ประวัติ พระอรหันต์จี้กง ตอนที่ ๖
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 5 ก.พ. 2025
- พระจี้กง เป็นอรหันต์ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่เป็นพระอรหันต์ที่แปลกประหลาดจนผู้คนให้ฉายานามว่า พระบ้า หรือ พระเพี้ยน เพราะเป็นพระที่รับประทานเนื้อสัตว์ดื่มสุราเป็นประจำ สวมรองเท้าสานขาดๆ ถือพัดใบลานที่เป็นรู ใส่เสื้อผ้ารุ่งริ่ง มีหมวกเก่าๆใบเล็กไม่มีความสำรวม ผิดกับพระสงฆ์ทั่วไปโดยสิ้นเชิง
พระ จี้กง มีชีวิตอยู่ระหว่าง พศ.1691-1752 ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือก่อนสมัยสุโขทัย เดิมชื่อหลี่ซินหย่วน เกิดที่มณฑลเจ้อเจียง ในตระกูลของผู้มีอันจะกิน หลังจาก บิดามารดาเสียชีวิต จี้กงก็ตัดสินใจละทางโลก ออกบวชที่วัดหลิงอิ่น(Lingyin) เมืองหางโจว(Hangzhou) โดยได้ฉายานามว่าเต้าจี้(Daoji)
หลัง จากออกบวช และ ต่อมามีพฤติกรรมพิเรนผิดกับพระทั่วไป จนเป็นที่ติฉินนินทาของพระสงฆ์รูปอื่นๆ แต่พระอาจารย์ กลับทราบดีว่า แม้ภายนอกจี้กงจะมีกิริยาไม่สำรวม ทั้งผิดศีล เล่นซุกซนกับเด็กๆ ดื่มสุรา บริโภคเนื้อสัตว์ ดังคำว่า"ร่ำสุรา ร่ายธรรมะ ปัดเป่าพิบัติ ขจัดทุกข์ภัย" แต่พระจี้กงกลับเป็นบุคคลที่บรรลุธรรมแล้ว
บาง ครั้งพระจี้กงก็แสร้างทำเป็นบ้า บางคราวก็ทำเป็นคนปกติ บางทีก็ทำตัวง่ายๆ แต่บางโอกาสก็ทำจริงจิง ยารักษาโรคสารพัดนึกก็ทำมาจากคราบไคลของตัวท่านเอง บางเวลาท่านก็เป็นหมอทางเวทย์มนต์ที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง การกระทำหลายๆอย่างของจี้กง แม้จะดูเหมือนผิดศีลธรรม ผิดประเพณีดั้งเดิมแต่จุดมุ่งหมายและผลลัพธ์กลับเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และ เกิดคุณประโยชน์ พุทธศาสนานิกายมหายานเชื่อกันว่า จี้กงเป็นอรหันต์ที่จุติมาเกิดอีกครั้งเพื่อสั่งสอนมนุษย์โลก
ชาว บ้านหางโจวได้โยงเรื่องที่มาของยอดเขาบินที่วัดหลิงอิ่น(Linyin)เป็นนิทาน พื้นเมืองของชาวหางโจว ที่เล่ากันว่าเดิมยอดเขาประหลาดดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณแถบตะวันตกเฉียงใต้ ของมณฑลเสฉวน
เช้า วันหนึ่งเมื่อพระจี้กง มีญาณบอกล่วงหน้าว่า ราวเที่ยงวันยอดเขาดังกล่าวจะบินมาตกทับหมู่บ้านข้างวัดหลิงอิ่น จะทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย พระจี้กงได้วิ่งเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อบอกถึงมหันตภัยดังกล่าวให้ชาวบ้านได้ ทราบ เพื่อที่จะได้พากันอพยพไปยังที่ปลอดภัย
"เที่ยงวันจะมีภูเขาหล่นลงมาทับหมู่บ้าน ทุกคนรีบเก็บข้าวของเร็ว ไม่งั้นก็ไม่ทันแล้ว"
พระ จี้กงกระหืดกระหอบ ตะโกนบอกชาวบ้านไปทั่ว แต่ชาวบ้านมองว่า จี้กง เป็นเพียงพระบ้ารูปหนึ่งที่กล่าวอะไรไร้สาระไปวันๆ ทุกคนจึงส่ายหัว พร้อมกับด่าทอว่า "พระบ้าเอ้ย จะหาเรื่องอะไรมาเล่นสนุกอีกละ ภูเขาบินมีที่ไหนกันเล่า"
พอ ดีในวันนั้นมีการจัดงานมงคลสมรส มีเสียงของงานรื่นเริงดังขึ้นที่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน เมื่อจี้กงเห็นว่าไม่มีใครยอมเชื่อสิ่งที่ตนเองกล่าวเตือน จึงตัดสินใจแอบเล็ดลอดเข้าไปในงาน แล้วอุ้มเจ้าสาวหนีออกจากงาน จี้กงอุ้มเจ้าสาวและวิ่งอย่างว่องไวออกไปนอกหมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างก็วิ่งไล่จับ พร้อมกับตะโกนป่าวร้อง ให้ทุกคนช่วยกันคว้าตัว
'พระบ้าขโมยเจ้าสาว' แต่จี้กงก็มีฝีเท้าเร็วพอที่จะไม่ถูกใครไล่ตามจับได้ทัน
ผู้คนทั้งหมู่บ้านพากันวิ่งไล่ตาม ออกมาไกลสิบกว่าลี้หรือราวห้ากิโลเมตรจนกระทั่งเลยรัศมีของยอดภูเขามหันตภัย จี้กงจึงวางเจ้าสาวลง
เมื่อหยิบพัดใบลานขึ้นมาโบกคลายร้อนก็บังเกิดเสียงดังลั่นสนั่นพสุธา ยอดเขาตกลงมาทับหมู่บ้านอย่างที่คาดไว้
ชาว บ้านที่วิ่งตามมา เมื่อหันกลับไปมองเห็นภูเขายักษ์หล่นมาทับหมู่บ้านของตนเสียแบนราบก็ทราบว่า สิ่งที่จี้กงกล่าวเตือนนั้นเป็นความจริง ส่วนการที่จี้กงอุ้มเจ้าสาวหนีออกมาจากงานมงคลนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตชาวบ้าน ทั้งหลายนั่นเอง แต่เมื่อเห็นบ้านช่อง ทรัพย์สมบัติถูกทับแบนอยู่ใต้ภูเขา
ชาว บ้านจำนวนไม่น้อยก็เกิดความเสียดายและเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้ ตีอกชกหัวกันเป็นพัลวัน จี้กงจึงหันไปกล่าวกับชาวบ้านเหล่านั้นว่า "ร้องไห้ไปทำไม พวกเจ้าที่ดินที่มัวแต่เสียดายสมบัติต่างก็ถูกทับจมอยู่ใต้ภูเขาไปแล้ว จากนี้ต่อไปทุกคนก็กลับไปทำไรทำนาของตัวเอง ทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น ชีวิตก็ยังมี จะยังกลัวสร้างเรือนใหม่ไม่ได้ไปใย"
ชาว บ้านพอได้ยินก็สำนึกได้ว่าท่ามกลางความทุกข์ก็ยังพอมีประกายแสงแห่งความสุข เรืองรองอยู่บ้างท่ามกลางความสูญเสียอย่างน้อยที่สุดพวกตนก็ยังรักษาชีวิต ให้รอดอยู่ได้
เมื่อ เห็นชาวบ้านพอจะคลายทุกข์ลงได้แล้ว จี้กงก็รั้งเหล่าชาวบ้านเอาไว้ และกล่าวต่อว่า"อย่างเพิ่งไป ทุกคนฟังอาตมาก่อน ยอดเขาก้อนนี้เดิมลอยไปลอยมา จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หลังทับทลายหมู่บ้านของพวกเราแล้วก็อาจจะบินไปทับหมู่บ้านอื่น อาจทำให้คนเสียชีวิตอีกมากมาย
อาตมา ขอร้องให้พวกเราช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนภูเขาลูกนี้เพื่อที่จะทำให้ภูเขาลูกนี้ไม่บินไปสร้างอันตรายให้กับ ผู้อื่นอีก"
ชาว บ้านได้ยินดังนั้นจึงรีบกลับไปช่วยกันสลักพระอรหันต์ 500 องค์ไว้บนยอดเขาบินกันคนละไม้ละมือ นับจากนั้น ยอดเขาดังกล่าวก็ไม่บินไปสร้างอันตรายให้ใครอีก และถูกเรียกขานกันต่อๆ มาว่า ยอดเขาบิน ณ วัดหลิงอิ่น
เล่า กันว่าพระจี้กงมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง โปรดช่วยมวลมนุษย์มากมายโดยอาศัยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านพ้นภัยจากผู้ที่ดูภายนอกเหมือนผู้มีบุญแต่ใจบาป จี้กงจะใช้วิธีเล่นงานจนคนชั่วเหล่านั้นให้รู้สึกสำนึกตัว สำหรับผู้ที่โหดร้ายทารุณ จะถูกตอบโต้จนไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น ประชาชนจึงสรรเสริญว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์
ตลอด ชีวิตของท่าน ได้ช่วยเหลือและอบรมชาวบ้านโดยวิธีต่างๆกันมาตลอด ทั้งๆที่ท่านมีแต่จีวรขาดๆ รองเท้าขาดๆหนึ่งคู่ โดยไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนโคลนหรือไม่ มือก็ถือพัดเล่มหนึ่ง ไม่กลัวทั้งที่ต่ำและที่สูง ศีรษะโล้น เท้าเปลือยเปล่า ไม่หนาวไม่ร้อน ไม่ต้องบิณฑบาตเพราะไม่หิวไม่กระหาย พบใครก็เอาแต่อมยิ้ม เพื่อจะได้แผ่บุญ ไม่หลบสังคม พบเสียงทุกข์ก็เข้าช่วยเหลือ ท่านมีจิตเมตตาไม่ถือสา การปรากฏตนของท่าน เอาแน่เอานอนไม่ได้ กิริยาล้วนเป็นปริศนาธรรม
#ประวัติ #พระอริยะสงฆ์ #พระอรหันต์ #พระอรหันต์จี้กง #พระอาจารย์จี้กง #พระพุทธจี้กง #พระจี้กง #จี้กง #เต้าจี้ #วัดหลิงอิ่น #หนังสือเสียง