มหาวิทยาลัยเชียงใหม่-ฟ้อนเมืองก๋ายลาย
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2024
- โครงการสานสัมพันธ์มิตรภาพไทย - ลาว ครั้งที่ 15
วันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2561
ณ มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา
ชื่อชุดการแสดง ฟ้อนเมืองก๋ายลาย แสดงโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ควบคุมและฝึกซ้อมการแสดง
1.รองศาสตราจารย์ทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล
รายละเอียดการแสดง
ฟ้อนเมืองกลายลาย มักเรียกสั้นๆ ว่า “ฟ้อนกลายลาย” หรือ “ฟ้อนลาย” เป็นฟ้อนที่ชมรมพื้นบ้านล้านนา สโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ไปสืบทอดจากแม่ครูที่บ้านแสนตอง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นต้นมา เป็นการฟ้อนแบบโบราณที่ปรับมาจากการฟ้อนเชิงของผู้ชาย แม่หม่อนดีพร้อมกับเพื่อนๆ ผู้หญิง เป็นรุ่นแรกที่ได้รับการปรับจากฟ้อนเชิงของคุณตาเป็นฟ้อนของผู้หญิง โดยคุณตาผู้มีบรรพบุรุษเป็นไทลื้อและไทใหญ่อพยพจากเมืองต่วน เมืองหาง นครเชียงตุง (ปัจจุบันอยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า) มาอยู่เมืองเชียงของ(อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย) ต่อมาเคลื่อนย้ายมาอยู่บริเวณเมืองเชียงใหม่(บริเวณอำเภอแม่ริมปัจจุบัน) จนกระทั่งมาอยู่บ้าน แสนตอง เมืองสะเมิง(อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่) คุณตาเป็นครูฟ้อนเชิงจะสอนให้บุตรหลานแต่ไม่มีบุตรหลานที่เป็นผู้ชายจึงได้สอนให้บุตรหลานผู้หญิง โดยเลือกท่าทางที่อ่อนช้อย เช่น บิดบัวบาน เสือลากหาง สาวไหม สอนให้แม่หม่อนดีเคยได้ฟ้อนรับเสด็จรัชกาลที่ ๗ คราวเสด็จเลียบมณฑลพายัพเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ แม่ครูฟ้อนกลายลายของชมรมพื้นบ้านล้านนาในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ ๖ คือ แม่ครูบัวเร็ว เวชสุคำ และแม่ครูบัวคำ อินเสาร์ เรียนจากแม่หม่อนดี แม่หม่อนก๋องแก้ว และแม่เตรียมตา วงศ์วาน โดยความหมาย “กลาย” (ออกเสียง “ก๋าย”) แปลว่าเปลี่ยนไปหรือผ่านไป ฟ้อนเมืองกลายลายนิยมใช้ฟ้อนในประเพณีแห่ครัวทาน ผู้แสดงจะฟ้อนประกอบวงกลองมองเซิงแบบของชาวไทใหญ่ โดย“มอง” แปลว่า “ฆ้อง” และ “เซิง” แปลว่า “ชุด” วงกลองมองเซิงประกอบด้วย กลองมองเซิง ฉาบและฆ้องหลายใบตั้งแต่ขนาดเล็กถึงใหญ่ ส่วนการแต่งกายของฟ้อนเมืองกลายลายทางชมรมพื้นบ้านล้านนาจะแต่งกายแบบหญิงสาวชาวไทลื้อ หรือชุดผ้าเมือง ท่าฟ้อนเมืองกลายลายดั้งเดิมมีจำนวน ๒๐ แม่ลาย ไม่มีการกำหนดเรียงลำดับท่าก่อนหลังตายตัวขึ้นอยู่กับผู้ฟ้อน และบางท่าแม่ครูก็ลืมชื่อเรียกจึงเรียกตามลักษณะการฟ้อน ทางชมรมพื้นบ้านล้านนาจึงตั้งชื่อเรียกแม่ท่าบางท่าที่ไม่มีชื่อขึ้นใหม่เพื่อสะดวกต่อการเข้าใจและฝึกซ้อม ส่วนบางท่าที่ไม่มีชื่อทางชมรมพื้นบ้านล้านนาได้ตั้งชื่อขึ้นใหม่และเรียงลำดับใหม่ ๒๐ ท่า คือ (๑) ไหว้ (๒) บิดบัวบาน (๓) เสือลากหาง (๔) แทงบ้วง (๕) กาตากปีก (๖) ใต้ศอก (๗) ไล่ศอก (๘) จีบข้างเอวหมุน (๙) บัวบานคว่ำหงาย (๑๐) ยกเอวสูง (๑๑) แลกลาย(เต็กลาย) (๑๒) ใต้ศอกนั่ง - ยืน (๑๓) แลกลาย(เต็กลาย) (๑๔) ยกเอวต่ำ (๑๕) บัวบานคว่ำหงาย (๑๖) ม้วนไหมเข่า (๑๗) ใต้ศอกนั่งลง (๑๘) ตวัดเกล้า (๑๙) ใต้ศอกลุก (๒๐) ไหว้
มีอยู่ช่วงหนึ่ง (เชียงทองของลาว ) #อยู่ในอาณาจักรล้านนา และ ล้านช้าง # กล่าวคือถูกควบทั้งสองอาณาจักรไว้ ยุค สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ครับ ตามหลักฐาน ประวัติศาสตร์ ของเมืองเชียงใหม่
ไม่ค่อยได้เห็นคนรำแบบเต็มๆเท่าไร
เพราะกล้องเอาแต่ตัดไป ตัดมา นักดนตรีทีนึง หลังของนางรำทีนึง พอจะได้เห็นนางรำก็เห็นครึ่งตัว
หล่อจังเป่าปี่
ฟ้อนงามแต๊ๆจ้าว กึ๊ดเติงหาอาณาจักรลานนา บ้านเกิดของเฮาแต๊ๆ จ้าว / Far away from home..Pennsylvania, The USA.
นี้แหละฟ้อนลื้อดั้งเดิม
ขับลื้อ และการแสดงของ พี่น้องไตยโหลง
ใช้ครับมาจากอีกที่12ผันนนาด้วยทั้งสองที่
_+_ เริศจ้า สวยงามมาก
งามมม
ต้องปรับปรุงดนตรี อย่างนี้ทำให้ไม่เร้าใจคนดูคนฟัง
ต้องการเร้าใจแบบไหนครับอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยครับ
ดนตรีจืดชืด ไม่ดึงดูด เร้าใจ 😎
เล่นได้อย่างเขาไหมครับ
ขนาดนี้ยังว่าจืดชืดอีกเหรอครับ
มีอคติ มีความในใจ หรือมีความอิจฉา อะไรเป็นการส่วนตัวไหมครับ
เล่นอย่างอารยะครับ โม่น อก โม่น ใจ๋ ม่วนตามฮีต😀