5 ก.พ.68 พิธีลงนาม MOU ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทัพเรือและสวทช.
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 4 ก.พ. 2025
- สวทช. และ กองทัพเรือ โดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ
ร่วมวิจัยจุลินทรีย์ประสิทธิภาพสูง หนุนนโยบาย Green Navy ด้วยนวัตกรรมสะอาด
(5 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ห้องวุฒิไชยเฉลิมลาภ อาคารราชนาวิกสภา กรุงเทพฯ - กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับ กองทัพเรือ โดยกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการกำจัดน้ำทิ้งที่มีน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นปนเปื้อน โดยการค้นหาและพัฒนาจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายน้ำมันและสารประกอบน้ำมันปิโตรเลียม เพื่อใช้กำจัดน้ำเสียจากเรือและพื้นที่ของกองทัพเรือ รวมถึงสร้างองค์ความรู้ที่มีศักยภาพผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้หน่วยงานในกองทัพเรือนำไปใช้ประโยชน์ สนับสนุนนโยบายกองทัพเรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Navy) โดยมี พลเรือตรี กริช ขันธอุบล เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ และศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงาน และนักวิจัยไบโอเทคกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ร่วมในงาน
พลเรือตรี กริช ขันธอุบล เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้สอดคล้องกับแนวทางพัฒนากองทัพเรือของผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดให้ “การจัดการสิ่งแวดล้อมกองทัพเรือ (Green Navy) เป็นหนึ่งในแนวทางการบริหารกองทัพเรือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อรองรับยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ. 2560 - 2580 ซึ่งเป็นกรอบแนวทางและทิศทางที่จะพาให้กองทัพเรือเดินหน้า ส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต้องมีการจัดการสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนรูปแบบต่าง ๆ การจัดการขยะและการลดมลพิษต่าง ๆ มุ่งสู่เป้าหมายการจัดการสิ่งแวดล้อมกองทัพเรือ พ.ศ. 2580 คือเป็นหน่วยงานที่มีการปฏิบัติและบริหารงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” การลงนามความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือโดย กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ และ สวทช. ถือเป็นก้าวสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นต้นแบบที่ดีในการดำเนินงานที่ยั่งยืน ผลักดันให้กองทัพเรือเป็นองค์กรที่ดำเนินงานด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นต้นแบบให้แก่หน่วยงานอื่น ๆ ได้นำไปปฏิบัติตาม รวมถึงความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2568 ในการส่งเสริมการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมทางการทหารอีกด้วย
ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สวทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวง อว. และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ มีเป้าหมายหลักเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมการกำจัดน้ำทิ้งที่ปนเปื้อนน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น ซึ่งตอบโจทย์ มิติสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ของ สวทช. โดยที่ผ่านมา กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ไบโอเทค-สวทช. ได้ดำเนินการวิจัยเพื่อค้นหาและคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายน้ำมัน และสารประกอบน้ำมันปิโตรเลียม โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ในการประสานงานให้เข้าไปเก็บตัวอย่างน้ำที่มีการปนเปื้อนของคราบน้ำมันจากห้องเครื่องบนเรือรบ และตัวอย่างตะกอนและดินจากพื้นที่ต่าง ๆ ของกองทัพเรือ เพื่อนำมาใช้ทดลองคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ ในเบื้องต้นสามารถคัดแยกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการย่อยสลายน้ำมันได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดให้เป็นผลได้ ส่วนแนวทางการดำเนินงานต่อไป จะดำเนินการวิจัยเพิ่มเติมในการศึกษาและพัฒนาตัวจุลินทรีย์ด้วยเทคโนโลยีฐานที่ทางกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ได้พัฒนาขึ้น ร่วมกับการศึกษาวิเคราะห์ตัวอย่างทางกายภาพและเคมี โดยความร่วมมือกับห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ เพื่อผลักดันให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนนโยบาย Green Navy ต่อไป
ทั้งนี้ ไบโอเทค สวทช. มีผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมจากกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์หลายผลงาน ได้แก่ “Tidy Bio Plus (ไทดี้ ไบโอ พลัส)” ผลิตภัณฑ์หัวเชื้อจุลินทรีย์สัญชาติไทยที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดของเสีย จุดเด่นนวัตกรรมนี้คือ เป็นการคัดเลือกจากเชื้อจุลินทรีย์สัญชาติไทยจึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง เข้ากันกับสิ่งแวดล้อมในประเทศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี “เอนไซม์ ENZease (เอนอีซ)” เอนไซม์อัจฉริยะสำหรับลอกแป้งและกำจัดสิ่งสกปรกบนผ้าฝ้ายแบบขั้นตอนเดียว “เอนไซม์ Serizyme (เซริไซม์)”คอตตอนโปร)”RETTizyme (มัลติเอนไซม์ สำหรับกระบวนการแช่หมักเส้นใยจากใบสับปะรด เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่สามารถนำมาต่อยอดในแผนงาน Green Navy Biosurfactant MES-Green ที่สังเคราะห์จากน้ำมันพืชและกรดไขมันเหลือใช้ โดยจะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ต่อไป ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้
///////////////////////