ผีโสดาบัน -​ พระอาจารย์​เส็ง สิรินฺธโร วัดถ้ำนมผา -​ เช้า 27/10/67

แชร์
ฝัง
  • เผยแพร่เมื่อ 5 ม.ค. 2025

ความคิดเห็น • 26

  • @กาญจนาเตโชพล
    @กาญจนาเตโชพล 2 หลายเดือนก่อน +1

    กราบนมัสการครูบาเจ้าค่ะ🙏

    • @Krubaseng_tamnoompha
      @Krubaseng_tamnoompha  2 หลายเดือนก่อน

      @@กาญจนาเตโชพล 😁😁😁😁😁

  • @tinnakornpawasakarin7250
    @tinnakornpawasakarin7250 2 หลายเดือนก่อน +1

    กราบนมัสการครูบาครับ

  • @kaitananpaiphtdesot6080
    @kaitananpaiphtdesot6080 2 หลายเดือนก่อน

    ❤กราบครูบาเส๊งครับผมสาธุสาธุสาธุ

  • @tanianicholson178
    @tanianicholson178 2 หลายเดือนก่อน +1

    🙏🙏🙏

  • @siripongka
    @siripongka 2 หลายเดือนก่อน +1

    🙇‍♂️🙇‍♂️🙇‍♂️

  • @อุบลแก้วนิล-อ3อ
    @อุบลแก้วนิล-อ3อ 2 หลายเดือนก่อน +2

    แสงอะไรล่องลอยมาอยู่ระหว่างหน้าต่างหลวงพ่อเจ้าค่ะนาทีที่ 38.17วินาที

    • @Krubaseng_tamnoompha
      @Krubaseng_tamnoompha  2 หลายเดือนก่อน

      @@อุบลแก้วนิล-อ3อ 😁😁😁

    • @นางพูดซ้อนปากแข็ง
      @นางพูดซ้อนปากแข็ง 2 หลายเดือนก่อน

      ละเอียดเจ้าค่ะละเอียดทั้งทางโลกีย์ทั้งโลกุตระทั้งสองอย่างนี้นำมาซึ่งปัญญาทั้งสองทางอันนี้ต้องมีศิลสมาธิปัญญาพอวิปัสนาญานเกิดญานทัสณะเกิดโลกีย์โลกุตระก็จะเป็นธรรมดาของเขาเช่นนั้น

  • @ศตวรรษจันทะลา
    @ศตวรรษจันทะลา 2 หลายเดือนก่อน +1

    พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสคำว่า ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ เอาคำพวกนี้มาจากไหน😂😂😂 อย่าเพิ่มเติมคำที่พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสไว้ ว่าตรัสไว้

    • @บ่าวยองฮีดฮอยตามรอยพ่อ
      @บ่าวยองฮีดฮอยตามรอยพ่อ 2 หลายเดือนก่อน

      แล้วไงต่อ ครับ สมาธิของคุณ เป็นแบบไหนหละ หรือไม่ต้องมีกะได้ อธิบายหน่อยสิครับ เอาละเอียดเลยนะครับ คนอื่นจะได้เข้าใจบ้าง

    • @ศตวรรษจันทะลา
      @ศตวรรษจันทะลา 2 หลายเดือนก่อน

      @@บ่าวยองฮีดฮอยตามรอยพ่อ สูตร [๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนา ๔ ประการนี้ ๔ ประการ เป็นไฉน คือ สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไป เพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันมีอยู่ ๑ สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มาก แล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะมีอยู่ ๑ สมาธิภาวนาอันบุคคล เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ ๑ สมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะมีอยู่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น ไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุ ทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระ อริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น ไปเพื่อได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มนสิการอาโลก- *สัญญา อธิษฐานทิวาสัญญา ๑- ว่า กลางคืนเหมือนกลางวัน กลางวันเหมือน กลางคืน มีใจอันสงัด ปราศจากเครื่องรัดรึง อบรมจิตให้มีความสว่างอยู่ ดูกร- *ภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็น ไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว @๑. ความสำคัญหมายว่ากลางวัน กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้แจ้งเวทนาที่เกิดขึ้น รู้แจ้งเวทนาที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งเวทนาที่ดับไป รู้แจ้งสัญญาที่ เกิดขึ้น รู้แจ้งสัญญาที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งสัญญาที่ดับไป รู้แจ้งวิตกที่เกิดขึ้น รู้แจ้งวิตกที่ตั้งอยู่ รู้แจ้งวิตกที่ดับไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้น อาสวะเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีปรกติพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความ เสื่อมไปในอุปาทานขันธ์ ๕ อยู่ว่า รูปเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นดังนี้ ความดับแห่งรูปเป็นดังนี้ เวทนาเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งเวทนาเป็นดังนี้ ความ ดับแห่งเวทนาเป็นดังนี้ สัญญาเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสัญญาเป็นดังนี้ ความดับแห่งสัญญาเป็นดังนี้ สังขารเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสังขารเป็นดังนี้ ความดับแห่งสังขารเป็นดังนี้ วิญญาณเป็นดังนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ความดับแห่งวิญญาณเป็นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนา ๔ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง คำต่อไปนี้ เรากล่าวแล้ว ในปุณณปัญหาในปรายนวรรค หมายเอาข้อความนี้ว่า ความหวั่นไหวไม่มีแก่บุคคลใด ในโลกไหนๆ เพราะรู้ความ สูงต่ำในโลก บุคคลนั้นเป็นผู้สงบปราศจากควันคือความโกรธ เป็นผู้ไม่มีความคับแค้น เป็นผู้หมดหวัง เรากล่าวว่า ข้าม ชาติและชราได้แล้ว ฯ

    • @ศตวรรษจันทะลา
      @ศตวรรษจันทะลา 2 หลายเดือนก่อน

      @@บ่าวยองฮีดฮอยตามรอยพ่อ ถ้ากุศลดับไป แสดงว่าได้ ปฐมฌาน
      ถ้าวิตกวิจารณ์ดับไปก็ ทุติยฌาน
      จิตมีปิติ มีความสุข ดับปิติได้ ได้ ตติยฌาน
      ดับสุขได้ เรียก จตุตถฌาน
      จตุตถฌาน มีเครื่องวัดอีกอย่างคือ อัสสาสะ ปัสสาสะ
      อัสสาสะ คือสุขในสมาธิ ดับไป
      ปัสสาสะดับ คือลมที่ไหลเข้า-ไหลออก ดับไป

    • @ศตวรรษจันทะลา
      @ศตวรรษจันทะลา 2 หลายเดือนก่อน

      ยังมีอีกนะ ไปศึกษาดูนะ จะได้ไม่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า มันจะเป็นวิบากสู่นรก

    • @ศตวรรษจันทะลา
      @ศตวรรษจันทะลา 2 หลายเดือนก่อน

      @@บ่าวยองฮีดฮอยตามรอยพ่อ ๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคต ได้ภาษิตไว้ ได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า ตถาคต มิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อม กล่าวตู่ตถาคต ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่ กล่าวตู่ตถาคต ฯ

  • @สังคมมอไธสง
    @สังคมมอไธสง 2 หลายเดือนก่อน +1

    กราบนมัสการครูบาครับ