ในหลวง-พระราชินี ทอดพระเนตรการแสดงละครชาตรีเรื่อง "มโนห์รา" ในโอกาส 100 ปี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

#ในหลวง #พระราชินีสุทิดา #พระราชกรณียกิจ #มโนราห์ #100ปีวันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
วานนี้ เวลา 19.34 น. (4 กันยายน 2566) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทอดพระเนตรการแสดงละครชาตรี เรื่อง "มโนห์รา" ตอนบุพเพสันนิวาส ซึ่งมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม จัดขึ้นในโอกาส 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และในโอกาสที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณเป็นบุคคลสำคัญของโลกในปี 2566 ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
การแสดงแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคแรก ประกอบด้วย องก์ที่ 1 พบนาง, องก์ที่ 2 จากนาง และองก์ที่ 3 "มโนห์รา" บูชายัญ และภาคหลัง องก์ที่ 4 ตามนาง แสดงโดยนักแสดงจากชมรมนาฏศิลป์ดนตรีไทยอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ในมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย หลากหลายวัยในโครงการ "เวลาเป็นของมีค่า" ทั้งลูกศิษย์และครูของชมรมฯ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจจากศิลปินรับเชิญจากกรมศิลปากร และศิลปินจากองค์กรต่าง ๆ อาทิ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรุงเทพฯ ที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเคยเป็นอาจารย์, นักเรียนเก่าโรงเรียนราชินี สถาบันการศึกษาที่ทรงเคยศึกษา ควบคุมและฝึกสอนการแสดงโดย อาจารย์วันทนีย์ ม่วงบุญ ผู้ชำนาญการศิลปะการแสดง (ละครพระ) จากกรมศิลปากร อนึ่งเหตุที่เลือกละครชาตรี เรื่องมโนห์รา มาแสดงในครั้งนี้ ด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงพระนามกรม "กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์" อันเป็นพระนามตามนามเมืองในภาคใต้
สำหรับมูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2509 หลังการก่อตั้ง สมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย 20 ปี เพื่อเป็นแหล่งรวมสตรีที่จบขั้นอุดมศึกษาในหลากหลายวิชาชีพ ให้ได้ใช้ความรู้ความสามารถร่วมกันในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ตลอดจนจัดหาทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษาหญิงที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และจัดหาทุนแก่สตรีที่จบปริญญาตรี ไปมีโอกาสไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท และปริญญาเอกในต่างประเทศ และทำหน้าที่ในการพัฒนาการศึกษา ด้วยการสนองพระกรณียกิจขององค์อุปถัมภ์ในการพัฒนาส่งเสริมสตรีให้มีงานทำ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงดำเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์อย่างต่อเนื่อง