AYO_VICHAI เมื่อ 2019 เป็นปีแห่งความฉุนเฉียวของ วิชัย มาตกุล
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 21 พ.ย. 2024
- เป็นที่รู้กันในหมู่แฟนหนังสือว่า วิชัย เป็นเจ้าของแมว 3 ตัว ภรรยา 1 คน และลูกชาย 1 คน
แต่ปีนี้วิชัยมีภาระทางการงานเพิ่มขึ้นมาก จากการที่ดูแลแผนก Salmon House อยู่ดีๆ ก็เพิ่มเติมแผนก Salmon LAB. และ Salmon Podcast ขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด พอการงานเพิ่ม ความสับสนอลหม่านก็เพิ่มขึ้นมาก ปัญหาจากเมื่อปีกลายเป็นชนวนให้ปีนี้กลายเป็นปีแห่งความโมโหโทโสของวิชัย
ไปฟังกันว่าเขารับมือกับมันอย่างไร และเรียนรู้ที่จะจัดการกับความหงุดหงิดแบบไหนกัน
1. ปีที่น่าโมโห
ปีนี้เราโมโหทั้งปีเลยอะ เป็นปีที่โมโห ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ถูกใจ ซึ่งมันเป็นผลมาจากปีที่แล้ว (2018) สำหรับเราปีนี้เป็นปีซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ อาจต้องการเวลาอีกปีก็ได้ เป็นปีที่ต้องเยียวยาสิ่งที่พังไปในปี 2018 ที่โหดร้ายมาก
เราพบว่าปีนี้ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเปรียบว่าปีที่แล้วน้ำท่วม ปีนี้เรายังไม่ได้ทำความสะอาดบ้านเลย เป็นปีที่ไม่ปรานีปราศัยกับเราเท่าไหร่
เป็นปีที่คอนเฟิร์มแนวคิดของเราว่ามันถูกต้อง ปีที่แล้วเราจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่มีความรู้มาก่อนเลย ซึ่งพอเรามองย้อนกลับไปในชีวิตเรา ตั้งแต่ออกจากงานโรงแรม ทุกงานเป็นงานที่เราไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย ตั้งแต่ไปทำงานเอเจนซีโฆษณาก็ไม่มีความรู้เรื่องโฆษณาเลย ไปช่วยทำบทภาพยนตร์ก็ไม่มีความรู้เรื่องบทภาพยนตร์เลย ออกจากงานไปเขียนหนังสืออยู่บ้าน ก็ไม่มีความรู้เรื่องการเป็นฟรีแลนซ์เลย จุดเปลี่ยนใหญ่ที่สุดของเราคือการมาทำโปรดักชั่นเฮาส์นี่แหละ ซึ่งเราก็ไม่รู้อะไรเลยว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร
ปีที่แล้วเราก็ถูก assign ให้ทำสิ่งที่ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง แต่สถานการณ์มันทำให้เราต้องทำมันให้ได้ สิ่งที่เราเรียนรู้ 2 อย่างใหญ่ๆ เลยคือ หนึ่ง ถ้าต้องทำสิ่งที่เราไม่มีความรู้เลย ให้เริ่มจากการทำสิ่งที่เราไม่ชอบและไม่อยากทำก่อน เพราะสิ่งที่เราทำมันมีคนอื่นทำมาก่อนแล้วแน่ๆ ล่ะ ถ้าเรามองแล้วเรารู้ว่าเราไม่ชอบอะไรในงานเหล่านั้น เราก็แค่ไม่ทำมัน และสอง ถ้าคุณไม่รู้ว่าเราไม่ชอบอะไรในสิ่งนั้น ให้เริ่มจากการทำสิ่งที่คุณชอบในงานนั้น โดยที่ไม่ต้องสนใจว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ได้ แล้วทุกอย่างจะโอเค
กระทั่งการทำสถานีพอดแคสต์ ก็ทำจากแนวคิดเหล่านี้แหละ มันเลยต้องชวนโจ้มาทำ ชวนเกมมาทำ เกิดจากการคิดว่าถ้าจะทำสถานีพอดแคสต์เราต้องการตำแหน่งเหล่านี้ คนเหล่านี้ และเราจะไม่ซัฟเฟอร์กับมัน เหมือนเราพายเรือออกทะเลไปอะ แล้วอย่างน้อยประชากรบนเรือมันก็ทำให้เราเอ็นจอยได้ ถ้าวันหนึ่งเรือจม เราก็ยังเอ็นจอยกับมันอยู่ แค่เรือมันจมอะ ช่วยไม่ได้ ดีกว่าทุกคนบนเรือแม่งเกลียดกัน แล้วทุกคนฆ่ากัน แล้วเรือก็จม ตาย
2. ปีนี้เสพสื่อเอาแต่ใจมาก
ปีนี้แม่งไม่มีอะไรดีๆ จะเล่าให้ฟังเลย ปีนี้เราเลือกเสพสื่อมากๆ คือเราเคยเชื่อนะว่าทำงานสื่อเราต้องเสพสื่อเยอะๆ ควรอ่าน ควรรู้ว่าเขาคิดแบบนี้ได้ คิดแบบนั้นได้นะ แต่พอเรามีสารตั้งต้นว่าจุดเดือดเราต่ำมาก เราพบว่าเราไม่สามารถเสพสื่อได้ทุกอย่างว่ะ เพราะเราไม่สามารถทำให้อารมณ์เราเสถียรได้อย่างปีก่อนๆ ปีนี้เราเลย hide all เรียบเลย กลายเป็นว่าหน้าวอลล์เรามีแต่ meme โง่ๆ แล้วอะ แต่เราพบว่ามันดีนะ เราควรเก็บอารมณ์สะเทือนใจมาดีลกับลูกค้าดีกว่า
เรื่องโลกแคบไม่แคบ เราเลือกให้ตัวเองไม่หงุดหงิดดีกว่า
อีกอย่างที่เรียนรู้จากปีนี้ที่เราว่าเป็นบทเรียนสำคัญมากที่สุดของวัยทำงานคือ คนทุกคนต้องรู้หน้าที่และรู้จุดตำแหน่งที่ยืนของตัวเองนะ เราพบว่ามีคนทำงานหลายคนที่เจอแล้วเขาไม่มีความสุข เพราะเขายืนผิดจุด
บางคนคิดว่าตัวเองเป็นกองหน้า แต่จริงๆ มึงเป็นกองหลังเว้ย แต่พอมึงไปยืนกองหน้า มันเลยทำให้มึงไม่มีความสุขไง เพราะมึงยิงไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้ต้องใช้เวลานานมากในการเข้าใจว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ที่ของมึง มันก็ต้องเจ็บปวดนิดนึงนะ ที่ต้องยอมรับมัน
หรือบางคนไม่ใช่นักเตะด้วยซ้ำ คุณอาจเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำก็ได้นะ ซึ่งคุณอาจจะเสิร์ฟน้ำเร็วมาก เก่งมากก็ได้นะ แต่ทุกคนอยากเป็นเมสซีไง มันยอมรับยากนะ แต่พอยอมรับได้แล้วมันมีความสุขขึ้นมากนะ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยนะ บางวันกูอาจจะต้องเป็น Creative Director คิดงานอยู่เบื้องหลัง แต่บางวันกูก็ต้องไปเป็นทหารเลวให้เขายิงตาย ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับ role ในวันนั้น ซึ่งถ้าทุกคนเข้าใจสิ่งนี้นะ ทุกคนจะแฮปปี้
หลังๆ เราเลยใช้วิธีนี้กับคนอื่น ด้วยการยัดหน้าที่ให้เขาโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้เขามีความสุข เรามองว่าหน้าที่นี้เหมาะกับมึง เราก็จะส่งให้ แล้วมึงจงทำ และมึงจะมีความสุข และถ้ามึงทำพลาด กูผิด เพราะกูดันเป็นคนเลือกให้มึงทำ
เราค้นพบในช่วงปีสองปีนี้ ว่าทุกคนต้องการความเป็นคนสำคัญใน role นั้นๆ และทุกคนต้องไม่ได้รับความสำคัญนอกเหนือจาก role นั้น
3. สายตายาว
ปีนี้สายตายาวและสายตาสั้นพร้อมกัน เราเคยคิดว่าสายตาสั้นแล้วพอแก่ตัวไปสายตายาวมันจะหักล้างกัน กลายเป็นศูนย์ มันไม่ใช่เว้ย สายตาสั้นคือใกล้ๆ เห็น ไกลๆ ไม่เห็น ส่วนสายตายาวคือไกลๆ เห็น แต่ใกล้ๆ ไม่เห็น พอเราสายตาสั้นและยาวพร้อมกันเนี่ย คือไกลๆ ก็ไม่เห็น ใกล้ๆ ก็ไม่เห็น มันจะมีระยะห่างช่วงนึงอะ ที่เรามองเห็นชัด ซึ่งไอ้ระยะเชี่ยเนี่ย คือระยะเอื้อมมือสักครึ่งนึงอะ แม่งเมื่อยไง
ดังนั้นวิธีแก้คือ ถ้าจะใส่แว่นมึงต้องเอื้อมมึอ ถ้าไม่อยากเอื้อมมือ มึงต้องถอดแว่นแล้วมาดูใกล้ๆ แบบคนแก่ไม่เท่อะ ซึ่งมีช่วงนึงที่กูทำแบบนั้นโดยอัตโนมัติ เพราะมันสะดวกเว้ย สิ่งที่แย่คืออ่านฉลากไม่เห็น แล้วตัวหนังสือเล็กใหญ่ก็ระยะโฟกัสไม่เท่ากัน ต้องหา แล้วตอนหาก็ไม่เท่อีก
อีกทางคือไปตัดโปรเกรสซีฟเลนส์ ซึ่งก็ช่วยประมาณนึงแต่ไม่ได้ช่วยขนาดนั้น
#SalmonPodcast #AnotherYearOld #SalmonHouse #วิชัย
รู้สึกอาการปีนี้เหมือนวิชัยเลย จนสงสัยขึ้นมาว่า ไอ้อาการที่เหมือนซึมเศร้า แต่เปลี่ยนซึมเศร้าเป็นหงุดหงิดแทน มันเรียกว่าอะไรเนี่ย
พี่วิชัยยยยย อยากอ่านหนังสือใหม่แล้วค่า;____;