ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
เรามาจากสมมติครับ เพราะไม่รู้(อวิชชา) มีความคิดฟุ้งซ่าน(สังขาร) ว่ามีตัวตนจึงตั้งตัวเป็นผู้รู้(วิญญาณ) มายึดกายนี้(นามรูป) มารู้จักสฬายตนะผ่านผัสสะจึงเกิดเวทนา เกิดตัณหา จึงอุปทานเกิดภพชาติขรามรณะวนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือดับกิเลสตัณหาท่านจะดับเวทนาแล้วท่านจะไม่มีมโน(ความคิดให้ยึดติด)ไม่อุปทานไม่สนภพชาติชรามรณะก็จะตัดวัฏสงสารเมื่อถึงที่สุดท่านจะพบอวิชชา(ความไม่รู้)ท่านก็จะออกจากวัฏสงสารมารู้ว่าทุกอย่างล้วนสมมติ นอกสมมติคือ วิมุติ คือสูญญตา ความว่างเปล่า ผมเล่าให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับ
ฟังเข่าใจง่ายคับ
สาธุๆๆค่ะ
ขอบคุณคะ🎉🎉🎉🎉🎉🎉😊
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณๆมากนะค่ะ
ผมมีสภาวะที่ตัวผมเองเป็นมาเล่าให้ฟังครับ ผมมีสติอยู่กับจิตเดียวครับ หลับตาก็ว่างเปล่าครับ นึกภาพไม่ได้ครับ ความรู้สึกไม่เกิดขึ้นเลยครับ เช่น ความรัก ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความพญาบาท ความทุกข์ ความสุข คืออะไรไม่รู้จักเลยครับมันไม่เกิดครับ ร่างกายผมถูกปรับเองแค่พริบตาจากหัวจรดเท้าครับ เปลี่ยนที่หัวคือสมอง แบ่งไปเป็นส่วนครับ ส่วนความจำ ส่วนสัณชาตญาน(ความรู้สึก) ส่วนเหตุและผล จากนั้นลงมาปรับที่หัวใจครับ หัวใจเต้นคงที่ตลอดเวลาครับ ลงไปอีกก็เปลี่ยนครับรู้สึ่กตัวทุกอย่างครับ ผมอยู่กับความว่างจริงๆครับแค่หลับตาครับ ผมเล่าให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับ
เป็นเรื่องที่ดี รู้แล้ววาง รู้มากรู้ลึก แล้วไม่วาง อาจติดผู้ดู วิปัสสนูกิเลสได้ เล่าให้ฟังนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณครับ อยู่คนเดียวสงบๆ ผ่อนคลายปล่อยวาง
ทำตลอดเวลาแม้เวลานอนค่ะ
เรามาจากสมมติครับ เพราะไม่รู้(อวิชชา) มีความคิดฟุ้งซ่าน(สังขาร) ว่ามีตัวตนจึงตั้งตัวเป็นผู้รู้(วิญญาณ) มายึดกายนี้(นามรูป) มารู้จักสฬายตนะผ่านผัสสะจึงเกิดเวทนา เกิดตัณหา จึงอุปทานเกิดภพชาติขรามรณะวนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือดับกิเลสตัณหาท่านจะดับเวทนาแล้วท่านจะไม่มีมโน(ความคิดให้ยึดติด)ไม่อุปทานไม่สนภพชาติชรามรณะก็จะตัดวัฏสงสารเมื่อถึงที่สุดท่านจะพบอวิชชา(ความไม่รู้)ท่านก็จะออกจากวัฏสงสารมารู้ว่าทุกอย่างล้วนสมมติ นอกสมมติคือ วิมุติ คือสูญญตา ความว่างเปล่า ผมเล่าให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับ
ฟังเข่าใจง่ายคับ
สาธุๆๆค่ะ
ขอบคุณคะ🎉🎉🎉🎉🎉🎉😊
🙏🙏🙏
🙏🙏🙏ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณๆมากนะค่ะ
ผมมีสภาวะที่ตัวผมเองเป็นมาเล่าให้ฟังครับ ผมมีสติอยู่กับจิตเดียวครับ หลับตาก็ว่างเปล่าครับ นึกภาพไม่ได้ครับ ความรู้สึกไม่เกิดขึ้นเลยครับ เช่น ความรัก ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความพญาบาท ความทุกข์ ความสุข คืออะไรไม่รู้จักเลยครับมันไม่เกิดครับ ร่างกายผมถูกปรับเองแค่พริบตาจากหัวจรดเท้าครับ เปลี่ยนที่หัวคือสมอง แบ่งไปเป็นส่วนครับ ส่วนความจำ ส่วนสัณชาตญาน(ความรู้สึก) ส่วนเหตุและผล จากนั้นลงมาปรับที่หัวใจครับ หัวใจเต้นคงที่ตลอดเวลาครับ ลงไปอีกก็เปลี่ยนครับรู้สึ่กตัวทุกอย่างครับ ผมอยู่กับความว่างจริงๆครับแค่หลับตาครับ ผมเล่าให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับ
เป็นเรื่องที่ดี รู้แล้ววาง รู้มากรู้ลึก แล้วไม่วาง อาจติดผู้ดู วิปัสสนูกิเลสได้ เล่าให้ฟังนะครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณครับ อยู่คนเดียวสงบๆ ผ่อนคลายปล่อยวาง
ทำตลอดเวลาแม้เวลานอนค่ะ