ขนาดวิดีโอ: 1280 X 720853 X 480640 X 360
แสดงแผงควบคุมโปรแกรมเล่น
เล่นอัตโนมัติ
เล่นใหม่
ใช่ ต่อให้เราคาดเดาอนาคตได้อย่างถูกต้องทั้งหมด อนาคตก็จะเปลี่ยนไปเพราะเราทราบถึงอนาคตนั้นๆ นั่นหมายความว่าเราได้เพิ่มตัวแปรที่ไม่มีในการคำนวณแรก แปลว่าต่อให้เราคำนวณซ้ำอีกกี่ครั้งอนาคตก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง เพราะหากเราสามารถใส่ตัวแปรเล็กๆนี้เข้าไปได้แต่แรก เราจะจำเป็นต้องคำนวณอีกต่อไปทำไม ในเมื่อคำตอบของความยุ่งเหยิงทั้งหมดของอนาคตอยู่ในตัวแปรนี้แล้ว
ครับด็อกเตอร์สเตรนท์
ตัวแปรมันมีเยอะมาก มีค่าแวเรียน ค่าอิทธิพลมากน้อยต่างกัน แถมตัวแปรมีหลายประเภท ตัวแปรควบคุม ตัวแปรส่งผ่าน สารพัดตัวแปร
แค่การขยับตัวต่างกันอนาคตก็น่าจะเปลี่ยนแล้ว
อนาคต ทุกคนรู้ว่าต้องตาย แต่ไม่รู้ว่าตายวันไหน รู้แล้วว่าเกิดมาต้องตาย แต่ไม่สามารถแก้ใขหรือเปลี่ยนมันได้
ผมมีคำถามครับพี่ๆ...ทำไมเวลาผมอยู่ในที่ลับตาและสภาพอากาศเหมาะสม..ผมจะใช้มือข้างถนัดจับkวยแล้วขยับขึ้นลงโดยใช้เวลาพอประมาณ...ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นกฏของธรรมชาติหรือเป็นอำนาจลี้ลับบางอย่าง..และทุกครั้งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
เอาเรื่องความน่าจะเป็นโยนทิ้งไปได้เลยเมื่อเจอคำว่า "Entropy" ความน่าจะเป็นจะสามารถใช้ได้กับแค่สิ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ในแต่ละผลลัพท์เท่านั้น เราคำนวณโอกาสลูกเต๋าได้1/6 แต่ไม่สามารถคำนวณโอกาสที่คนที่แก่แล้วจะกลับไปเป็นเด็กน้อยได้โอกาสที่โยนลูกปืนแล้วมันจะลอยขึ้นฟ้าแทนที่จะตกพื้น หรือโอกาสที่โยนน้ำแข็งลงในแก้วกาแฟแล้วน้ำกาแฟมันจะร้อนขึ้นแทนที่มันจะเย็นลงที่เป็นแบบนี้เพราะว่า "ระบบ" ทุกๆอย่างทุกออกแบบมาตั้งแต่แรก หนึ่งในกฏที่ไม่สามารถฝืนได้เลยคือกฎของความไร้ระเบียบ ที่บอกว่าทุกๆอย่างที่เป็นระเบียบมันจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความไร้ระเบียบได้เองโดยปกติ แต่ไม่สามารถฝืนย้อนจากความไร้ระเบียบไปสู่ความมีระเบียบได้เอง ค่าความไรระเบียบนี่ก็คือค่า Entropy นั่นเอง (อยู่ในทฤษฎีเทอร์โมไดนามิก)เพราะงั้น จากความว่างเปล่า ไปสู่กลุ่มแก๊ส ไปสู่เศษฝุ่น ไปสู่ก้อนหิน ไปสู่ดาวเคราะห์ ไปสู่ระบบสุริยะ ไปสู่โลกที่มีสิ่งมีชีวิต มันจึงใช้ความน่าจะเป็นไม่ได้ เพราะมันขัดกับหลัก Entropy สิ่งที่เป็นระบบระเบียบสูงอย่างโลก ไม่สามารถเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไร้ระเบียบสุดๆอย่างความว่างเปล่า หรือเศษฝุ่นอวกาศได้เลย นอกจากจะมีใครหรืออะไรสร้างสรรค์มันขึ้นมาผ่านระบบต่างๆ ระบบของผู้สร้างมักถูกเรียกในชื่อต่างๆเช่น ธรรมชาติ สันชาติญาณในสัตว์ กฏอนุรักษ์พลังงาน แรงโน้มถ่วง อะไรประมาณนี้ คือสิ่งที่รู้ว่ามีแต่อธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วก็แถๆไปว่าเกิดจากความบังเอิญ ความน่าจะเป็น เพื่อที่จะปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ของ "ผู้สร้าง" เท่านั้นเอง
ทฤษฎีนี้เคยเอาไปนิยามเรื่อง ใครคือผู้สร้างโลก ที่หน้าท้ายๆได้พูดถึงว่า "ไม่มีทั้งพระเจ้า และผู้สร้างโลก ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากความเป็นไปได้ ถ้าเปรียบเทียบว่าโอกาสที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็เหมือนการทอยลูกเต๋า100ลูกโดยให้ทุกๆลูกออกมาหน้าเดียวกัน แน่นอนว่าถ้าทอยแค่ครั้ง2ครั้ง หรือ1,000 ครั้ง โอกาสก็น้อยมาก แต่ถ้าทอยเป็นจำนวนอนันต์ครั้ง โอกาสที่จะมีแน่นอนว่าไม่ใช่ 0 แน่นอน เช่นเดียวกับที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็ต้องมีดาวเป็นอนันต์ แล้วค่อยมีน้อยกว่า 0% ที่จะต้องมีสภาวะเหมาะต่อสิ่งมีชีวิต"
@sunflower-ny4we ตีความแตกมั้ย? ฉันพูดถึงในหนังสือที่เคยอ่าน ฉันไม่ได้เอาความคิดตัวเองมาเม้นท์ อ่านดีๆก่อนเม้นท์ แล้วสิ่งที่คุณบอกว่าฉันคิดได้แค่นี้ คุณมีวุฒิภาวะพอรึยัง เอาความเชื่อของตัวเองเป็นศูนย์จักรวาล ถ้าจะบอกว่าไม่เชื่อ ก็พิมพ์ดีๆ อย่ามาต่อว่าคนอื่น มันบ่งบอกว่าคุณถูกเลี้ยงดูมายังไง
@@Mine-dx3tdอย่าสนครับคนเเบบนี้เเค่เรียกร้องความสนใจมันเเค่ต้องการให้คุณโกรธ มันสนุกเวลาทำให้คนอื่นหน้าเเตก คนเเบบนี้คบไม่ได้ครับ คนที่บอกว่าปะทะกันบ้างไม่งั้นหน้าเบื่อ มันคือความคิดเเบบเด็กๆ คนอื่นที่เข้าใจคุณจริงๆ จะต้องใช้เหตุผลโดย ไม่ทําให้อีกฝ่ายเสื่อมเสีย คนเเบบนี้ เขียนยังไงมันก็ไม่ฟังหรอกมันเเค่เอาตัวเองเป็นจุดสนใจ เพราะเห็นว่ามีคนให้ความสําคัญกับคุณมันเลยใช้โอกาสนี้ในการทำให้คุณเสียหน้าถ้ายังไปรอรอง ยังไงก็ไม่จบ ถ้าเค้าตั้งใจจะปลับความเค้าใจกับคุณจริงๆ เค้าจะไม่ทําตัวเเบบนี้เเน่
@sunflower-ny4weว่างมากเลยนะครับ ชีวิตมนุษย์มันสั้นมากนะครับ 100ปี ยังน้อยไปสำหรับผมเลย ผมว่าถ้าเป็นผมจะไม่เอาเวลามานั่งเถียงอะไรที่มีเเต่สร้างศัตรูมากกว่าการเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะอะไรที่มันไม่ได้ช่วยให้เรื่องมันดีขึ้นมันเหมือนกําลังทิ้งเวลาชีวิตของคุณไปมากเลย
@sunflower-ny4weท้าทายชีวิตประจำวันของคุณสนุกกว่ามานั่งท้าทาย เรื่องไม่เป็นเรื่องเเบบนี่ เลิกอยู่ในที่มืดๆเเล้วไปหาอะไรสนุกๆทําดีกว่า
@@BINYAMINMB ไม่ต้องพิมเถียงกับมันหรอกค่ะ ปล่อยมันเห่าไป
ทุกอย่างวนซ้ำ เส้นทางทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้ว อดีตคืออนาคต อนาคตคือปัจจุบัน และปัจจุบันคืออดีต สำหรับตัวฉันเอง.
อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ- เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมีอิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ- เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นอิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ- เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มีอิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ- เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
อิโซเก
สาธุ สาธุ สาธุ 🙇🙇🙇อนุโมทามิ บุญ 🙏🕯️🤍
ดีๆ
ดูคลิปหรือยัง
อะไรป้า เขาอธิบายทฤษฎีวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์..พูดถึง "ความมีอยู่และวัดได้" ส่วนพุทธศาสน์...พูดถึง "ความไม่มีอยู่และไร้ขอบเขต" ซึ่งที่จริงแล้ว สองทฤษฎีนี้คือสิ่งเดียวกัน ที่ตั้งอยู่บนฐานของการสังเกตและการหยุดสังเกตแค่นั้นเอง มันคือธรรมชาติในความหมายของวิทยาศาสตร์และสัจจธรรมของพุทธะ...อริยสัจจ 4 และทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์...คือเรื่องเดียวกัน...😇😇😇
เหมือนที่เวลาเป็นตัวแสดงว่าสิ่งของนั้นมีอยู่จริงล่ะ
@@สันติ-ฅ6ฎ เวลามีอิทธิพลต่อสิ่งๆนึงให้ เกิด-ตั้งอยู่-ดับไป
พระเจ้าไม่ทอยลูกเต๋า ไอน์สไตน์กล่าวไว้
กฏสามคืออนิจจังทุกขังอนัตตาจะหลุดพ้นต้องปฏิบัติตามศีลสมาธิปัญญาจึงจะข้ามเขตสงสารคือมุ่งสุ่นิพพานคือหมดกิเลสไม่มียางคือกิเลสแล้ว
ความบังเอิญ มันไม่มีอยู่จริงหรอกครับทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวของมันเอง
3:18 มันอาจจะเป็นความเป็นระเบียบของความรู้สึก สัมพันธ์กับความเป็นไปได้ที่จุดถูกวาง มันอาจจะถูกสะกดจิตถึงสามเหลี่ยมโดยทั้ฃหมดของตัวมันเอง ในฐานะสิ่งมีชีวิต ว่าเเต่ระบบสุ่มมีความรู้สึกเป็นเเบบไหน
มันคาดเดาได้ แต่มนุษณ์แค่ไม่มีข้อมูลได้มากพอ ทำใมเรารุ้ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นกี่โมง รู็ว่าดวงจันทร์จะเต็มดวงวันไหน ทุกอย่างมันวางไปตามแบบแผนของมันอยู่แล้ว แม้แต่ตัวมนุษย์เอง จะตายวันไหน ด้วยอะไรก็คาดได้ และยังไงมันก็จะจบที่ตรงนั้นแน่นอน เพียวแค่เราไม่รู้ข้อมูลที่มากพอ ย้อนเวลากลับไป 100 ครั้งผมก็จะมาเม้นแบบนี้แหละ เพราะฟังคลิปแล้วมีความคิดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่เข้ามาฟังคลิปนี้ ทั้งที่30นาทีก่อนผมหลับอยุ่ แต่มีพัสดุโทรมาปลุก ย้อนกลับไปล้านครั้ง เชื่อเถอะถึงช่วงเวลานั้นเมื่อไหร่พัสดุมันโทรมาแน่ มันอีกยาวเข้าใจยาก เราไม่ได้คิดเองทุกอย่างที่เราตัดสินทำลงไปมากจากอดีตที่เราไปรับรู้มา ทามไลชีวิตมันเขียนว่าตายยังไงตั้งแต่เราเกิดลืมตามาแล้ว ถ้าเข้าใจที่ผมอธิบายมันไม่ใช่งมงาย แต่มันคือเหตุผล
มันเป็นแบบนั้นแน่นอนเสมอหรอ ? ตัวแปลจะเพิ่มไทม์ไลน์ใหม่ๆ สมมุตินายท้องผูกอึยาก แล้วนายอ่านเจอว่ากินผลไม้ชนิดนึงในตอนเช้ามืดมากๆ จะขับถ่ายสะดวก แล้วนายก็กินมันทุกเช้า ไปทุกวัน แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าว่า มันจะกระตุ้นสารบางชนิดออกมาในปริมานที่มากจนทำให้นายชอค ยังจะกินผลไม้ชนิดนั้นอยู่มั๊ย ก็คงไม่ แต่ถ้ารู้เพิ่มก่อนอีกว่าถ้ากินคู่กับเครื่องดื่มนี้ จะระงับการหรั่งสารที่ว่า แล้วได้ผลลัพถ่ายคล่องเหมือนเดิม แต่ผลในเครื่องดื่มจะทำลายระบบย่อยอาหาร ผลลัพยังจะเป็นแบบเดิมมั๊ย ยิ่งข้อมูลมากขึ้น ยิ่งตัวแปลมากขึ้น ผลลัพจะยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น สมการ ที่เขา ว่าหมายถึงแบบนี้ การที่เรารู้ว่า ดวงอาทิตขึ้น 8 โมงก็เป็นเรื่องสมมุติ มันไม่เคยขึ้นเวลาเดิม ตัวแปลในการหมุนรอบตัวเองขอฝโลกคือตัวกำหนดของเวลาในการขึ้นต่างหาก เช่น มวลของโลก แรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ หรือ แม้แต่โน้มถ่วงของตัวโลกเอง ดวงจันที่หมุนรอบมันอีกที และ ทั้งหมดนี้ คือตัวแปลในการขึ้นของดวงอาทิต ที่นายว่า แต่ ตัวแปลเหล่านั้น ก็ดำเนินไปโดย เอฟเฟคจากตัวแปลของตัวเอง เช่น มวลของดวงอาทิตที่ลดลงเรื่อยๆ จนเกิดการขยายตัว ทำให้ขนาดใหญ่ขึ้น กลางวันก็นานขึ้น 1รอบของโลกก็เร็วขึ้นได้ การที่ดวงอาทิตจะใหญ่ขึ้น อาจจะเกิดจาก วิวัฒนาการของมนุษย์ที่ก้าวหน้าจน สามารถดึงเอาพลังงานของดวงอาทิตมาใช้ท่องจักรวาล ตัวแปลของสิ่งนี้ ก็ อาจจะเป็นเพียงมนุษย์ เพียงคนนนึง ที่เป็นเด็กอัจฉริยะ คิดค้นการดึงพลังงานจากดวงอาทิตย์ เด็กคนนั้น เกิดจาก ชาย และ หญิง ธรรมดา ที่ตัดสินใจ ไปพักร้อน ในที่แห่งนึง จนพบกัน แต่ เหตผลที่ทำให้ทั้งคู่ สนใจในตัวกันอาจจะเป็น ชาย เห็นหนังสือที่ หญิง อ่าน แล้วเป็นเรื่องที่ชอบตรงกัน จึงติดต่อ และ แต่งงานกัน ตัวแปลของ การที่ชายได้ไปพักน้อยอาจจะมาจากแค่การซื้อรางวัลที่ 1 เอาไว้ แล้วคนประกาศรางวัลดัน จับเลขสุดท้าย เป็นเลข 2 เพราะ เขาดัน เห็นมันที่แก้วกาแฟของคนข้างๆ ยังต่อไปได้อีก เพราะการได้มาซึ่งกาแฟแก้วนั้น มันก็มีตัวแปลต่อไปอีก ซึ่งทั้งหมดอาจจะต่อไปไเ้จนถึงเกิดจากการชยับปีกของผีเสื้อก็ได้ สุดท้าย การที่โลกหมุนเร็วขึ้นก็จะนำไปสู่ไปสู่การด้บของดวงอาทิต และจุดจบของมนุษย์ชาติ butterfly effect มันทำงานแบบนี้ หากนายดึงตัวแปลบางตัวออกแม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจจะส่งผลใหญ่หลวงได้ เช่น คนพิมเลขแก้วกาแฟ ดันเผลอพิมแต่ เลข 3 แก้วกาแฟร้านนั้นเลยมีแค่เบข 3 ก็จะทำให้ไม่มีการถูกรางวัล ไม่มีการพักร้อน ไม่มีการพบรัก ไม่มีนักประดิษอัจฉริยะ แบะหม่เกิดการดึงพลังงานมาใช้ หมายถึงการไม่สูญสินเผ่าพันของมนุษย์ด้วย ส่วนเรื่องของข้อมูลที่ถ้าหากมนุษย์มีมากพอนั้น ผลลัพจะเปลี่ยนไปแบบเป็นอนันเลย ถ้ารู้เพิ่ม นายก็จะเลือกอีกทางไปเรื่อยๆ เหมือนเรื่อง ท้องผูกช่วงต้น
@@dxchbork4214 คำตอบก็อยู่ในคำถามแล้วไงคับ เหตุการทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าคุณเป็นคนแบบนี้แล้วจะมีเหตุการเข้าไปอ่านหนังสื่อ ผมสมมุติจากเหตุการทกลองละกันมีการจัดห้องให้โน้มน้าวสภาวะจิตใจให้เลือกแอปเปิลสีแดง ทุกคนเดินเขามาหยิบแอปเปิ้ลสีแดงทุกคน แม้บางคนรู้ว่าต้องเป็นการทดลองแน่ๆ และเขาคิดก็หยิบแอปเปิ้ลสีแดง สมองเราอ่ะ อย่าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราคิด มันเป็นเพียงการปั้นแต่งจากสิ่งแวดล้อมที่ผ่านเข้ามา ทุกอย่างมาจากเหตุและผล มันต้องมีเหตุให้คุณไปอ่านหนังสือ แม้แต่การเม้นของคุณมันก็ต้องมีเหตุ ย้อนไปสิบครั้งคุณก็จะมาเม้นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่คุณเจอ
ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัยเหตุปัจจัยเปลี่ยน ผลก็เปลี่ยนไม่มีอะไรแน่นอนถึงเวียนวนเป็น วัฏฎะไงคะ^^
ชอบแนวคิดคนนี้ เรียนมาด้านนี้รึเปล่าครับ @@dxchbork4214
@@dxchbork4214อ่านแล้วดูคุณเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างลึกซึ้งเลยค่ะ
เราฟังถึงสองรอบอย่างตั้งใจ เพื่อพยายามเชื่อมโยงว่า ทั้งแบบที่เริ่มจากคาดเดาไม่ได้แต่รูปแบบกว้างๆถูกครอบไว้ด้วยระบบ กับ แบบที่เริ่มจากระบบแต่จะไปสู่ความคาดเดาไม่ได้ที่ทำลายระบบในที่สุด จริงๆแล้วไม่ว่าเริ่มจากอะไรก็เหมือนการวนลูปกลายเป็นวงจรเดียวกัน ที่เป็นอนันต์ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด และไมีมีจุดเริ่มต้น ทุกอย่างอยู่ในวงจรเดียวกัน พัฒนาการของทุกสิ่งบนโลกก็อยู่ในรูปแบบนี้ แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดสุดท้ายก็ถูกครอบด้วยแพทเทิร์อนเดียวกัน ต่างกันคือจะมองหรืออธิบายในแง่ของทฤษฎีทางวิทยาศาสต์หรือทางจิตวิญญาณ อันนี้แค่ข้อสรุปตามความเข้าใจของเราเองค่ะ
18:16 นึกถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลระดับโลก นั่งแถลงข่าวการแข่งขัน ซึ่งบนโต๊ะมีน้ำโค้กสปอนเซอร์รายการนั้นตั้งอยู่ พี่โด้ขยับขวดโค้กออกจากโต๊ะ แล้วก็โชว์ขวดน้ำของเขา แล้วพูดว่า "อารกัว" แปลว่าน้ำเปล่า นัยยะว่าน้ำโค้กไม่ดีต่อร่างกาย เขาทำแค่ทำเพียงเท่านี้เอง แต่ส่งผลใหญ่หลวงมาก หุ้นของโค้กมีราคาซื้อขายลดลงไปแล้ว 0.9% ในช่วง 9.30 - 9.44 น. คิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์ 😂😅
ที่บอกว่านอกเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์***ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า มันก็คือเหตุการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ วิทยาศาสตร์ที่เรารู้เราเข้าใจในปัจจุบันยังไม่พอที่จะใช้อธิบายปรากฏการณ์ยุ่งเหยิงที่ว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ จึงยังคงศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ (ที่ โลกวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยมีความรู้มาก่อน) ต่อไป เช่น โครงการเซิน ที่ ยุโรป (สวิสเซอร์แลนด์) เป็นต้นทฤษฎีความยุ่งเหยิง ก็ คือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่รอความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตมาอธิบายให้กระจ่าง ตอไป 👶
ก็เพราะสิ่งที่เรารับรู้ตอนนี้ มันแหกกฏเกณฑ์ที่เรารู้ไงครับ เพราะสิ่งที่เรานำมาใส่ในสมการเพื่อวัดผลจนเป็นทฤษฎีรึสมการ เรามีความรู้แค่สิ่งรอบกายเรา แต่ข้างนอกนั้นบางปรากฏการมันเหนือจินตนาการ จนบางทีมันก็ทำให้เราน่าคิดว่าบางที ข้างนอกนั้นอาจเกิดขึ้นมาเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
เหมือนทฤษฎี entrophy ล่ะ
สุดท้ายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ความรู้สึก ความคิด และความจำ ความน่ากลัวเกิดจากความคิดเราเอง
บางทีความคิดเราที่เราคิดว่าเราคิดมันขึ้นมาเองไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันก็ไม่เป็นแบบนั้น ความคิดของเรามันก็มาจากการรับรู้ประสบการณ์ของเรา เช่น ถ้าโลกนี้ไม่มีช้าง เราก็ไม่สามารถคิดถึงช้างในหัวได้
@@gaviel5750ถึงไม่มีช้าง ก็สามารถคิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่นจิตนาการณ์ หนังภาพยนต์ สัตว์ประหลาดต่างๆเป็นต้น
ก็อย่าคิดเพลินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ละงับบบบ😂😂😂😂😂😂
@@gaviel5750 คิดได้อาจหมายถึงคำนวน ได้ แล้วใช่คิดว่า มีสัตว์ มันต้องมี4ขาต้องมีนี่นั้น อันนั้น เรียก จินตนา
ขอบคุณกับคลิปที่ดีๆนะครับ🙏ได้ทั้งความรู้😇 และ ได้ความสนุกในการจินตนาการที่เหนือขอบเขตของความรู้สึก 👼 💖
ฟังคำบรรยายแล้วปวดหัวมากครับ
กฏแห่งความดิ้นรน คือ ผลตกกระทบกติกาคือความวุ่นวาย กติกาที่ดีคือความวุ่นวายที่น้อยลงผลตกกระทบของสิ่งนั้นจะไม่หยุดนิ่งนั่นล่ะการมีชีวิต และมันคือทางออกของทุกเรื่อง// ผลตกกระทบ
ลูกแก้วที่ตกลงมาจากที่เดียวกัน จุดเดียวกัน ความสูงเท่ากัน น้ำหนักเท่ากัน ขนาดเท่ากัน แต่กลับไปคนละทิศทาง เปรียบการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ และ สาวกทั้งหลาย ที่มีหนทางเข้าสู่ พระนิพพานที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็ไปยังจุดเดียวกัน เหมือนที่ลูกแก้วตกลงมาแล้วกระจายไปคนละทิศทาง แต่สุดท้ายก็ตกลงมาบนพื้นเหมือนกัน ถึงแม้จะแตกต่างกันเรื่องทิศทาง แต่ก็อยู่บนพื้นเหมือนกัน ความโกลาหน เกิดจากความแตกต่าง เมื่อไม่มีความแตกต่าง ก็ไม่มีความโกลาหน
ยอมรับตรงๆเลยว่าเห็นหัวข้อแล้วทำให้อยากรู้และกดเข้ามาดู และก็ต้องยอมรับอีกจริงๆเลยคือ ไม่เข้าใจอะไรเลย เข้าไม่ถึงในเรื่องนี้จริงๆ 😅😅 เท่าที่คิดว่าจับใจความได้คือ เหมือนเรื่องมีอยู่นิดเดียว แต่เปรียบเทียบยาวเลย 😅😅
อย่าไปเอาอะไรเลยครับสุดท้าย มันไม่ได้อยู่ในมือคุณครับ😅😅
@@KeattisakSantipoommong ห้ะ เกือบจะเข้าใจละ มางงตรงที่ไม่ได้อยู่ในมือคุนนี่แหละ 🤣🤣
@@bellalabels3330 ก็ประมาณว่าชีวิตที่คุณคิดว่าคุณทำคุณเลือกใช่รึแน่🥴🥴ขำๆครับแต่ผมว่าคุณก็รู้😁😁
ชอบคำว่านักด่นสด...กราบอนุโมทามิ สาธุขอรับท่านผู้เจริญๆยิ่งขอรับ
กราบทำไมครับ😂นี่คลิปความรู้ครับไม่ใช่คลิปสวด
ความไม่เป็นระเบียบ มันคือความไม่เป็นระเบียบที่เป็นระเบียบของมัน อย่างเช่น เลขโดดไปโดดมาดูเหมือนไม่เป็นระเบียบ ถ้าเราคิดแล้วคิดอีกเราจะเห็นเป็นเลขอนุกรม
สรุปตามความเข้าใจผมนะ เนื้อหาในคลิปพยายามจะบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลก หรือ แม้แต่ในจักรวาล ล้วนมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง มีผลกระทบ ซึ่งกันและกัน ไม่มากก็น้อย และไม่ทางตรงก็ทางอ้อมมันดูเหมือนไร้รูปแบบ(โกลาหล) แต่มันก็ทำให้เกิด หรือ มีรูปแบบ แม้จะคาดเดาไว้ว่าเหตุอย่างนี้ จะให้ผลลัพธ์แบบนี้ แต่ ผลลัพธ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ก่อให้เกิดผลที่หลากหลายและไม่แน่นอน ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดจากตัวแปรที่เข้าไปส่งผลกระทบกับเหตุ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แตกต่างไปจากเดิมในแบบที่เราไม่สามารถคาดเดาได้คงจะประมาณนี้มั้งครับ 😆พิมพ์ไปพิมพ์มา รู้สึกมันดันออกไปแนวปรัชญาเฉยเลย 😅มันคงเป็นทฤษฎีที่เรายังไม่สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้และอธิบายมันให้ออกมาเป็นคำง่ายๆ+ชัดเจนในตอนนี้ ล่ะมั้งครับ 😂
คาดเดาไม่ได้❌มนุษย์ยังไม่สามารถคาดเดาได้✅ปัญหาอยู่ที่ความซับซ้อนเช่นการที่ลิงไม่สามารถซ่อมชิงช้าของตัวเองได้ มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจความนึกคิดได้สิ่งที่ฉลาดที่สุดอาจเป็นสิ่งที่เข้าใจ คาดการณ์ ควบคุมความกลหน ซึ่งถ้าเข้าใจถึงที่สุดอาจจะรู้สึกเหมือนการโยนหินลงน้ำเพื่อให้น้ำสะเทือนสามารถขยับเล็กน้อยเพื่อสร้างปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับเวลาด้วยเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องพลังงาน
ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มันเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุ ปัจจัย
การค้นพบความจริงแท้ ที่แม้แต่จิต ก็ไม่สามารถบิดเบือนได้ นั้นคือความจริงของทุกสรรพสิ่ง ที่มีความเสมอกัน และตกอยู่ใต้อำนาจเดียวกันคือความไม่มั่นคงไม่แน่นอนดำเนินถูกบีบคั้นไปสู่การเสื่อมดับสลาย และ ไม่มีเจ้าของ และ เส้นทางการค้นพบนี้ จะนำไปสู่ อิสระภาพสันติ โดยแท้
กฎของจักรวาลคือกฎแห่งกรรม...กฎของเหตุและผล ผีเสื้อกะพรือปีกก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆมากมาย เราทำอะไรก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆและเราก็จะต้องรับผลของการกระทำนั้นๆเช่นกัน กฏแห่งกรรมคือเราทำอะไรไป...สิ่งเรานั่นก็จะตามย้อนถึงเรา ‼️ ยกตัวอย่าง เราฆ่าหมูมากิน หมูต้องตายด้วยความเจ็บปวด หมูอาจโกรธและอาฆาตเรา ด้วยการกระพริอปีกนี้ในสักวันเราก็จะต้องมารับกรรมในสิ่งที่เราทำกับหมู
ถูกผิดบาปบุญผลต่างๆคนกำหนดขึ้นทั้งนั้น แต่ถ้าอยากมีชีวิตต่อไปได้ ก็ต้องยอมรับความเชื่อกฏเกณฑ์ของโลก เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่เข้าใจ การมีชีวิตให้เต็มที่ มีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างของโลกใบนี้เราจึงต้องมี ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนจะงงแต่ไม่งง
เพราะแบบนี้ ระดับคลื่นความถี่ คลื่นความถี่ต่างๆจึงสำคัญ เพราะทุกคลื่นมีระดับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ปรากฏการณ์โกลาหล =พาราโบล่าอิเล็คตรอน ในครั้งนั้นยูเอฟโอ เคยมาทำให้ดู มันเหมือนปีกผีเสื้อเนี่ยแหละ แต่แบ่งเป็น4ส่วน แต่ก็โกลาหลแน่นๆตรงกลาง ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร เพิ่งจะเคยได้ยินเนี่ยแหละ
อ๋อ แบบว่า พอมียาบ้าเยอะ ก็ทำให้คนไม่อยากมีลูกเนี่ยน่ะหรอ เพราะฉะนั้น พาราโบล่าที่เข้ามาโกลาหลก็คือความเครียดนะซิ แต่ถ้าสร้างความดี ก็จะมีคนเห็นความดี และเกิดคนดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ชิบหายแล้วผมฟังไม่รู้เรื่องเรยแต่ไปอ่านดูเม้นท์อื่นเขาทำไมรู้เรื่อง😅
555 ไม่จำเป็นต้องไปรู้ไรหรอกค่ะ จริงๆนะ ช่างมันเถอะ
ไม่หรอกๆๆๆๆๆ ผมเองก็ งง.......จับใจความไม่ได้เลย ผีเสื้อ🦋 มันก็ปกติของเขานิ ในการเคลื่อนไปข้างหน้า ถ้า🦋ไม่บินนี้ มันน่าสงสายยยยยยยยนะ😮😮😮😮😮😮😮😮
เข้าใจนะแปลก
คอมเม้นท์ก็สะเปะสะปะไปคนละทิศคนละทาง เหมือนเดินหลงเข้าไปในโรงพยาบาลคนบ้า
คุณคือคนปกติครับ 😂
ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีศาสตร์ และศิลในตัวมันเสมอ แม้แต่การบีบสิว บีบยังไงไห้ออก ต้องดูยันทิศทางของรูขุมขนเลยนะ ใช้แรงแค่ไหน บีบแรงมากไปหน้าก็ถลอกอีก จริงศาสตร์นี้ผมได้ตอนดีดครับ บีบสิวไปพิจารณาไป จนแบบบรรลุวิชาบีบสิวไปเลย😅😅😅
ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว อนาคตคือสิ่งที่คาดเดาได้ เช่น เราต้องตาย ตายแน่ๆ แค่ยังไม่ถึงวันนั้น แต่วันนั้นต้องมาถึงแน่ๆ แสดงว่ามันเกิดขึ้นแล้วในอนาคตและทุกวัน ทุกขณะที่เวลาที่เกิดขึ้นก็เป็นไปเพื่อถึงวันนั้น สิ่งที่เราทำได้ก็แค่กำหนดรู้และมีสติในปัจจุบัน ไม่ว่าวันนี้เราจะเผชิญเหตุอะไรในปัจจุบันมันก็เป็นผลมาจากอดีตที่นำไปสู่อนาคตอันแน่นอน
ฟังจนจบ ผมได้ข้อคิดว่า บังเอิญไม่มี ทุกอย่างเกิดขึ้นจาก การกระตุ้นของอีกสิ่ง ไล่เรียงขนาดกันไป ไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป
.ทฤษฎี มันก็เป็นแค่ความคิดดีๆ นี่แหล่ะ การปฏิบัติ ก็คือทำตามแนวทางของทฤษฎี ผิดถูกหรือบังเอิญสุดแล้วแต่ผลจะออกมาปัญญาต่างหากที่เห็นและเข้าใจความจริงโดยปฏิเสธแทบไม่ได้ เช่น เรารู้เองด้วยปัญญาว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มีธาตุทั้งสี่มาประชุมกันและแตกสลายไปเองได้ด้วยกฏของไตรลักษณ์ หรือธรรมชาติ จิตก็ไม่ใช่ของเรามีการเกิดดับทุกขณะจิต สรุปย่อๆ กายและจิตไม่ใช่ของเรา ที่เป็นเราขึ้นมาเพราะมีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆคือความไม่รู้
ผมขอเติมด้วยพระสูตรนี้อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมทำไว้ในใจโดยแยบคาย เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น. เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี; เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป : ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้เพราะ อวิชชา(ความไม่รู้ใน อริยสัจ 4) เป็นปัจจัย จึงมีสังคารเพราะสังคารเป็นปัจจัย จึงมี … จนไปถึง ภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ (ความเกิดปรากฎ)เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ(ความโศกเศร้า) … ทุกข์ โทมนัส อุปยาสะ จึงเกิดขึ้นความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้. - พระพุทธเจ้า
เป็นทฤษฎีเคโอ๊ด(chaos)ที่เป็นระบบคัดเลือกตามธรรมชาติภายใต้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อการปฏิกิริยาสร้างสิ่งต่างๆในจักรวาล ทฤษฎีใดๆล้วนนำมาจากปฏิกิริยาที่ลงตัวของเคโอ๊ดทั้งสิน แม้แต่ตัวคุณเองก็มาจากการคัดเลือกทั้งสิ้น.
ส่วนตัว ชอบเนื้อหา แต่ไม่ชอบการพูด โทนเสียงเหมือนกวนประสาทหูมาก พูดเรียบๆแบบเพื่อนจะดีกว่าไหมครับ ขอโทษที่อาจกล่าวผิด
ผมว่าปกตินะครับ เพราะคำสั่งมันเรียงจาก a ไป c ดังนั้นมันก็จะเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมอยู่แล้วครับ ไม่เชื่อลองใช้สี่จุดสิครับ มันก็จะเหมือนกันเลย มันยุที่คำสั่งครับ
เป็นช่องที่บรรยายอะไรแล้วไม่รู้เรื่องชะมัด ตามมาหลายคลิปละ ตั้งแต่ง่ายจนยาก
ได้ครับ ผีเสื้อกระพือปีก ต้องใช้ผีเสื้อนับล้าน นับไม่ถ้วน หรือผีเสื้อตัวใหญ่ ชนิดพิเศษ (บางเรื่องคิดมากไปไม่ได้อะไร สมองเสียเปล่าๆ)
อันนี้เรียกโง่ครับ โง่ละพิมพ์ไปเรื่อย
ดั่งที่ อาจารย์อูเกวบอกไว้ "เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง"
#จิต.ที่ระเอียด.จะไปได้ทุกมิติ🙏🇹🇭💛💜
ทำให้นึกถึง "อนาคต-ประวัติศาสตร์" ของไอแซ็ค อาซิมอฟ
เล่าให้ฟังหน่อย
ส.เสือ พี่ฟังแล้วแสบหูมากครับ
กฎแห่งกรรมจะ ทรงคุณธรรม การกระทำซ้ำๆ อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าการชดใช้กรรม ซ้ำๆซากๆ เป็นไปตามการกระทำของจิต
ผมเคยได้ยินวลีหนึ่งตั้งแต่ยังเด็กๆจนวันนั้จะ60ปีแล้ว คำว่า เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว ความคิดผมเองนะ คล้ายๆดั่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ ทุกๆสิ่งล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
โคตรเสร่อ โยงศาสนา
ลึกดี ก็คือวิทยาศาสตร์พยายามหาคำอธิบายของ กฎแรงดึงดูด/กฎแห่งกรรม/โชคชะตา ที่ผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งวิธีการให้ได้ผลลัพธ์นั้นคาดการณ์ไม่ได้ ถ้าเข้าใจเราก็เอากฎนี้มาปรับใช้ได้ ประมาณนี้แหละ 55555
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของตัวมันเอง แต่มนุษย์มิอาจเข้าใจได้ทั้งหมด จึงเรียกมันว่าความยุ่งเหยิง และการคาดเดาไม่ได้
#ขอแนะนำ แอ๊ดครับ ผมมีสิ่งนึงในแทบทุกคลิปเลย ผมฟังผ่านหูฟังอินเอียร์เปิดค่อนข้างดัง และทุกครั้งที่แอ๊ด #ออกเสียง สิ่ง ทฤ.. สุ่ม ฯลฯ เสียงมันจะแหลมมากๆจนเจ็บแก้วหูเลยครับ แต่คำอื่นๆนุ่มมากๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคท์สุดๆแล้วละครับ แอ๊ดลองหาวิธีปรับตัวซับเสียงสูงดูนะครับ(เจตนาติเพื่อให้แอ๊ดเพอร์เฟคมากขึ้นจากเพอร์เฟคอยู่แล้วน่ะครับ ถ้าขัดใจใครหรือ Fcคนใด กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร๊าฟ🙏🙏🙏)
แทบทุกคลิป ไม่ใช่ เทียบทุกคลิป
ขอบพระคุณมากๆครับ มีค่ามากๆครับ 🙏😅
@@0LittleChild0 5555 นี้ขนาดอ่านทวนก่อนเม้นแล้วนะเนี่ย😅😅😅
ฟังเพลินดี
เหมือนเรารู้อนาคตที่จะเกิด แต่พอเรารู้แล้ว อนาคตมันจะเบี้ยวไป เพราะเหตุปัจจุบันถูกรู้ไป แล้ว อนาคตจะถูกแรนดอมไปเป็นผลแบบอื่นแทนในอนาคต เช่นเราหนีกรรมในปัจจุบันด้วยการเสริมบุญไปเรื่อยๆ (มาทางศาสนาและความเชื่อนะคะ)😅😅😅 เมื่อเรารู้แล้วเราก็ตัด ไม่ดึงดูดสิ่งที่อาจจะทำให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ เราคิดแบบนี้ค่ะ ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน 😂😂😂
🙋บังเอิญผมไม่เล่นเกมส์ ทอยลูกเต่า บังเอิญไม่อยู่ในสมการ กระดาษ ลูกเต๋า ดินสอเขียนจุด...เชื่อมสมองที่มันรกสมอง นี้มันแค่เกมส์ไว้หลอกให้ คิด หลง และ งง เสียตัวและอยู่ในพื้นที่ แบบ ฮิกโบซอลคง จะลุ้นติดอยู่ในพื้นที่...แค่ไม่ใช่ผมก็เท่านั้น ฉะนั้น คิด อ่าน งง รอ มีข้อความลับซ่อนอยู่ในนี้ แบบค่า ไบนาลี ดูชื่อ เริ่มอ่านใหม่อีกรอบครับ😊
สิ่งมีชีวิตไดๆล้วนแต่มีเหตุผลของธรรมชาติอยู่ เชื่อมโยงกันอยู่ไม่ทางไดก็ทางหนึ่ง เพราะสิ่งมีชีวิตไดๆ 1เดียว ไม่สามารถจะอยู่ได้ด้วยตัวเองได้
😊.นักปรัชญาอธิบายถึง..ท. ความโกลาหน..,ความวุ่นวาย, ควานตั้ม วิทยาศาสตร์,จักวาล, จิตวิญาณ..บางอย่างทีควบคุมไม่ได้..(ความ คาดเดาไม่ได้..)..บท
วิทยาศาสตรคือเรื่องที่ว่าด้วยเหตุและผลจะบอกผลแม่นยำเฉพาะที่มีข้อมูล องค์ประกอบครบถ้วน แต่สำคัญมนุษย์ยังไม่รู้ในทุกสิ่ง ในจักรวาลนี้ครบถ้วน
อินฟินีตี้ เป็นอนัน ไม่มีจุดจบ วนลูป เกิด ดับอยู่อย่างนั้น
ในเรื่อง Mirai Nikki ก็เคยอธิบายการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน ส่งผลถึงอนาคต ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอนาคตขึ้นอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง อนาคตจึงปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
โดนชื่อคลิปหลอกเข้ามาดู เล่าเข้าใจยาก นึกว่าจะสนุกสะอีก
ฟังแล้วดูสับสบวุ่นวาย
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่คุณนำม่สอนนะครับ มันช่วยเพิมเต็มผมได้มากเลย ขอให้คุณสมหวังดังใจนึกนะครับ😅
ใช้อธิบายกฏแห่งกรรมได้เลย
จะไปคิดอะไรมาก เดี๋ยวเราก็รู้เองว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรทุกอย่างถูกจัดเรียงไว้หมดเเล้ว ก็เเค่นั้นเอง
อะไรคือสิ่งอยู่เบื้องหลังระบบทั้งหมดครับ ถ้าเอาคำว่าธรรมชาตินะครับ อยากฟังมุมอื่นๆครับ.
น่าศึกษามากมายยยย เย้ 🎉🎉🎉
เข้าใกล้พุทธไปเรื่อยๆ พอเรื่องนี้ตกผลึก จึงจะเห็นพุทธ สาธุๆๆ
สาธุ จึงจะเห็นพุทธ เห็นพุทธในทีนี้ไม่ใช่ถึงศาสนาแต่เข้าในใจขีวิตเข้าใจในธรรมชาติของจักวาลใบนี้ จากเด็กเสเพลแต่ชอบวิทยาศาสตร์ แล้วศึกษาพอได้ศึกษา จึงจะเห็นพุทธ สาธุๆ🙏🏻
ใช่แย้ววว!วิทยาศาสตร์ค้นพบเพียงเศษเสี้ยวในองค์ความรู้ทางพุทธศาสนา❤
ถูกต้องแล้ว❤
หลอน
เอาตรงๆผมไม่รู้เรื่องเลยครับ
ฟังเพลินมาก แต่สรุป มันคือทฤษฎีอะไรทฤษฎีความยุ่งเหยิงเหรอครับ
แล้วระบบไฮโลว์ละครับ
ความวุ่นวายที่ว่า เรียกว่า Entropy ครับ ซึ่ง Entropy มันมีในทุกอย่าง แน่นอนว่า เราสามารถทำนายได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่แม่นยำเป๊ะ 100% เพราะในความเป็นจริงมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิด/ไม่เกิดบางอย่างขึ้นได้ ดังนั้น สิ่งเล็กน้อยจากในคลิป มันสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน Entropy ได้เช่นกัน แต่ผมขอแย้งอย่างนึงคือ สิ่งที่มันเล็กน้อยมากๆ มันไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ในทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามันเล็กน้อยมากๆ เราจะถือว่าให้มันถูก Neglect เพราะแทบไม่มีผล แต่การเกิดบางอย่างที่เหนือความคาดหมายทั้งๆ ที่เราคิดว่าคำนวนมาดีแล้ว มันไม่ได้มีสาเหตุมาจากสิ่งเล็กน้อยอย่างเดียว มันมีปัจจัยใหญ่ประกอบ แต่เรา/ผู้คำนวน ยังไม่ได้นึกถึง
ผมเคยทดสอบความหน้าจะเป็นด้วยตัวเลขที่มี 0-9 มีหกหลัก ด้วยการเก็บสถิติ ตัวเลขจำนวน 500 ชุดตัวเลข ด้วยการสุ่มแบบเดียวกัน ยังทำไม่ใด้เลยครับใครมีสูตลสมการบางครับ
จิบๆๆครับเหตุการณ์แค่นี้..นักวิทยาศาสตร์รู้มั้ยว่าพวกเราทุกคนเคยเจอเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้เป็นล้านๆเท่ามาแล้ว..คือ อาณาเขต 10000 จักรวาลตั้งแต่ใต้พรมชั้นอาภัสราลงมาทั้งหมื่นจักรวาลนั่นแหละเคยถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นละอองธุลีล่องลอยไปในอากาศมาแล้ว นับครั้งไม่ได้ นั่นแหละที่ผมพูดว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พูดถึงนั้นเป็นเรื่อง..จิ๊บๆ..
ถ้าหากๆ ถ้าหากๆ มันไม่ใช่ความจริง
ทฤษฎี ครับ
ความลับอันน่ากลัวของจักวาล ถูกเปิดเผยแล้วเมื่อ 2500 กว่าปีที่แล้วเราทั้งหมดทุกๆๆๆคน พวกเราสรรพสัตว์ทั้งหมดตกอยู่ใต้กฎเหล็กสุดโหดของจักวาลทั้งสิ้น
ใครกระโดดหนีได้จะสงบสุขนิรันดรกาล
@@suriyanpoobun-op6226นั่นคือการตาย สู่สายพานครับ😂
@@สายฟ้า-thunder ไปหาบรรพบุรุตยุมีหลอ😆
บางทีการวนเวียนตายเกิด อาจเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ของทฤษฎีความโกลาหล (Chaos theory) ก็ได้ครับ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าหลังความตายเราจะไปไหน จะเกิดที่ใด เราทำได้ดีที่สุดคือการกำหนดค่าตั้งต้นไว้เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ในอนาคตให้ออกมาดีที่สุด (ซึ่งก็คือการทำบุญ สร้างความดี มีศีล สมาธิ ปัญญา)
สรุป กรรม ขอบคุณมากครับที่ไห้ความรู้
การทำนายอนาคตทำได้แค่80% อากาศอืมครืมทั้งปีมีแดด อบอ้าว เพราะโลกร้อนอยูแลเวทำให้อากาศมีไอ้น้ำมากก็คงอืมคืม ส่วนฝนจะมี5วัน 10เมย สค ธค 2567 /และฤดูฝน กพ 2568
อันนี้คล้าย การขยับปีกผีเสื้อแห่งโชคชะตาก็เหมือนการคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วไปพยายามแก้ไขมันเช่นรู้ว่าเพื่อนกำลังโดนคนไม่ดีหลอก แล้วเรามีตัวเลือกว่าจะนิ่งเฉย ชะตาก็เหมือนเดิม เพื่อนยังคงโดนหลอกทางใดทางหนึ่งแต่หากเราไปขยับปีกผีเสื้อ พยายามช่วย ตักเตือน แก้ไข คาดหวังให้ต่างออกไปมากเท่าไหร่ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมหนักๆ เรายังโดนเอฟเฟคจากการขยับปีกผีเสื้อแทนเพื่อนด้วยซ้ำ
เหมือนในพล็อตหน้งเรื่อง Marry my husband ไหมคะ เหตุการณ์นี้ต้องเกิด/ แต่จะไปตกอยู่กับใครที่ได้รับผลลัพธ์ของตัวแปรที่เปลี่ยนไปนั้น
การเปลี่ยนแปลงในระบบโกราหนก็คือการเลือกที่เราจะจุดลงไป1จุดในกรอบที่เรากำกับไว้ไงครับคุณสามารถเลือกที่ตะจุดได้ตำแหน่งของแต่ละจุดในกรอบที่ตั้งไว้จะแตกต่างกันอย่างสินเขิงแต่ภาพรวมจะออกมาเหมือนกัน
โกลาหล ไม่ใช่ โกราหน
ฟังคลิปจบเเล้วเข้าถึงความยุ่งเหยิงเลยครับ เพราะสมอง งง ไปหมด อยากจะร้องไห้
การย้อนกลับของ entropy แม่นบ่
ทุกคนครับ!!! ดูคลิปจบแล้ว อยากทราบว่าจะมีใครแม้สักคนไหมที่ฟังแล้วเข้าใจแม้เพียงสักประโยคเดียว ??
ผมพอเข้าใจ เหมือนที่พี่เค้าบอกเปะๆเลยครับ😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂
มันคือพุทธะจักรวาล
ผมเข้าใจเยอะครับ เคยคิดไว้ก่อนแล้วด้วย แต่ก้ไม่คิดว่าจะมีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน ก็เก็บไว้คนเดียว มันเป็นความคิดที่ ถอดออกมาจาก ความรู้เก่าๆที่เคยเรียนมา มันอธิบายยากครับว่า คิดออกมาได้งั้ย..คงจะเป็นแบบว่า แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน นะครับ แต่ก้ไม่ครบ100%ของคลิปนะครับ ประมาณ80%
@@insertmalee3771 เยี่ยมครับ ยังไงก็อย่าให้เกินครั้งละ5นะครับ
ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มันก็วกวนแหละ
น่าสนใจ
ทฤษฎี Chaos นั้น ให้อธิบายง่ายกว่านี้คือ เราไม่สามารถรู้ทุกสิ่งในระบบได้ ทำให้เราคำนวนออกมาไม่ได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเก็บข้อมูลและคำนวนมัน ข้อมูลพวกนั้นก็คือข้อมูลในอดีต จึงทำให้ไม่สามารถคำนวนอนาคตได้อย่างแม่นยำ
สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา ฉลาดที่สุดในจักรวาล เขาจะรู้ได้ถึงขนาดไหนเนี่ย เอาแค่มนุษย์บนโลกเรา ก็ต้องขั้นนักวิทย์อัจฉริยะ หรือระดับศาสดา ซึ่งขั้นนั้นเรายังสัมผัสไม่ถึงเลย คงต้องนั่งโง่ๆ ต่อไปอีกสัก 88 แสนล้านกัป มั้งครับ 😊
ผมฟังไม่เข้าใจ แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกได้คือ การเวลามีพลังอำนาจมาก
การทดลองด้วยคอมพิวเตอร์ จะต้องเข้าใจก่อนว่า ฟังก์ชั่นสุ่มที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น ไม่ใช่การสุ่มที่สมบูรณ์ อีกทั้งการเลือกเขียนจุด ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดรูปแบบเป็นไปตามสมการที่เกี่ยวข้อง
*ล่างสุดมีสรุป*จริงๆก็น่าจะมีสิ่งที่ใว้อธิบายได้แล้วน่ะครับ ว่าทำไมผีเสื้อขยับปีกถึงมีผลขนาดนั้น? ทฤษฎีนั้น...ถ้าผมจำไม่ผิดอ่ะน่ะ? คือ Entropy ครับ คือสิ่งใดๆก็ตาม ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งมีความไม่เป็นระเบียบมากขึ้น คิดตามไปพร้อมกันน่ะครับ ผมจะเปรียบเทียบง่ายๆด้วยปากกาของคุณ>ปากเล่มนึง ถูกสร้างมาจากพลาสติก น้ำหมึกและโลหะ >วันเวลาผ่านไป มันต้องสัมผัสกับอากาศ มลภาวะต่างๆ>ถูกนำไปในสถานที่ ต้องพบเจอผู้คนมากมาย คนส่ง คนขาย คนซื้อ>และสุดท้ายพอหมดประโยชน์มันก็ถูกทิ้ง เหมือนคุณที่พยายามตื้อเขาแต่สุดท้ายเขาก็บล็อค(ล้อเล่นน่ะ555)ทุกคนพอจะจับความเขื่อมโยงบางอย่างได้มั้ยครับ? มันไม่ใช่การเดินทางของปากกาน่ะ แต่คือข้อมูลครับ เริ่มแรกเดินที ตัวปากกามีข้อมูลให้เราได้รู้แค่ วัสดุที่ใช้สร้างมัน แต่ยิ่งมันมีตัวตนนานเท่าไหร่ สิ่งที่เรียกว่าปากกานี้ก็ต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากและมากขึ้นไปเรื่อยนั้นเองครับ ลองคิดดู สมมุติเราอนุมาณว่าความเป็นจริงนี้มี Multiverse และโลกหลักก็คือเส้นเรื่องเดียวกับที่ผมได้กล่าวไป ถ้าเกิดว่ามันไม่ถึงมึอคนส่งล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ ถ้าเรารู้แค่เส้นเรื่องของปากกาถูกมั้ยครับ? แต่หลังจากนี้แหล่ะ สิ่งที่เราเรียกว่า Caos มันกำลังจะเกิดขึ้น หากเรารู้เส้นเรื่องข้างเคียง อ่ะ ผมจะวกวนมาล่ะ เรามาเริ่มกันเลยสมมุต/ปากกาเล่นนี้พังตั้งแต่ตอนสร้างแน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากหากเรามองกันที่ภาพแคบๆ แต่ถ้าปากกาเล่มนี้ไม่ถึงคนส่งมันแปลว่าไง? มันแปลว่าโรงงานต้องทำงานล่าช้าไป เศษ 1 ใน 100 ของวินาที คนส่งเองก็ต้องมารับของช้าลง 1 ใน 99 ของวินาที และทุกอย่างมันก็จะล่าช้าไป ขยะจะเพิ่มขึ้นมา 1 ชิ้น ผมเชื่อว่าทุกคนอาจจะด่าผมก็ได้ว่า...อะไรของมันว่ะ? อยากจะสื่ออะไรกันแน่ ที่ผมจะบอกคือ จำไอ้ Entropy ที่ผมบอกข้างบนได้มั้ยครับ? "ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งมีความไม่เป็นระเบียบมากขึ้น" ข้อมูลตั้งตนที่เปลี่ยนไป ดูจะไม่มากใช่มั้ยครับ? แต่ถ้าเป็นหลังจากนั้นสักร้อยปีดูล่ะ ความเยอะของข้อมูลที่ถูกเปลี่ยน นี่มันแทบจะเป็นคนล่ะเรื่องราวกันเลยน่ะครับ ยกตัวอย่างก็เช่น ไอ้ความล่าช้าที่เกิดขึ้น คนถัดๆไปที่ได้รับผลกระทบ จะเป็นใครอีกก็ไม่รู้ แล้วคนพวกนั้นก็จะไปมีผลกระทบต่อคนอื่นในด้านไหนอีกก็ไม่รู้ เพราะงั้นสิ่งนี้มันเลยน่ากลัวยังไงล่ะครับ ที่เราเห็นในหนัง บางครั้งมันไม่เกินจริงเลย ผีเสื้อที่กระพือปีกผิดจังวะไป ครั้งนึง เราไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลกระทบที่หนักหนาขนาดไหน ปีกมันอาจจะมีติดเกสรดอกไม้บางอย่างมา เกสรนั้นส่งผลให้ดอกไม้ที่ๆนึงเกิด หากดอกไม้เกิด ก็อาจจะมีคนมาเห็น พอมีคนมาเห็น ก็มีคนคิด เขาคิดแล้วก็จะมีผลต่ออารมณ์ ไปสู่ฮอโมน ร่างกาย กระตุ้นสมอง ดึงความทรงจำ และเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการกระทำในเวลาต่อมา การกระทำของเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอีกมากขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้ และถ้าคุณยังไม่เข้าใจอีกน่ะครับ เอาง่ายๆคือ {Caos หรือทฤฎีผีเสื้อขยับปีก อะไรก็ตามที่คาดเดาไม่ได้ จริงๆแล้วมันเป็นเพียงการทับซ้อนของข้อมูลที่เยอะเกินกว่าเราจะเข้าใจก็เท่านั้นเองครับ จึงไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงและอธิบายเหตุผลได้ อารมณ์เหมือนแค่ทัก แต่เธอบล็อค ถ้าเกิดเราลองคิดหาเหตุผลจริงๆ มันก็แค่ เธอพบเจออะไรมา นั้น โน่น นี่ ทำให้เธอเลือกตัดสินใจอย่างงั้น และที่คุณทักเธอไปก็เหมือนกัน มันไม่ใช่แค่คุณชอบหน้าตา ความสวยของเธอ แต่มันเป็นเพราะคุณเติบโตมาแบบนี้ กว่าจะมาเป็นคุณ มันไม่ใช่แค่พ่อแม่เกิดคุณมา แล้วคุณเป็นอย่างงั้นเลย คุณต้องเจอสภาพแวดล้อมแบบไหน แล้วนี่ยังไม่นับว่ากว่าจะได้กรรมพันธ์ที่เจอสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้วจะเป็นคุณ ต้องผ่านข้อมูลเรื่องราวแบบไหน แล้วไอ้คน หรือสิ่งๆนั้นที่ทำให้เกิดข้อมูลที่ส่งผลกระทบให้เกิดคุณมา ก็ไม่รู้ ไปทำอะไรหรือสร้างผลกระทบให้ข้อมุลที่จะเกิดในปัจจุบันและจะส่งผลต่ออนาคตยังไง}
"สรุป"ความจริงแล้ว ความโกลาหล มันก็แค่ข้อมูลที่ทับซ้อนกันมากเกินไป เลยทำให้สมองเราปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยข้อมูลที่ไม่เพียงพอยาก แค่นั้นแหล่ะครับ -เพิ่มเติม-อารมณ์เหมือนเรานั่งแก้มัดสายหูฟังน่ะ5555 คือถ้าเราดึงมั่วๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเส้นไหนมันเป็นยังไง ความโกลาหลหรือก็คือความเป็นไปได้ที่คุณไม่สามารถคาดเดาได้เพราะข้อมูลไม่พอ ก็จะเกิดขึ้น ประมาณนั้นครับ แบบดึงไปอยู่ๆ มันแน่นขึ้น หรือไม่ก็ ดึงแล้วคลายปมออกหมดเลย แบบนั้นอ่ะ ทั้งๆที่ถ้าแงะปมดู ก็จะอ๋อทันทีว่าทำไม แต่ความเป็นจริงเราทำง่ายขนาดนั้นไม่ได้ไง คิดดูดิ จักวาลกำเนิดมาเป็นหมื่นล้านปี แล้วแบบแต่ล่ะข้อมูลมันก็จะส่งผลกระทบถึงกันแน่ๆ ไม่ว่ามากหรือน้อย แต่ถ้าเวลามันยังเดินอยู่ ข้อมูลเหล่านั้นก็มีแต่จะสร้างผลกระทบต่อๆกันไป กันมาจนกลายเป็นสายหูฟังในท้ายที่สุดครับปล. เรื่องนี้อธิบายได้หลายเรื่องเลยน่ะ ทั้ง Butterfly Effect, Caos, Entropy, โชตชะตา มีจริงมั้ย?, ทำไมการแก้ไขอนาคตให้เป็นอย่างที่เราต้องการถึงยาก, ทำไมการย้อนมาในอดีตถึงเป็นไปไม่ได้, ปัจจุบันสำคัญจริงไหม? ทำไมอะไรหลายๆอย่างที่เราเจอมักมีความเกี่ยวข้องกัน, ทำไมคาดเดาอนาคตถึงยากและทำไมถึงคาดเดาอนาคต, ทำไมคาดเดาสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้จากข้อมูลในอดีตที่เล็กน้อย, ตัวตนที่แท้จริงของ "สัมผัสที่ 6" ญาณทิพย์ พลังจิต อ่านใจ ผลกรรม ทุกปัญหามันมีทางออก และอื่นๆอีกมากมาย แถมเรื่องนี้ยังเป็นปรัชญา อุทาหรณ์ให้เป็นอย่างดีว่า ทุกตัวเลือกมันสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ ถ้าเกิดเราให้ความหมายมันปล.2 ใครที่อ่านเข้าใจ ก็อย่าไปเครียดมากครับ โลกความจริงมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ผมหมายถึงถ้าเกิดเราแค่ใช้ชีวิตธรรมดาๆ มองโลกแค่ที่เราต้องหรือได้เจอ แต่รู้แล้วก็จำใว้ในใจลึกๆเสมอครับว่าทุกการกระทำมีผลกระทบเสมอ และก็เลิกโทษโชคชะตากับสิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้นได้แล้วน่ะครับ เพราะถ้ารู้แล้วว่าความโกลาหลมันเกิดจากข้อมูลที่ทับซ้อนกันมา ถ้าเกิดมันสำคัญก็แค่สืบหาข้อมูล เดี๋ยวก็เจอต้นตอ แล้วแก้ไขได้เอง หรือถ้าไม่สำคัญก็แค่โยนมันออกจากหัว แล้วไปใช้ชีวิตของเราต่อก็พอ จบครับ นี่ยังไม่นับเรื่องของการที่มันอธิบายได้ว่า ทำไมบางเรื่องคนนึงเข้าใจ และบางเรื่องทำไมอีกคนไม่เข้าใจ นั้นก็เพราะข้อมูลมันไม่มากพอจะให้เราเห็นเส้นของหูฟังทั้งหมด และคลายปมมันได้นั้นเองปล.3 ใครที่อ่านมาทั้งหมดแล้วเนี่ย ยังไม่เข้าใจอีก อย่างแรกเลยขอชื่นชมครับ ที่คุณได้เป็น 1 ใน 0.8% ของคนไทยที่อ่านหนังสือเกิน 8 ตัวอักษร555 ผมจะให้คุณไปทำการทดลองง่ายๆครับของที่ต้องเตรียมมี1.แหล่งน้ำ อาจจะเป็นเติมน้ำในกาละมัง ลำคลอง หรือบ่อน้ำก็ได้ครับ2.หินและเรือกระดาษ ใครพับไม่เป็นก็เปิดยูทูปพิมหาเอาครับ มีสอนถมไป55วิธีการทดลอง1.ตั้งเรือในแหล่งน้ำ2.โยนหินครั้งเดียว3.สังเกตุและคิดครับว่าอะไรที่ทำให้เรือขยับ แล้วก็ค่อยๆคิดลึกมากขึ้นและมากขึ้น เช่น เรือขยับเพราะหิน แล้วทำไมหินทำให้เรือขยับ แล้วก็ไปต่ออีก หินทำให้เรือขยับเพราะมันสร้างแรงกระเพื่อมทำให้น้ำขยับ อ่ะอีกสักนิด แล้วทำไมหินถึงสร้างแรงกระเพื่อมทำให้น้ำขยับ นั้นก็เพราะมวลและความเร็วที่หินเป็นทำให้เกิดพลังงานซึ่งน้ำที่โดนพลังงานมาจากหินก็ต้องเอาพลังงานไปทำอะไรสักอย่างและสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการที่น้ำกระเพื่อมนั้นเอง ประมาณนี้ครับ ก็ลองไปทำดูกันน่ะ จริงๆทุกคนจะเปลี่ยนการทดลองเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ข้อ3ยังเป็นเหมือนเดิมก็พอ
ผมเลยเชื่อว่าถ้าโชคชะตาจะมีอยู่จริง มันคืออะไรแบบนี้แหละที่เรียกว่าโชคชะตา ไม่ใช่พลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่กำหนดว่าอะไรจะเกิดในอนาคต แต่เป็นเหตุการณ์ที่ซ้อนทับผลลัพธ์ต่างๆจนสร้างปัจจุบันขึ้นมาในแบบที่จะทำให้เกิดอนาคต มีแนวคิดที่ว่าถ้าอนาคตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันถูกกำหนดแล้ว นั้นจะหมายถึงเราไม่มีอิสระในการกระทำรึปล่าว แต่ถ้าคิดตามหลักที่ว่า มันไม่ใช่ว่าเพราะอะไรกำหนดให้เราทำอะไร แต่เป็นทุกอย่างหล่อหลอมให้เราเป็นคนที่จะทำแบบนี้ ในแบบที่ทุกคนเข้าใจอยู่แล้วคือ อดีตสร้างปัจจุบันให้เป็นรูปแบบที่จะสร้างอนาคต คิดๆดูแล้วก็สมเหตุสมผลดีนะในจักรวาลระบบปิด เหมือนเรือกระดาษในอ่างน้ำ(ในกรณีอ่างเป็นระบบปิดสมบูรณ์)ที่ยังไงก็เคลื่อนที่ตามพลังงานที่ใส่ลงไป ตามทิศทางของแรง โดยที่ถ้าจะดูอนาคตของเรือ ต้องรู้จักทุกอย่างในอ่าง ทุกโมเลกุลน้ำ ทำให้ในสเกลใหญ่กว่าเราเดาอนาคตไม่ได้เลย
@@Werty2795 สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมด ถ้าแปลเป็นภาษามคธในคำเดียว น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า "วิปัสสนา" มากที่สุด..อยากรู้ต่อไหม..จะขยายความให้ซึ่งภาษามคธ ก็เป็นภาษาที่พัฒนามาจาก กลุ่มภาษา Indo-European จึงจะมาเป็นภาษาไทยในปัจจุบัน ก็จนหลังจากผ่านมาแล้วหลายพันปี ทั้ง ละติน บาลี ฯลฯ ก็มาจาก กลุ่มภาษานี้ กลุ่มภาษา Indo-European หลังจากผ่านมาหลายพันปี ก็กลายเป็นรากศัพท์ ในภาษาต่างๆอีกนับ100ภาษา ในหลายทวีปทั่วโลก.. ถ้าเราย้อนไปในยุคนั้น ภาษาพวกนี้น่าจะเกิดขึ้นในยุคทองของการค้า หรือเส้นทางสายไหม ซึ่งไม่ได้แลกเปลี่ยนแค่ของมีค่า แต่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันด้วย... ตัวอย่างเช่น ไตร ตรี three tri triangle ก็หมายถึง 3 หมดเลย.. ใครอยากรู้ลองไปศึกษาต่อดู...เช่น ปัญจะ ที่แปลว่า 5 อย่างเหล่า ปัญจวัคคีย์ ก็ดันอ่านออกเสียงคลายกันกับ penta ในละติน ซึ่งก็แปลว่า 5 เหมือนกัน อย่างเช่น อาคารทรง5เหลี่ยม ชื่อดังที่รู้จักกันดีอย่าง Pentagon ที่ปรากฏในหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่องเลย ถ้าสืบย้อนกลับไปอีก ก็จะยิ่ง บังเอิญสุดๆ ...ปล. ที่ยกตัวอย่างเป็นบาลีกับละตินเพราะรู้แค่นั่น ยังมีภาษากรีกอีก โรมันอีก ปวดหัวเลย แต่สนุกนะที่ได้ค้นคว้าเรื่องพวกนี้(ความแปลกคือ คำสอนของพุทธะ คือ ความรู้ของมนุษย์เมื่อ 2.5 พันปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่มี ศาสนาคริสต์ด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ กลุ่มเทวะนิยม กับ อเทวนิยม..นิวตันยังเกิดช้าไปอีกตั้งพันปีผ่านมาแล้ว คนพิมพ์อยู่นี่เหลือจะเชื่อเลย แต่คนอ่านนี้อ่านจนจบได้ไง นับถือจริงๆ) ปล.อีกแล้ว.. นี่เป็น1ในเหตุผลที่ต้องมีการสอนนักธรรมบาลี และมีการสอบนักธรรมมากมาย เพื่อเข้าใจสิ่งที่คนเมื่อ2พันกว่าปีที่แล้ว ว่าเขาคุยอะไรกัน เค้าสอนอะไรกัน บางที คนวัยทองกับคนวัยรุ่น ยังสื่อสารกันไม่เข้าใจเลย เพราะเกิดคนละยุค ระยะเวลาแค่ไม่กี่ทศวรรษ
รูปแบบแฟร็กทัล โครงสร้างของธรรมชาติ แสงแฟร็กทัลเห็นตอนสมาธิครับ
เห็นชัดเจน พูดให้ใครฟังไม่ได้ อธิบายไปก็เริ่มยังไงหล่ะ คนฟังคงงง มันดูขัดแย้งและย้อนแย้ง ไม่มีในโลกมนุษย์ เลยเกิดข้อคิดง่ายๆ ก่อนตายเรื่องสะสมผลบุญคงไม่ช่วยอะไรได้ คิดอย่างเดียว สติปัญญาความรู้ประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิต อยากนำติดตัวไปด้วยตอนตาย นี่คือผลจากการทำสมาธิ ผมก็คิดได้แค่นี้ในขณะนี้ แต่วันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นรูปแบบใหนไม่ทราบ แต่จากที่สังเกตุคนภายนอก คนบ้า คนเมากัญชา น่าจะเป็นกลุ่มที่เห็นอะไรแปลกๆ มากกว่าใคร เหมือนทางลัดสู่นิพพานเลยก็ว่าได้ไม่ต้องมานั่งทำสมาธิ
@@กรณ์ชพัฒน์กลางสวัสดิ์ ผมนั่งสมาธิแล้วเห็นแสงนี้วนไปวนมาไม่รู้จบ สักพักมีเสียงนกร้องดังขึ้นว่า เกิด ดับๆๆๆ ผมตระหนักได้ถึงบางอย่าง เห็นวัฏจักรและสิ่งง่ายๆภายใต้สิ่งซับซ้อน แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอกครับ
@@กรณ์ชพัฒน์กลางสวัสดิ์ ผมเห็นแสงนี้ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรคนอื่นก็ว่านิมิตบ้างบ้าบ้างแต่มันก็เห็นมาตลอด มีวันนึงทำสมาธิเห็นแสงนี้วนเวียน มีนกร้องดังขึ้น เกิดดับๆ ซ้ำๆทำให้ผมตระหนักบางอย่างที่เกินคำพูด
ขอบคุณครับ กดติมตามแล้วครับ
สรุปแล้ววัตถุเกิดจากพลังงาน และพลังงาน ที่จริงแล้วก็ไม่มีอยู่เวลาก็ไม่มีอยู่ ส่วนใหญ่ผู้ที่รู้ความจริงครั้งแรกก็ จะรู้สึก เหมือน พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าเราหายไป
นึกถึงการทับซ้อนเลย
สิ่งนี้เรียกว่า อนิจจัง ครับ
เราเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกมีอายุขัย โลก จักวาล ก้อมีอายุขัย อีกกน่อยโลกก้อหมดอายุ
จักรวาลเรามีรูปแบบที่จำกัด คำตอบเดียวกันแต่สามาหาได้หลายวิธี การเอารูปแบบเดิมมาต่อยอดเป็นรูปแบบใหม่
Entropy ความน่าจะเป็น ทำให้เกิดความโกลาหลการคำนวณจะแม่นยำมากขึ้น หากใช้ Quantum Supremacy โอกาสความถูกต้องจะเข้าใกล้ 100%
อย่าคิดซับซ้อนนั้นเลยครับเอาง่ายๆเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนสองคน ใครชอบกินรสหวาน แต่สุดท้ายก็จะมีเครื่องดื่มที่ทุกคนโอเคในท้องตลาด
เเละนั่นเป็นเหตุผลที่กรมอุตุนิยมวิทยา ไม่สามารถforecastได้มากระดับเดือน ต่อให้ได้ก็ผิดเพี้ยนเหลือเกิน เพียงทศนิยมตำเเหน่งที่10ก็ตาม😂
คล้ายโลกนี้ มีมนุษย์เกิดขึ้นแบบวุ่นวาย จากสิ่งมีชีวิตเล็กไปสู่มนุษย์ที่พัฒนาึวามฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เเล้วล่มสลายหายไป แล้วเริ่มเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ..วนลูปมาหลายรอบจนนับไม่ได้ เป็นส่วนนึงในคำสอนของศาสนาพุทธ
ความบังเอิญไม่มีในโลก เผลอๆก็ไม่มีในจักรวาลด้วย
เคยสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ มีข้อสงสัยมากมาย แต่ตอนนี้เริ่มมีความเข้าใจ (ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน) นี่คือสมการ สารตั้งต้นแห่งความเข้าใจที่อาจไม่เข้าใจในอนาคต สุดท้ายก็ต้องยอมรับและอยู่มุมเล็ก ๆ ที่สร้างกฎแห่งความเข้าใจ ที่เราไม่ต้องไปเติมความวุ่นวายให้ทั้งตัวเองและบุคคลอื่น.... เข้าใจกันไหมเนี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดั่งที่ พระพุทธเจ้า ทรงบอกไว้ "ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน"
ใช่คับ☸️☸️🙏
แต่มีความแน่นอนและจริงแท้อยู่นะครับ เรื่องของกรรมดี ทำดีผมจะไม่บอกว่าได้ดี ผมจะบอกว่าไงก็ดีกับตัวเรา
ความไม่แน่นอนคือความจริง
คนทำดีไม่ได้ดีมีเยอะแยะครับ การทำดีเป็นเรื่องสมมุติปรุงแต่งขึ้นมา ถ้าเราไปทำดีกับคนที่ไม่มองว่าดี ผลก็เป็นผลเสียครับ เพราะคนเรานั้นมีความยึดถือดีไม่ดีแตกต่างกัน @@เต่าล้านชั่วโมง
วิทยาศาสตร์ดีกว่าเยอะ
ทุกๆสิ่งในโลกนี้ย่อมตั้งอยู่ภายไต้กฏแห่งกรรมหรือทางวิทยาศาตร์ก็คือกฎแห่งจักรวาลต่างๆแต่แล้วเหตุผลต่างๆเหล่านี้มันก็จะวนลูปกลับเข้ามาหากฏแห่งกรรมอีกจนใด้คิดงา่ยๆเมื่อมีเหตุย่อมต้องมีผลหรือหากคิดย้อนกลับถ้าถ้าไม่มีผลลัพธ์ก็ย่ อมไม่มีเหตุก่อนหน้าดั่งเช่น1ต้องมาก่อน2345.......เสมอจะนับอย่างใงก้อช่างทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไม่มีคำว่าบังเอิญเป็นแต่กรรมใหม่กรรมเก่าแล้วส่งผลต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าว่าไครหรือคนๆนั้นจะเข้าสู่นิพพานจึงจะรุ้แจ้งแห่งกฏต่างๆเหล่านี้สาธุ
ความวุนวาย แบบมีระเบียบ /เพราะมีสารมืด ทุกอย่างต้องการพืนที/ดูจากระยะสุรียะ ต่างคนต่างเดิน แต่ระยะห่างกับมวลและขนาดจะแบ่งพืนทีซื่งกันและกัน ระยะเศษดาวคือจุดทีรอวันเสถียน
อายุมากขึ้นมากขึ้น สามารถจะคิดคำนวณวิเคราะห์ต่อไปได้ไหม เช่นการสร้างแมทช์เพื่อรับรองการเคลื่อนที่ของสสาร.... ไปดวงดาวอื่นแล้วก็เดินทางกลับไปกลับมาได้
ใช่ ต่อให้เราคาดเดาอนาคตได้อย่างถูกต้องทั้งหมด อนาคตก็จะเปลี่ยนไปเพราะเราทราบถึงอนาคตนั้นๆ นั่นหมายความว่าเราได้เพิ่มตัวแปรที่ไม่มีในการคำนวณแรก แปลว่าต่อให้เราคำนวณซ้ำอีกกี่ครั้งอนาคตก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง เพราะหากเราสามารถใส่ตัวแปรเล็กๆนี้เข้าไปได้แต่แรก เราจะจำเป็นต้องคำนวณอีกต่อไปทำไม ในเมื่อคำตอบของความยุ่งเหยิงทั้งหมดของอนาคตอยู่ในตัวแปรนี้แล้ว
ครับด็อกเตอร์สเตรนท์
ตัวแปรมันมีเยอะมาก มีค่าแวเรียน ค่าอิทธิพลมากน้อยต่างกัน แถมตัวแปรมีหลายประเภท ตัวแปรควบคุม ตัวแปรส่งผ่าน สารพัดตัวแปร
แค่การขยับตัวต่างกันอนาคตก็น่าจะเปลี่ยนแล้ว
อนาคต ทุกคนรู้ว่าต้องตาย แต่ไม่รู้ว่าตายวันไหน รู้แล้วว่าเกิดมาต้องตาย แต่ไม่สามารถแก้ใขหรือเปลี่ยนมันได้
ผมมีคำถามครับพี่ๆ...ทำไมเวลาผมอยู่ในที่ลับตาและสภาพอากาศเหมาะสม..ผมจะใช้มือข้างถนัดจับkวยแล้วขยับขึ้นลงโดยใช้เวลาพอประมาณ...ผมไม่เข้าใจว่ามันเป็นกฏของธรรมชาติหรือเป็นอำนาจลี้ลับบางอย่าง..และทุกครั้งมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
เอาเรื่องความน่าจะเป็นโยนทิ้งไปได้เลยเมื่อเจอคำว่า "Entropy"
ความน่าจะเป็นจะสามารถใช้ได้กับแค่สิ่งที่มีโอกาสเป็นไปได้ในแต่ละผลลัพท์เท่านั้น เราคำนวณโอกาสลูกเต๋าได้1/6 แต่ไม่สามารถคำนวณโอกาสที่คนที่แก่แล้วจะกลับไปเป็นเด็กน้อยได้
โอกาสที่โยนลูกปืนแล้วมันจะลอยขึ้นฟ้าแทนที่จะตกพื้น หรือโอกาสที่โยนน้ำแข็งลงในแก้วกาแฟแล้วน้ำกาแฟมันจะร้อนขึ้นแทนที่มันจะเย็นลง
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า "ระบบ" ทุกๆอย่างทุกออกแบบมาตั้งแต่แรก หนึ่งในกฏที่ไม่สามารถฝืนได้เลยคือกฎของความไร้ระเบียบ ที่บอกว่าทุกๆอย่างที่เป็นระเบียบมันจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความไร้ระเบียบได้เองโดยปกติ แต่ไม่สามารถฝืนย้อนจากความไร้ระเบียบไปสู่ความมีระเบียบได้เอง ค่าความไรระเบียบนี่ก็คือค่า Entropy นั่นเอง (อยู่ในทฤษฎีเทอร์โมไดนามิก)
เพราะงั้น จากความว่างเปล่า ไปสู่กลุ่มแก๊ส ไปสู่เศษฝุ่น ไปสู่ก้อนหิน ไปสู่ดาวเคราะห์ ไปสู่ระบบสุริยะ ไปสู่โลกที่มีสิ่งมีชีวิต มันจึงใช้ความน่าจะเป็นไม่ได้ เพราะมันขัดกับหลัก Entropy สิ่งที่เป็นระบบระเบียบสูงอย่างโลก ไม่สามารถเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไร้ระเบียบสุดๆอย่างความว่างเปล่า หรือเศษฝุ่นอวกาศได้เลย นอกจากจะมีใครหรืออะไรสร้างสรรค์มันขึ้นมาผ่านระบบต่างๆ
ระบบของผู้สร้างมักถูกเรียกในชื่อต่างๆเช่น ธรรมชาติ สันชาติญาณในสัตว์ กฏอนุรักษ์พลังงาน แรงโน้มถ่วง อะไรประมาณนี้ คือสิ่งที่รู้ว่ามีแต่อธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วก็แถๆไปว่าเกิดจากความบังเอิญ ความน่าจะเป็น เพื่อที่จะปฏิเสธการมีตัวตนอยู่ของ "ผู้สร้าง" เท่านั้นเอง
ทฤษฎีนี้เคยเอาไปนิยามเรื่อง ใครคือผู้สร้างโลก ที่หน้าท้ายๆได้พูดถึงว่า "ไม่มีทั้งพระเจ้า และผู้สร้างโลก ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากความเป็นไปได้ ถ้าเปรียบเทียบว่าโอกาสที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็เหมือนการทอยลูกเต๋า100ลูกโดยให้ทุกๆลูกออกมาหน้าเดียวกัน แน่นอนว่าถ้าทอยแค่ครั้ง2ครั้ง หรือ1,000 ครั้ง โอกาสก็น้อยมาก แต่ถ้าทอยเป็นจำนวนอนันต์ครั้ง โอกาสที่จะมีแน่นอนว่าไม่ใช่ 0 แน่นอน เช่นเดียวกับที่โลกจะเหมาะเจาะต่อสิ่งมีชีวิตได้ ก็ต้องมีดาวเป็นอนันต์ แล้วค่อยมีน้อยกว่า 0% ที่จะต้องมีสภาวะเหมาะต่อสิ่งมีชีวิต"
@sunflower-ny4we ตีความแตกมั้ย? ฉันพูดถึงในหนังสือที่เคยอ่าน ฉันไม่ได้เอาความคิดตัวเองมาเม้นท์ อ่านดีๆก่อนเม้นท์ แล้วสิ่งที่คุณบอกว่าฉันคิดได้แค่นี้ คุณมีวุฒิภาวะพอรึยัง เอาความเชื่อของตัวเองเป็นศูนย์จักรวาล ถ้าจะบอกว่าไม่เชื่อ ก็พิมพ์ดีๆ อย่ามาต่อว่าคนอื่น มันบ่งบอกว่าคุณถูกเลี้ยงดูมายังไง
@@Mine-dx3tdอย่าสนครับคนเเบบนี้เเค่เรียกร้องความสนใจมันเเค่ต้องการให้คุณโกรธ มันสนุกเวลาทำให้คนอื่นหน้าเเตก คนเเบบนี้คบไม่ได้ครับ คนที่บอกว่าปะทะกันบ้างไม่งั้นหน้าเบื่อ มันคือความคิดเเบบเด็กๆ คนอื่นที่เข้าใจคุณจริงๆ จะต้องใช้เหตุผลโดย ไม่ทําให้อีกฝ่ายเสื่อมเสีย คนเเบบนี้ เขียนยังไงมันก็ไม่ฟังหรอกมันเเค่เอาตัวเองเป็นจุดสนใจ เพราะเห็นว่ามีคนให้ความสําคัญกับคุณมันเลยใช้โอกาสนี้ในการทำให้คุณเสียหน้าถ้ายังไปรอรอง ยังไงก็ไม่จบ ถ้าเค้าตั้งใจจะปลับความเค้าใจกับคุณจริงๆ เค้าจะไม่ทําตัวเเบบนี้เเน่
@sunflower-ny4weว่างมากเลยนะครับ ชีวิตมนุษย์มันสั้นมากนะครับ 100ปี ยังน้อยไปสำหรับผมเลย ผมว่าถ้าเป็นผมจะไม่เอาเวลามานั่งเถียงอะไรที่มีเเต่สร้างศัตรูมากกว่าการเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะอะไรที่มันไม่ได้ช่วยให้เรื่องมันดีขึ้นมันเหมือนกําลังทิ้งเวลาชีวิตของคุณไปมากเลย
@sunflower-ny4weท้าทายชีวิตประจำวันของคุณสนุกกว่ามานั่งท้าทาย เรื่องไม่เป็นเรื่องเเบบนี่ เลิกอยู่ในที่มืดๆเเล้วไปหาอะไรสนุกๆทําดีกว่า
@@BINYAMINMB ไม่ต้องพิมเถียงกับมันหรอกค่ะ ปล่อยมันเห่าไป
ทุกอย่างวนซ้ำ เส้นทางทั้งหมดถูกกำหนดไว้แล้ว อดีตคืออนาคต อนาคตคือปัจจุบัน และปัจจุบันคืออดีต สำหรับตัวฉันเอง.
อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ
- เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ
- เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ
- เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ
- เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
อิโซเก
สาธุ สาธุ สาธุ 🙇🙇🙇
อนุโมทามิ บุญ 🙏🕯️🤍
ดีๆ
ดูคลิปหรือยัง
อะไรป้า เขาอธิบายทฤษฎีวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์..พูดถึง "ความมีอยู่และวัดได้" ส่วนพุทธศาสน์...พูดถึง "ความไม่มีอยู่และไร้ขอบเขต" ซึ่งที่จริงแล้ว สองทฤษฎีนี้คือสิ่งเดียวกัน ที่ตั้งอยู่บนฐานของการสังเกตและการหยุดสังเกตแค่นั้นเอง มันคือธรรมชาติในความหมายของวิทยาศาสตร์และสัจจธรรมของพุทธะ...อริยสัจจ 4 และทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์...คือเรื่องเดียวกัน...😇😇😇
เหมือนที่เวลาเป็นตัวแสดงว่าสิ่งของนั้นมีอยู่จริงล่ะ
@@สันติ-ฅ6ฎ เวลามีอิทธิพลต่อสิ่งๆนึงให้ เกิด-ตั้งอยู่-ดับไป
พระเจ้าไม่ทอยลูกเต๋า ไอน์สไตน์กล่าวไว้
กฏสามคืออนิจจังทุกขังอนัตตาจะหลุดพ้นต้องปฏิบัติตามศีลสมาธิปัญญาจึงจะข้ามเขตสงสารคือมุ่งสุ่นิพพานคือหมดกิเลสไม่มียางคือกิเลสแล้ว
ความบังเอิญ มันไม่มีอยู่จริงหรอกครับทุกอย่างมีเหตุและผลในตัวของมันเอง
3:18 มันอาจจะเป็นความเป็นระเบียบของความรู้สึก สัมพันธ์กับความเป็นไปได้ที่จุดถูกวาง มันอาจจะถูกสะกดจิตถึงสามเหลี่ยมโดยทั้ฃหมดของตัวมันเอง ในฐานะสิ่งมีชีวิต ว่าเเต่ระบบสุ่มมีความรู้สึกเป็นเเบบไหน
มันคาดเดาได้ แต่มนุษณ์แค่ไม่มีข้อมูลได้มากพอ ทำใมเรารุ้ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นกี่โมง รู็ว่าดวงจันทร์จะเต็มดวงวันไหน ทุกอย่างมันวางไปตามแบบแผนของมันอยู่แล้ว แม้แต่ตัวมนุษย์เอง จะตายวันไหน ด้วยอะไรก็คาดได้ และยังไงมันก็จะจบที่ตรงนั้นแน่นอน เพียวแค่เราไม่รู้ข้อมูลที่มากพอ ย้อนเวลากลับไป 100 ครั้งผมก็จะมาเม้นแบบนี้แหละ เพราะฟังคลิปแล้วมีความคิดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะไม่เข้ามาฟังคลิปนี้ ทั้งที่30นาทีก่อนผมหลับอยุ่ แต่มีพัสดุโทรมาปลุก ย้อนกลับไปล้านครั้ง เชื่อเถอะถึงช่วงเวลานั้นเมื่อไหร่พัสดุมันโทรมาแน่ มันอีกยาวเข้าใจยาก เราไม่ได้คิดเองทุกอย่างที่เราตัดสินทำลงไปมากจากอดีตที่เราไปรับรู้มา ทามไลชีวิตมันเขียนว่าตายยังไงตั้งแต่เราเกิดลืมตามาแล้ว ถ้าเข้าใจที่ผมอธิบายมันไม่ใช่งมงาย แต่มันคือเหตุผล
มันเป็นแบบนั้นแน่นอนเสมอหรอ ? ตัวแปลจะเพิ่มไทม์ไลน์ใหม่ๆ สมมุตินายท้องผูกอึยาก แล้วนายอ่านเจอว่ากินผลไม้ชนิดนึงในตอนเช้ามืดมากๆ จะขับถ่ายสะดวก แล้วนายก็กินมันทุกเช้า ไปทุกวัน แต่ถ้ารู้ล่วงหน้าว่า มันจะกระตุ้นสารบางชนิดออกมาในปริมานที่มากจนทำให้นายชอค ยังจะกินผลไม้ชนิดนั้นอยู่มั๊ย ก็คงไม่ แต่ถ้ารู้เพิ่มก่อนอีกว่าถ้ากินคู่กับเครื่องดื่มนี้ จะระงับการหรั่งสารที่ว่า แล้วได้ผลลัพถ่ายคล่องเหมือนเดิม แต่ผลในเครื่องดื่มจะทำลายระบบย่อยอาหาร ผลลัพยังจะเป็นแบบเดิมมั๊ย ยิ่งข้อมูลมากขึ้น ยิ่งตัวแปลมากขึ้น ผลลัพจะยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น สมการ ที่เขา ว่าหมายถึงแบบนี้ การที่เรารู้ว่า ดวงอาทิตขึ้น 8 โมงก็เป็นเรื่องสมมุติ มันไม่เคยขึ้นเวลาเดิม ตัวแปลในการหมุนรอบตัวเองขอฝโลกคือตัวกำหนดของเวลาในการขึ้นต่างหาก เช่น มวลของโลก แรงดึงดูดจากดวงอาทิตย์ หรือ แม้แต่โน้มถ่วงของตัวโลกเอง ดวงจันที่หมุนรอบมันอีกที และ ทั้งหมดนี้ คือตัวแปลในการขึ้นของดวงอาทิต ที่นายว่า แต่ ตัวแปลเหล่านั้น ก็ดำเนินไปโดย เอฟเฟคจากตัวแปลของตัวเอง เช่น มวลของดวงอาทิตที่ลดลงเรื่อยๆ จนเกิดการขยายตัว ทำให้ขนาดใหญ่ขึ้น กลางวันก็นานขึ้น 1รอบของโลกก็เร็วขึ้นได้ การที่ดวงอาทิตจะใหญ่ขึ้น อาจจะเกิดจาก วิวัฒนาการของมนุษย์ที่ก้าวหน้าจน สามารถดึงเอาพลังงานของดวงอาทิตมาใช้ท่องจักรวาล ตัวแปลของสิ่งนี้ ก็ อาจจะเป็นเพียงมนุษย์ เพียงคนนนึง ที่เป็นเด็กอัจฉริยะ คิดค้นการดึงพลังงานจากดวงอาทิตย์ เด็กคนนั้น เกิดจาก ชาย และ หญิง ธรรมดา ที่ตัดสินใจ ไปพักร้อน ในที่แห่งนึง จนพบกัน แต่ เหตผลที่ทำให้ทั้งคู่ สนใจในตัวกันอาจจะเป็น ชาย เห็นหนังสือที่ หญิง อ่าน แล้วเป็นเรื่องที่ชอบตรงกัน จึงติดต่อ และ แต่งงานกัน ตัวแปลของ การที่ชายได้ไปพักน้อยอาจจะมาจากแค่การซื้อรางวัลที่ 1 เอาไว้ แล้วคนประกาศรางวัลดัน จับเลขสุดท้าย เป็นเลข 2 เพราะ เขาดัน เห็นมันที่แก้วกาแฟของคนข้างๆ ยังต่อไปได้อีก เพราะการได้มาซึ่งกาแฟแก้วนั้น มันก็มีตัวแปลต่อไปอีก ซึ่งทั้งหมดอาจจะต่อไปไเ้จนถึงเกิดจากการชยับปีกของผีเสื้อก็ได้
สุดท้าย การที่โลกหมุนเร็วขึ้นก็จะนำไปสู่ไปสู่การด้บของดวงอาทิต และจุดจบของมนุษย์ชาติ butterfly effect มันทำงานแบบนี้ หากนายดึงตัวแปลบางตัวออกแม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจจะส่งผลใหญ่หลวงได้ เช่น คนพิมเลขแก้วกาแฟ ดันเผลอพิมแต่ เลข 3 แก้วกาแฟร้านนั้นเลยมีแค่เบข 3 ก็จะทำให้ไม่มีการถูกรางวัล ไม่มีการพักร้อน ไม่มีการพบรัก ไม่มีนักประดิษอัจฉริยะ แบะหม่เกิดการดึงพลังงานมาใช้ หมายถึงการไม่สูญสินเผ่าพันของมนุษย์ด้วย ส่วนเรื่องของข้อมูลที่ถ้าหากมนุษย์มีมากพอนั้น ผลลัพจะเปลี่ยนไปแบบเป็นอนันเลย ถ้ารู้เพิ่ม นายก็จะเลือกอีกทางไปเรื่อยๆ เหมือนเรื่อง ท้องผูกช่วงต้น
@@dxchbork4214 คำตอบก็อยู่ในคำถามแล้วไงคับ เหตุการทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าคุณเป็นคนแบบนี้แล้วจะมีเหตุการเข้าไปอ่านหนังสื่อ ผมสมมุติจากเหตุการทกลองละกันมีการจัดห้องให้โน้มน้าวสภาวะจิตใจให้เลือกแอปเปิลสีแดง ทุกคนเดินเขามาหยิบแอปเปิ้ลสีแดงทุกคน แม้บางคนรู้ว่าต้องเป็นการทดลองแน่ๆ และเขาคิดก็หยิบแอปเปิ้ลสีแดง สมองเราอ่ะ อย่าคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราคิด มันเป็นเพียงการปั้นแต่งจากสิ่งแวดล้อมที่ผ่านเข้ามา ทุกอย่างมาจากเหตุและผล มันต้องมีเหตุให้คุณไปอ่านหนังสือ แม้แต่การเม้นของคุณมันก็ต้องมีเหตุ ย้อนไปสิบครั้งคุณก็จะมาเม้นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่คุณเจอ
ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัย
เหตุปัจจัยเปลี่ยน ผลก็เปลี่ยน
ไม่มีอะไรแน่นอน
ถึงเวียนวนเป็น วัฏฎะไงคะ^^
ชอบแนวคิดคนนี้ เรียนมาด้านนี้รึเปล่าครับ @@dxchbork4214
@@dxchbork4214อ่านแล้วดูคุณเข้าใจทฤษฎีนี้อย่างลึกซึ้งเลยค่ะ
เราฟังถึงสองรอบอย่างตั้งใจ เพื่อพยายามเชื่อมโยงว่า ทั้งแบบที่เริ่มจากคาดเดาไม่ได้แต่รูปแบบกว้างๆถูกครอบไว้ด้วยระบบ กับ แบบที่เริ่มจากระบบแต่จะไปสู่ความคาดเดาไม่ได้ที่ทำลายระบบในที่สุด จริงๆแล้วไม่ว่าเริ่มจากอะไรก็เหมือนการวนลูปกลายเป็นวงจรเดียวกัน ที่เป็นอนันต์ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด และไมีมีจุดเริ่มต้น ทุกอย่างอยู่ในวงจรเดียวกัน พัฒนาการของทุกสิ่งบนโลกก็อยู่ในรูปแบบนี้ แม้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดสุดท้ายก็ถูกครอบด้วยแพทเทิร์อนเดียวกัน ต่างกันคือจะมองหรืออธิบายในแง่ของทฤษฎีทางวิทยาศาสต์หรือทางจิตวิญญาณ อันนี้แค่ข้อสรุปตามความเข้าใจของเราเองค่ะ
18:16 นึกถึงคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลระดับโลก นั่งแถลงข่าวการแข่งขัน ซึ่งบนโต๊ะมีน้ำโค้กสปอนเซอร์รายการนั้นตั้งอยู่ พี่โด้ขยับขวดโค้กออกจากโต๊ะ แล้วก็โชว์ขวดน้ำของเขา แล้วพูดว่า "อารกัว" แปลว่าน้ำเปล่า นัยยะว่าน้ำโค้กไม่ดีต่อร่างกาย เขาทำแค่ทำเพียงเท่านี้เอง แต่ส่งผลใหญ่หลวงมาก หุ้นของโค้กมีราคาซื้อขายลดลงไปแล้ว 0.9% ในช่วง 9.30 - 9.44 น. คิดเป็นมูลค่า 2,100 ล้านดอลลาร์ 😂😅
ที่บอกว่านอกเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
***ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า มันก็คือเหตุการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพียงแต่ วิทยาศาสตร์ที่เรารู้เราเข้าใจในปัจจุบันยังไม่พอที่จะใช้อธิบายปรากฏการณ์ยุ่งเหยิงที่ว่านี้ นักวิทยาศาสตร์ จึงยังคงศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ (ที่ โลกวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยมีความรู้มาก่อน) ต่อไป เช่น โครงการเซิน ที่ ยุโรป (สวิสเซอร์แลนด์) เป็นต้น
ทฤษฎีความยุ่งเหยิง ก็ คือ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่รอความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของโลกอนาคตมาอธิบายให้กระจ่าง ตอไป 👶
ก็เพราะสิ่งที่เรารับรู้ตอนนี้ มันแหกกฏเกณฑ์ที่เรารู้ไงครับ เพราะสิ่งที่เรานำมาใส่ในสมการเพื่อวัดผลจนเป็นทฤษฎีรึสมการ เรามีความรู้แค่สิ่งรอบกายเรา แต่ข้างนอกนั้นบางปรากฏการมันเหนือจินตนาการ จนบางทีมันก็ทำให้เราน่าคิดว่าบางที ข้างนอกนั้นอาจเกิดขึ้นมาเหนือกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
เหมือนทฤษฎี entrophy ล่ะ
สุดท้ายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ความรู้สึก ความคิด และความจำ
ความน่ากลัวเกิดจากความคิดเราเอง
บางทีความคิดเราที่เราคิดว่าเราคิดมันขึ้นมาเองไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก มันก็ไม่เป็นแบบนั้น ความคิดของเรามันก็มาจากการรับรู้ประสบการณ์ของเรา เช่น ถ้าโลกนี้ไม่มีช้าง เราก็ไม่สามารถคิดถึงช้างในหัวได้
@@gaviel5750ถึงไม่มีช้าง ก็สามารถคิดอย่างอื่นได้ อย่างเช่นจิตนาการณ์ หนังภาพยนต์ สัตว์ประหลาดต่างๆเป็นต้น
ก็อย่าคิดเพลินๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ละงับบบบ😂😂😂😂😂😂
@@gaviel5750 คิดได้อาจหมายถึงคำนวน ได้ แล้วใช่คิดว่า มีสัตว์ มันต้องมี4ขาต้องมีนี่นั้น อันนั้น เรียก จินตนา
ขอบคุณกับคลิปที่ดีๆนะครับ🙏
ได้ทั้งความรู้😇 และ ได้ความสนุกในการจินตนาการที่เหนือขอบเขตของความรู้สึก 👼 💖
ฟังคำบรรยายแล้วปวดหัวมากครับ
กฏแห่งความดิ้นรน คือ ผลตกกระทบ
กติกาคือความวุ่นวาย กติกาที่ดีคือความวุ่นวายที่น้อยลง
ผลตกกระทบของสิ่งนั้นจะไม่หยุดนิ่ง
นั่นล่ะการมีชีวิต และมันคือทางออกของทุกเรื่อง// ผลตกกระทบ
ลูกแก้วที่ตกลงมาจากที่เดียวกัน จุดเดียวกัน ความสูงเท่ากัน น้ำหนักเท่ากัน ขนาดเท่ากัน แต่กลับไปคนละทิศทาง เปรียบการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ และ สาวกทั้งหลาย ที่มีหนทางเข้าสู่ พระนิพพานที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายก็ไปยังจุดเดียวกัน เหมือนที่ลูกแก้วตกลงมาแล้วกระจายไปคนละทิศทาง แต่สุดท้ายก็ตกลงมาบนพื้นเหมือนกัน ถึงแม้จะแตกต่างกันเรื่องทิศทาง แต่ก็อยู่บนพื้นเหมือนกัน ความโกลาหน เกิดจากความแตกต่าง เมื่อไม่มีความแตกต่าง ก็ไม่มีความโกลาหน
ยอมรับตรงๆเลยว่าเห็นหัวข้อแล้วทำให้อยากรู้และกดเข้ามาดู และก็ต้องยอมรับอีกจริงๆเลยคือ ไม่เข้าใจอะไรเลย เข้าไม่ถึงในเรื่องนี้จริงๆ 😅😅 เท่าที่คิดว่าจับใจความได้คือ เหมือนเรื่องมีอยู่นิดเดียว แต่เปรียบเทียบยาวเลย 😅😅
อย่าไปเอาอะไรเลยครับสุดท้าย มันไม่ได้อยู่ในมือคุณครับ😅😅
@@KeattisakSantipoommong ห้ะ เกือบจะเข้าใจละ มางงตรงที่ไม่ได้อยู่ในมือคุนนี่แหละ 🤣🤣
@@bellalabels3330 ก็ประมาณว่าชีวิตที่คุณคิดว่าคุณทำคุณเลือกใช่รึแน่🥴🥴ขำๆครับแต่ผมว่าคุณก็รู้😁😁
ชอบคำว่านักด่นสด...
กราบอนุโมทามิ สาธุขอรับ
ท่านผู้เจริญๆยิ่งขอรับ
กราบทำไมครับ😂นี่คลิปความรู้ครับไม่ใช่คลิปสวด
ความไม่เป็นระเบียบ มันคือความไม่เป็นระเบียบที่เป็นระเบียบของมัน อย่างเช่น เลขโดดไปโดดมาดูเหมือนไม่เป็นระเบียบ ถ้าเราคิดแล้วคิดอีกเราจะเห็นเป็นเลขอนุกรม
สรุปตามความเข้าใจผมนะ
เนื้อหาในคลิปพยายามจะบอกว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลก หรือ แม้แต่ในจักรวาล ล้วนมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง มีผลกระทบ ซึ่งกันและกัน ไม่มากก็น้อย และไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
มันดูเหมือนไร้รูปแบบ(โกลาหล)
แต่มันก็ทำให้เกิด หรือ มี
รูปแบบ
แม้จะคาดเดาไว้ว่าเหตุอย่างนี้ จะให้ผลลัพธ์แบบนี้ แต่ ผลลัพธ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ก่อให้เกิดผลที่หลากหลายและไม่แน่นอน
ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นเกิดจากตัวแปรที่เข้าไปส่งผล
กระทบกับเหตุ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แตกต่างไปจากเดิม
ในแบบที่เราไม่สามารถคาดเดาได้
คงจะประมาณนี้มั้งครับ 😆
พิมพ์ไปพิมพ์มา รู้สึกมันดันออกไปแนวปรัชญาเฉยเลย 😅
มันคงเป็นทฤษฎีที่เรายังไม่สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้และอธิบายมันให้ออกมาเป็นคำง่ายๆ+ชัดเจนในตอนนี้ ล่ะมั้งครับ 😂
คาดเดาไม่ได้❌
มนุษย์ยังไม่สามารถคาดเดาได้✅
ปัญหาอยู่ที่ความซับซ้อนเช่นการที่ลิงไม่สามารถซ่อมชิงช้าของตัวเองได้ มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจความนึกคิดได้
สิ่งที่ฉลาดที่สุดอาจเป็นสิ่งที่
เข้าใจ คาดการณ์ ควบคุมความกลหน ซึ่งถ้าเข้าใจถึงที่สุดอาจจะรู้สึกเหมือนการโยนหินลงน้ำเพื่อให้น้ำสะเทือน
สามารถขยับเล็กน้อยเพื่อสร้างปรากฏการณ์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับเวลาด้วยเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องพลังงาน
ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มันเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุ ปัจจัย
การค้นพบความจริงแท้ ที่แม้แต่จิต ก็ไม่สามารถบิดเบือนได้ นั้นคือความจริงของทุกสรรพสิ่ง ที่มีความเสมอกัน และตกอยู่ใต้อำนาจเดียวกันคือความไม่มั่นคงไม่แน่นอนดำเนินถูกบีบคั้นไปสู่การเสื่อมดับสลาย และ ไม่มีเจ้าของ และ เส้นทางการค้นพบนี้ จะนำไปสู่ อิสระภาพสันติ โดยแท้
กฎของจักรวาลคือกฎแห่งกรรม...กฎของเหตุและผล ผีเสื้อกะพรือปีกก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆมากมาย เราทำอะไรก็ส่งผลต่อสิ่งต่างๆและเราก็จะต้องรับผลของการกระทำนั้นๆเช่นกัน กฏแห่งกรรมคือเราทำอะไรไป...สิ่งเรานั่นก็จะตามย้อนถึงเรา ‼️ ยกตัวอย่าง เราฆ่าหมูมากิน หมูต้องตายด้วยความเจ็บปวด หมูอาจโกรธและอาฆาตเรา ด้วยการกระพริอปีกนี้ในสักวันเราก็จะต้องมารับกรรมในสิ่งที่เราทำกับหมู
ถูกผิดบาปบุญผลต่างๆคนกำหนดขึ้นทั้งนั้น แต่ถ้าอยากมีชีวิตต่อไปได้ ก็ต้องยอมรับความเชื่อกฏเกณฑ์ของโลก เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่เข้าใจ การมีชีวิตให้เต็มที่ มีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างของโลกใบนี้เราจึงต้องมี ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนจะงงแต่ไม่งง
เพราะแบบนี้ ระดับคลื่นความถี่ คลื่นความถี่ต่างๆจึงสำคัญ เพราะทุกคลื่นมีระดับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ปรากฏการณ์โกลาหล =พาราโบล่าอิเล็คตรอน ในครั้งนั้นยูเอฟโอ เคยมาทำให้ดู มันเหมือนปีกผีเสื้อเนี่ยแหละ แต่แบ่งเป็น4ส่วน แต่ก็โกลาหลแน่นๆตรงกลาง ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร เพิ่งจะเคยได้ยินเนี่ยแหละ
อ๋อ แบบว่า พอมียาบ้าเยอะ ก็ทำให้คนไม่อยากมีลูกเนี่ยน่ะหรอ เพราะฉะนั้น พาราโบล่าที่เข้ามาโกลาหลก็คือความเครียดนะซิ แต่ถ้าสร้างความดี ก็จะมีคนเห็นความดี และเกิดคนดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ชิบหายแล้วผมฟังไม่รู้เรื่องเรยแต่ไปอ่านดูเม้นท์อื่นเขาทำไมรู้เรื่อง😅
555 ไม่จำเป็นต้องไปรู้ไรหรอกค่ะ จริงๆนะ ช่างมันเถอะ
ไม่หรอกๆๆๆๆๆ ผมเองก็ งง.......
จับใจความไม่ได้เลย ผีเสื้อ🦋 มันก็ปกติของเขานิ ในการเคลื่อนไปข้างหน้า ถ้า🦋ไม่บินนี้ มันน่าสงสายยยยยยยยนะ😮😮😮😮😮😮😮😮
เข้าใจนะแปลก
คอมเม้นท์ก็สะเปะสะปะไปคนละทิศคนละทาง เหมือนเดินหลงเข้าไปในโรงพยาบาลคนบ้า
คุณคือคนปกติครับ 😂
ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนมีศาสตร์ และศิลในตัวมันเสมอ แม้แต่การบีบสิว บีบยังไงไห้ออก ต้องดูยันทิศทางของรูขุมขนเลยนะ ใช้แรงแค่ไหน บีบแรงมากไปหน้าก็ถลอกอีก จริงศาสตร์นี้ผมได้ตอนดีดครับ บีบสิวไปพิจารณาไป จนแบบบรรลุวิชาบีบสิวไปเลย😅😅😅
ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว อนาคตคือสิ่งที่คาดเดาได้ เช่น เราต้องตาย ตายแน่ๆ แค่ยังไม่ถึงวันนั้น แต่วันนั้นต้องมาถึงแน่ๆ แสดงว่ามันเกิดขึ้นแล้วในอนาคตและทุกวัน ทุกขณะที่เวลาที่เกิดขึ้นก็เป็นไปเพื่อถึงวันนั้น สิ่งที่เราทำได้ก็แค่กำหนดรู้และมีสติในปัจจุบัน ไม่ว่าวันนี้เราจะเผชิญเหตุอะไรในปัจจุบันมันก็เป็นผลมาจากอดีตที่นำไปสู่อนาคตอันแน่นอน
ฟังจนจบ ผมได้ข้อคิดว่า บังเอิญไม่มี ทุกอย่างเกิดขึ้นจาก การกระตุ้นของอีกสิ่ง ไล่เรียงขนาดกันไป ไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป
.ทฤษฎี มันก็เป็นแค่ความคิดดีๆ นี่แหล่ะ การปฏิบัติ ก็คือทำตามแนวทางของทฤษฎี ผิดถูกหรือบังเอิญสุดแล้วแต่ผลจะออกมา
ปัญญาต่างหากที่เห็นและเข้าใจความจริงโดยปฏิเสธแทบไม่ได้ เช่น เรารู้เองด้วยปัญญาว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา มีธาตุทั้งสี่มาประชุมกันและแตกสลายไปเองได้ด้วยกฏของไตรลักษณ์ หรือธรรมชาติ จิตก็ไม่ใช่ของเรามีการเกิดดับทุกขณะจิต สรุปย่อๆ กายและจิตไม่ใช่ของเรา ที่เป็นเราขึ้นมาเพราะมีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆคือความไม่รู้
ผมขอเติมด้วยพระสูตรนี้
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมทำไว้ในใจโดยแยบคาย เป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี; เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น. เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี; เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป : ข้อนี้ได้แก่สิ่งเหล่านี้
เพราะ อวิชชา(ความไม่รู้ใน อริยสัจ 4) เป็นปัจจัย จึงมีสังคาร
เพราะสังคารเป็นปัจจัย จึงมี … จนไปถึง ภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ (ความเกิดปรากฎ)
เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ(ความโศกเศร้า) … ทุกข์ โทมนัส อุปยาสะ จึงเกิดขึ้น
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.
- พระพุทธเจ้า
เป็นทฤษฎีเคโอ๊ด(chaos)ที่เป็นระบบคัดเลือกตามธรรมชาติภายใต้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อการปฏิกิริยาสร้างสิ่งต่างๆในจักรวาล ทฤษฎีใดๆล้วนนำมาจากปฏิกิริยาที่ลงตัวของเคโอ๊ดทั้งสิน แม้แต่ตัวคุณเองก็มาจากการคัดเลือกทั้งสิ้น.
ส่วนตัว ชอบเนื้อหา แต่ไม่ชอบการพูด โทนเสียงเหมือนกวนประสาทหูมาก พูดเรียบๆแบบเพื่อนจะดีกว่าไหมครับ ขอโทษที่อาจกล่าวผิด
ผมว่าปกตินะครับ เพราะคำสั่งมันเรียงจาก a ไป c ดังนั้นมันก็จะเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมอยู่แล้วครับ ไม่เชื่อลองใช้สี่จุดสิครับ มันก็จะเหมือนกันเลย มันยุที่คำสั่งครับ
เป็นช่องที่บรรยายอะไรแล้วไม่รู้เรื่องชะมัด ตามมาหลายคลิปละ ตั้งแต่ง่ายจนยาก
ได้ครับ ผีเสื้อกระพือปีก ต้องใช้ผีเสื้อนับล้าน นับไม่ถ้วน หรือผีเสื้อตัวใหญ่ ชนิดพิเศษ (บางเรื่องคิดมากไปไม่ได้อะไร สมองเสียเปล่าๆ)
อันนี้เรียกโง่ครับ โง่ละพิมพ์ไปเรื่อย
ดั่งที่ อาจารย์อูเกวบอกไว้ "เรื่องบังเอิญไม่มีอยู่จริง"
#จิต.ที่ระเอียด.จะไปได้ทุกมิติ🙏🇹🇭💛💜
ทำให้นึกถึง "อนาคต-ประวัติศาสตร์" ของไอแซ็ค อาซิมอฟ
เล่าให้ฟังหน่อย
ส.เสือ พี่ฟังแล้วแสบหูมากครับ
กฎแห่งกรรมจะ ทรงคุณธรรม การกระทำซ้ำๆ อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าการชดใช้กรรม ซ้ำๆซากๆ เป็นไปตามการกระทำของจิต
ผมเคยได้ยินวลีหนึ่งตั้งแต่ยังเด็กๆจนวันนั้จะ60ปีแล้ว คำว่า เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว ความคิดผมเองนะ คล้ายๆดั่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ ทุกๆสิ่งล้วนอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
โคตรเสร่อ โยงศาสนา
ลึกดี ก็คือวิทยาศาสตร์พยายามหาคำอธิบายของ กฎแรงดึงดูด/กฎแห่งกรรม/โชคชะตา ที่ผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ซึ่งวิธีการให้ได้ผลลัพธ์นั้นคาดการณ์ไม่ได้ ถ้าเข้าใจเราก็เอากฎนี้มาปรับใช้ได้ ประมาณนี้แหละ 55555
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของตัวมันเอง แต่มนุษย์มิอาจเข้าใจได้ทั้งหมด จึงเรียกมันว่าความยุ่งเหยิง และการคาดเดาไม่ได้
#ขอแนะนำ แอ๊ดครับ ผมมีสิ่งนึงในแทบทุกคลิปเลย ผมฟังผ่านหูฟังอินเอียร์เปิดค่อนข้างดัง และทุกครั้งที่แอ๊ด #ออกเสียง สิ่ง ทฤ.. สุ่ม ฯลฯ เสียงมันจะแหลมมากๆจนเจ็บแก้วหูเลยครับ แต่คำอื่นๆนุ่มมากๆ ทุกอย่างเพอร์เฟคท์สุดๆแล้วละครับ แอ๊ดลองหาวิธีปรับตัวซับเสียงสูงดูนะครับ
(เจตนาติเพื่อให้แอ๊ดเพอร์เฟคมากขึ้นจากเพอร์เฟคอยู่แล้วน่ะครับ ถ้าขัดใจใครหรือ Fcคนใด กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร๊าฟ🙏🙏🙏)
แทบทุกคลิป ไม่ใช่ เทียบทุกคลิป
ขอบพระคุณมากๆครับ มีค่ามากๆครับ 🙏😅
@@0LittleChild0 5555 นี้ขนาดอ่านทวนก่อนเม้นแล้วนะเนี่ย😅😅😅
ฟังเพลินดี
เหมือนเรารู้อนาคตที่จะเกิด แต่พอเรารู้แล้ว อนาคตมันจะเบี้ยวไป เพราะเหตุปัจจุบันถูกรู้ไป แล้ว อนาคตจะถูกแรนดอมไปเป็นผลแบบอื่นแทนในอนาคต เช่นเราหนีกรรมในปัจจุบันด้วยการเสริมบุญไปเรื่อยๆ (มาทางศาสนาและความเชื่อนะคะ)😅😅😅 เมื่อเรารู้แล้วเราก็ตัด ไม่ดึงดูดสิ่งที่อาจจะทำให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ เราคิดแบบนี้ค่ะ ฟังไม่เข้าใจเหมือนกัน 😂😂😂
🙋บังเอิญผมไม่เล่นเกมส์ ทอยลูกเต่า บังเอิญไม่อยู่ในสมการ กระดาษ ลูกเต๋า ดินสอเขียนจุด...เชื่อมสมองที่มันรกสมอง นี้มันแค่เกมส์ไว้หลอกให้ คิด หลง และ งง เสียตัวและอยู่ในพื้นที่ แบบ ฮิกโบซอลคง จะลุ้นติดอยู่ในพื้นที่...แค่ไม่ใช่ผมก็เท่านั้น ฉะนั้น คิด อ่าน งง รอ มีข้อความลับซ่อนอยู่ในนี้ แบบค่า ไบนาลี ดูชื่อ เริ่มอ่านใหม่อีกรอบครับ😊
สิ่งมีชีวิตไดๆล้วนแต่มีเหตุผลของธรรมชาติอยู่ เชื่อมโยงกันอยู่ไม่ทางไดก็ทางหนึ่ง เพราะสิ่งมีชีวิตไดๆ 1เดียว ไม่สามารถจะอยู่ได้ด้วยตัวเองได้
😊.นักปรัชญา
อธิบายถึง..ท. ความโกลาหน..,ความวุ่นวาย, ควานตั้ม วิทยาศาสตร์,จักวาล, จิตวิญาณ..บางอย่างทีควบคุมไม่ได้..(ความ คาดเดาไม่ได้..)..บท
วิทยาศาสตรคือเรื่องที่ว่าด้วยเหตุและผลจะบอกผลแม่นยำเฉพาะที่มีข้อมูล องค์ประกอบครบถ้วน แต่สำคัญมนุษย์ยังไม่รู้ในทุกสิ่ง ในจักรวาลนี้ครบถ้วน
อินฟินีตี้ เป็นอนัน ไม่มีจุดจบ วนลูป เกิด ดับอยู่อย่างนั้น
ในเรื่อง Mirai Nikki ก็เคยอธิบายการเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน ส่งผลถึงอนาคต ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงอนาคตขึ้นอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง อนาคตจึงปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
โดนชื่อคลิปหลอกเข้ามาดู เล่าเข้าใจยาก นึกว่าจะสนุกสะอีก
ฟังแล้วดูสับสบวุ่นวาย
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่คุณนำม่สอนนะครับ มันช่วยเพิมเต็มผมได้มากเลย ขอให้คุณสมหวังดังใจนึกนะครับ😅
ใช้อธิบายกฏแห่งกรรมได้เลย
จะไปคิดอะไรมาก เดี๋ยวเราก็รู้เองว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ทุกอย่างถูกจัดเรียงไว้หมดเเล้ว ก็เเค่นั้นเอง
อะไรคือสิ่งอยู่เบื้องหลังระบบทั้งหมดครับ ถ้าเอาคำว่าธรรมชาตินะครับ อยากฟังมุมอื่นๆครับ.
น่าศึกษามากมายยยย เย้ 🎉🎉🎉
เข้าใกล้พุทธไปเรื่อยๆ พอเรื่องนี้ตกผลึก จึงจะเห็นพุทธ สาธุๆๆ
สาธุ จึงจะเห็นพุทธ เห็นพุทธในทีนี้ไม่ใช่ถึงศาสนาแต่เข้าในใจขีวิตเข้าใจในธรรมชาติของจักวาลใบนี้ จากเด็กเสเพลแต่ชอบวิทยาศาสตร์ แล้วศึกษาพอได้ศึกษา จึงจะเห็นพุทธ สาธุๆ🙏🏻
ใช่แย้ววว!
วิทยาศาสตร์ค้นพบเพียงเศษเสี้ยวในองค์ความรู้ทางพุทธศาสนา❤
ถูกต้องแล้ว❤
หลอน
เอาตรงๆผมไม่รู้เรื่องเลยครับ
ฟังเพลินมาก แต่สรุป มันคือทฤษฎีอะไร
ทฤษฎีความยุ่งเหยิงเหรอครับ
แล้วระบบไฮโลว์ละครับ
ความวุ่นวายที่ว่า เรียกว่า Entropy ครับ ซึ่ง Entropy มันมีในทุกอย่าง แน่นอนว่า เราสามารถทำนายได้ในระดับนึง แต่ก็ไม่แม่นยำเป๊ะ 100% เพราะในความเป็นจริงมันมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิด/ไม่เกิดบางอย่างขึ้นได้ ดังนั้น สิ่งเล็กน้อยจากในคลิป มันสามารถเป็นส่วนหนึ่งใน Entropy ได้เช่นกัน แต่ผมขอแย้งอย่างนึงคือ สิ่งที่มันเล็กน้อยมากๆ มันไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล ในทางวิทยาศาสตร์ ถ้ามันเล็กน้อยมากๆ เราจะถือว่าให้มันถูก Neglect เพราะแทบไม่มีผล แต่การเกิดบางอย่างที่เหนือความคาดหมายทั้งๆ ที่เราคิดว่าคำนวนมาดีแล้ว มันไม่ได้มีสาเหตุมาจากสิ่งเล็กน้อยอย่างเดียว มันมีปัจจัยใหญ่ประกอบ แต่เรา/ผู้คำนวน ยังไม่ได้นึกถึง
ผมเคยทดสอบความหน้าจะเป็นด้วยตัวเลขที่มี 0-9 มีหกหลัก ด้วยการเก็บสถิติ ตัวเลขจำนวน 500 ชุดตัวเลข ด้วยการสุ่มแบบเดียวกัน ยังทำไม่ใด้เลยครับใครมีสูตลสมการบางครับ
จิบๆๆครับเหตุการณ์แค่นี้..นักวิทยาศาสตร์รู้มั้ยว่าพวกเราทุกคนเคยเจอเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้เป็นล้านๆเท่ามาแล้ว..คือ อาณาเขต 10000 จักรวาลตั้งแต่ใต้พรมชั้นอาภัสราลงมาทั้งหมื่นจักรวาลนั่นแหละเคยถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นละอองธุลีล่องลอยไปในอากาศมาแล้ว นับครั้งไม่ได้ นั่นแหละที่ผมพูดว่า สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พูดถึงนั้นเป็นเรื่อง..จิ๊บๆ..
ถ้าหากๆ ถ้าหากๆ มันไม่ใช่ความจริง
ทฤษฎี ครับ
ความลับอันน่ากลัวของจักวาล ถูกเปิดเผยแล้วเมื่อ 2500 กว่าปีที่แล้ว
เราทั้งหมดทุกๆๆๆคน พวกเราสรรพสัตว์ทั้งหมดตกอยู่ใต้กฎเหล็กสุดโหดของจักวาลทั้งสิ้น
ใครกระโดดหนีได้จะสงบสุขนิรันดรกาล
@@suriyanpoobun-op6226นั่นคือการตาย สู่สายพานครับ😂
@@สายฟ้า-thunder ไปหาบรรพบุรุตยุมีหลอ😆
บางทีการวนเวียนตายเกิด อาจเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ของทฤษฎีความโกลาหล (Chaos theory) ก็ได้ครับ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าหลังความตายเราจะไปไหน จะเกิดที่ใด เราทำได้ดีที่สุดคือการกำหนดค่าตั้งต้นไว้เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ในอนาคตให้ออกมาดีที่สุด (ซึ่งก็คือการทำบุญ สร้างความดี มีศีล สมาธิ ปัญญา)
สรุป กรรม
ขอบคุณมากครับที่ไห้ความรู้
การทำนายอนาคตทำได้แค่80% อากาศอืมครืมทั้งปีมีแดด อบอ้าว เพราะโลกร้อนอยูแลเวทำให้อากาศมีไอ้น้ำมากก็คงอืมคืม ส่วนฝนจะมี5วัน 10เมย สค ธค 2567 /และฤดูฝน กพ 2568
อันนี้คล้าย การขยับปีกผีเสื้อแห่งโชคชะตาก็เหมือนการคาดเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตแล้วไปพยายามแก้ไขมัน
เช่นรู้ว่าเพื่อนกำลังโดนคนไม่ดีหลอก แล้วเรามีตัวเลือกว่าจะนิ่งเฉย ชะตาก็เหมือนเดิม เพื่อนยังคงโดนหลอกทางใดทางหนึ่ง
แต่หากเราไปขยับปีกผีเสื้อ พยายามช่วย ตักเตือน แก้ไข คาดหวังให้ต่างออกไปมากเท่าไหร่
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมหนักๆ เรายังโดนเอฟเฟคจากการขยับปีกผีเสื้อแทนเพื่อนด้วยซ้ำ
เหมือนในพล็อตหน้งเรื่อง Marry my husband ไหมคะ เหตุการณ์นี้ต้องเกิด/ แต่จะไปตกอยู่กับใครที่ได้รับผลลัพธ์ของตัวแปรที่เปลี่ยนไปนั้น
การเปลี่ยนแปลงในระบบโกราหน
ก็คือการเลือกที่เราจะจุดลงไป1จุดในกรอบที่เรากำกับไว้ไงครับ
คุณสามารถเลือกที่ตะจุดได้
ตำแหน่งของแต่ละจุดในกรอบที่ตั้งไว้จะแตกต่างกันอย่างสินเขิง
แต่ภาพรวมจะออกมาเหมือนกัน
โกลาหล ไม่ใช่ โกราหน
ฟังคลิปจบเเล้วเข้าถึงความยุ่งเหยิงเลยครับ เพราะสมอง งง ไปหมด อยากจะร้องไห้
การย้อนกลับของ entropy แม่นบ่
ทุกคนครับ!!! ดูคลิปจบแล้ว อยากทราบว่าจะมีใครแม้สักคนไหมที่ฟังแล้วเข้าใจแม้เพียงสักประโยคเดียว ??
ผมพอเข้าใจ เหมือนที่พี่เค้าบอกเปะๆเลยครับ😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂
มันคือพุทธะจักรวาล
ผมเข้าใจเยอะครับ เคยคิดไว้ก่อนแล้วด้วย แต่ก้ไม่คิดว่าจะมีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน ก็เก็บไว้คนเดียว มันเป็นความคิดที่ ถอดออกมาจาก ความรู้เก่าๆที่เคยเรียนมา มันอธิบายยากครับว่า คิดออกมาได้งั้ย..คงจะเป็นแบบว่า แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน นะครับ แต่ก้ไม่ครบ100%ของคลิปนะครับ ประมาณ80%
@@insertmalee3771 เยี่ยมครับ ยังไงก็อย่าให้เกินครั้งละ5นะครับ
ไม่ถึงขนาดนั้น แต่มันก็วกวนแหละ
น่าสนใจ
ทฤษฎี Chaos นั้น ให้อธิบายง่ายกว่านี้คือ เราไม่สามารถรู้ทุกสิ่งในระบบได้ ทำให้เราคำนวนออกมาไม่ได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราเก็บข้อมูลและคำนวนมัน ข้อมูลพวกนั้นก็คือข้อมูลในอดีต จึงทำให้ไม่สามารถคำนวนอนาคตได้อย่างแม่นยำ
สิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา ฉลาดที่สุดในจักรวาล เขาจะรู้ได้ถึงขนาดไหนเนี่ย เอาแค่มนุษย์บนโลกเรา ก็ต้องขั้นนักวิทย์อัจฉริยะ หรือระดับศาสดา ซึ่งขั้นนั้นเรายังสัมผัสไม่ถึงเลย คงต้องนั่งโง่ๆ ต่อไปอีกสัก 88 แสนล้านกัป มั้งครับ 😊
ผมฟังไม่เข้าใจ แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกได้คือ การเวลามีพลังอำนาจมาก
การทดลองด้วยคอมพิวเตอร์ จะต้องเข้าใจก่อนว่า ฟังก์ชั่นสุ่มที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้น ไม่ใช่การสุ่มที่สมบูรณ์ อีกทั้งการเลือกเขียนจุด ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดรูปแบบเป็นไปตามสมการที่เกี่ยวข้อง
*ล่างสุดมีสรุป*
จริงๆก็น่าจะมีสิ่งที่ใว้อธิบายได้แล้วน่ะครับ ว่าทำไมผีเสื้อขยับปีกถึงมีผลขนาดนั้น? ทฤษฎีนั้น...ถ้าผมจำไม่ผิดอ่ะน่ะ? คือ Entropy ครับ คือสิ่งใดๆก็ตาม ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งมีความไม่เป็นระเบียบมากขึ้น คิดตามไปพร้อมกันน่ะครับ ผมจะเปรียบเทียบง่ายๆด้วยปากกาของคุณ
>ปากเล่มนึง ถูกสร้างมาจากพลาสติก น้ำหมึกและโลหะ
>วันเวลาผ่านไป มันต้องสัมผัสกับอากาศ มลภาวะต่างๆ
>ถูกนำไปในสถานที่ ต้องพบเจอผู้คนมากมาย คนส่ง คนขาย คนซื้อ
>และสุดท้ายพอหมดประโยชน์มันก็ถูกทิ้ง เหมือนคุณที่พยายามตื้อเขาแต่สุดท้ายเขาก็บล็อค(ล้อเล่นน่ะ555)
ทุกคนพอจะจับความเขื่อมโยงบางอย่างได้มั้ยครับ? มันไม่ใช่การเดินทางของปากกาน่ะ แต่คือข้อมูลครับ เริ่มแรกเดินที ตัวปากกามีข้อมูลให้เราได้รู้แค่ วัสดุที่ใช้สร้างมัน แต่ยิ่งมันมีตัวตนนานเท่าไหร่ สิ่งที่เรียกว่าปากกานี้ก็ต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆ มากและมากขึ้นไปเรื่อยนั้นเองครับ ลองคิดดู สมมุติเราอนุมาณว่าความเป็นจริงนี้มี Multiverse และโลกหลักก็คือเส้นเรื่องเดียวกับที่ผมได้กล่าวไป ถ้าเกิดว่ามันไม่ถึงมึอคนส่งล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้น? แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ ถ้าเรารู้แค่เส้นเรื่องของปากกาถูกมั้ยครับ? แต่หลังจากนี้แหล่ะ สิ่งที่เราเรียกว่า Caos มันกำลังจะเกิดขึ้น หากเรารู้เส้นเรื่องข้างเคียง อ่ะ ผมจะวกวนมาล่ะ เรามาเริ่มกันเลย
สมมุต/ปากกาเล่นนี้พังตั้งแต่ตอนสร้าง
แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากหากเรามองกันที่ภาพแคบๆ แต่ถ้าปากกาเล่มนี้ไม่ถึงคนส่งมันแปลว่าไง? มันแปลว่าโรงงานต้องทำงานล่าช้าไป เศษ 1 ใน 100 ของวินาที คนส่งเองก็ต้องมารับของช้าลง 1 ใน 99 ของวินาที และทุกอย่างมันก็จะล่าช้าไป ขยะจะเพิ่มขึ้นมา 1 ชิ้น ผมเชื่อว่าทุกคนอาจจะด่าผมก็ได้ว่า...อะไรของมันว่ะ? อยากจะสื่ออะไรกันแน่ ที่ผมจะบอกคือ จำไอ้ Entropy ที่ผมบอกข้างบนได้มั้ยครับ? "ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งมีความไม่เป็นระเบียบมากขึ้น" ข้อมูลตั้งตนที่เปลี่ยนไป ดูจะไม่มากใช่มั้ยครับ? แต่ถ้าเป็นหลังจากนั้นสักร้อยปีดูล่ะ ความเยอะของข้อมูลที่ถูกเปลี่ยน นี่มันแทบจะเป็นคนล่ะเรื่องราวกันเลยน่ะครับ ยกตัวอย่างก็เช่น ไอ้ความล่าช้าที่เกิดขึ้น คนถัดๆไปที่ได้รับผลกระทบ จะเป็นใครอีกก็ไม่รู้ แล้วคนพวกนั้นก็จะไปมีผลกระทบต่อคนอื่นในด้านไหนอีกก็ไม่รู้ เพราะงั้นสิ่งนี้มันเลยน่ากลัวยังไงล่ะครับ ที่เราเห็นในหนัง บางครั้งมันไม่เกินจริงเลย ผีเสื้อที่กระพือปีกผิดจังวะไป ครั้งนึง เราไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลกระทบที่หนักหนาขนาดไหน ปีกมันอาจจะมีติดเกสรดอกไม้บางอย่างมา เกสรนั้นส่งผลให้ดอกไม้ที่ๆนึงเกิด หากดอกไม้เกิด ก็อาจจะมีคนมาเห็น พอมีคนมาเห็น ก็มีคนคิด เขาคิดแล้วก็จะมีผลต่ออารมณ์ ไปสู่ฮอโมน ร่างกาย กระตุ้นสมอง ดึงความทรงจำ และเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการกระทำในเวลาต่อมา การกระทำของเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลอีกมากขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้ และถ้าคุณยังไม่เข้าใจอีกน่ะครับ เอาง่ายๆคือ {Caos หรือทฤฎีผีเสื้อขยับปีก อะไรก็ตามที่คาดเดาไม่ได้ จริงๆแล้วมันเป็นเพียงการทับซ้อนของข้อมูลที่เยอะเกินกว่าเราจะเข้าใจก็เท่านั้นเองครับ จึงไม่สามารถหาจุดเชื่อมโยงและอธิบายเหตุผลได้ อารมณ์เหมือนแค่ทัก แต่เธอบล็อค ถ้าเกิดเราลองคิดหาเหตุผลจริงๆ มันก็แค่ เธอพบเจออะไรมา นั้น โน่น นี่ ทำให้เธอเลือกตัดสินใจอย่างงั้น และที่คุณทักเธอไปก็เหมือนกัน มันไม่ใช่แค่คุณชอบหน้าตา ความสวยของเธอ แต่มันเป็นเพราะคุณเติบโตมาแบบนี้ กว่าจะมาเป็นคุณ มันไม่ใช่แค่พ่อแม่เกิดคุณมา แล้วคุณเป็นอย่างงั้นเลย คุณต้องเจอสภาพแวดล้อมแบบไหน แล้วนี่ยังไม่นับว่ากว่าจะได้กรรมพันธ์ที่เจอสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้วจะเป็นคุณ ต้องผ่านข้อมูลเรื่องราวแบบไหน แล้วไอ้คน หรือสิ่งๆนั้นที่ทำให้เกิดข้อมูลที่ส่งผลกระทบให้เกิดคุณมา ก็ไม่รู้ ไปทำอะไรหรือสร้างผลกระทบให้ข้อมุลที่จะเกิดในปัจจุบันและจะส่งผลต่ออนาคตยังไง}
"สรุป"
ความจริงแล้ว ความโกลาหล มันก็แค่ข้อมูลที่ทับซ้อนกันมากเกินไป เลยทำให้สมองเราปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยข้อมูลที่ไม่เพียงพอยาก แค่นั้นแหล่ะครับ
-เพิ่มเติม-
อารมณ์เหมือนเรานั่งแก้มัดสายหูฟังน่ะ5555 คือถ้าเราดึงมั่วๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเส้นไหนมันเป็นยังไง ความโกลาหลหรือก็คือความเป็นไปได้ที่คุณไม่สามารถคาดเดาได้เพราะข้อมูลไม่พอ ก็จะเกิดขึ้น ประมาณนั้นครับ แบบดึงไปอยู่ๆ มันแน่นขึ้น หรือไม่ก็ ดึงแล้วคลายปมออกหมดเลย แบบนั้นอ่ะ ทั้งๆที่ถ้าแงะปมดู ก็จะอ๋อทันทีว่าทำไม แต่ความเป็นจริงเราทำง่ายขนาดนั้นไม่ได้ไง คิดดูดิ จักวาลกำเนิดมาเป็นหมื่นล้านปี แล้วแบบแต่ล่ะข้อมูลมันก็จะส่งผลกระทบถึงกันแน่ๆ ไม่ว่ามากหรือน้อย แต่ถ้าเวลามันยังเดินอยู่ ข้อมูลเหล่านั้นก็มีแต่จะสร้างผลกระทบต่อๆกันไป กันมาจนกลายเป็นสายหูฟังในท้ายที่สุดครับ
ปล. เรื่องนี้อธิบายได้หลายเรื่องเลยน่ะ ทั้ง Butterfly Effect, Caos, Entropy, โชตชะตา มีจริงมั้ย?, ทำไมการแก้ไขอนาคตให้เป็นอย่างที่เราต้องการถึงยาก, ทำไมการย้อนมาในอดีตถึงเป็นไปไม่ได้, ปัจจุบันสำคัญจริงไหม? ทำไมอะไรหลายๆอย่างที่เราเจอมักมีความเกี่ยวข้องกัน, ทำไมคาดเดาอนาคตถึงยากและทำไมถึงคาดเดาอนาคต, ทำไมคาดเดาสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้จากข้อมูลในอดีตที่เล็กน้อย, ตัวตนที่แท้จริงของ "สัมผัสที่ 6" ญาณทิพย์ พลังจิต อ่านใจ ผลกรรม ทุกปัญหามันมีทางออก และอื่นๆอีกมากมาย แถมเรื่องนี้ยังเป็นปรัชญา อุทาหรณ์ให้เป็นอย่างดีว่า ทุกตัวเลือกมันสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ ถ้าเกิดเราให้ความหมายมัน
ปล.2 ใครที่อ่านเข้าใจ ก็อย่าไปเครียดมากครับ โลกความจริงมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ผมหมายถึงถ้าเกิดเราแค่ใช้ชีวิตธรรมดาๆ มองโลกแค่ที่เราต้องหรือได้เจอ แต่รู้แล้วก็จำใว้ในใจลึกๆเสมอครับว่าทุกการกระทำมีผลกระทบเสมอ และก็เลิกโทษโชคชะตากับสิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้นได้แล้วน่ะครับ เพราะถ้ารู้แล้วว่าความโกลาหลมันเกิดจากข้อมูลที่ทับซ้อนกันมา ถ้าเกิดมันสำคัญก็แค่สืบหาข้อมูล เดี๋ยวก็เจอต้นตอ แล้วแก้ไขได้เอง หรือถ้าไม่สำคัญก็แค่โยนมันออกจากหัว แล้วไปใช้ชีวิตของเราต่อก็พอ จบครับ นี่ยังไม่นับเรื่องของการที่มันอธิบายได้ว่า ทำไมบางเรื่องคนนึงเข้าใจ และบางเรื่องทำไมอีกคนไม่เข้าใจ นั้นก็เพราะข้อมูลมันไม่มากพอจะให้เราเห็นเส้นของหูฟังทั้งหมด และคลายปมมันได้นั้นเอง
ปล.3 ใครที่อ่านมาทั้งหมดแล้วเนี่ย ยังไม่เข้าใจอีก อย่างแรกเลยขอชื่นชมครับ ที่คุณได้เป็น 1 ใน 0.8% ของคนไทยที่อ่านหนังสือเกิน 8 ตัวอักษร555 ผมจะให้คุณไปทำการทดลองง่ายๆครับ
ของที่ต้องเตรียมมี
1.แหล่งน้ำ อาจจะเป็นเติมน้ำในกาละมัง ลำคลอง หรือบ่อน้ำก็ได้ครับ
2.หินและเรือกระดาษ ใครพับไม่เป็นก็เปิดยูทูปพิมหาเอาครับ มีสอนถมไป55
วิธีการทดลอง
1.ตั้งเรือในแหล่งน้ำ
2.โยนหินครั้งเดียว
3.สังเกตุและคิดครับว่าอะไรที่ทำให้เรือขยับ แล้วก็ค่อยๆคิดลึกมากขึ้นและมากขึ้น เช่น เรือขยับเพราะหิน แล้วทำไมหินทำให้เรือขยับ แล้วก็ไปต่ออีก หินทำให้เรือขยับเพราะมันสร้างแรงกระเพื่อมทำให้น้ำขยับ อ่ะอีกสักนิด แล้วทำไมหินถึงสร้างแรงกระเพื่อมทำให้น้ำขยับ นั้นก็เพราะมวลและความเร็วที่หินเป็นทำให้เกิดพลังงานซึ่งน้ำที่โดนพลังงานมาจากหินก็ต้องเอาพลังงานไปทำอะไรสักอย่างและสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการที่น้ำกระเพื่อมนั้นเอง ประมาณนี้ครับ ก็ลองไปทำดูกันน่ะ จริงๆทุกคนจะเปลี่ยนการทดลองเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่ข้อ3ยังเป็นเหมือนเดิมก็พอ
ผมเลยเชื่อว่าถ้าโชคชะตาจะมีอยู่จริง มันคืออะไรแบบนี้แหละที่เรียกว่าโชคชะตา ไม่ใช่พลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่กำหนดว่าอะไรจะเกิดในอนาคต แต่เป็นเหตุการณ์ที่ซ้อนทับผลลัพธ์ต่างๆจนสร้างปัจจุบันขึ้นมาในแบบที่จะทำให้เกิดอนาคต
มีแนวคิดที่ว่าถ้าอนาคตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันถูกกำหนดแล้ว นั้นจะหมายถึงเราไม่มีอิสระในการกระทำรึปล่าว แต่ถ้าคิดตามหลักที่ว่า มันไม่ใช่ว่าเพราะอะไรกำหนดให้เราทำอะไร แต่เป็นทุกอย่างหล่อหลอมให้เราเป็นคนที่จะทำแบบนี้ ในแบบที่ทุกคนเข้าใจอยู่แล้วคือ อดีตสร้างปัจจุบันให้เป็นรูปแบบที่จะสร้างอนาคต คิดๆดูแล้วก็สมเหตุสมผลดีนะในจักรวาลระบบปิด เหมือนเรือกระดาษในอ่างน้ำ(ในกรณีอ่างเป็นระบบปิดสมบูรณ์)ที่ยังไงก็เคลื่อนที่ตามพลังงานที่ใส่ลงไป ตามทิศทางของแรง โดยที่ถ้าจะดูอนาคตของเรือ ต้องรู้จักทุกอย่างในอ่าง ทุกโมเลกุลน้ำ ทำให้ในสเกลใหญ่กว่าเราเดาอนาคตไม่ได้เลย
@@Werty2795 สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมด ถ้าแปลเป็นภาษามคธในคำเดียว น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า "วิปัสสนา" มากที่สุด..
อยากรู้ต่อไหม..
จะขยายความให้
ซึ่งภาษามคธ ก็เป็นภาษาที่พัฒนามาจาก กลุ่มภาษา Indo-European จึงจะมาเป็นภาษาไทยในปัจจุบัน ก็จนหลังจากผ่านมาแล้วหลายพันปี ทั้ง ละติน บาลี ฯลฯ ก็มาจาก กลุ่มภาษานี้
กลุ่มภาษา Indo-European หลังจากผ่านมาหลายพันปี ก็กลายเป็นรากศัพท์ ในภาษาต่างๆอีกนับ100ภาษา ในหลายทวีปทั่วโลก.. ถ้าเราย้อนไปในยุคนั้น ภาษาพวกนี้น่าจะเกิดขึ้นในยุคทองของการค้า หรือเส้นทางสายไหม ซึ่งไม่ได้แลกเปลี่ยนแค่ของมีค่า แต่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันด้วย...
ตัวอย่างเช่น ไตร ตรี three tri triangle ก็หมายถึง 3 หมดเลย.. ใครอยากรู้ลองไปศึกษาต่อดู...
เช่น ปัญจะ ที่แปลว่า 5 อย่างเหล่า ปัญจวัคคีย์ ก็ดันอ่านออกเสียงคลายกันกับ penta ในละติน ซึ่งก็แปลว่า 5 เหมือนกัน อย่างเช่น อาคารทรง5เหลี่ยม ชื่อดังที่รู้จักกันดีอย่าง Pentagon ที่ปรากฏในหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่องเลย ถ้าสืบย้อนกลับไปอีก ก็จะยิ่ง บังเอิญสุดๆ ...
ปล. ที่ยกตัวอย่างเป็นบาลีกับละตินเพราะรู้แค่นั่น ยังมีภาษากรีกอีก โรมันอีก ปวดหัวเลย แต่สนุกนะที่ได้ค้นคว้าเรื่องพวกนี้
(ความแปลกคือ คำสอนของพุทธะ คือ ความรู้ของมนุษย์เมื่อ 2.5 พันปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่มี ศาสนาคริสต์ด้วยซ้ำ มีเพียงแค่ กลุ่มเทวะนิยม กับ อเทวนิยม..
นิวตันยังเกิดช้าไปอีกตั้งพันปีผ่านมาแล้ว คนพิมพ์อยู่นี่เหลือจะเชื่อเลย แต่คนอ่านนี้อ่านจนจบได้ไง นับถือจริงๆ)
ปล.อีกแล้ว.. นี่เป็น1ในเหตุผลที่ต้องมีการสอนนักธรรมบาลี และมีการสอบนักธรรมมากมาย เพื่อเข้าใจสิ่งที่คนเมื่อ2พันกว่าปีที่แล้ว ว่าเขาคุยอะไรกัน เค้าสอนอะไรกัน บางที คนวัยทองกับคนวัยรุ่น ยังสื่อสารกันไม่เข้าใจเลย เพราะเกิดคนละยุค ระยะเวลาแค่ไม่กี่ทศวรรษ
รูปแบบแฟร็กทัล โครงสร้างของธรรมชาติ แสงแฟร็กทัลเห็นตอนสมาธิครับ
เห็นชัดเจน พูดให้ใครฟังไม่ได้ อธิบายไปก็เริ่มยังไงหล่ะ คนฟังคงงง มันดูขัดแย้งและย้อนแย้ง ไม่มีในโลกมนุษย์ เลยเกิดข้อคิดง่ายๆ ก่อนตายเรื่องสะสมผลบุญคงไม่ช่วยอะไรได้ คิดอย่างเดียว สติปัญญาความรู้ประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิต อยากนำติดตัวไปด้วยตอนตาย นี่คือผลจากการทำสมาธิ ผมก็คิดได้แค่นี้ในขณะนี้ แต่วันข้างหน้าไม่รู้จะเป็นรูปแบบใหนไม่ทราบ แต่จากที่สังเกตุคนภายนอก คนบ้า คนเมากัญชา น่าจะเป็นกลุ่มที่เห็นอะไรแปลกๆ มากกว่าใคร เหมือนทางลัดสู่นิพพานเลยก็ว่าได้ไม่ต้องมานั่งทำสมาธิ
@@กรณ์ชพัฒน์กลางสวัสดิ์ ผมนั่งสมาธิแล้วเห็นแสงนี้วนไปวนมาไม่รู้จบ สักพักมีเสียงนกร้องดังขึ้นว่า เกิด ดับๆๆๆ ผมตระหนักได้ถึงบางอย่าง เห็นวัฏจักรและสิ่งง่ายๆภายใต้สิ่งซับซ้อน แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอกครับ
@@กรณ์ชพัฒน์กลางสวัสดิ์ ผมเห็นแสงนี้ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรคนอื่นก็ว่านิมิตบ้างบ้าบ้างแต่มันก็เห็นมาตลอด มีวันนึงทำสมาธิเห็นแสงนี้วนเวียน มีนกร้องดังขึ้น เกิดดับๆ ซ้ำๆทำให้ผมตระหนักบางอย่างที่เกินคำพูด
ขอบคุณครับ กดติมตามแล้วครับ
สรุปแล้ววัตถุเกิดจากพลังงาน และพลังงาน ที่จริงแล้วก็ไม่มีอยู่เวลาก็ไม่มีอยู่ ส่วนใหญ่ผู้ที่รู้ความจริงครั้งแรกก็ จะรู้สึก เหมือน พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าเราหายไป
นึกถึงการทับซ้อนเลย
สิ่งนี้เรียกว่า อนิจจัง ครับ
เราเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกมีอายุขัย โลก จักวาล ก้อมีอายุขัย อีกกน่อยโลกก้อหมดอายุ
จักรวาลเรามีรูปแบบที่จำกัด คำตอบเดียวกันแต่สามาหาได้หลายวิธี การเอารูปแบบเดิมมาต่อยอดเป็นรูปแบบใหม่
Entropy ความน่าจะเป็น ทำให้เกิดความโกลาหล
การคำนวณจะแม่นยำมากขึ้น หากใช้ Quantum Supremacy โอกาสความถูกต้องจะเข้าใกล้ 100%
อย่าคิดซับซ้อนนั้นเลยครับเอาง่ายๆเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนสองคน ใครชอบกินรสหวาน แต่สุดท้ายก็จะมีเครื่องดื่มที่ทุกคนโอเคในท้องตลาด
เเละนั่นเป็นเหตุผลที่กรมอุตุนิยมวิทยา ไม่สามารถforecastได้มากระดับเดือน ต่อให้ได้ก็ผิดเพี้ยนเหลือเกิน เพียงทศนิยมตำเเหน่งที่10ก็ตาม😂
คล้ายโลกนี้ มีมนุษย์เกิดขึ้นแบบวุ่นวาย จากสิ่งมีชีวิตเล็กไปสู่มนุษย์ที่พัฒนาึวามฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เเล้วล่มสลายหายไป แล้วเริ่มเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ..วนลูปมาหลายรอบจนนับไม่ได้ เป็นส่วนนึงในคำสอนของศาสนาพุทธ
ความบังเอิญไม่มีในโลก เผลอๆก็ไม่มีในจักรวาลด้วย
เคยสนใจเรื่องพวกนี้อยู่ มีข้อสงสัยมากมาย แต่ตอนนี้เริ่มมีความเข้าใจ (ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน) นี่คือสมการ สารตั้งต้นแห่งความเข้าใจที่อาจไม่เข้าใจในอนาคต สุดท้ายก็ต้องยอมรับและอยู่มุมเล็ก ๆ ที่สร้างกฎแห่งความเข้าใจ ที่เราไม่ต้องไปเติมความวุ่นวายให้ทั้งตัวเองและบุคคลอื่น.... เข้าใจกันไหมเนี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดั่งที่ พระพุทธเจ้า ทรงบอกไว้ "ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน"
ใช่คับ☸️☸️🙏
แต่มีความแน่นอนและจริงแท้อยู่นะครับ เรื่องของกรรมดี ทำดีผมจะไม่บอกว่าได้ดี ผมจะบอกว่าไงก็ดีกับตัวเรา
ความไม่แน่นอนคือความจริง
คนทำดีไม่ได้ดีมีเยอะแยะครับ การทำดีเป็นเรื่องสมมุติปรุงแต่งขึ้นมา ถ้าเราไปทำดีกับคนที่ไม่มองว่าดี ผลก็เป็นผลเสียครับ เพราะคนเรานั้นมีความยึดถือดีไม่ดีแตกต่างกัน @@เต่าล้านชั่วโมง
วิทยาศาสตร์ดีกว่าเยอะ
ทุกๆสิ่งในโลกนี้ย่อมตั้งอยู่ภายไต้กฏแห่งกรรมหรือทางวิทยาศาตร์ก็คือกฎแห่งจักรวาลต่างๆแต่แล้วเหตุผลต่างๆเหล่านี้มันก็จะวนลูปกลับเข้ามาหากฏแห่งกรรมอีกจนใด้คิดงา่ยๆเมื่อมีเหตุย่อมต้องมีผลหรือหากคิดย้อนกลับถ้าถ้าไม่มีผลลัพธ์ก็ย่ อมไม่มีเหตุก่อนหน้าดั่งเช่น1ต้องมาก่อน2345.......เสมอจะนับอย่างใงก้อช่างทุกอย่างทุกเหตุการณ์ไม่มีคำว่าบังเอิญเป็นแต่กรรมใหม่กรรมเก่าแล้วส่งผลต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าว่าไครหรือคนๆนั้นจะเข้าสู่นิพพานจึงจะรุ้แจ้งแห่งกฏต่างๆเหล่านี้สาธุ
ความวุนวาย แบบมีระเบียบ /เพราะมีสารมืด ทุกอย่างต้องการพืนที/ดูจากระยะสุรียะ ต่างคนต่างเดิน แต่ระยะห่างกับมวลและขนาดจะแบ่งพืนทีซื่งกันและกัน ระยะเศษดาวคือจุดทีรอวันเสถียน
อายุมากขึ้นมากขึ้น สามารถจะคิดคำนวณวิเคราะห์ต่อไปได้ไหม เช่นการสร้างแมทช์เพื่อรับรองการเคลื่อนที่ของสสาร.... ไปดวงดาวอื่นแล้วก็เดินทางกลับไปกลับมาได้