ประวัติศาสตร์การเข้ามาของคนจีนในสยาม
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 30 ก.ย. 2019
- ประวัติศาสตร์การเข้ามาของคนจีนในสยาม และ ประวัติของชาวไทยเชื้อสายจีน
ชาวจีนในประเทศไทย คือชาวจีนที่อพยพมาจากดินแดนทางตอนใต้ของประเทศจีน คือ มณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน และไหหลำ ชาวจีนเหล่านี้ได้แก่ชาวจีนกวางตุ้ง ชาวจีนแคะ (ฮากกา) ชาวจีนแต้จิ๋ว ชาวจีนฮกเกี้ยน และชาวจีนไหหลำ รวม 5 กลุ่มภาษาใหญ่ หลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวจีน 5 กลุ่มภาษาดังกล่าวในประเทศไทย เห็นได้จากศาลเจ้า สมาคมตระกูลแซ่ สมาคมกลุ่มภาษา สมาคมถิ่นเกิด สมาคมอาชีพ และโรงเรียนจีน อันเป็นหลักฐานที่แน่ชัด ซึ่งเราสามารถสืบหาข้อเท็จจริงได้
ชาวจีนรุ่นแรกๆ ที่อพยพเข้ามาในไทยจะเข้ามากับเรือสินค้า และส่วนมากเป็นชาวจีนที่อาศัยทำกินอยู่ในดินแดนทางใต้แถบชายทะเลมาก่อน ต่อมาเมืองกวางโจวมีเมืองท่าใหม่แถบชายทะเลทางใต้ยิ่งทำให้ดินแดนทางใต้มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอีก เช่น เมืองท่าจางหลิน ที่ซัวเถาของเมืองแต้จิ๋ว จึงทำให้ชาวจีนกลุ่มภาษาต่างๆ อพยพออกนอกประเทศมากขึ้น
สำหรับช่วงเวลาในการอพยพของชาวจีนเข้าสู่ไทยแบ่งได้เป็นหลายกลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 คือกลุ่มที่อพยพเข้ามาตั้งแต่ก่อนสมัยอยุธยา ซึ่งมักจะเป็นพวกกะลาสีเรือ พ่อค้า พวกโจรสลัด (สิง ฮุ่ยหยู; 2000 : 58) พวกนี้เริ่มเข้ามาอยู่ที่เมืองท่าต่างๆ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี ชาวจีนเหล่านี้อาจเข้ามาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังแล้ว (แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย; 2539 : 102)
กลุ่มที่ 2 คือพวกที่เข้าไทยในสมัยอยุธยา (พ.ศ. 1967-2310) การผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ ทำให้เกิดการหยุดชะงัก ชาวจีนอพยพช่วงนี้จะเป็นพวกพ่อค้า และเป็นพวกที่ประสบความสำเร็จในทางการค้าที่ศาสตราจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกว่าจีนเก่า (โยชิกาว่า โทริฮารุ; 2534 : 70)
กลุ่มที่ 3 คือพวกที่เข้ามาในสมัยพระเจ้าตากสิน (พ.ศ. 2310-25) จนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2393-2411) ชาวจีนอพยพในช่วงนี้จะเป็นชาวจีนแต้จิ๋วเป็นส่วนใหญ่ เพราะพระเจ้าตากสินทรงมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว
กลุ่มที่ 4 เป็นกลุ่มที่อพยพเข้ามาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปลายรัชกาล (พ.ศ. 2411-53)
กลุ่มที่ 5 เป็นช่วงที่กระแสโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในสมัยรัชกาลที่ 6 จนถึงปี พ.ศ. 2493 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่รัฐบาลกำหนดให้มีชาวจีนอพยพเข้ามาน้อยที่สุด (ประพฤทธิ์ ศุกลรัตนเมธี; 2515 : 39)
ชาวจีนอพยพเข้ามาในไทย อาจแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ พวกจีนเก่าและจีนใหม่ (เกียรติศักดิ์ มั่นศรี; 2519: 5) พวกจีนแท้ หมายถึงพวกที่อพยพเข้าสู่ไทยตั้งแต่โบราณกาลมา คือ ชาวจีนอพยพกลุ่มที่ 1, 2, 3, 4 ดังได้กล่าวมาแล้ว และชาวจีนกลุ่มที่ 5 คือ พวกจีนใหม่ที่ได้อพยพเข้ามาตั้งแต่จีนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในช่วงปี ค.ศ. 1912 ซึ่งนับมาถึงปัจจุบันนี้ก็ประมาณ 90 กว่าปีแล้ว
สำหรับพวกจีนเก่าจะได้รับการยกย่องจากคนไทยเป็นอย่างดี เมีวิถีชีวิตการประพฤติปฏิบัติแบบไทย สามารถเข้ากับชาวไทยได้อย่างแนบเนียน
สำหรับจีนใหม่นั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมไทยนัก มักก่อความไม่สงบสุขแก่ชาวไทยด้วยลัทธิชาตินิยมที่แพร่กระจายมาจากจีน บ้างก็มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์แล้วกลับสู่ประเทศตน ไม่มีความจงรักภักดีเหมือนชาวจีนอพยพในรุ่นแรกๆ แต่พวกเขาก็ยังคงอาศัยปะปนกับชาวไทย และทำให้เกิดการผสมผสานเข้ากับคนไทยเช่นกัน แต่พวกจีนใหม่ที่อพยพเข้าไทยในช่วงที่จีนมีการเปลี่ยนแปลงทางการปกครอง อีกทั้งการเมืองก็แปรปรวนไม่มีทิศทางที่แน่นอน ฝ่ายรัฐบาลจีนก็คิดเพียงผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับจากชาวจีนโพ้นทะเล ทั้งนี้ได้รวมทั้งชาวจีนในไทยด้วย
เมื่อกระแสเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากประเทศจีนได้แพร่กระจายเข้าสู่ไทย ชาวจีนอพยพใหม่ได้เข้าไปร่วมในขบวนการด้วย ทำให้ดูเหมือนว่า ชาวจีนในไทยเป็นพวกที่ชอบก่อความไม่สงบ และกลายเป็นกลุ่มชนที่ไม่พึงปรารถนาในสังคมไทย พวกจีนเก่าที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานและได้กลายเป็นไทยไปแล้วนั้นมีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์อย่างมาก และรักประเทศไทยอย่างสุดแสน ต่างเห็นว่าพวกจีนอพยพเข้ามาใหม่เหล่านี้ทำไม่ถูกต้อง ความเกลียดชังชาวจีนจึงเริ่มขึ้น ประกอบกับรัฐบาลตระหนักถึงภัยจากผิวเหลืองมากขึ้น ความเกลียดชังชาวจีนจึงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากในช่วงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 1453-61) ด้วยน้ำพระทัยที่ทรงห่วงใยประเทศชาติอย่างมากถึงกับทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง “ยิวแห่งบูรพาทิศ” โดยทรงใช้นามปากกาว่าอัศวพาหุ (ดูเรื่อง พวกยิวแห่งบูรพาทิศ ใน กมล จันทรสร; 2506 : 42-83)
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าชาวจีนจะเป็นภัยต่อประเทศ จึงทรงประกาศนโยบายผสมกลมกลืนเพื่อให้จีนกลายเป็นไทยอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แก่ชาวจีนในไทยอย่างมากมาย (ขจัดภัย บุรุษพัฒน์; 2515 : 16) ทั้งนี้ก็เพราะทรงหวังว่าชาวจีนในไทยจะผสมกลมกลืนเป็นไทยหมดนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงเข้มงวดกับชาวจีนมากเป็นพิเศษทั้งในด้านเศรษฐกิจและการศึกษา จึงเป็นเหตุให้ชาวจีนบางกลุ่มเอาใจออกห่างจากไทยกลับไปสู่อ้อมกอดของประเทศแม่ ความไม่เข้าใจกันระหว่างรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับชาวจีนคงมีมาก
เมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงคำนึงถึงเรื่องจีนในไทยเป็นเรื่องสำคัญสุดอย่างหนึ่ง และทรงถือเป็นพระราชภารกิจที่ต้องเสด็จให้ขวัญกำลังใจกับชาวจีน แต่เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2481-87, 2491-2500) กลับเพิ่มความเข้มงวดกับชาวจีนมากยิ่งขึ้นในทุกด้านทั้งนี้เพราะต้องการขจัดชาวจีนให้พ้นจากการกุมอำนาจทางเศรษฐกิจ (เออิจิ มูราชิมา; 2539) เพื่อที่จะให้ชาวจีนในไทยเกิดการผสมกลมกลืนเป็นไทยได้เร็วขึ้น รัฐบาลจึงสั่งปิดโรงเรียนจีนทุกแห่ง (ยุพเรศ มิลลิแกน; 2510 : 63) เพราะต้องการให้ลูกหลานจีนไปเรียนในโรงเรียนไทย ทำให้ชาวจีนบางกลุ่มโกรธแค้นรัฐบาลไทยมากยิ่งขึ้นจนกล่าวได้ว่าในช่วงนี้ชาวจีนเป็นอริกับรัฐบาลไทยเลยทีเดียว
อาก๋ง ผม ก็มา รับจ้าง ทำเหมือนแร่ ที่ภาคใต้ ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม
แกหัดพูดภาษาไทย เก่งมากๆ อีกอย่างแกรัก สถาบันพระมหากษัตริย์มากๆ
จนแกสร้าง ทุกอย่างไว้ให้ลูกหลาน คับ
ขอบคุณ อาก่งคับ
พ.ศ1122ไทย🇨🇷👍🇭🇰
🇹🇭
### โปรดทราบ### ความรู้ใหม่ ตอนนี้ประเทศจีนได้แบ่ง คนฮั่น ของจีน ออกเป็น 2กลุ่ม คือ ฮั่นธรรมดา กับ ฮั่นใต้ ### Dna ของฮั่นทั้ง2กลุ่มไม่เหมือนกันนะครับ ### คนฮั่นใต้ประกอบไปด้วย ชาวฮั่น (ฮั่นยูนนาน (H-Yn) ฮั่นกวางตุ้ง (H-Gd) ฮั่นอู่ฮั่น (H-Wh) ฮั่นชิงเต่า (H-Qd) และจ้วง (Zhg)) ครับ .......กลุ่มฮั่นใต้ จะมีDna ตรงกับ ไทกะไดครับ ### อ่านเพิ่มเติมได้เข้าไปพิมพ์ใน Google ว่า "เสมอชัย พูลสุวรรณ คนไทยมาจากไหน" +++++++++++++ แหล่งข้อมูลนี้อ้างอิงโดยท่าน ศาสตราจารย์เสมอชัย พูลสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในทีมวิจัยที่ศึกษาเรื่องถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษไทย โดยศึกษาจากหลักฐานทางพันธุกรรม หรือ DNA ตีพิมพ์เป็นวารสารวิชาการในปี 2008 เรื่อง Genetic history of Southeast Asian populations as revealed by ancient and modern human mitochondrial
ทวดเราก็มาจากไหหลำ
ตอนนี้พวกเขาเป็นเจ้าของทุกอย่างแม้แต่รัฐบาล
ไอเจ้าสัว ซีพีนะหรอ
@@yeslu6588 คนรวยที่ดังๆรวยๆในไทยส่วนใหญ่เป็นคนจีนดู10อันดับคนที่รวยที่สุดดิ..
@@mawinlove3473 ก็มันคิดเป็นกี่เปอเซนกับคนจีนที่นอนเน่าให้โรงยาฝิ่นเอาเสื่อห่อไปกองไว้วัดหัวลำโพงล่ะ