ทั้งสามท่านที่อยู่ในวิดีโอนี้ได้ publicize เผยแพร่ตัวเองสู่สาธารณะ ผมที่เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งในสังคมไทยย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ สำหรับคุณวิกรมนั้นผมได้เคยวิพากษ์ไปแล้วในการแสดงความเห็นทางการเมือง(ระหว่างประเทศ)ของท่าน ครั้งแรกๆน่าจะเรื่องสงครามรัสเซียยูเครน ทีท่านแทบจะไม่รู้ที่มาที่ไปเลยแต่ได้แสดงความเห็นแบบที่ผิดไปจากผู้รู้จริงหลายๆท่าน แล้วก็ล่าสุดผมก็ได้วิจารณ์ความไม่ถูกต้อง ไม่สมเหตุสมผลของท่านที่มีคำพูดว่า จีนเป็น"หนี้บุญคุณ"สหรัฐฯในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ(แบบก้าวกระโดด) คำที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดเป็นคำที่ท่านพูดจริงๆ นอกนั้นอาจไม่ตรงกับคำพูดของท่านเสียทีเดียว ประเด็นที่ถูกผมวิพากษ์ก็คือ เรื่องระหว่างสองประเทศนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์"แลกเปลี่ยนกันมากกว่า" (A rather benefit exchange) แท้ที่จริงแล้วในใจผมมีความรู้สึกยกย่องคุณวิกรมอยู่สองเรื่อง คือ ท่านเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทางด้านอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง (A highly successful industrial estate tycoon) กับอีกเรื่องหนึ่งคือการเป็นคนใจบุญอย่างแท้จริง (A genuinely generous person) ด้วยการสละทรัพย์จำนวนมากเพื่อการกุศลอย่างจริงใจ ตรงนี้ขออนุโมทนาตามภาษาของคนพุทธ แต่เมื่อไรก็ตามที่ท่านพูดเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ท่านพูดแบบผิดๆถูกๆ (หากเป็นผมเลือกที่จะไม่พูดออกสื่อสาธารณะเสียดีกว่า) เทียบกับระดับการศึกษาแล้วเหมือนนักเรียนชั้นมัธยม เป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเรื่องหนึ่งไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง หากไม่แสดงออกทางสาธารณะคนอื่นย่อมไม่มีสิทธิที่จะไปวิจารณ์ท่าน สำหรับคุณสุทธิชัย ไม่อยากวิจารณ์อีกแล้ว (ผมได้แต่ส่ายหัวกับ A former journalist turning out to become a dramatic player) คือจากนักหนังสือพิมพ์กลายเป็นคนที่ใช้ภาษาแบบ"กลอนพาไป"หรือลิเก โดยเฉพาะเมื่อมาเห็นคำว่า "ไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก" มันหมายความว่าอะไรครับ? ไทยก็เหมือนๆกับประเทศขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป น่าจะจัดอยู่ในขนาดกลางๆระดับกลาง (In-between mid-sized class) มีจุดเด่นจุดด้อยเหมือนๆกับประเทศอื่นๆ การที่ประเทศหนึ่งจะอยู่ในจอเรดาร์โลกหรือ Global radar screen ประเทศนั้นจะต้องมีอะไรหรือทำอะไรที่กลายเป็นจุดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ อย่างเช่น การเติบโตของจีนอย่างมหัศจรรย์ (ทีเรียกกันว่า the growth miracle of China) หรือการที่รัสเซียสามารถเอาชนะการคว่ำบาตรอย่างบ้าระห่ำของพวกตะวันตกแล้วก็อยู่ในฐานะได้เปรียบในสงครามที่สู้กับนาโต้(แท้ที่จริงไม่ใช่กับยูเครน) แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่มีการพูดถึง Sex industry in tourism ประเทศนี้อาจตกอยู่ในจอเรดาร์ร่วมกันกับอีกหลายๆประเทศ คุณสุทธิชัยครับ โปรดอย่าได้คิดว่าการใช้ถ้อยคำแบบหวือหวาจนเกินเหตุจะจุดความสนใจของคนดูในสื่อโซเชียลได้เสมอไป บ่อยครั้งที่มันกลับมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อตนเองเสียมากกว่า หากไม่ออกสื่อก็ไม่มีใครมาวิจารณ์คุณได้ แต่ทันทีที่ publicize คุณก็จะเป็น an object of critique Nonessential playing of words doesn't make any good to you. และสำหรับคนที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ (นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้ผมอยากจะแสดงความเห็นวิจารณ์เพราะท่านเป็น A public figure หรือคนสาธารณะที่อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อประเทศ) พอมาได้ยินคำพูดของท่าน คำหลายๆคำที่ท่านพูดออกมา แล้วมีความรู้สึกดังนี้ครับ นอกจากจะมีความรู้สึกว่านี่เป็นคนในรัฐบาลที่คนไทยจำนวนมากสงสัยว่า ใครกันหนอ?ที่เป็นผู้นำรัฐบาล เกี่ยวข้องอะไรกับใครบางคนที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายของประเทศนี้? แล้วมีความรู้สึกว่าอย่าไปตั้งความหวังอะไรเลยกับเรื่องการต่างประเทศของไทย แต่คอมเม้นท์นี้ยาวมากแล้ว เอาไว้โพสท์อีกอันหนึ่งก็แล้วกัน
สวัสดีค่ะทั้ง 3 ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ_มาในโลกเปลี่ยนสีคำพูดน่าฟังมีเหตุมีผล_เป็นกลางจากการเจรจาก็สำเร็จไปด้วยดีให้การสนับสนุน_ชื่นชมและอยู่ในจอเรดาร์ค่ะขอบคุณค่ะ
ทั้งสามท่านที่อยู่ในวิดีโอนี้ได้ publicize เผยแพร่ตัวเองสู่สาธารณะ ผมที่เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งในสังคมไทยย่อมมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ สำหรับคุณวิกรมนั้นผมได้เคยวิพากษ์ไปแล้วในการแสดงความเห็นทางการเมือง(ระหว่างประเทศ)ของท่าน ครั้งแรกๆน่าจะเรื่องสงครามรัสเซียยูเครน ทีท่านแทบจะไม่รู้ที่มาที่ไปเลยแต่ได้แสดงความเห็นแบบที่ผิดไปจากผู้รู้จริงหลายๆท่าน แล้วก็ล่าสุดผมก็ได้วิจารณ์ความไม่ถูกต้อง ไม่สมเหตุสมผลของท่านที่มีคำพูดว่า จีนเป็น"หนี้บุญคุณ"สหรัฐฯในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ(แบบก้าวกระโดด) คำที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดเป็นคำที่ท่านพูดจริงๆ นอกนั้นอาจไม่ตรงกับคำพูดของท่านเสียทีเดียว ประเด็นที่ถูกผมวิพากษ์ก็คือ เรื่องระหว่างสองประเทศนั้นเป็นเรื่องของผลประโยชน์"แลกเปลี่ยนกันมากกว่า" (A rather benefit exchange)
แท้ที่จริงแล้วในใจผมมีความรู้สึกยกย่องคุณวิกรมอยู่สองเรื่อง คือ ท่านเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทางด้านอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง (A highly successful industrial estate tycoon) กับอีกเรื่องหนึ่งคือการเป็นคนใจบุญอย่างแท้จริง (A genuinely generous person) ด้วยการสละทรัพย์จำนวนมากเพื่อการกุศลอย่างจริงใจ ตรงนี้ขออนุโมทนาตามภาษาของคนพุทธ
แต่เมื่อไรก็ตามที่ท่านพูดเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ท่านพูดแบบผิดๆถูกๆ (หากเป็นผมเลือกที่จะไม่พูดออกสื่อสาธารณะเสียดีกว่า) เทียบกับระดับการศึกษาแล้วเหมือนนักเรียนชั้นมัธยม เป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเรื่องหนึ่งไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง หากไม่แสดงออกทางสาธารณะคนอื่นย่อมไม่มีสิทธิที่จะไปวิจารณ์ท่าน
สำหรับคุณสุทธิชัย ไม่อยากวิจารณ์อีกแล้ว (ผมได้แต่ส่ายหัวกับ A former journalist turning out to become a dramatic player) คือจากนักหนังสือพิมพ์กลายเป็นคนที่ใช้ภาษาแบบ"กลอนพาไป"หรือลิเก โดยเฉพาะเมื่อมาเห็นคำว่า "ไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก" มันหมายความว่าอะไรครับ? ไทยก็เหมือนๆกับประเทศขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป น่าจะจัดอยู่ในขนาดกลางๆระดับกลาง (In-between mid-sized class) มีจุดเด่นจุดด้อยเหมือนๆกับประเทศอื่นๆ การที่ประเทศหนึ่งจะอยู่ในจอเรดาร์โลกหรือ Global radar screen ประเทศนั้นจะต้องมีอะไรหรือทำอะไรที่กลายเป็นจุดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ อย่างเช่น การเติบโตของจีนอย่างมหัศจรรย์ (ทีเรียกกันว่า the growth miracle of China) หรือการที่รัสเซียสามารถเอาชนะการคว่ำบาตรอย่างบ้าระห่ำของพวกตะวันตกแล้วก็อยู่ในฐานะได้เปรียบในสงครามที่สู้กับนาโต้(แท้ที่จริงไม่ใช่กับยูเครน) แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่มีการพูดถึง Sex industry in tourism ประเทศนี้อาจตกอยู่ในจอเรดาร์ร่วมกันกับอีกหลายๆประเทศ คุณสุทธิชัยครับ โปรดอย่าได้คิดว่าการใช้ถ้อยคำแบบหวือหวาจนเกินเหตุจะจุดความสนใจของคนดูในสื่อโซเชียลได้เสมอไป บ่อยครั้งที่มันกลับมีผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อตนเองเสียมากกว่า หากไม่ออกสื่อก็ไม่มีใครมาวิจารณ์คุณได้ แต่ทันทีที่ publicize คุณก็จะเป็น an object of critique
Nonessential playing of words doesn't make any good to you.
และสำหรับคนที่เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ (นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นแรงกระตุ้นให้ผมอยากจะแสดงความเห็นวิจารณ์เพราะท่านเป็น A public figure หรือคนสาธารณะที่อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อประเทศ) พอมาได้ยินคำพูดของท่าน คำหลายๆคำที่ท่านพูดออกมา แล้วมีความรู้สึกดังนี้ครับ นอกจากจะมีความรู้สึกว่านี่เป็นคนในรัฐบาลที่คนไทยจำนวนมากสงสัยว่า ใครกันหนอ?ที่เป็นผู้นำรัฐบาล เกี่ยวข้องอะไรกับใครบางคนที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายของประเทศนี้? แล้วมีความรู้สึกว่าอย่าไปตั้งความหวังอะไรเลยกับเรื่องการต่างประเทศของไทย แต่คอมเม้นท์นี้ยาวมากแล้ว เอาไว้โพสท์อีกอันหนึ่งก็แล้วกัน