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มีถมเถไปสิ่งพรางตา ตบตา ภาพลวงตา ภาพจัดฉาก9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด น่าเชื่อถือ เช่นเป็น อาวุโส ผู้สูงอายุ เป็นผู้นำ เป็นผู้เชี่ยวชาญ10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนเรา อย่าเพิ่งเชื่อแม้ พระพุทธองค์ ทรงเป็นผู้กล่าวสอน แต่จงเชื่อ เมื่อได้คิดพิจารณาไตร่ตรอง ทดลองเห็นแล้วก็ทำการพิสูจน์ทดสอบ ดู ด้วยวิจารณญาณ From Anatta, Sunyata and Tathata.
*แข่งเพ้อฝัน วิมานสวรรค์ บนชั้นฟ้าอยากชาติหน้า ทุ่มทำบุญ มาหนุนตนทุ่มถวาย พระมากมาย กอบโกยผลแม้ดิ้นรน ผลคือความ ว่างเปล่า,กลวงต่างติดบ่วง โลกมายา หาตื่นไม่มักบอดใจ ไม่ไปถึง พุทธปัญญาพุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนาสอนพุทธปัญญา มอบดวงตา สว่างจริงสรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ สุญญตาอนิจจา อนัตตา สิ่งทั้งปวงอนันตกาล ร่วมการกลืน ทุกแห่งห้วงอย่าหลงลวง ติดบ่วงโซ่ ความงมงายพุทธปัญญา ค่าสูงเหนือ เอกภพแลความจริงแท้ แน่นอนหลีก เลี่ยงไม่ได้เกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทุกรายสร้างความหมาย ได้เหนือมาร ตัวกูของกูFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธมากมาย สุดงมงาย พุทธไม่แท้เกิดมาแค่ เป็นทาสา ขันธ์ห้าได้ใต้ตาข่าย ของโลกีย์ ที่ตะเกียกตะกายแข่งกระหาย ได้แต่ความ ว่างเปล่าเอยแข่งสังเวย รูปธาตุ อรูปธาตุยิ่งระบาด กามธาตุ แพร่ไปทั่วพระมากมาย ได้เป็นมาร ที่แฝงตัวหลอกมืดมัว มั่วถวาย ได้มั่งมีพุทธกระพี้ ดีแต่บ้า เมาหลงบุญโง่ร่วมขุน พระทั้งหลาย ได้มั่งคั่งอิทธิพล ชั่วยกตน ให้โด่งดังกิเลสพลัง หวังกอบโกย สินมากมายธรรมหลากหลาย มีมากมาย อย่ายึดติดอิสระจิต อย่าเสพติด โลกความกลวงอิสระใจ ไม่เกาะเกี่ยว ทุกโซ่บ่วงเอกภพกลวง ธรรมทั้งปวง อนัตตาFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.(รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าหลงใหลคลั่งไคล้พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสบ้าหลงใหล ในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง,สิ่งอุปาทาน สิ่งงมงาย ปมอวิชชา ไสยศาสตร์ ความบ้าบุญเมาบุญหลงบุญ กระหายบุญ ซึ่งเป็นกิเลส ,โลกมายา ,มายาคติ,สิ่งสมมุติ สิ่งที่ปรุงแต่งใจขึ้นมา สิ่งที่กุขึ้นมา กามธาตุ= การตกเป็นทาสของ กิเลสตัณหาราคะ ความอยากสารพัด )
ถ้าไปครบ 4 ที่นี้เขาถือว่ามีบุญมาก1. ลุมพินีวัน : สถานที่ประสูติ(ที่เนปาล)2. พุทธคยา : สถานที่ตรัสรู้3. สารนาถ : สถานที่แสดงปฐมเทศนา4. กุสินารา : สถานที่ปรินิพพาน
@@user-Phongsoy5 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ส่วนตัวอยากไปเนปาลครับ
*ทำตัวกู ของกูตาย ก่อนตายจริงประเสริฐยิ่ง แบบอย่างดี ที่สอนใจเห็นแก่ตน มีผลดี ได้ที่ไหนจงดับไฟ อัตตาได้ ก่อนตายจริงปรุงสมอง ปรุงแต่งใจ ไม่รู้พอจึงยิ่งส่อ ความงมงาย ตายปัญญาในโลกนี้ ยิ่งมากมี พวกคนบ้าขาดพุทธปัญญา ศาสนา จึงครอบงำอย่าเพ้อพร่ำ สิ่งทั้งผอง เป็นของใครแม้กายใจ ไม่มีใคร เป็นเจ้าของธรรมชาติ กวาดคืนทุก ชีพที่ครองชีพทั้งผอง ล้วนมิใช่ สิ่งใดเลยFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn (อัตตา=อัสมิมานะ=ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู)
*ลัทธิแขก ลัทธิผี อีศวรพรหมพราหมณ์ร่วมบ่ม ปมบิดเบือน พุทธปัญญาพุทธองค์ มิทรงสอน ศาสนาสอนปัญญา พาหลุดพ้น แอกทั้งปวงพุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนาสอนปัญญา ที่เกิดมา พร้อมโลกนี้ศาสนา เพิ่งมีมา ห้าพันปีทรงเน้นชี้ เอกภพนี้ ล้วนมายาไม่เอาใจ ไปเกาะเกี่ยว สิ่งใดใดอิสระใจ ไม่ยึดถือ ไม่ยึดมั่นเลิศสติ เลิศปัญญา ค่าอนันต์จิตเช่นนั้น พลันเข้าสู่ พุทธปัญญาFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn
*กามธาตุ รูปธาตุ ระบาดทั่วแข่งเมามัว อรูปธาตุ ขาดไม่ได้ตัณหากิเลส ผลอาเพศ ความงมงายคนมากมาย ติดคุกใต้ โลกมายาพวกคนบ้า บนโลกนี้ จึงมีมากไม่กระดาก ทุกข์วิบาก ทาสขันธ์ห้าบำเรอใคร่ ให้กาย,ใจ จมูก,หู,ตาเป็นทาสา ของปากตน จนเกิดภัยแข่งหลงใหล ใคร่เป็นทาส ของวัตถุมุทะลุ ทาสรูปลักษณ์ ตระหนักไหมกามธาตุ อรูปธาตุ ครอบงำใจโลกทั่วไป ไม่มียุค ปราชญ์ได้เลย(กามธาตุ=ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะความอยากสารพัด รูปธาตุ= ตกเป็นทาส บ้าหลงใหลคลั่งไคล้วัตถุและรูปลักษณ์ ,อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ,ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ได้อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสของ สิ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงายสิ่งสมมุติปรุงแต่ง กุขึ้นมา และเป็นทาสของมัน พวกไสยศาสตร์ (ศาสตร์ แห่งการหลับใหลไม่สามารถตื่นขึ้นมาทางปัญญาได้ ),ปมอวิชชา ,เทวนิยม,ผีวิญญาณ,.สิ่งเพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นชาติหน้า บ้าบุญ ซึ่งเป็นกิเลส,สวรรค์,นรก,สิ่งอภินิหาร,ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ วิเศษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แสวงหาผลประโยชน์ ทางพาณิชย์,ขันธ์ห้า= ปาก ,ตา,หู,จมูก,กายใจ ซึ่งล้วนแล้วมีความอยากทางกิเลสตัณหา ราคะอุปาทานความโลภมาก )From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ ทรงสอนพ้น โลกมายาอย่าโหยหา มายาคติ ตัณหากิเลสใช้ปัญญา เหนือศรัทธา ไม่อาเพศตัดต้นเหตุ ปรุงแต่งใจ ไม่งมงายอย่ามุ่งหมาย อยากได้บุญ ขุนสวรรค์อย่ากุปั้น ชาติหน้าลวง ถ่วงปัญญาอนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง เร็วนักหนาอนัตตา สุญญตา กลืนทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.(สามพลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เหนือเอกภพ ก็คืออนันตกาล , อนัตตา สุญญตา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น มีชั่วคราว และดับไปในความว่างเปล่า รวมทั้งเอกภพ ก็ได้เป็นเพียง อวกาศ ที่ว่างเปล่า, ทั้งสามพลังธรรมชาติไม่มีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดใดใด ถึงแม้ จะหมดสิ่งมีชีวิต มารับรู้ ใดใด ในเอกภพแล้วก็ตาม)
*หมดเวลา แม้อ้างมา หามีไม่สิ่งใดใด ถูกกลืนไป โดยเวลาอนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง โดยมิช้าจุดเริ่มเวลา สิ้นสุดใด ล้วนไม่มีเอกภพนี้ ถูกสมมุติไว้ ใช้ศึกษาอนัตตา สุญญตา มาล้อมไว้เกิดแล้วดับ ในความว่าง อย่างเร็วไวชีพใดใด ไม่มีตน แก่นสารจริงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*ศาสนประโยชน์ ได้สิ่งโปรด อิทธิพลกอบโกยผล ดลอำนาจ เหนือประชาฝ่ายปกครอง สนองอำนาจ ร่วมศาสนาลวงศรัทธา ประชาใต้ การครอบงำพุทธปัญญา หาได้เป็น ศาสนาไม่อิสระใจ ไม่ติดบ่วง พันธนาการเลิศสติ เลิศปัญญา พาแตกฉานพึงต้านทาน อวิชชา อย่าครอบงำFrom Anatta, Sunyata and Tathata
ติดตามนะ🎉ชอบๆๆๆๆแต่อินเดียปวดหูมากๆๆเสียงเเตรรถดังมาก😮คนก็เป็นชาวบ้านๆๆๆๆที่สุด/บางแห่งขยะเยอะมาก🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉
เมืองนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะ รอติดตามนะครับ
*พุทธองค์ มิประสงค์ คนกราบไหว้บูชาทรงสอนว่า คือตัณหา กิเลสลวงอนัตตา สุญญตา พาพ้นบ่วง.อย่าหลงลวง การบูชา สารพันพุทธองค์ ทรงสละ ทุกสมบัติสงฆ์อยากจัด โกยสมบัติ โกยที่ดินกิเลสตัณหา ใต้ผ้าเหลือง หลอกโกยสินหลอกหากิน พวกงมงาย ตายปัญญาเหนืออัตตา ย่อมพาสู่ ใกล้องค์พุทธความคิดผุด พึงปล่อยวาง อย่างสายฟ้าเมื่อไตร่ตรอง มองลึกดู สุญญาตาพลันแจ่มจ้า เรามิใช่ สิ่งใดเลยFrom Anatta, Sunyata and Tathata.(องค์พุทธ= สิ่งที่พระพุทธองค์ ทรงสอนมากที่สุด,คืออะไร ???? เป็นปัญญา ความรู้อันไปถึงที่สุดแล้วของเอกภพ สามารถ ครอบคลุม เหนือโลกและเอกภพได้ อย่างไร ??? พระพุทธองค์ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันได้อย่างไรในวันวิสาขบูชา ???พระพุทธองค์ ทรง เพียรพยายามหลายแสนชาติก่อนตรัสรู้ หมายความว่าอะไร ????ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์ จึง มิใช่ศาสนา แต่เหนือศาสนา ใดใด??? ถ้าพวกพระ และชาวพุทธ ทั้งหลาย ตอบคำถามทั้งสี่ นี้ไม่ได้ ถือว่า เป็นพวก pseudoBuddhists และถ้าเกี่ยวข้องกับ อภินิหาร ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ ย่อมคือคนบ้าถ้าสิ่งใด ขัดกับ ธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ อนัตตา และ สุญญตาย่อมมิใช่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่ตามใต้เงา ของลัทธิแขก พราหมณ์ ปมเทวนิยม อวิชชา ไสยศาสตร์ ,ลัทธิผีวิญญาณ บ้าบอ คอแตก "พวกเลวร้าย เก่งลวดลาย หลอกหากินกอบโกยสิน หากินจาก เหยื่องมงายไสยศาสตร์ ระบาดทั่ว ชั่วเลวร้ายมารทำลาย พุทธปัญญา หลอกบ้าบุญ" )
ซ่อนกิเลส เจตน์อยากเป็น อนาคามีอยากอวดดี ที่จะเป็น โสดาบันซ่อนในใจ ใคร่อยากเป็น อรหันต์ล้วนเพ้อฝัน กิเลสกั้น อย่าหมายเป็นFrom Anatta, Sunyata and Tathata.(ถ้ามีกิเลสความอยากที่จะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป,เป็นอนาคามี,โสดาบัน ,อรหันต์ ล้วนแล้วเป็นกิเลสกั้นอย่าเพ้อฝัน ว่าจะได้เป็น ล้วนแล้ว paradoxical ขัดแย้งกันในตัวเองทั้งสิ้น )
*พุทธรูป ถูกสร้างให้ ใหญ่หลากหลายน่าเสียดาย ได้บดบัง พุทธปัญญาพุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนาสอนปัญญา อิสรา จากทั้งปวงสอนพ้นบ่วง มายาคติ มิงมงายมิอยู่ใต้ โลกมายา มาครอบงำสัจธรรม นำความจริง มาชูค้ำช่วยนำปลด พันธนาการ ทุกด้านแลชีพทั้งหลาย ได้เป็นเพื่อน ร่วมเดินทางสู่ความว่าง เปล่าปลายทาง เช่นนั้นแลอนัตตา สุญญตา มาเร็วแท้ล้วนผันแปร อนันตกาล ผลาญทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
อภิธรรม น่าขำขัด พุทธปัญญาพุทธศาสนา นำมาสอน ครอบคนไว้ขัดธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ ประหลาดไหมคุมจิตใจ ขันธ์ห้าไว้ ไม่ได้จริงถ้าสอนสิ่ง ตามเงาแขก แปลกงมงายหมดความหมาย ถ้าได้แย้ง อนัตตาปรุงแต่งใจ มากเกินไป ไร้คุณค่าขัดสุญญตา หลงมายา พาบอดใจFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn
เป็นห่วงอยู่ค่ะว่าได้โทรศัพท์คืนไหมคะ พอดีคลิปตัดจบเสียก่อน
ได้คืนแล้วครับ น้องวิกแกรมคนอินเดียประสานให้เรียบร้อย
*ความศรัทธา พายึดถือ พายึดมั่นความเชื่อนั้น นั่นแหละคือ ศาสนาศาสนาพุทธ สุดงมงาย ขัดพุทธปัญญาองค์พุทธา สอนใจอิสรา จากทั้งปวงอย่าติดบ่วง ภาพลวงตา มายาคติอย่าอุตริ โลกมายา มาครอบไว้อนัตตา สุญญตา มาสอนใจเกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ทรงเน้นสอน ง่ายๆ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาและสุญญตา เป็นปัญญาของการหลุดพ้นพวกมายาคติ และหลุดพ้นอัสมิมานะ ,ทรงสอนว่า "" บุญ "" คือกิเลส มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง "" หัวใจบวม พองขึ้นมา ฟูขึ้นมา เพราะสิ่งที่ตนเองคาดหวัง ปรารถนา อยากได้ หรือสิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว "" จึงเป็นกิเลส และคำว่าพุทธ ยังหมายถึง ผู้สอนเรามิให้มีการปรุงแต่งใจใดใด ทรงสอนว่า พระสงฆ์ หมายถึง "" ผู้บำเพ็ญตนสันโดษ คือต้องไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทานความอยากใดใด การปรุงแต่งใจใดใด มาเป็นเพื่อนอยู่ในใจ และต้องไม่ อยู่กับ พวกที่แสดงถึงกิเลสตัณหาอุปาทานความอยาก และการปรุงแต่งใจ ใดใด""ทรงสอนพื้นฐาน ให้ข้าม สามสิ่งนี้คือ1. รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าคลั่งไคล้ พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ได้ ดังนั้นชาวพุทธไม่ควรหลงใหลในวัตถุและรูปลักษณ์ เช่นพวกพระพุทธรูป,เจดีย์ สถูป พระธาตุ โบสถ์วัดวิหาร ที่ทำให้หรูหรา เป็นวิมาน พวกสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายรูปบูชาสารพัน วัตถุบูชาสารพัด2. อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย มายาคติ โลกมายา ไสยศาสตร์ อวิชชา สิ่งที่กุปั้นปรุงแต่งขึ้นมา พวกสิ่งที่สมมุติขึ้นมา สิ่งที่เพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นบุญนรกสวรรค์ ผีวิญญาณ ชาติหน้า เวรกรรม กรรมเก่า ภพหน้าภพหลัง อภินิหาร ปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ สิ่งวิเศษสิ่งเหนือธรรมชาติ แม้แต่การสวดมนต์สวดคาถา สวดอภิธรรม ก็ย้อนแย้ง กับ พุทธปัญญา ในสมัยพระพุทธองค์ไม่มีการสวดมนต์สวดคาถาบูชาใดใด ทรง สอนว่างมงาย3. กามธาตุ= การตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะ ความอยากสารพัด สรุปคำสอนง่ายๆ ของพระพุทธองค์ คือ ไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขัง อนัตตา หรือสุญญตา คือล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปในความว่างเปล่าของสิ่งทั้งปวง และคำว่า "" Buddha "" มีถึงสี่ความหมายคือ1. ผู้ตื่นจากความงมงาย ความไม่รู้ อวิชชา ไสยศาสตร์สู่พุทธปัญญา อันสูงสุด2. ผู้ดับกิเลสตัณหาความอยากใดใด หมดแล้ว3. ผู้ตรัสรู้ปัญญา อันสูงสุด อย่างที่ไม่มีผู้ใดมาสอนได้คืออริยสัจสี่ อนิจจังทุกขัง อนัตตา สุญญตา4. ผู้มีจิตใจอิสระจากสิ่งทั้งปวงแล้วและอยู่ตรงกลาง มัฌชิมา ทรงอยู่เหนืออารมณ์ทั้งปวง ไม่ปรุงแต่งจิตใจใดใด อีกแล้วไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรอีกแล้ว มีคลื่นสมองสูงสุดคือCosmic Waves เหลือแต่ความเลิศสติปัญญา จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส หมดสิ้น อัสมิมานะ ทรงอิสระจากโลกมายา และพวกมายาคติทั้งปวง และทรงสามารถมอบดวงสว่าง แก่ชาวโลกได้ และมีจิตนิพพานได้ คือเยือกเย็น ดับไฟกิเลสตัณหาราคะความอยากใดใด อุปาทานใดใด การปรุงแต่งใจใดใด ความยึดมั่นถือมั่นใดใดได้
*น้อยปัญญา เที่ยวพึ่งพา สิ่งศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ สานความเขลารูปธาตุ อรูปธาตุ หลอกมัวเมาลวงหลงเงา เอาความเชื่อ เหนือปัญญาแข่งไขว่คว้า ได้บุญมา หนุนกอดนอนกราบไหว้วอน สิ่งอภินิหาร ค้านปัญญาโถโลกนี้ จึงมากมี พวกคนบ้ากิเลสตัณหา พาเป็นทาส ไปจนตายFrom Anatta, Sunyata and Tathata.(กามธาตุ= การตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะความอยากสารพัดรูปธาตุ= การตกเป็นทาสบ้าหลงใหลคลั่งไคล้พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์,ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสหลงใหล สิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง,อุปาทาน ,ความเชื่อผิดๆ สิ่งงมงาย สิ่งอวิชชาสิ่งปรุงแต่ง กุขึ้นมา สิ่งไสยศาสตร์ เช่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เครื่องลางของขลัง พวกพิธีสงฆ์ สวดมนต์สวดคาถา,น้ำมนต์สายสิญจน์ การเจิม ผ้ายันต์ พระเครื่อง สิ่ง ครอบงำถูกเสี้ยมสอนมาเช่น เวรกรรม กรรมเก่า อยู่ใต้กรรม เป็นไปตามกรรมบุญ ชาติหน้า สวรรค์ นรก ผีวิญญาณ กลับชาติมาเกิดการ บ้าสร้างพระพุทธรูป วัตถุ รูปบูชา เจดีย์ โบสถ์วัดวิหารสวยหรูเป็นวิมาน ตามกิเลสตัณหาของพวกพระพระพุทธองค์ทรงสอนว่า "บุญ" เป็นภาษาสันสกฤต เป็นกิเลสเพราะหมายความว่า "หัวใจบวม พอง ฟู ขึ้นมา เพราะสิ่งที่ตน คาดหวัง สิ่งที่คนอยากได้ สิ่งที่ตนปรารถนา สิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว " จึงเป็นกิเลสความอยากผิด กับความหมายของภาษาบาลี ว่าเป็นสิ่งดี จะนำ สิ่งดีดีมาให้ตอบสนอง ในชาตินี้และชาติหน้า ,ส่วนสมองที่ทำให้คนโง่งมงาย ไม่เป็นตัวของตัวเอง คือ Ventromedial Prefrontal Cortex, Pareidolia, Amygdala ส่วน Neocortex ทำให้คนหลอกลวง โกหกเก่ง แม้กับตัวเองยังได้ )
เคยคิดจะไปอินเดียอยู่เหมือนกันพี่บ่าว...ไปกับทางวัดเขาจัดทัวร์ไปตามรอยสถานที่สําคัญทางพุทธศาสนา พวกสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ราคาคุ้มอยู่.
ราคาทัวร์อินเดียไม่แพง ได้เปิดโลกหลายๆอย่าง ฝึกความอดทน เหมือนได้มาเข้าค่ายลูกเสือ ผมมาคนเดียวต้องแก้ปัญหา สถานการณ์ทุกอย่างที่เจอ โหดจัดอินเดีย
*บุญใดใด ไม่มีจริง ดั่งเพ้อฝันนรกสวรรค์ และชาติหน้า หามีไม่ล้วนมายา นำมาปรุง แต่งจิตใจเกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Tathata.
ชอบและติดตามอยู่ประจำ แต่ในคลิปนี้ขอคอมเม้นท์หน่อยนะว่า ไปในสถานที่ชาวพุทธศรัทธาควรแต่งกายให้สุภาพเพื่อเคารพต่อสถานที่ ควรจะใส่เสื้อให้ปกคลุมรอยสักเสียหน่อย (หรือจะตัดภาพออกให้มีเฉพาะเสียงก็ได้นะ) ภาพที่ออกมาจะไม่ขัดตาคนดู ขออภัยนะถ้าจะพูดตรงๆซึ่งอาจไม่ถูกใจ
@@chamlongsamothai8553 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ ต่อไปจะแต่งกายให้เรียบร้อยกว่านี้
@@nookvlog2949ขอบคุณที่รับฟังครับ ที่เม้นท์มานี้ก็เฉพาะสถานที่แสวงบุญ ส่วนที่อื่นๆก็ตามสะดวกเลยนะ ผมยังคงเป็นเอฟซีที่ติดตามผลงานอยู่เสมอครับ
@@nookvlog2949ระวังลัทธิ อิสลาม ด้วยนะล่าสุดเมื่อเช้า วางระเบิดยิงระเบิด ใส่แรงงานคนไทยที่ สงขลา ที่สร้างเจ้าแม่กวนอิม
ผมก็นึกไม่ถึงว่าคุณจะใส่ชุดนี้ไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ สำนึกดีนะครับ
*พุทธองค์ สอนอย่าหลง มายาคติอย่าอุตริ สิ่งงมงาย ตายปัญญาพุทธองค์ ทรงพ้นเหนือ ศาสนาสอนปัญญา จิตอิสรา จากทั้งปวงFrom Anatta, Sunyata and Anantakarn
*ความตายนั้น มันไม่มี จริงดั่งว่าอนัตตา สุญญตา มาสอนไว้เซลล์อินทรีย์ หมดหน้าที่ สลายไปชีพใดใด ล้วนไม่มี ตัวตนจริงสรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่าชีพชั่วคราว แก่นสารใด ก็ไม่มีอย่างมงาย ได้หลงเชื่อ วิญญาณผีเป็นธุลี ที่ปลายทาง ว่างเปล่า,กลวงFrom Anatta, Sunyata and Tathata.
ขอให้ชาวพุทธไทยเข้าใจใส่กลาห้วเอาไว้ดว้ยว่าอินเดียไม่ใช้เมืองพุทธตามที่คนไทยส่วนมากเข้าใจกัน
คนไทยพุทธอยากไปอินเดียกราบพระพุทธเจ้า ต้องหาเงินไปเอง แต่อิสลาม จะไปกราบหินดำที่ซาอุ รัฐบาลแจกเงินค่าเครื่องบินค่ากินค่าโรงแรมให้ ต่อหัว3แสนบาท รวม300ล้านต่อปี คิดดู แถมฆ่าคนพุทธในยะลา ปัตตานี นราธิวาส
บ้านน้าอยู่ที่กระบี่ใช่ไหมครับ
อยู่กระบี่ครับผม
@nookvlog2949 ออคับไกลกับบ้านผมคับ
พระนอกรีตยุคสมัยนี้(พระเกํ😂😂
พระเก๊อินเดียมีเยอะครับ
เขาแห่ผ้าขึ้นธาตุไหมครับน้า
ไม่น่าจะมีครับ ส่วนใหญ่มาสวดมนต์ ทำพิธีของแต่ละประเทศ
ผมพอกลับมาจากภูเก็ตแต่วานนิคับน้า มีแม่ชีกันหม่ายที่น้าเข้าไปอ่ะคับ
แม่ชีมีเยอะมากครับจากหลายๆประเทศ
*เรื่องเวรกรรม เรื่องกรรมเก่า เต่าไม่เชื่อไดโนเสาร์เบื่อ คนโง่เขลา เบาปัญญาในโลกนี้ ไยมากมี พวกคนบ้าบอดปัญญา หาได้ถึง พระพุทธองค์ถ้าลุ่มหลง จงใจขัด กับธรรมชาติวิปลาส ขัดวิทยาศาสตร์ ประหลาดนักไม่มองตน จนแก่ตาย ไม่ตระหนักว่าหลงรัก จมปลักอยู่ ยุคมืดมัว(พระพุทธองค์= เนื้อหาสาระ ที่พระพุทธองค์ทรงสอนมากที่สุด เป็นปัญญา ความรู้อันไปถึงที่สุดแล้วของ เอกภพ คืออะไรเล่า ????ทำไมครอบคลุมเหนือโลกและเอกภพได้???ถ้าตอบไม่ได้ อย่าได้มาอ้างเป็นชาวพุทธ เลยหรือถ้าตอบแบบหนังแขกตบตาเก่ง คือ มีอภินิหารความวิเศษ ปาฏิหารย์ มหัศจรรย์ ความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ ล้วนแล้วงมงาย, เนื้อหาคำสอนของพระพุทธองค์ ล้วนเกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการธรรมชาติตั้งแต่กำเนิดของธรรมชาติ ทั้งสิ้น ทรงสอนให้เป็น นักธรรมชาติวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ทั้ง นั้น ดังนั้นถ้าสิ่งใดไปขัดกับอนัตตา สุญญตา ธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ย่อมมิใช่คำสอนของพระพุทธองค์ )From Anatta, Sunyata and Tathata.
พี่ไม่ใส่แมสเหรอครับ ข่าวเพิ่งออกว่าอินเดียกับปากี ฝุ่นสีม่วงแล้วนะ ตายได้ตายนะ😅
ฝุ่นเยอะคือนิวเดลีกับมุมใบ ถึงเดลีได้วันสองวันป่วยเลยครับ
@@nookvlog2949โอเคครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
แตกต่างเพียงรูปลักษณ์แต่ภายในคือพุทธะ
มาจากหลักคำสอนองค์เดียวกัน พระพุทธเจ้า ทุกคนมาด้วยแรงศรัทธาครับ
นมัสเต ท่านหม้อได้หมด ก้อสดชื่น พี่เดินทางได้ธรรมชาติกันเองมากๆๆ ครัช รอติดตามน่ะ
ชีวิตได้ก้าวต่อ เพราะมีหม้อให้พลัง นมัสเตครับ
*พุทธองค์ ทรงสละ ทุกสมบัติ
สงฆ์อยากจัด โกยสมบัติ โกยที่ดิน
ใต้จีวร ซ่อนกิเลส กอบโกยสิน
หลอกหากิน พวกงมงาย ตายปัญญา
ใต้พฤกษา องค์พุทธา อยู่อาศัย
เดินเท้าไป มอบให้ดวง ตาสว่างแล
เอกบุรุษ สุดประเสริฐ น้ำหนึ่งแท้
ทรงแน่วแน่ ส่องสว่างแท้ แก่โลกเรา
พระมากมาย มุ่งหมายบวช เพื่ออยากดัง
เพื่อมั่งคั่ง หวังอิทธิพล ครอบคนได้
ผลประโยชน์ สิ่งโปรดเพื่อ โกยมากมาย
เลวทำลาย พุทธปัญญา หลอกหากิน
ปัญญาสิ้น เหยื่อดิ้นรน ถูกสวมเขา
บ้ามัวเมา บุญ,ชาติหน้า บ้าสวรรค์
ผลสุดท้าย ได้อะไร ที่ไหนกัน
ทุกชีวัน นั้นมิใช่ สิ่งใดเลย
กลับสังเวย มารตัวกู และของกู
ควรจะรู้ มารร่างคน ล้นทุกหล้า
มารร้ายสุด ไม่หยุดการ ทอนโลกา
แต่อนัตตา มากลืนกิน ดิ้นพ้นฤา
From Anatta, Sunyata and Tathata.
อนุโมทนาสาธุ
สาธุๆครับ
🙏🙏🙏
อนิจจัง ล้วนทุกขัง อนัตตา
ทุกแหล่งหล้า หาได้พ้น จากไตรลักษณ์
แก่,เจ็บ,มลาย หมดใจกาย พึงตระหนัก
เร็วยิ่งนัก จักสู่ความ ว่างเปล่า,กลวง
From Anatta, Sunyata and Tathata.
ไปแบบนี้ได้เห็นทุกมุมดีมากครับ
@@ตาพระยา-ฦ6ฉ ทำให้ผมประหลาดใจว่ามีแบบนี้ด้วยหรอ นอกเหนือจากที่เราได้เห็นกันเป็นประจำที่ประเทศเรา การกราบไหว้ การสวดมนต์ และอีกหลายอย่างมีความแตกต่างกันครับ
*ปรุงแต่งใจ ขึ้นเมื่อใด มิใช่พุทธ
เพราะไม่หยุด ความงมงาย ได้เพ้อฝัน
ศาสนประโยชน์ คือสิ่งโปรด แข่งยึดมั่น
ยิ่งขวางกั้น พุทธปัญญา พาบอดใจ
ฝันคว้าไขว่ วิมานสวรรค์ บนชั้นฟ้า
้อยากชาติหน้า อยากบุญญา สู่สวรรค์
ได้มั่งมี ได้สุขศรี สารพัน
พวกเหยื่อนั้น ทุ่มถวาย ได้มั่งมี
แม้ดิ้นรน จนถึงที่ สุดอย่างไร
ล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ อนัตตา
อนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง เร็วนักหนา
สุญญตา พาว่างเปล่า ทุกสิ่งแล
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
ได้เปิดหูเปิดตามาก ขอบคุณนะคะแอดที่พาชม ^/\^ พุทธคยานี่ได้ยินบ่อยตามวิทยุไทยที่พระสงฆ์ท่านประกาศหากใครอยากร่วมบุญ
ขอบคุณเหมือนกันครับที่เข้ามารับชม ช่องผมจะวาไรตี้หน่อยมีหลากหลายมุมมอง หลายคอนเท้น สาระอาจจะมีนิดหน่อย ดูพอได้เปิดหูเปิดตาเห็นโลกกว้างขึ้นครับ
เราไปครบ 4 สถานแล้ว ใจเป็นประธาน แต่ละที่ห่างไกลมาก เสาอโศก มีสิงห์โตข้างปน ไวสาลี ค่ะ
เก่งมากครับที่ไปมาครบแล้ว คุณมีศรัทธาที่แรงกล้าจริงๆชื่นชมครับ
*บุญใดใด ชาติหน้าสวรรค์ เพ้อฝันได้
แต่อย่าหมาย ได้เป็นจริง สิ่งเพ้อฝัน
ปรุงแต่งใจ ให้งมงาย สารพัน
ชีพแสนสั้น นั้นไม่มี ตัวตนจริง
สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ สุญญตา
กาลเวลา รวดเร็วพร่า ทุกทุกสิ่ง
อนัตตา พาว่างเปล่า เร็วอย่างยิ่ง
ประเสริฐจริง ถ้าทิ้งมาร ตัวกูของกู
เกิดมีอยู่ เพียงชั่วครู่ ถ้าไร้ค่า
อนิจจา รกโลกา หาดีไม่
สรรพสิ่ง วิ่งมารวม อยู่ที่ใจ
คิดเสียใหม่ ใช้ชีวา สร้างค่าคน
From Anatta, Sunyata and Tathata
อนุโมทนาในการเผยแผ่ แม้ว่าความรู้ทางพุทธจะยังไม่มาก ก็ขอบคุณ นะครับ
ขอโทษจริงๆครับที่สาระอาจจะน้อยไปนิดนึง ผมเจออะไรทุกคนจะได้เห็นแบบนั้น บางมุมที่เราไม่เคยเห็นก้อจะนำมาแบ่งปันกันครับ
ศาสนาพุทธดีมากคือ มีหลายนิกายหลายชาติ แต่ก็ไม่ขัดแย้งไม่ทะเลาะกันรวมกันจัดกิจกรรมก็ได้ไม่มีปัญหา🙏🙏🙏
ช่ายครับ ไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกัน ไม่ขัดแย้งกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน
*เอกภพนี้ หาได้มี อยู่จริงไม่
สมุตติไว้ ในอวกาศ ความว่างเปล่า
เกิดดับไป ในความว่าง ทุกหมู่ดาว
อยู่ชั่วคราว แล้วก้าวสู่ สุญญตา
อนิจจา อนัตตา และทุกขัง
ใครจะหวัง ครองอะไร สมใจได้
ทุกชีวี เป็นธุลี เมื่อมลาย
สิ่งทั้งหลาย ได้คืนสู่ ผู้สร้างมา
สร้างคุณค่า ให้ชีวา ได้อย่างไร
เพียงร่วมใจ สร้างสรรค์ไว้ ให้โลกนี้
ทิ้งร่องรอย คนคอยตาม บนปฐพี
ทิ้งรอยดี ที่เกื้อโลก ตอบพระคุณ
ถ้ามัวขุน อัสมิมานะ จะหมดค่า
ทุ่มปัญญา เป็นอาวุธ แย่งคว้าไขว่
ผลสุดท้าย ได้ความว่าง เปล่าตลอดไป
ชีพใดใด ล้วนมิใช่ สิ่งใดเลย
(ผู้สร้างมา=the nature=ธรรมชาติ ที่ฉันรักชื่นชม
มาตลอดเวลา)
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*เอกภพนั้น มันไม่มี อยู่จริงแท้
ลวงตาแล แค่สมมุติ สุดโต่งไว้
กาลเวลา และอนัตตา มากลืนไป
สิ่งใดใด วิ่งไปสู่ สุญญตา
พวกขันธ์ห้า มารับรู้ ชั่วครู่ได้
แล้วมลาย กลายเป็นสิ่ง ว่างเปล่าไป
กูของกู ดูให้ดี มีจริงไหม
ล้วนดับไป ไม่กลับคืน เช่นทุกดาว
พวกสามหาว ราวเป็นทาส กูของกู
น่าอดสู อยู่ด้วยความ เห็นแก่ตัว
ทรัพย์มายา ศักดิ์ยศถา ล่อได้ทั่ว
ให้เมามัว ชั่วหลงตัว กูของกู
แย่งโหยหา คว้าอะไร ที่ไหนกัน
ทุกชีวัน นั้นร่วมทาง ไปแห่งใด
ทุกข์มากมาย ไขว่คว้าได้ จริงที่ไหน
รวดเร็วไป ในความว่าง เปล่าและกลวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ทรงสอนแก่นธรรม ที่สามารถครอบคลุมโลกและเอกภพได้ดังนี้
1. อนิจจตา คือความไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏภายนอก ,ความไม่แน่นอน ไม่จีรังยั่งยืนของสิ่งทั้งปวง
2. ทุกขตา คู่กับอนิจจตา คือทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ย่อมแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นเสมอ เป็นความไม่สมบูรณ์บกพร่องอันเป็นเนื้อใน, โดยอธิบายว่า ความบกพร่องความไม่สมบูรณ์ในตัวนั้นแหละ คือทุกขตา เมื่อบกพร่องไม่สมบูรณ์มันก็ย่อมเปลี่ยนในที่สุด อนิจจตา ไม่แน่นอนและ ไม่จีรังยั่งยืน ย่อมเป็นทุกข์
3. อนัตตตา คือ ความไม่มีตัวตน ความมิใช่ตัวตน อนัตตตา มีความหมายคือ ทุกชีวิตไม่มีตัวตนแท้จริงได้ เกิดขึ้นมาจากเซลล์ที่สืบพันธุ์ ประกอบเป็นร่างกาย แค่ชั่วครา แล้วต้อง เกิดการหมดหน้าที่ของ เซลล์ร่างกาย ต้องเน่าเปื่อยแยกสลาย ออกจากกัน หรือ body cell disintegrations เช่นเดียวกับพวกสัตว์ พืชต้นไม้ต่างๆ เพราะเมื่อไม่มีตัวตนและแก่นสารที่แท้จริง จึงไม่มีความตายแต่อย่างใด ผีวิญญาณใดใดก็ไม่มี
เป็นการแตกแยกสังขารเน่าเปื่อยสลายคืนสู่ธรรมชาติ ที่สร้างขึ้นมา ดังนั้นโลกของแต่ละสิ่งมีชีวิตพัฒนา อายตนะขึ้นมารับรู้ว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็ดับไปและสิ่งรับรู้ทั้งหมด ในสมองและระบบประสาทก็ดับสิ้นไปเช่นกัน เป็นความว่างเปล่าของแต่ละโลกของสิ่งมีชีวิต
.4.. ธัมมัฏฐิตตา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้โดยพลังแห่งธรรมชาติ เท่านั้น ไม่มีผู้ใดพระเจ้าใดใด ที่มนุษย์ กุขึ้นมา จะมาแทนที่พลังธรรมชาติไดัเป็นกฏของธรรมชาติลัวนๆ เป็นธรรมดา ของกระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติ
5. ธัมมนิยามตา คือ ชีวิตทุกชีวิต การที่สิ่งต่างๆเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับสลายไปเป็นกฎธรรมชาติหรือภาวะที่ยืนตัวเป็นหลักแน่นอนอยู่โดยธรรมดา เป็นกฎธรรมดา ทุกชีวิตทุกสิ่ง อยู่ภายใต้ พลังผลักดันของธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีใคร ฝ่าฝืนได้เลย เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้นอยู่ แล้วดับไปในความว่างเปล่า ทั้งสิ้น, ไม่ขึ้นอยู่กับผู้สร้างผู้บันดาล ไม่ขึ้นอยู่กับการเกิดขึ้นของศาสดาหรือศาสนาใดๆ
หรือปรุงแต่งจิตใจ ว่า เกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ
6. อิทัปปัจจยตา เป็นชื่อหนึ่งปฏิจจสมุปบาท หลักแห่งการเกิดขึ้นอาศัยกันของปัจจัยทั้งหลาย เมื่อเกิดสิ่งนั้น จึงมีสิ่งนี้ (Dependent Origination) ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผลเกี่ยวเนื่องกัน มิใช่มีแต่ผลแล้วไม่มีเหตุ หรือมีแต่เหตุแล้วไม่มีผล
*สอนธรรมใด ให้หลงใหล ใจเสพติด
ย่อมคิดผิด หลงนิมิต ติดมายา
ธรรมมากมาย มีหลากหลาย ทุกทุกหล้า
ธรรมนานา อนัตตา เช่นนั้นเอง
แข่งคว้างเคว้ง มุ่งไขว่คว้า มายึดมั่น
สารพัน ยึดถือมั่น ได้จริงหรือ
สุญญตา มาล้อมไว้ มิใช่ฤา
มิใช่หรือ เกิด,ดับไป ในความกลวง
แม้ติดบ่วง มายาคติ มิหลุดพ้น
ทุกชีพชน เพื่อนร่วมทาง อย่างเดียวกัน
อนันตกาล ผลาญหมดไป แม้เพ้อฝัน
ทุกชีวัน นั้นมิใช่ สิ่งใดเลย
แม้สังเวย โลกมายา พาคิดตื้น
มิอาจฝืน การคืนสู่ ผู้สร้างไว้
อย่าหมายปอง เป็นเจ้าของ แม้กายใจ
ไม่มีใคร ได้อะไร สักอย่างเลย
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
(พลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เหนือเอกภพ ก็คือ อนันตกาล,อนัตตา,สุญญตา
,ผู้สร้างไว้= the nature=ธรรมชาติ )
เเขกที่อินเดีย เวลาเดินผ่านสาปเหมือนเเขกที่เดินในไทยป่าวคับ
ไม่ได้บูลลี่นะ เเต่เเขกเชื้อสายฮินดีในไทย ไม่ค่อยจะอาบน้ำกัน มันคือความจริงที่เราเจอ
ครั้งนึงผมก็เคยจะไปอินเดีย เเต่มีเหตุให้ล้มเลิกไป ใจจริงอยากไปมาก
@@arrukkikrina2755 อินเดียมีความหลากหลายมากทางชนชั้น พวกไร้บ้านนอนตามข้างถนนจะสาปหน่อย แต่บุคคลทั่วไปก้อไม่ได้มีกลิ่นแบบแต่ะเข้าจมูก โดยรวมผมว่าอยู่ที่ตัวบุคคลครับ
*เราของเรา แข่งกันเฝ้า ยึดถือมั่น
ชีพแสนสั้น นั้นไม่มี แก่นสารแล
เกิดดับไป ในความว่าง เปล่าเร็วแท้
ควรยกแด แลก้าวออก จากอัตตา
หลงธูปเทียน น่าติเตียน ไสยศาสตร์
ปัญญาขาด คาดพึ่งแต่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
อยากได้บุญ ขุนชาติหน้า หลงนิมิต
ยิ่งเสพติด สิ่งเพ้อฝัน สวรรค์ลวง
โง่กับฉลาด คาดดูได้ ใครมากกว่า
โง่และบ้า มีมากกว่า อย่าสงสัย
ทั่วโลกา หายุคปราชญ์ ได้หรือไร
ถ้าส่วนใหญ่ ไม่อาจพ้น ยุคมืดเลย
แข่งสังเวย โลกมายา พางมงาย
นักบวชได้ ศาสนา โลภหากิน
ได้อิทธิพล ผลประโยชน์ กอบโกยสิน
ความคิดสิ้น มายาคติ ยิ่งผลิบาน
พวกพระเจ้า บุญ,สวรรค์ กุปั้นได้
พวกงมงาย ได้ย้อนแย้ง ธรรมชาติ
ตื้นปัญญา พาขัดแย้ง วิทยาศาสตร์
รูปธาตุ อรูปธาตุ ระบาดไป
สนองใคร่ ใฝ่เป็นข้า ของกามธาตุ
ยิ่งระบาด ทาสขันธ์ห้า หาได้จบ
พุทธปัญญา ค่าสูงสุด คลุมเอกภพ
โลกประสบ พุทธศาสนา ย้อมมาแทน
แม้งมงาย มายาคติ มืยั้งไว้
ล้วนเร็วไว ก้าวไปสู่ อนัตตา
อนันตกาล ร่วมการกลืน เร็วนักหนา
สุญญตา พาว่างเปล่า สิ่งทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
( พลังธรรมชาติที่ทรงพลังมากที่สุดเหนือเอกภพ ก็คือ
อนันตกาล, อนัตตา และสุญญตา
รูปธาตุ=บ้าเป็นทาสของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของมัน
ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของมันได้
อรูปธาตุ= บ้าเป็นทาส สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ไม่มีตัวตนอยู่จริง อวิชชา
เทวนิยม ปมอวิชชา ไสยศาสตร์ สิ่งงมงายและมายาคติ เช่น
บุญ, ชาติหน้า,สวรรค์ ผีวิญญาณ ,สิ่งศักดิ์สิทธิ์,อภินิหาร,ปาฏิหาริย์,
อิทธิฤทธิ์, สิ่งเหนือธรรมชาติ ,อุปาทาน ,ความงมงาย,ความเชื่อผิดๆๆ
อัตตา=ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู )
สรุปกาลามสูตรของพระพุทธองค์ดังนี้
1. อย่าเพิ่งเชื่อ พวกตำนาน เรื่องปรำปรา เรื่องที่เล่าต่อกันมา
2. . อย่าเพิ่งเชื่อ พวกหนังสือสือตำรา สิ่งสลักจารึกไว้ตาม หิน ผนัง ที่ต่างๆ แม้สิ่งที่เขียนบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
3. .อย่าเพิ่งเชื่อตามประเพณีธรรมเนียม วัฒนธรรมที่ทำต่อๆ กัน มา
4. .อย่าเพิ่งเชื่อ ข่าวลือในสังคม
5. .อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นตรรกศาสตร์ เพราะมิได้ผล 100% เสมอไป
6. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรงกับความคิด ความเชื่อของตน ที่มีอยู่ใน ใจ
7. อย่าเพิ่งเชื่อ สิ่งที่เปรียบเทียบทาง ปรัชญาต่างๆๆ เช่น เหมือน ขี่ช้างจับตั๊กแตน
8. .อย่าเพิ่งเชื่อ เมื่อเห็นแต่รูปลักษณ์ภายนอก อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นด้วยตา คิดว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น มีถมเถไปสิ่งพรางตา ตบตา ภาพลวงตา ภาพจัดฉาก
9. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูด น่าเชื่อถือ เช่นเป็น อาวุโส ผู้สูงอายุ เป็นผู้นำ เป็นผู้เชี่ยวชาญ
10. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนเรา อย่าเพิ่งเชื่อแม้ พระพุทธองค์ ทรงเป็นผู้กล่าวสอน
แต่จงเชื่อ เมื่อได้คิดพิจารณาไตร่ตรอง ทดลองเห็นแล้วก็ทำการพิสูจน์ทดสอบ ดู ด้วยวิจารณญาณ
From Anatta, Sunyata and Tathata.
*แข่งเพ้อฝัน วิมานสวรรค์ บนชั้นฟ้า
อยากชาติหน้า ทุ่มทำบุญ มาหนุนตน
ทุ่มถวาย พระมากมาย กอบโกยผล
แม้ดิ้นรน ผลคือความ ว่างเปล่า,กลวง
ต่างติดบ่วง โลกมายา หาตื่นไม่
มักบอดใจ ไม่ไปถึง พุทธปัญญา
พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา
สอนพุทธปัญญา มอบดวงตา สว่างจริง
สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ สุญญตา
อนิจจา อนัตตา สิ่งทั้งปวง
อนันตกาล ร่วมการกลืน ทุกแห่งห้วง
อย่าหลงลวง ติดบ่วงโซ่ ความงมงาย
พุทธปัญญา ค่าสูงเหนือ เอกภพแล
ความจริงแท้ แน่นอนหลีก เลี่ยงไม่ได้
เกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทุกราย
สร้างความหมาย ได้เหนือมาร ตัวกูของกู
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธมากมาย สุดงมงาย พุทธไม่แท้
เกิดมาแค่ เป็นทาสา ขันธ์ห้าได้
ใต้ตาข่าย ของโลกีย์ ที่ตะเกียกตะกาย
แข่งกระหาย ได้แต่ความ ว่างเปล่าเอย
แข่งสังเวย รูปธาตุ อรูปธาตุ
ยิ่งระบาด กามธาตุ แพร่ไปทั่ว
พระมากมาย ได้เป็นมาร ที่แฝงตัว
หลอกมืดมัว มั่วถวาย ได้มั่งมี
พุทธกระพี้ ดีแต่บ้า เมาหลงบุญ
โง่ร่วมขุน พระทั้งหลาย ได้มั่งคั่ง
อิทธิพล ชั่วยกตน ให้โด่งดัง
กิเลสพลัง หวังกอบโกย สินมากมาย
ธรรมหลากหลาย มีมากมาย อย่ายึดติด
อิสระจิต อย่าเสพติด โลกความกลวง
อิสระใจ ไม่เกาะเกี่ยว ทุกโซ่บ่วง
เอกภพกลวง ธรรมทั้งปวง อนัตตา
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
(รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าหลงใหลคลั่งไคล้
พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์
ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้
อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสบ้าหลงใหล ในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง,สิ่งอุปาทาน สิ่งงมงาย ปมอวิชชา ไสยศาสตร์ ความบ้าบุญเมาบุญหลงบุญ กระหายบุญ ซึ่งเป็นกิเลส ,โลกมายา ,มายาคติ,
สิ่งสมมุติ สิ่งที่ปรุงแต่งใจขึ้นมา สิ่งที่กุขึ้นมา
กามธาตุ= การตกเป็นทาสของ กิเลสตัณหาราคะ ความอยาก
สารพัด )
ถ้าไปครบ 4 ที่นี้เขาถือว่ามีบุญมาก
1. ลุมพินีวัน : สถานที่ประสูติ(ที่เนปาล)
2. พุทธคยา : สถานที่ตรัสรู้
3. สารนาถ : สถานที่แสดงปฐมเทศนา
4. กุสินารา : สถานที่ปรินิพพาน
@@user-Phongsoy5 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ส่วนตัวอยากไปเนปาลครับ
*ทำตัวกู ของกูตาย ก่อนตายจริง
ประเสริฐยิ่ง แบบอย่างดี ที่สอนใจ
เห็นแก่ตน มีผลดี ได้ที่ไหน
จงดับไฟ อัตตาได้ ก่อนตายจริง
ปรุงสมอง ปรุงแต่งใจ ไม่รู้พอ
จึงยิ่งส่อ ความงมงาย ตายปัญญา
ในโลกนี้ ยิ่งมากมี พวกคนบ้า
ขาดพุทธปัญญา ศาสนา จึงครอบงำ
อย่าเพ้อพร่ำ สิ่งทั้งผอง เป็นของใคร
แม้กายใจ ไม่มีใคร เป็นเจ้าของ
ธรรมชาติ กวาดคืนทุก ชีพที่ครอง
ชีพทั้งผอง ล้วนมิใช่ สิ่งใดเลย
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
(อัตตา=อัสมิมานะ=ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกู)
*ลัทธิแขก ลัทธิผี อีศวรพรหม
พราหมณ์ร่วมบ่ม ปมบิดเบือน พุทธปัญญา
พุทธองค์ มิทรงสอน ศาสนา
สอนปัญญา พาหลุดพ้น แอกทั้งปวง
พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา
สอนปัญญา ที่เกิดมา พร้อมโลกนี้
ศาสนา เพิ่งมีมา ห้าพันปี
ทรงเน้นชี้ เอกภพนี้ ล้วนมายา
ไม่เอาใจ ไปเกาะเกี่ยว สิ่งใดใด
อิสระใจ ไม่ยึดถือ ไม่ยึดมั่น
เลิศสติ เลิศปัญญา ค่าอนันต์
จิตเช่นนั้น พลันเข้าสู่ พุทธปัญญา
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
*กามธาตุ รูปธาตุ ระบาดทั่ว
แข่งเมามัว อรูปธาตุ ขาดไม่ได้
ตัณหากิเลส ผลอาเพศ ความงมงาย
คนมากมาย ติดคุกใต้ โลกมายา
พวกคนบ้า บนโลกนี้ จึงมีมาก
ไม่กระดาก ทุกข์วิบาก ทาสขันธ์ห้า
บำเรอใคร่ ให้กาย,ใจ จมูก,หู,ตา
เป็นทาสา ของปากตน จนเกิดภัย
แข่งหลงใหล ใคร่เป็นทาส ของวัตถุ
มุทะลุ ทาสรูปลักษณ์ ตระหนักไหม
กามธาตุ อรูปธาตุ ครอบงำใจ
โลกทั่วไป ไม่มียุค ปราชญ์ได้เลย
(กามธาตุ=ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะความอยากสารพัด
รูปธาตุ= ตกเป็นทาส บ้าหลงใหลคลั่งไคล้วัตถุและรูปลักษณ์ ,อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ,ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ได้
อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสของ สิ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย
สิ่งสมมุติปรุงแต่ง กุขึ้นมา และเป็นทาสของมัน พวกไสยศาสตร์ (ศาสตร์ แห่งการหลับใหลไม่สามารถตื่นขึ้นมาทางปัญญาได้ ),ปมอวิชชา ,เทวนิยม,ผีวิญญาณ,.สิ่งเพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นชาติหน้า บ้าบุญ ซึ่งเป็นกิเลส,สวรรค์,นรก,
สิ่งอภินิหาร,ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ วิเศษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แสวงหาผลประโยชน์ ทางพาณิชย์,
ขันธ์ห้า= ปาก ,ตา,หู,จมูก,กายใจ ซึ่งล้วนแล้วมีความอยากทางกิเลสตัณหา ราคะอุปาทานความโลภมาก )
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ ทรงสอนพ้น โลกมายา
อย่าโหยหา มายาคติ ตัณหากิเลส
ใช้ปัญญา เหนือศรัทธา ไม่อาเพศ
ตัดต้นเหตุ ปรุงแต่งใจ ไม่งมงาย
อย่ามุ่งหมาย อยากได้บุญ ขุนสวรรค์
อย่ากุปั้น ชาติหน้าลวง ถ่วงปัญญา
อนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง เร็วนักหนา
อนัตตา สุญญตา กลืนทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
(สามพลังธรรมชาติ ที่ทรงพลังมากที่สุด เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เหนือเอกภพ ก็คือ
อนันตกาล , อนัตตา สุญญตา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น มีชั่วคราว และดับไป
ในความว่างเปล่า รวมทั้งเอกภพ ก็ได้เป็นเพียง อวกาศ ที่ว่างเปล่า,
ทั้งสามพลังธรรมชาติไม่มีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุดใดใด ถึงแม้ จะหมดสิ่งมีชีวิต
มารับรู้ ใดใด ในเอกภพแล้วก็ตาม)
*หมดเวลา แม้อ้างมา หามีไม่
สิ่งใดใด ถูกกลืนไป โดยเวลา
อนันตกาล ผลาญทุกสิ่ง โดยมิช้า
จุดเริ่มเวลา สิ้นสุดใด ล้วนไม่มี
เอกภพนี้ ถูกสมมุติไว้ ใช้ศึกษา
อนัตตา สุญญตา มาล้อมไว้
เกิดแล้วดับ ในความว่าง อย่างเร็วไว
ชีพใดใด ไม่มีตน แก่นสารจริง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*ศาสนประโยชน์ ได้สิ่งโปรด อิทธิพล
กอบโกยผล ดลอำนาจ เหนือประชา
ฝ่ายปกครอง สนองอำนาจ ร่วมศาสนา
ลวงศรัทธา ประชาใต้ การครอบงำ
พุทธปัญญา หาได้เป็น ศาสนาไม่
อิสระใจ ไม่ติดบ่วง พันธนาการ
เลิศสติ เลิศปัญญา พาแตกฉาน
พึงต้านทาน อวิชชา อย่าครอบงำ
From Anatta, Sunyata and Tathata
ติดตามนะ🎉ชอบๆๆๆๆแต่อินเดียปวดหูมากๆๆเสียงเเตรรถดังมาก😮คนก็เป็นชาวบ้านๆๆๆๆที่สุด/บางแห่งขยะเยอะมาก🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉
เมืองนี้มีอะไรให้ทำอีกเยอะ รอติดตามนะครับ
*พุทธองค์ มิประสงค์ คนกราบไหว้บูชา
ทรงสอนว่า คือตัณหา กิเลสลวง
อนัตตา สุญญตา พาพ้นบ่วง.
อย่าหลงลวง การบูชา สารพัน
พุทธองค์ ทรงสละ ทุกสมบัติ
สงฆ์อยากจัด โกยสมบัติ โกยที่ดิน
กิเลสตัณหา ใต้ผ้าเหลือง หลอกโกยสิน
หลอกหากิน พวกงมงาย ตายปัญญา
เหนืออัตตา ย่อมพาสู่ ใกล้องค์พุทธ
ความคิดผุด พึงปล่อยวาง อย่างสายฟ้า
เมื่อไตร่ตรอง มองลึกดู สุญญาตา
พลันแจ่มจ้า เรามิใช่ สิ่งใดเลย
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(องค์พุทธ= สิ่งที่พระพุทธองค์ ทรงสอนมากที่สุด,
คืออะไร ???? เป็นปัญญา ความรู้อันไปถึงที่สุดแล้วของเอกภพ สามารถ ครอบคลุม เหนือโลกและเอกภพได้ อย่างไร ??? พระพุทธองค์ ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกันได้อย่างไรในวันวิสาขบูชา ???
พระพุทธองค์ ทรง เพียรพยายามหลายแสนชาติ
ก่อนตรัสรู้ หมายความว่าอะไร ????
ทำไมคำสอนของพระพุทธองค์ จึง มิใช่ศาสนา แต่เหนือศาสนา ใดใด???
ถ้าพวกพระ และชาวพุทธ ทั้งหลาย ตอบคำถามทั้งสี่ นี้ไม่ได้ ถือว่า เป็นพวก pseudoBuddhists และถ้าเกี่ยวข้องกับ
อภินิหาร ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ ย่อมคือคนบ้า
ถ้าสิ่งใด ขัดกับ ธรรมชาติบริสุทธิ์ วิวัฒนาการธรรมชาติบริสุทธิ์ วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ อนัตตา และ สุญญตา
ย่อมมิใช่คำสอนของพระพุทธองค์ แต่ตามใต้เงา ของ
ลัทธิแขก พราหมณ์ ปมเทวนิยม อวิชชา ไสยศาสตร์ ,ลัทธิผีวิญญาณ บ้าบอ คอแตก
"พวกเลวร้าย เก่งลวดลาย หลอกหากิน
กอบโกยสิน หากินจาก เหยื่องมงาย
ไสยศาสตร์ ระบาดทั่ว ชั่วเลวร้าย
มารทำลาย พุทธปัญญา หลอกบ้าบุญ" )
ซ่อนกิเลส เจตน์อยากเป็น อนาคามี
อยากอวดดี ที่จะเป็น โสดาบัน
ซ่อนในใจ ใคร่อยากเป็น อรหันต์
ล้วนเพ้อฝัน กิเลสกั้น อย่าหมายเป็น
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(ถ้ามีกิเลสความอยากที่จะเป็น พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป
,เป็นอนาคามี,โสดาบัน ,อรหันต์ ล้วนแล้วเป็นกิเลสกั้นอย่า
เพ้อฝัน ว่าจะได้เป็น ล้วนแล้ว paradoxical ขัดแย้งกันในตัวเองทั้งสิ้น )
*พุทธรูป ถูกสร้างให้ ใหญ่หลากหลาย
น่าเสียดาย ได้บดบัง พุทธปัญญา
พุทธองค์ มิทรงตั้ง ศาสนา
สอนปัญญา อิสรา จากทั้งปวง
สอนพ้นบ่วง มายาคติ มิงมงาย
มิอยู่ใต้ โลกมายา มาครอบงำ
สัจธรรม นำความจริง มาชูค้ำ
ช่วยนำปลด พันธนาการ ทุกด้านแล
ชีพทั้งหลาย ได้เป็นเพื่อน ร่วมเดินทาง
สู่ความว่าง เปล่าปลายทาง เช่นนั้นแล
อนัตตา สุญญตา มาเร็วแท้
ล้วนผันแปร อนันตกาล ผลาญทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
อภิธรรม น่าขำขัด พุทธปัญญา
พุทธศาสนา นำมาสอน ครอบคนไว้
ขัดธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ ประหลาดไหม
คุมจิตใจ ขันธ์ห้าไว้ ไม่ได้จริง
ถ้าสอนสิ่ง ตามเงาแขก แปลกงมงาย
หมดความหมาย ถ้าได้แย้ง อนัตตา
ปรุงแต่งใจ มากเกินไป ไร้คุณค่า
ขัดสุญญตา หลงมายา พาบอดใจ
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
เป็นห่วงอยู่ค่ะว่าได้โทรศัพท์คืนไหมคะ พอดีคลิปตัดจบเสียก่อน
ได้คืนแล้วครับ น้องวิกแกรมคนอินเดียประสานให้เรียบร้อย
*ความศรัทธา พายึดถือ พายึดมั่น
ความเชื่อนั้น นั่นแหละคือ ศาสนา
ศาสนาพุทธ สุดงมงาย ขัดพุทธปัญญา
องค์พุทธา สอนใจอิสรา จากทั้งปวง
อย่าติดบ่วง ภาพลวงตา มายาคติ
อย่าอุตริ โลกมายา มาครอบไว้
อนัตตา สุญญตา มาสอนใจ
เกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
*พุทธองค์ทรงเน้นสอน ง่ายๆ ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาและสุญญตา เป็นปัญญาของการหลุดพ้นพวกมายาคติ และหลุดพ้นอัสมิมานะ ,ทรงสอนว่า "" บุญ "" คือกิเลส มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง "" หัวใจบวม พองขึ้นมา ฟูขึ้นมา เพราะสิ่งที่ตนเองคาดหวัง ปรารถนา อยากได้ หรือสิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว "" จึงเป็นกิเลส และคำว่าพุทธ ยังหมายถึง ผู้สอนเรามิให้มีการปรุงแต่งใจใดใด
ทรงสอนว่า พระสงฆ์ หมายถึง "" ผู้บำเพ็ญตนสันโดษ คือต้องไม่มีกิเลสตัณหาอุปาทานความอยากใดใด การปรุงแต่งใจใดใด มาเป็นเพื่อนอยู่ในใจ และต้องไม่ อยู่กับ พวกที่แสดงถึงกิเลสตัณหาอุปาทานความอยาก และการปรุงแต่งใจ ใดใด""
ทรงสอนพื้นฐาน ให้ข้าม สามสิ่งนี้คือ
1. รูปธาตุ=การตกเป็นทาสบ้าคลั่งไคล้ พวกวัตถุและรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของพวกวัตถุและรูปลักษณ์ได้ ดังนั้นชาวพุทธไม่ควรหลงใหลในวัตถุและรูปลักษณ์ เช่นพวกพระพุทธรูป,เจดีย์ สถูป พระธาตุ โบสถ์วัดวิหาร ที่ทำให้หรูหรา เป็นวิมาน พวกสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายรูปบูชาสารพัน วัตถุบูชาสารพัด
2. อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสของสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย มายาคติ โลกมายา ไสยศาสตร์ อวิชชา สิ่งที่กุปั้นปรุงแต่งขึ้นมา พวกสิ่งที่สมมุติขึ้นมา สิ่งที่เพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นบุญ
นรกสวรรค์ ผีวิญญาณ ชาติหน้า เวรกรรม กรรมเก่า
ภพหน้าภพหลัง อภินิหาร ปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ สิ่งวิเศษ
สิ่งเหนือธรรมชาติ แม้แต่การสวดมนต์สวดคาถา สวดอภิธรรม ก็ย้อนแย้ง กับ พุทธปัญญา ในสมัยพระพุทธองค์
ไม่มีการสวดมนต์สวดคาถาบูชาใดใด ทรง สอนว่างมงาย
3. กามธาตุ= การตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะ ความอยากสารพัด
สรุปคำสอนง่ายๆ ของพระพุทธองค์ คือ ไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขัง อนัตตา หรือสุญญตา คือล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปในความว่างเปล่าของสิ่งทั้งปวง
และคำว่า "" Buddha "" มีถึงสี่ความหมายคือ
1. ผู้ตื่นจากความงมงาย ความไม่รู้ อวิชชา ไสยศาสตร์
สู่พุทธปัญญา อันสูงสุด
2. ผู้ดับกิเลสตัณหาความอยากใดใด หมดแล้ว
3. ผู้ตรัสรู้ปัญญา อันสูงสุด อย่างที่ไม่มีผู้ใดมาสอนได้
คืออริยสัจสี่ อนิจจังทุกขัง อนัตตา สุญญตา
4. ผู้มีจิตใจอิสระจากสิ่งทั้งปวงแล้วและอยู่ตรงกลาง มัฌชิมา
ทรงอยู่เหนืออารมณ์ทั้งปวง ไม่ปรุงแต่งจิตใจใดใด อีกแล้ว
ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรอีกแล้ว มีคลื่นสมองสูงสุดคือ
Cosmic Waves เหลือแต่ความเลิศสติปัญญา จิตใจบริสุทธิ์
ผ่องใส หมดสิ้น อัสมิมานะ ทรงอิสระจากโลกมายา และพวกมายาคติทั้งปวง และทรงสามารถมอบดวงสว่าง แก่ชาวโลกได้ และมีจิตนิพพานได้ คือเยือกเย็น ดับไฟกิเลสตัณหาราคะความอยากใดใด อุปาทานใดใด การปรุงแต่งใจใดใด ความยึดมั่นถือมั่นใดใดได้
*น้อยปัญญา เที่ยวพึ่งพา สิ่งศักดิ์สิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ สานความเขลา
รูปธาตุ อรูปธาตุ หลอกมัวเมา
ลวงหลงเงา เอาความเชื่อ เหนือปัญญา
แข่งไขว่คว้า ได้บุญมา หนุนกอดนอน
กราบไหว้วอน สิ่งอภินิหาร ค้านปัญญา
โถโลกนี้ จึงมากมี พวกคนบ้า
กิเลสตัณหา พาเป็นทาส ไปจนตาย
From Anatta, Sunyata and Tathata.
(กามธาตุ= การตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะ
ความอยากสารพัด
รูปธาตุ= การตกเป็นทาสบ้าหลงใหลคลั่งไคล้พวกวัตถุ
และรูปลักษณ์ อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์,
ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ได้
อรูปธาตุ= การตกเป็นทาสหลงใหล สิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง
,อุปาทาน ,ความเชื่อผิดๆ สิ่งงมงาย สิ่งอวิชชา
สิ่งปรุงแต่ง กุขึ้นมา สิ่งไสยศาสตร์ เช่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เครื่องลางของขลัง พวกพิธีสงฆ์ สวดมนต์สวดคาถา,น้ำมนต์สายสิญจน์ การเจิม ผ้ายันต์ พระเครื่อง สิ่ง ครอบงำถูกเสี้ยมสอนมา
เช่น เวรกรรม กรรมเก่า อยู่ใต้กรรม เป็นไปตามกรรม
บุญ ชาติหน้า สวรรค์ นรก ผีวิญญาณ กลับชาติมาเกิด
การ บ้าสร้างพระพุทธรูป วัตถุ รูปบูชา เจดีย์ โบสถ์วัดวิหาร
สวยหรูเป็นวิมาน ตามกิเลสตัณหาของพวกพระ
พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "บุญ" เป็นภาษาสันสกฤต เป็นกิเลส
เพราะหมายความว่า "หัวใจบวม พอง ฟู ขึ้นมา เพราะ
สิ่งที่ตน คาดหวัง สิ่งที่คนอยากได้ สิ่งที่ตนปรารถนา
สิ่งที่ตนคิดว่าได้แล้ว " จึงเป็นกิเลสความอยาก
ผิด กับความหมายของภาษาบาลี ว่าเป็นสิ่งดี จะนำ สิ่งดีดีมาให้ตอบสนอง ในชาตินี้และชาติหน้า ,ส่วนสมองที่ทำให้คนโง่งมงาย ไม่เป็นตัวของตัวเอง คือ Ventromedial Prefrontal Cortex, Pareidolia, Amygdala ส่วน Neocortex ทำให้คนหลอกลวง โกหกเก่ง แม้กับตัวเองยังได้ )
เคยคิดจะไปอินเดียอยู่เหมือนกันพี่บ่าว...ไปกับทางวัดเขาจัดทัวร์ไปตามรอยสถานที่สําคัญทางพุทธศาสนา พวกสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ราคาคุ้มอยู่.
ราคาทัวร์อินเดียไม่แพง ได้เปิดโลกหลายๆอย่าง ฝึกความอดทน เหมือนได้มาเข้าค่ายลูกเสือ ผมมาคนเดียวต้องแก้ปัญหา สถานการณ์ทุกอย่างที่เจอ โหดจัดอินเดีย
*บุญใดใด ไม่มีจริง ดั่งเพ้อฝัน
นรกสวรรค์ และชาติหน้า หามีไม่
ล้วนมายา นำมาปรุง แต่งจิตใจ
เกิดดับไป ในความว่าง เปล่าทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Tathata.
ชอบและติดตามอยู่ประจำ แต่ในคลิปนี้ขอคอมเม้นท์หน่อยนะว่า ไปในสถานที่ชาวพุทธศรัทธาควรแต่งกายให้สุภาพเพื่อเคารพต่อสถานที่ ควรจะใส่เสื้อให้ปกคลุมรอยสักเสียหน่อย (หรือจะตัดภาพออกให้มีเฉพาะเสียงก็ได้นะ) ภาพที่ออกมาจะไม่ขัดตาคนดู ขออภัยนะถ้าจะพูดตรงๆซึ่งอาจไม่ถูกใจ
@@chamlongsamothai8553 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ ต่อไปจะแต่งกายให้เรียบร้อยกว่านี้
@@nookvlog2949
ขอบคุณที่รับฟังครับ ที่เม้นท์มานี้ก็เฉพาะสถานที่แสวงบุญ ส่วนที่อื่นๆก็ตามสะดวกเลยนะ ผมยังคงเป็นเอฟซีที่ติดตามผลงานอยู่เสมอครับ
@@nookvlog2949ระวังลัทธิ อิสลาม ด้วยนะล่าสุดเมื่อเช้า วางระเบิดยิงระเบิด ใส่แรงงานคนไทยที่ สงขลา ที่สร้างเจ้าแม่กวนอิม
ผมก็นึกไม่ถึงว่าคุณจะใส่ชุดนี้ไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ สำนึกดีนะครับ
*พุทธองค์ สอนอย่าหลง มายาคติ
อย่าอุตริ สิ่งงมงาย ตายปัญญา
พุทธองค์ ทรงพ้นเหนือ ศาสนา
สอนปัญญา จิตอิสรา จากทั้งปวง
From Anatta, Sunyata and Anantakarn
*ความตายนั้น มันไม่มี จริงดั่งว่า
อนัตตา สุญญตา มาสอนไว้
เซลล์อินทรีย์ หมดหน้าที่ สลายไป
ชีพใดใด ล้วนไม่มี ตัวตนจริง
สรรพสิ่ง วิ่งไปสู่ ความว่างเปล่า
ชีพชั่วคราว แก่นสารใด ก็ไม่มี
อย่างมงาย ได้หลงเชื่อ วิญญาณผี
เป็นธุลี ที่ปลายทาง ว่างเปล่า,กลวง
From Anatta, Sunyata and Tathata.
ขอให้ชาวพุทธไทยเข้าใจใส่กลาห้วเอาไว้ดว้ยว่าอินเดียไม่ใช้เมืองพุทธตามที่คนไทยส่วนมากเข้าใจกัน
คนไทยพุทธอยากไปอินเดียกราบพระพุทธเจ้า ต้องหาเงินไปเอง แต่อิสลาม จะไปกราบหินดำที่ซาอุ รัฐบาลแจกเงินค่าเครื่องบินค่ากินค่าโรงแรมให้ ต่อหัว3แสนบาท รวม300ล้านต่อปี คิดดู แถมฆ่าคนพุทธในยะลา ปัตตานี นราธิวาส
บ้านน้าอยู่ที่กระบี่ใช่ไหมครับ
อยู่กระบี่ครับผม
@nookvlog2949 ออคับไกลกับบ้านผมคับ
พระนอกรีตยุคสมัยนี้(พระเกํ😂😂
พระเก๊อินเดียมีเยอะครับ
เขาแห่ผ้าขึ้นธาตุไหมครับน้า
ไม่น่าจะมีครับ ส่วนใหญ่มาสวดมนต์ ทำพิธีของแต่ละประเทศ
ผมพอกลับมาจากภูเก็ตแต่วานนิคับน้า มีแม่ชีกันหม่ายที่น้าเข้าไปอ่ะคับ
แม่ชีมีเยอะมากครับจากหลายๆประเทศ
*เรื่องเวรกรรม เรื่องกรรมเก่า เต่าไม่เชื่อ
ไดโนเสาร์เบื่อ คนโง่เขลา เบาปัญญา
ในโลกนี้ ไยมากมี พวกคนบ้า
บอดปัญญา หาได้ถึง พระพุทธองค์
ถ้าลุ่มหลง จงใจขัด กับธรรมชาติ
วิปลาส ขัดวิทยาศาสตร์ ประหลาดนัก
ไม่มองตน จนแก่ตาย ไม่ตระหนัก
ว่าหลงรัก จมปลักอยู่ ยุคมืดมัว
(พระพุทธองค์= เนื้อหาสาระ ที่พระพุทธองค์
ทรงสอนมากที่สุด เป็นปัญญา ความรู้อันไปถึง
ที่สุดแล้วของ เอกภพ คืออะไรเล่า ????
ทำไมครอบคลุมเหนือโลกและเอกภพได้???
ถ้าตอบไม่ได้ อย่าได้มาอ้างเป็นชาวพุทธ เลย
หรือถ้าตอบแบบหนังแขกตบตาเก่ง คือ มีอภินิหาร
ความวิเศษ ปาฏิหารย์ มหัศจรรย์ ความศักดิ์สิทธิ์
อิทธิฤทธิ์ ล้วนแล้วงมงาย, เนื้อหาคำสอนของ
พระพุทธองค์ ล้วนเกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการธรรมชาติตั้งแต่กำเนิดของธรรมชาติ ทั้งสิ้น ทรงสอนให้เป็น นักธรรมชาติวิทยา นักวิทยาศาสตร์ ทั้ง นั้น ดังนั้นถ้าสิ่งใด
ไปขัดกับอนัตตา สุญญตา ธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ย่อมมิใช่คำสอนของพระพุทธองค์ )
From Anatta, Sunyata and Tathata.
พี่ไม่ใส่แมสเหรอครับ ข่าวเพิ่งออกว่าอินเดียกับปากี ฝุ่นสีม่วงแล้วนะ ตายได้ตายนะ😅
ฝุ่นเยอะคือนิวเดลีกับมุมใบ ถึงเดลีได้วันสองวันป่วยเลยครับ
@@nookvlog2949โอเคครับ รักษาสุขภาพด้วยครับ
*กามธาตุ รูปธาตุ ระบาดทั่ว
แข่งเมามัว อรูปธาตุ ขาดไม่ได้
ตัณหากิเลส ผลอาเพศ ความงมงาย
คนมากมาย ติดคุกใต้ โลกมายา
พวกคนบ้า บนโลกนี้ จึงมีมาก
ไม่กระดาก ทุกข์วิบาก ทาสขันธ์ห้า
บำเรอใคร่ ให้กาย,ใจ จมูก,หู,ตา
เป็นทาสา ของปากตน จนเกิดภัย
แข่งหลงใหล ใคร่เป็นทาส ของวัตถุ
มุทะลุ ทาสรูปลักษณ์ ตระหนักไหม
กามธาตุ อรูปธาตุ ครอบงำใจ
โลกทั่วไป ไม่มียุค ปราชญ์ได้เลย
(กามธาตุ=ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหาราคะความอยากสารพัด
รูปธาตุ= ตกเป็นทาส บ้าหลงใหลคลั่งไคล้วัตถุและรูปลักษณ์ ,อยู่ใต้อำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ,ไม่สามารถอยู่เหนืออำนาจของวัตถุและรูปลักษณ์ ได้
อรูปธาตุ= ตกเป็นทาสของ สิ่งไม่มีตัวตนอยู่จริง สิ่งงมงาย
สิ่งสมมุติปรุงแต่ง กุขึ้นมา และเป็นทาสของมัน พวกไสยศาสตร์ (ศาสตร์ แห่งการหลับใหลไม่สามารถตื่นขึ้นมาทางปัญญาได้ ),ปมอวิชชา ,เทวนิยม,ผีวิญญาณ,.สิ่งเพ้อเจ้อเพ้อฝัน เช่นชาติหน้า บ้าบุญ ซึ่งเป็นกิเลส,สวรรค์,นรก,
สิ่งอภินิหาร,ปาฏิหาริย์ มหัศจรรย์ อิทธิฤทธิ์ วิเศษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แสวงหาผลประโยชน์ ทางพาณิชย์,
ขันธ์ห้า= ปาก ,ตา,หู,จมูก,กายใจ ซึ่งล้วนแล้วมีความอยากทางกิเลสตัณหา ราคะอุปาทานความโลภมาก )
From Anatta, Sunyata and Anantakarn.
แตกต่างเพียงรูปลักษณ์แต่ภายในคือพุทธะ
มาจากหลักคำสอนองค์เดียวกัน พระพุทธเจ้า ทุกคนมาด้วยแรงศรัทธาครับ