ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
องค์หลวงตาสอนว่าคนเราหยุดคิดได้ 3 ประการคือ หนึ่ง หยุดคิดโดยธรรมชาติ ว่างจากธรรมชาติ สอง หยุดคิดได้ด้วยสมาธิคือการเข้าฌาน สาม หยุดคิดได้ด้วยวิปัสสนา โดยการฝึกอานาปานสติ มีสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก น้อมกราบสาธุในโอวาทธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ดูคลิปนี้สองสามรอบค่ะ มีความกระจ่างมากๆค่ะ นมัสการเจ้าค่ะ
นั่งฟังนอนครูบาอาจารย์ สุดท้ายมาหยุดที่ หลวงตา ฟังหลวงตาดีกว่าได้หัวเราะบ้าง สาธุๆ
จริงของหลวงตาครับเรื่องฌาญ จะหรือแต่รู้อย่างเดืยว
รู้อะไร ไม่เท่ารู้จิตเราเอง สาธุ ฯ ฯ ฯ
สาธุเจ้าค่ะ หลายอาการ ที่หลวงตาพูดมา.เคยสัมผัสมา มาฟังหลวงตา.คลิปนี้.แจ้งจ่างป่าง.🙏🙏🙏 ฟังตลอดมา คลิปแรกๆแล้ว ไม่มีสงสัยหลวงตาเลย.แม้แต่คลิปเดียว.ครั้งเดียว.
นมัสการเจ้าค่ะหลวงตา.ฟังหลวงตาแล้ว.ชัดเจน.รู้แจ้ง.รู้บาลีไปด้วย.สาธุ..
ว๊าว!สุดยอด ข้าน้อยอนุโมทามิ.ชื่นชมหลวงตา อนัตตา คือ การปล่อยวาง หากมิใช่ปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง ให้ใช่สติสัมปัฌชัญญะ พิจารณาเหตุที่เกิดแล้วระงับที่เหตุ ทุก สมุทัย นิโรธ มรรค
สาธุ ฟัง "ธรรม" ของแทร่
ศรัทธาหลวงตามากครับ
น้อมกราบหลวงตาค่ะ
หลวงพ่อสุดยอดไปเลย
ขอโอกาสนมัสการครับหลวงตา
กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา
กราบสาธุครับ
น้อมกราบหลวงตาเจ้าค่ะ❤❤❤😊😊😊
ชัดเจน เฉียบคม ลึกซึ้ง 🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
สาธุสาธุสาธุครับหลวงตา❤❤❤❤
ถ้าหยุดคิดไม่ได้ แม้แต่ขณิกะสมาธิก็ไม่ได้
น้อมกราบสาธุๆ🙏🙏❤️❤️
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ขอน้อมกราบนมัสการท่านหลวงตาครับสาธุสาธุ
อิสระจากตัวตน... ก็ไม่มีคนไปคิดแล้ว...../ ความคิดก็เป็นธรรมชาติฝ่ายเกิดดับ ก็ปล่อยเขาเกิดดับตามธรรมชาติของเขา... แต่ไม่มีเรามีอัตตาเข้าเกี่ยวข้อง... (สภาวะตถตา หรือจิตแนบแน่นกับจิตเดิมแท้ (ธรรมไม่เกิดดับ) อยู่..
ผมเคยเกิดเป้นพรหมลุุกฟักครับ ไม่ดีเลย ต้องลอยเท้งเต้งอยุ่ไปไหนก้อไม่ได้ มูลเหตุ เพราะไม่อยากมีตัวตน ไม่อยากเกิด มีทุกขามาก เลยทำจิตละเอียด ระดับขอรุปฌาน วุดท้ายไม่จบครับ ไปไหนก้อไม่ได้
ท่านหลวงตาครับ ผมนั่งอยู่เฉยๆ หรือนั่งทำงาน หรือนั่งฟังหลวงตา ผมก็มีความรู้สึกเฉยๆ เหมือนไม่มีความรู้สึกนึกคิด แบบนี้ เรียกว่าอะไร บ้างครั้งผมจะดูอารมณ์ผมหรือเพ็งอารมณ์ตัวเองดูว่าตัวเองคิดอะไร ฟังหลวงตาไปทำงานไปจิตมันได้ยินได้ฟังได้รู้แต่มันก็เฉยๆ ไม่ฟุ้งซ่านส์ไม่กระวนกระวายไม่มีความรู้สึกอะไร ทั้งๆที่ผมยังฟังได้ยินและรู้แต่มันไม่กระทบกับหัวใจ. ตั้งแต่ผมมาดูลมหายใจแบบหลวงตาสอนแนะนำมา. ผมจึงถามว่านี่คือเจริญในฌานหรือไม่ ถ้าหากหลวงตาเจอคลิบนี้ ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอกราบคาระวะองค์หลวงตาครับ
🙏🙏🙏
❤ท่านช่วยได้ทุกเรื่องไม่ยกเว้นแม้เรื่องเงินจริง❤ใครเคยตักบาตรกับท่านชาติเก่าก่อนรีบไป❤ดีไม่ดีพ้นไปเลย❤ขอนอบน้อมกราบนมัสการองค์หลวงตาครับ❤😊ครบจบที่เดียว😊
❤
แม้แต่คิดก็ทุกถ้าเข้าถึงความสงบจริงๆผมเคยผ่านสัมโภชน์ชงเจ็ดสติ ความมีดวงตาสอดส่องธรรมวิริยะปิติความสงบใจและอารมณ์สมาธิความตั้งใจมั่นอุเบกขาความวางเฉยเป็นระบบอัตโนมัติจิตไวกว่าความคิดสกัดกั้นก่อนจิตส่งออก
ลมดับใช่อาการหลับหรือเปล่าหลวงตาแต่เรายังนั่งอยู่
ถ้าไม่กระจ่างชัดก็ระวังการแนะนำสั่งสอนออกไปทำให้คนเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนไปได้. อันนี้เราต้องระวังด้วยครับ
การทำให้หยุดคิดนั้นทำได้ครับ แต่คนเรามันสิ้นคิดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะที่ขี้โม้โอ้อวดตัวเองอยู่นั้นมันก็มาจากความคิดนั้นเอง ส่วนคำว่าสิ้นคิดเขาใช้กับคนโง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้ดีไม่รู้ชั่วไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก เขาเรียกว่าคนสิ้นคิด ถ้าพระสิ้นคิดก็เหมือนคนสิ้นคิดนั้นเอง
สิ้นคิดที่ท่านพูดหมายถึง ไม่ปรุ่งแต่ความคิด หรือดับอุปาทานไม่ปรุ่งแต่งความคิด ไม่ใช่ไม่มีความคิด
@@user-mu2zz1ey7x เหรอ ก็ยังเห็นมีกิเลส ตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ ยึดมั่นถึอมั่นในอัตตาตัวตนขี้โม้โอ้อวดสรรพคุณตัวเองอยู่นี้ครับ แล้วอุปาทานความคิดปรุงแต่งมันสิ้นไปตรงไหรเหรอครับ ก็ในเมื่อยังไม่สิ้นไปแล้วอวดว่านตนว่าสิ้นไป นั้นคืออวดอุตริมนุสธรรม อันคุณวิเศษนั้นไม่มีในตน แล้วเอามาใช้ตรรกะแห่งตนสอนผู้คนว่าให้สิ้นคิด ย้อนแย้งกับหลักกาลามสูตรที่พระพุทธองค์สอนว่าให้จงใช้ความคิดเพื่อให้เกิดสติปัญญารู้จริงรู้เท็จรู้ดีรู้ชั่วอันนำไปสู่สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกและสำรวมระวังไม่ก่อให้เกิดอกุศลกรรม และนำไปสู่ความเชื่อศรัทธาในกุศลกรรมอันถูกต้องและดีงาม พระพุทธองค์ไม่เคยสอนว่าให้สิ้นคิดเลยแม้แต่นิดเดียวนี้ครับ มีตำราพระสูตรไหนครับที่สอนคนให้สิ้นคิดช้วยยกมาให้ดูหน่อยครับ
@@user-mu2zz1ey7xผมตอบแล้วนะแต่ไอ้เปรตแอดมินเพจสำนักสิ้นคิดมันบ๊อกคอมเม้นผม เพราะมันกระทบลัทธิสิ้นคิดของพวกมัน
@@user-mu2zz1ey7x*ความสิ้นคิด มีที่ไหน ในคำสอนองค์บวร ไม่เคยกล่าว เลยสักหนแต่ไฉน ใช้ตรรกะ อัตตาตนมาสอนคน ว่าสิ้นคิด สิ้นทุกข์ใจ*หารู้ไม่ เหตุปัจจัย ให้เกิดทุกข์คือหลงสุข หลงยึดมั่น อัตตาขันธ์เกิดกิเลส เกิดตัณหา สารพันมีสุขสรร มีโศกเศร้า เคร้ากันไป*เกิดสุขได้ ยามเมื่อใจ ได้ดั่งว่าทุกข์เกิดมา ยามเมื่อใจ ไร้สิ่งหวังใจดวงเดียว เกิดสุขทุกข์ โหมประดังอนิจัง ไม่เที่ยงแท้ แปลเปลี่ยนไป*เหตุปัจ ทนไม่ได้ ให้เป็นทุกข์ยิ่งหลงสุข ยิ่งทุกข์หนัก รักโลภหลงตัณหาอยาก มากอยากได้ ไม่ปลดปลงเหตุเพราะหลง ต้องการสุข เลยทุกข์ใจ*กายเกิดมา แก่เจ็บตาย ล้วนเป็นทุกข์ที่แท้สุข นั้นไม่มี ปรากฏผลในวัฏฏะ ล้วนแต่ทุกข์ ทุกตัวตนหนีไม่พ้น ทุกข์เกิดแก่ แลเจ็บตาย*แม้หยุดคิด ทุกข์ก็เกิด ไม่หยุดนิ่งสรรพสิ่ง ยังหมุนเวียน เปลี่ยนแปลผันวัฏจักร ย่อมแปลเปลี่ยน ไปตามกันทุกสิ่งอัน ย่อมเคลื่อนตาม กาลเวลา*จึงเรียกว่า อนิจจัง ไม่คงที่วันเดือนปี เกิดแก่ตาย ไม่หยุดนิ่งจึวเรียกว่า สัจธรรม ความเป็นจริงสรรพสิ่ง ล้วนปลเปลี่ยน ตามปัจจัย.............ฉะนี้แล..........
คนจะจับผิดครับเรื่องธรรมดา 😊😊
🚬
เทวดาไม่ชอบนิพพาน กิเลสมีมาก หน้าที่คือช่วยเหลือมนุษย์ ที่มีบุญสัมพันธ์ 🙏🙏🙏
ผมไม่รู้หรอกแต่ผมหยุดคิดได้โดยเข้าไปตรงที่มันเกิดดับนั้นแหล่ะความคิดผมดับไป1วันถึงเที่ยงคืนความคิดถึงกลับมาอย่าเชื่อผมแต่ลองได้
ใช่หยุดได้เพราะเข้าฌาน แต่จะให้ดีหยุดจากวิปัสนาดีกว่า อันนั้นเข้าฌานลึกมันก็ไปอยู่ในที่มืดๆ คิดอะไรไม่ได้ ไม่รู้สึกทางกายเลย ไม่รู้สึกถึงลมหายใจเลยหายไปหมดนั้นคือเข้าฌานลึกเกินไป เพราะเราก็เคยเข้าไปแล้ว
ใช่ครับหลวงตาผมไม่รู้หรอกตอนเป็นเณรน้อยปี29หลวงตาไล่ให้ผมไปนั่งสมาธิที่ริ่มบ่อตามหลวงตาบอกผมน่ั่งดูลมหายใจเข้าผมนั่งอยู่4ชั่วโมงตัวแข็งทื่อเลยลมหายใจเข้าออกเป็นสีขาวสั้นก็รู้ยาวก็รู้ไม่ได้กางมุ้งยุ่งกัดยังไม่คันแข็งเป็นหินเหมือนหลวงตาผูด
หลวงตาครับตอนนี้ยิ่งดูลมยิ่งมีเรื่องผุดทุกข์มากครับหายใจไม่ทั่วท้องปวดตาแสบตาหลับไม่ลงทำไงดีครับถ้าท่านไดเห็นช่วยหน่อยครับ😢😢😢
ลองนั่งทำสมาธิ แล้วดูลมเบาๆ ครับ ผมก็เคยเป็นครับ เพราะเพ้ง ลมมากไปเพ้งลม จนรู้สึกเหมือนลูกตาจะหลุดออกมา ผมก็ไม่เก่งนะครับ สาธุการด้วยครับ
อานาป่นสติเป็นเพียงกลอุบายให้จิตมีที่จรดจ่อหยุดนิ่งไม้ฟุ้งซ่านแนั้นเองครับ ก็มี กหลายวิธีครับเช่นการนั่งทำจิตให้ปล่อยวางปปลอดโปลงเหมือนไม่มีตัวไม่มีตนรับรู้แต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้นเจ็บก็ไม่ใช่เราปวดก็ไม่ใช่เราคันก๋ไม่ใช่เราร้อนก็ไม่ใช่เราหนาวก็ไม่ใช่เราไม่มีอะไรเป็นเราได้เลยสักอย่างก็คือนึกเพียงว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้นเองครับ ผมฝึกมาหมดทุกแบบแล้วครับ ไม่ว่าจะภาวนา พุท หายใจเข้า โธหายใจออก หรืออานาปานสติเพ่งดูลมหายใจออก หายใจเข้า และการนั่งพิจารณารูปกายกับจิตแยกรูปธรรม นามธรรม หรือการถิดจิตมานั่งดูตัวเองนั่งสมาธิ ผมทำมาหมด สุดท้ายก็คือการทำจิตให้ผ่องใสว่างเปล่าไร้อัตตาตัวตนง่ายสบายกว่าเพราะทุกสรรพสิ่งไม่ใช่เราวางเฉยสบายๆครับ
มีสติรู้ทั่วพร้อมอยู่ว่าทำอะไรแต่ระขณะๆก็ได้. ถ้ารู้ลมก็รู้เฉยๆไม่ต้องไปปรุงแต่งลมหรือ กดลมหรืทำอะไรอันเป็นการข่มความคิดก็ดีมันผิดหลักธรรมชาติไป จิตก็ต้องฟุ้งซ่านไป ที่ให้รู้ลมก็เพื่อเป็นหลักให้จิตมีสิ่งรู้ ได้อบรมสติอยู่นั่นเอง
องค์หลวงตาสอนว่าคนเราหยุดคิดได้ 3 ประการคือ หนึ่ง หยุดคิดโดยธรรมชาติ ว่างจากธรรมชาติ สอง หยุดคิดได้ด้วยสมาธิคือการเข้าฌาน สาม หยุดคิดได้ด้วยวิปัสสนา โดยการฝึกอานาปานสติ มีสติอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก น้อมกราบสาธุในโอวาทธรรมเจ้าค่ะ🙏🙏🙏
ดูคลิปนี้สองสามรอบค่ะ มีความกระจ่างมากๆค่ะ นมัสการเจ้าค่ะ
นั่งฟังนอนครูบาอาจารย์ สุดท้ายมาหยุดที่ หลวงตา ฟังหลวงตาดีกว่าได้หัวเราะบ้าง สาธุๆ
จริงของหลวงตาครับเรื่องฌาญ จะหรือแต่รู้อย่างเดืยว
รู้อะไร ไม่เท่ารู้จิตเราเอง สาธุ ฯ ฯ ฯ
สาธุเจ้าค่ะ หลายอาการ ที่หลวงตาพูดมา.เคยสัมผัสมา มาฟังหลวงตา.คลิปนี้.แจ้งจ่างป่าง.
🙏🙏🙏 ฟังตลอดมา คลิปแรกๆแล้ว ไม่มีสงสัยหลวงตาเลย.แม้แต่คลิปเดียว.ครั้งเดียว.
นมัสการเจ้าค่ะหลวงตา.ฟังหลวงตาแล้ว.ชัดเจน.รู้แจ้ง.
รู้บาลีไปด้วย.สาธุ..
ว๊าว!สุดยอด ข้าน้อยอนุโมทามิ.ชื่นชมหลวงตา อนัตตา คือ การปล่อยวาง หากมิใช่ปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง ให้ใช่สติสัมปัฌชัญญะ พิจารณาเหตุที่เกิดแล้วระงับที่เหตุ ทุก สมุทัย นิโรธ มรรค
สาธุ ฟัง "ธรรม" ของแทร่
ศรัทธาหลวงตามากครับ
น้อมกราบหลวงตาค่ะ
หลวงพ่อสุดยอดไปเลย
ขอโอกาส
นมัสการครับหลวงตา
กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงตา
กราบสาธุครับ
น้อมกราบหลวงตาเจ้าค่ะ❤❤❤😊😊😊
ชัดเจน เฉียบคม ลึกซึ้ง 🙏🙏🙏
กราบสาธุค่ะ
สาธุสาธุสาธุครับหลวงตา❤❤❤❤
ถ้าหยุดคิดไม่ได้ แม้แต่ขณิกะสมาธิก็ไม่ได้
น้อมกราบสาธุๆ🙏🙏❤️❤️
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ขอน้อมกราบนมัสการท่านหลวงตาครับสาธุสาธุ
อิสระจากตัวตน... ก็ไม่มีคนไปคิดแล้ว...../ ความคิดก็เป็นธรรมชาติฝ่ายเกิดดับ ก็ปล่อยเขาเกิดดับตามธรรมชาติของเขา... แต่ไม่มีเรามีอัตตาเข้าเกี่ยวข้อง... (สภาวะตถตา หรือจิตแนบแน่นกับจิตเดิมแท้ (ธรรมไม่เกิดดับ) อยู่..
ผมเคยเกิดเป้นพรหมลุุกฟักครับ ไม่ดีเลย ต้องลอยเท้งเต้งอยุ่ไปไหนก้อไม่ได้ มูลเหตุ เพราะไม่อยากมีตัวตน ไม่อยากเกิด มีทุกขามาก เลยทำจิตละเอียด ระดับขอรุปฌาน วุดท้ายไม่จบครับ ไปไหนก้อไม่ได้
ท่านหลวงตาครับ ผมนั่งอยู่เฉยๆ หรือนั่งทำงาน หรือนั่งฟังหลวงตา ผมก็มีความรู้สึกเฉยๆ เหมือนไม่มีความรู้สึกนึกคิด แบบนี้ เรียกว่าอะไร บ้างครั้งผมจะดูอารมณ์ผมหรือเพ็งอารมณ์ตัวเอง
ดูว่าตัวเองคิดอะไร ฟังหลวงตาไปทำงานไปจิตมันได้ยินได้ฟังได้รู้แต่มัน
ก็เฉยๆ ไม่ฟุ้งซ่านส์ไม่กระวนกระวายไม่มีความรู้สึกอะไร ทั้งๆที่ผมยังฟังได้ยินและรู้แต่มันไม่กระทบกับหัวใจ. ตั้งแต่ผมมาดูลมหายใจแบบหลวงตาสอนแนะนำมา. ผมจึงถามว่านี่คือเจริญ
ในฌานหรือไม่ ถ้าหากหลวงตาเจอ
คลิบนี้ ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอกราบ
คาระวะองค์หลวงตาครับ
🙏🙏🙏
❤ท่านช่วยได้ทุกเรื่องไม่ยกเว้นแม้เรื่องเงินจริง❤ใครเคยตักบาตรกับท่านชาติเก่าก่อนรีบไป❤ดีไม่ดีพ้นไปเลย❤ขอนอบน้อมกราบนมัสการองค์หลวงตาครับ❤😊ครบจบที่เดียว😊
❤
แม้แต่คิดก็ทุกถ้าเข้าถึงความสงบจริงๆผมเคยผ่านสัมโภชน์ชงเจ็ด
สติ ความมีดวงตาสอดส่องธรรมวิริยะปิติความสงบใจและอารมณ์สมาธิความตั้งใจมั่นอุเบกขาความวางเฉยเป็นระบบอัตโนมัติจิตไวกว่าความคิดสกัดกั้นก่อนจิตส่งออก
ลมดับใช่อาการหลับหรือเปล่าหลวงตาแต่เรายังนั่งอยู่
ถ้าไม่กระจ่างชัดก็ระวังการแนะนำสั่งสอนออกไปทำให้คนเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนไปได้. อันนี้เราต้องระวังด้วยครับ
การทำให้หยุดคิดนั้นทำได้ครับ แต่คนเรามันสิ้นคิดนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะที่ขี้โม้โอ้อวดตัวเองอยู่นั้นมันก็มาจากความคิดนั้นเอง ส่วนคำว่าสิ้นคิดเขาใช้กับคนโง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้ดีไม่รู้ชั่วไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก เขาเรียกว่าคนสิ้นคิด ถ้าพระสิ้นคิดก็เหมือนคนสิ้นคิดนั้นเอง
สิ้นคิดที่ท่านพูดหมายถึง ไม่ปรุ่งแต่ความคิด หรือดับอุปาทานไม่ปรุ่งแต่งความคิด ไม่ใช่ไม่มีความคิด
@@user-mu2zz1ey7x เหรอ ก็ยังเห็นมีกิเลส ตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ ยึดมั่นถึอมั่นในอัตตาตัวตนขี้โม้โอ้อวดสรรพคุณตัวเองอยู่นี้ครับ แล้วอุปาทานความคิดปรุงแต่งมันสิ้นไปตรงไหรเหรอครับ ก็ในเมื่อยังไม่สิ้นไปแล้วอวดว่านตนว่าสิ้นไป นั้นคืออวดอุตริมนุสธรรม อันคุณวิเศษนั้นไม่มีในตน แล้วเอามาใช้ตรรกะแห่งตนสอนผู้คนว่าให้สิ้นคิด ย้อนแย้งกับหลักกาลามสูตรที่พระพุทธองค์สอนว่าให้จงใช้ความคิดเพื่อให้เกิดสติปัญญารู้จริงรู้เท็จรู้ดีรู้ชั่วอันนำไปสู่สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกและสำรวมระวังไม่ก่อให้เกิดอกุศลกรรม และนำไปสู่ความเชื่อศรัทธาในกุศลกรรมอันถูกต้องและดีงาม พระพุทธองค์ไม่เคยสอนว่าให้สิ้นคิดเลยแม้แต่นิดเดียวนี้ครับ มีตำราพระสูตรไหนครับที่สอนคนให้สิ้นคิดช้วยยกมาให้ดูหน่อยครับ
@@user-mu2zz1ey7xผมตอบแล้วนะแต่ไอ้เปรตแอดมินเพจสำนักสิ้นคิดมันบ๊อกคอมเม้นผม เพราะมันกระทบลัทธิสิ้นคิดของพวกมัน
@@user-mu2zz1ey7x
*ความสิ้นคิด มีที่ไหน ในคำสอน
องค์บวร ไม่เคยกล่าว เลยสักหน
แต่ไฉน ใช้ตรรกะ อัตตาตน
มาสอนคน ว่าสิ้นคิด สิ้นทุกข์ใจ
*หารู้ไม่ เหตุปัจจัย ให้เกิดทุกข์
คือหลงสุข หลงยึดมั่น อัตตาขันธ์
เกิดกิเลส เกิดตัณหา สารพัน
มีสุขสรร มีโศกเศร้า เคร้ากันไป
*เกิดสุขได้ ยามเมื่อใจ ได้ดั่งว่า
ทุกข์เกิดมา ยามเมื่อใจ ไร้สิ่งหวัง
ใจดวงเดียว เกิดสุขทุกข์ โหมประดัง
อนิจัง ไม่เที่ยงแท้ แปลเปลี่ยนไป
*เหตุปัจ ทนไม่ได้ ให้เป็นทุกข์
ยิ่งหลงสุข ยิ่งทุกข์หนัก รักโลภหลง
ตัณหาอยาก มากอยากได้ ไม่ปลดปลง
เหตุเพราะหลง ต้องการสุข เลยทุกข์ใจ
*กายเกิดมา แก่เจ็บตาย ล้วนเป็นทุกข์
ที่แท้สุข นั้นไม่มี ปรากฏผล
ในวัฏฏะ ล้วนแต่ทุกข์ ทุกตัวตน
หนีไม่พ้น ทุกข์เกิดแก่ แลเจ็บตาย
*แม้หยุดคิด ทุกข์ก็เกิด ไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่ง ยังหมุนเวียน เปลี่ยนแปลผัน
วัฏจักร ย่อมแปลเปลี่ยน ไปตามกัน
ทุกสิ่งอัน ย่อมเคลื่อนตาม กาลเวลา
*จึงเรียกว่า อนิจจัง ไม่คงที่
วันเดือนปี เกิดแก่ตาย ไม่หยุดนิ่ง
จึวเรียกว่า สัจธรรม ความเป็นจริง
สรรพสิ่ง ล้วนปลเปลี่ยน ตามปัจจัย
.............ฉะนี้แล..........
คนจะจับผิดครับเรื่องธรรมดา 😊😊
🚬
เทวดาไม่ชอบนิพพาน กิเลสมีมาก หน้าที่คือช่วยเหลือมนุษย์ ที่มีบุญสัมพันธ์ 🙏🙏🙏
กราบสาธุครับ
🙏🙏🙏
ผมไม่รู้หรอกแต่ผมหยุดคิดได้โดยเข้าไปตรงที่มันเกิดดับนั้นแหล่ะความคิดผมดับไป1วันถึงเที่ยงคืนความคิดถึงกลับมาอย่าเชื่อผมแต่ลองได้
ใช่หยุดได้เพราะเข้าฌาน แต่จะให้ดีหยุดจากวิปัสนาดีกว่า อันนั้นเข้าฌานลึกมันก็ไปอยู่ในที่มืดๆ คิดอะไรไม่ได้ ไม่รู้สึกทางกายเลย ไม่รู้สึกถึงลมหายใจเลยหายไปหมดนั้นคือเข้าฌานลึกเกินไป เพราะเราก็เคยเข้าไปแล้ว
ใช่ครับหลวงตาผมไม่รู้หรอกตอนเป็นเณรน้อยปี29หลวงตาไล่ให้ผมไปนั่งสมาธิที่ริ่มบ่อตามหลวงตาบอกผมน่ั่งดูลมหายใจเข้าผมนั่งอยู่4ชั่วโมงตัวแข็งทื่อเลยลมหายใจเข้าออกเป็นสีขาวสั้นก็รู้ยาวก็รู้ไม่ได้กางมุ้งยุ่งกัดยังไม่คันแข็งเป็นหินเหมือนหลวงตาผูด
หลวงตาครับตอนนี้ยิ่งดูลมยิ่งมีเรื่องผุดทุกข์มากครับหายใจไม่ทั่วท้องปวดตาแสบตาหลับไม่ลงทำไงดีครับถ้าท่านไดเห็นช่วยหน่อยครับ😢😢😢
ลองนั่งทำสมาธิ แล้วดูลมเบาๆ ครับ ผมก็เคยเป็นครับ เพราะเพ้ง ลมมากไปเพ้งลม จนรู้สึกเหมือนลูกตาจะหลุดออกมา ผมก็ไม่เก่งนะครับ สาธุการด้วยครับ
อานาป่นสติเป็นเพียงกลอุบายให้จิตมีที่จรดจ่อหยุดนิ่งไม้ฟุ้งซ่านแนั้นเองครับ ก็มี กหลายวิธีครับเช่นการนั่งทำจิตให้ปล่อยวางปปลอดโปลงเหมือนไม่มีตัวไม่มีตนรับรู้แต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้นเจ็บก็ไม่ใช่เราปวดก็ไม่ใช่เราคันก๋ไม่ใช่เราร้อนก็ไม่ใช่เราหนาวก็ไม่ใช่เราไม่มีอะไรเป็นเราได้เลยสักอย่างก็คือนึกเพียงว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้นเองครับ ผมฝึกมาหมดทุกแบบแล้วครับ ไม่ว่าจะภาวนา พุท หายใจเข้า โธหายใจออก หรืออานาปานสติเพ่งดูลมหายใจออก หายใจเข้า และการนั่งพิจารณารูปกายกับจิตแยกรูปธรรม นามธรรม หรือการถิดจิตมานั่งดูตัวเองนั่งสมาธิ ผมทำมาหมด สุดท้ายก็คือการทำจิตให้ผ่องใสว่างเปล่าไร้อัตตาตัวตนง่ายสบายกว่าเพราะทุกสรรพสิ่งไม่ใช่เราวางเฉยสบายๆครับ
มีสติรู้ทั่วพร้อมอยู่ว่าทำอะไรแต่ระขณะๆก็ได้. ถ้ารู้ลมก็รู้เฉยๆไม่ต้องไปปรุงแต่งลมหรือ กดลมหรืทำอะไรอันเป็นการข่มความคิดก็ดีมันผิดหลักธรรมชาติไป จิตก็ต้องฟุ้งซ่านไป ที่ให้รู้ลมก็เพื่อเป็นหลักให้จิตมีสิ่งรู้ ได้อบรมสติอยู่นั่นเอง