9 เทรนด์อิมแพ็กต์งาน 2024 ปริญญาไร้ความหมาย? | Executive Espresso EP.496
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 8 พ.ค. 2024
- ความไวของเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ ปรากฏการณ์โลกร้อนสู่โลกรวน ตลอดจนปัญหาขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทุกอย่างล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์ทำงาน’
ปี 2024 ที่ทุกปัญหาถาโถมอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม คนทำงานควรปรับตัวอย่างไร? แล้วองค์กรที่พร้อมต่อการรับมือโลกอนาคตจะต้องมีหน้าตาแบบไหน?
ติดตามบทสรุปจาก Harvard Business Review ถึง 9 เทรนด์ที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานในอนาคต หรือโลกที่ปริญญากำลังมีความหมายน้อยลงทุกขณะ ได้ใน Executive Espresso เอพิโสดนี้
00:00 เริ่มรายการ
01:18 เกริ่นนำ
03:25 สวัสดิการต้องมีความคิดสร้างสรรค์
11:11 AI จะสร้างโอกาส ไม่ใช่ลดทอนคนทำงาน
12:49 การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จะกลายเป็นเรื่องปกติ
15:50 ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งคือสิ่งสำคัญ
18:21 บทเรียนราคาแพงจาก Gen AI
20:52 ทักษะสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา
24:47 สวัสดิการใหม่ในยุคโลกรวน
26:43 การบูรณาการหลักการ DEI ในองค์กร
28:46 เส้นทางอาชีพยุคใหม่ ทลายกรอบคิดเดิม รับมือความเปลี่ยนแปลง
36:11 3 คำถามสำคัญ ปรับองค์กรสู่ยุคใหม่
________________
สั่งซื้อหนังสือ The Invisible Leader : ผู้นำล่องหน bit.ly/buytssbook
________________
จอย Membership ของช่อง กดที่ปุ่ม Join หรือ กดลิงก์ / @thesecretsauceth
________________
กดติดตาม และ กดกระดิ่ง bit.ly/42rTOnw
ติดตาม The Secret Sauce ในช่องทางอื่นๆ
Spotify bit.ly/tssspotify
Apple Podcasts bit.ly/tssapple
Google Podcasts bit.ly/tssggpod
PodBean bit.ly/tsspodbean
Website bit.ly/webtss
Facebook / thesecretsauceth
Facebook Group / 643054436428079
#TheSecretSauce #ธุรกิจ #ExecutiveEspresso #HarvardBusinessReview #งาน #การทำงาน #ปริญญา #ใบปริญญา - แนวปฏิบัติและการใช้ชีวิต
01:18 เกริ่นนำ
03:25 สวัสดิการต้องมีความคิดสร้างสรรค์
11:11 AI จะสร้างโอกาส ไม่ใช่ลดทอนคนทำงาน
12:49 การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จะกลายเป็นเรื่องปกติ
15:50 ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้งคือสิ่งสำคัญ
18:21 บทเรียนราคาแพงจาก Gen AI
20:52 ทักษะสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา
24:47 สวัสดิการใหม่ในยุคโลกรวน
26:43 การบูรณาการหลักการ DEI ในองค์กร
28:46 เส้นทางอาชีพยุคใหม่ ทลายกรอบคิดเดิม รับมือความเปลี่ยนแปลง
36:11 3 คำถามสำคัญ ปรับองค์กรสู่ยุคใหม่
ยอดเยี่ยมมากครับ...
ขอแค่ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ หยุด 2 วันให้หมดทุกที่ก็ดีใจแล้ว ทุกวันนี้ทำ 6 หยุด 1 เกือบทุกที่ ถอยหลังลากลงเหวไปเลยจะ
เลิกทำงานผ่าน Line ให้ได้ และเคารพเวลาส่วนตัว ไม่คุยงานนอกเวลางาน ขอแค่นั้นก็หรูมากๆสำหรับคนไทย
งั้นเวลาทำงานก็อย่าคุยเรื่องอื่นนะ และต้องมาให้ตรงเวลาด้วย
@@ppeak-jm6nxก็คือจะประชดประชันกันไปกันมา ไม่ต้องมีการพัฒนาใดๆทั้งนั้น
@@Onistuka ประชดอะไร มันคือสิ่งต้องแลกต่างหากขอให้อย่าคุยนอกเวลางาน แต่เวลางานคุยนอกเรื่องมันใช้ได้ที่ไหน จะขอให้เคารพเวลาส่วนตัวแต่ไม่เคารพเวลางานมาส่ายไม่มีที่ไหนทำกัน
@@ppeak-jm6nx ทำได้ไม่ยากครับ ถ้าทุกฝ่ายเคารพเวลากันและกัน และไม่ละเมิดขอบเขตแบบไม่มีลิมิตแบบทุกวันนี้ ต่างประเทศเขามองเรื่องนี้ผิดปกติมากๆ เขาทำเท่าที่จ่าย ไม่ใช่ทำงานบุพเฟ่ห์แบบไทยๆ
@@ppeak-jm6nxเสร่อ ในหัวมีแค่นี้?
ที่ทำงานผม หัวหน้างาน จบสายตรง อายุราชการ25+ ปี แต่ไม่ทำงาน ทำงานไม่เป็น ไม่แก้ปัญหาอะไรเลย เวลามีปัญหาไม่เคยยอมรับผิดหรือมีหน่วยงานข้างนอกมาตรวจสอบศึกษาดูงานอะไรก็แล้วแต่ โยนให้ลูกน้องรับหน้าหมด สิ้นเดือนรอรับเงินอย่างเดียว กลายเป็นว่าทุกวันนี้ทำงานอยู่ได้เพราะลูกน้องเป็นคนแบก
ผมเป็นคนนึงที่ทำงานในบริษัท ตัวเองก็ทำไม่ได้ตรงสายมาก เพราะ สมัยนั้นไม่มีเรียนตรงสาย
ความเห็นส่วนตัว
1. เรื่องการเรียนไม่จำเป็นต้องตรงสาย อันนี้เห็นด้วย แต่ควรมีความกระตือรือร้น สนใจในงานที่ตัวเองทำ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่
2. เรื่องการทำงาน ผมทำงานได้โดยที่ไม่ต้องมีใครมามอนิเตอร์ เลยทำงานจากบ้านก็เยอะ แต่ถ้าเขาอยากเห็นหน้าก็ไปหา / จริงๆ บริษัท ก็ให้คนกลับไปทำงานออฟฟิศกันแล้ว แต่ผมรู้สึกว่า ไม่ได้ทำให้ผมทำงานได้ไวขึ้น หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมเลยคุยกับหัวหน้า ก็ไปตามเขาร้องขอ ผมเข้าใจเรื่องที่ระดับบริหารเขาอยากให้พนักงานเข้าทำงาน เพราะ ตามทฤษฎีที่แนวทางบริหารเรียนกันมา การบริหารต้องดูเรื่องของลักษณะร่างกาย ท่าทาง และ ปฏิสัมพันธ์ แบบ face to face และ อื่นๆ คงจะเปลี่ยนยากในไทย
3. เนื่องจากผมทำงานสายวิศวกรรม AI เข้ามาช่วยได้ในระดับนึง แต่แค่ระดับช่วยเหลือ เพราะ งานวิศวกรรมที่ผมทำมันต้องใช้ experience และสมองเป็นกลไกในการคิดประมวลผล อยากให้ AI ทำอะไรได้มากกว่านี้เหมือนกัน แต่คงต้องรอให้วิวัฒนาการก้าวหน้ากว่านี้
4. ตอนนี้บริษัทในไทย ไม่ค่อยเป็นแนวสร้างนวัตกรรม ส่วนใหญ่เป็นแนว user application มีการใช้นวัตกรรม แต่เป็นแค่การใช้ ไม่ใช่การคิดค้นเครื่องมือที่มีนวัตกรรมมาใช้ องค์ความรู้มันไม่แน่น ต้องพยายามผลักดันให้เราสามารถสร้างสรรค์ของต่างๆขึ้นมาใช้ได้เองบ้าง เหมือนดั่งประเทศที่พัฒนาแล้ว ไม่นั้นเราก็จะมี gap ของความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อย และ ประเทศก็ย่ำอยู่กับที่ อาจมีเงิน แต่ไม่เจริญ เป็นผู้ใช้ตลอดไป อันนี้ต้องให้รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์เข้ามาแก้ไข
5. เราต้องเลือกปรับให้เข้าสภาพกับสังคมไทย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเดินตามให้เท่าทันเทรนด์โลกครับ คนเราจำเป็นต้องตามยุคสมัยให้ทัน ไม่นั้นชีวิตจะลำบาก
ไม่ใช่ปริญญาไม่จำเป็น แต่การศึกษาไทยต้องปรับหลักสูตรให้ตรงไปตรงมา ให้ตรงกับชีวิต
เด็กไทยสมัยนี้ส่วนใหญ่จบต่ำจบสูงสกิลการเรียนรู้ต่ำมาก ปัจจัยเยอะมากทั้งวัฒนธรรมเราเอง ระบบการศึกษา ปัจจัยสมัยใหม่ที่ดึงดูดความสนใจ
เด็กไทยสมัยก่อนคือผู้ใหญ่สมัยนี้แล้วดูสภาพประเทศตอนนี้ ไปว่าเด็กเรียนรู้ต่ำ เขาฉลาดกว่าพวกเราเยอะครับ จากที่รู้จักเด็กหลายๆคนนะ
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ แต่อาจไม่เข้ากับ Old Economy ของประเทศไทยครับ การจะให้องค์กรมาปรับตามนั้น คือ การโละ Business Model ซึ่งหมายถึงทั้ง Supply Chain ที่ถ้าองค์กรไหนปรับไม่ทันก็จะหลุดจากวงจรรวมทั้ง Skill Labor ของไทยก็อาจตามไม่ทัน
โลกกำลังทิ้งไทยไว้ไกลมาก แต่เอาใจช่วยครับ
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คืออยากให้ เห็นค่าความสำคัญของสกิลหรือประสบการณ์ที่มีในบุคคลนั้นบ้าง อาจจะตรงสายงาน ไม่ตรงสายงานแต่ทักษะบางอย่างมันมาจากการฝึกฝนและทำซ้ำๆจนชำนาญ น่าจะมีประโยชน์กับองค์กรนั้นๆ
ต่อให้คุณเก่ง มีประสบการณ์ ถ้าในที่ทำงานมีแบ่งขั้ว ระบบเส้นสาย อุปถัมภ์ ยังไงก็ไม่มีทางเติบโตในสายงาน นอกจากย้ายไปเริ่มต้นใหม่ บางที่ก็อยู่จากเดิม ค่าใช้าจ่ายสูงขึ้น
บริษัท ผมทำงาน 4 วันครับ ทำงานเร็วขึ้นกว่าทำ 6 วันเยอะ
มันอยู่ที่ method ของการทำงาน ถ้ามีเวลา 4 วัน ต้องขวนขวายพยายามทำให้ทัน สุดท้าย พบวิธีใหม่ที่เร็วขึ้น
เวลาที่ทำงานเยอะๆ หมดไปกับการนั่งอึ้ง ถ้ากำจัดเวลานั่งอึ้งไปได้ งานจะเร็วขึ้น หลายเท่า ทุกวงการทำได้หมด ผม วงการสถาปัตย์ ยังทำได้ ทุกคนทำได้
ดีครับ แต่วงการผู้ให้บริการ เช่น รพ. ไม่น่าได้นะครับ
... คงไม่ทุกวงการ แน่ๆ ครับ 😊😊😊
ไม่ว่า จบมาแล้ว จะหางานทำยากแค่ไหน หางานลำบากมากแค่ไหน แต่อยากจะบอกว่า ไม่ว่ายังไง เราควรจะเรียนให้จบให้ได้💪 เชื่อเถอะไม่มีวุฒิ ชีวิตลำบากกว่าเยอะเลย เป็นกำลังใจให้น้องๆที่กำลังเรียนหนังสืออย่างหนักหน่วงฮะ🙏💪💪💪
เห็นด้วยจากประสบการณ์ตรงเลยค่ะ ถ้ายังอยู่ประเทศไทย ทำงานกับคนแบบไทยๆ
ถ้าทำงานไม่ตรงสาย ถึงทำงานดีแค่ไหน สุดท้าย นายจ้าง/ ผจก. เขาเอาจุดที่เราจบไม่ตรงสายงานมาอ้างไม่ให้เราขึ้นเงินเดือน
@@j-joypanda3937กรณีนี้คือย้ายงานอัพค่าตัวครับ
วุฒิปริญญายังจำเป็นสำหรับสังคมไทย องค์กรที่รับเข้าทำงานอย่างน้อยก็เป็นเกณฑ์ในการกำหนดเงินเดือนเบื้องต้น
ปริญญานี่ดูเหมือนไม่น่าเชื่อ แต่คือเรื่องจริงเลย
พวกตัวตึงในองค์กรผมจบไม่ตรงสายซักคน
ตอนนี้ก็เริ่มคิดละว่าลองทำอย่างอื่นดูบ้างดีมั้ย
เผื่อจะดีกว่าที่ทำอยู่ หรือเข้ากับเรามากกว่า
จริงค่ะ รู้สึกว่านอกจากสายวิชาชีพ ปริญญาไม่มีผลเลย เรียนรู้ได้หมด
บางสายไม่ได้ บัญชี วิศวะ ยังต้องมี
เอาตามจริง ถ้าตัวตึง 2 คน คนนึงไม่ตรงอีกคนหนึ่งตรง
คนที่ตรงก็ได้เปรียบมากกว่าโดยเฉพาะตอนสมัครงาน
คนจบปริญญาเยอะทุกปี จนงานมีไม่พอรองรับ จึงเป็นที่มาว่าปริญญาไม่มีความหมายเพราะจบมาแล้วยังตกงาน
เทรนด์ต่างๆที่ว่ามานี้คงมีแต่ในบริษัทกทมไหมครับ ตจว.ตลาดแรงงานไม่มีทางเลือกอะไรเลย ต่อให้เก่งแค่ไหน แค่สิทธิแรงงานพื้นฐานยังทำไม่ได้เลย ล้าหลังกทมอีกหลายสิบปี 😂 เจริญกระจุกล้าหลังกระจาย อิจฉาเลยครับ555
สมัยนี้ เป็นายตัวเอง สาย content ทั้งนั้น เป็นลุกน้องเขายังไงก็ไม่โต
ผมเป็นโปรแกรมเมอร์ครับ อยู่ ตจว. มีทางเลือกเยอะมาก
เรื่องสื่อสารนี่จำเป็นจริงๆ ยิ่งงานที่กระทบ หัวหน้า และลูกทีมตรงๆ นี่เป็นอะไรที่สำคัญมาก
รับฟัง พูดคุย ลองทำงานด้วยกัน ลองปรึกษาแบบ ตัวต่อตัว หรือทีมต่อตัว feedback แต่ละฝ่าย อาจทำให้เห็นปัญหา หรือแนวทางแก้ที่อยู่ร่วมกันได้ดีขึ้น
หัวหน้าพูดอย่าง ลูกน้องพูดอย่าง ปลายทางงานเสร็จเหมือนกันในเวลาช่วงเดียวกัน แต่วิธีต่างกัน
ชอบมากครับ
ให้ระวังแนวคิดแบบนี้ แนวคิดทำนองนี้มันมีมานานแล้ว(แล้วมันพาคนหลงทางจำนวนมาก)..ยิ่งไม่เรียน ความเหลื่อมล้ำยิ่งห่างกว้างมากขึ้น..ไม่เรียนหนังสือแล้วจะมีรายได้สูง มันยากมากครับ
เขาไม่ได้พูดถึงการไม่เรียนหนังสือครับเเต่เรากำลังคุยเรื่องการเรียนที่ตรงจุด ที่สามารถพัฒนาไปเป็นสกิวส่วนตัวเเละเป็นการเรียนที่ใช้งานได้จริงครับ ในมุมมองของเรื่องนี้เขามองว่าการเรียนที่ได้รับวุฒิมา อาจจะไม่ตรงจุดพอที่เขาต้องการเพราะถึงเวลาเเล้วมันนำมาใช้จริงได้ยาก ตัวมหาลัยหรือสถาบันก็ตามจะต้องมีการปรับหลักสูตรให้เนื้อหาที่ผู้เรียนเรียนนั้น พวกเขาสามารถนำมันไปต่อยอดเเละใช้งานได้จริงเมื่อจบรับวุฒิไปแล้ว
@@babarajodb3029 ผมว่าต้องระวังการนำเสนอแนวๆนี้นะครับ(ประเด็นปริญญาไม่สำคัญ) มีเยอะมาก หลายช่องดังก็มาพูด..คนมีปริญญาทำงานสบายกว่าคนไม่มีเห็นๆเลยง่ะ รายได้ก็สูงกว่าเห็นๆ(แล้วยังมีคนบอกว่าปริญญาไม่สำคัญ)
ตีโจทย์ผิดแล้วคุณพี่ เขาไม่ได้บอกว่าไม่ต้องเรียน เขาหมายถึงการพัฒนาความสามารถต่างหาก
ส่วนตัวคิดว่าต้องมองแยกกันนะครับ university คือองค์ที่ให้ความรู้ ที่หลากหลาย คุณจะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ และที่ชอบ ความหลากหลายในมุมมองต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างมุมมองให้กว้างขึ้น แต่สิ่งที่องค์กรต้องการคือทักษะเฉพาะทางในการทำงาน แต่ทุกครั้งคุณจะได้ยินนักเรียน นักศึกษา ถามก็คือเรียนแล้วเอาไปใช่ทำอะไร ซึ่งคนกลุ่มนี้น่าจะเหมาะกับการเรียนเชิงสายอาชีพมากกว่าดย่างที่คุณกล่าว ดังนั้นผมมองว่า สิ่งที่ทำให้เกิดคำถามที่ว่าปริญญาไร้ความหมายควรย้อนกลับไปว่า ทำไมคนที่จะเรียนถึงยังต้องเรียนในสิ่งที่คิดว่าไม่มีคุณค่า? ค่านิยม? ผลลัพธ์ที่ต้องการ? หรือต้องการปริญญาซึ่งไม่ใช่การสร้างชุดความคิดที่มีความเป็น universal ในสาขาความรู้ที่เราสนใจ? ปล. หัวเรื่องไม่ค่อยเหมาะกับข้อมูลที่กล่าวเท่าไหร่
สำหรับผมที่อายุเพียงแค่17 จะพยายามสนและทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ให้มากขึ้นครับ อนาคตตอนเข้าสู้วัยทำงานจะได้เตรียมความพร้อมได้ดียิ่งขึ้น❤
พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ที่สำคัญที่สุดคือวินัย
เป็นกำลังใจให้นะครับ หวังว่าจะได้ร่วมงานกับ Gen ใหม่ความคิดดีๆแบบนี้ครับ
หาความรู้พวก financial freedom ก็จะดีนะครับ เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ให้เงินทำงานไปพร้อมๆกับเรา
8:40 เห็นประจำผ่านข้อสอบพวก SAT, GED ส่วนมากก็อเมริกันทั้งนั้น มีเด็ดๆเลยคือทำงานไปด้วยบริษัทให้ทุนเรียนไปด้วย จบตามสาขาที่บริษัทต้องการ รับแพคเกจตำแหน่งใหม่ไปเลยจ้าาา 😊
อันนี้ research ต่างประเทศ
ในไทยถ้าทำชีวิตจะกลายเป็น hard mode ทันที ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะกว่ามาก และจะยากมากยิ่งขึ้นถ้าทำงานในบริษัท
23:30 ปตท มี ดร มาชช่วยดู
อยู่ leagues ไหน วิธีในระดับนั้นก็อีกแบบ
/ คนที่จะไปถึงระดับนั้นได้
/ romess
ชอบฟังค่ะ
❤❤❤ขอบคุณครับสำหรับความรู้...ทุกวันนี้ได้ยินข่าวสารแบบนี้ยิ้มออกเลยครับ ดีกว่าข่าวทั่วไป ป่วยจิตป่วยใจจริงๆครับคนทุกวันนี้
เส้นทางมันมีหลากหลาย แต่ปัจจัย บางคน มันไม่เอื้ออำนวย คนเก่งแต่ขาดเครื่องมือ สมัยนี้ทำงานที่บ้านยังได้ ส่งงานผ่านอีเมลล์ เว็บ โปรโทท เขียนโปรเจค ทำเปเปอร์ ฝึกทักษะด้านอื่นๆแบบไม่มีคนคุม ผมมอง มันโคตรจะอิสระในการทำงาน และงานนั้นจะออกมาได้ Perfectly (ถ้าคนไม่พลัดวันประกันพรุ่งน่ะ)
ความเห็นของผมถ้าความต้องการพนักงานที่มีทักษะสูงขึ้นมหาวิทยาลัยอาจจะลดรอบรับตรงและโควต้าลงแล้วเน้นที่พอร์ตฟอลิโอมากขึ้นแน่ๆ
เปลี่ยนไปเยอะจริงครับบบบบ
22:18 ตรงหัวข้อ STAR ผมเข้าใจว่าบทความใช้คำว่า veterans ซึ่งถ้าในบริบทนี้ ควรจะแปลว่า ผู้ที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชนยาวนาน อารมณ์แบบชั่วโมงบินสูง มากกว่านะครับ
ขอพูดในฐานะคนเรียนแค่พอเอาตัวรอด จบมหาวิทยาลัยราชภัฏเกรดเฉลี่ยไม่ถึง 3.00
แถมงานที่ทำไม่ตรงกับสายที่เรียนมาด้วย ยังขอยืนยันอีก 1 เสียงเลยครับว่า
ใบปริญญา สำคัญมากสำหรับผม ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ใช้ แต่การเรียนปริญญาตรีสำหรับผม
มันคือการได้สกิลพาสซีพที่สำคัญ นั่นก็คือสกิลปัญญาชน มันได้คอนเนคชั่น ได้วุฒิภาวะ
ที่คนเรียนไม่จบปริญญา ไม่มีทางเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งมันมีค่าสำหรับผมมาก
Thanks!
ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนและกำลังใจ ทีมงานจะพัฒนาคุณภาพของเนื้อหาและการนำเสนอคอนเทนต์ที่ดีต่อไปครับ 💛
นอกจากความรู้ และประสบการณ์ ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานแล้ว
ความคิดและจิตใจละ(ศีลธรรม จริยธรรม มนุษยธรรม) ยังมีความหมายมั้ย
สวัสดีครับ❤🙏
เราเรียนมาใช้อยู่10กว่าปีย่ำอยู่กับที่ระหว่างนั้นได้ซื้อที่นาไว้หลายแปลงเพื่อเป็นอาชีพสำรองที่จังหวัดปริมณฑลราคาถูกๆเพราะไม่มีคนสนใจซื้อเลย ต่อมาความเจริญถึงและไม่มีเวลาไปทำเกษตรก็เลยขายได้ราคาลืมตาอ้าปากชีวิตดี๊ดี
ดีครับที่เอาเรื่องนี้ยกมาคุย ส่วนตัวผมอยากให้ที่ทำงานเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น พอเข้าใจที่ผมพูดนะครับ ไม่ต้องโยงไปการเมือง ผมพูดถึงประชาธิปไตยในที่ทำงานจริงๆ
บริษัทท็อปเทียร์ไม่มีหรอกครับประชาธิปไตยอะ😂
ไม่เข้าใจ งง
ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ก็ไม่ควรเรียกร้อง ปชต ในที่ทำงาน เพราะคนที่เจ็บหนักสุดคือผู้ถือหุ้น
ส่วนบรรยากาศการทำงานจะดีขึ้นหรือไม่ ขึ้นกับหัวหน้าคุณว่าบริหารจัดการอย่างไร ซึ่งไม่เกี่ยวกับ ปชต.เลย
เราอยู่องค์กรใหญ่ ที่พูดมาเกินครึ่งเห็นเป็นรูปธรรมหมดแล้ว แต่องค์กรขนาดเล็กอาจจะเหนื่อย มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการปรับ เช่นเงินทุน เทคโนโลยี ที่สำคัญที่สุดคือวิสัยทัศน์ผู้บริหาร
หลังโควิดที่ทำงานจัดตารางเข้าออฟฟิศ 2 วัน WFH 3 วัน เวียนกันไป แต่เอาโมเดลนี้ไปคุยกับผจก.บริษัทเล็ก เขานึกภาพไม่ออก บอกว่าถ้าไม่เห็นหน้ากันจะรู้ได้ยังไงว่าพนักงานทำงานอยู่หรือเปล่า
ปริญญาไม่ได้ไร้ความหมาย แต่เป็นเครื่องหมายของคนที่ผ่านชีวิตมาระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่การลงทุนที่หวังผลกำไรได้จากหน้าที่การงานเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่มีโอกาสต่างๆมากกว่า ผู้ไม่มีโอกาสได้เรียนในระบบแน่นอน
เราเคยบอกบริษัทว่า เดินทางเหนื่อยมาก ขอบริษัทช่วยออกค่าโรงแรมแถวออฟฟิสให้ช่วงงานหนัก ๆ แต่ HR บอกว่า ไปคุยกับหัวหน้าค่ะ เราก็เลยไปจองโรงแรมแถวออฟฟิสนอนเอง 😂 ปีหน้าจะลาออกแล้วค่ะ ถ้ายังไม่มี Action อะไรจากบริษัท เพราะเราสื่อสารความต้องการของเราไปแล้ว 😅
บริษัทไม่รวยคุยยาก กำไรอาจจะติดลบอยู่ก็ได้
ประสบการณ์สูงมันมาพร้อมชั่วโมงบินที่สูง ดังนั้นมันก็จะมาพร้อมอายุที่สูงขึ้นและเรทที่สูงขึ้น คำถาม...บริษัทฯจ้างไหวไหม...กล้าจ้างหรือไม่? และอีกคำถามที่สำคัญคือ อารยธรรมในการทำงานของสังคมไทยคือจำกัดเรื่อง "อายุ"ของพนักงาน คนที่อายุมากกว่า 38 จะหางานประจำทำก็ยากละ ซึ่งมันแตกต่างจากตปท.ที่เขา ให้ค่าของคนทำงานด้วยการเน้นทักษะ เน้นความช่ำชองและเชี่ยวชาญชำนาญ การจัดการปัญหา ฯลฯ ซึ่งมีให้เห็นเยอะแยะในเมืองนอก ตราบใดที่นายจ้างในไทยยังไม่เปลี่ยนมุมมองว่าเน้นจ้างถูกบ้างละ (เพื่อประหยัดต้นทุน) เน้นอายุบ้างละ (เก่งไม่เก่งช่างมัน รู้ไม่รู้ช่างมัน เป็นไม่เป็นช่างมัน หรือเอาแค่งูปลาๆมาก็ได้แล้วเอามาสอนเอา อีกอย่างมักคิดว่าเด็กจะสอนง่ายกว่าเพราะไม่รู้หรือมีประสบการณ์น้อย ไม่เถียง...อะไรเทือกนี้) โดยที่นายจ้างคงลืมไปว่า คนกลุ่มไหนที่เปลี่ยนงานบ่อย ไม่ทนงาน ..... บริษัทอยากได้คนเก่ง คนมีทักษะก็ต้องกล้าเปิดใจในหลายๆเรื่องเลยหล่ะค่ะ
จริง พี่ผมอยู่แคนนาดา อายุ 45 ยังหายืมทุนแรียนต่อ ทำงานได้เลย
กำลังเปิดบริษัท และก็คิดเสมอว่า ทำ จ-ศ พอ เสาร์ อาทิตย์ ให้ไปใช้ชีวิตตัวเอง กับคนที่ตัวเองอยากใช้ชีวิตด้วย
แค่เดินทางไปทำงานก็เหนื่อยแล้วจ้า ค่าใช้จ่ายก็สูง
No more traditional certificate requirement, but still laying off.
It's very likely to be more competitive.
ผมเรียน Com Sci อยู่ ผมซื้อคอร์ส Udemy มาเรียนไม่ชั่วโมง แต่กลับได้ความรู้มากกว่าเรียนในห้อง 1 เทอม
เอกชนอาจเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้ แต่ แต่ แต่ หน่อยงานรัฐโดยเฉพาะลูกจ้างการทำงาน6วัน/weeksจะเป็นแบบนี้ไป
อีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ใบปริญญา.ไม่มี.ความหมาย🙏💜😘
นึกย้อนไป ไม่น่าเอาเวลาไปเสียกับการเรียนมหาลัยเลย น่าจะเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนั่น
แต่บริษัทส่วนมาก ยังให้ความสำคัญกับกรพดาษแผ่นนึงมากกว่า ทักษะ
ถ้า บริษัทมีสวัสดิการแบบนี้คือจะสนใจมากค่ะ เพราะทุกวันนี้ทำงานไว เลยได้ทำงานมากกว่าหน้าที่เดียวตลอดตั้งแต่เรียนจบ แถมยังต้องโดนตั้ง KPI ทั้งที่ไม่ใช่เซล แบบ1บริษัททำคนเดียว 50-99% คืองง เสียสุขภาพจิตสุดๆในแต่ละวัน
เรียนถึงปี4ออกมาเป็นเกษตรกรสโลว์ไลฟ์ครับ หมดไฟจริงๆ
ของผมนี่ที่เรียนมา งานหลักคือต้องสอบเข้าระบบรา..... เทานั้นถึงตรงสาย เห็นข่าวเทาๆของหน่วยงานจากคนรอบข้างบ้าง จากตัวเองบ้าง ไม่อยากกลายเป็นคนแบบนั้นสงสารคนเสียภาษี ทำงานทั่วไปนี่ล่ะครับสบายใจ
นับถือเลยครับ ผมลองทำขนาดที่บ้านเป็นเกษตรกรผมยังทำไม่รอดเลยครับ
@@Onistuka ของผมรวมๆทั้งสวนยาง มัน เลี้ยงปลา ปลูกข้าวครับ พอตั้งตัวได้ก็มีลูกจ้างทําแทนเรานั่งจัดการเบื้องหลังสบายๆ
@@thammacharti3692 สายนั้นไม่ไหวจริงๆครับ ยิ่งขัดคําสั่งผู้ใหญ่ไม่ได้อีก
@@dekdeezar4860 อ่อไม่ใช่วงการที่ดังตอนนี้นะพี่ ผมจบวทบ.ประยุกต์ สายตรงสายอ้อมงานส่วนใหญ่ต้องสอบบรรจุครับ
Mindsetสำคัญกว่าความรู้ ความรู้ฝึกกันได้ แต่Mindsetเป็นสิ่งที่เปลี่ยนกันยาก
ผมเห็นด้วยกับคุณ ผมเห็นด้วยกับคุณ
เคนครับไม่ต้อง D.E.I. ให้ปวดหัว ออกกฎมาเลย “เจ้าหน้าที่หรือพนักงานโกรธกันจนกว่าจะได้รับการอนุมัติจาก หัวหน้า และห้ามด่วนขอเข้าพบหัวหน้า แต่ต้องรีบส่งรายงานตัวเป็นรายลักษณ์อักษร และรอจนกว่าหัวหน้าจะเรียกให้เข้าพบ เพื่อให้เวลาหัวหน้าเตรียมตัว
ในบริษัทใหญ่ก็ควรมี Ethics Officer ผู้พิทักษ์รักษากฎระเบียบต่างๆของบริษัทหรือองค์กร และมีหน้าที่จัดการกับความขัดแย้งของพนักงานตามทำนองครองทำของ D.E.I.
ไม่มี WFH บริษัทนั้นอาจไม่น่าสนใจสำหรับคนยุคใหม่😁
ในไทยบอกองค์กรเก็บไว้แต่พวกเก่งแต่สกิลปากหาข้อแก้ตัวเก่ง อวยตัวเองกับพวกกับดิสเครดิตคนที่เก่งกว่าและไม่เห็นด้วยกับพวกตัวเองให้โดนบีบออก
Well as for an Asian without degree and to work in Western white collar jobs isn't possible.....but remote is possible
งานที่ผมทำไม่จำเป็นต้องเรียนจบอะไรเลย แต่ต้องมีสกิลระดับต้นๆ ของวงการจึงจะอยู่รอด
ใช้แรงทุกงานไม่ต้องมีใบปริญาครับ
@@SillyDoG33 มันก็ถูกครับ แต่เงินเดืนผม 6 หลัก 7 หลักก็น่าจะทำได้ ถ้าตั้งใจจะไปให้ถึง คนงานก่อสร้างไม่น่าจะไปถึง ถ้าผมออกงานธุรกิจอาจจะเป๋และหาคนแทนไม่ได้ คนงานก่อสร้างนำเอาแรงงานต่างด้าวหรือเครื่องจักรมาแทนได้ครับ
@@SillyDoG33 ตีโจทย์มั่ว แรงงาน (Labour) หมายถึง การทำงานทุกชนิดของมนุษย์ทั้งที่ใช้แรงงาน สติปัญญาความสามารถ แรงกายแรงใจที่ทุ่มเทในการผลิตสินค้าและบริการ
@@rickfreunde5957 แต่คนที่จบ ปริญญา เค้าอยากแค่พูดแล้วได้ตัง เข้าใจไหมครับ ผมตีความง่ายๆละกันเน๊อะ
@@Thomas-vz7hx ก็ใช้แรงไงครับ ถ้าเรียนสูงๆดีๆ แค่คำพูดคุณก็ได้ตังเข้ากระเป๋าแบบฟรีๆ แถมเยอะด้วย ไม่ต้องออกแรง
บางวิชาชีพใบปริญญาอาจจะไม่สำคัญ แต่อย่าลืมว่าอาชีพที่จำเป็นต่อชีวิต ใบปริญญาเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถขั้นพื้นฐานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพนั้น
เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับทำงาน4วัน
เมื่อต้นปีหัวหน้าพึ่งเพิ่มเงินเดือนให้ 30% แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากทำงานต่อเลยยังอยากลาออกเหมือนเดิม เงินเดือนเพี่มขื้นอาจจะไม่ใช้คำตอบในการใช้ชีวิตของเรา สาเหต์หลักๆ ไม่มีความสุขกับการทำงานและใช้ชีวิต
วันทำงาน4วันลดจาก5วัน...ภาวนาให้ไม่เป็น6วันก็พอครับ
ตลาดแรงงานสายไอทีตอนนี้ก็ยัง require degree อยู่ ต้องรอดูไปซักพักแหละ
ในความคิดคนอายุ 40 ยังไงควรมีปริญญา เพราะเป็นกติกาสังคม แต่ควรทำอย่างอื่นพ่วงไปด้วย ศึกษาออนไลน์เยอะๆ ใบมีไว้อุ่นใจว่าจบตามเกณฑ์ เผื่อเกิดเหตุเหมือนโควิด ยังเอาอาชีพที่ได้ปริญญาไปดิ้นรนได้
ใช่ครับ แต่ไม่ใช่ในประเทศไทย ยังอย่างน้อย 10-15 ปี
ถ้าคิดว่าปริญญาไร้ความหมาย ก็เรียนได้ แต่ไม่ต้องเอาใบปริญญาค่ะ แต่ยังไงต้องเรียนรู้ค่ะ ถ้าอยากอยู่รอด
มีปริญญาเข้ารับทำงานชีวิตยังยาก ไม่เรียนเขาคงไม่มองหน้าเลย
ตัววุฒิเป็นแค่ใบผ่านรับเข้างาน แล้วต้องศึกษาการทำงานในบรัษัทเองว่าเราสามารถปรับตัวได้มากแค่ไหน ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะพัฒนาตัวเองได้มากแค่ไหน ถ้ายังย่ำอยู่กับที่ ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีผลงาน...ก็เตรียมถูกคัดออกไปหางานทำใหม่ได้เลย 🙂
CEO เป็นได้ง่ายมาก แค่จดตั้งบริษัทของตัวเองก็เป็น CEO ได้แล้ว
😂😂😂
เรามองว่า.เรียนมหาลัย.แค่ในตำรา.สี่ปี.บางคนส่วนมาก.เหมือนเสียเวลาป่าวๆ.จบมา.ไม่มีงานทำ🙏💜
ไม่แปลกใจที่บริษัททุ่มทุนพัฒนา ai
ถ้าทำสำเร็จคงลดเรื่องปวดหัวไปได้เยอะเลย
4 days work week ประเทศไทยทำได้อีก 2 พันปี
มีไว้เพื่อประดับความรุ้และมีประโยชมากยามมีกิจการตัวเอง
จอมอ่านบทความ
ทำงานออฟฟิสวันละแปดร้อย เป็นเด็กนวดเทาๆวันละ6พัน
จบป.ตรีตกงานเกือบปี มาจนมาได้งานเป็นช่างปะปา แต่เค้ารับวุฒิป.6 ผมจะบ้าตาย จะเสียเวลาเรียนมาทำห่าอะไร 10 กว่าปี ทั้งทีเรียนแค่ 9 ปี ก็ทำงานได้
ใบปริญญาการทำงานบางองค์ก็ต้องการใบปริญญา ยิ่งเรียนมากยิ่งมีความรู้ใครมีเวินเรียนไปเถอะ
พูดยาก มันมีปัจจัยหลายอย่าง ยิ่งองค์การเก่าๆ บริษัทไทยหลายๆ แห่ง ที่อ้าง direction บอกต้อง transform แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะหัวเรือเป็นคนกำหนดนโยบาย แต่พอลงมือทำ ก็ยังบริหารงานแบบเดิม เขาเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ส่วนตัวพยายาม respect เวลาของลูกน้อง แต่เนื้องานของบริษัทก็ชอบมีเหตุให้ทำงานวันหยุด ทั้งที่หากจะเลี่ยงก็ทำได้ แต่ไม่ทำ ด้วยข้ออ้างปฏิบัติแบบเดิมๆ หรือหากจะให้มันเสร็จก่อน ไม่ต้องเบียดเบียนวันหยุดก็ได้ แต่ก็อ้างเรื่องเห็นแก่ตัว เสียผลประโยชน์ใดๆ จนงานไม่เป็นระบบ แล้วคาดหวังว่าเอาคนรุ่นใหม่ คน digital เข้ามา แล้วงานจะเกิด ระบบจะปรับเปลี่ยน มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อน้ำเก่าไม่เปลี่ยน mindset และเห็นแก่ตัวแบบเดิมๆ ไม่แปลกที่คนลาออกเป็นว่าเล่น แถมศักยภาพการแข่งขันถดถอย เพราะมัวแต่ติดภาพจำผิดๆ ในอดีต ไม่รับความจริงในปัจจุบัน
การเรียนก็สำคัญเพื่อประสบการณ์ทักษะชีวิต
เรื่องกฎหมายก็ต้องเอื้อกับการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน
สกิลคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้คับถ้าสกิลการทำงานสูงความสามารถสูงกว่าเงินเดือนใครๆก็อยากจ้างคับ ทั้งความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความตรงต่อเวลา ประสิทธิภาพการทำงานยังไม่ดีเลยคับ
สิ่งหนึ่งที่ควรพูดถึงพอทำงานไปเงินเดือนพอใช้ชีวิตถึงเกษียณอย่างสบายมั้ยมากกว่าคับ
เลิกดูถูกคนอื่นเถอะคนเก่งคนดีก็มีอย่าเหมารวม
โรงเรียนจากบอกคุณว่า ในโรงเรียนกับชีวิตจริงแตกต่างกัน
แต่ผมต้องบอกตรงๆนะว่า ทำไมมันไม่ใช่คำเดียวกับละครับ(แต่ การศึกษาที่แท้จริงจะสอนคุณเชื่อมจุด)มันอาจจะไม่ถูก แต่มันเป็นเรื่องจริงต่อผมนะครับ
วิศวะ วิทย์ หมอ ที่นึกออกคร่าวๆน่าจะใช้กับไร้ปริญญาไม่ได้
อยากรู้เรื่อง AI ในงานก่อสร้าง เพราะยังเห็นคนงานก่อสร้างขาดแคลน แต่ก็ยังก่อสร้างโดยใช้คนอยู่ จนต้องหาแรงงานต่างด้าว พม่า, กัมพูชา ต่อไปถ้าจะไม่ใช้คนจริงๆ ทิศทางจะเป็นยังไง ขนาดบ้าน Precast แผ่นสำเร็จรูป ก็ยังต้องใช้คนช่วยอยู่ดี ตัดเรื่องเขียนแบบที่มีโปรแกรมดีขึ้น แต่ตอนสร้างนี่สิ ยังใช้คนจำนวนมากอยู่เลยค่ะ (ก่อสร้างทำ 7 วันเลยค่ะ 4 วัน ยังไงก็ได้ผลงานน้อยกว่า 7 วันแน่นอนค่ะ เป็นคนเก็บสถิติ แต่ก็เป็นการแบ่งวันหยุดกัน ไม่ถึงขั้น 7 วันค่ะ ส่วนใหญ่จะ 6 วัน แต่บางคนก็ทำ 7 )
เรื่องวุฒิการศึกษาบางสายงานยังต้องการ กับพวกที่ยังต้องสอบเพื่อให้ได้ใบประกอบวิชาชีพอยู่ค่ะ หมอ,วิศวกร, ครู ในไทยยังมีส่วนนี้ที่สำคัญอยู่ แต่ถ้าอาชีพที่ไม่ต้องใช้ก็ดีไป
Ai ในการก่อสร้างตอนนี้มีตัวออกแบบสถาปัตยกรรมจากรูปวาดหรือแบบบ้านคร่าวๆ สักพักน่าจะมีตัวคำนวนใส่เหล็ก คำนวนเรื่องความปลอดภัย หรือทำ BOQ ตามมาแน่นอนครับ คาดว่าไม่เกิน 10 ปี
ส่วนหุ่นยนต์เป็นๆ เอามาทดแทนแรงงานได้คงอีกสักพัก แต่ลองดูตัวอย่างพวกนี่ก่
อนได้ครับ เอาตัวเจ๋งๆมาแนะนำตอนนี้ คือ 1) หุ่น Atlas ของ Boston dynamics
2) Optimas gen2 ของ Tesla
คาดว่าไม่นานเกินช่วงชีวิตมนุษย์คนนึง เราได้เห็นแน่ๆ
เมืองนอกก็มีนวัตกรรมในสายงานนี้หลายอย่างเเล้วครับ เช่น การใช้เครื่องพ่นสเปรย์ยิงคอนกรีตใส่ผนังเพื่อหล่อตามรูปทรงแปลกๆ การใช้เครื่องปริ้น 3D ขนาดใหญ่จ่ายคอนกรีตลงบนพื้นทีละชั้นเป็นกำเเพง เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถนำ Ai มาช่วยในระบบหลังบ้านได้ทั้งสิ้น เดี๋ยวนี้เวลาลงตรวจงานก็มีการใช้โดรนบินตรวจหรือใช้ AI ช่วยพัฒนาระบบสำหรับจำลองสถานที่ก่อสร้างก่อนสร้างจริงให้ลูกค้าดู รวมถึงการผนวกเข้ากับระบบ BIM เพื่อจำลองสถานที่ก่อสร้างปัจจุบันเพื่อดูปัญหาหน้างานโดยที่ไม่ต้องลงพื้นที่เเละสามารถเเก้ไขเเล้วดูผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ...
พูดกันตามตรง จะสายงานไหนเราก็สามารถนำ AI มาช่วยพัฒนาได้ทิ้งสิ้น ขึ้นอยู่กับมุมมองเเละเเนวคิดของผู้ริเริ่มว่าจะมองมันออกมั้ยเเล้วจะทำออกได้รึเปล่า
@@user-vy7am4ip8s พวกย่อหน้าแรก ค่อนข้างเจอมาสักพักตั้งแต่ช่วงเรียน คือเข้าสู่ยุคใช้ BIM ค่ะ แต่พอทำงานมา 10 ปี ก็ยังใช้ แต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ บางทีเห็นใส่ Revit แต่พอรีบๆ ก็กลับมาใช้ CAD ส่วนด้านตลาดแรงงาน อยากเห็นหุ่นยนต์เหมือนโรงงานนะคะ คนขึ้นนั่งร้าน ปีนที่สูงค่อนข้างอันตราย ถ้ามาทดแทนคน คนอาจจะต้องทำอาชีพอื่น แต่คงอีกนานมากๆ เลยค่ะ จะทันได้เห็นหรือเปล่าไม่แน่ใจ
@@babarajodb3029 เห็นที่จีนนานแล้วนะคะ แต่ห่วงเรื่องความคงทนค่ะ ปริ๊น 3 D เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำProject ตอนจบเรื่อง BIM ค่ะ จนจบมาทำงาน 10 ปีแล้ว ที่ไทยก็ยังใช้แค่ส่วนเขียนแบบ มีทำ VDO เล็กน้อย ส่วนเรากำลังพยายามใส่ Cost ในระบบ (Microsoft Project) ซึ่งมันก็ยังไม่เวิร์คเท่า Excel ค่ะ ในส่วนแบบ กับ ตัวเลขไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ส่วนหน้าไซต์งานสิ ที่สนใจค่ะว่าเมื่อไหร่ เพราะว่าคนงานต้องทำงานที่สูง ค่อนข้างเสี่ยงค่ะ AI ก็ยังไม่ช่วยได้เท่างาน โรงงานที่ใช้หุ่นยนต์จับยึด ประกอบค่ะ และปัจจัยการใช้ BIM ก็ทำให้การประกวดราคาสูงขึ้นด้วยค่ะ ถึงไม่นิยมเท่าที่ควร
@@user-vy7am4ip8s ในส่วนแรก ทุกวันนี้พอเห็นบาง แต่ BIM จะมีราคางานประมูลสูงกว่าแบบปกติค่ะ ในส่วนที่ 2 นี่แหละค่ะ ที่อยากเห็น เพราะเดี๋ยวนี้คนไทยไม่ใช่แรงงานแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นต่างด้าว ซึ่งก็ยังต้องขึ้นหรือทำงานที่เครื่องจักรเสี่ยง อย่าง Tower Crane หรือ การปีนไปติดตั้งหลังคาโครงเหล็ก เสียบเหล็กในที่สูง คือแบบว่า จะมีเครื่องยนต์มาทดแทน เหมือนเครื่องจักรในโรงงานไหม คืออยากให้มีค่ะ
4dww คงจะยากในไทย
หลายๆคนยังทำงาน6วัน วันละ10-12ชม.
โดยส่วนตัวนะครับ การได้การศึกษา ทั้งในไทย และต่างประเทศ ผมว่า มันทำให้เราพัฒนาความคิดได้ลึกขึ้นนะครับ มันเหมาะกับคนที่มีแววที่จะเป็นผู้บริหารระดับสูง ผมคิดมันน่าจะมีประโยชน์ มากกว่า
ต่างประเทศน่าจะดีกว่า ในไทยน่าจะถอยหลังลงคลอง
ไม่จริงครับ คนมีวุฒิบางคนไม่มีแม้กระทั่งวุฒิภาวะ ยิ่งสังคมไทยโบราณ ยิ่งแล้วใหญ่ ความคิด การสื่อสาร แย่กว่าที่คิดอีกครับ
@@EIGGY1997 ใช้ได้จริงบางส่วนครับ ถ้าการศึกษาให้ตรรกะความคิดการจัดการที่ดีขึ้นได้ แต่ขาดวุฒิภาวะ มันดูขีฃัดจริงๆนะครับ บางคนไม่ได้เรียนสูงแต่วุฒิภาวะดีกว่าคนเรียนจบสูงๆอีกนะครับ จากประสบการณ์ตรงนะครับ การศึกษาไม่ได้การันตีไปหมดจริงๆครับ แต่การมีการศึกษาแล้วมีวุฒิภาวะที่ดีไปอีก ก็ถือว่าสังคมน่าอยู่ขึ้นครับ ขอบคุณแนะนำความคิดเห็นให้นะครับ
ในไทย แค่ยกมือตอบคำถามในห้อง ไม่ค่อยจะยกกัน ถ้าเป็นต่างประเทศนี่ยกมือถามกันเต็มไปหมด
เรียนแทบตายได้หมื่นห้านอนอ้าขาได้5หมื่น
อ้าขาก็ได้แค่ถึง 29 แค่นั้นแหละ หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ 30000 15000 ตามอายุ ยิ่งตอนอายุมากจะทำไงละ😅
ผมเป็นข้าราชการครับ แค่คำว่าองค์กรคืออะไรก็ตอบยาก
สนง ประจำจังหวัดของหน่วย, กรมที่เราสังกัด, กระทรวง, ระบบราชการโดยรวม, ทุกส่วนที่เกี่ยวกันในการทำภารกิจบางอย่าง
อยากให้ระบบราชการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย แค่ลาพักผ่อนยังมีทัศนคติที่ใครไม่เคยลาเป็นคนดีทุ่มเท ลักษณะเครียด เบิร์นเอาท์ ลาออก ป่วย แม้แต่จบชีวิต เพราะงานราชการมีมากจนน่ากลัว คนไม่ให้ความสำคัญ
เพื่อนผมก็ทำงานราชการ เอาคนไม่เก่งมาคุม มาบริหาร แถมใช้อารมย์มากกว่าใช้สมอง สุดท้าย ลูกน้องเครียด ลาออก
@@Thomas-vz7hx จริงๆ ครับ คงเพราะราชการตัวชี้วัดอยู่ที่นายกับการเมืองมากไปครับ เอกชนก็เป็นบ้างแต่ผลประกอบการค้ำคอ
ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ .. สั่งวัน พฤ. เอาวัน จ. ^^
สำหรับผมการศึกษาฝึกให้เราจัดลำดับความคิด เเล้วเเต่คนจะมอง คหสต 😊
ใช่ครับอย่างน้อยก็ได้วิยนัยแล้วรู้จักคุณค่าของเวลาผมคิดงั้นนะสำหรับคนอย่างผม
แค่จัดลำดับความคิด ส่วนเรื่องจริงมันใช้ปัจจัยอื่นด้วย เช่น สังคม ผู้คนร่วมงาน โชคดีเจอคนดี โชคร้ายแบ่งขั้วในสายงาน ระบบเส้นสาย อุปถัมภ์ ยังไงก็ไม่โตหรอก
มีเเต่ดูวุตไม่เจอที่ไหนไม่ดู เเค่ม.6
คงมีแต่เอกชนคับ ที่ทำงาน4วัน เพื่อนๆเราก็ทำกันอยุ่นะ แต่พวกราชการนี่ ยากมากกก ขนาดนายกหรือผู้ว่าขอความร่วมมือ work from home ยังต้องมาเลย ซึ่งความจริง ควรให้คนทำงานที่บ้านได้แล้ว และควรมีการควบคุมไม่ให้ อยุ่บ้านแล้วไม่ทำงานหรืออู้งาน
บีทเปิดคลิปโคตรเอา
ให้พูดตรงๆนะครับ ถ้าเป็นหมอ หรือ อะไรที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตคน ยังไงก็ วุฒิ
แต่ถ้า งานอื่นๆ ผมบอกเลยว่าไม่ใช่แค่สกิล คุณต้องมีความชอบความรู้ในงานนั้นเช่นกัน แม้ไม่มีวุฒิ
ผมพูดตรงๆนะคนมีวุฒิบางคน ทำงานไม่เก่ง ทำงานช้า ต่างจากคนไม่มีวุฒิ แต่มีสกิล และ ความรู้มากกว่าคนมีวุฒิอีก จากประสบการณ์โดยตรงนะครับ
และได้เงินพอๆกัน เพราะองค์กรให้โอกาสครับ
แต่เอาจริงๆทุกบริษัทควรให้ทำงานบ้านได้บ้างบางวัน และ มีวันหยุดพิเศษวันราชการเดือนละ 1 ครั้งก็ยังดีได้ไปทำธุระไม่ต้องลางาน
แต่ บอ ในไทย ชอบมากให้พนักงานมานั่งทำงาน และ คนไทยมักไม่มีวินัยถ้าให้ทำงานอยุ่บ้านแต่ตัวเองไม่อยุ่หน้าคอม เลยทำให้การทำงานที่บ้านลดลง นี่ก็ปัญหานึง
สู้ๆเรื่องงานนะครับทุกคน ได้อย่างเสียอย่าง
เงินดี แต่ทำงานไม่มีความสุข หรือเงินดีแต่เดินทางทำงานไกล หลายๆอย่างมันเยอะจริง 555 สู้กันต่อไปครับ
ทำงาน 4 วันต่อ อาทิตย์ ผมก็อยากได้นะ 5555 เพราะรับผิดชอบงานตัวเองได้ ถ้ามีจริงคือจะลองไปสมัครเลยครับ 555
อาชีพหมอ เป็นเฉพาะทาง นั้นมันอาชีพสายเฉพาะ เขาเรียนกันมากกว่า 4-5 ปี อยู่แล้ว แต่เรียนหมอมาใช้ว่าจะทำตรงสาย แยกเป็นแผนก สุด้ทายไปเปิดคลินิกตัวเองรักษาทั่วไปก็มีเยอะ
ตายๆ บางวิชาชีพเฉพาะทางไม่ Require วุฒิมันไม่ไหวนะ ทั้งวิศว เภสัช แพทย์ สถาปัต
จะให้คนรุ่นใหม่มี mindset วุฒิไม่สูงก็รวยได้ คนที่รวยได้มีปัจัยหลายอย่าง มีกี่ % ก็ไม่ยกมาเลย
Generative AI กาวกันสุดๆ ความหวังสูงมาตั้งแต่ระดับบน มาลำบากระดับล่าง มึนตึบ โปรแกรมมันดีแต่ข้อมูลบางทีก็ไม่ถูกต้อง เป็นได้อย่างมากก็เหมือนมีคนแนะนำอะไรที่มันพื้นฐาน หรือสรุปบทความ นี่ถามหาข้อมูลยังตอบมั่วเลย ถ้าไม่ double check เพิ่มภาระงานอีก
อะไรคือทำงาน 5 วัน นี่ 7 วันมาตลอด 😅
จำเป็นนะ เข้าราชการไทยต้องสอบและมีคุณวุฒิ
การศึกษาไทยล้าหลัง
หนังสือตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลง
เรียนจบมาทำอะไรไม่เป็น
สู้คนไม่จบแต่ทำงานมาก่อนไม่ได้
ต้องจบปริญญาได้ความรู้ ถึงจะมีความคิด ไม่เรียนจะทันเวียดนามเหรอ ความคิดยิ่งจะเข้าป่า อย่าให้ข้อมูลผิดๆ
ภาพลักษณ์การแต่งตัวก็สำคัญนะค่ะ ดูคุณเคนเหมือนใส่เสื้อคลุมจัดรายการนี้เนอะ ถ้าเสื้อกระชับเข้าตัวกว่านี้คงหล่อขึ้นเยอะ 🙂
นะคะ เขียนแบบนี้ค่ะ ถ้าเขียนถูกต้องคงดูน่าเชื่อถือขึ้นค่ะ 😊
@@maimairanger พูดอีหยังอะ
จะสอนคนอื่น พิมพ์นะคะเป็นนะค่ะอยู่เลย 55555
@@user-kv3bq1fj3i มาไม้เดิม คนเดียวกันหรือเปล่านะ
เลอะเทอะจัด เขาจะแต่งตัวยังไงก็เรื่องของเขา
มันคือ เหลี่ยม ของบริษัทครับ เด็กจบใหม่บอกไม่มีประสบการณ์ เอาเงินเดือนไปแค่นี้ อีกเคสมีประสบการณ์แต่ไม่มีวุฒิ ให้ได้แค่นี้นะ จบครับ
เคร
ใบไม่จำเป็นเลย สิ่งสำคัญคือ ทักษะและตรรกะ
พอเถอะ ประเภท "ปริญญาไม่สำคัญ" คนเราทุกคนก็ใช่ว่าจะมี "ต้นทุนชีวิต" ที่เท่ากันสักหน่อย บางคนรวยเรียนน้อยไม่ลำบาก แต่บางคนที่บ้านฐานะไม่ดี โอกาสเดียวที่คนจะพ้นจากความลำบาก คือ "การศึกษา" เท่านั้น!!!
ผมไม่แปลกใจที่คุณดูแต่การ์ตูน ก็คิดได้แค่นี่แหละ
นายทุนทั่วโลกเร่งพัฒนา AI เพื่อมาทำงานแทนคน GEN Z
ดิสคริปชั่นก็เหตุใส่วุฒิทุกอัน ไม่เห็นว่าไม่จำกัดวุฒิยังไงในไทยก็ยังสำคัญ การเรียนการสอนก็แย่ แต่ก็ยังต้องใช้วุฒิ ไม่เคยมีนโยบายส่งเสริมอาชีพในวัยเรียนเลย มีแต่เรียนๆ ตามหลักสูตรไป
ถ้ามั่นใจว่าสู้ได้ก็ลุยเลยครับ
วงการ การศึกษา วงจรออุบายดีๆนี้เอง. 😂
ออุบายแปลว่าอะไร
ต่างชาติ เลือกได้ เงินใหญ่ เรียกพี่
มั่นใจเลย วุฒิไม่สำคัญอีกเลย ใครมี skill ดี มีคุณภาพ.....ใบไม่สำคัญ
เห็นด้วย