ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ในคลิปนี้ ประโยคที่กล่าวว่า ”มีการใช้เทคโนโลยี AESA” ก็จะขออธิบายเพิ่มเติมเป็นเกล็ดความรู้กันเล็กน้อยว่า การใช้เทคโนโลยี AESA กับ เรดาร์ AESA มีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง?อย่างแรก เทคโนโลยี AESA - หมายถึงเทคโนโลยีพื้นฐานที่ใช้ในระบบตรวจจับที่ใช้การควบคุมลำแสงเรดาร์ได้อย่างแม่นยำ - ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมการปล่อยสัญญาณและการรับสัญญาณได้ในเวลาเดียวกัน - ใช้ในหลากหลายอย่าง เช่น 1. การทหารและการป้องกัน: เช่น เรดาร์สำหรับตรวจจับและติดตามวัตถุในอากาศ หรือระบบการสื่อสารที่ ต้องการความแม่นยำสูง2. การบินและอวกาศ: เช่น การใช้งานในเครื่องบินรบหรือดาวเทียม เพื่อระบบตรวจจับและสื่อสารที่มี ประสิทธิภาพ3. การสื่อสาร: เช่น ระบบสื่อสารดาวเทียมที่ต้องการการส่งสัญญาณที่รวดเร็วและมีความแม่นยำ4. การประยุกต์ในอุตสาหกรรม: เช่น ระบบตรวจสอบคุณภาพในสายการผลิตหรือเทคโนโลยีในการ สำรวจทรัพยากรธรรมชาติ5. การแพทย์: เช่น การใช้งานในอุปกรณ์การแพทย์ที่ต้องการการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความ แม่นยำในส่วนของ เรดาร์ AESA: - เป็นการใช้งานเฉพาะของเทคโนโลยี AESA ในระบบเรดาร์ - เรดาร์ AESA มีคุณสมบัติในการสแกนและติดตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถเปลี่ยนทิศทางการสแกนได้ในระยะเวลาอันสั้น - มีความสามารถในการทำงานพร้อมกันหลายฟังก์ชัน เช่น การติดตามเป้าหมาย, การตรวจจับการเคลื่อนไหว, และการประเมินข้อมูลต่างๆทำให้มีความแตกต่างดังนี้- ขอบเขตการใช้งาน: เทคโนโลยี AESA สามารถนำไปใช้ในหลากหลายระบบ ไม่จำกัดเฉพาะเรดาร์ ในขณะที่เรดาร์ AESA เป็นการใช้งานเฉพาะเทคโนโลยี AESA ในการทำงานของระบบเรดาร์- ฟังก์ชันการทำงาน: เรดาร์ AESA จะมีฟังก์ชันเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการตรวจจับและติดตาม ในขณะที่เทคโนโลยี AESA สามารถใช้ในฟังก์ชันอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจจับได้ ด้วยความสามารถในการปรับตัวและทำงานได้หลายรูปแบบ ทำให้เทคโนโลยี AESA มีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรมและการใช้งานต่าง ๆ นั่นเองแต่เรดาร์ AESA เป็นการนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้เฉพาะในระบบเรดาร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและติดตามเป้าหมาย. ดังนั้น เรดาร์ “AN/APG-70” กับ “CAPTOR-M” ไม่ได้เป็นเรดาร์ AESA ซึ่ง ก็มีการนำเทคโนโลยี AESA มาใช้บางส่วน แต่ไม่ได้ใช้ทั้งหมดโดยรากฐานมาจากเทคโนโลยีแบบ PESA ที่ใช้แหล่งพลังงานเดียวในการส่งสัญญาณ และมีการสแกนด้วยการเปลี่ยนทิศทางของลำแสง โดยอาศัยการควบคุมเฟสของสัญญาณ ซึ่งเรดาร์อย่าง CAPTOR-Mก็พัฒนามาจากเทคโนโลยี PESA แต่ก็ไม่ได้เป็น AESA อย่างเต็มรูปแบบในรุ่นเริ่มต้น แต่ก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดนำไปสู่เรดาร์รุ่นที่ใหม่กว่าจึงออกมาเป็น CAPTOR-E ที่ได้เป็นเรดาร์AESAนั่นเอง ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอในคลิปและในความคิดเห็นนี้ เป็นการรวบรวมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงหลายช่องทางที่เราสามารถเข้าถึงได้ และนำมาวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของคลิปนี้คือการอธิบายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจรวด AIM-120B ซึ่งมีแนวโน้มที่จะหลุดจากประเด็นได้ง่าย หากเราเจาะลึกเกี่ยวกับเรดาร์ทั้งหมดซึ่งจะส่งผลให้เนื้อหาของคลิปมีความยาวเกินไปและออกนอกประเด็นหากมีข้อมูลส่วนใดที่ผิดพลาดหรือทำให้เกิดความสับสน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยสุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเล่นเกม WarThunder
เพิ่มเติม Captor-M เป็นradarแบบ M-scan(mechanically scanned array radar) นะครับ ไม่ใช่ทั้ง PESA และ AESA
จากในคลิปนี้ หลายๆเป้าเป็นตัวอย่างที่ดีมาก บางเป้า notch แล้ว ทำให้ mlsไม่สามารถใช้pulse doppler effect ในการหาความต่างของความเร็วเป้าหมายได้ mlsเลยหลุด DL จากเครื่องบินถึงมันจะดีแต่ก็ไม่ดีพอทีจะบอกระยะที่แม่นพอที่mls จะtrigได้บางเป้ายิงมานานแล้วmlsไม่มีแรงที่มากพอจะยกตัวไปหาเป้าหมาย
เรด้าAESAตอนนี้ในเกมมีแค่ราฟาลงับ ของF-15EกับEFตอนนี้ยังไม่ใช่
เกลียดเพลงกาย😂😂
ความคิดเหมือนผมเลยคับพี่ 555 ผมกำลังปั่นสายไทยอยู่นั่นเองคับ❤
ต้องเรียกว่า จรวด+เรดาร์ ดีเกิน ดีจนเกินหน้าที่ที่มันควรจะทำ 55555แต่ไม่เป็นไร เพราะผมชอบเอา Typhoon ไปคลุกวงใน ยิงกันในระยะ
ในที่สุดปัญหาก็แก้ปัญหาได้สักที *ฝากถึงคนแต่งเพลงด้วยน่ะครับ* และขอสวัสดีปีใหม่ด้วยน่ะครับผม
เพลงมันส์จัดดดดดด
F90 ของ f14 iraf กับ aim120 เล่นเหมื่อนกันไหมครับ bvr
เพลงดีย์😂
Captor-M ยังไม่ใช่ AESA ครับ ต้องรุ่น Captor-E และ AN/APG-70 ก็ไม่ใช่ AESA ด้วยครับ
ผมว่าเรดาร์ Tws มันกากมากเลยกว่าจะสแกนเจอโดนยิงเปิดมาก่อนแล้ว
รักคุณต้นสักนะครับ 😘😘
@@paintingwall2945 เอิ่ม...
ในคลิปนี้ ประโยคที่กล่าวว่า ”มีการใช้เทคโนโลยี AESA”
ก็จะขออธิบายเพิ่มเติมเป็นเกล็ดความรู้กันเล็กน้อยว่า การใช้เทคโนโลยี AESA กับ เรดาร์ AESA มีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง?
อย่างแรก เทคโนโลยี AESA
- หมายถึงเทคโนโลยีพื้นฐานที่ใช้ในระบบตรวจจับที่ใช้การควบคุมลำแสงเรดาร์ได้อย่างแม่นยำ
- ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ที่สามารถควบคุมการปล่อยสัญญาณและการรับสัญญาณได้ในเวลาเดียวกัน
- ใช้ในหลากหลายอย่าง
เช่น
1. การทหารและการป้องกัน: เช่น เรดาร์สำหรับตรวจจับและติดตามวัตถุในอากาศ หรือระบบการสื่อสารที่
ต้องการความแม่นยำสูง
2. การบินและอวกาศ: เช่น การใช้งานในเครื่องบินรบหรือดาวเทียม เพื่อระบบตรวจจับและสื่อสารที่มี
ประสิทธิภาพ
3. การสื่อสาร: เช่น ระบบสื่อสารดาวเทียมที่ต้องการการส่งสัญญาณที่รวดเร็วและมีความแม่นยำ
4. การประยุกต์ในอุตสาหกรรม: เช่น ระบบตรวจสอบคุณภาพในสายการผลิตหรือเทคโนโลยีในการ
สำรวจทรัพยากรธรรมชาติ
5. การแพทย์: เช่น การใช้งานในอุปกรณ์การแพทย์ที่ต้องการการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความ
แม่นยำ
ในส่วนของ เรดาร์ AESA:
- เป็นการใช้งานเฉพาะของเทคโนโลยี AESA ในระบบเรดาร์
- เรดาร์ AESA มีคุณสมบัติในการสแกนและติดตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถเปลี่ยนทิศทางการสแกนได้ในระยะเวลาอันสั้น
- มีความสามารถในการทำงานพร้อมกันหลายฟังก์ชัน เช่น การติดตามเป้าหมาย, การตรวจจับการเคลื่อนไหว, และการประเมินข้อมูลต่างๆ
ทำให้มีความแตกต่างดังนี้
- ขอบเขตการใช้งาน: เทคโนโลยี AESA สามารถนำไปใช้ในหลากหลายระบบ ไม่จำกัดเฉพาะเรดาร์ ในขณะที่เรดาร์ AESA เป็นการใช้งานเฉพาะเทคโนโลยี AESA ในการทำงานของระบบเรดาร์
- ฟังก์ชันการทำงาน: เรดาร์ AESA จะมีฟังก์ชันเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการตรวจจับและติดตาม ในขณะที่เทคโนโลยี AESA สามารถใช้ในฟังก์ชันอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจจับได้
ด้วยความสามารถในการปรับตัวและทำงานได้หลายรูปแบบ ทำให้เทคโนโลยี AESA มีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรมและการใช้งานต่าง ๆ นั่นเอง
แต่เรดาร์ AESA เป็นการนำเทคโนโลยีนั้นมาใช้เฉพาะในระบบเรดาร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับและติดตามเป้าหมาย.
ดังนั้น เรดาร์ “AN/APG-70” กับ “CAPTOR-M” ไม่ได้เป็นเรดาร์ AESA ซึ่ง ก็มีการนำเทคโนโลยี AESA มาใช้บางส่วน แต่ไม่ได้ใช้ทั้งหมด
โดยรากฐานมาจากเทคโนโลยีแบบ PESA ที่ใช้แหล่งพลังงานเดียวในการส่งสัญญาณ และมีการสแกนด้วยการเปลี่ยนทิศทางของลำแสง โดยอาศัยการควบคุมเฟสของสัญญาณ ซึ่งเรดาร์อย่าง CAPTOR-M
ก็พัฒนามาจากเทคโนโลยี PESA แต่ก็ไม่ได้เป็น AESA อย่างเต็มรูปแบบในรุ่นเริ่มต้น
แต่ก็ได้มีการพัฒนาต่อยอดนำไปสู่เรดาร์รุ่นที่ใหม่กว่าจึงออกมาเป็น CAPTOR-E ที่ได้เป็นเรดาร์AESAนั่นเอง
ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอในคลิปและในความคิดเห็นนี้ เป็นการรวบรวมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งรวมถึงหลายช่องทางที่เราสามารถเข้าถึงได้ และนำมาวิเคราะห์
วัตถุประสงค์ของคลิปนี้คือการอธิบายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจรวด AIM-120B ซึ่งมีแนวโน้มที่จะหลุดจากประเด็นได้ง่าย หากเราเจาะลึกเกี่ยวกับเรดาร์ทั้งหมด
ซึ่งจะส่งผลให้เนื้อหาของคลิปมีความยาวเกินไปและออกนอกประเด็น
หากมีข้อมูลส่วนใดที่ผิดพลาดหรือทำให้เกิดความสับสน ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเล่นเกม WarThunder
เพิ่มเติม Captor-M เป็นradarแบบ M-scan(mechanically scanned array radar) นะครับ ไม่ใช่ทั้ง PESA และ AESA
จากในคลิปนี้ หลายๆเป้าเป็นตัวอย่างที่ดีมาก บางเป้า notch แล้ว ทำให้ mlsไม่สามารถใช้pulse doppler effect ในการหาความต่างของความเร็วเป้าหมายได้ mlsเลยหลุด DL จากเครื่องบินถึงมันจะดีแต่ก็ไม่ดีพอทีจะบอกระยะที่แม่นพอที่mls จะtrigได้
บางเป้ายิงมานานแล้วmlsไม่มีแรงที่มากพอจะยกตัวไปหาเป้าหมาย
เรด้าAESAตอนนี้ในเกมมีแค่ราฟาลงับ ของF-15EกับEFตอนนี้ยังไม่ใช่
เกลียดเพลงกาย😂😂
ความคิดเหมือนผมเลยคับพี่ 555 ผมกำลังปั่นสายไทยอยู่นั่นเองคับ❤
ต้องเรียกว่า จรวด+เรดาร์ ดีเกิน ดีจนเกินหน้าที่ที่มันควรจะทำ 55555
แต่ไม่เป็นไร เพราะผมชอบเอา Typhoon ไปคลุกวงใน ยิงกันในระยะ
ในที่สุดปัญหาก็แก้ปัญหาได้สักที *ฝากถึงคนแต่งเพลงด้วยน่ะครับ* และขอสวัสดีปีใหม่ด้วยน่ะครับผม
เพลงมันส์จัดดดดดด
F90 ของ f14 iraf กับ aim120 เล่นเหมื่อนกันไหมครับ bvr
เพลงดีย์😂
Captor-M ยังไม่ใช่ AESA ครับ ต้องรุ่น Captor-E และ AN/APG-70 ก็ไม่ใช่ AESA ด้วยครับ
ผมว่าเรดาร์ Tws มันกากมากเลยกว่าจะสแกนเจอโดนยิงเปิดมาก่อนแล้ว
รักคุณต้นสักนะครับ 😘😘
@@paintingwall2945 เอิ่ม...