เครื่องมือตรวจหาน้ำใต้ดิน โดย อ.กมล พรหมมาก
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 29 เม.ย. 2016
- เครื่องมือตรวจจับหาน้ำใต้ดิน โดย อ.กมล พรหมมาก เป็นเครื่องมือแบบง่ายๆที่ทุกคนก็ทำได้เพื่อตรวจหาแหล่งน้ำใต้ดิน ก่อนจะเจาะน้ำบาดาล อ.กมล พรหมมาก ชาวชุมชนสีมาอโศก ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา รายการคนเพื่อแผ่นดิน ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. ทางบุญนิยมทีวี ทีวีเพื่อมนุษยชาติ ทุกบรรยากาศคือการรายงานความจริง สนใจคลิปองค์ความรู้กสิกรรมไร้สารพิษ ติดตามได้ที่นี่ครับ / @user-xn8lw6ic8w
🎉😂❤🎉🎉😂❤❤😂🎉🎉❤😮
ดีมาก ครับ ถ้ามีเครื่องมือวัดค้นหาตาน้ำใต้ดิน ตัววัดนี้มีซื้อขายที่ใหนในระดับจังหวัด?
วัดตรวจหาแหล่งตาน้ำได้ในพื้นดินแห้งและวัดขณะเมื่อดินเปียกชื้นอยู่ก็วัดได้ด้วยหรือไม่?
..จาก บุรีรัมย์
😅😅😢🎉❤😢😮😢❤😂😢❤
คนโบราณทำมาแล้วได้ผล ต้องเป็นวิทย์แน่นอน.แต่การอธิบายเป็น หน้าที่ ของผู้เรียนรู้หลักอธิบายภาษาทางวิทย์..ผู้สรุปทึกทักตามความไม่รู้ของตนแล้ว+หลงติเตียนตามนิสัยย่อมมีผล..สติปัญญามืดบอดลงทุกๆครั้ง...ตามกฏ กรรม(การกระทำของตนเอง)
วิธีใช้โลหะ 2อันเป็นรูป L ถือเดินหาตาน้ำ สันนิษฐานตามหลักวิทย์ว่า..1.ตามแนวพลังไหลของน้ำใต้ดิน ย่อมมี น้ำหนักความถ่วงจำเพาะตามหลักกลศาสตร์ ในบริเวณนั้น ต่างจากบริเวณทั่วไป 2. เมื่อเกิดพลังไหลของน้ำที่มีมวลพลังหนาแน่น กว่า พื้นที่รอบข้างส่งพลังให้โลหะเคลื่อนไหวได้ตามพลังไหลของน้ำใต้ดิน.ฯลฯ
การให้ความรู้เสริมแม้เพียงเล็กน้อยอาจช่วยให้ผู้อื่นมาช่วยกันต่อ ยอด จนเป็นภาพชัดแจ้งขึ้น เหมือนช่วยกันต่อจิ๊กชอว์.
"การสำรวจน้ำบาดาลในปัจจุบัน เป็นการสำรวจที่ใช้หลักการง่ายๆ คือ น้ำเป็นตัวนำไฟฟ้า ดังนั้นเราก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในชั้นดินและหินข้างล่าง แล้ววัดค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้า จากนั้นก็จะนำมาคำนวนตามสูตร V = IR (กฏของโอห์ม) เมื่อเราปล่อยกระแสไฟฟ้า (I) ซึ่งเราทราบค่า แล้ววัดความต่างศักย์ (V)ได้เท่าไหร่ เราก็คำนวนหาค่าความต้านทานไฟฟ้า (R)ได้ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่าการสำรวจน้ำบาดาลแบบ รีซีสติวิตี้ (Resistivity Survey) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งความน่าจะเป็นของการสำรวจด้วยวิธีนี้ ก็ประมาณ 80 เปอร์เซนต์
ส่วนวิธีการอื่นๆ ก็ยังมีอยู่แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยม อีกทั้งยังมีข้อผิดพลาดสูง และไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เช่นการนั่งทางใน การใช้กะลาครอบ การเสี่ยงทาย การใช้สมาธิ รวมไปถึงวิธีการที่เราเรียกว่า "เด้าซ์ซิ่ง" ซึ่งวิธีการเหล่านี้มีความน่าจะเป็นประมาณ 50 เปอร์เซนต์ แต่บางคนยังนิยมวิธีการเหล่านี้อยู่เพราะ ประหยัดค่าใช้จ่าย ง่าย และรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือหาข้อพิสูจน์ไม่ได้เวลาขุดลงไปแล้วไม่เจอน้ำ"
ใช้วิธี เด้าซิ่ง ( วิธีในคลิป) กันเพราะมันง่าย และปกติ ถ้าชาวบ้านจะเสียตังค์ ก็คงถามทุกคนว่าเจาะตรงไหนน้ำมากสุด แล้วบังเอิญส่วนใหญ่ (ตามที่พี่ข้างบนๆมาตอบ ว่าเป็นนักเจาะเหมือนกัน คือ มักจะเจอน้ำ แค่ว่ามาก หรือน้อยเท่านั้น)
ผมลองแล้วเชื่อได้ 100% ครับ แต่.......ในบริเวรณนั้นต้องมีแหล่งน้พพอประมาณครับ ตาม อ.ว่าใช่ครับ ผมไปลองในโซนของป่าละเมาะ ที่กันดานจริงๆ แบบเป็นดินแดงเลยครับ ใช้วิธีการหาแบบนี้ไม่เจอครับเรื่องจริงครับ และคุณทุกคนเชื่อมั้ยว่าเกือบทุก10 ตารางกิโลเมตรพื้นที่แถวบ้านเรามีน้ำใต้ดินอย่างมากมาย ครับ
ผมเชืีอคับ เพราะว่าน้ำใต้ดินขนาดใหญ่มีตั้งสามชั้น
ผมว่าเครื่องตรวจระเบิดที่ภาคใต้ที่นำเข้า ต้องใช้การทำงานเหมือนของอาจารแน่เลยครับ แต่ต่างกันตรงที่แพงมหาศาล
วิธีการดาวซิ่งเริ่มปรากฏขึ้นในยุคฟื้นฟูเวทมนตร์ในเยอรมนี (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 15-16) และเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนที่เลื่อมใสในลัทธิ Forteana หรือพวกที่เชื่อเรื่องรังสีในตัวมนุษย์ (radiesthesia) [3] แม้ว่าจะไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่ยอมรับวิธีการนี้ และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่ามีประสิทธิผลจริง... แต่90% อาชีพเจาะบาดาลแถวอีสานจะพบตาน้ำด้วยวิธีนี้
วิธีนี้ใช้ได้จริงครับ
เท่าที่ทราบ พื้นที่ที่มีน้ำใต้ดิน กับไม่มีน้ำใต้ดิน มีองค์ประกอบที่แต่ต่างกัน ชัดๆคือ ดินกับดินชุ่มน้ำ ซึ่งดินอย่างเดียวกับดินชุ่มน้ำนั้น มวลต่อปริมาณมันแตกต่างกัน แรงดึงดูดระหว่างมวลของดินกับดินชุ่มน้ำจึงแตกต่างกัน แรงดึงดูดระหว่างมวลที่แตกต่างกันนี่แหละที่ทำให้ปลายลวดหันเหได้ นอกจากดินกับดินชุ่มน้ำ ดินปกติกับดินที่มีโพรงข้างใต้ ดินปกติกับดินที่มีวัตถุฝังไว้(ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร) ก็ให้แรงดึงดูดระหว่างมวลที่แตกต่างกัน จึงมีการนำไปใช้หาจุดที่มีแรงดึงดูดระหว่างมวลที่แตกต่างกันเช่นการหาหลุมฝังศพในการล้างป่าช้าจนได้ชื่อว่า ไม้ล้างป่าช้า แต่สำหรับการหาจุดที่มีการฝังวัตถุระเบิด มันก็อาจจะเป็นไปได้ครับ
แต่บะคอมเม้น ผมเชื่อคับ จริงคับ 90% คับ ไม่แปลกใจทำไมประเทศไทยล้าหลัง 90% ของคนอีสานยังอยู่ในภาวะงมงาย การศึกษาต่ำกว่ามาตรฐานของกลุ่มประเทศอาเซียน ยังไงซะขุดบ่อส่งลูกเรียนสูงๆ แล้วให้ลูกอธิบายให้ฟังเด้อ อะไรเป็นอะไร
ลุงผมที่เป็นช่างเจาะบาดาลก็ใช้วิธีนี้ เจาะให้ทั้งหมู่บ้านมาแล้ว ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่
"การสำรวจน้ำบาดาลในปัจจุบัน เป็นการสำรวจที่ใช้หลักการง่ายๆ คือ น้ำเป็นตัวนำไฟฟ้า ดังนั้นเราก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในชั้นดินและหินข้างล่าง แล้ววัดค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้า จากนั้นก็จะนำมาคำนวนตามสูตร V = IR (กฏของโอห์ม) เมื่อเราปล่อยกระแสไฟฟ้า (I) ซึ่งเราทราบค่า แล้ววัดความต่างศักย์ (V)ได้เท่าไหร่ เราก็คำนวนหาค่าความต้านทานไฟฟ้า (R)ได้ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่าการสำรวจน้ำบาดาลแบบ รีซีสติวิตี้ (Resistivity Survey) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งความน่าจะเป็นของการสำรวจด้วยวิธีนี้ ก็ประมาณ 80 เปอร์เซนต์
ส่วนวิธีการอื่นๆ ก็ยังมีอยู่แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยม อีกทั้งยังมีข้อผิดพลาดสูง และไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เช่นการนั่งทางใน การใช้กะลาครอบ การเสี่ยงทาย การใช้สมาธิ รวมไปถึงวิธีการที่เราเรียกว่า "เด้าซ์ซิ่ง" ซึ่งวิธีการเหล่านี้มีความน่าจะเป็นประมาณ 50 เปอร์เซนต์ แต่บางคนยังนิยมวิธีการเหล่านี้อยู่เพราะ ประหยัดค่าใช้จ่าย ง่าย และรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือหาข้อพิสูจน์ไม่ได้เวลาขุดลงไปแล้วไม่เจอน้ำ"
ใช่วิธี เด้าซิ่งกันเพราะมันง่าย และปกติ ถ้าชาวบ้านจะเสียตังค์ ก็คงถามทุกคนว่าเจาะตรงไหนน้ำมากสุด แล้วบังเอิญส่วนใหญ่ (ตามที่พี่ข้างบนๆมาตอบ ว่าเป็นนักเจาะเหมือนกัน คือ มักจะเจอน้ำ แค่ว่ามาก หรือน้อยเท่านั้น)
เขาเรียก Dowsing คับ ไม่ใช่ซาวดิ้ง เยอรมันก้อใช้แบบนี้หาน้ำสมัยก่อน
หาอะไรยึดแท่งทั้งสองข้างให้เสมอกันตลอดเวลา
อยากรู้ว่าต้องเจาะลึกลงไปเท่าไร่จะวัดได้อย่างไรครับ ผมกำลังเรียนรู้อยู่ครับ
ผมก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันเจาะไปแล้ว41เมตรแต่น้ำยังไม่พอใช้ สูบแล้วน้ำไหลไม่ทัน ท่านเห็นว่าอย่างไรครับควรเจาะที่ใหม่ หรือควรเจาะที่เดิมลึกลงไปอีก
เรียนถาม ถ้าไม่อยากให้น้ำผุดขึ้นมาอีกต้องทำอย่างไรคะ มันผุดขึ้นมาหน้าบ้านคะ
ผมเชื่อครับ แถวบ้านผมคนรับจ้างเจาะบ่อก็ใช้วิธีนี้ มา20กว่าปีแล้วน้ำออกทุกบ่อ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ
"การสำรวจน้ำบาดาลในปัจจุบัน เป็นการสำรวจที่ใช้หลักการง่ายๆ คือ น้ำเป็นตัวนำไฟฟ้า ดังนั้นเราก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในชั้นดินและหินข้างล่าง แล้ววัดค่าความต่างศักย์ของไฟฟ้า จากนั้นก็จะนำมาคำนวนตามสูตร V = IR (กฏของโอห์ม) เมื่อเราปล่อยกระแสไฟฟ้า (I) ซึ่งเราทราบค่า แล้ววัดความต่างศักย์ (V)ได้เท่าไหร่ เราก็คำนวนหาค่าความต้านทานไฟฟ้า (R)ได้ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่าการสำรวจน้ำบาดาลแบบ รีซีสติวิตี้ (Resistivity Survey) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งความน่าจะเป็นของการสำรวจด้วยวิธีนี้ ก็ประมาณ 80 เปอร์เซนต์
ส่วนวิธีการอื่นๆ ก็ยังมีอยู่แต่ว่าไม่ค่อยได้รับความนิยม อีกทั้งยังมีข้อผิดพลาดสูง และไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เช่นการนั่งทางใน การใช้กะลาครอบ การเสี่ยงทาย การใช้สมาธิ รวมไปถึงวิธีการที่เราเรียกว่า "เด้าซ์ซิ่ง" ซึ่งวิธีการเหล่านี้มีความน่าจะเป็นประมาณ 50 เปอร์เซนต์ แต่บางคนยังนิยมวิธีการเหล่านี้อยู่เพราะ ประหยัดค่าใช้จ่าย ง่าย และรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือหาข้อพิสูจน์ไม่ได้เวลาขุดลงไปแล้วไม่เจอน้ำ"
ใช่วิธี เด้าซิ่งกันเพราะมันง่าย และปกติ ถ้าชาวบ้านจะเสียตังค์ ก็คงถามทุกคนว่าเจาะตรงไหนน้ำมากสุด แล้วบังเอิญส่วนใหญ่ (ตามที่พี่ข้างบนๆมาตอบ ว่าเป็นนักเจาะเหมือนกัน คือ มักจะเจอน้ำ แค่ว่ามาก หรือน้อยเท่านั้น)
สุดยอดครับ
ปึกมาก..
ดาวซิ่ง(Dowsing) ครับ ไม่ใช่เซาดิ้ง😊
ถ้าจะให้เร็วต้องถอดรองเท้าครับ เพราะการเหนี่ยวนำจะมากครับ
ความรู้ทำคนได้พัฒนาสู่ความสำเร็จ
Good stories
สุดยอดมากครับ
ใช้ได้จริง. โซนภาคใต้
มาเจาะไห้ผมทีเถอะครับทึ่โคราช ชอบๆๆราคาประหยัดมากๆๆครับ
ขุดบ่อน้ำซึมใช้วิธีนี้ได้มั้ยครับ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่แบ่งปันความรู้
ใช้หาระเบิดก็ได้ แต่ถ้าพลังในตัวอ่อนต้องใช้แบต
ผมก็เคยเป็นคนเจาะนำ้ก็ไช้วิธีนี้หาเหมือนกันครับ
ผมทำแล้วครับแม่นเหมือนกันผมไม่รู้ภาษาวิทยา..แต่คนเจาะบาดาลมาใช้โทรศัพหาตาน้ำก็ตรงจุดทีเรามาคไว้เยี่ยมครับ
ผมเจาะมาตั้งหลายบ่ ไม่เห็นต้องใช้เครื่องมือวัด ชอบตรงใหนเจาะตรงน้ั้นทำไมมันถึงเจอตาน้ำคับ
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้
ขอถามหน่อยนะครับ
ใช้ลวด สายไฟทองแดงที่ตามบ้านใช้ได้ไหมครับ
+Night Electronic ใช้เหล็กเส็นก็ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจ(ถนัดแบบไหน)
อ.ครับ ผมลองทำดูแล้วแต่ลวด ถ่างออกจากกัน หมายความว่าอย่างไรครับ
สรุปมันถ่างหรือหุบเข้าหากันแน่คับ ? บางคนคนว่าถ่างอก-บางคนว่าต้องไขว้เข้าหากัน....งง
ลองมาเเละ ยืนอยู่ก่ะที่เลย เอียงท่อที่มือจับนิดเดียว อยากให้ชี้ไปทางไหนก็ได้ (บางทีถ้าเดินไปมือมันเอียงตอนไหนเท่าไหร่ก็ไม่รู้กลายเป็นมีน้ำเฉยเลย)
งมงายครับจับขวดเอียงไปทางไหนมันก็ชี้ไทางนั้นแหละ
ไม่มีใครใช้มือเดียวจับให้ดูเลยชักคนเครื่องมือตัวนี้ว่าผลรับจะออกมาแบบไหนจะได้รู้เลยว่าใช้ได้จริงรึเปล่าผมอยากให้ลองนะ
ผมเจาะมากลายหลุมแล้วไม่เคยใช้วิธีอะไรเลยเลอะเทอะ
อยากมีเครื่องเเจาะจะไดทำมาหากินครับ
ไหว้ด้วย
อุปทาน หรือ ดวงครับ
แล้วทำไมธารน้ำมันมีเป็นจุดๆครับ
แถวภาคใต้รับเจาะเป็นแสน เลยหมดแรงที่จะเจาะ
ซับเมอรท4ท่อนแค่16เมตรเองน่ะครับอาจารย์ถ้าท่อนล่ะ4เมตร
คล้ายๆกับGT 200เลยครับ
คน ตระกูลเพชร gt. 200.มันก็เอาไปจากนี่แหละ.เผอิญคนทำอยู่อังกฤษก็เลย..แพงงงงงง..
อือมันทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไม่เข้าใจ
ทุกวันนี้มันมีเครื่องตรวจแล้วครับแล้วแน่นอนด้วย ใช้ลวดแบบนี้ก็ได้แต่มันไม่ค่อยแน่นอน
เครื่องตรวจสมัยใหม่เขาเรียกอะไร บอกหน่อยอยากรู้คัพ
ไม่จริงขี้โม้ผมลองแล้วผมทำเจาะทุกวันไม่ได้ซักที
เรื่องนี้เชื่อไม่ได้ครับ ผมกับเพื่อนเคยทดลองทำเดินหาที่จุดเดิมซ้ำๆ ปรากฏว่าไม่ได้ผลเหมือนกันซักทีครับ
จะหาได้อยางไรเครืองมืวัดนํา
คลิปนี้มีหลักทางวิทยาศาสตร์รับรองไหม เอาอะไมายืนยัน
ใช้ได้จริงเหรอครับ
เห็นถือๆ หายังงี้ล่ะ
พอเจาะลงไม่เจอน้ำ ตั้ง 2 รู.
หนีไปเลย ไม่เอาตังค์
ไปเสนอขายกับ ทหารคสช เลยครับ รวยๆเป็นพันล้าน แน่ๆครับมันซื้อ.
นึกถึง GT 300
แพงบรรลัยใช้ไม่ได้เลย
ผมนึกว่าจะเป็นคลองยาวซะอีก
ใช่ได้ผลจริงเหรอ
พี่ไม่มืเบอร์โทรหารือ
โปรดทราบ เจาะลึกเกิน 15 เมตร ต้องขออนุญาต กรมทรัพยากรน้ำบาดาล มิฉะนั้น จะมีโทษ ปรับ และจำคุก
แถวภาคใต้บ้านผมตอนนี้ เจอะบาดาลจนพรุนทั้งหมู่บ้าน ลึกถึง200เมตร กรมทรัพมาก็เอาเงินแล้วเขาก็อนุญาตให้เจอะได้ตามปกติ
ผมทดลองแล้ว50/50 ไม่แม่น
ระหว่างวิธีแบบในคลิป กับดูแป่นที่น้ำใต้ดินจากกรมทรัพยากรน้ำโดยตรง อันไหนดีกว่ากันครับ
สนใจชุดเจาะที่อ.ว่านะคับมีส่วนประกอบอะไรมั่งคับอยากได้รายละเอียดติดต่อทางไหนคับ
ติดต่อสอบถาม อ.กมล เลยครับ โทร.086-244-9557 หรือทางFacebook facebook.com/kamon2499?fref=ts
สามอาชีพ เพื่อมนุษยชาติ
Sounding อะไรเขาเรียก Dowsing - - ความเชื่อผิดๆทั้งนั้น อยากรู้เหมือนกันถือไอพวกนี่ไปเดินในทะเลทรายแล้วเกิดมันไขว้กันจะบอกว่ามีน้ำรึไง
มีครับ
ทะเลทรายก็มีน้ำนะ ลึกลงไป ขนาดนำมันยังมีเลยในทะเลทราย ประสาอะไร แค่ไม่มีคนไปขุดเจอะ
AS400
คนไม่ทำอะไรเลย ว่าแต่คนอื่นเรียกว่า คนอะไรน๊า
อยากเจาะน้ำบาดาลทำไง
บุญถม สงธรรม โทรเรียกคนเจาะมาเจาะเลยครับ
ข
Gt200
น่าเบื่อเนอะประเภทแบบนี้
4ท่อน16เมตรอาจารก็บอกว่าท่อน4เมตร
คนสายอโศก ล้วนคาดเดา(ความนะจะเป็น)เสริมวิชาการเสมอ เขารู้อะไรมักใส่ความเห็นตนเองเข้าไปด้วยทุกเรื่อง พวกนี้ผมเรียกพวกครึงๆกลางๆ
มีหลักมีการ 555
GT200 อิอิ
gt2000 ขำว่ะ
ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์อะไรหรอกครับ เป็นการเดาสุ่มน่ะครับ
มือไม่นิ่งมันก็สั่น
โม้สุดๆตรงใหนที่มีน้ำลอเอาวางไว้กับพื้นดูมันจะวิ่งไหม
เขาใช้หลักการแนวโน้มถ่วงของโลกครับ หลักการนี้ใช้ได้จริง ใช้ค้นหาแร่,น้ำมัน,แหล่งน้ำ เรียกหลักการว่าดาวซิ่ง ลองค้นหาข้อมูลดูในกูเกิ้ลเพิ่มเติมนะครับ
ไม่ใช่วิธีทางวิทยาศาสตร์
ส่วนตัวไม่เชื่อนะคับ อาจารย์ ... อย่าโกรธกันนะคับ
zeedoui99 เอาเป็นว่าดีกว่าหลับหูหลับเจาะนิดนึง.ครับ.(แบบบ้านบ้าน)
มั่วแล้วเจ้าพ่อใหญ่
มันไม่ได้ผลหรอก พอๆกับเดานั่นแหละ
อุปกรนี้หาน้ำอย่างเดียวเหรอคับ...หาอย่างอื่นได้รึป่าว5555
โกหกครับ ถ้าจริงเขาทำขายกันหมดแล้ว มาแนวเดียวกับเครื่องจีที 200
ทำเองได้ง่าย
ไครทำขายแล้วมันจะขายไคร
@@watsetthawat1448 ทำขายได้นะ ทำเป็นมาตรฐาน น่าใช้ หรืออะไรก็แล้วแต่ถ้ามันดีจริงๆ
ใช้งานไม่ได้คับ หลอกตัวเอง
โอ้ววว ผมก็ติดตามผลงานนะคับ แต่เจอคลิปนี้ผมว่าไร้สาระมากๆ
gt200
อะไรเหนี่ยวอะไรนำงง
น้ำกับลวดทองแดงมันไม่น่าจะมีผลต่อกันนะลืมดูแรงของลมด้วยมั้ยไม่ได้ดูถูกแต่อยากหาข้อสรุป
ผมทดลองทำดูแล้วครับมันได้ผลจริงผมลองเดินไปที่บ่อน้ำแห้งที่แม็คโครขุดแล้วเจอตาน้ำพอเดินไปเหล็กจะวิ่งเข้าหากันและดูดกันเหมือนแม่เหล็กพอเดินหางออกมาห่างจากตาน้ำเหล็กก็จะหลุดออกจากกัน
ถ้าลมมันต้องไปทางเดียวกัน และผมลองแล้ว เจาะแล้วถ้าเหล็กไขว้กากบาต ตาน้ำเต็มๆเชื่อได้