ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ที่คนไม่มีฤดูผสมพันธ์ แต่มีโอกาสตั้งท้องเดือนละครั้ง เพื่อกระจายอาหารและการช่วยเหลือกันเลี้ยงเด็กครับ ถ้าเด็กเกิดพร้อมกันทีเดียวทั้งกลุ่ม จะดูแลกันลำบาก การทะยอยกันออกลูก ทำให้กลุ่มคนดูแลกันได้ดีกว่า
เพราะแบบนี้ไงมนุษย์เราก็เก่งและให้กำเนิดลูกหลานไปทั่วโลก
ว้าว จริงด้วยครับ
@@kuvncokoj2018 ใช่ครับ ต้องขอบคุณความเvี่ยนและการSwingกิ้งที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้😅
@@Koroko563 แฟนหนูก็เคยพาไปร่วมคะ
@@readwrite1815 ห้ะ กินหม้อสุกกี้หรอครับ
ชอบรายการนี้มาก ทำให้เหมือนเป็นจิ๊กซอร์ต่อ ความรู้ด้านอื่นอีกเยอะอยากให้หมอเอ้วอธิบาย ความเป็นผู้นำ ในสัตว์หรือมนุษย์ มีอะไรเป็นปัจจัย บ้าง
มนุษย์ผู้หญิงเราตกไข่เดือนละครั้งไง ไม่ใช่นานๆตกทีแบบสัตว์ ส่วนตัวผู้ถ้าถึงวัยเจริญพันธุ์ก็ออกหาตัวเมียสืบพันธุ์เรื่อยๆอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่มนุษย์จะดูผสมพันธุ์กันบ่อย อีกอย่างมนุษย์ต้องอุ้มท้องตั้ง9เดือนกว่าจะคลอด และท้องทีส่วนใหญ่ก็ท้องได้ลูกทีละคน ถ้าเกิดช่วงนี้ผู้หญิงที่ท้องตุยขึ้นมาหรือโดนสัตว์อื่นฆ่าก็จบ เมื่อเทียบกับสัตว์อื่นที่ท้องทีลูกออกมาเป็นคอก ธรรมชาติมนุษย์ก็ต้องชดเชยการเสี่ยงสูญพันธุ์ด้วยการให้สืบพันธุ์กันบ่อยขึ้นอยู่แล้ว (แต่พอมนุษย์พัฒนามาถึงยุคที่เจริญ หญิงท้องไม่ได้ตายง่าย มันเลยต้องคุมกำเนิดแทน)
Human-ศาสตร์ เป็นคอนเท้นที่ดีมากเลยครับ มีประโยชน์แล้วก็สนุกด้วยครับ จะรอติดตามไปเรี่อยๆนะครับ ปล.คือพอผมดูไปเรื่อยๆแล้วผมก็มีความสงสัยเกิดขึ้นมาอะครับว่า เรื่องเกี่ยวกับ LGBTQ มันสามารถอธิบายด้วยเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ได้ด้วยมั้ยครับ
คิดว่าได้นะ เพราะสัตว์เองก็มีเรื่องรักในเพศเดียวกันเหมือนกับมนุษย์....เริ่มแรกบางทีในกรณีเพศชายกับชายอาจเป็นแค่การระบายความใคร่ก็ได้ ส่วนในเพศหญิงกับหญิงน่าจะเป็นความปลอดภัยในจิตใจ....ต่อมาเริ่มมีวัฒนธรรมมากขึ้น ก็จะเริ่มมีรูปลักษณ์มาเกี่ยว ตอนนี้ก็เริ่มเพิ่มมาเป็นตัวแทนของเพศตรงข้าม และเริ่มมีการปลูกฝังเรื่องรูปลักษณ์ด้วยว่าหล่อสวยเป็นไง...แล้วก็ค่อยๆมีการพัฒนาทางความคิดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นรสนิยม...เดาว่าทุกคนสามารถรักเพศเดียวกันได้แต่บางคนอาจจะไม่ไปถึงรักใคร่เพราะยังมีการผูกสัญชาตญานเรื่องการขยายเผ่าพันธุ์อยู่
ธรรมชาติน่าจะจัดสรร การควบคุมประชากรตามธรรมชาติมาแล้วครับ เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด กลุ่ม LGTBQ+ จะไม่ได้ขยายเผ่าพันธุ์มาเพิ่ม เพื่อสมดุลกับกลุ่มที่ขยายเพิ่มเผ่าพันธุ์กัน
@@diamondlam8536 เราว่าอาจจะไม่เสมอไป เพราะสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างวาฬ ตัวผู้ก็มีพฤติกรรมผสมกับเพศผู้ด้วยกัน...กลุ่ม LGTBQ+ ที่จริงยังมีความสามารถขยายเผ่าพันธุ์อยู่ เพราะถ้าธรรมชาติต้องการควบคุมประชากรจริงๆ ประชากรที่เกิดจะต้องเป็นหมัน หรือไม่ก็มีโรคทางพันธุกรรม....LGTBQ+ ที่เขารักเพศเดียวกันและมีลูกไม่ได้บางคู่เขาก็ช่วยเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้ เหมือนกรณีนกเพนกวินที่เป็นเพศเดียวกันจับคู่กันแต่ก็ยังเอาลูกของตัวอื่นมาเลี้ยงแทน เหมือนเป็นการเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ไปในตัวด้วย
อยากฟังเรื่อง pheromones และการที่ผช.สามารถ detect ไข่ตกของผญ.ได้ค่ะ
ส่วนตัวสำหรับผมในฐานะ ผู้ชาย คิดว่าเรื่อง Pheromones เนี่ยสำคัญนะครับ กลิ่นตัวผู้หญิงเวลาตกไข่และไม่ตกไข่ ต่างกัน การได้สัมผัสแตะตัว+ได้กลิ่น ระหว่าง ตกไข่ กับ ช่วงมีประจำเดือนก็ต่างกันครับ ช่วงที่แฟนมีประจำเดือน การได้กลิ่นตัวเขาหรือแตะเนื้อต้องตัว จะไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ทางเพศหรือแรงขับเลยในขณะที่ถ้าเป็นช่วงเวลาตกไข่ (ดูตามแอปนับวันประจำเดือนมา) แค่ได้กลิ่นก็มีอารมณ์ได้นิดหน่อยแล้วครับ ยิ่งแตะเนื้อสัมผัสตัวเขา ยิ่งต้องข่มอารมณ์ลงไปเบา ๆ เลยเพราะมันรู้สึกถูกดึงดูดด้วยแรงขับอะไรบางอย่าง (สัญชาตญาณละมั้ง) ที่สำคัญคืออย่าได้สะบัดผมเปิดคอเชียว ฟีโรโมนมันฟุ้งมาก เห็น+ได้กลิ่น แทบจะกระโดดไปขย้ำดมอยู่ตรงคอ 55555555
ในหนังสือของคุณหมอบอก ว่ามีการทดลอง ที่เอาเสื้อผู้หญิงที่เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่คนหนึ่งตกไข่ อีกคนไม่ได้ตกไข่ แล้วเอาไปให้ผู้ชายดม สรุป ผู้ชายชอบเสื้อของคนที่ตกไข่มากกว่าบาร์โคโยตี้ ช่วงที่ผู้หญิงตกไข่จะได้รับเงินจากผู้ชายมากกว่าปกติ😂
อย่างนี้เราพอจะตั้งสมมติฐานได้ไหมครับ ผญ ที่ต้องการมีเช็กส์บ่อยๆ นั่น จริงๆแล้ว คือต้องการให้มีคนมาเอาใจใส่ มาดูแล แต่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องของความรู้สึกทางเพศเป็นหลัก
จริงค่ะ จริง
@@Chocolate_milk333 ขอบคุณครับ
เราว่าทั้งสองอย่างนะคะ หลายคู่ถ้าสามีดูแลดีทุกอย่างแต่ไม่ยอมทำการบ้านภรรยามีบ่นนะ
ไม่มีแฟนสักทีจะ30ละ
@@Jobr1011Assff5:12 จีบผมมา😂
ผมผสมพันธุ์ได้ทุกฤดูครับ ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที ชีวิตมีแต่ผสมพันธุ์เท่านั้น
มนุษย์ก็มีช่วงเหมือนกัน ไม่ต่างจากสัตว์ แต่ที่มนุษย์ผสมพันธุ์ได้ตลอด ก็เพราะมีระบบปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลาซึ่งมันซับซ้อนมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน พอเกิดความคิดในกาม กายก็จะสร้างฮอร์โมนขึ้นมา ให้รับรู้สึกอารมณ์... ทั้งๆที่ไม่ใช่ช่วงผสมพันธุ์ ก็เพราะไปคิดปรุงแต่งนั่นเอง
มูลเหตุมาจากไหนครับ บางทีลดผัสสะทางตาคือลดการเสพสื่อแต่ก็ยังมีอารมณ์คือมันจะดึงให้เราไปเสพจนได้ ถ้าผมจะตอบว่าสภาพแวดล้อมที่เราว่าง และความเคยชินจากการซ่องเสพจะได้ไหม เพราะสังเกตตัวเองตอนยุ่งๆกับงานหรือสิ่งต่างๆจะเครียดและไม่มีอารมณ์เป็นอาทิตย์ แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ นั่นแหละเผลอไม่ได้เลย
@@mikky7531 มูลเหตุมาจากผู้หญิงมีช่วงตกไข่และมีประจำเดือนผู้ชายจะฝันเปียก อันนี้ผมคิดเล่นๆ(ไม่ใช่วิชาการ คหสต.)วิเคราะห์จากการแยกรูปแยกนามด้วยครับใช่ครับ เพราะความเคยชิน(อนุสัย)ปกติร่างกายจะผลิตอสุจิตามธรรมชาติอยู่แล้ว แม้เราจะลดผัสสะ และจิตว่างอยู่(ชั่วคราว)แต่ถ้าใจยังมีกามวิตกเจือปนอยู่ กายก็จะผลิตเพิ่มขึ้นๆมาอีก ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้มนุษย์มีการผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา ก็เพราะไปคิดปรุงแต่งนั่นเองปล.ต้องมีจิตว่างให้นานที่สุดครับเพราะเราไม่ใช่อนาคามี/อรหันต์
@@Rthp_Sww.2024 ยากจริงครับ
❤ มนุษย์เรา...พร้อมผสมพันธุ์ได้ทุกเมื่อ..❤
ส่วนตัวเราคิดว่าฤดูผสมพันธุ์ก็ช่วงประจำเดือนของผู้หญิงแต่ละคนนั่นแหละค่ะ รังไข่จะสร้างไข่ออกมา ส่วนมดลูกจะผลิตเลือดมาหุ้มผนัง เตรียมพร้อมให้ไข่เข้ามาฝังตัวหลังปฏิสนธิเสร็จ ซึ่งในช่วงไข่ตกมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีอารมณ์ทางเพศสูงขึ้น ส่วนผู้ชายไม่ว่ายามไหนก็มีอยู่แล้ว อย่างบางคู่ที่ต้องการมีบุตร เขาจะเล็งช่วงนี้กัน แต่หากไม่เกิดการปฏิสนธิ เลือดก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน เพียงแต่เมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ แค่ไม่มีฤดูผสมพันธุ์ที่ตายตัวเท่านั้นเอง อีกอย่างเพศสัมพันธ์สำหรับมนุษย์ไม่ได้มีเพื่อสืบพันธุ์อย่างเดียว แต่มีเพื่อความสุขด้วย เลยกลายเป็นมีได้ทุกที่ ทุกเวลา
ถูกต้องครับ ผู้ชายมีอารมณ์ตลอดเวลา จากการวิจัยต่างชาติ เผยว่าถ้าย้อนยุคไปก่อนๆที่ไม่มีโรค เราอยู่กันตามธรรมชาติ ผู้ชายวันนึงสามารถทำผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ เกือบ 10 กว่าคนเลย
@@SQUADUPchannel เยอะไปไหมครับ คนโบราณใช้แรงานในการดำเนินชีวิตมาก อาหารการกินก็ไม่ได้เปิดจากตู้เย็น คงไม่เกินวันละครั้งสองครั้ง
@@SQUADUPchannel แล้วยุคไหนครับ ที่ไม่มีโรค วิจัยปลอมแล้วครับ
@@rit2025 ผมพิมพ์ผิดครับ ทางการวิจัยเขาพูดคร่าวๆว่า ถ้าไม่มีโรค หรือกลัวโรค ผู้ชายจะสามารถทำผู้หญิงท้องให้ได้มากครับภายในวันนึง เรียกปรากฏการณ์ coolidge ตัวผู้จะตื่นตัวและมีอารมณ์ทางเพศใหม่อีกครั้งโดยแทบไม่ต้องพักฟื้นเมื่อเจอตัวเมียตัวใหม่ และอีกอย่างสัตว์เกือบหล่ยๆชนิด เพศผู้ถูกตั้งค่ามาให้ผสมพันธุ์จนกว่าจะตุยครับ
เขาก็อธิบาย อยู่ จะมาส่วนตัว คนเดียวได้ไง นี่เขาวิจัยมาทั่วโลก
หายเกลียดวันจันทร์เพราะรายการนี้😊
ก็ปรุงแต่งว่ามันเป็นความรักไง เลยคิดว่ามันมีค่า และคิดว่าความรุ้สึกนั้นคือความเสียว เสียว=สุข เลยไปยึด
ร่างกายมันก็ตอบสนองไปตามธรรมชาตินะ
เพื่อสันธนาการ😅
ถ้าคิดแบบสัตว์ก็จะคิดกันแบบนั้นครับ
ความรู้สึกรักมันไม่ใช่การปรุงแต่งนะผมว่า มันเป็นสัญชาติญาณการเป็นเจ้าของมากกว่าครับ
มนุษย์ มีปัญญาา. มีตามอง มีจิตปรุง มี สิ่งเร้าภายนอก บวก สิ่งเร้าภายใน มีแอลกอฮอ กระตุ้นเสพกาม เพื่อความสนุก เพิดเพลิน. คน เสพกาม เพื่อความสนุก เจตนา มีลูก ส่วนน้อย. คนก็มีสิ่งเร้าภายใน กระตุ้นให้มี ความต้องการ ทางเพศ เมื่อเข้าสู่วัย แต่มีกติกา กฎเกณทางสังคม ขัดเส้นกำหนดไว้
มนุษย์ เป็น สิ่งมีชีวิต ที่เดินทางตลอดเวลา เดินทางไปทั่วโลก และ ตอนนี้ก็ออกนอกโลกแล้ว
รายการนี้ผมเรียนรู้ได้เยอะมาเลย เปิดฟังทำความเข้าใจโลกได้ดีมากขึ้นขอบคุณมากครับ😊
พอผมฟังจบแล้ว รุ้สึก want น้อยลงแหะ เหมือนแบบพอจะมีอารมณ์ เรื่องราวที่หมอเอ้วบอกก็ขึ้นมาในหัวแทน 😅
5555 real
เห็นหัวข้อก็อยากจะฟังทันทีเลย😅
ฤดูผสมพัน๔ุ์ของมนุษย์ก็คือช่วงวัยเจริญพัยธุ์ แก่เกินนั้นก็หมดฤดู หันเหเข้าวัดวา ทางจิตใจ ไม่ใช่ม้วนวกกลับมาเพศสัมพันธ์กะรุ่นหลังๆคราวน้อง ลูก หลาน ...
ไมค์สองอันลอยอยู่ตรงกลางมันดูแปลก ถ้าจะตัดก็ควรเอามาทั้งอันหรือตัดออกเลยก็ได้ ฝากถึงทีมงาน
สงสัยมาตั้งแต่เด็ก ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังค่ะ
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ชอบคลิปประมาณนี้สุดๆ อธิบายทุกอย่างด้วยวิทยาศาสตร์❤
มีความรู้ดีมาก ขอบคุณครับ
ผมคิดว่าเพราะมนุษย์พื้นฐานรวมความฉลาดเหนือสัตว์แื่นทางกายภาพเราโคตรอ่อนแอและตายได้ง่ายมาก ปกติก็ตายง่ายอยู่แล้วดันมียาและวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยอีกเลยรอดได้ยาวขึ้นเรื่อย ๆมแต่รากของธรรมชาติกำหนดไว้อยู่แล้วว่าคนแาจตายตอนใหนก็ได้ วิธีการแก้เกมชองธรมชาติก็คือให้คนเอาว์กันได้ทุกฤดูกาลเพื่อการสืบพันธุ์ให้มากและกันการสูญพันธุ์
อยากให้ช่วยอธิบายที่มาของความรู้สึกเขินอายหน่อยคับ ทั้งความเขินอายที่จะเข้าไปจีบฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ความอายที่จะให้เห็นเรือนร่างหรือของลับ ทำไมเสื้อผ้าจึงเป็นมากกว่าเครื่องป้องกันความร้อนความหนาว ทำไมต้องปกปิดไม่แสดงออกเวลามีความต้องการ เพราะดูแล้วสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการจับคู่มากกว่า แต่ทำไมธรรมชาติต้องสร้างให้มนุษย์มีสิ่งนี้
ในโลกนี้บางเผ่าก็ไม่อาย😅 บนเวทีหมอลำ แดนช์ก็ไม่อาย แทบจะแก้ผ้าเต้น😅มันถูกสร่างมาทีหลัง ส่วนใหญ่ก็มาจากผู้นำ ประชาชนก็ทำตาม
ความเขินอายมันคล้ายๆกับความกลัวนั้นเเหละครับ มีไว้เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้จักประมาณนั้น ส่วนเสื้อผ้ามันน่าจะเป็นธรรมเนียมวัฒนธรรมซะมากกว่า
ถ้ามนุษน์ตกไข่แล้วส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์บางชนิดที่อาจารย์บอก สงสัยคงจะหนวกหูน่าดูนะครับ 😊
@@them6483เสื้อผ้ากันฝุ่นเข้าหอยเขัาปู๋ แต่ผมยึดยุคหิน แฟนมาทีไรไม่ใส่เกงในมาเลย กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้
เคยฟังอยู่ การขี้อายมันเป็นสัญชาตญาณอย่างนึงเหมือนกัน เพราะการทำตัวโดนเด่น หรือเป็นจุดสนใจ จะทำให้ถูกเพ่งเล็งมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการอยู่รอด
มนุษย์เรามีฤดูผสมพันธุ์ได้ 2 วัน คือวันฝนตก กับวันฝนไม่ตก มีสัตว์โลกไม่กี่ชนิดที่ผสมพันธุ์เพื่อความสันทนาการ มนุษย์คือหนึ่งในนั้น
ติดตามช่องเพราะรายการนี้เลยค่ะ ฟังเพลินมากๆ
ทำไมแฟนสาวผมต้องการผสมพันธุ์ทุกวันเลยครับ วันละหลายๆรอบ ผมไม่ไหวครับ เห็นตัวเล็กน่ารักๆนึกว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เท่าไหร่ 😢
อารมณ์แบบมา อวดอ่ะ5555
ขิงหมอหรอครับ สู็ๆเป็นกำลังใจให้ครับ
จะอวดแฟนแหละ😂😂😂
มันเป็นปัญหาจริงๆนะครับ ทะเลาะกันมาแล้วเพราะเรื่องนี้เลยครับ
แฟนนายปกตก แต่นายความสามารถในการเด้าต่ำ❤
ได้ความรู้มากๆเลยครับ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ อยากรู้เรื่อง กลไกการ หลังฮอร์โมนช่วงมีเซ็กส์
สามีเราไม่ทำเรื่องนี้มา 5 ปีแล้ว ใน 4 ปีก่อน รวมๆกันแล้วไม่ถึง 10 ครั้ง มาปีนี้ยิ่งไม่มีเลยสักครั้ง รู้สึกว่าความต้องการเราทั้งคู่มันไม่เท่ากัน เหมือนไม่มีสามีเลย
น่าเห็นใจครับจับเข่านั่งคุยกับสามีครับถึงที่มาที่ไปจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข
ว่ากันตามชีวะ ถ้าคุยแล้ว เรียกร้องแล้วยังไม่ทำ แปลว่าถึงเวลาหาผู้ชายใหม่ที่เอาอกเอาใจ
ต่างกับเรา ภรรยา เริ่มมีความต้องน้อยลงเรื่อยๆ แต่เรายังมีความการอยู่
ข้อมูลดีมากครับ ฟังแล้วบรรลุ
เพราะเราผมพันธุ์กันได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ทุกเวลาครับ แตกต่างจากสัตว์ ที่เขามีฤดูผสมพันธุ์ เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ ในช่วงเวลา แต่มนุษย์เรา ผสมพันธุ์เพื่อสนองราคะตัวเองครับ เพราะแทบแยกไม่ออกเลยว่าเซ็กส์ ความชอบ กับความต้องการมีบุตร มันต่างกันตรงไหน ส่วนเรื่องลูก ถือเป็นผลพลอยได้ครับ การที่คนเรามีถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด มันก็ชัดเจนอยู่แล้วครับ
สรุป ถ้ามีเเรงเอาก็อย่าใด้ลังเลคิดโน่นนี่เลย ส่วนหมดไฟหมดแรงแล้วก็ทำใจสบายๆ ชิวๆ เดี๋ยวมันก็ซู่ซ่าขึ้นมาเองคับ
เวลารวม2จอ เห็นไมค์แล้วแปลกๆ ดูไม่สบายตา
ช่ายฮะ อาจจะตัดภาพแคบกว่านี้ หรือ กว่านี้ น่าจะช่วยได้
งงๆ ว่าทำไมเค้าไม่ใช้ไมค์ติดปก เพราะไมค์ติดปกดีๆ เสียงก็ดีไม่แพ้ไมค์ใหญ่แบบนี้อ่ะ
ผู้กำกับฉากเขาอาจลองอะไรใหม่ๆ😅
รืืืืื ❤6+@@dot7fun
เพราะไม่มีฤดูผสมพันธุ์นี่แหละ เราถึงต้องใช้ บริการ “ถุงยาง”
รายการดีมากกกก
ได้ความรู้มากเลยครับ
มนุษยนั้นไม่มีการกำหนดเรื่องผสมพันธ์ เอามันได้ทุกฤดูกาลยิ่งหน้าหนาวจะเอากันนานหน่อย เพราะไม่เสียเหงื่อเสียพลังงานเยอะ ไข่ก้อหดเก่งยิ่งหน้าร้อน ซัมติ้งกันไม่นานเหนื่อยเสียเหงื่อเยอะ แถมไข่ยิ่งยานอีก
พึ่งหลงมา ชอบมากกก อยากให้คลิป2ชม.เลย คลิปสั้นไปอะ
ผมเสียดายที่ได้ฟังช้าไป ,
ไม่ว่าฤดู แค่เวลายังไม่ มี ขอให้เจอและโอกาสเท่านั้นจัดได้
เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่ยังต้องทำไร่ไถนาอยู่ หน้าฝน ฝนตกนานออกมาทำงานไม่ได้ เลยทำเรื่องอย่างว่าแทน
ตามความเข้าใจของผม มนุษย์ต้องผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลาเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอทางกายภาพแต่ฉลาดทางความคิด ธรรมชาติเลยสร้างให้เราผสมพันธุ์ได้ตลอดเผื่อมีโอกาศรอดจากการสูญพันธ์ุให้ได้มากที่สุด
ผมคิดว่าเราไม่น่าอ่อนแอทางกายภาพนะครับ ถือว่าค่อนข้างแข็งแรงด้วย ถ้าเที่ยบกับสัตว์ส่วนมาก ที่ขนาดเล็กกว่าเราซึ่งมีหลายล้านสปีชีส์เลย
@@piyapun3786 ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นถ้าพอมองย้อนไปกัยการเป็นมนุษย์โบราณก็ยังมีนักล่าที่สูงกว่าเราเยอะแข็งแรงเยอะกว่าเรา แต่เราเป็นสัตว์ที่ใช้สมองเลยทำให้รอดมาได้
@@piyapun3786 ผมแอบเห็นด้วยกับคอมเม้นหลักนะครับ ลองมนุษย์ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่มีเสื้อผ้า ตัวเปล่าแบบสัตว์ น่าจะอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบันได้ยากมากครับ
@@piyapun3786 อ่อนแอทางกายน่าจะหมายถึง มนุษย์มีภูมิต้านทานน้อย ถ้าเทียบกับสัตว์มนุษย์จะมีโรคเยอะกว่า แถมยังฟื้นฟูร่างกายได้ช้ากว่าเมื่อได้รับบาดเจ็บ และยังสัมผัสอันตรายได้แคบด้วย
มนุษย์ก็มี ฤดู ประสมพันธุ์เหมือนกัน คุณเอาอะไรมาพูด คนที่พูดมีประสมพันธุ์กี่ครั้งแล้ว หรือ ยังไม่เคย ประสบการณ์ยังไม่เยอะอยากจะพูดอะไรก็พูดเพื่อหาเงินในวิว😂😂😂😂ตลกมาก
คำว่า สัด ที่หมายถึงภาวะพร้อมผสมพันธุ์ใช้ ด.เด็ก สะกด เช่น "ติดสัด" , "เป็นสัด"ส่วนคำว่า สัตว์ หมายถึงชนิดของสิ่งมีชีวิตถ้าใช้ว่า "ติดสัตว์" แปลความหมายจะเพี้ยน
ผมว่าไม่แน่เราอาจจะมีแล้วนะครับ(ในกรณีสืบพันธุ์) แต่อาจไม่ใช่ฤดู อาจเป็นมนุษย์เริ่มใส่ใจกับความพร้อมก่อนที่จะมีลูก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ความมั่นคงปลอดภัย และสภาพแวดล้อม ทั้งในช่วงที่ให้กำเนิด และ ช่วงเจริญเติบโต แต่เอาจริงอาจไม่เกี่ยว 555 ผมแค่โสด หาคู่ไม่ได้สักที😂
ไม่ใช่แค่มนุษย์หรอกที่มกมุ่นเรื่องเพศ สัตว์บางชนิดที่มันฉลาดมากๆจะไม่ได้สนแค่ขยายพันธุ์แต่จะทำเพื่อความต้องการ....เช่น โลมา
มนุษย์เป็นสัตว์ที่วิเศษ มีอารมณ์และความคิดที่ซับซ้อน มีจิตใจ มีสไตล์
อ่านแล้วถึงกะรีบกดเข้ามาดู😂😂
😂😂😂 ใส่ใจเป็น พิเศษ เลยใช่มั้ย😅😅❤❤
กำลังสงสัยตัวเอง ทำไมมันเสี้ยนจัง😅😅
@@เย็ดเบาๆเดี๋ยวลูกตื่น-ฮ2จเบาได้เบาครับ555
ดูโอกาสไม่ดูฤดูกาล😅
@@เย็ดเบาๆเดี๋ยวลูกตื่น-ฮ2จชื่อแบบ😂
สัตว์มนุษย์ มีการพัฒนา กล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจ เพื่อแปรเปลี่ยน สันดานดิบของสิ่งมีชีวิต(ทั้งพืชและสัตว์) 3.อย่างคือ1. เพื่อการขยายพันธุ์ หรือสืบพันธุ์2. เพื่อการเอาชีวิตรอดหรือการต่อสู้เมื่อมีภัย3. การดำรงชีพอยู่ตามอายุของแต่ละspecy
อะไรคือกล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจคะ
@@Anittha262 กล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจ ก็กล้ามเนื้อภายนอกทั้งหลายที่ใช้ในการเคลื่อนไหว ร่วมทั้งกล้ามเนื้อช่วยหายใจ และช่องท้อง ฯลฯส่วนกล้ามเนื้อนอกอำนาจจิตใจคือไม่สามารถใช้สมองสั่งได้ มันทำงานเป็นอัตโนมัติ เป็นไปตามธรรมะชาติ เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจ กล้ามเนื้อในอวัยวะทางเดินอาหาร หลอดอาหารคอ(บางส่วน) กล้ามนื้อภายใน กระเพาะและลำไส้ทั้งหลายเว้นตอนปลายของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
@@harnsakvallasiri3348 ไม่มีกล้ามเนื้ออันไหนบังคับด้วยจิตใจหรือหัวใจเลยนะ เป็นผลงานสมองล้วนๆ
อธิบายไก้ดีมากเลยครับ
ถ้ามีฤดูผสมพันธุ์แบบสัตว์อื่นๆ ในกฏหมายแรงงาน ก็จะมีระบุว่า ลูกจ้างสามารถลางานไปร่วมเพศเพื่อผสมพันธ์ได้ และนั่นในประเทศไทยจะต้องสร้างถนนเพิ่มมากกว่านี้อีกสิบเท่า และเมื่อหนุ่มน้อยสาวน้อยเติบวัยเพอที่จะผสมพันธ์ุได้ก็จะต้องไปพิสูจน์ตัวตน ให้ทางการรับรองเพื่อที่จะเข้าข่ายสิทธิในส่วนของผู้กำลังจะผสมพันธุ์ และต้องไปลงทะเบียนเพื่อยื่นขอมีบุตรอีกขั้นหนึ่ง ที่สำคัญผู้คนทั่วโลกครึ่งหนึ่งจะต้องทำงานด้านสูติแพทย์
(กามภพ)แม้แต่จิ้งหรีด ตักแตน จี้งจก.แม้แต่กิ้งกือ ก็ผสมพันธุ์กันเป็น.(เทวดา ก็ยังบริโภค กาม)
รู้ได้ไงว่าเทวดายังบริโภคกาม
มีแต่หัวข้อน่าสนใจ อยากให้มีสีปดาห์ละ2รอบไปเลย
ผมชอบความกั๊กของหมอเอ้วนะ ขอเก็บไว้ก่อน 555555 สงสัยกลัวคิดหัวข้อ ep ต่อๆไปไม่ออก ต้องมีสำรองเอาไว้
แบ่งหน่อย เดียวเป็นชั่วโมง เรียบเรียงไม่ทัน
เราไม่น่าทำได้ ชอบพูดทีเดียวหมด หมอเก่งมากห้ามใจตัวเองได้ 555555
ผมไม่รู้หรอกเรื่องวันตกใข่ รู้แต่เอาเมื่อไร ก็ท้องเมื่อนั้น ถ้าไม่กินยาคุม😂
เพื่อความมันอย่างอื่นคือผลพลอยได้
โอเคเข้าใจละ เหตุผลนี้เองที่มนุษย์กลายเป็นสัตว์ที่มีประชากรมากที่สุดในโลกมากกว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ 😮
มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยครับ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทไหนมีอาหารการกินดี ที่อยู่ปลอดภัย สัตว์นั้น ๆ ก็จะพัฒนาความต้องการในการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องเลือกฤดูกาลได้ทั้งนั้นแหละครับ ลองไปดูหมาแถวบ้านที่มีอยู่มีกินกันดีหน่อยก็พร้อมจะผสมพันธุ์ได้อย่างไม่จำกัดฤดูกาลแบบที่หมาเดิอน 12 อย่างที่คนสมัยก่อนเขาเรียกกันครับ
การที่สัตว์มีฤดูผสมพันธุ์ เพราะธรรมชาติของอาหารที่ร่างกายได้รับ เช่น 1. วัว มีรอบตกไข่ ประมาณ 21 วัน จึงมีการผสมพันะุ์ทุก 21 วัน แต่ในหน้าแล้ง พืชอาหารตามธรรมชาติไม่สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายไม่พร้อมที่จะตั้งท้อง แม้ได้รับการผสมพันธุ์ ก็จะตั้งท้องได้ยาก ต่อเมื่อเข้าหน้าฝน หญ้าเขียวชอุ่ม เมื่อวัวได้รับอาหารเต็มที่ ทำให้ร่างกายพร้อมที่จะตั้งท้อง จึงทำให้วัวเริ่มมีการตั้งท้องพร้อม ๆ กัน และคลอดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คล้ายกับมีฤดูผสมพันธุ์ แต่ความจริง วัวมีการตกไข่ทุก 21 วัน 2. สัตว์ที่มีฤดูผสมพันธุ์อย่างแท้จริง จะมีรอบการตกไข่ที่ยาวนาน เป็นไปตามฤดูกาล 3. เมื่อพร้อมจะผสมพันธุ์ ถึงรอบที่จะมีการตกไข่ ตัวเมีจะปล่อย pheromone ออกมากระตุ้นให้ตัวผู้มีความต้องการทางเพศ ขณะเดียวกัน ตัวผู้ก็มีระบบประสาทที่สามารถกลั่นกรอง pheromone จากตัวเมียได้ ทำให้มีความต้องการทางเพศ เกิดการผสมพันธุ์ ส่วนในคน ทำไมแยกแยะ pheromone จากสตรีไม่ได้ ????? หรือในสตรี ไม่มีการสร้าง pheromone ??????
😊🎉❤อ่อนหวาน มานมิตรล้น เหลือหลาย หยาบ บ่มีเกลอกราย เกลือกใกล้ ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา สุริยะส่อง ดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง ฯ
ชอบๆๆ
สรุป ผม ปรกติ นี้หว่า ที่ ยาก ผสมพันธุ๋ ตลอดเวลา
ถ้าผู้หญิงซ่อนไข่เป็นวิวัฒนาการ แล้วผู้ชายซ่อนเงินเมียแบบผม เป็นผลมาจากวิวัฒนาการไหมครับ
😂🤣😂🤣😂
มนุษย์เรามักใช้การร่วมเพศเป็นเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์ การสืบพันธุ์ คือการสร้างตัวตาตัวแทนและส่งต่อระหัสพันธุกรรม 🤔 สัตว์เมื่อเกิดการติดสัตว์ หลังจากผสมพันธุ์ มีสัตว์ไม่กี่ชนิดที่มีหน้าที่ในการดูแลครอบครัวและเป็นวิถีของครอบครัวที่มี พ่อแม่ลูก ส่วนใหญ่จะเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาระบบพันธุศาสตร์ วิวัฒนาการของมนุษย์เมื่อถึงจุดอิ่มตัว 🤔 "จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ" "นั่นหนะสิ ก็ต่อเมื่อไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งก็ต้องวนกลับมาสู่เงื่อนไข ถ้า,แล้ว,และ, ก็ต่อเมื่อ " นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เกิดคำว่าคนมาสร้างรายละเอียด เมื่อคนคือคำกริยา แต่เอามาใช้ในบริบท สรรพนาม แล้วเรียกเป็น personality เมื่อเข้าสู่กลุ่ม สังคม ตลอดจนโครงสร้างต่างๆ วิธีการเลือกคู่ของคนก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ยังคํ่า "ผมก็ไม่รู้กับ ESCO ว่ามีความจำเป็นสำคัญมากน้อย แต่มันก็มีความจำเป็นในการพัฒนาการการดำเนินกิจการต่างๆ และมักเป็นต้นกำเนิดของการ investment ต่างๆ แรงดึงดูดใจ แรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ตลอดจนวิธีการในการประสบความสำเร็จ จึงล้วนแต่เกิดจากความฉลาดในวิธีการต่างๆ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดและต้องการซึ่งอาจเรียกได้ว่าเสปค การล็อคเสปค ก็น่าจะเป็นอุปสงค์หนึ่งของแต่ละบุคคล นั้นก็หมายถึง วัฒนาธรรมการทดลองอยู่ยังเป็นที่แพร่หลายกันอย่างเป็นวงกว่้าง 🤔 อะไรคือสาเหตุที่ระบบสังคมเราห่างจากบรรทัดฐานไปเรื่อยๆ 🤔 "นั่นหนะสิ"🤔
มนุษย์บางคน 5 วิก็เสร็จได้
ผมสงสัยเรื่องนึงครับมนุษย์เราคือโฮโมนเซเปี้ยนทั้งหมด แต่ทำไมเราต่างกันครับ อย่างสายพันธุ์สัตว์อื่นแต่ละอันหน้าตามันจะเหมือนกันหมดยกเว้นที่เป็นปลาตระกูลเดียวกัน อย่างปลากัดหม้อ ปลากัดจีน มนุษย์ถือว่าเป็นแบบเดียวกันไหม ตระกูลเดียวกันแต่อยู่คนละวงศ์ คือมนุษย์เรามีสายพันธุ์เอเชีย แอฟริกา ยุโรป อาหรับ คือหน้าตาเราก็ต่างกันไป การใช้วิถีชีวิตก็ต่าง ร่างกายถูกสร้างขึ้นมาในจุดประสงค์ที่ต่างกัน ถ้าดูโอลิมปิกเหมือนจะเห็นว่าแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นไปทางไหน ต่อให้ฝึกหนักเท่ากันแต่ถ้าอยู่ในพื้นฐานร่างกายที่ดีกว่าก็ต้องได้เปรียบกว่า งั้นมันก็ต้องมีเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์นึงที่ฉลาดที่สุด หรือแข็งแรงที่สุดอยู่ใช่ไหมครับ
ชอบหมอเอ้วเล่าเรื่องชีวมากครับ
วันวาเลนไทม์ ลอยกระทง สงกราณต์ ปีใหม่ ฯคือเทศกาลผสมพันธ์😂
อยากฟังเกี่ยวกับ Sadism กับ Masochism ครับ
สิ่งที่เเตกต่างของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือ สติปัญญา ที่พระเจ้าได้ทรงให้เเก้มนุษย์
สิ่งที่แตกต่างระหว่างพระเจ้า กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ คือ ความตาย เพราะพระเจ้า ไม่รู้จักความตาย พระเจ้าจึงสร้างความวุ่นวายจากการเกิดได้ตลอดเวลา ❤❤❤❤❤❤❤
พระเจ้าอะไรของคุณ?😂 โถๆ 😂
รัก...โลภ...โกรธ...เกลียด...และหลง...งง...โง่...งัยคือพระเจ้าของมนุษย์ ทุกวันนี้ทำได้ก็รอไหล.....ไปตามกระแสน้ำ และจมอยู่ใต้โคลนตม.ถ้ามนุษย์มีสติปัญญาและประเสริฐจริงๆ จักปรุงแต่งสร้างวิถีให้ลูกของตน สืบผสมพันธ์กันไปใยตั้งแต่วัยเยาว์ ทุกวันนี้ประชากรโลกมนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอีกเท่าใด ต้องสร้างตึกให้สูงขึ้นอีกกี่ชั้น และจะปลูกกอบัวในอากาศ ได้อย่างไร โดยที่มิต้องอาศัยน้ำและโคลนตม ?
อยากฟังเรื่อง LGBTQ+ ในมุมวิวัฒนาการศาสตร์ว่า ทำไมมนุษย์จึงชอบเพศเดียวกัน
และสัตว์บ้างชนิด
สมองของเกย์ มีงานวิจัยบอกไว้ว่าสมองเกย์แตกต่างจากสมองเพศชายหญิง บางคนเป็นแต่กำเนิดเลย
ฮอโมนครับ มันคือเคมีในร่างกาย ไม่ใช่คำตอบมันชัดมานานแล้วเหรอครับ ผมเรียนตั้งแต่ ม ต้น คนที่เป็นมันติดมาแต่เกิดเลยครับ ทำอะไรให้พวกเขาไม่ได้ พ่อแม่ควรยอมรับถ้าลูกเป็น สอนเขาให้คิดดีทำดี น้องชายผมก็เป็น ก็อยู่ร่วมกันได้ครับ เขาไม่ได้ทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร เรียนจบทำงานใช้ชีวิตไป พ่อกับแม่ไม่โอเคนะ ผมอธิบายเรื่องนี้ จบเคลียร์เลย พวกเขาเลือกไม่ได้ รู้ตัวก็เป็นไปแล้ว
การกลายเพศ หรือการข้ามเพศ เป็นวิวัฒนาการเริ่มต้นของการกลายพันธุ์ เราใกล้สูญพันธุ์แล้วจึงพยามสืบพันธุ์ด้วยตัวเองไม่ง้อเพศตรงข้าม ผมกำลังจะบอกว่ามนุษย์รุ่นถัดไปอาจมีสองเพศในตัวเดียว และสืบพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกของระบบวิวัฒนาการ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและหลายชั่วอายุ
@@อธิปพงษ์เจริญเกตุ-ว5อ กรุณาแยก Abnormality กับ Mutation ออกจากกันครับ ถ้าเกิดในธรรมชาติ ตัวที่ชอบเพศเดียวกันจะตายเพราะไม่ได้สืบพันธุ์ตามกฎของดาร์วิน หรือที่เรียกว่าคัดสรรค์โดยธรรมชาติครับ กรุณานึกรู้ด้วยว่ากระเทยหรืออะไรก็ตามแต่เกิดโดยพ่อแม่ครับ เคารพบิดามารดาด้วย อย่าสุดโต่งให้มากนัก
มนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธุ์ ฟันกันได้ทุกเวลา ทุกสถานการณ์😂😂😂
การปลิดชีวิตตัวเองของมนุษย์มันเป็นการคัดสรรค์ทางธรรมชาติไหม มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทำไหม
ทำ ถ้าเห็นว่าอยู่ไปก็ไม่รอด
เรื่องแบบนี้กี่Ep จบครับ😢
มนุษย์ต้องหาความรู้ทุกวันทั้งชีวิต มันก็จะเข้าใจเรื่องเพศ
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของกลุ่มผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
อยาก มีลูกเยอะไปทำไมถ้าคิดว่าเป็นทายาทสืบทอดมีแค่คนเดียวพอหรือไม่ก็มากสุด2จะหญิงชายสำคัญหรอใช่ไหมแต่ถ้าเขาบริหารทรัพย์ไม่เป็นก็ช่างหัวเขาสิวันหนึ่งถ้าเขาสำนึกผิดและแก้ไขทันก็คงดีได้แต่ถ้าดีไม่ได้บาปใดใครก่อกรรมย่อมตามสนองไม่ต้องชาติหน้าหรอก😢ทำกับพ่อแม่อย่างไรลูกก็จะทำกับเราแบบนั้นเป็นมาในสมัยอาดัมเอวาแต่พอมนุษย์รู้ดีไม่ดีก็เลือกเองสิพระผู้สร้างไม่ได้บังคับแค่เตือนเมื่อไม่ฟังก็ต้องพินาศจริงไหม
คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่ากว่าร่วมรักมีข้อจำกัดต่างกันเช่น ไม่มีเพศสัมพันธ์ในตอนกลางวัน ถ้าคืนเดือนหงายก็ปิดหน้าต่างหรือปิดไฟสำหรับคนรุ่นเก่า วันพระเว้นการร่วมเพศ แต่ปัจจุบันคนไม่ถือกันแล้ว ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ทุกคนนะ ปัจจุบันนี้ยังมีผู้หญิงที่นอนเฉยๆในท่านอนหงายอย่างเดียวมีเพื่อนมาบ่นให้ฟัง
โดยธรรมชาติมนุษย์คงมีมันสมองพิเศษ เห็นปุ๊บ ของขื้นปั๊บ
เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ให้สูญพันธุ์ ถ้าเป็นฤดูเหมือนสัตว์ทั่วไปโอกาสสูญพันธุ์มีมาก เพราะมีความเสี่ยงมากดีกว่า
อยากถามในฐานะ LGBTQ+ อย่างตรงไปตรงมา…ถ้าบอกว่า การที่ ผู้ชายมีอารมณ์เพราะ ผู้หญิงซ่อนไข่แล้วทำไม LGBTQ+ เช่นเกย์ เลสเบี้ยน ถึงมีความต้องการเพศเดียวกัน?ความรู้สึกรักอันนั้นมันเหมือนกับ ผู้ชายหรือผู้หญิงเวลา มีความรักกันไหม?ทำไมธรรมชาติถึงคัดสรรให้มีเพศที่ไม่ทำให้เผ่าพันธุ์คงอยู่ต่อ?เรามีตัวตนอยู่เพื่ออะไรกันนะ?
อ่าน อันนี้ก่อนนะ เดียวขอตอบสิ่งที่คุณถามแทนแอตมินช่อง, ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ที่ผู้ชายมีอารมทางเพศได้ตลอดเวลาเพราะสติปัญญาที่มากกว่าสัตอื่นๆ ฟังดูเหมือนฟังธรรมใช่ไหม ไม่ใช่, จริงการที่เราสามารถเลือกเวลาที่จะมีอารมต่างๆได้ดั่งใจมันจะมีผลเสยถ้าไม่ได้มี สตปญ มากพอ ชึ่งสัตต่างมันก็เป็นอย่างนั้น สัตตัวที่เลือกไม่ปะสมพันธ์ในยามที่ควร ก็ไม่ได้ไปต่อ ส่วนสัตตัวที่ปะสมพันธ์ยามไม่ปลอดพัย ก็อาจตาย ไม่ได้ไปต่อเช่นกัน มันเป็นเรื่องอยากที่สัตจะเลือกเวลา ปสพ ที่เหมาะสมด้วยความคิดของมัน ทำให้สัตที่อยู่รอดมาให้เราเห็นมักมีแต่พวกที่ ปสพ ตามสันชาติทญ ชึ่งมันคือคำตอบว่าถ้าไม่ได้มีสติปัญญามากพอก็ทำตามสันชาติทญไปก่อนจะดีกว่า ชึ่งมนุษนั้นเมื่อเริ่มมี สตปญ มากพอ พวกที่หันมาใช้ สตปญแทน สันชาตทญก็ประสบ คสเร็จมากกว่าจนเหลือแค่แบบที่เราเห็นนี่แหละ.
อย่างเช่นถ้าเราจำเป็นต้องทำงานทุกเดือน ทุกweek เราจะไม่สามารถเลือกฤดูปะสมพันธ์ได้ สุดท้ายแล้วเราต้องปะสมพันธ์เวลาไหนก็ได้ที่มีโอกาศ ไม่งั้นก็ไม่ได้ปะสมพันธ์กันพอดี ชึ่งการที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ้นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่.. ให้มีกาละเทสะ และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอน
LGBTQ+ มี ค.ต.การต่อเพศเดียวกันเพราะ ฮอร์โมนเพศหญิงในเกย์ตอบสนองต่อความเป็นชายที่มีในเกย์อีกคน และ/หรือ ฮอร์โมนเพศชายในเกย์ตองสนองต่อความเป็นหญิงในตัวเกย์อีกคน เพราะถึงฮอร์โมนมันจะไม่เอียงไปขั้วใดขั้วหนึ่งอย่างชัดเจนเหมือนชายหญิง แต่ฮอร์โมนมันก็ยังทำงานของมันได้อยู่และ ทำงานได้ทั้งสองขั้วด้วย จึงเป็นคำตอบว่าทำไมถึงมี Bi/Pan
ในทางจิตวิทย์ ความรักของพวกคุณก็เหมือนแบบ ช ญ นั่นแหละ, ถึงไม่ทำให้มีการถ่ายทอดพันธุกรรมก็ตาม แต่มันทำให้คนเราผ่านช่วงเวลาบางช่วงไปได้ เช่นเวลาเหงา ช่วยให้เราใช้ชีวิตในถานะมนุษผู้สร้างสังคมที่ดีให้คนลุ้นหลังต่อไปได้ อย่าลืมว่า คนเรามี DNA ใกล้เคียงกันมาก การที่เราอยู่เพื่อผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานมันไม่ได้ไร่ค่าสักนิดเลย ผมว่าอย่างน้อยคุณคงมีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกันที่ถ้าพวกเขามีลูก คุณอาจพบว่าลูกของพวกเขาแอบมีหน้าตาคล้ายคุณ หรือนิสัยคล้ายคุณตอนเด็ก คุณอาจไม่ได้ถ่ายทอดพันธุกรรม แต่คุณสามารถถ่ายทอดตัวตนของคุณผ่านแนวคิด ปรัชญา ความรู้ ให้พวกหลานๆที่เกิดใหม่ ให้คนอื่นในสังคมได้ ผมว่ามันอาจจะมีประโยชต่อเผ่าพันธ์มนุษเทียบเท่าหรือมากว่าการถ่ายทอดพันธุกรรมด้วยช้ำ แต่ยังไงซะ หลายๆสิ่งในพันธุกรรมก็อาจจะไม่สามารถถ่ายทอดเป็นแนวคิด ปรัชญาได้ อย่างเช่นสิ่งที่ไม่มีใครเรียนแบบคุณได้ หรือสิ่งที่แม้แต่คุณเองก็ยังไม่เข้าใจแต่ก็ทำได้ดี หรือเป็นความสามารถทางร่างกาย ทางชีวะวิทยา ย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้เป็นคนเพศสภาพที่ไม่ได้สนใจเพศตรงข้ามแล้วก็ถือว่าอาจไม่จำเป็นคิดถึงเรื่องพันธุกรรมแล้ว มาโฟกัสที่การมีชีวิต มีตัวตนในแบบของคุณที่มันยังคงมีประโยชต่อเผ่าพันธ์มนุษอยู่ดี ไม่ต้องน้อยใจ ขะนาด ชาย หญิง straight บางคนยังมองว่าไม่จำเป็นมีลูก เพราะพี่น้องมีลูกเยอะแล้ว ตัวเองเน้นทำในสิ่งที่รัก อยู่กับคนที่รักก็พอแล้ว.
ในความเห็นผม เพราะมนุษย์มีความเข้าใจในองค์ความรู้ และเหตุผลทั้งเรื่องนิสัยใจคอและสิ่งแวดล้อมจนสามารถcontrol สิ่งต่างๆได้
แต่มันเป็นตั้งแต่ที่มนุษย์มีสภาพเหมือนลิงเลยนะ
@@namelastname36531) ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamousถ้าเราจำเป็นต้องทำงานทุกเดือน ทุกweek เราจะไม่สามารถเลือกฤดูปะสมพันธ์ได้ สุดท้ายแล้วเราต้องปะสมพันธ์เวลาไหนก็ได้ที่มีโอกาศ ไม่งั้นก็ไม่ได้ปะสมพันธ์กันพอดี ชึ่งการที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ้นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่..ให้มีกาละเทสะ และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอน
เรื่องนี้.ผมก็สงใสมานานแล้ว.🧐
สงสัย ไม่ใช่ สงใส
ผมว่าอาจาร์ผุ้ชาย เปนทั้งหญิงและชายครับ แกถึงรุ้เรื่องนี้ละเอียดมากๆ
แค่สะกิดก็ของขึ้นแล้ว มีแต่วินาทีผสมพันธุ์
อยากเห็น Human ศาสตร์ X Short cut ปรัชญา ครับ !!
แม่พันธุ์ไม่รู้อยู่ไหน ใช้แม่มือไปก่อน ทำไมหมกมุ่น มันเสียวคับ
แล้วการผสมพันธุ์ในเพศเดียวกันจะอธิบายยังไงครับ?
ควบคุมการขยายพันธุ์
สอบถามคุณหมอหน่อยครับ ถ้ามนุษย์ ไม่ใส่เสื้อผ้าปิดบังร่ายกายเลย จะเป็นอย่างไรบ้าง
น่าสนใจคำตอบ
น่าจะหนาวนะ5555
มนุษย์จะมีฤดูผสมพันธุ์ครับ ปีละครั้งช่วงหน้าหนาว นอกนั้นจะไม่มีความรู้สึกต้องการทางเพศ
น่าจะชินตานะคะ
ต้องเข้าใจบทบาดของเสื้อผ้าต่อเรื่องเพศก่อน: เมื่อเราไม่มีฤดูปะสมพันธ์การที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่เราต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ่นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งสำหลับผู้ชายมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่ต่างๆให้มีกาละเทสะโดยจะเน้นไปที่ผู้หญิงเป็นหลัก และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอนให้ผู้หญิง ทำไม่ผู้ชายชอบยุ่งเรื่องการแต่งกายของผู้หญิง ทำไมผู้ชายไม่ค่อยโอเคกับการโนบราแบบที่เห็นจุกนูนชัดๆ ส่วนผู้หญิงจะสะบายหน่อยเพราะสวิชของผู้หญิงจะอยู่ที่การเล้าโลมทางกายหรือวาจา หรือการใกล้ชิดกับผู้ชาย แค่ไม่ให้ผู้ชายเข้าใกล้เกินไป ไม่ให้พูดจาแทะโลมก็ไม่ว่อกแว่กไม่หมกมุ่นแล้วและถ้าไม่ใส่เสื้อผ้า productivity งานของผู้ชายก็จะลดลงมาก จำนวนการมีเซ็กส์จะเพิ่มขึ้นแต่คุณภาพลดลงจากความชินชา ถ้าการข่มขืนมีโทษหนักผู้หญิงอาจมีอำนาจเหนือผู้ชายจากการใช้ความเซ็กซี่เป็นอำนาจสะกดใจชาย แต่ถ้าการข่มขึนมีโทษเบา ผู้หญิงจะเป็นทาสกามให้ผู้ชายแทน
แล้วทำไมสัตว์ไม่ต้องการ pair bonding
สัตว์ใช้กลิ่นในการกระตุ้นให้ผสมพันธุ์ แต่มนุษย์ใช้จินตนาการไปสร้างความรู้สึก แล้วความรู้สึกไปกระตุ้นให้ร่างกายผสมพันธุ์
เเต่เวลาผสมพันธุ์กลิ่นตัวของผู้หญิงหรือชายก็มีผลนะคะ ส่งผลถึงอารมณ์ในการผสมพันธุ์ค่ะ😊
มีสิครับช่วงเทศกาลลอยกระทงและช่วงวาเลนไทน์ไง คนเกิดเดือนสิงหาเยอะนับย้อนไป 9 เดือนก็ตรงกับช่วงลอยกระทง คนเกิดพฤศิกาก็เยอะนับย้อนไป 9 เดือนก็รงกับกุมภาพันธ์
ชอบมาก
มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ทั่วไป คือ ไม่เลือกฤดูผสมพันธุ์ แต่ต้องเลือกสถานที่ในการผสมพันธุ์สัตว์ทั่วไป เลือกฤดูผสมพันธุ์ แต่ไม่ต้องเลือกสถานที่ผสมพันธุ์😮😮😮
มนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธ์ แต่มีช่วงเจริญพันธ์ ที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมระหว่างวัย
ถ้ามนุษย์มีฤดูผสมพันธุ์ อัตตราการเกิด จะลดลง หรือเสี่ยงสูญพันธุ์เลยก็ว่าใด้ จากเดิม ที่มนุษย์เราสามารถผสมพันธุ์กันได้อิสระอยู่แล้ว แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์มีความคิดมีสมองมีความชอบและไม่ชอบมีความรักและความเกรียดชั่งมีความคิดซับซ้อนมากกว่าสัตว์อื่นใดๆในโลก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงมีคนโสด มากกว่า คนมีคู่ อย่าลืมนะว่าคนเรารักกันใด้ก็เลิกกันใด้ คบๆเลิกๆ แต่สัตว์มันทำตามสัญชาติญาณ รักเดียวใจเดียวเลิกกันไม่ใด้ จุดประสงค์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แต่มนุษย์นั่นคนละเรื่อง รักสนุกแต่ไม่ผูกพันธุ์ คนบางคนมีลูกแค่คนเดียวยังไม่ยอมรับการมีลูกเลย บ้างก็พาไปทำแท้งเอาเด็กออก เป็นบาปมหันต์ เคยอายหมาบ้างไหม หมามันมีลูกเป็น10 มันยังรักลูกมัน
เคยได้ยินแต่ ฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์ แต่ไม่เคยได้ยินฤดูผสมพันธุ์ของมนุษย์ เคยคิดนะ แต่หาคำตอบไม่ได้
ใช่ นอกจากหมดไฟก็จะหยุดไปเอง
คำกล่าวที่ว่า มนุษย์ผสมพันธุ์ไม่เลือกคงไม่เกินจริง
สัตว์ทุกประเภทบนโลกนี้ผสมพันธุ์เพื่อจะสืบพันธุ์ขยายเผ่าพันธุ์มีแต่มนุษย์นี่แหละที่ 4 กันเอาม่วน😂😂
เพราะมนุษย์มีถุงยางอนามัยและเครื่องมือในการคุมกำเนิด แต่ถ้าในสัตว์ถ้ามีอะไรกันโอกาสท้องสูง
ไม่ใช่ ลิงบางชนิด และโลมา สี้กันเพื่อความมัน
😂❤🎉สุขสุด
ขอบคุณครับ
ที่คนไม่มีฤดูผสมพันธ์ แต่มีโอกาสตั้งท้องเดือนละครั้ง เพื่อกระจายอาหารและการช่วยเหลือกันเลี้ยงเด็กครับ ถ้าเด็กเกิดพร้อมกันทีเดียวทั้งกลุ่ม จะดูแลกันลำบาก การทะยอยกันออกลูก ทำให้กลุ่มคนดูแลกันได้ดีกว่า
เพราะแบบนี้ไงมนุษย์เราก็เก่งและให้กำเนิดลูกหลานไปทั่วโลก
ว้าว จริงด้วยครับ
@@kuvncokoj2018 ใช่ครับ ต้องขอบคุณความเvี่ยนและการSwingกิ้งที่ทำให้เรามาได้ไกลขนาดนี้😅
@@Koroko563 แฟนหนูก็เคยพาไปร่วมคะ
@@readwrite1815 ห้ะ กินหม้อสุกกี้หรอครับ
ชอบรายการนี้มาก ทำให้เหมือนเป็นจิ๊กซอร์ต่อ ความรู้ด้านอื่นอีกเยอะ
อยากให้หมอเอ้วอธิบาย ความเป็นผู้นำ ในสัตว์หรือมนุษย์ มีอะไรเป็นปัจจัย บ้าง
มนุษย์ผู้หญิงเราตกไข่เดือนละครั้งไง ไม่ใช่นานๆตกทีแบบสัตว์ ส่วนตัวผู้ถ้าถึงวัยเจริญพันธุ์ก็ออกหาตัวเมียสืบพันธุ์เรื่อยๆอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่มนุษย์จะดูผสมพันธุ์กันบ่อย อีกอย่างมนุษย์ต้องอุ้มท้องตั้ง9เดือนกว่าจะคลอด และท้องทีส่วนใหญ่ก็ท้องได้ลูกทีละคน ถ้าเกิดช่วงนี้ผู้หญิงที่ท้องตุยขึ้นมาหรือโดนสัตว์อื่นฆ่าก็จบ เมื่อเทียบกับสัตว์อื่นที่ท้องทีลูกออกมาเป็นคอก ธรรมชาติมนุษย์ก็ต้องชดเชยการเสี่ยงสูญพันธุ์ด้วยการให้สืบพันธุ์กันบ่อยขึ้นอยู่แล้ว (แต่พอมนุษย์พัฒนามาถึงยุคที่เจริญ หญิงท้องไม่ได้ตายง่าย มันเลยต้องคุมกำเนิดแทน)
Human-ศาสตร์ เป็นคอนเท้นที่ดีมากเลยครับ มีประโยชน์แล้วก็สนุกด้วยครับ จะรอติดตามไปเรี่อยๆนะครับ
ปล.คือพอผมดูไปเรื่อยๆแล้วผมก็มีความสงสัยเกิดขึ้นมาอะครับว่า เรื่องเกี่ยวกับ LGBTQ มันสามารถอธิบายด้วยเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์ได้ด้วยมั้ยครับ
คิดว่าได้นะ เพราะสัตว์เองก็มีเรื่องรักในเพศเดียวกันเหมือนกับมนุษย์....เริ่มแรกบางทีในกรณีเพศชายกับชายอาจเป็นแค่การระบายความใคร่ก็ได้ ส่วนในเพศหญิงกับหญิงน่าจะเป็นความปลอดภัยในจิตใจ....ต่อมาเริ่มมีวัฒนธรรมมากขึ้น ก็จะเริ่มมีรูปลักษณ์มาเกี่ยว ตอนนี้ก็เริ่มเพิ่มมาเป็นตัวแทนของเพศตรงข้าม และเริ่มมีการปลูกฝังเรื่องรูปลักษณ์ด้วยว่าหล่อสวยเป็นไง...แล้วก็ค่อยๆมีการพัฒนาทางความคิดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นรสนิยม...เดาว่าทุกคนสามารถรักเพศเดียวกันได้แต่บางคนอาจจะไม่ไปถึงรักใคร่เพราะยังมีการผูกสัญชาตญานเรื่องการขยายเผ่าพันธุ์อยู่
ธรรมชาติน่าจะจัดสรร การควบคุมประชากรตามธรรมชาติมาแล้วครับ เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด กลุ่ม LGTBQ+ จะไม่ได้ขยายเผ่าพันธุ์มาเพิ่ม เพื่อสมดุลกับกลุ่มที่ขยายเพิ่มเผ่าพันธุ์กัน
@@diamondlam8536 เราว่าอาจจะไม่เสมอไป เพราะสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างวาฬ ตัวผู้ก็มีพฤติกรรมผสมกับเพศผู้ด้วยกัน...กลุ่ม LGTBQ+ ที่จริงยังมีความสามารถขยายเผ่าพันธุ์อยู่ เพราะถ้าธรรมชาติต้องการควบคุมประชากรจริงๆ ประชากรที่เกิดจะต้องเป็นหมัน หรือไม่ก็มีโรคทางพันธุกรรม....LGTBQ+ ที่เขารักเพศเดียวกันและมีลูกไม่ได้บางคู่เขาก็ช่วยเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้ เหมือนกรณีนกเพนกวินที่เป็นเพศเดียวกันจับคู่กันแต่ก็ยังเอาลูกของตัวอื่นมาเลี้ยงแทน เหมือนเป็นการเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ไปในตัวด้วย
อยากฟังเรื่อง pheromones และการที่ผช.สามารถ detect ไข่ตกของผญ.ได้ค่ะ
ส่วนตัวสำหรับผมในฐานะ ผู้ชาย คิดว่าเรื่อง Pheromones เนี่ยสำคัญนะครับ กลิ่นตัวผู้หญิงเวลาตกไข่และไม่ตกไข่ ต่างกัน การได้สัมผัสแตะตัว+ได้กลิ่น ระหว่าง ตกไข่ กับ ช่วงมีประจำเดือนก็ต่างกันครับ
ช่วงที่แฟนมีประจำเดือน การได้กลิ่นตัวเขาหรือแตะเนื้อต้องตัว จะไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ทางเพศหรือแรงขับเลย
ในขณะที่ถ้าเป็นช่วงเวลาตกไข่ (ดูตามแอปนับวันประจำเดือนมา) แค่ได้กลิ่นก็มีอารมณ์ได้นิดหน่อยแล้วครับ ยิ่งแตะเนื้อสัมผัสตัวเขา ยิ่งต้องข่มอารมณ์ลงไปเบา ๆ เลยเพราะมันรู้สึกถูกดึงดูดด้วยแรงขับอะไรบางอย่าง (สัญชาตญาณละมั้ง) ที่สำคัญคืออย่าได้สะบัดผมเปิดคอเชียว ฟีโรโมนมันฟุ้งมาก เห็น+ได้กลิ่น แทบจะกระโดดไปขย้ำดมอยู่ตรงคอ 55555555
ในหนังสือของคุณหมอบอก ว่ามีการทดลอง ที่เอาเสื้อผู้หญิงที่เหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่คนหนึ่งตกไข่ อีกคนไม่ได้ตกไข่ แล้วเอาไปให้ผู้ชายดม สรุป ผู้ชายชอบเสื้อของคนที่ตกไข่มากกว่า
บาร์โคโยตี้ ช่วงที่ผู้หญิงตกไข่จะได้รับเงินจากผู้ชายมากกว่าปกติ😂
อย่างนี้เราพอจะตั้งสมมติฐานได้ไหมครับ ผญ ที่ต้องการมีเช็กส์บ่อยๆ นั่น จริงๆแล้ว คือต้องการให้มีคนมาเอาใจใส่ มาดูแล แต่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องของความรู้สึกทางเพศเป็นหลัก
จริงค่ะ จริง
@@Chocolate_milk333 ขอบคุณครับ
เราว่าทั้งสองอย่างนะคะ หลายคู่ถ้าสามีดูแลดีทุกอย่างแต่ไม่ยอมทำการบ้านภรรยามีบ่นนะ
ไม่มีแฟนสักทีจะ30ละ
@@Jobr1011Assff5:12 จีบผมมา😂
ผมผสมพันธุ์ได้ทุกฤดูครับ ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที ชีวิตมีแต่ผสมพันธุ์เท่านั้น
มนุษย์ก็มีช่วงเหมือนกัน ไม่ต่างจากสัตว์ แต่ที่มนุษย์ผสมพันธุ์ได้ตลอด ก็เพราะมีระบบปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งมันซับซ้อนมากกว่าสัตว์เดรัจฉาน พอเกิดความคิดในกาม กายก็จะสร้างฮอร์โมนขึ้นมา ให้รับรู้สึกอารมณ์... ทั้งๆที่ไม่ใช่ช่วงผสมพันธุ์ ก็เพราะไปคิดปรุงแต่งนั่นเอง
มูลเหตุมาจากไหนครับ บางทีลดผัสสะทางตาคือลดการเสพสื่อแต่ก็ยังมีอารมณ์คือมันจะดึงให้เราไปเสพจนได้ ถ้าผมจะตอบว่าสภาพแวดล้อมที่เราว่าง และความเคยชินจากการซ่องเสพจะได้ไหม เพราะสังเกตตัวเองตอนยุ่งๆกับงานหรือสิ่งต่างๆจะเครียดและไม่มีอารมณ์เป็นอาทิตย์ แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ นั่นแหละเผลอไม่ได้เลย
@@mikky7531 มูลเหตุมาจากผู้หญิงมีช่วงตกไข่และมีประจำเดือน
ผู้ชายจะฝันเปียก อันนี้ผมคิดเล่นๆ(ไม่ใช่วิชาการ คหสต.)
วิเคราะห์จากการแยกรูปแยกนามด้วยครับ
ใช่ครับ เพราะความเคยชิน(อนุสัย)
ปกติร่างกายจะผลิตอสุจิตามธรรมชาติอยู่แล้ว แม้เราจะลดผัสสะ และจิตว่างอยู่(ชั่วคราว)แต่ถ้าใจยังมีกามวิตกเจือปนอยู่ กายก็จะผลิตเพิ่มขึ้นๆมาอีก ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้มนุษย์มีการผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลา ก็เพราะไปคิดปรุงแต่งนั่นเอง
ปล.ต้องมีจิตว่างให้นานที่สุดครับ
เพราะเราไม่ใช่อนาคามี/อรหันต์
@@Rthp_Sww.2024 ยากจริงครับ
❤ มนุษย์เรา...พร้อมผสมพันธุ์ได้ทุกเมื่อ..❤
ส่วนตัวเราคิดว่าฤดูผสมพันธุ์ก็ช่วงประจำเดือนของผู้หญิงแต่ละคนนั่นแหละค่ะ รังไข่จะสร้างไข่ออกมา ส่วนมดลูกจะผลิตเลือดมาหุ้มผนัง เตรียมพร้อมให้ไข่เข้ามาฝังตัวหลังปฏิสนธิเสร็จ ซึ่งในช่วงไข่ตกมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีอารมณ์ทางเพศสูงขึ้น ส่วนผู้ชายไม่ว่ายามไหนก็มีอยู่แล้ว อย่างบางคู่ที่ต้องการมีบุตร เขาจะเล็งช่วงนี้กัน แต่หากไม่เกิดการปฏิสนธิ เลือดก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน เพียงแต่เมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ แค่ไม่มีฤดูผสมพันธุ์ที่ตายตัวเท่านั้นเอง อีกอย่างเพศสัมพันธ์สำหรับมนุษย์ไม่ได้มีเพื่อสืบพันธุ์อย่างเดียว แต่มีเพื่อความสุขด้วย เลยกลายเป็นมีได้ทุกที่ ทุกเวลา
ถูกต้องครับ ผู้ชายมีอารมณ์ตลอดเวลา จากการวิจัยต่างชาติ เผยว่าถ้าย้อนยุคไปก่อนๆที่ไม่มีโรค เราอยู่กันตามธรรมชาติ ผู้ชายวันนึงสามารถทำผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ เกือบ 10 กว่าคนเลย
@@SQUADUPchannel เยอะไปไหมครับ คนโบราณใช้แรงานในการดำเนินชีวิตมาก อาหารการกินก็ไม่ได้เปิดจากตู้เย็น คงไม่เกินวันละครั้งสองครั้ง
@@SQUADUPchannel แล้วยุคไหนครับ ที่ไม่มีโรค วิจัยปลอมแล้วครับ
@@rit2025 ผมพิมพ์ผิดครับ ทางการวิจัยเขาพูดคร่าวๆว่า ถ้าไม่มีโรค หรือกลัวโรค ผู้ชายจะสามารถทำผู้หญิงท้องให้ได้มากครับภายในวันนึง เรียกปรากฏการณ์ coolidge ตัวผู้จะตื่นตัวและมีอารมณ์ทางเพศใหม่อีกครั้งโดยแทบไม่ต้องพักฟื้นเมื่อเจอตัวเมียตัวใหม่ และอีกอย่างสัตว์เกือบหล่ยๆชนิด เพศผู้ถูกตั้งค่ามาให้ผสมพันธุ์จนกว่าจะตุยครับ
เขาก็อธิบาย อยู่ จะมาส่วนตัว คนเดียวได้ไง นี่เขาวิจัยมาทั่วโลก
หายเกลียดวันจันทร์เพราะรายการนี้😊
ก็ปรุงแต่งว่ามันเป็นความรักไง เลยคิดว่ามันมีค่า และคิดว่าความรุ้สึกนั้นคือความเสียว เสียว=สุข เลยไปยึด
ร่างกายมันก็ตอบสนองไปตามธรรมชาตินะ
เพื่อสันธนาการ😅
ถ้าคิดแบบสัตว์ก็จะคิดกันแบบนั้นครับ
ความรู้สึกรักมันไม่ใช่การปรุงแต่งนะผมว่า มันเป็นสัญชาติญาณการเป็นเจ้าของมากกว่าครับ
มนุษย์ มีปัญญาา. มีตามอง มีจิตปรุง มี สิ่งเร้าภายนอก บวก สิ่งเร้าภายใน มีแอลกอฮอ กระตุ้นเสพกาม เพื่อความสนุก เพิดเพลิน. คน เสพกาม เพื่อความสนุก เจตนา มีลูก ส่วนน้อย. คนก็มีสิ่งเร้าภายใน กระตุ้นให้มี ความต้องการ ทางเพศ เมื่อเข้าสู่วัย แต่มีกติกา กฎเกณทางสังคม ขัดเส้นกำหนดไว้
มนุษย์ เป็น สิ่งมีชีวิต ที่เดินทางตลอดเวลา เดินทางไปทั่วโลก และ ตอนนี้ก็ออกนอกโลกแล้ว
รายการนี้ผมเรียนรู้ได้เยอะมาเลย เปิดฟังทำความเข้าใจโลกได้ดีมากขึ้นขอบคุณมากครับ😊
พอผมฟังจบแล้ว รุ้สึก want น้อยลงแหะ เหมือนแบบพอจะมีอารมณ์ เรื่องราวที่หมอเอ้วบอกก็ขึ้นมาในหัวแทน 😅
5555 real
เห็นหัวข้อก็อยากจะฟังทันทีเลย😅
ฤดูผสมพัน๔ุ์ของมนุษย์ก็คือช่วงวัยเจริญพัยธุ์ แก่เกินนั้นก็หมดฤดู หันเหเข้าวัดวา ทางจิตใจ ไม่ใช่ม้วนวกกลับมาเพศสัมพันธ์กะรุ่นหลังๆคราวน้อง ลูก หลาน ...
ไมค์สองอันลอยอยู่ตรงกลางมันดูแปลก ถ้าจะตัดก็ควรเอามาทั้งอันหรือตัดออกเลยก็ได้ ฝากถึงทีมงาน
สงสัยมาตั้งแต่เด็ก ขอบคุณที่อธิบายให้ฟังค่ะ
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ชอบคลิปประมาณนี้สุดๆ อธิบายทุกอย่างด้วยวิทยาศาสตร์❤
มีความรู้ดีมาก ขอบคุณครับ
ผมคิดว่าเพราะมนุษย์พื้นฐานรวมความฉลาดเหนือสัตว์แื่นทางกายภาพเราโคตรอ่อนแอและตายได้ง่ายมาก ปกติก็ตายง่ายอยู่แล้วดันมียาและวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยอีกเลยรอดได้ยาวขึ้นเรื่อย ๆมแต่รากของธรรมชาติกำหนดไว้อยู่แล้วว่าคนแาจตายตอนใหนก็ได้ วิธีการแก้เกมชองธรมชาติก็คือให้คนเอาว์กันได้ทุกฤดูกาลเพื่อการสืบพันธุ์ให้มากและกันการสูญพันธุ์
อยากให้ช่วยอธิบายที่มาของความรู้สึกเขินอายหน่อยคับ ทั้งความเขินอายที่จะเข้าไปจีบฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่ความอายที่จะให้เห็นเรือนร่างหรือของลับ ทำไมเสื้อผ้าจึงเป็นมากกว่าเครื่องป้องกันความร้อนความหนาว ทำไมต้องปกปิดไม่แสดงออกเวลามีความต้องการ เพราะดูแล้วสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการจับคู่มากกว่า แต่ทำไมธรรมชาติต้องสร้างให้มนุษย์มีสิ่งนี้
ในโลกนี้บางเผ่าก็ไม่อาย😅 บนเวทีหมอลำ แดนช์ก็ไม่อาย แทบจะแก้ผ้าเต้น😅มันถูกสร่างมาทีหลัง ส่วนใหญ่ก็มาจากผู้นำ ประชาชนก็ทำตาม
ความเขินอายมันคล้ายๆกับความกลัวนั้นเเหละครับ มีไว้เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้จักประมาณนั้น ส่วนเสื้อผ้ามันน่าจะเป็นธรรมเนียมวัฒนธรรมซะมากกว่า
ถ้ามนุษน์ตกไข่แล้วส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์บางชนิดที่อาจารย์บอก สงสัยคงจะหนวกหูน่าดูนะครับ 😊
@@them6483เสื้อผ้ากันฝุ่นเข้าหอยเขัาปู๋ แต่ผมยึดยุคหิน แฟนมาทีไรไม่ใส่เกงในมาเลย กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้
เคยฟังอยู่ การขี้อายมันเป็นสัญชาตญาณอย่างนึงเหมือนกัน เพราะการทำตัวโดนเด่น หรือเป็นจุดสนใจ จะทำให้ถูกเพ่งเล็งมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการอยู่รอด
มนุษย์เรามีฤดูผสมพันธุ์ได้ 2 วัน คือวันฝนตก กับวันฝนไม่ตก มีสัตว์โลกไม่กี่ชนิดที่ผสมพันธุ์เพื่อความสันทนาการ มนุษย์คือหนึ่งในนั้น
ติดตามช่องเพราะรายการนี้เลยค่ะ ฟังเพลินมากๆ
ทำไมแฟนสาวผมต้องการผสมพันธุ์ทุกวันเลยครับ วันละหลายๆรอบ ผมไม่ไหวครับ เห็นตัวเล็กน่ารักๆนึกว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เท่าไหร่ 😢
อารมณ์แบบมา อวดอ่ะ5555
ขิงหมอหรอครับ สู็ๆเป็นกำลังใจให้ครับ
จะอวดแฟนแหละ😂😂😂
มันเป็นปัญหาจริงๆนะครับ ทะเลาะกันมาแล้วเพราะเรื่องนี้เลยครับ
แฟนนายปกตก แต่นายความสามารถในการเด้าต่ำ❤
ได้ความรู้มากๆเลยครับ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้ อยากรู้เรื่อง กลไกการ หลังฮอร์โมนช่วงมีเซ็กส์
สามีเราไม่ทำเรื่องนี้มา 5 ปีแล้ว ใน 4 ปีก่อน รวมๆกันแล้วไม่ถึง 10 ครั้ง มาปีนี้ยิ่งไม่มีเลยสักครั้ง รู้สึกว่าความต้องการเราทั้งคู่มันไม่เท่ากัน เหมือนไม่มีสามีเลย
น่าเห็นใจครับ
จับเข่านั่งคุยกับสามีครับ
ถึงที่มาที่ไปจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข
ว่ากันตามชีวะ ถ้าคุยแล้ว เรียกร้องแล้วยังไม่ทำ แปลว่าถึงเวลาหาผู้ชายใหม่ที่เอาอกเอาใจ
ต่างกับเรา ภรรยา เริ่มมีความต้องน้อยลงเรื่อยๆ แต่เรายังมีความการอยู่
ข้อมูลดีมากครับ ฟังแล้วบรรลุ
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
เพราะเราผมพันธุ์กันได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ทุกเวลาครับ แตกต่างจากสัตว์ ที่เขามีฤดูผสมพันธุ์ เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ ในช่วงเวลา แต่มนุษย์เรา ผสมพันธุ์เพื่อสนองราคะตัวเองครับ เพราะแทบแยกไม่ออกเลยว่าเซ็กส์ ความชอบ กับความต้องการมีบุตร มันต่างกันตรงไหน ส่วนเรื่องลูก ถือเป็นผลพลอยได้ครับ การที่คนเรามีถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด มันก็ชัดเจนอยู่แล้วครับ
สรุป ถ้ามีเเรงเอาก็อย่าใด้ลังเลคิดโน่นนี่เลย ส่วนหมดไฟหมดแรงแล้วก็ทำใจสบายๆ ชิวๆ เดี๋ยวมันก็ซู่ซ่าขึ้นมาเองคับ
เวลารวม2จอ เห็นไมค์แล้วแปลกๆ ดูไม่สบายตา
ช่ายฮะ อาจจะตัดภาพแคบกว่านี้ หรือ กว่านี้ น่าจะช่วยได้
งงๆ ว่าทำไมเค้าไม่ใช้ไมค์ติดปก เพราะไมค์ติดปกดีๆ เสียงก็ดีไม่แพ้ไมค์ใหญ่แบบนี้อ่ะ
ผู้กำกับฉากเขาอาจลองอะไรใหม่ๆ😅
รืืืืื ❤6+@@dot7fun
เพราะไม่มีฤดูผสมพันธุ์นี่แหละ เราถึงต้องใช้ บริการ “ถุงยาง”
รายการดีมากกกก
ได้ความรู้มากเลยครับ
มนุษยนั้นไม่มีการกำหนดเรื่องผสมพันธ์ เอามันได้ทุกฤดูกาลยิ่งหน้าหนาวจะเอากันนานหน่อย เพราะไม่เสียเหงื่อเสียพลังงานเยอะ ไข่ก้อหดเก่งยิ่งหน้าร้อน ซัมติ้งกันไม่นานเหนื่อยเสียเหงื่อเยอะ แถมไข่ยิ่งยานอีก
พึ่งหลงมา ชอบมากกก อยากให้คลิป2ชม.เลย คลิปสั้นไปอะ
ผมเสียดายที่ได้ฟังช้าไป ,
ไม่ว่าฤดู แค่เวลายังไม่ มี ขอให้เจอและโอกาสเท่านั้นจัดได้
เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่ยังต้องทำไร่ไถนาอยู่ หน้าฝน ฝนตกนานออกมาทำงานไม่ได้ เลยทำเรื่องอย่างว่าแทน
ตามความเข้าใจของผม มนุษย์ต้องผสมพันธุ์ได้ตลอดเวลาเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอทางกายภาพแต่ฉลาดทางความคิด ธรรมชาติเลยสร้างให้เราผสมพันธุ์ได้ตลอดเผื่อมีโอกาศรอดจากการสูญพันธ์ุให้ได้มากที่สุด
ผมคิดว่าเราไม่น่าอ่อนแอทางกายภาพนะครับ ถือว่าค่อนข้างแข็งแรงด้วย ถ้าเที่ยบกับสัตว์ส่วนมาก ที่ขนาดเล็กกว่าเราซึ่งมีหลายล้านสปีชีส์เลย
@@piyapun3786 ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นถ้าพอมองย้อนไปกัยการเป็นมนุษย์โบราณก็ยังมีนักล่าที่สูงกว่าเราเยอะแข็งแรงเยอะกว่าเรา แต่เราเป็นสัตว์ที่ใช้สมองเลยทำให้รอดมาได้
@@piyapun3786 ผมแอบเห็นด้วยกับคอมเม้นหลักนะครับ ลองมนุษย์ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่มีเสื้อผ้า ตัวเปล่าแบบสัตว์ น่าจะอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมปัจจุบันได้ยากมากครับ
@@piyapun3786 อ่อนแอทางกายน่าจะหมายถึง มนุษย์มีภูมิต้านทานน้อย ถ้าเทียบกับสัตว์มนุษย์จะมีโรคเยอะกว่า แถมยังฟื้นฟูร่างกายได้ช้ากว่าเมื่อได้รับบาดเจ็บ และยังสัมผัสอันตรายได้แคบด้วย
มนุษย์ก็มี ฤดู ประสมพันธุ์เหมือนกัน คุณเอาอะไรมาพูด คนที่พูดมีประสมพันธุ์กี่ครั้งแล้ว หรือ ยังไม่เคย ประสบการณ์ยังไม่เยอะอยากจะพูดอะไรก็พูดเพื่อหาเงินในวิว😂😂😂😂ตลกมาก
คำว่า สัด ที่หมายถึงภาวะพร้อมผสมพันธุ์
ใช้ ด.เด็ก สะกด เช่น "ติดสัด" , "เป็นสัด"
ส่วนคำว่า สัตว์ หมายถึงชนิดของสิ่งมีชีวิต
ถ้าใช้ว่า "ติดสัตว์" แปลความหมายจะเพี้ยน
ผมว่าไม่แน่เราอาจจะมีแล้วนะครับ(ในกรณีสืบพันธุ์) แต่อาจไม่ใช่ฤดู อาจเป็นมนุษย์เริ่มใส่ใจกับความพร้อมก่อนที่จะมีลูก ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ ความมั่นคงปลอดภัย และสภาพแวดล้อม ทั้งในช่วงที่ให้กำเนิด และ ช่วงเจริญเติบโต แต่เอาจริงอาจไม่เกี่ยว 555 ผมแค่โสด หาคู่ไม่ได้สักที😂
ไม่ใช่แค่มนุษย์หรอกที่มกมุ่นเรื่องเพศ สัตว์บางชนิดที่มันฉลาดมากๆจะไม่ได้สนแค่ขยายพันธุ์แต่จะทำเพื่อความต้องการ....เช่น โลมา
มนุษย์เป็นสัตว์ที่วิเศษ มีอารมณ์และความคิดที่ซับซ้อน มีจิตใจ มีสไตล์
อ่านแล้วถึงกะรีบกดเข้ามาดู😂😂
😂😂😂 ใส่ใจเป็น พิเศษ เลยใช่มั้ย😅😅❤❤
กำลังสงสัยตัวเอง ทำไมมันเสี้ยนจัง😅😅
@@เย็ดเบาๆเดี๋ยวลูกตื่น-ฮ2จเบาได้เบาครับ555
ดูโอกาสไม่ดูฤดูกาล😅
@@เย็ดเบาๆเดี๋ยวลูกตื่น-ฮ2จชื่อแบบ😂
สัตว์มนุษย์ มีการพัฒนา กล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจ เพื่อแปรเปลี่ยน สันดานดิบของสิ่งมีชีวิต(ทั้งพืชและสัตว์) 3.อย่างคือ
1. เพื่อการขยายพันธุ์ หรือสืบพันธุ์
2. เพื่อการเอาชีวิตรอดหรือการต่อสู้เมื่อมีภัย
3. การดำรงชีพอยู่ตามอายุของแต่ละspecy
อะไรคือกล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจคะ
@@Anittha262 กล้ามเนื้อในอำนาจจิตใจ ก็กล้ามเนื้อภายนอกทั้งหลายที่ใช้ในการเคลื่อนไหว ร่วมทั้งกล้ามเนื้อช่วยหายใจ และช่องท้อง ฯลฯ
ส่วนกล้ามเนื้อนอกอำนาจจิตใจคือไม่สามารถใช้สมองสั่งได้ มันทำงานเป็นอัตโนมัติ เป็นไปตามธรรมะชาติ เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจ กล้ามเนื้อในอวัยวะทางเดินอาหาร หลอดอาหารคอ(บางส่วน) กล้ามนื้อภายใน กระเพาะและลำไส้ทั้งหลายเว้นตอนปลายของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
@@harnsakvallasiri3348 ไม่มีกล้ามเนื้ออันไหนบังคับด้วยจิตใจหรือหัวใจเลยนะ เป็นผลงานสมองล้วนๆ
อธิบายไก้ดีมากเลยครับ
ถ้ามีฤดูผสมพันธุ์แบบสัตว์อื่นๆ ในกฏหมายแรงงาน ก็จะมีระบุว่า ลูกจ้างสามารถลางานไปร่วมเพศเพื่อผสมพันธ์ได้ และนั่นในประเทศไทยจะต้องสร้างถนนเพิ่มมากกว่านี้อีกสิบเท่า และเมื่อหนุ่มน้อยสาวน้อยเติบวัยเพอที่จะผสมพันธ์ุได้ก็จะต้องไปพิสูจน์ตัวตน ให้ทางการรับรองเพื่อที่จะเข้าข่ายสิทธิในส่วนของผู้กำลังจะผสมพันธุ์ และต้องไปลงทะเบียนเพื่อยื่นขอมีบุตรอีกขั้นหนึ่ง ที่สำคัญผู้คนทั่วโลกครึ่งหนึ่งจะต้องทำงานด้านสูติแพทย์
(กามภพ)แม้แต่จิ้งหรีด ตักแตน จี้งจก.
แม้แต่กิ้งกือ ก็ผสมพันธุ์กันเป็น.
(เทวดา ก็ยังบริโภค กาม)
รู้ได้ไงว่าเทวดายังบริโภคกาม
มีแต่หัวข้อน่าสนใจ อยากให้มีสีปดาห์ละ2รอบไปเลย
ผมชอบความกั๊กของหมอเอ้วนะ ขอเก็บไว้ก่อน 555555 สงสัยกลัวคิดหัวข้อ ep ต่อๆไปไม่ออก ต้องมีสำรองเอาไว้
แบ่งหน่อย เดียวเป็นชั่วโมง เรียบเรียงไม่ทัน
เราไม่น่าทำได้ ชอบพูดทีเดียวหมด หมอเก่งมากห้ามใจตัวเองได้ 555555
ผมไม่รู้หรอกเรื่องวันตกใข่ รู้แต่เอาเมื่อไร ก็ท้องเมื่อนั้น ถ้าไม่กินยาคุม😂
เพื่อความมันอย่างอื่นคือผลพลอยได้
โอเคเข้าใจละ เหตุผลนี้เองที่มนุษย์กลายเป็นสัตว์ที่มีประชากรมากที่สุดในโลกมากกว่าสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ 😮
มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยครับ ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทไหนมีอาหารการกินดี ที่อยู่ปลอดภัย สัตว์นั้น ๆ ก็จะพัฒนาความต้องการในการสืบพันธุ์ที่ไม่ต้องเลือกฤดูกาลได้ทั้งนั้นแหละครับ ลองไปดูหมาแถวบ้านที่มีอยู่มีกินกันดีหน่อยก็พร้อมจะผสมพันธุ์ได้อย่างไม่จำกัดฤดูกาลแบบที่หมาเดิอน 12 อย่างที่คนสมัยก่อนเขาเรียกกันครับ
การที่สัตว์มีฤดูผสมพันธุ์ เพราะธรรมชาติของอาหารที่ร่างกายได้รับ เช่น 1. วัว มีรอบตกไข่ ประมาณ 21 วัน จึงมีการผสมพันะุ์ทุก 21 วัน แต่ในหน้าแล้ง พืชอาหารตามธรรมชาติไม่สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายไม่พร้อมที่จะตั้งท้อง แม้ได้รับการผสมพันธุ์ ก็จะตั้งท้องได้ยาก ต่อเมื่อเข้าหน้าฝน หญ้าเขียวชอุ่ม เมื่อวัวได้รับอาหารเต็มที่ ทำให้ร่างกายพร้อมที่จะตั้งท้อง จึงทำให้วัวเริ่มมีการตั้งท้องพร้อม ๆ กัน และคลอดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คล้ายกับมีฤดูผสมพันธุ์ แต่ความจริง วัวมีการตกไข่ทุก 21 วัน 2. สัตว์ที่มีฤดูผสมพันธุ์อย่างแท้จริง จะมีรอบการตกไข่ที่ยาวนาน เป็นไปตามฤดูกาล 3. เมื่อพร้อมจะผสมพันธุ์ ถึงรอบที่จะมีการตกไข่ ตัวเมีจะปล่อย pheromone ออกมากระตุ้นให้ตัวผู้มีความต้องการทางเพศ ขณะเดียวกัน ตัวผู้ก็มีระบบประสาทที่สามารถกลั่นกรอง pheromone จากตัวเมียได้ ทำให้มีความต้องการทางเพศ เกิดการผสมพันธุ์ ส่วนในคน ทำไมแยกแยะ pheromone จากสตรีไม่ได้ ????? หรือในสตรี ไม่มีการสร้าง pheromone ??????
😊🎉❤อ่อนหวาน มานมิตรล้น เหลือหลาย
หยาบ บ่มีเกลอกราย เกลือกใกล้
ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา
สุริยะส่อง ดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง ฯ
ชอบๆๆ
สรุป ผม ปรกติ นี้หว่า ที่ ยาก ผสมพันธุ๋ ตลอดเวลา
ถ้าผู้หญิงซ่อนไข่เป็นวิวัฒนาการ แล้วผู้ชายซ่อนเงินเมียแบบผม เป็นผลมาจากวิวัฒนาการไหมครับ
😂🤣😂🤣😂
มนุษย์เรามักใช้การร่วมเพศเป็นเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์
การสืบพันธุ์ คือการสร้างตัวตาตัวแทนและส่งต่อระหัสพันธุกรรม
🤔 สัตว์เมื่อเกิดการติดสัตว์ หลังจากผสมพันธุ์ มีสัตว์ไม่กี่ชนิดที่มีหน้าที่ในการดูแลครอบครัวและเป็นวิถีของครอบครัวที่มี พ่อแม่ลูก ส่วนใหญ่จะเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาระบบพันธุศาสตร์
วิวัฒนาการของมนุษย์เมื่อถึงจุดอิ่มตัว 🤔 "จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ"
"นั่นหนะสิ ก็ต่อเมื่อไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องทำอย่างนั้น ซึ่งก็ต้องวนกลับมาสู่เงื่อนไข ถ้า,แล้ว,และ, ก็ต่อเมื่อ "
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เกิดคำว่าคนมาสร้างรายละเอียด
เมื่อคนคือคำกริยา แต่เอามาใช้ในบริบท สรรพนาม แล้วเรียกเป็น personality เมื่อเข้าสู่กลุ่ม สังคม ตลอดจนโครงสร้างต่างๆ วิธีการเลือกคู่ของคนก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ยังคํ่า
"ผมก็ไม่รู้กับ ESCO ว่ามีความจำเป็นสำคัญมากน้อย แต่มันก็มีความจำเป็นในการพัฒนาการการดำเนินกิจการต่างๆ และมักเป็นต้นกำเนิดของการ investment ต่างๆ
แรงดึงดูดใจ แรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ตลอดจนวิธีการในการประสบความสำเร็จ จึงล้วนแต่เกิดจากความฉลาดในวิธีการต่างๆ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดและต้องการซึ่งอาจเรียกได้ว่าเสปค
การล็อคเสปค ก็น่าจะเป็นอุปสงค์หนึ่งของแต่ละบุคคล นั้นก็หมายถึง วัฒนาธรรมการทดลองอยู่ยังเป็นที่แพร่หลายกันอย่างเป็นวงกว่้าง
🤔 อะไรคือสาเหตุที่ระบบสังคมเราห่างจากบรรทัดฐานไปเรื่อยๆ
🤔 "นั่นหนะสิ"🤔
มนุษย์บางคน 5 วิก็เสร็จได้
ผมสงสัยเรื่องนึงครับมนุษย์เราคือโฮโมนเซเปี้ยนทั้งหมด แต่ทำไมเราต่างกันครับ อย่างสายพันธุ์สัตว์อื่นแต่ละอันหน้าตามันจะเหมือนกันหมดยกเว้นที่เป็นปลาตระกูลเดียวกัน อย่างปลากัดหม้อ ปลากัดจีน มนุษย์ถือว่าเป็นแบบเดียวกันไหม ตระกูลเดียวกันแต่อยู่คนละวงศ์ คือมนุษย์เรามีสายพันธุ์เอเชีย แอฟริกา ยุโรป อาหรับ คือหน้าตาเราก็ต่างกันไป การใช้วิถีชีวิตก็ต่าง ร่างกายถูกสร้างขึ้นมาในจุดประสงค์ที่ต่างกัน ถ้าดูโอลิมปิกเหมือนจะเห็นว่าแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นไปทางไหน ต่อให้ฝึกหนักเท่ากันแต่ถ้าอยู่ในพื้นฐานร่างกายที่ดีกว่าก็ต้องได้เปรียบกว่า งั้นมันก็ต้องมีเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์นึงที่ฉลาดที่สุด หรือแข็งแรงที่สุดอยู่ใช่ไหมครับ
ชอบหมอเอ้วเล่าเรื่องชีวมากครับ
วันวาเลนไทม์ ลอยกระทง สงกราณต์ ปีใหม่ ฯคือเทศกาลผสมพันธ์😂
อยากฟังเกี่ยวกับ Sadism กับ Masochism ครับ
สิ่งที่เเตกต่างของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือ สติปัญญา ที่พระเจ้าได้ทรงให้เเก้มนุษย์
สิ่งที่แตกต่างระหว่างพระเจ้า กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ คือ ความตาย
เพราะพระเจ้า ไม่รู้จักความตาย พระเจ้าจึงสร้างความวุ่นวายจากการเกิดได้ตลอดเวลา ❤❤❤❤❤❤❤
พระเจ้าอะไรของคุณ?😂 โถๆ 😂
รัก...โลภ...โกรธ...เกลียด...และหลง...งง...โง่...งัยคือพระเจ้าของมนุษย์ ทุกวันนี้ทำได้ก็รอไหล.....ไปตามกระแสน้ำ และจมอยู่ใต้โคลนตม.
ถ้ามนุษย์มีสติปัญญาและประเสริฐจริงๆ จักปรุงแต่งสร้างวิถีให้ลูกของตน สืบผสมพันธ์กันไปใยตั้งแต่วัยเยาว์ ทุกวันนี้ประชากรโลกมนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นอีกเท่าใด ต้องสร้างตึกให้สูงขึ้นอีกกี่ชั้น และจะปลูกกอบัวในอากาศ ได้อย่างไร โดยที่มิต้องอาศัยน้ำและโคลนตม ?
อยากฟังเรื่อง LGBTQ+ ในมุมวิวัฒนาการศาสตร์ว่า ทำไมมนุษย์จึงชอบเพศเดียวกัน
และสัตว์บ้างชนิด
สมองของเกย์ มีงานวิจัยบอกไว้ว่าสมองเกย์แตกต่างจากสมองเพศชายหญิง บางคนเป็นแต่กำเนิดเลย
ฮอโมนครับ มันคือเคมีในร่างกาย ไม่ใช่คำตอบมันชัดมานานแล้วเหรอครับ ผมเรียนตั้งแต่ ม ต้น คนที่เป็นมันติดมาแต่เกิดเลยครับ ทำอะไรให้พวกเขาไม่ได้ พ่อแม่ควรยอมรับถ้าลูกเป็น สอนเขาให้คิดดีทำดี น้องชายผมก็เป็น ก็อยู่ร่วมกันได้ครับ เขาไม่ได้ทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้ใคร เรียนจบทำงานใช้ชีวิตไป พ่อกับแม่ไม่โอเคนะ ผมอธิบายเรื่องนี้ จบเคลียร์เลย พวกเขาเลือกไม่ได้ รู้ตัวก็เป็นไปแล้ว
การกลายเพศ หรือการข้ามเพศ เป็นวิวัฒนาการเริ่มต้นของการกลายพันธุ์ เราใกล้สูญพันธุ์แล้วจึงพยามสืบพันธุ์ด้วยตัวเองไม่ง้อเพศตรงข้าม ผมกำลังจะบอกว่ามนุษย์รุ่นถัดไปอาจมีสองเพศในตัวเดียว และสืบพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกของระบบวิวัฒนาการ ซึ่งมันต้องใช้เวลาและหลายชั่วอายุ
@@อธิปพงษ์เจริญเกตุ-ว5อ กรุณาแยก Abnormality กับ Mutation ออกจากกันครับ ถ้าเกิดในธรรมชาติ ตัวที่ชอบเพศเดียวกันจะตายเพราะไม่ได้สืบพันธุ์ตามกฎของดาร์วิน หรือที่เรียกว่าคัดสรรค์โดยธรรมชาติครับ กรุณานึกรู้ด้วยว่ากระเทยหรืออะไรก็ตามแต่เกิดโดยพ่อแม่ครับ เคารพบิดามารดาด้วย อย่าสุดโต่งให้มากนัก
มนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธุ์ ฟันกันได้ทุกเวลา ทุกสถานการณ์😂😂😂
การปลิดชีวิตตัวเองของมนุษย์มันเป็นการคัดสรรค์ทางธรรมชาติไหม มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ทำไหม
ทำ ถ้าเห็นว่าอยู่ไปก็ไม่รอด
เรื่องแบบนี้กี่Ep จบครับ😢
มนุษย์ต้องหาความรู้ทุกวันทั้งชีวิต มันก็จะเข้าใจเรื่องเพศ
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของกลุ่มผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
อยาก มีลูกเยอะไปทำไมถ้าคิดว่าเป็นทายาทสืบทอดมีแค่คนเดียวพอหรือไม่ก็มากสุด2จะหญิงชายสำคัญหรอใช่ไหมแต่ถ้าเขาบริหารทรัพย์ไม่เป็นก็ช่างหัวเขาสิวันหนึ่งถ้าเขาสำนึกผิดและแก้ไขทันก็คงดีได้แต่ถ้าดีไม่ได้บาปใดใครก่อกรรมย่อมตามสนองไม่ต้องชาติหน้าหรอก😢ทำกับพ่อแม่อย่างไรลูกก็จะทำกับเราแบบนั้นเป็นมาในสมัยอาดัมเอวาแต่พอมนุษย์รู้ดีไม่ดีก็เลือกเองสิพระผู้สร้างไม่ได้บังคับแค่เตือนเมื่อไม่ฟังก็ต้องพินาศจริงไหม
คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่ากว่าร่วมรักมีข้อจำกัดต่างกันเช่น ไม่มีเพศสัมพันธ์ในตอนกลางวัน ถ้าคืนเดือนหงายก็ปิดหน้าต่างหรือปิดไฟสำหรับคนรุ่นเก่า วันพระเว้นการร่วมเพศ แต่ปัจจุบันคนไม่ถือกันแล้ว ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ทุกคนนะ ปัจจุบันนี้ยังมีผู้หญิงที่นอนเฉยๆในท่านอนหงายอย่างเดียวมีเพื่อนมาบ่นให้ฟัง
โดยธรรมชาติมนุษย์คงมีมันสมองพิเศษ เห็นปุ๊บ ของขื้นปั๊บ
เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ให้สูญพันธุ์ ถ้าเป็นฤดูเหมือนสัตว์ทั่วไปโอกาสสูญพันธุ์มีมาก เพราะมีความเสี่ยงมากดีกว่า
อยากถามในฐานะ LGBTQ+ อย่างตรงไปตรงมา…
ถ้าบอกว่า การที่ ผู้ชายมีอารมณ์เพราะ ผู้หญิงซ่อนไข่
แล้วทำไม LGBTQ+ เช่นเกย์ เลสเบี้ยน ถึงมีความต้องการเพศเดียวกัน?
ความรู้สึกรักอันนั้นมันเหมือนกับ ผู้ชายหรือผู้หญิงเวลา มีความรักกันไหม?
ทำไมธรรมชาติถึงคัดสรรให้มีเพศที่ไม่ทำให้เผ่าพันธุ์คงอยู่ต่อ?
เรามีตัวตนอยู่เพื่ออะไรกันนะ?
อ่าน อันนี้ก่อนนะ เดียวขอตอบสิ่งที่คุณถามแทนแอตมินช่อง, ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ที่ผู้ชายมีอารมทางเพศได้ตลอดเวลาเพราะสติปัญญาที่มากกว่าสัตอื่นๆ ฟังดูเหมือนฟังธรรมใช่ไหม ไม่ใช่, จริงการที่เราสามารถเลือกเวลาที่จะมีอารมต่างๆได้ดั่งใจมันจะมีผลเสยถ้าไม่ได้มี สตปญ มากพอ ชึ่งสัตต่างมันก็เป็นอย่างนั้น สัตตัวที่เลือกไม่ปะสมพันธ์ในยามที่ควร ก็ไม่ได้ไปต่อ ส่วนสัตตัวที่ปะสมพันธ์ยามไม่ปลอดพัย ก็อาจตาย ไม่ได้ไปต่อเช่นกัน มันเป็นเรื่องอยากที่สัตจะเลือกเวลา ปสพ ที่เหมาะสมด้วยความคิดของมัน ทำให้สัตที่อยู่รอดมาให้เราเห็นมักมีแต่พวกที่ ปสพ ตามสันชาติทญ ชึ่งมันคือคำตอบว่าถ้าไม่ได้มีสติปัญญามากพอก็ทำตามสันชาติทญไปก่อนจะดีกว่า ชึ่งมนุษนั้นเมื่อเริ่มมี สตปญ มากพอ พวกที่หันมาใช้ สตปญแทน สันชาตทญก็ประสบ คสเร็จมากกว่าจนเหลือแค่แบบที่เราเห็นนี่แหละ.
อย่างเช่นถ้าเราจำเป็นต้องทำงานทุกเดือน ทุกweek เราจะไม่สามารถเลือกฤดูปะสมพันธ์ได้ สุดท้ายแล้วเราต้องปะสมพันธ์เวลาไหนก็ได้ที่มีโอกาศ ไม่งั้นก็ไม่ได้ปะสมพันธ์กันพอดี ชึ่งการที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ้นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่..
ให้มีกาละเทสะ และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอน
LGBTQ+ มี ค.ต.การต่อเพศเดียวกันเพราะ ฮอร์โมนเพศหญิงในเกย์ตอบสนองต่อความเป็นชายที่มีในเกย์อีกคน และ/หรือ ฮอร์โมนเพศชายในเกย์ตองสนองต่อความเป็นหญิงในตัวเกย์อีกคน เพราะถึงฮอร์โมนมันจะไม่เอียงไปขั้วใดขั้วหนึ่งอย่างชัดเจนเหมือนชายหญิง แต่ฮอร์โมนมันก็ยังทำงานของมันได้อยู่และ ทำงานได้ทั้งสองขั้วด้วย จึงเป็นคำตอบว่าทำไมถึงมี Bi/Pan
ในทางจิตวิทย์ ความรักของพวกคุณก็เหมือนแบบ ช ญ นั่นแหละ, ถึงไม่ทำให้มีการถ่ายทอดพันธุกรรมก็ตาม แต่มันทำให้คนเราผ่านช่วงเวลาบางช่วงไปได้ เช่นเวลาเหงา ช่วยให้เราใช้ชีวิตในถานะมนุษผู้สร้างสังคมที่ดีให้คนลุ้นหลังต่อไปได้ อย่าลืมว่า คนเรามี DNA ใกล้เคียงกันมาก การที่เราอยู่เพื่อผู้อื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานมันไม่ได้ไร่ค่าสักนิดเลย ผมว่าอย่างน้อยคุณคงมีพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกันที่ถ้าพวกเขามีลูก คุณอาจพบว่าลูกของพวกเขาแอบมีหน้าตาคล้ายคุณ หรือนิสัยคล้ายคุณตอนเด็ก คุณอาจไม่ได้ถ่ายทอดพันธุกรรม แต่คุณสามารถถ่ายทอดตัวตนของคุณผ่านแนวคิด ปรัชญา ความรู้ ให้พวกหลานๆที่เกิดใหม่ ให้คนอื่นในสังคมได้ ผมว่ามันอาจจะมีประโยชต่อเผ่าพันธ์มนุษเทียบเท่าหรือมากว่าการถ่ายทอดพันธุกรรมด้วยช้ำ แต่ยังไงซะ หลายๆสิ่งในพันธุกรรมก็อาจจะไม่สามารถถ่ายทอดเป็นแนวคิด ปรัชญาได้ อย่างเช่นสิ่งที่ไม่มีใครเรียนแบบคุณได้ หรือสิ่งที่แม้แต่คุณเองก็ยังไม่เข้าใจแต่ก็ทำได้ดี หรือเป็นความสามารถทางร่างกาย ทางชีวะวิทยา ย่างไรก็ตามเมื่อคุณได้เป็นคนเพศสภาพที่ไม่ได้สนใจเพศตรงข้ามแล้วก็ถือว่าอาจไม่จำเป็นคิดถึงเรื่องพันธุกรรมแล้ว มาโฟกัสที่การมีชีวิต มีตัวตนในแบบของคุณที่มันยังคงมีประโยชต่อเผ่าพันธ์มนุษอยู่ดี ไม่ต้องน้อยใจ ขะนาด ชาย หญิง straight บางคนยังมองว่าไม่จำเป็นมีลูก เพราะพี่น้องมีลูกเยอะแล้ว ตัวเองเน้นทำในสิ่งที่รัก อยู่กับคนที่รักก็พอแล้ว.
ในความเห็นผม เพราะมนุษย์มีความเข้าใจในองค์ความรู้ และเหตุผลทั้งเรื่องนิสัยใจคอและสิ่งแวดล้อมจนสามารถcontrol สิ่งต่างๆได้
แต่มันเป็นตั้งแต่ที่มนุษย์มีสภาพเหมือนลิงเลยนะ
@@namelastname3653
1) ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ถ้าเราจำเป็นต้องทำงานทุกเดือน ทุกweek เราจะไม่สามารถเลือกฤดูปะสมพันธ์ได้ สุดท้ายแล้วเราต้องปะสมพันธ์เวลาไหนก็ได้ที่มีโอกาศ ไม่งั้นก็ไม่ได้ปะสมพันธ์กันพอดี ชึ่งการที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ้นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่..
ให้มีกาละเทสะ และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอน
เรื่องนี้.ผมก็สงใสมานานแล้ว.🧐
สงสัย ไม่ใช่ สงใส
ผู้หญิงไม่ได้ซ่อนไข่ครับ มันแค่เพราะว่าผู้หญิงมีวิธีใหม่ในการคัดเลือกผู้ชาย เป็นวิธีที่มาพร้อมกับสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับที่คุณหมอบอกว่า สันชาติทญ ถูกลดทอนบทบาดลงจากการพัทนาขึ้นมาของสติปัญญา ชึ่งทำให้ผู้หญิงเลือกที่จะดูผู้ชายให้นานขึ้น ดูในช่วงเวลาที่หลากหลายขึ้น ไม่ใช่ดูเฉพาะเวลาที่ผู้ชายอยาก ปะสม พ ผู้ชายเองก็มีสติปัญญาที่เพิ่มขึ้น สามารถควบคุมอารมทางเพศมากขึ้นสามารถที่จะไม่ปะสมพันธ์ทั้งๆที่จะปะสมพันธ์ตอนนั้นเลยก็ทำได้ ทำให้ผู้ชายสามารถที่จะสานสำพันท์กับผู้หญิงเป็นระยะเวลานานขึ้น สามารถรู้จักนิสัยใจคอกันดีๆก่อนที่จะได้ปะสมพันธุจริง เพราะความคิดของคู่ปะสมพันธุคือสิ่งที่สำคันต่อชีวิตลูกมากขึ้นตามระดับสะติปัญญาที่เพิ่มขึ้นของสัตชะนิดนั้นๆ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคสพที่แหน้นแฟ้นขึ้น ยิ่งทำให้ผู้หญิงเองรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปะกาศการตกไข่อะไรแล้ว แค่เริ่มตกลงปลงใจวันไหน ก็เริ่มมีเซ็กส์กันรัวๆ เดียวมันก็โดนไข่เองแหละ. ชึ่งมันก็จริงที่ผู้ชายจะสามารถปะสมพันธุกับผู้หญิงได้เป็นจำนวนที่ลดลงจากเดิมมากอย่างแน่นอน แต่มันไม่ได้แปลว่า การมีผัวเดียวเมียเดียวคือเหตผลของการที่ผู้หญิงไม่ปะกาศการตกไข่ เหตผลมันคือการที่สันชาตทญมันถูกลดบทบาดลง มันไม่สามารถครอบงำความคิดมนุษให้มีเซ็กส์กับคนที่แค่หล่อ แขงแรง เก่งบางเรื่อง... ได้แล้ว สติปัญญามัน พทน มาไกลแล้ว มันก็แค่เลิกสันชาตทญที่ไม่จำเป็นเฉยๆ ผลก็คือต่อให้มีการตกไข่ก็ไม่มีการแสดงออกทางร่างกายที่ใช้ดึงดูดตัวผู้เหมือนเดิมแล้ว มันยังเหลือแค่ผลข้างเคียงของการตกไข่ที่ปรากฏให้เห็นนิดหน่อยในผู้หญิง ซึ่งไม่ไช่ความจงใจในการซ่อนแต่อย่างใด ส่วนการจะอยู่เป็นคู่หรือเป็นฮาเร็ม มันก็เป็นเรื่องทางสังคมขั้นต่อไป ในทาง evolution มันสามารถที่จะอยู่รอดได้ดีเหมือนกัน ขึ้นกับมันสมองในการแก้ปันหาของคนที่อยู่ใน คสพ รูปแบบนั้นๆ ถ้าผู้ชายคนไหนผ่านการคัดเลือกแล้ว ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะมีผู้หญิงอื่นเป็นเมียด้วย มันก็อาจไม่ใช่ปัณหา ผมเดาว่าการพูดว่า การไม่ปะกาศการตกไข่ คือการช่อนไข่เพื่อคัดเลือกผู้ชายที่พร้อมรักเดียวใจเดียวมันเป็นแค่การใช้หลักถานต่างๆมารับรองว่าความคิด(อคติ)ของตัวเองนั้นถูกต้อง(confirmation bias) ของพวกผัวเดียวเมียเดียวนิยม (monogamist) ในหมู่นักวิทย์ชาวคริสต์ที่แอนตี้ชาว non-monogamous
ผมว่าอาจาร์ผุ้ชาย เปนทั้งหญิงและชายครับ แกถึงรุ้เรื่องนี้ละเอียดมากๆ
แค่สะกิดก็ของขึ้นแล้ว มีแต่วินาทีผสมพันธุ์
อยากเห็น Human ศาสตร์ X Short cut ปรัชญา ครับ !!
แม่พันธุ์ไม่รู้อยู่ไหน ใช้แม่มือไปก่อน ทำไมหมกมุ่น มันเสียวคับ
แล้วการผสมพันธุ์ในเพศเดียวกันจะอธิบายยังไงครับ?
ควบคุมการขยายพันธุ์
สอบถามคุณหมอหน่อยครับ ถ้ามนุษย์ ไม่ใส่เสื้อผ้าปิดบังร่ายกายเลย จะเป็นอย่างไรบ้าง
น่าสนใจคำตอบ
น่าจะหนาวนะ5555
มนุษย์จะมีฤดูผสมพันธุ์ครับ ปีละครั้งช่วงหน้าหนาว นอกนั้นจะไม่มีความรู้สึกต้องการทางเพศ
น่าจะชินตานะคะ
ต้องเข้าใจบทบาดของเสื้อผ้าต่อเรื่องเพศก่อน: เมื่อเราไม่มีฤดูปะสมพันธ์การที่จะทำยังไงให้เราสามารถมีเซ็กส์ได้ตลอดเวลาที่เราต้องการโดยไม่ทำให้เราหมกมุ่นจนเกินไป คำตอบก็คือ การสร้างสวิชในการเปลี่ยนโหมด ระหว่างโหมดธรรมดา กับโหมดปะสมพันธ์ ชึ่งสำหลับผู้ชายมันคือการนุ่งห่ม ของเพศตรงข้าม และ การโชว์เรือนร่างของเพศตรงข้าม เป็นเหตผลว่าทำไมจึงมีข้อกำหนดการนุ่งถือในที่ทำงาน ที่ต่างๆ
ให้มีกาละเทสะโดยจะเน้นไปที่ผู้หญิงเป็นหลัก และ ทำไมถึงต้องมีชุดนอนไม่ได้นอนให้ผู้หญิง ทำไม่ผู้ชายชอบยุ่งเรื่องการแต่งกายของผู้หญิง ทำไมผู้ชายไม่ค่อยโอเคกับการโนบราแบบที่เห็นจุกนูนชัดๆ ส่วนผู้หญิงจะสะบายหน่อยเพราะสวิชของผู้หญิงจะอยู่ที่การเล้าโลมทางกายหรือวาจา หรือการใกล้ชิดกับผู้ชาย แค่ไม่ให้ผู้ชายเข้าใกล้เกินไป ไม่ให้พูดจาแทะโลมก็ไม่ว่อกแว่กไม่หมกมุ่นแล้ว
และถ้าไม่ใส่เสื้อผ้า productivity งานของผู้ชายก็จะลดลงมาก จำนวนการมีเซ็กส์จะเพิ่มขึ้นแต่คุณภาพลดลงจากความชินชา ถ้าการข่มขืนมีโทษหนักผู้หญิงอาจมีอำนาจเหนือผู้ชายจากการใช้ความเซ็กซี่เป็นอำนาจสะกดใจชาย แต่ถ้าการข่มขึนมีโทษเบา ผู้หญิงจะเป็นทาสกามให้ผู้ชายแทน
แล้วทำไมสัตว์ไม่ต้องการ pair bonding
สัตว์ใช้กลิ่นในการกระตุ้นให้ผสมพันธุ์ แต่มนุษย์ใช้จินตนาการไปสร้างความรู้สึก แล้วความรู้สึกไปกระตุ้นให้ร่างกายผสมพันธุ์
เเต่เวลาผสมพันธุ์กลิ่นตัวของผู้หญิงหรือชายก็มีผลนะคะ ส่งผลถึงอารมณ์ในการผสมพันธุ์ค่ะ😊
มีสิครับช่วงเทศกาลลอยกระทงและช่วงวาเลนไทน์ไง คนเกิดเดือนสิงหาเยอะนับย้อนไป 9 เดือนก็ตรงกับช่วงลอยกระทง คนเกิดพฤศิกาก็เยอะนับย้อนไป 9 เดือนก็รงกับกุมภาพันธ์
ชอบมาก
มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ทั่วไป คือ ไม่เลือกฤดูผสมพันธุ์ แต่ต้องเลือกสถานที่ในการผสมพันธุ์
สัตว์ทั่วไป เลือกฤดูผสมพันธุ์ แต่ไม่ต้องเลือกสถานที่ผสมพันธุ์😮😮😮
มนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธ์ แต่มีช่วงเจริญพันธ์ ที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมระหว่างวัย
ถ้ามนุษย์มีฤดูผสมพันธุ์ อัตตราการเกิด จะลดลง หรือเสี่ยงสูญพันธุ์เลยก็ว่าใด้ จากเดิม ที่มนุษย์เราสามารถผสมพันธุ์กันได้อิสระอยู่แล้ว แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์มีความคิดมีสมองมีความชอบและไม่ชอบมีความรักและความเกรียดชั่งมีความคิดซับซ้อนมากกว่าสัตว์อื่นใดๆในโลก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมถึงมีคนโสด มากกว่า คนมีคู่ อย่าลืมนะว่าคนเรารักกันใด้ก็เลิกกันใด้ คบๆเลิกๆ แต่สัตว์มันทำตามสัญชาติญาณ รักเดียวใจเดียวเลิกกันไม่ใด้ จุดประสงค์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แต่มนุษย์นั่นคนละเรื่อง รักสนุกแต่ไม่ผูกพันธุ์ คนบางคนมีลูกแค่คนเดียวยังไม่ยอมรับการมีลูกเลย บ้างก็พาไปทำแท้งเอาเด็กออก เป็นบาปมหันต์ เคยอายหมาบ้างไหม หมามันมีลูกเป็น10 มันยังรักลูกมัน
เคยได้ยินแต่ ฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์ แต่ไม่เคยได้ยินฤดูผสมพันธุ์ของมนุษย์ เคยคิดนะ แต่หาคำตอบไม่ได้
ใช่ นอกจากหมดไฟก็จะหยุดไปเอง
คำกล่าวที่ว่า มนุษย์ผสมพันธุ์ไม่เลือกคงไม่เกินจริง
สัตว์ทุกประเภทบนโลกนี้ผสมพันธุ์เพื่อจะสืบพันธุ์ขยายเผ่าพันธุ์มีแต่มนุษย์นี่แหละที่ 4 กันเอาม่วน😂😂
เพราะมนุษย์มีถุงยางอนามัยและเครื่องมือในการคุมกำเนิด แต่ถ้าในสัตว์ถ้ามีอะไรกันโอกาสท้องสูง
ไม่ใช่ ลิงบางชนิด และโลมา สี้กันเพื่อความมัน
😂❤🎉สุขสุด
ขอบคุณครับ