ปฏิจจสมุปบาท แม้แต่พระอรหันต์ผู้ทรงภูมิ ก็ไม่มีใครผู้ใดหยั่งถึงได้โดยตลอด

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 23 ก.ย. 2024
  • **** ปฏิจจสมุปบาท ****
    ที่พุทธสถานบุญญพลัง พระอาจารย์ได้ต้อนรับคณะสงฆ์ นำโดย...พระครูปลัดหลวงพ่อนิภัทร เจ้าอาวาสพุทธไชโย อำเภอหัวหิน
    ซึ่งเป็นลูกศิษย์ 1 ใน 8 ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้แต่งตั้งไว้
    พระครูปลัดหลวงพ่อนิภัทร ได้นั่งเรือข้ามน้ำข้ามภูเขาเข้ามาหา ท่านบอกว่า หลวงพ่อฤาษี ท่านให้มาที่นี่
    คำถามแรกที่ท่านถามเมื่อแรกเจอกัน ไม่ได้ถามเรื่องพรรษา อายุ หรือเป็นอยู่ยังไง
    พระอาจารย์กราบที่เท้า พระครูปลัดหลวงพ่อนิภัทรเอามือประคอง
    ท่านถามเบา ๆ ว่า ผมอยากรู้ ปฏิจสมุปบาท
    พระอาจารย์นวดหลังเท้าให้ พร้อมกล่าวอธิบายว่า ปฏิจจสมุปบาท มีสามกาลซ้อนกันอยู่
    และในแต่ละกาลก็ยังมีอีกสามกาลซ้อนกันอยู่ และในแต่ละกาลที่ซ้อน ๆ กันอยู่นั้น ก็ยังมีกาลซ้อน ๆ ลงลึกไปเรื่อย ยากที่จะหยั่งถึง
    แม้แต่พระอรหันต์ผู้ทรงภูมิ ก็ไม่มีใครผู้ใดหยั่งถึง
    ปัญญาบารมีที่เรามีกี่ขด ๆ เราหยั่งได้เท่าที่ปัญญาเรามีเท่านั้น
    นอกจากวิสัยแห่งพระพุทธองค์เจ้า ไม่มีใครแทงลึกลงไปหยั่งได้โดยตลอด
    ปฏิจจสมุปบาท ไม่ใด้เกิดจากตำราแล้วพิจารณาไปตามสภาวะนั้น
    ธรรมอันผู้เจริญถึงแล้ว จึงจะมองเห็นเส้นทางแห่งปฏิจจสมุปบาท และนำลายแทง แห่งปฏิจจสมุปบาท เป็นเครื่องนำทางในการสอดส่อง
    เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ
    คล้องจองเกี่ยวเนื่องกันไปครบกาล อาศัยเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันเกิด ชื่อว่า ปฏิจจสมุปบาท
    ผู้เข้าถึงธรรมจะเห็น ปฏิจจสมุปบาททั้ง 11 ขั้นตอนในตำรา มันเกิดอยู่ในขณะจิตเดียว ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต
    แต่อดีตและอนาคต เป็นเครื่องสอดส่องให้เห็นแนวทางแห่งปฏิจสมุปบาท
    ตากระทบรูป
    หูกระทบเสียง
    ลิ้นกระทบรส
    จมูกกระทบกลิ่น ฯ......... อวิชาเกิด..!!
    การปรุงแต่งแห่งนามขัณฑ์ทำงาน
    รู้รูป รู้เสียง รู้รส รู้กลิ่น รู้สัมผัส รู้อารมณ์ เป็นวิญญานรู้
    สิ่งที่รู้เป็นสมมุติแห่งนามรูปที่อวิชาสร้างขึ้นมา
    ปฏิจจสมุปบาทมีอยู่แค่นี้ ไม่มีไปมากกว่านี้ เหตุทั้งหมดมีอยู่แค่นี้
    เหตุเพราะสิ่งนี้มี อีกสิ่งถึงได้มี
    นี่เป็นกฏอิธทัปปัจจตยตา
    มีเหตุแห่งกาลซ้อนขึ้นมา คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต
    หากเข้าถึงธรรม รู้จัก อวิชา จิต วิญญาน นี่คือผู้เข้าถึง ปฏิจจสมุปบาท
    ที่เหลืออีก 9 ขั้นตอนเป็นเรื่องของกาล
    ยกตัวอย่าง....
    ตาเห็นรูป.....สัญญาทำงาน
    การเลือกเฟ้นเกิดขึ้น เป็นสังขาร
    รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
    เป็นวิญญาน
    ใส่สมุมุติลงไปในสิ่งที่รู้
    เป็นเวทนา.
    นั่นภูเขา นั่นแม่น้ำ นั่นคน นี่สัตว์
    เป็นสมมุติที่เกิดขึ้นแล้วเรียกว่า...นาม-รูป
    นามรูปนี้คือชาติตัวสุดท้ายในปฏิจจสมุปบาทที่เกิดมาแล้ว
    การมองเห็นปุ๊บแล้วรู้ปั๊บ
    อวิชามีสมมุติเรียบร้อยแล้ว
    เห็นแล้วไม่รู้จัก
    อวิชายังไม่มีสัญญาทางนามและรูป
    เพราะอาศัยเหตุแห่งปัจจัยนี้จึงเข้าถึงความเป็นจริงของสรรพสิ่ง
    ผู้เข้าถึงจึงรู้ว่า อวิชาเกิด การปรุงแต่งแห่งจิตจึงเกิด เรียกว่า จิตสังขาร
    จิตสังขารเกิด วิญญาณเกิด
    วิญญานเกิด นาม-รูปเกิด
    นาม-รูปเกิด อายตนะคือช่องต่อเกิด
    อายตนะเกิด ผัสสะเกิด
    ผัสสะเกิด เวทนาเกิด
    เมื่อเวทนาเกิด ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ก็เกิดต่อ ๆ กันไป
    จะเห็นว่าทุกตัวที่เกิด มีชาติอาศัยภพสำเร็จเป็นชาติแล้วทุกตัว เป็นวงล้อของปฏิจจสมุปบาท
    ผู้เข้าถึงวงล้อนี้จะเห็นชัดว่า ปฏิจจสมุปบาท เป็นอาการหนึ่งของอวิชา..!!
    อวิชาเกิด เพราะอาศัยผัสสะ
    ผัสสะเป็นเหตุกำเนิด เป็นแดนเกิดแห่ง อวิชา
    เมื่อเข้าใจหลักนี้ ก็เข้าใจหลักอริยสัจ
    อวิชาเป็นผล ผัสสะเป็นเหตุ
    หลักของอริยสัจ คือหลักเหตุและหลักผล
    สรรพสิ่งล้วนมีเหตุ
    เหตุนี้คือสมมุติ
    สมมุติเป็นตัวอวิชา
    อวิชาเป็นที่มาของอาการแห่งเหตุทั้งปวง
    พระครูปลัดหลวงพ่อนิภัทร ยกมือขึ้นสาธุ...น้ำตาไหล
    กล่าวพึมพัมแผ่ว ๆ เบา ๆ ว่า สมแล้วที่หลวงพ่อ นำมา ให้มาหาลูกหลวงพ่อ
    โดย พระอาจารย์ ธรรมกะ บุญญพลัง
    พุทธอุทยานบุญญพลัง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

ความคิดเห็น •