@@littlejack4431 เจ็บมากครับ กับตอนเจอ พี่ชายเพื่อน ชอบตรงบอกว่า Your brother is a good man เจ็บจี๊ดเลย ด้วยศักดิ์ศรีทหารและหน้าที่มันบอกละเอียดไม่ได้ มันบอกตรงๆไม่ได้ มันจะงอแงร้องไห้กอดอะไรก็ไม่ได้
ใช่ครับ หนังไม่พยายามยัดเยียด แต่เล่าแบบใช้ภาพ เล่าแบบฉลาดจริงๆ spoil ตัวอย่างเช่น (ผมได้เยอะมาก หลายจุดจริงๆ) I will ที่เบลกพูด ต่อมาก็ I will ที่สกอฟิลพูด ฉากซากุระที่เบลกชอบและเล่าเกี่ยวกับครอบครัว แล้วสกอฟิลก็มาเห็นซากุระในน้ำ กำลังจะหมดแรง ก็ฮึดถึงเพื่อนอีก He looks like me, he's a bit older. สกอฟิล เห็นแค่หลังพี่เบลกก็รู้สึกว่าใช่ มันทำให้ผมรู้สึกว่า สกอฟิล สนิท กับเบลกแค่ไหน สกอฟิล ไม่จำเป็น ต้องมากับเบลก แต่ก็มาเพราะรักเพื่อน สกอฟิล ดูแลเบลกแบบเป็นน้องชาย ออกนำตลอด ฉากที่เห็นชัดคือ age before beauty ขอขึ้นจากสนามเพาะก่อน เพราะถ้ามีคนซุ่มยิง ก็ขอตายก่อน
![ReviewThe Irishman [ Viewfinder : คนใหญ่ไอริช ]](http://i.ytimg.com/vi/vyVv7Lkt9EM/mqdefault.jpg)
![ReviewThe Irishman [ Viewfinder : คนใหญ่ไอริช ]](/img/tr.png)
![Mirrr x BUS5 - กี่เหตุผล (1000REASONS) [Live Session]](http://i.ytimg.com/vi/6Ta00hFr2qU/mqdefault.jpg)
![เรื่องเล่า " อวดดี จนเจอดี " [ Viewfinder : หลอกจับผีหลอนจับตาย]](/img/n.gif)
จับผิดหนัง ฉบับฮีโร่ th-cam.com/video/7UV5ltl9Urw/w-d-xo.html
ภาคต่อของ 1914 มั้ยครับ
@@yutchaipaotun2987 1914 จบในเรื่องไม่มีภาคต่อครับ
อยากถามคุณจีนหน่อยว่า คำว่า วันช็อทลองเทส ในความหมายของคุณคืออะไร?
ไอ้คำๆนี้มัน แปลว่าอะไร?กันแน่
เห็นใช้บ่อย ตกลงมันคือ หนังที่ทำให้เหมือนว่าเป็นหนังลองเทสยาวๆด้วยการตัดต่อ
หรือคำว่า วันช็อทลองเทสนี่คืออะไรกันแน่
หรือมันคือ หนังที่ถ่ายยาวๆม้วนเดียวจบไม่มีการตัดต่อ
หรืออะไร คำว่า วันช็อทลองเทส
วันช็อปทองเทศกะลองเทสเรียลไทม์ม คืออันเดียวกันที่พยายามจะสื่อหรือเปล่า
รบกวนด้วยจ้า
ขอบคุณจ้า
ถามคุณจีนคนพูดจ้า
ad astra กับ interstellar ทำไมซาวอวกาศคล้ายกันจังเลยครับเฮีย โปรดชี้แนะ ด้วยจากใจ AP11
"He look like me, he's a bit older."
ประโยคนี้มากลางเรื่อง และก็ทำให้ผมน้ำตาซึมท้ายเรื่องเลย..
ผมซึมมาก
ผมนี่ซึมหนักเลย
แปลไม่ออก
@@user-ot7fg3cq1u เขาดูเหมือนฉัน.แต่แก่กว่านิดหน่อย.ประโยคที่เพื่อนพระเอกพูดให้พระเอกฟังถึงพี่ชาย ก่อนโดนเสียบไส้ไหลตาย
[อาจจะสปอยล์นะครับ] พูดถึงเรื่องแมสเสจ ผมว่ามีอยู่แมสเสจนึงที่ผมสัมผัสได้เต็มๆ ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ แต่ผมว่ามันอยู่ที่ในหนังตลอดทั้งเรื่องและไปสรุปตอนจบได้แบบสวยงามมาก - คือเรื่องที่ปู่เขา แรกสุดดูเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเอง มีทัศนคติที่ใช้ชีวิตรอดไปวันต่อวัน พูดทำนองว่าเขาไม่ได้แคร์เรื่องกลับบ้านเลย จะเอาไปทำไมเหรียญกล้าหาญ ไวน์ยังมีค่ามากกว่าเสียอีก แล้วบทเรียนต่างๆที่ปู่เจอในเรื่องมันค่อยๆทำให้เห็นว่าปู่ได้เรียนรู้คุณค่าของชีวิตจากเพื่อน ทั้งให้โอกาสศัตรู ที่ภายหลังก็จะมีตอนที่ปู่ให้โอกาสศัตรู การเสียสละ (จากการที่เพื่อนเอาน้ำดื่มมาให้ล้างตา) ที่ภายหลังปู่ก็ให้อาหารกับผู้หญิงและเด็ก ทั้งที่ตอนแรกปู่ไม่ใช่คนแบบนี้เลยจากคำพูดและการกระทำ บทเรียนสุดท้ายคือทำให้รู้ว่า จริงๆแล้วที่ต้องมีชีวิตรอด”กลับบ้าน”ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองหรือเหรียญกล้าหาญ แต่เพราะมีคนที่รอเราอยู่ คนรอเขาใจสลายขนาดไหนที่ต้องพบว่าสิ่งที่เขารอต้องจากไปโดยไม่มีวันหวนกลับ ผมอินมากกับความรู้สึกนี้ ทำให้ประทับใจหนังเรื่องนี้แบบขั้นสุดเลย 10/10 เลยครับสำหรับผม
เป็นหนังที่คุ้มค่าคุ้มราคามากเลยค่ะ ตื่นเต้น และสมการรอคอยที่จะมาดูมาก ดูแล้วอิ่มจัดๆ
1917 ตอนระเบิด ผมตกใจมากๆ เพราะเราเหมือนเป็นทหารคนที่สามที่ติดตามสองคนนี้ไปด้วย สุดๆจริงๆ
ตอนแรกที่ผมอยากดูเรื่องนี้เพราะเห็นเบเนดิกในลิสนักแสดงนี่ละครับชอบเฮียแกมาก พอไปดูแล้วเกินคาดเลย ถึงจะไม่เป็นไปตามที่คิดแต่ก็ชอบหนังมากครับ ลุ้นไปกับหนังมาก อินสุดๆ ดนตรีบิ้วตามฉากได้ดีมาก พล็อตเรื่องไม่หวือหวามากแต่เรื่องงานภาพ การแสดง กับทีมถ่ายทำ นี่สุดยอดมากครับ เป็นหนังสงครามที่ดีมากจริงๆ ไม่ได้ดูหนังสงครามโลกดีดีในโรงมานานมากแล้ว ปลื้มมากครับ อาทิตย์หน้าถ้าวันศุกร์ยังอยู่ในโรงจะไปจัดอีกรอบครับ สุดยอดมาก
ไปดู สองรอบ เห็นด้วยเลยค่ะ ความอิน ความประทับใจในเนื้อหา คิดเหมือนกันเลยค่ะ
เคยดู footage สงครามจริง อารมณ์มันจะเหมือน 1917 เลยค่ะ เลยรู้สึกว่าหนังทำออกมาเหมือนความรู้สึกหรือการแสดงออกเหมือน footage จริง
เคยฟังสัมภาษณ์ทหารสงครามโลกที่ได้้เหรียญกล้าหาญ เค้าคิดว่าเค้าไม่ได้เป็นฮีโร่ เพื่อนเค้าที่ตายในสงครามต่างหากที่เป็นฮีโร่
มีทหารหลายคนมากรู้สึกผิดที่ได้กลับก่อน หรือแม้กระทั่งรู้สึกผิดที่เพื่อนตายแต่ตัวเองรอด
ส่วนตัวคิดว่าหนังสื่อออกมาให้คนดูรับสารได้ครบถ้วนสมบูรณ์ค่ะ
เคยดูก็ไม่ต้องบอกกูก็ได้นะ เพราะกูไม่ได้ถามและไม่ได้อยากรู้เรื่องของมึงเลยครับ
@@johnlee8863 เค้าแค่อธิบายมั๊ยคะพี่?😅
@@nonamelol5185 ครับ
หนังเรื่องนี้ผมว่า มันคือ Message itself.
เพราะนักแสดงนำของเรื่อง คือ "สงคราม"
หนังถ่ายทอดเสี้ยวนึงของสงครามอันโหดร้าย *ผมว่าฉากเริ่มและฉากจบ บอกถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่*
เห็นด้วยครับ Message ก็ตามที่รู้สึกว่ามันไม่มวลเลย ก็นั่นแหละสงครามรบกันตายกันเพื่อเรื่องอะไรที่มันไม่มวลเลยสูญเปล่า มันเบลอๆลอยๆ ตายด้านข้างใน
@@rittis013 ครับผม หนังไม่ได้ยัดเยียดอะไรให้เรามาก แต่มันสัมผัสได้จาก soul ที่ออกมาทางสีหน้านักแสดง หนังไม่ได้คร่ำครวญออกมาทางกายให้เราเห็นมากนัก เอาจริงๆในภาวะสงคราม มันคงต้องใช้มากกว่าคำว่า move on
ประโยคเด็ดของหนังเรื่องนี้ ผม ยกให้คำว่า "I will"
@@littlejack4431 เจ็บมากครับ กับตอนเจอ พี่ชายเพื่อน ชอบตรงบอกว่า Your brother is a good man เจ็บจี๊ดเลย ด้วยศักดิ์ศรีทหารและหน้าที่มันบอกละเอียดไม่ได้ มันบอกตรงๆไม่ได้ มันจะงอแงร้องไห้กอดอะไรก็ไม่ได้
ฉากวิ่งตอนสุดท้ายนี้แทบหยุดหายใจ
ผมว่า เนื้อเรื่องมันดีเลยแหละ
มันแฝงไว้ด้วยว่า
การเป็นทหารของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนอาจจะอยากได้เหรียญกล้าหาญ เป็นความภูมิใจ เล็กๆไปอวดว่าได้ออกรบ
แต่กลับบางคน พยายามแค่ต้องการจะรอดกลับไป เพื่อให้ได้พบกลับครอบครัว เขาไม่ได้อยากฆ๋าทหาร หรือใครๆ.
และทหารเป็นแค่เบี้ยที่ไม่มีใครสนใจ นายพลไมไ่ด้สนใจชีวิตของทหาร เพียงแต่ต้องการๆเผด็จศึกสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองก็เท่านั้น.
กับนายพล ข่าวที่เอามาให้จากพลทหาร เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ที่ทำให้เขาไม่เสียหน้า แต่ก็พลาดโอกาสการสร้างความดีความชอบ
แต่กับทหารที่นำข่าวไปแจ้งนั้น เขาต้องฝ่าอะไรมากมาย และต้องแบกรับภาระที่เพื่อนฝากฝัง ให้ทำให้สำเร็จทั้งที่ใจก็รู็ว่ามันยาก...
9 เต็ม 10สำหรับผม
หนังขาดแค่ความดราม่าที่ผมจะเสียน้ำตาได้ ซึ่งหนังไม่ยอมให้เราไปเสียเวลาตรงนั้น ถ้ามีเวลาสัก 3-4 ชม. หนังน่าจะเต็ม 10
ผมว่าดราม่ากำลังพอดีไม่ปั่นขยี้เกินไป เพราะชายขาติทหารจะมานั่งเปิดใจเล่าหมดทุกข์ไม่ได้มันมีเกียรติศักศรีในหน้าที่มันก็ต้องประคองความรู้สึกตัวเองไว้ ต้องเข้มแข็งไว้ ในตอนจบที่พระเอกบอกกับพี่ชายเบลกเพียงแต่เท่าที่จำเป็นไม่ได้ละเอียด แต่ทหารเขารู้จัก มันก็ได้แค่นั้น
ตอนยังไม่ได้ดู 1917 ผมแอบเชียร์ The Irishman กับ Parasite แต่หลังได้ดูแล้ว ผมเทใจให้เรื่องนี้บนเวที Oscar ในสาขา best motion picture หมดใจเลย ❤️❤️❤️❤️❤️
ดูไปเรื่อยๆแล้วลืมไปเลยว่า long take
ดีจริงคับ ฉากในถำ่กับตอนออกมาวิ่งนอกสนามเพลาะนิ แทบลืมหายใจ
10/10 ตอนท้ายเรื่องตอนที่พระเอกวิ่ง โคตรเท้
ผมว่าเมสเซสจ์ที่เขาวิจารณ์ว่าไม่มีนั่นแหละครับคือ Point ของหนังเลย.... สงครามมันก็คงรู้สึกแบบนี้แหละครับ สูญเปล่า
เหมือนหนังเอาชีวิตรอดอ่ะ
ชอบคนบรรยายจังเลย อารมณ์ดี้ดี วิจารณ์เก่งฮ่ะ
ชอบตอนจบด้วยค่ะ ถ้าจำมิผิด "come back to us" เป็นทิ่มาของหลายๆการกะทำของ สคอฟิล ว่าแล้วอยากชมอิกรอบจัง
10/10ครับ ดูมาสองวันก่อน ขอนแก่นฉายโรงเดียวดีใจมากที่เรื่องนี้ได้ดูเพราะช่วงนี้ไทบ้านยึดโรง
ชลบุรีมีเเต่ซับไทย
เห็นต่างสุดๆเลยพี่เรื่องสิ่งที่ผกกจะสื่อสาร อันนี้สปอยนะ ตั้งแต่ฉากแรกๆที่เรียกมารับคำสั่งแล้วพูดเจาะจงไปที่คนนึง ฉากที่มีปากเสียงกันระหว่างสองตัวเอก ทั้งฉากที่เจอผญซ่อนตัว ฉากช่วยชีวิตศัตรู หรือจะฉากท้ายเลยที่ทั้งวิ่งตัดทหารไป บอกข่าวร้าย แล้วตอนจบที่หยิบภาพครอบครัวออกมา โอ้โห ผมว่าเล่าฉลาดมาก เพราะฉากที่อยู่กับเด็กทารกกับผู้หญิงที่ถามว่าคุณมีครอบครัวมั้ย แล้วไม่ตอบ ผมได้เต็มๆเลย แนวคิดต่างๆ ทั้งความโหดร้ายแล้วก้ความสวยงามของสงคราม มิตรภาพ จิตใจ ภักดี ไรพวกนี้ ผมได้เต็มๆเลยครับ
ใช่ครับ หนังไม่พยายามยัดเยียด
แต่เล่าแบบใช้ภาพ เล่าแบบฉลาดจริงๆ
spoil
ตัวอย่างเช่น (ผมได้เยอะมาก หลายจุดจริงๆ)
I will ที่เบลกพูด ต่อมาก็ I will ที่สกอฟิลพูด
ฉากซากุระที่เบลกชอบและเล่าเกี่ยวกับครอบครัว แล้วสกอฟิลก็มาเห็นซากุระในน้ำ กำลังจะหมดแรง ก็ฮึดถึงเพื่อนอีก
He looks like me, he's a bit older.
สกอฟิล เห็นแค่หลังพี่เบลกก็รู้สึกว่าใช่ มันทำให้ผมรู้สึกว่า สกอฟิล สนิท กับเบลกแค่ไหน
สกอฟิล ไม่จำเป็น ต้องมากับเบลก แต่ก็มาเพราะรักเพื่อน
สกอฟิล ดูแลเบลกแบบเป็นน้องชาย ออกนำตลอด ฉากที่เห็นชัดคือ age before beauty ขอขึ้นจากสนามเพาะก่อน เพราะถ้ามีคนซุ่มยิง ก็ขอตายก่อน
@@littlejack4431 หนังใช้ภาพสื่อแทนคำพูดจริงๆ บทอาจจะเรียบแต่ถ้าเก็บรายละเอียดครบ มันคือหนังขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่งเลย
ฉากร้องเพลง wayfaring stranger นี่เอาใจผมไปเลย
เหตุผลที่ชอบฟัง วิว ไฟน์เดอร์ ก็เพราะมีความเห็นอะไรหลายๆอย่างมาก ที่ตรงกันเกือบจะทุกเรื่อง ยกเว้นไม่ใช่fc หนังซอมบี้เหมือนคุณจีน😛😛😛 1917ไปดูมาแล้ววันแรกเลย ตื่นเต้นมาก หนังดีงามทุกประการ แต่อย่างที่บอก ปกติตอนดูหนังจบ เวลาเราเดินออกจากโรง จะต้องทิ้งความรุ้สึกให้เราบางอย่าง เช่น มีก้อนหนักๆมาจุกที่อก หรือมีความอิ่มเอมใจ หรือมีความสงสัยที่ต้องขบคิดต่อ แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองโดยสิ้นเชิง...ฉากที่ชอบมากๆ คือตอนที่เดินอยุ่ในที่เมืองด้านนอกไฟไหม้ คือแสงเงาโคตรรรรรดี ให้อารมณ์ที่ดูน่ากลัวจากแสงและเงานั้น...หนังเรื่องนี้Best picture ในออสการ์ในปีนี้ก็ สมเหตุสมผลแล้ว แต่ Once upon the time และ parasite เป็น best picture ที่สุดในใจเรา
หนังดีมากเลยค่ะ ดูไปกดดันไป เครียดตามไปด้วย แบบเหมือนเราอยู่ในนั้นเลย สุดยอดเลยค่ะ 👍🏼
Zumino09 ดูแล้วสงสารตัวละครเลย
หนังแนวนี้เป็นหนังแนวเสพบรรยากาศครับ ให้เห็นถึงสภาวะตัวละครที่คนดูต้องตามตลอดเวลา ตามเนื้อเรื่องคือใช้เวลาเพียงไม่ถึง48ชม. ต้องเดินทางให้ถึงก่อนรุ่งสาง ผมชอบหนังแนวนี้ บรรยากาศและฉาก ผมให้ 10/10 .หนังดูยาว2ชม. แต่ผมรู้สึกเหมือนหนังจบเร็วมาก แค่นี้ก็ผ่านแล้วครับ!
ถ้าเอดมินจะเอาหนังแนวมีเนื้อหาความหมาย มีสิ่งซ่อนเร้นที่คนดูต้องคิด ต้องหนังแนวอื่นแล้วครับ น่าจะแนวDrama
ผมว่าหนังบอกเรื่อง หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความมุ่งมั่นต่อคำสัญญานะครับไปดูมาแล้วชอบมาก
มุมกล้องเนียนตา เหมือนเราไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ชอบพร็อพในหนังมากครับ มันคลาสสิกสุดๆ
ฉากเมืองนี่เรียลสุดๆครับ เป็นสุดยอดหนังเรื่องนึงเลยจริงๆ
คิดเหมือนพี่จีนทุกอย่างเลยค่ะ ยอมรับคารวะกับการถ่ายทำ จนบางฉากลุ้นแทบหยุดหายใจเลย แต่พอมองโดยรวมแล้วก็ไม่ได้ประทับใจขนาดนั้น ยังไม่รู้สึกถึง message ที่หนังต้องการสื่อเพียงพอ เหมือนเล่นรถไฟเหาะที่สนุกแต่ความรู้สึกก็จบหลังจากที่เดินออกมา ถึงแม้จะรู้ว่ามีโอกาสไม่มาก ส่วนตัวยังไงปีนี้ก็ขอเชียร์ parasite เหมือนเดิมค่ะ
เทคนิคเสมือนลองเทค คนดูแค่หาแผลตัดไม่เจอ ที่จริงช๊อตคัตเนียนๆก็หลายช๊อตอยู่นะ
มีฉากที่Scofieldตัดสินใจเดินขึ้นเนินบังเกอร์
และตามมาด้วยเหล่าพลทหารวิ่งตามขึ้นมาเพื่อเข้าสู่สนามรบ
จะมีฉากพลทหารคนนึงที่ชนกับพระเอกจนล้มแล้วล้มยาวแบบไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
ทั้งๆที่ไม่ได้โดนระเบิด แต่คนที่สองวิ่งมาชนพระเอกยังทุลักทุเลยืนขึ้นมาได้
จริง มองตั้งนาน ไอ้นี่ไม่ลุกเลย
เมื่อกี้ไปดูช่องพี่หมีมาเค้าบอกว่าเป็นการเล่นผิดคิวชนแบบผิดคิวแต่นักแสดงเล่นต่อจนจบ
หนังถือว่าพาเราไปกับตัวละครรู้สึกไปกับตัวละครได้ดีเลยทีเดียวส่วนตัวชอบหนังสงครามอยู่แล้วแต่ไม่เคยดูแนวเรื่องของการทำภารกิจที่แทบไม่ได้ไฟท์กับใครตูมตามแบบนี้มาก่อน ซึ่งก็เป็นอีกรสชาตินึงแต่เอาจริงๆถ้ารสนิยมชอบการบู๊ล้างผลาญเรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยเติมเต็มนะเพราะภาระกิจไม่ได้ไปรบ แต่ถ้ศเป็นแนวสารคดีตามติดชีวิตแน่นอนเรื่องนี้ตอบโจทย์
ฉากที่พระเอกวิ่ง เป็นอะไรที่สุดยอดมาก อลังการ
มีใครรู้สึกเหมือนผมบ้าง
มันยังนึกถึง saving private ryan
ยุเลย
แค่ รวดหนาม ผมก็ ว่าโครตได้ ฟิว เลย
Golf Gap ลวด
message น่าจะเป็นอารมณ์ของคนที่อยู่ในสงคราม และผลกระทบทางความรู้สึกของตัวละครในสงครามมากกว่า จริงอยู่เนื้อหาของเรื่องไม่หวือหวา แต่หนังพาอารมณ์คนไปค่อนข้างสุด(ส่วนตัว)
ใช่ครับดูจากพระเอกมันมีซีมโบลิคเริ่มเรื่องมานอนที่ต้นไม้ ตอนจบก็ไปนั่งที่ต้นไม้แต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนคนละความรู้สึกเลย ทั้งๆที่ผ่านไปแค่วันเดียวเองเท่านั้นชีวิตจะชิบหายได้ขนาดนี้ กะอีเพียงแค่ภารกิจจิ๊บจ๊อยเสียเพื่อน และเสียจิตใจ
@@rittis013 ภารกิจจิ้บจ้อย? เกินไปนะ ใครก็พูดได้ในเมื่อไม่ได้อยู่แนวหน้าท่ามกลางห่ากระสุน.ถ้านี้คือเรื่องจริงตามที่ปู่ผู้กำกับเล่า พระเอกนี้มันโคตรแมว 9 ชีวิต.เอาแค่หนูทำกับดักระเบิดตกก็ต้องตายหรือไม่ก็เจ็บสาหัสแล้ว.ยังโดนเครื่องบินนาซีที่โดนยิงร่วงตกมาใส่อีก.ยังโดนยิงที่สะพานทางข้ามที่ขาด ยังโดนยิงเต็มๆที่หัวแต่โชคดีโดนหมวก.ฉากที่โดนไล่ยิงก่อนหนีไปหลบชั้นใต้ดินก่อนเจอสาวฝรั่งเศสและเด็กทารก.โดนไล่ยิงจนต้องกระโดนน้ำตก ถ้าว่ายน้ำไม่แข็งก็ตายห่าไปแล้ว.พีคสุดตอนจบที่จะเอาจดหมายไปให้นายทหารวิ่งสวนทางกับเพื่อนทหารยังอุตส่ารอดมาได้ ทั้งหมดนี้ภารกิจมันจิ๊บจ๊อยตรงไหน? คุณคงเก่งมากๆสิ่งนะ โดยเฉพาะปากน่ะ พูดอะไรให้เกียรติทหารหาญที่เขาเสียสละชีวิตในการปฏิบัติภารกิจหน่อย.อย่างคุณอย่าว่าแต่ให้ทำภารกิจแบบพระเอกเลย แค่เดินถือปืนเฉยๆไปส่งจดหมายให้นายทหารตามนัดคงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ.
หนุกมาก ลองเทคแบบไม่ตัดภาพเลย
IMAX เท่านั้นครับ สำหรับเรื่องนี้
ถึงจะคู่ควร และคุ้มค่ากับการดู
ตัวหนังเน้นความเรียล เสมือนกับว่า
เราเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างนายทหาร 2 ตัวหลักในเรื่อง แล้วลุ้นเอาใจช่วยไปกับเขาว่าจะรอดไหม จะแก้ปัญหายังไง ในแต่ล่ะจุด แต่ล่ะเรื่อง แต่บ่ะปัญหาที่พบเจอในเส้นทางภารกิจ หนังให้อารมณ์กดดัน บีบคั้น ลุ้นระทึก คือ ถาโถมใส่คนดูครบรสจริงๆครับ งานด้านภาพนี่สุดยอดมาก เพราะได้ปรมาจารย์อย่าง โรเจอร์ ดีกิ้นส์ มากำกับดูแล
ออสการ์สาขาเทคนิคภาพยอดเยี่ยมประจำปีนี้ ยังไงซะก็น่าจะเสร็จ 1917 แล้วถ้าจะคว้าออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เพราะอย่างที่พี่จีนบอก จากสถานะม้ามืดในตอนแรก ผันตัวเองมาเป็นตัวเต็งระดับต้นๆ หึ ฮ่าาา ๆๆๆๆ
ปล. เรื่อง message จากตัวหนัง เรื่อง Once Upon A Time In Hollywood นี่ผมว่าก็ไม่ใช่ในทำนองแบบนั้นเช่นกันนะครับ ผมว่าอันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนตัวแล้วล่ะ 555+
Once Upon A Time In Hollywood นี่ยิ่งหนักเลยเรื่องเมสเสจ มันเอาปั่นล้วนๆ ส่วน 1917 เมสเสจที่รู้สึกเปล่าๆนั่นแหละครับในตัวมันเองเลยคือ สูญเปล่า
Nick of Time นี้แก่มากพี่ ใจเย็นๆ
ความรู้สึกเหมือนผมเลยครับ รีวิวนี้
เล่าได้ถึงอารมกว่าทุกช่องเลยครับ ติดตามชอบพี่มาก
ผมดู imax สุดยอดจริงๆยอมรับว่าเทคนิคการถ่ายทำสุดยอดมากๆแต่ถ้าจะดูให้สนุกต้องไม่คอยมามองว่าlong take ไปแค่ไหน ปล่อยอารมณ์ไปตามหนังเลยครับแล้วจะสนุก
ผมว่าเพราะความ real time เลยต้องแลกมาด้วยบทบาง ส่วนตัวคิดว่าคุ้ม
เอารางวัลไปเลยครับอย่าไปสู่เขาเลย5555 ดีจริง
ดูเมื่อวันพุธหนังสนุกมากกก ชอบที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่อง ไม่ได้ดูหนังที่ต้องลุ้นตามตัวละครในเรื่องมานานแล้ว
คุณภาพ พอๆกับ Saving Private Ryan กับ Dunkirk
พึ่งได้ดู นี่มันหนังรวมดาราเบอร์ใหญ่ชัดๆ
Colin Firth / Mark Strong (Kings Man)
Benedict Cumberbatch / Richard Madden (Marvel)
ดีจริงหนังเรื่องนี้
ใน oscar 1917 ผมเชยร์ให้ได้ best picture งานภาพโคตรสวย
อยากฟังพี่รีวิว the gentlemen ครับบ
เรื่องนี้ผมดูรอบแรกคือรอบพิเศษSneak peak 2ทุ่มและรอบต่อมาคือรอบIMAXคือหนังองค์ประกอบดีมากจริงๆครับทั้งการงานภาพและการถ่ายLong takeและเพลงประกอบคือที่สุดต่อการเร้าอารมณ์มากเลยแต่ยอมรับว่าScore SoundTrackของเรื่องนี้ทำผมร้องไห้หนักมากเลยเห็นถึงเรื่องราวของคนสมัยนั้นว่าผ่านอะไรที่โหดร้ายมากจริงๆและคนในยุคช่วงWW1หรือประมาณ1900นี้ทุกคนเป็นLost Generationไปหมดแล้วถือว่าสร้างมาเพื่ออาลัยทหารในยุคนั้นได้ดีจริงๆมากครับ
ผมว่า Massage ของหนังคือ ผลกระทบของสงคราม แต่อาจจะจับใจความยากหน่อยแต่ตัวละคร สถานที่และสถานการมันพยายามสื่ออยู่ครับ
popopato kotmitta เป็นหนึ่งในหนังสงครามอีกเรื่องที่ผมดูแล้วขยาด กลัวความโหดร้ายสงครามไปเลย ไม่มีความสะใจในการรบ ผมว่าผมได้รับเมสเซสที่เขาตั้งใจจะซื้อละ555
ใช่เลยครับ
นักแสดงนำเรื่องนี้คือ สงคราม
โอ้ โห้วววว สุดจัด ชอบมากๆครับ มุมมองกล้องตัวเดียว ตามทั้งเรื่อง ลุ้นตลอด CG โคตรๆ อยากโดดหอมแก้มผู้กำกับเลย
ตัวอย่าง F9 มาแล้ว รอพี่รีวิวเลยครับ
โคตรชอบเลยครับ ฉากวิ่งในเมืองภาพโคตรสวยเลย อย่างกับดูภาพจิตกรรรมเลย แสงสีสวยมาก ลุ้นมากอีกด้วย ชอบๆๆ จุดพักในบ้านเธอคนนั้นก็ดีงามมากเลยย
อยากฟังพี่รีวิว band o brothers ครับ
เย้ มาแล้วๆ
เขากัดจิกสงคราม อย่างเช่น
เอาเหรียญกล้าหาญไปแลกไวน์
ต่อสู้กันมา3ปีแล้วสภาพบ้านเมืองเป็นแบบนี้ สู้ยกให้มันดีกว่า
10/10ครั้ง ไม่มีอะไรให้ต้องพูด ไปดูเลยครัป
น่าเสียดายมาก imax เข้าแค่อาทิตย์เดียว อาทิตย์หน้า Bird of pray เข้าแล้ว
บางทีเพจพวกรีวิวหนังบางเพจก็อวยหนังกันเกิดเหตุ ซึ่งผมชอบ View Finder ที่ตรงไปตรงมา และเสนออะไรถึงแก่นดีครับ
1917 ต้องมาแล้ว~
ให้10/10ครับ
รอวันพุธก่อนค่อยไปดู
ชอบมาหครับ เรื่องนี้ ในส่วนของ real time ส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าใช่ครับ เพราะ หนังเริ่มต้น เวลาน่าจะช่วงบ่ายแก่ๆ เกือบเย็นแล้ว เริ่มออกเดินทาง ตอนที่ยังสว่าง และได้ผ่านช่วงกลางคืนไป ถึงเช้า และจบในตอนสว่าง ซึ่ง ก็น่าจะเป็นช่วงสายๆ ของอีกวันนึง เวลาในภาพยนต์ อย่างน้อยต้องมี 15 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ครับ
สงสารหมวดเบรค
ผมกลั้นหายใจบ่ยดว่าหายใจอีกพี่ ลุ้นทั้งเรื่อง❤
เป็นหนังlong take ที่ดูเพลินลืมเรื่อง long take ไปเลย เหมือนเราเป็นคนตามติดชีวิตตัวละครฟีลเหมือนเรื่อง war horse
ขนาดเมเจอแถวบ้านผมยังไม่มีฉายเลย เซ็งมาก
อยากดูน่ะแต่ไม่มีที่ให้ดู
อยากให้พี่จีน เล่าประเด็นของจอนนี่ เดปป์ ตอนนี้หน่อยค่ะ
แล้วแอมเบอร์ จะตกจากบทเมร่าไหมคะ
ขอบคุณค่ะ
8 จริงๆด้วยอาจะเป็นเพราะขอจำกัดด้านภาพอยากให้บทสนทนาดุน่าสนใจอีกสักนิดโหมโรงด้วยคำพูดอีกสักหน่อย แต่ดีดูแล้วเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหนังเลยยย ตื่นเต้มากเวลาดุแบบบางที่ก้เอะมันจะมีอะไรข้างหน้ามันดูดีมากเวลาเดินๆๆๆออกแบบฉากดีมากกกกกกกกกกกก แนะนำให้ดูในโรงครับบ้านผมไม่ม imax ตจว ได้ดูนี้บุญแล้วครับแต่คนครึ่งโรงนะเยอะครับแถวบ้าน
เหมือนเราเป็นตัวละครที่3เลยครับ
สร้างอุโบสถ แต่ไม่มี ลูกนิมิต คมมากเยยคับ
คิดเหมือนกันเลยค่ะว่าอารมณ์เหมือน Horse War เลย คิดว่าเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก แต่เทคนิค ความกดดันกับตื่นเต้นเนี่ยสุดยอดไปเลย
เป็น Long take ที่ดูแล้วอึดอัดใช้ได้เลยครับ คือไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไร เดินไปกับตัวละคร มุมต่างๆ คือลุ้นก็ลุ้นนะครับ แล้วก็สงสัยด้วย บางอันพีคมากเลยครับ Peak ยิ่งกว่าตอนเจอ Cameo สามคนในเรื่อง ว่าแล้วต้องมา
เป็นคนที่ดูหนังสงครามมาหลายเรื่อง เรื่องนี้ถ้าตัดเรื่องลองเทคจะทำให้ดูเนื้อเรื่องแล้วยังสู้เรื่อง ที่ผมชอบที่สุดไม่ได้คือ saving private ryan
จริง
เรื่องนี้ไม่สุด เพราะขาดบทที่ดี
@@PomDaviezz ใช่ครับ
พุ่งปี๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยากดูเว้ยยยย
ชอบไอเดียผู้กำกับ
น่าเห็นใจหนังเรื่องนี้เข้าชิงรางวันทำให้หนังหลุด แบบ HD มาเลย หาดูได้ในหนังจะมีคำว่าใช่สำหรับเช้าประกวด
ตอนดู Birdman คือเวียนหัวมาก มุมกล้องชวนตาลาย เลยกลัว long take ไปเลย ก่อนดูเรื่องนี้ก็แอบหวั่นๆ แต่เอาจริงคือดูเพลินมาก แถมสนุกด้วย เนื้อหาก็เคว้งๆดี ดูแล้วเศร้าพิกล
เอาไปเลยออสการ์ 1 เสียงครับ
ต้องปรบมือให้นักแสดงนำกับตากล้อง
แม่งทำได้ไงวะ สุดจัด 9.5/10
มันเหมือนกับการดูละครเวทีเลยครับคือต้องแสดงสีหน้าท่าทางสดใหม่อยู่เสมอ
ตื่นเต้นมากไม่เคยดูหนังลองเทคมาก่อนเลย
เป็นหนังที่ผมชอบที่สุดปี 2019
ไม่แปลกใจทำไหมถึงได้global globe
เชียร์ best picture
ขอเพลงที่ร้องเพลงตอนนั้งรวมกันเเล้วมีคนร้อง
อยากได้มากครับขอที
รู้สึกเหมือนผมเลย สนุก ลุ้น ชอบ แต่ดูจบแล้วรู้สึกไม่ลึก อย่าง saving จบแล้วแบบตรึงใจ
รีวิว fast 9 หน่อยฮานกลับมา
ผมว่าเทคนิคการนำเสนอภาพ และเล่าเรื่อง ถือว่าสุดยอดตามนั้นจริงครับ แต่ถ้าจะให้ตราตรึงกว่านี้ ต้องใส่เส้นเรื่องและ content แบบ Saving Private Ryan เพิ่มเข้าไป จะตีตลาด mass ได้ดีแน่นอนครับ
เห็นด้วยหนังดี แต่ยังไม่สุดเท่า saving มันจบแบบลอยๆ
อยากให้เอามาฉายในเพชรบุรีบ้าง
ฟังแล้วอยากโดน IMAX
พระเจ้าlong take ทั้งเรื่อง
บ้าไปเเล้ว เรื่องถ่ายภาพออสการ์เเน่นอน
ปู่ martin เจอศึกหนักละครับจังหวะนี้
ผมดูมาแล้วลองเทคเกือบทั้งเรื่องเลยครับตัทคัทน้อยมาก หนังสงครามทำลองเทคยากเพราะมันต้องเซ็ทฉากยาวเป็นกิโลๆ ตากล้องทีมงานขั้นเทพจริง เหมือนอยู่ในสนามรบจริงๆ
@@MossHouse คัทเยอะมากครับ ช็อตยาวสุด 8 นาที
แต่ยอมรับว่าตัดต่อเนียนมาก
ใช้วิธีการตัดต่อที่เนียนทำให้ดูเหมือนว่าlong take ทั้งเรื่องนะครับ
@@30INT ตัดคัทน้อยนะครับสำหรับหนังสงคราม555
สายเทคนิค ไม่ฉีกหรือถึกขนาดนี้
เอาสายเนี้ยบคลาสสิค สวยยากครับยุคนี้55
เก่งกันเกินไปทุกเรื่อง
ช่วงที่ตรงเอกตกบรรได แล้วสลบไปไงคับ ผมว่า แล้วฟื้นมาก็มืดพอดี
ตอนนั้นแหละหายไป 4ชม.
ผมนี่ ก็เป็นคอหนังแนวสงคารแบบนี้ครับ รอรีวิวเรื่องนี้จากคุณเลยครับ 55
การเล่าเรื่อง คุณเล่าได้น่าติดตามดีครับ ชอบๆ
ฟังพี่จีนรีวิวแล้วอยากไปดูเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ สัญญาว่าจะหาเวลาไปดูให้ได้
พอเห็นละอยากให้พี่จับผิดหนังเลยว่า ช๊อตต้อช๊อตมีจุดไหนที่ผอดหรือคลาดเคลื่อนบ้าง อยากรู้จริงๆว่ามีไหม ^_^
ยอมรับเลยว่าหนังนี้ได้รางวัลเลยสนใจไปดูพอดูแล้วก็ เอ่อเห้ย ภารกิจที่ดูง่ายๆแต่โคตรบีบคั้นด้วยอะไรหลายอย่างแล้วเรามองเทียบกับตัวเองว่าแค่ภารกิจแบบนี้เราจะรอดถึงตอนจบมั้ยนะ คือมันทำให้อินในภารกิจง่ายๆแต่รายละเอียดนี่โคตรๆๆๆๆๆๆยากยังกับภารกิจกู้โลก
Fight Fury มันเด็ดถ่ายลองเทคแทบทั้งเรื่องและมุมกล้องทำให้คนดูรู้สึกเหมือนเป็นบุคคลที่สามที่ติดตามตัวละครไปทำภารกิจตลอดเรื่องเลย
ผมพอดูหนังสงครามในช่วงหลังๆมานี้มักจะคาดหวังmessageเรื่อง "สงครามทำไม?" อะไรแบบนี้มาก เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ให้messageผมอย่างชัดเจนมากนัก (อาจเพราะผู้กำกับไม่ได้คิดแบบเดียวกันก็ได้) แต่ด้านอื่นๆเช่นความน่าติดตาม ความบีบคั้น ภาพ ความตึงของสงครามนี่พาผมไปสุดมาก ป.ล.ส่วนตัวผมเชียร์Parasiteอยู่นะครับ :D
เมเจอร์นครสวรรค์ไม่เขา้ บัดซบมากกกกกกกกกกกกก
พี่จีนครับ รีวิว marriage story หน่อยได้ไหมครับ หนังดีมาก อดัมเรื่องนี้สุดมากครับ รอๆ
เหมือนกัน
ผมต้องหาดูให้ได้รึเปล่า จังหวัดผมไม่เข้าโรงหนังอ่ะ
ไปดูมาเมื่อวาน งานด้านภาพ ด้านการถ่ายทำ ลองเทก ดีงามมากครับ
ดูแล้วแบบว่า เฮ้ย ทำได้ไงเนี่ย
แต่พอดูไปเรื่อยๆ เอ่อ มันหาความสนุกไม่ได้เลย
เป็นหนังสงครามที่ไม่สนุก ไม่มีจุดพีค เรียบๆ เนือยๆ ทั้งเรื่อง
แต่มันก็เรียลมากครับ ตอนนี้ผมรู้ละ ว่าทำไมหนังสงครามต้องโม้
เพราะถ้ามันสมจริงเกิน แบบ 1917
มันจะไม่สนุกครับ ดูแล้วแทบจะหลับ
ดูหนังเรื่องนี้ให้ไม่สนุกได้ ผมว่าคุณไม่ธรรมดามากๆเลยครับ 5555+
@@oamgunner8540 แต่ละคนมีมุมมองหนังต่างกันครับ ผมก็มีความรู้สึกไม่สนุกเช่นกัน เพราะผมสนใจเรื่องบทเป็นอันดับแรกในการดูหนัง และผมคิดว่าหนังที่ดีคือหนังที่ทำให้เราอิ่ม และน่าจดจำ หลังจากดูหนังชิงรางวัลมาทั้งหมด เรื่องนี้อ่อนสุด ยังเทียบเท่า Parasite ไม่ได้เลย