ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
เป็นการแบ่งปันและพูดคุยที่สนุกมากค่ะ ฟังไม่เบื่อเลย
หลักเศรษฐศาสตร์เข้าตลาดหุ้นโดยโค้ชโอ๊ต...อธิบายได้ชัดเจนครับ
ขอบคุณคะ่ อธิบายได้น่าฟังเเละสนุกมากคะ่ เข้าใจง่าย 😊😊
ขอบคุณครับ ยอดเยี่ยมครับ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ🥰🥰
ขอบคุณครับ
ชอบๆๆครับ
ขอบคุณมากๆค่ะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ยินดีค่ะ💕
ขอบคุณมากค่ะ❤❤❤
ยินดีมากๆคะ👍
ขอบคุณมากครับ.❤🎉❤🎉❤🎉❤🎉❤
ยินดีมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ😂❤
ยินดีค่ะ 💕
อร้ายยย พี่โอ๊ตตต❤🎉🎉
อร้ากกกก 💕💕💕
😊😊
กลไกตลาด 1.(ฝั่งบาย)ซื้อถูกขายแพง 2.(ฝั่งขาย)ราคาถูกคนไม่ขาย/ของแพง(กำไรดี)แย่งกันขาย 3.ราคาที่บันทึกในกราฟจะคือราคาที่อยู่ในจุดสมดุล 4.ถ้ารายใหญ่เข้า(ต้องการที่จำนวน lot/ไม่สนใจราคา) ดันราคาเกิดอิมบาลานซ์ คือหลบสายตาชาวบ้านไม่ได้😅
#เราต้องดูให้ออกว่าจุดไหนถูก/จุดไหนแพง #จุดที่สมดุล คือจุดที่ถูกบันทึกในกราฟ
พฤติกรรมรายใหญ่จะไม่สนใจราคา/ถ้าต้องการ 100,000 lot ก็จะกด now (ดันราคาเกิดอิม-เรา ชาวรายย่อยรอราคากลับลงมาแล้วเข้าตาม)
สุดยอดเลยค่ะ
@@amnuaysuk9066 การระบุว่าจุดไหนเป็น "จุดที่ถูก" หรือ "จุดที่แพง" ในตลาดเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ในการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการและหลักการในการพิจารณาจุดเหล่านี้:### 1. **การระบุจุดที่ถูก (Demand Zone)** - **ความหมาย**: จุดที่ราคาสินทรัพย์ต่ำมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ เป็นบริเวณที่มีความต้องการซื้อมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดการเพิ่มขึ้นของราคา - **การสังเกต**: ดูจากแนวรับในกราฟที่ราคามักจะไม่สามารถลดลงต่ำกว่านั้นได้โดยง่าย และเมื่อราคามาถึงบริเวณนี้มักจะมีการกลับตัวขึ้นไป - **ตัวชี้วัด**: Volume ที่สูงขึ้นในบริเวณนี้บ่งบอกถึงการเข้าซื้อของผู้เล่นรายใหญ่### 2. **การระบุจุดที่แพง (Supply Zone)** - **ความหมาย**: จุดที่ราคาสินทรัพย์สูงมากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้ถือสินทรัพย์ต้องการขาย เป็นบริเวณที่มีความต้องการขายมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดการลดลงของราคา - **การสังเกต**: ดูจากแนวต้านในกราฟที่ราคามักจะไม่สามารถผ่านไปได้ง่าย และเมื่อราคามาถึงบริเวณนี้มักจะมีการกลับตัวลง - **ตัวชี้วัด**: Volume ที่สูงขึ้นในบริเวณนี้บ่งบอกถึงการขายของผู้เล่นรายใหญ่### 3. **จุดที่สมดุล (Equilibrium)** - **ความหมาย**: จุดที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงราคากันได้และปริมาณการซื้อขายมีความสมดุล ราคาที่บันทึกในกราฟในช่วงนี้จะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่มากนัก - **การสังเกต**: กราฟจะมีการเคลื่อนไหวในแนวราบ (Sideways) หรือมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย บ่งบอกถึงการรอการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรือการสะสมแรงซื้อ/ขาย - **การใช้ประโยชน์**: การระบุจุดที่สมดุลช่วยในการคาดการณ์การเบรกเอาท์ (Breakout) ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์หรืออุปทาน### **การใช้เครื่องมือและเทคนิคเพิ่มเติม**- **Fibonacci Retracement**: ใช้ในการระบุระดับราคาที่สำคัญ เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8% ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ราคาอาจกลับตัว- **Moving Averages**: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดและช่วยในการพิจารณาว่าราคาปัจจุบันสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย- **Volume Analysis**: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายช่วยในการยืนยันโซน Demand และ Supply โดยการสังเกตว่ามีการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรในบริเวณเหล่านี้การระบุจุดที่ถูกและจุดที่แพงต้องอาศัยการศึกษาและการฝึกฝน การเข้าใจกลไกเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการขาดทุน
ขอบคุณโค้ชมากเลยสุดยอดเก็บเกี่ยวไว้ได้แล้วครับ❤
เยี่ยมเลยค่ะ💕
อยากรู้เพิ่ม เกี่ยวกับ Dz Sz ที่แข็งแรงแบบละเอียดครับ เพราะตอนเราไปเลือกเอง มาดูคู่กับโค้ช มันไม่ตรงกันสักที พยามยามเลือกตามที่โค้ชบอกแล้ว เช่น มาเทสมากกว่า 3 ครั้ง ตกลงว่าเป็นแนวที่แข็งแรงมั้ยครับ เพราะ อ.เต้ย เคยบอกว่าถ้าโดนทดสอบหลายครั้ง อาจจะไม่แข็งแรง / แต่ดูคลิปโค้ชฟิล์ม การหาแนว Dz Sz ที่ดี ต้องมีการเทส 3 ครั้งขึ้นไป เป็นต้น ก็เลยงง ครับ
ติดต่อสอบถามแอดมิน กดที่ลิ้งค์ได้เลยนะคะ📌 Facebook : facebook.com/bravotradeacademyglobal👉 Line : @bravowintrade lin.ee/7nRuNdx
Dz Sz คนละอันกับ แนวรับ แนวต้านนะครับอาจจะฟังผิดรึเปล่า รึพี่ดูคลิปไหนครับ ของโค้ชฟิล์ม
การใช้ Indicator และรูปแบบกราฟเพื่อระบุ Demand และ Supply Zone สามารถช่วยให้นักลงทุนเข้าใจโครงสร้างตลาดและทำการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือวิธีการใช้เครื่องมือและรูปแบบกราฟบางอย่างเพื่อระบุโซนเหล่านี้:### 1. **การใช้ Indicator**#### **1.1 Moving Averages (MA)**- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของตลาด เมื่อราคาอยู่เหนือ MA ระยะยาว (เช่น MA 200 วัน) มักจะบ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และสามารถใช้ MA ระยะสั้น (เช่น MA 50 วัน) เพื่อหาโซน Demand เมื่อราคาลดลงมาใกล้ MA ระยะสั้น- **ข้อสังเกต**: จุดที่ราคาแตะหรือใกล้กับ MA อาจเป็นโซน Demand หรือ Supply ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้ม#### **1.2 Relative Strength Index (RSI)**- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุภาวะซื้อเกินหรือขายเกิน (Overbought/Oversold) ซึ่งสามารถช่วยระบุโซน Supply (เมื่อ RSI สูงกว่า 70) และโซน Demand (เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30)- **ข้อสังเกต**: ค่า RSI ที่เข้าใกล้โซน Overbought หรือ Oversold บ่งชี้ถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา#### **1.3 Volume Profile**- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุปริมาณการซื้อขายในระดับราคาต่าง ๆ Volume Profile แสดงให้เห็นว่ามีการซื้อขายมากที่สุดในระดับราคาใด ซึ่งมักจะเป็นโซน Demand หรือ Supply ที่สำคัญ- **ข้อสังเกต**: โซนที่มี Volume สูงเป็นพิเศษอาจบ่งชี้ถึงโซนที่มีการซื้อขายมากในอดีตและมีความสำคัญในอนาคต### 2. **การใช้รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)**#### **2.1 Support and Resistance Levels**- **การใช้งาน**: แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดลงและกลับขึ้นไป ซึ่งสามารถถือเป็นโซน Demand ในขณะที่แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดขึ้นและกลับลงมา ซึ่งสามารถถือเป็นโซน Supply- **ข้อสังเกต**: การระบุแนวรับและแนวต้านในอดีตช่วยในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต#### **2.2 Candlestick Patterns**- **การใช้งาน**: รูปแบบแท่งเทียน เช่น Hammer, Doji, Engulfing, หรือ Shooting Star สามารถใช้เพื่อระบุการกลับตัวของราคาและโซน Demand หรือ Supply ได้- **ข้อสังเกต**: รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้มักเกิดขึ้นที่จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญและสามารถใช้ร่วมกับโซน Demand และ Supply เพื่อเพิ่มความแม่นยำ#### **2.3 Price Action**- **การใช้งาน**: การวิเคราะห์ Price Action รวมถึงการดูการเคลื่อนไหวของราคาผ่านแนวโน้มและรูปแบบกราฟ เช่น Double Top/Bottom, Head and Shoulders, หรือ Triangles เพื่อระบุโซนที่อาจเป็น Demand หรือ Supply- **ข้อสังเกต**: Price Action สามารถให้ข้อมูลที่ละเอียดและทันสมัยที่สุดเกี่ยวกับความรู้สึกของตลาดและแนวโน้ม
,คุยเห็นภาพชอบมากๆๆๆเลยครับขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ❤️❤️
ขอบคุณขอบคุณขอบคุณความรู้แพงมากค่ะ
คีย์แพงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะ 🥰🥰
เป็นการแบ่งปันและพูดคุยที่สนุกมากค่ะ ฟังไม่เบื่อเลย
หลักเศรษฐศาสตร์เข้าตลาดหุ้นโดยโค้ชโอ๊ต...อธิบายได้ชัดเจนครับ
ขอบคุณคะ่ อธิบายได้น่าฟังเเละสนุกมากคะ่ เข้าใจง่าย 😊😊
ขอบคุณครับ ยอดเยี่ยมครับ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ🥰🥰
ขอบคุณครับ
ชอบๆๆครับ
ขอบคุณมากๆค่ะ ฝากกดไลค์ กดแชร์ ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ยินดีค่ะ💕
ขอบคุณมากค่ะ❤❤❤
ยินดีมากๆคะ👍
ขอบคุณมากครับ.❤🎉❤🎉❤🎉❤🎉❤
ยินดีมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
😂❤
ยินดีค่ะ 💕
อร้ายยย พี่โอ๊ตตต❤🎉🎉
อร้ากกกก 💕💕💕
😊😊
กลไกตลาด 1.(ฝั่งบาย)ซื้อถูกขายแพง 2.(ฝั่งขาย)ราคาถูกคนไม่ขาย/ของแพง(กำไรดี)แย่งกันขาย 3.ราคาที่บันทึกในกราฟจะคือราคาที่อยู่ในจุดสมดุล 4.ถ้ารายใหญ่เข้า(ต้องการที่จำนวน lot/ไม่สนใจราคา) ดันราคาเกิดอิมบาลานซ์ คือหลบสายตาชาวบ้านไม่ได้😅
#เราต้องดูให้ออกว่าจุดไหนถูก/จุดไหนแพง #จุดที่สมดุล คือจุดที่ถูกบันทึกในกราฟ
พฤติกรรมรายใหญ่จะไม่สนใจราคา/ถ้าต้องการ 100,000 lot ก็จะกด now (ดันราคาเกิดอิม-เรา ชาวรายย่อยรอราคากลับลงมาแล้วเข้าตาม)
สุดยอดเลยค่ะ
@@amnuaysuk9066 การระบุว่าจุดไหนเป็น "จุดที่ถูก" หรือ "จุดที่แพง" ในตลาดเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ในการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการและหลักการในการพิจารณาจุดเหล่านี้:
### 1. **การระบุจุดที่ถูก (Demand Zone)**
- **ความหมาย**: จุดที่ราคาสินทรัพย์ต่ำมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อ เป็นบริเวณที่มีความต้องการซื้อมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดการเพิ่มขึ้นของราคา
- **การสังเกต**: ดูจากแนวรับในกราฟที่ราคามักจะไม่สามารถลดลงต่ำกว่านั้นได้โดยง่าย และเมื่อราคามาถึงบริเวณนี้มักจะมีการกลับตัวขึ้นไป
- **ตัวชี้วัด**: Volume ที่สูงขึ้นในบริเวณนี้บ่งบอกถึงการเข้าซื้อของผู้เล่นรายใหญ่
### 2. **การระบุจุดที่แพง (Supply Zone)**
- **ความหมาย**: จุดที่ราคาสินทรัพย์สูงมากพอที่จะกระตุ้นให้ผู้ถือสินทรัพย์ต้องการขาย เป็นบริเวณที่มีความต้องการขายมากและมีแนวโน้มที่จะเกิดการลดลงของราคา
- **การสังเกต**: ดูจากแนวต้านในกราฟที่ราคามักจะไม่สามารถผ่านไปได้ง่าย และเมื่อราคามาถึงบริเวณนี้มักจะมีการกลับตัวลง
- **ตัวชี้วัด**: Volume ที่สูงขึ้นในบริเวณนี้บ่งบอกถึงการขายของผู้เล่นรายใหญ่
### 3. **จุดที่สมดุล (Equilibrium)**
- **ความหมาย**: จุดที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงราคากันได้และปริมาณการซื้อขายมีความสมดุล ราคาที่บันทึกในกราฟในช่วงนี้จะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่มากนัก
- **การสังเกต**: กราฟจะมีการเคลื่อนไหวในแนวราบ (Sideways) หรือมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย บ่งบอกถึงการรอการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่หรือการสะสมแรงซื้อ/ขาย
- **การใช้ประโยชน์**: การระบุจุดที่สมดุลช่วยในการคาดการณ์การเบรกเอาท์ (Breakout) ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์หรืออุปทาน
### **การใช้เครื่องมือและเทคนิคเพิ่มเติม**
- **Fibonacci Retracement**: ใช้ในการระบุระดับราคาที่สำคัญ เช่น 38.2%, 50%, และ 61.8% ซึ่งมักจะเป็นจุดที่ราคาอาจกลับตัว
- **Moving Averages**: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของตลาดและช่วยในการพิจารณาว่าราคาปัจจุบันสูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย
- **Volume Analysis**: การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายช่วยในการยืนยันโซน Demand และ Supply โดยการสังเกตว่ามีการซื้อขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรในบริเวณเหล่านี้
การระบุจุดที่ถูกและจุดที่แพงต้องอาศัยการศึกษาและการฝึกฝน การเข้าใจกลไกเหล่านี้จะช่วยให้สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการขาดทุน
ขอบคุณโค้ชมากเลยสุดยอดเก็บเกี่ยวไว้ได้แล้วครับ❤
เยี่ยมเลยค่ะ💕
อยากรู้เพิ่ม เกี่ยวกับ Dz Sz ที่แข็งแรงแบบละเอียดครับ เพราะตอนเราไปเลือกเอง มาดูคู่กับโค้ช มันไม่ตรงกันสักที พยามยามเลือกตามที่โค้ชบอกแล้ว เช่น มาเทสมากกว่า 3 ครั้ง ตกลงว่าเป็นแนวที่แข็งแรงมั้ยครับ เพราะ อ.เต้ย เคยบอกว่าถ้าโดนทดสอบหลายครั้ง อาจจะไม่แข็งแรง / แต่ดูคลิปโค้ชฟิล์ม การหาแนว Dz Sz ที่ดี ต้องมีการเทส 3 ครั้งขึ้นไป เป็นต้น ก็เลยงง ครับ
ติดต่อสอบถามแอดมิน กดที่ลิ้งค์ได้เลยนะคะ
📌 Facebook : facebook.com/bravotradeacademyglobal
👉 Line : @bravowintrade lin.ee/7nRuNdx
Dz Sz คนละอันกับ แนวรับ แนวต้านนะครับ
อาจจะฟังผิดรึเปล่า รึพี่ดูคลิปไหนครับ ของโค้ชฟิล์ม
การใช้ Indicator และรูปแบบกราฟเพื่อระบุ Demand และ Supply Zone สามารถช่วยให้นักลงทุนเข้าใจโครงสร้างตลาดและทำการตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือวิธีการใช้เครื่องมือและรูปแบบกราฟบางอย่างเพื่อระบุโซนเหล่านี้:
### 1. **การใช้ Indicator**
#### **1.1 Moving Averages (MA)**
- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุแนวโน้มของตลาด เมื่อราคาอยู่เหนือ MA ระยะยาว (เช่น MA 200 วัน) มักจะบ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และสามารถใช้ MA ระยะสั้น (เช่น MA 50 วัน) เพื่อหาโซน Demand เมื่อราคาลดลงมาใกล้ MA ระยะสั้น
- **ข้อสังเกต**: จุดที่ราคาแตะหรือใกล้กับ MA อาจเป็นโซน Demand หรือ Supply ขึ้นอยู่กับทิศทางของแนวโน้ม
#### **1.2 Relative Strength Index (RSI)**
- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุภาวะซื้อเกินหรือขายเกิน (Overbought/Oversold) ซึ่งสามารถช่วยระบุโซน Supply (เมื่อ RSI สูงกว่า 70) และโซน Demand (เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30)
- **ข้อสังเกต**: ค่า RSI ที่เข้าใกล้โซน Overbought หรือ Oversold บ่งชี้ถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา
#### **1.3 Volume Profile**
- **การใช้งาน**: ใช้เพื่อระบุปริมาณการซื้อขายในระดับราคาต่าง ๆ Volume Profile แสดงให้เห็นว่ามีการซื้อขายมากที่สุดในระดับราคาใด ซึ่งมักจะเป็นโซน Demand หรือ Supply ที่สำคัญ
- **ข้อสังเกต**: โซนที่มี Volume สูงเป็นพิเศษอาจบ่งชี้ถึงโซนที่มีการซื้อขายมากในอดีตและมีความสำคัญในอนาคต
### 2. **การใช้รูปแบบกราฟ (Chart Patterns)**
#### **2.1 Support and Resistance Levels**
- **การใช้งาน**: แนวรับ (Support) คือระดับราคาที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดลงและกลับขึ้นไป ซึ่งสามารถถือเป็นโซน Demand ในขณะที่แนวต้าน (Resistance) คือระดับราคาที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดขึ้นและกลับลงมา ซึ่งสามารถถือเป็นโซน Supply
- **ข้อสังเกต**: การระบุแนวรับและแนวต้านในอดีตช่วยในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
#### **2.2 Candlestick Patterns**
- **การใช้งาน**: รูปแบบแท่งเทียน เช่น Hammer, Doji, Engulfing, หรือ Shooting Star สามารถใช้เพื่อระบุการกลับตัวของราคาและโซน Demand หรือ Supply ได้
- **ข้อสังเกต**: รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้มักเกิดขึ้นที่จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญและสามารถใช้ร่วมกับโซน Demand และ Supply เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
#### **2.3 Price Action**
- **การใช้งาน**: การวิเคราะห์ Price Action รวมถึงการดูการเคลื่อนไหวของราคาผ่านแนวโน้มและรูปแบบกราฟ เช่น Double Top/Bottom, Head and Shoulders, หรือ Triangles เพื่อระบุโซนที่อาจเป็น Demand หรือ Supply
- **ข้อสังเกต**: Price Action สามารถให้ข้อมูลที่ละเอียดและทันสมัยที่สุดเกี่ยวกับความรู้สึกของตลาดและแนวโน้ม
,คุยเห็นภาพชอบมากๆๆๆเลยครับขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ❤️❤️
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากค่ะ
ยินดีมากค่ะ
ขอบคุณขอบคุณขอบคุณความรู้แพงมากค่ะ
คีย์แพงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะ 🥰🥰