ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
วันนี้ผมมานั่งฟังอาจารย์ ถ้าไม่ได้ฟังคงเสียดายมากๆชีวิตนี้
ความหมายของคำว่า นิพพานสิ่งๆ หนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง “สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุดมีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;ใน “สิ่ง” นั้นแหละดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้;ใน “สิ่ง” นั้นแหละความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;ใน “สิ่ง” นั้นแหละนามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ;นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.ปฐมธรรม หน้า ๓๐๓(บาลี) สี. ที. ๙/๒๘๓/๓๔๘-๓๕๐.+++++++++++++++++++++++++สังขต และ อสังขตลักษณะ ๓ อย่าง Click to collapseภิกษุ ท. ! สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่.สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ);๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปญฺญายติ) ;๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือสังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม.ภิกษุ ท. ! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ) ; ๒. ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ) ;๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ(น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ). ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือ อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.ปฐมธรรม หน้า ๓๐๔-๓๐๕อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๑ หน้า ๔๔๘
ถูกใจเป๋งเลยค่ะ สับสนในชีวิต กำลังค้นหาตัวเอง พรสวรรค์ พรแสวง ล้มเหลวตลอด ฮามากตอนนี้ ขอบคุณค่ะ
อะไรคือ พุทธ อะไรคือ คำสอน อะไรคือ ความไม่รู้ หากท่านพูดว่าท่านั้นคือพุทธคำถามพวกนี้คงไม่ต้องคิด
มาบรรยายพระนครเหนือหน่อยได้มั้ย จะโดนธรรมกายยึดแล้วถึงขั้นมีสื่อการเรียนการสอน
อยากให้อาจารย์มา มทส มทส มทสๆๆๆๆๆๆ
ฮ่าๆๆ อย่าทะเลาะหรือมีความเกลียดกันเลยครับ ถ้าเราเชื่อฟังคำสอนของ ดร วรภัทร์แกจริงๆ ก็ให้สิ้นคิดซะ สิ้นคิดอย่างมีสติ ^_^ ใครๆก็คิดต่างได้ครับ แต่ละคนก็เลือกที่จะเชื่อหรือเลือกที่จะเสนอความต่างได้ครับ ยังไงก็คนเหมือนกัน อย่าให้แค่ความคิดที่ไม่เหมือนกันมาแยกเราเลยครับ ขอบคุณครับ
อ.พูดโครต โดนใจเลยอ่ะ สวดยอดนับถือๆ
รัก ดร.วรภัทร
cc zaa แต่ผมรักพี่คับ^^
ชอบครับ อธิบายให้ฟังแล้วเข้าใจชัดดี ความคิดคล้ายๆผมเลย ไม่ชอบใครก็ปล่อยๆไม่ถือสา ไม่ตามมาว่าใครคนอื่นว่า ผิด ว่าถูกด้วย ถ้าไม่ชอบก็คิดให้ใจสงบ
ผมว่าทุกคนมีสิทธิที่จะคิด ว่าจะนับถือศาสนาใด เพราะเหมือนกับว่าถูกล๊อคกับหลักหรือเสาที่ผูกมัดมาตั้งแต่เกิดว่าต้องนับถือศาสนาตามพ่อแม่ ตามกฏหมายทางโลกก็ต้องเป็นเช่นนั้นเดี๋ยวมันจะสูญ แต่ถ้าทางธรรมหมายถึงสภาวจิต เราควรมีสิทธิที่จะเลือกนับถือ เราผู้ดูผู้ชมต้องเป็นคนมีสติพิจารณา
อนุโมทนาสาธุกับอาจารย์ด้วยครับ
คนเราเกิดมาถูกสอนตั้งแต่เกิดให้คิด ให้เรียนรู้ ซึ่งในทางคำสอนของพระพุทธเจ้าในการปฏิบัติ สอนไม่ให้คิด ให้ดูจิต มีสติจะทำให้เกิดปัญญา ดังนั้นการคิดเป็นแหล่งเกิดแห่งการฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งไปตามความคิดของตนเอง
ลองติดตามกิจกรรมการสอนของอ.วรภัทร์ได้จากเฟสบุ๊คโดยสมัครในแฟนคลับ ของอาจารย์นะครับ ส่วนโครงการนี้ เฟสแรกซึ่งอาจารย์ได้เมตตามาสอนให้ 4 มหาวิทยาลัยหลัง(อีก 4 แ่ห่งแรกสอนโดยอ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม) ได้จบลงแล้ว เป็นโครงการที่จัดโดยยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อาจจะลองติดต่อกับทางยุวพุทธฯดูดีไหมครับ
มา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หน่อยค่ะ ที่นี้ต้องการตัวช่วยด่วน
คุณ Pulsak Taweekul เห็นความรู้สึกที่ใช้ตัดสินคนอื่นเป็นอย่างนู้นอย่างนี้หรือยังครับ ฝากไว้ให้ไปพิจารณาเอาเองนะ
สามารถติดตามกิจกรรมการสอนของอ.วรภัทร์จาก facebook โดยสมัครเป็น fan club ของอาจารย์ได้นะครับ
ขอบคุนที่ทำคลิปแบบนี้มาให้ดูค่ะ😍
ได้ประโยชน์มาก
อาจารย์ท่านมีปัญญามาก กราบค่ะ
มาดูความหมายของคำว่าจิตเดิมแท้ และ นิพพานคำว่าจิตเดิมแท้ไม่ใช่นิพพานแล้วเข้ามาหลงอวิชาครับ มาดูคำสอนของตถาคตกันครับพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค๔. อัคคัญญสูตร...[๕๖] ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้งบางคราว โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านานที่โลกนี้จะพินาศ เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ โดยมากเหล่าสัตว์ย่อมเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหารมีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง สัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้งบางคราว โดยระยะกาลยืดยาวช้านาน ที่โลกนี้จะกลับเจริญ เมื่อโลกกำลังเจริญอยู่โดยมาก เหล่าสัตว์พากันจฺติจากชั้นอาภัสสรพรหมลงมาเป็นอย่างนี้ และสัตว์นั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง สัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน ก็แหละสมัยนั้นจักรวาลทั้งสิ้นนี้แลเป็นน้ำทั้งนั้น มืดมนแลไม่เห็นอะไร ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ยังไม่ปรากฏ กลางวันกลางคืนก็ยังไม่ปรากฏ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ยังไม่ปรากฏ ฤดูและปีก็ยังไม่ปรากฏเพศชายและเพศหญิงก็ยังไม่ปรากฏ สัตว์ทั้งหลาย ถึงซึ่งอันนับเพียงว่าสัตว์เท่านั้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นต่อมา โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านาน เกิดง้วนดินลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสดที่บุคคลเคี่ยวให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นฝาอยู่ข้างบน ฉะนั้นง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสีกลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใส หรือเนยข้นอย่างดี ฉะนั้น มีรสอร่อยดุจรวงผึ้งเล็กอันหาโทษมิได้ ฉะนั้น ฯ ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ต่อมามีสัตว์ผู้หนึ่งเป็นคนโลนพูดว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย นี่จักเป็นอะไร แล้วเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อเขาเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว เขาจึงเกิดความอยากขึ้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ แม้สัตว์พวกอื่นก็พากันกระทำตามอย่างสัตว์นั้นเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อสัตว์เหล่านั้นพากันเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงเกิดความอยากขึ้น ต่อมาสัตว์เหล่านั้นพยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือแล้วบริโภค ดูกรเสฏฐะและภารทวาชะ ในคราวที่พวกสัตว์พยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือแล้วบริโภคอยู่นั้น เมื่อรัศมีกายของสัตว์เหล่านั้นก็หายไปแล้ว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็ปรากฏ เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ปรากฏแล้ว ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ปรากฏ เมื่อดวงดาวนักษัตรปรากฏแล้ว กลางคืนและกลางวันก็ปรากฏ เมื่อกลางคืนและกลางวันปรากฏแล้ว เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ปรากฏ เมื่อเดือนหนึ่งและกึ่งเดือนปรากฏอยู่ ฤดูและปีก็ปรากฏ ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล โลกนี้จึงกลับเจริญขึ้นมาอีก ฯ [๕๗] ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นต่อมาสัตว์เหล่านั้นพากันบริ-*โภคง้วนดิน รับประทานง้วนดิน มีง้วนดินเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านานด้วยเหตุที่สัตว์เหล่านั้นมัวเพลินบริโภคง้วนดินอยู่ รับประทานง้วนดิน มีง้วนดินเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน สัตว์เหล่านั้นจึงมีร่างกายแข็งกล้าขึ้นทุกที ทั้งผิวพรรณก็ปรากฏว่าแตกต่างกันไป สัตว์บางพวกมีผิวพรรณงาม สัตว์บางพวกมีผิวพรรณไม่งาม ในสัตว์ทั้งสองพวกนั้น สัตว์พวกที่มีผิวพรรณงามนั้นพากันดูหมิ่นสัตว์พวกที่มีผิวพรรณไม่งามว่า พวกเรามีผิวพรรณดีกว่าพวกท่าน พวกท่านมีผิวพรรณเลวกว่าพวกเรา ดังนี้ เมื่อสัตว์ทั้งสองพวกนั้นเกิดมีการไว้ตัวดูหมิ่นกันขึ้นเพราะทะนงตัวปรารภผิวพรรณเป็นปัจจัย ง้วนดินก็หายไป เมื่อง้วนดินหายไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงพากันจับกลุ่ม ครั้นแล้ว ต่างก็บ่นถึงกันว่า รสดีจริง รสดีจริง ดังนี้ ถึงทุกวันนี้ก็เหมือนกัน คนเป็นอันมากได้ของที่มีรสดีอย่างใดอย่างหนึ่ง มักพูดกันอย่างนี้ว่า รสอร่อยแท้ๆ รสอร่อยแท้ๆ ดังนี้ พวกพราหมณ์ระลึกได้ถึงอักขระ ๑- ที่รู้กันว่าเป็นของดี เป็นของโบราณนั้นเท่านั้น แต่ไม่รู้ชัดถึงเนื้อความแห่งอักขระนั้นเลย ฯ
น้ำตาจะไหล ,,ขอบคุณที่มาคะ ^^
อาจารย์พูดได้ชัดเจนมากครับ
สมองสามส่วนต้องทำงานร่วมกัน นิพพานคือตาย
ขอบพระคุณมากๆๆเลยครับ ที่นำสิ่งดีๆมอบให้
## ชอบแนวคิดอาจารย์มากๆเลยครับผม
สอนสุดยอด
สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่า คุณดูทุกคลิป ของอาจารย์ รึยังครับ ถ้ายัง อย่าเพิ่ง ตัดสิน ว่าท่านเป็นพุทธหรือ คริส ดูทุกคลิป นะครับ ถ้าคุณไม่มีทิฐิ... และถ้าคุณดูทุก คลิป แล้ว ยังบอก ว่า อาจารย์นับ ถือ ศาสนาอื่น ผมบอกได้เลย ว่าคุณ ไม่รู้จัก ศาสนาพุทธเลย
พระุทธเจ้าไปไหน ไปนิพาน ไปตายหรือตายไปนั่นเอง
ตามมาจากติ๊กต๊อกบรรยายดีมาก
พุทธยังสะกดไม่ถูกเลย ไปว่าคนอื่นเขา
ชอบ+ไม่ชอบ... ก้อ... ปล่อยวาง
การโพสแสดงความคิดเห็น แสดงออกถึงอนุสัยหรือสันดานคนๆนั้น คนที่เข้ามาฟังเค้าต้องการรับสิ่งที่เป็นความรู้ อย่ามาประจานตนเองเลยครับอายเค้าน๊า...คลิปนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง สี หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ฟังดูยังไม่รู้ศาสนาพุธ......ยังไม่รู้คำสอน...คุณยังไม่รู้จริง
วันนี้ผมมานั่งฟังอาจารย์ ถ้าไม่ได้ฟังคงเสียดายมากๆชีวิตนี้
ความหมายของคำว่า นิพพาน
สิ่งๆ หนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
“สิ่ง” สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง
เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สุด
มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้น มีอยู่;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่
ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้;
ใน “สิ่ง” นั้นแหละ
นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือ;
นามรูป ดับสนิท ใน “สิ่ง” นี้
เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
ปฐมธรรม หน้า ๓๐๓
(บาลี) สี. ที. ๙/๒๘๓/๓๔๘-๓๕๐.
+++++++++++++++++++++++++
สังขต และ อสังขตลักษณะ ๓ อย่าง Click to collapse
ภิกษุ ท. ! สังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่.
สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :
๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปญฺญายติ);
๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ (ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).
ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือสังขตลักษณะแห่งสังขตธรรม.
ภิกษุ ท. ! อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ อย่างเหล่านี้ มีอยู่.
สามอย่างอย่างไรเล่า ? สามอย่างคือ :
๑. ไม่ปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปญฺญายติ) ;
๒. ไม่ปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปญฺญายติ) ;
๓. เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ
(น ฐิตสฺส อญฺญถตฺตํ ปญฺญายติ).
ภิกษุ ท. ! สามอย่างเหล่านี้แล คือ อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.
ปฐมธรรม หน้า ๓๐๔-๓๐๕
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๑ หน้า ๔๔๘
ถูกใจเป๋งเลยค่ะ สับสนในชีวิต กำลังค้นหาตัวเอง พรสวรรค์ พรแสวง ล้มเหลวตลอด ฮามากตอนนี้ ขอบคุณค่ะ
อะไรคือ พุทธ อะไรคือ คำสอน อะไรคือ ความไม่รู้ หากท่านพูดว่าท่านั้นคือพุทธคำถามพวกนี้คงไม่ต้องคิด
มาบรรยายพระนครเหนือหน่อยได้มั้ย จะโดนธรรมกายยึดแล้วถึงขั้นมีสื่อการเรียนการสอน
อยากให้อาจารย์มา มทส มทส มทสๆๆๆๆๆๆ
ฮ่าๆๆ อย่าทะเลาะหรือมีความเกลียดกันเลยครับ ถ้าเราเชื่อฟังคำสอนของ ดร วรภัทร์แกจริงๆ ก็ให้สิ้นคิดซะ สิ้นคิดอย่างมีสติ ^_^ ใครๆก็คิดต่างได้ครับ แต่ละคนก็เลือกที่จะเชื่อหรือเลือกที่จะเสนอความต่างได้ครับ ยังไงก็คนเหมือนกัน อย่าให้แค่ความคิดที่ไม่เหมือนกันมาแยกเราเลยครับ ขอบคุณครับ
อ.พูดโครต โดนใจเลยอ่ะ สวดยอดนับถือๆ
รัก ดร.วรภัทร
cc zaa แต่ผมรักพี่คับ^^
ชอบครับ อธิบายให้ฟังแล้วเข้าใจชัดดี ความคิดคล้ายๆผมเลย ไม่ชอบใครก็ปล่อยๆไม่ถือสา ไม่ตามมาว่าใครคนอื่นว่า ผิด ว่าถูกด้วย ถ้าไม่ชอบก็คิดให้ใจสงบ
ผมว่าทุกคนมีสิทธิที่จะคิด ว่าจะนับถือศาสนาใด เพราะเหมือนกับว่าถูกล๊อคกับหลักหรือเสาที่ผูกมัดมาตั้งแต่เกิดว่าต้องนับถือศาสนาตามพ่อแม่ ตามกฏหมายทางโลกก็ต้องเป็นเช่นนั้นเดี๋ยวมันจะสูญ แต่ถ้าทางธรรมหมายถึงสภาวจิต เราควรมีสิทธิที่จะเลือกนับถือ เราผู้ดูผู้ชมต้องเป็นคนมีสติพิจารณา
อนุโมทนาสาธุกับอาจารย์ด้วยครับ
คนเราเกิดมาถูกสอนตั้งแต่เกิดให้คิด ให้เรียนรู้ ซึ่งในทางคำสอนของพระพุทธเจ้าในการปฏิบัติ สอนไม่ให้คิด ให้ดูจิต มีสติจะทำให้เกิดปัญญา ดังนั้นการคิดเป็นแหล่งเกิดแห่งการฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งไปตามความคิดของตนเอง
ลองติดตามกิจกรรมการสอนของอ.วรภัทร์ได้จากเฟสบุ๊คโดยสมัครในแฟนคลับ ของอาจารย์นะครับ
ส่วนโครงการนี้ เฟสแรกซึ่งอาจารย์ได้เมตตามาสอนให้ 4 มหาวิทยาลัยหลัง(อีก 4 แ่ห่งแรกสอนโดยอ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม) ได้จบลงแล้ว เป็นโครงการที่จัดโดยยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อาจจะลองติดต่อกับทางยุวพุทธฯดูดีไหมครับ
มา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หน่อยค่ะ ที่นี้ต้องการตัวช่วยด่วน
คุณ Pulsak Taweekul
เห็นความรู้สึกที่ใช้ตัดสินคนอื่นเป็นอย่างนู้นอย่างนี้หรือยังครับ
ฝากไว้ให้ไปพิจารณาเอาเองนะ
สามารถติดตามกิจกรรมการสอนของอ.วรภัทร์จาก facebook โดยสมัครเป็น fan club ของอาจารย์ได้นะครับ
ขอบคุนที่ทำคลิปแบบนี้มาให้ดูค่ะ😍
ได้ประโยชน์มาก
อาจารย์ท่านมีปัญญามาก กราบค่ะ
มาดูความหมายของคำว่าจิตเดิมแท้ และ นิพพาน
คำว่าจิตเดิมแท้ไม่ใช่นิพพานแล้วเข้ามาหลงอวิชาครับ มาดูคำสอนของตถาคตกันครับ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
๔. อัคคัญญสูตร
...
[๕๖] ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้งบางคราว โดยล่วง
ระยะกาลยืดยาวช้านานที่โลกนี้จะพินาศ เมื่อโลกกำลังพินาศอยู่ โดยมากเหล่า
สัตว์ย่อมเกิดในชั้นอาภัสสรพรหม สัตว์เหล่านั้นได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร
มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง สัญจรไปได้ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิต
อยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ มีสมัยบางครั้ง
บางคราว โดยระยะกาลยืดยาวช้านาน ที่โลกนี้จะกลับเจริญ เมื่อโลกกำลังเจริญ
อยู่โดยมาก เหล่าสัตว์พากันจฺติจากชั้นอาภัสสรพรหมลงมาเป็นอย่างนี้ และสัตว์นั้น
ได้สำเร็จทางใจ มีปีติเป็นอาหาร มีรัศมีซ่านออกจากกายตนเอง สัญจรไปได้ใน
อากาศ อยู่ในวิมานอันงาม สถิตอยู่ในภพนั้นสิ้นกาลยืดยาวช้านาน ก็แหละ
สมัยนั้นจักรวาลทั้งสิ้นนี้แลเป็นน้ำทั้งนั้น มืดมนแลไม่เห็นอะไร ดวงจันทร์และ
ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ปรากฏ ดวงดาวนักษัตรทั้งหลายก็ยังไม่ปรากฏ กลางวันกลาง
คืนก็ยังไม่ปรากฏ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ยังไม่ปรากฏ ฤดูและปีก็ยังไม่ปรากฏ
เพศชายและเพศหญิงก็ยังไม่ปรากฏ สัตว์ทั้งหลาย ถึงซึ่งอันนับเพียงว่าสัตว์เท่า
นั้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นต่อมา โดยล่วงระยะกาลยืดยาวช้านาน เกิด
ง้วนดินลอยอยู่บนน้ำทั่วไป ได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้นเหมือนนมสดที่บุคคลเคี่ยว
ให้งวด แล้วตั้งไว้ให้เย็นจับเป็นฝาอยู่ข้างบน ฉะนั้นง้วนดินนั้นถึงพร้อมด้วยสี
กลิ่น รส มีสีคล้ายเนยใส หรือเนยข้นอย่างดี ฉะนั้น มีรสอร่อยดุจรวงผึ้ง
เล็กอันหาโทษมิได้ ฉะนั้น ฯ
ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ต่อมามีสัตว์ผู้หนึ่งเป็นคนโลนพูดว่า ท่าน
ผู้เจริญทั้งหลาย นี่จักเป็นอะไร แล้วเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อเขาเอา
นิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว เขาจึงเกิดความอยาก
ขึ้น ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ แม้สัตว์พวกอื่นก็พากันกระทำตามอย่างสัตว์นั้น
เอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลองลิ้มดู เมื่อสัตว์เหล่านั้นพากันเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นลอง
ลิ้มดูอยู่ ง้วนดินได้ซาบซ่านไปแล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงเกิดความอยากขึ้น ต่อมาสัตว์
เหล่านั้นพยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือแล้วบริโภค ดูกรเสฏฐะ
และภารทวาชะ ในคราวที่พวกสัตว์พยายามเพื่อจะปั้นง้วนดินให้เป็นคำๆ ด้วยมือ
แล้วบริโภคอยู่นั้น เมื่อรัศมีกายของสัตว์เหล่านั้นก็หายไปแล้ว ดวงจันทร์และดวง
อาทิตย์ก็ปรากฏ เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ปรากฏแล้ว ดวงดาวนักษัตรทั้งหลาย
ก็ปรากฏ เมื่อดวงดาวนักษัตรปรากฏแล้ว กลางคืนและกลางวันก็ปรากฏ เมื่อ
กลางคืนและกลางวันปรากฏแล้ว เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ปรากฏ เมื่อเดือนหนึ่ง
และกึ่งเดือนปรากฏอยู่ ฤดูและปีก็ปรากฏ ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ด้วย
เหตุเพียงเท่านี้แล โลกนี้จึงกลับเจริญขึ้นมาอีก ฯ
[๕๗] ดูกรวาเสฏฐะและภารทวาชะ ครั้นต่อมาสัตว์เหล่านั้นพากันบริ-
*โภคง้วนดิน รับประทานง้วนดิน มีง้วนดินเป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน
ด้วยเหตุที่สัตว์เหล่านั้นมัวเพลินบริโภคง้วนดินอยู่ รับประทานง้วนดิน มีง้วนดิน
เป็นอาหาร ดำรงอยู่ได้สิ้นกาลช้านาน สัตว์เหล่านั้นจึงมีร่างกายแข็งกล้าขึ้นทุกที ทั้ง
ผิวพรรณก็ปรากฏว่าแตกต่างกันไป สัตว์บางพวกมีผิวพรรณงาม สัตว์บางพวกมี
ผิวพรรณไม่งาม ในสัตว์ทั้งสองพวกนั้น สัตว์พวกที่มีผิวพรรณงามนั้นพากันดูหมิ่น
สัตว์พวกที่มีผิวพรรณไม่งามว่า พวกเรามีผิวพรรณดีกว่าพวกท่าน พวกท่านมีผิว
พรรณเลวกว่าพวกเรา ดังนี้ เมื่อสัตว์ทั้งสองพวกนั้นเกิดมีการไว้ตัวดูหมิ่นกันขึ้น
เพราะทะนงตัวปรารภผิวพรรณเป็นปัจจัย ง้วนดินก็หายไป เมื่อง้วนดินหายไป
แล้ว สัตว์เหล่านั้นจึงพากันจับกลุ่ม ครั้นแล้ว ต่างก็บ่นถึงกันว่า รสดีจริง รส
ดีจริง ดังนี้ ถึงทุกวันนี้ก็เหมือนกัน คนเป็นอันมากได้ของที่มีรสดีอย่างใดอย่าง
หนึ่ง มักพูดกันอย่างนี้ว่า รสอร่อยแท้ๆ รสอร่อยแท้ๆ ดังนี้ พวกพราหมณ์
ระลึกได้ถึงอักขระ ๑- ที่รู้กันว่าเป็นของดี เป็นของโบราณนั้นเท่านั้น แต่ไม่รู้ชัดถึง
เนื้อความแห่งอักขระนั้นเลย ฯ
น้ำตาจะไหล ,,ขอบคุณที่มาคะ ^^
อาจารย์พูดได้ชัดเจนมากครับ
สมองสามส่วนต้องทำงานร่วมกัน นิพพานคือตาย
ขอบพระคุณมากๆๆเลยครับ ที่นำสิ่งดีๆมอบให้
## ชอบแนวคิดอาจารย์มากๆเลยครับผม
สอนสุดยอด
สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่า คุณดูทุกคลิป ของอาจารย์ รึยังครับ ถ้ายัง อย่าเพิ่ง ตัดสิน ว่าท่านเป็นพุทธหรือ คริส ดูทุกคลิป นะครับ ถ้าคุณไม่มีทิฐิ... และถ้าคุณดูทุก คลิป แล้ว ยังบอก ว่า อาจารย์นับ ถือ ศาสนาอื่น ผมบอกได้เลย ว่าคุณ ไม่รู้จัก ศาสนาพุทธเลย
พระุทธเจ้าไปไหน ไปนิพาน ไปตายหรือตายไปนั่นเอง
ตามมาจากติ๊กต๊อกบรรยายดีมาก
พุทธยังสะกดไม่ถูกเลย ไปว่าคนอื่นเขา
ชอบ+ไม่ชอบ... ก้อ... ปล่อยวาง
การโพสแสดงความคิดเห็น แสดงออกถึงอนุสัยหรือสันดานคนๆนั้น คนที่เข้ามาฟังเค้าต้องการรับสิ่งที่เป็นความรู้ อย่ามาประจานตนเองเลยครับอายเค้าน๊า...คลิปนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง สี หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ฟังดูยังไม่รู้ศาสนาพุธ......ยังไม่รู้คำสอน...คุณยังไม่รู้จริง
มาบรรยายพระนครเหนือหน่อยได้มั้ย จะโดนธรรมกายยึดแล้วถึงขั้นมีสื่อการเรียนการสอน