ขอด้วย! เขมรยื่นเรื่องคู่ไทย ขอขึ้นทะเบียน 'ผ้าขาวม้า' ต่อ UNESCO อาจสะเทือนถึงชุดกุนขแมร์
ฝัง
- เผยแพร่เมื่อ 6 มี.ค. 2023
- หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรมของไทย ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอีกครั้งว่า ว่าประเทศไทย ได้เตรียมยื่นขอขึ้นทะเบียน 'ผ้าขาวม้า' ต่อ UNESCO ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ภายในเดือนมีนาคมปีนี้ ที่คาดว่าจะได้รับการรับรอง ในปี 2027 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า แต่งานนี้ กัมพูชาไม่ยอมให้ไทยขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าได้ง่ายๆ จึงกำลังดำเนินเรื่อง เพื่อขอขึ้นทะเบียนต่อ UNESCO ภายในเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ผ้าขาวม้า ได้ถูกจัดให้เป็นมรดกทางภูมิปํญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำปี 2556 หรือคริสตศักราช 2013 เป็นผ้าที่มีการทอขึ้นมาแบบเรียบง่าย มีลวดลายเป็นตาราง ได้รับการย้อมสี และมีการใช้งานในหลากหลายรูปแบบในครัวเรือน ใช้ได้กับทั้งชายและหญิง เรียกว่า เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ก็ว่าได้
การเตรียมการขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าของไทย ที่มีข่าวมาตั้งแต่ปี 2022 น่าจะทำให้กัมพูชา เร่งดำเนินการ ขอขึ้นทะเบียนผ้าชนิดนี้ด้วยเช่นกัน การออกมาแถลงข่าวของทางฝั่งไทย ในต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยิ่งเป็นแรงกระตุ้น ให้กัมพูชารีบดำเนินการยื่นเรื่องต่อ UNESCO ภายในเดือนมีนาคมนี้ เหมือนกับทางการไทย ทั้งนี้ ดูมีเจตนาชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้ไทย สามารถทำการขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าได้สำเร็จ งานนี้ก็ต้องมาวัดกันว่า หลักฐานของฝั่งใด จะชัดเจนและมีน้ำหนักมากกว่ากัน แม้ว่าในช่วงหลังๆ เราจะเห็นกัมพูชา นำเอาผ้าชนิดนี้ ไปใช้กับการแต่งกาย ในหลากหลายโอกาส โดยเฉพาะนักมวยเขมร ที่ใช้พันศีรษะและเอว
เดิมที ความพยายามในการเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆของกัมพูชา ดูเหมือนจะให้น้ำหนัก ไปที่การขอขึ้นทะเบียน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ต่อ UNESCO ที่ดูเหมือนจะเป็นองค์กร ที่รับลูกจากกัมพูชาได้ง่ายๆเช่นกัน เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมา แต่การขอยื่นเรื่องจดทะเบียนผ้าขาวม้า ดูจะช้ากว่าของไทยไปก้าวหนึ่ง ซึ่งการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนผ้าในแบบเดียวกัน น่าจะทำให้ UNESCO รู้สึกแปลกใจไม่น้อย และน่าจะทำงานให้ละเอียดมากขึ้นกว่าปกติ
การเดินเกมขอจดทะเบียนสิ่งต่างๆ ที่เห็นว่ากัมพูชา สามารถได้ประโยชน์ในการสร้างความชอบธรรม ในการเป็นเจ้าของ เมื่อมองผ่านๆแล้ว อาจจะดูเหมือนว่าไม่มีผลกระทบกับไทยเท่าใดนัก แต่ในทางปฏิบัติ นี่คือวิธีเดียว ที่จะเป็นการรับประกันว่า วัฒนธรรมในจินตนาการของชาวกัมพูชา มีอยู่จริง เพียงเพราะมีการรับรองจากองค์กรนานาชาติแห่งนี้เท่านั้น เพราะกัมพูชาเอง ไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างยุคสมัยใหม่ในปัจจุบัน และยุคโบราณในสมัยนครวัด เสมือนเป็นการช่วยต่อจิ๊กซอร์ในสิ่งที่ขาดหายไป ซึ่งจะว่าไปแล้ว เหมือนเป็นการสร้างจิ๊กซอร์ขึ้นมาใหม่ มากกว่าที่จะเป็นการทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป การขอขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าของกัมพูชา ที่ไทยก็มีผ้าชนิดนี้ด้วย ชื่อก็คล้ายคลึงกัน และกำลังขอขึ้นทะเบียนอยู่ น่าจะส่งผลกระทบกับไทยพอสมควร เพราะผ้าชนิดนี้ มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในไทยมานมนาน และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละถิ่น อย่างไรก็ตาม ชื่อเรียก ขาวม้า ในภาษาไทย หรือกัมพูชาเรียกว่า คาร์มา มีต้นกำเนิดจากภาษาเปอร์เซีย ที่เรียกว่า กะมาร์บันด์ โดยคำว่า กะมาร์ แปลว่า เอว ส่วนคำว่า บันด์ แปลว่า พัน รวมกันเป็น ผ้าพันเอว ซึ่งคนไทย รับวัฒนธรรมการทอและการสวมใส่ผ้าขาวม้า มาจากผ้าคาดเอวลายตาราง ของขุนนางและพ่อค้าชาวเปอร์เซีย ในสมัยอยุธยา และพ่อค้าโมกุล สมัยอยุธยาตอนปลาย ในขณะที่มีบันทึกจากโจวตากวน (ทูตการค้าชาวจีน)ในสมัยโบราณยุคอังกอร์ ที่ระบุว่า ชาวพื้นเมืองเขมร ไม่รู้จักการใช้เข็ม หรือทอผ้าใดๆ ต่างจากคนสยาม ที่ทำเป็นทั้งสองอย่าง รวมถึงการเลี้ยงหม่อนไหม งานนี้ต้องหวังให้ทางการไทย เตรียมข้อมูลหักล้างในทุกด้าน เพราะหลักฐานต่างๆในอดีต มีอยู่มากมายหลายแหล่งอยู่แล้ว ในขณะที่กัมพูชา ก็ไม่น่าจะสามารถหากินกับภาพหินแกะสลัก ไปได้ตลอดกาล
ในทางฝั่งของกัมพูชา มีความคืบหน้าล่าสุด ที่สื่อกัมพูชารายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชา กำลังเตรียมการในการยื่นจดทะเบียนประวัติศาสตร์และการใช้ผ้าขาวม้าต่อ UNESCO เพื่อให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้รายการต่อไปของกัมพูชา โดยทางกระทรวงได้เดินสายไปพบประประชาชนเพื่อขอแรงสนับสนุนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานผ้าชนิดนี้ในชีวิตประจำวัน เป็นการแสดงให้เห็นความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมชนิดนี้ต่อชาวกัมพูชา ชาวกัมพูชาได้ให้ข้อมูลว่า พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากผ้าขาวม้าตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ห่อหุ้มเด็กทารกแรกเกิด จนไปถึงการห่อศพผู้เสียชีวิต โดยการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นต่อ UNESCO ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา ถึงจนถึงตอนนี้ ได้แล้วเสร็จไปแล้วกว่า 70%
อีกเหตุผลหนึ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมของกัมพูชาให้ความสำคัญ ก็คือการให้มรดกชนิดนี้เป็นที่จดจำของผู้คนไปตลอดกาล การขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้า จะช่วยให้มนษยชาติ ไม่หลงลืมผ้าชนิดนี้ไปตามกาลเวลา โดยล่าสุด ทางกระทรวงได้ทำ workshop ในเรื่องนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ UNESCO ที่จังหวัดบันเตียเมียนเจยไปแล้ว เพื่อรับฟังความคิดเห็นทางด้านเทคนิคจากประชาชนในเรื่องนี้ นอกจากนั้น จะมีการจัด workshop ขึ้นอีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคม ในจังหวัดเสียมราฐ โดยทางกระทรวงมีแผนในการยื่นเอกสารอย่างเป็นทางการต่อ UNESCO ในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ซึ่งชัดเจนว่า การยื่นเรื่องภายในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเป็นการขัดขวางการยื่นเรื่องของไทยอย่างแน่นอน
ที่มา: www.bangkokpost.com/life/soci...
cambodianess.com/article/camb...
ติดตามช่องของเราได้ที่นี่ FaceBook / thailand.theworld
![[Full Episode] Hell's Kitchen Thailand EP.11 | 21 เม.ย. 67](http://i.ytimg.com/vi/WA5WOIBaxXM/mqdefault.jpg)
![[실시간] 전철에서 찍힌 기생생물 감염 장면 | 기생수: 더 그레이](http://i.ytimg.com/vi/4nkFvwxGAfA/mqdefault.jpg)
ใครชอบการนำเสนอ รบกวนกด like ใต้คลิปให้ด้วยนะครับ ขอบพระคุณครับ 🙏
เราสามารถแจ้งได้ว่ามันคืออิทธิพลจากเราแพร่ไปสู่กัมพูชาจึงมีความคล้ายคลึงกัน ถ้าเรามีหลักฐานถึงที่มาและช่วงเวลา
เราควรเริ่มปิดพรมแดนเขมรได้แล้วให้สัหนุอกแตกตายไปเลย
คนป่าเย็บผ้าก็ไม่เป็น คราวนี้ก็จะเอาผ้าขาวม้า
ทำสงครามเถอะ ทนมามากพอแล้ว
สิ่งที่ทำให้แรงงานลาวและเขมร
ต้องกลับบ้าน คุณคิดว่าเป็น
ข้อใด?
มาดูสิ่งที่2ประเทศนี้แสดงออก
1.อ้างสิทธิ์ในวัฒนธรรม โดยเขมรและลาว
2.เข้าไปทำคลิปใน"วัดพระแก้ว"
แล้วอ้างสิทธิ์ว่า เป็นของ เขมร
ส่วนลาวอ้างสิทธิ์ เอาพระแก้วมรกต คงจะลืมไปว่าที่นั่นมีสถานะเป็น"พระราชวัง"ด้วย
3.เขมรอ้างสิทธิ์ในดินแดนทั้งหมดของประเทศไทย
ส่วนลาวอ้างสิทธิ์ดินแดนภาคอีสาน
4. "ด่าสยาม" นั่นบรรพบุรุษ
ของไทยเลยฯลฯ (สนุกปาก)
ทำไมเดี๋ยวนี้เราเกลียดเขมรมากๆเลย
1) ถ้าไทยขึ้นทะเบียนไม่สำเร็จ รัฐบาลต้องพิจารณาการทำงานของกระทรวงวัฒธรรม..
2) ถ้า unesco มีกรรมการ ทำงานเข้าข้างเขมร ไทยจะป้องกันได้อย่างไง อย่าให้เหมือนเขาพระวิหาร..,
มันต้องหาบ่ารายชื่อมูกประเทศให้ประท้วง UNESCO ว่าทำงานไม่โปร่งใส ต้องล่ารายชื่อประท้วงในฐานะที่เข้าข้างเขมร ไม่เป็นกลาง ถอดและให้หาประเทศอื่นๆมาเป็นแทนฝรั่งเศส ถ้าไม่มีความโปร่งใสเท่ากับว่ามีองค์กรณ์นี้ใว้เพื่อทำให้คนมาทะเลาะกัน??
พี่ใหญ่คงสนับสนุนไทยแน่นอน เพราะตอนนี้เขมรเข้าข้างจีนเต็มๆ ถ้าไทยได้ขึ้นทะเบียนก่อน เขมรมันจะออกมาโวยและเกิดความขัดแย้งกับไทย และความขัดแย้งจะก่อเกิดสงคราม ซึ่งตรงกับความต้องการของพี่ใหญ่ที่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งอยู่แล้ว
เขมรก็โง่ไม่เข้าเรื่องเกมแค่นี้มันยังดูไม่ออกอีก แต่ถ้ารบ ไทยไม่เคยกลัวเขมรอยู่แล้ว ยิ่งถ้าลุงตู่อยู่(ไม่ได้อวยลุงนะแต่คือความจริง) เขมรมึงเละแน่
จริงๆด้วย
+1
เหมือนพอเราจะทำอะไรกัมพูชาทำตามตลอด หรือเพราะอาจบ้านเราทำงานกันแบบเปิดเผยเพื่อให้ประชาชนไทยรู้อยู่แล้ว หรือมีสายวงในบอกข่าวคนกัมพูชา เราต้องยืนเรื่องแบบฟ้าผ่าให้กัมพูชามันรับมือไม่ทัน
ผ้าขาวม้าไทย องค์พระพันปีทรงส่งเสริม ให้ต่างชาติ ได้รู้ได้เห็น มาตั้งนานแล้ว มีหลักฐานพอก็เอามางัดได้
ความจริงแล้วไทยเรารับมาจาก พ่อค้าชาวเปอร์เซียอีกทีนะก่อนจะไปถึงเขมร
สุดท้ายเขมรเอาไปโพกหัวรำมวยลิงโชว์😂🎉
หลักฐานมีในกำแพง มุกเดิมๆ
ใช่ครับ ไอ้เมขรโง่ นิสัยสันดานเหี้ยตั้งแต่โครตง่าวมันล่ะ
Thai garment is known as pha khao ma (ผ้าขาวม้า) and is worn in the Isan region by locals and by ethnic Khmers.
ต่อไปถ้าไทยจะขอขึ้นทะเบียนอะไรก็ไม่ต้องประกาศให้ประเทศชอบเคลมรู้ แอบไปจดเลย
ผ้าขาวม้า เป็นผ้าทอพื้นบ้านสารพัดประโยชน์ที่คนไทยใช้ในชีวิตประจำวัน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 2 ศอก ยาวประมาณ 3-4 ศอก มักทอเป็นลายตารางเล็ก ๆ โดยใช้ด้ายหลากสีโดยใช้เส้นใยฝ้ายหรือเส้นใยไหม แต่ผ้าขาวม้าส่วนมากนิยมทอจากเส้นใยฝ้าย ผ้าขาวม้าในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น รวมถึงสีและลวดลายซึ่งขึ้นกับความนิยมของแต่ละท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ความเป็นมาของผ้าขาวม้านั้นมีข้อสมมติฐานที่มาหลากหลายข้อ แต่ข้อที่เชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ผ้าขาวม้ามาจากอิหร่าน โดยคำว่า "ขาวม้า" เพี้ยนมาจากคำว่า "คามาร์ บันด์" (Kamar Band) ซึ่งแปลว่าผ้าคาดเอว โดยในผลงานวิจัยเรื่อง "ผ้าขาวม้า : เอกลักษณ์ไทย" ของรศ. ดร. อาภรณ์พันธ์ จันทร์สว่าง จากคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อธิบายว่า ผ้าขาวม้าเป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษาอิหร่านที่ใช้ในสเปน เนื่องจากในอดีตอิหร่านและสเปนมีการติดต่อกัน ทำให้เกิดการถ่ายเททางวัฒนธรรมและภาษาซึ่งกัน โดยในสเปนใช้ผ้าคามาร์ในการคลุมบ่าหรือคาดเอว หลังจากนั้นผ้าคามาร์จึงเผยแพร่ไปยังที่อื่น ๆ เนื่องจากในอดีต จักรวรรดิสเปนนับเป็นมหาอำนาจของโลกที่มีอาณานิคมมากมาย ผ้าคามาร์จึงแพร่หลายเข้าสู่ดินแดนต่าง ๆ ที่จักรวรรดิสเปนติดต่อด้วยจนเข้าสู่ประเทศไทยในที่สุด
ผ้าขาวม้าเริ่มเข้าสู่ดินแดนประเทศไทยมาแต่โบราณ หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดบ่งชี้ว่าเริ่มมีการใช้ผ้าขาวม้าในอาณาจักรโยนกนาคนคร หรือโยนกเชียงแสน ราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 หลักฐานดังกล่าวคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน เป็นภาพการแต่งกายของชาวบ้าน โดยผู้ชายใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่าหรือเคียนเอว นอกจากนี้ หลักฐานการเปรียบเทียบลักษณะของการแต่งกายจากภาพประติมากรรมนูนต่ำ ลายปูนปั้นประดับโบราณสถานเช่นที่เจดีย์วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หรือประติมากรรมรูปเทวดาประนมมือที่วัดเจดีย์กู่เต้า อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบว่าผู้ชายในชนชั้นสูงของเชียงแสนจะนุ่งผ้าสองชาย ยาวกรอมเท้า ทิ้งชายพกขนาดใหญ่ไว้ด้านซ้ายของลำตัว คล้ายลักษณะการนุ่งผ้าของชาวขอม คาดทับด้วยผ้าหรือเข็มขัด ทิ้งชายให้ยาว
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาพเขียน "ไตรภูมิอยุธยา" ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 ปรากฏว่าชาวอโยธยานิยมใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่า คาดเอว นิยมนุ่งโจงกระเบนแล้วใช้ผ้าขาวม้าคล้องคอ ตลบห้อยชายทั้งสองไว้ด้านหลัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ผ้า "คาดเกี้ยว" ในกลุ่มชนชั้นสูงและขุนนาง เป็นผ้าหน้าแคบกว่าผ้านุ่ง มีลายเป็นดอกโตสีต่าง ๆ คาดทับเอวเพื่อให้กระชับแน่นขึ้นคล้ายกับที่ชาวบ้านใช้คาดเอวนั่นเอง แต่ผ้าคาดเกี้ยวจะมีลวดลายสีสันที่สวยงามกว่าผ้าคาดเอวของชาวบ้านทั่วไป
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวบ้านทั้งชายหญิงนิยมใช้ผ้าขาวม้ามาทำประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยไม่ได้จำกัดไว้เพียงเป็นเครื่องแต่งกายเท่านั้น แต่นำมาใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นอีกด้วย ตั้งแต่ใช้พาดบ่า เคียนเอว โพกศีรษะ เช็ดเหงื่อ ใช้ปูนั่งปูนอน นุ่งอาบน้ำ ผูกเปลนอนให้เด็กทารก ใช้เป็นผ้าบังเมื่อให้นมลูก เป็นผ้าม่านกันแดด เป็นต้น
ผ้าขาวม้าในไทยนั้นมีหลากหลายลวดลาย หลายรูปแบบตามแต่ละท้องที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาวม้าพระนครศรีอยุธยา ผ้าขาวม้าชัยนาท ผ้าขาวม้าศรีสะเกษ ผ้าขาวม้าสุรินทร์ ผ้าขาวม้ามหาสารคาม ผ้าขาวม้าน่าน ผ้าขาวม้ากาญจนบุรี เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าผ้าขาวม้านั้นเป็นที่นิยมใช้กันในแทบทุกพื้นที่ในประเทศไทย แต่ละที่ก็มีการใช้วัตถุดิบ หรือการใช้สีสันที่แตกต่างกัน หลาย ๆ แห่งอาจจะใช้เส้นใยสังเคราะห์ หรือเส้นด้ายย้อมสีจากธรรมชาติ เพื่อเข้าถึงความต้องการของตลาดในหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย
ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการใช้งานดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีการใช้ผ้าขาวม้าประยุกต์ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเป็นสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เครื่องแต่งกายอย่าง เสื้อ กระโปรง หมวก หรือของใช้อื่น ๆ อย่างกระเป๋าสะพาย ผ้าพันคอ กระเป๋าใส่แว่น ร่ม สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้งานผ้าขาวม้าที่ยังคงไม่เสื่อมคลายไปตามยุคสมัย
ตอนเกลียดเขมรเข้าใส้
พี่เจ้าของเมนท์หลัก มีสาระตลอดเลย ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
เชียงใหม่เรียก ผ้าต่อง ผู้ชายใช้เป็นผ้าเช็ดตัว นุ่งก็ได้ ห่มก็ได้ กันแดดคลุมหัวก็ได้ ทำเปลก็ได้
อิหร่านตอนนั้นมีชื่อว่าเปอร์เซีย
ขอบคุณข้อมูลเป็นประโยชน และมีเรื่องราวที่มาที่ไป มากกว่ากองหิน พวกกัมพูชาปลอมตัวมาอ่านจะรู้ไหมว่า ผ้านี้ใช้ทั่วทุกท้องถิ่น เห็นมาอ้างว่าใช้แต่ที่ภาคอีสาน ซึ่งเคยเป็นดินแดนของเผ่าพันธุ์ปกครองของเขามาก่อน
คนไทยนี้แหละช่วยเขมรทำเรื่องนี้ ต้องเป็นคนในด้วย มีข้อมูลเยอะ...
ความจริงมันมีพวกขายชาติ
พวกต้องไล่ไปเขมรห้ามเข้าไทยตลอดไป
ใช่
@@audykamarin7154 อยากขายแผ่นดินแน่ๆพวกให้ข้อมูลพวกนี้ ตายไปคงอยู่ในอบายภูมิ เห็นว่าอยู่ในกรมศิลปากรด้วยอ่ะ เส้นสายให้เขมร
คนเชื้อสายนี้มีทุกที่แหละ
ว่าแล้วววว เพราะพอออกข่าวไปวันก่อน วันนี้ก็มาเคลมเลย 😅😂 ต่อไปนี้ถ้าจะขึ้นทะเบียนอะไร ต้องทำให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาออกข่าว
บ้างคนบ้านเราก็ชอบออกหน้าออกตาคับ มีโนรา คับมันเถียงไม่ได้เรยขึ้นแบบง่ายๆ ส่วน สงกรานต์-ลอยกระทงมันน้อยๆต้องขอร่วม
มันบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของข้าราชการไทยค่ะ โดยเฉพาะกระทรวงนี้ที่อ่อนด้อยมาก
จริงครับ
#Beware Khmer pickpockets. and Loose culture.
เขมรรีบมาก ตอนนี้เตรียมเอกสารได้แค่ 70% แต่สิ้นเดือนยื่น UNESCO แล้ว แสดงว่าเพิ่งทำเรื่องไม่นาน จงใจขวางไทยชัดๆ
ช่างกำลังรีบสลักบนกำแพงวัด 😂😂😂
ปล่อยให้คนเขมรอดหยากต่อไป ไม่ต้องไปช่วยอะไร ยังแสบไม่เลิก
สงกรานต์ไทย ส่งปีนี้ เขมรชักตายแน่
@@servicess7183 ชาวเขมรแถวสุรินทร์มีใช้มากว่า200ปี แล้ว
ถ้ายูเนสโกให้ถือว่าลำเอียงชัดๆเลยค่ะ
ยูเนสโก้เป็นทุกอย่างของเขมร ขึ้นทะเบียนแล้วทำอะไรก็ได้ เคลมประเทศอื่น เป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งบนโลก มีสิทธิ์ทุกอย่าง ครอบจักวาล มหัศจรรย์จริงๆ
มันบอกมีทุกสิ่งบนกำแพงนครวัด
กลายเป็น UNESCO เป็นเครื่องมือสร้างความร้าวฉาน
กายเป็นยูเนสโก สร้างความแตกแยกใน ภูมิภาค🤣🤣🤣🤣🤣
นี่จะรอดูว่าการที่กลับลำหันมาโหวตประนามรัสเซี ในเวที Un ไม่นานมานี้ จะช่วยอะไรได้มากน้อยขนาดไหน จะบอกอะไรให้ไอ้ที่เขมรมันได้หน้าแล้ว U N ขึ้นทะเบียนมวยเขมรให้พวกมันก็เพราะว่าชาติมหาอำนาจฝั่งประชาธิปไตยเขาไฟเขียวให้ Un เล่นแง่กับไทยเรื่องการจดลิขสิทธิ์บัตรมวยไทยมวยเขมรคราวนั้นแหละ เพราะว่าโชว์โง่ไปยกมือเป็นกลาง ในเวที Un ในกรณีสงครามรัสเซียบุกยูเครน ดูท่าทางสถานการณ์ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะหลังจากที่กลับลำตามสไตล์ชาตินกสองหัวอย่างกะลาแลนด์ อเมริกาเขาตอบรับโดยการส่งกำลังมาร่วมฝึก คอบร้าโกลด์ ด้วย แต่อังกฤษและฝรั่งเศสนี่สิ ยังหมั่นไส้ไม่หาย ถึงขั้นไม่นานมานี้ทูตอังกฤษใส่ชุดไทยไปโชว์ที่ปราสาทหินเขมรแล้วช่วยโปรโมทว่านี่คือชุดของเขมร ฝรั่งเศสอีกยังไม่ตามมา กูว่างานนี้คนไทยทั้งหลายทำใจไว้บ้างเถอะถ้าเรื่องไปถึง ยูเนสโก กูว่างานนี้คงเสร็จเขมรอีกแล้วว่ะ คนไทยส่วนใหญ่ก็โง่เกินอ่อนด้อยประสบการณ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศอย่างยิ่ง ไปบ่นด่าว่าสถานทูตอังกฤษไม่มีวุฒิภาวะอย่างนั้นอย่างนี้นี่แหละสัญญาณที่เขาสั่งสอนในความโง่ที่ไปเข้าข้างชาติเผด็จการอย่างจีนอย่างรัสเซียเว้ย ส่วนหนึ่งก็โทษพวกมึงนี่แหละที่ยอมปล่อยให้ไอ้รัฐบาลชุดนี้ขึ้นมามีอำนาจครองอำนาจมายาวนาน 8 ปี พวกมึงด้วยที่โง่
ฮุนเซน วันๆคิดแต่จะเอาอะไรจดทะเบียน ดีเน้อ
ไทยมานิ่งๆๆแล้วทำได้หมด อย่าไปสนใจมัน!!
อยากให้ต่อไปนี้ไทยชิงจดแบบเงียบๆ แถลงข่าวอีกทีคือจดผ่านละ
เกลียดพวกมันจริงๆเกลียดยิ่งกว่าขี้อีก
ไทยแพ้อีกไม่ได้เด็ดขาด ประชาชนชาวไทยสู้้ให้ถึงที่สุด
เห็นไหม มันไว้ใจได้ที่ไหน ไสมันไป ปิดพรมแดน ถาวรไปเลย คับ มันไม่มีข้อมูลอะไรเลย
เดี๋ยวถ้าเราขึ้นทะเบียนส้มตำ มันก็จะขึ้นทะเบียนส้มตำตาม เชื่อเถอะ มันตามเรา
คอยดูความสามารถของกระทรวงวัฒณธรรม
ไม่กล้าคาดหวังอะไรเลยค่ะ
ไม่มีหรอก
มีด้วยเหรอกระทรวงนี้
เจ้ากระทรวงมันไม่รู้สีรู้สาอะไรเลย แม้แต่เรื่ิองเขมรเคลมมวยไทย รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมยังเงียบกริ๊บ
โขนจดแล้ว โนราจดแล้ว นวดไทยจดแล้ว
อาหารกัมพูชา ข้าวต้มเกลือ ทำไมไม่ยื่นล่ะ
UNESCO กลายเป็นสนามรบใหม่ระหว่าง ไทย-เขมร... ขอให้ไทยชนะ
ถ้าเขมรจะยื่น ต้องบอกว่าวัตถุดิบมาจากไหน คำตอบที่ได้เขมรต้องบอกว่า วัตถุดิบมาจากไทย คนไทยเป็นคนทอ เขมรมาซื้อและเอาไปใช้เม่านั่นแหละ ชาวเขมรแห่เข้ามาจ้างไทยทอ
ผมว่าชุดไทย ควรน่าขึ้นมากๆเลยนะครับ
ส่วนตัวชุดไทยเราน่าจดที่สุดทำไมไม่ทำก่อน
รายละเอียดมันเยอะ ชุดไทยมีหลายยุค หลายสมัย ยื่นจดลำบากคับ
@@user-sj3yi5mf4j ชุดไทยชาวขะแมร์ในเวียดนามมีใช้มากว่า1000ปีแล้ว "ชนเผ่า Khmer ในเวียดนาม - VOV World"
ต้องทำการขึ้นทะเบียนคะ เพราะชุดไทยคือชุดประจำชาติ ไม่งั้นมันก็จะกลืนกลายไปมากกว่านี้ (พูดง่ายๆ เดี๋ยวพวกมันก็จะเครมเอาไปหมด)
@@surapong271 ชุดไทยมีหลายสมัยและรายละเอียดเยอะ เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมาก แต่ทางกลับกันนั้นก็แสดงถึงการทำงานหนัก ความยากลำบาก ความพยายามของหน่วยงาน และ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของไทย หากมีการพยายามนำชุดไทยขึ้นทะเบียนกับยูเนสโก้ ผมว่าคนไทยคงรู้สึกคุ้มค่ามากๆกับภาษีที่จะจ่ายไปแก่หน่วยงานด้านวัฒนธรรม
คหสค ครับ ถ้าไทยคิดจะจดทะเบียนอะไรก็ทำไปเลยไม่จำเป็นต้องเป่าประกาศให้เพื่อนบ้านรู้ ทำเสร็จอนุมัติเรียบร้อยค่อยว่ากัน
ขอร่วมกันไม่ได้ครับ ส่วนมากไทยจะขอแบบมีเงื่อนไขต่อท้ายด้วยคำว่า "ในประเทศไทย" ส่วนประเทศที่ไม่รู้ก็นึกว่าเราตัดหน้า ชึ่งจริงๆแล้วทุกประเทศสามารถขอได้ แต่ต้องมีที่มาที่ไปชัดเจน แล้วเขมรกล้าพอไหมที่จะบอกว่าได้มาจากประเทศอื่น อีกทั้งไทยก็ชัดเจนในหลายเรื่องเช่นชุดครุยและลอมพอกก็มาจากเบอร์เซียมีดกริชมาจากแขกชวา มาลายู
สไตล์เขมรคือ ใส่ข้อมูลว่า่เป็นต้นฉบับด้วย เหมือนโบกาตอร์ แต่ UNESCO ไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่งานนี้มันเพิ่งทำ เหมือนจงใจทำให้ไทยได้รับการอนุมัติช้า หรือ UNESCO ขอข้อมูลเพิ่ม ถ้ามันอ้างว่ามีมาก่อนไทยเหมือนเรื่องอื่นๆ
ขอบคุณขอมูลค่ะ
@@rolam ประเทศเพิ่งเกิดรุ่นปู่ผมนี่นะ(ยังเด็กว่าปู่ผมอีก) จะมีอะไรก่อนไทยได้
@@rolam เห็นด้วยกับคุณ ตอนแรกที่เห็นเขาก็ใช้ผ้าอีกแบบ ถ้าดูจากคลิปวีดีโอเก่าๆขอบเขาที่มีก็จะพบแต่ โบกาตอ ไม่มีกีฬาต่อสู้แบบกุน อะไรนี้เลยก่อนซีเกมส์ ยิ่งย้อนไปเป็น10ปียิ่งไม่มีชื่อปรากฎ เหมือนเขาจงใจอย่างที่คุณว่ามาจริงๆ
ภาษาเขมรไม่มีคำว่า ผ้าขาวม้า มีแต่คำว่า กันแซง แต่เป็นผ้าขนาดเล็กมัดหัว ส่วนของไทยเป็นผ้าขนาดใหญ่ ใช้นุ่ง โพกหัว มัดเอว ผูกเปลเด็ก
ถึงคราววัดฝีมือ ระหว่างของไทยและกัมพูชา ว่าของใครเก่งกว่ากัน
และบ่งบอกถึงการทำงานของราชการทั้ง2ประเทศ ว่าใครทุ่มเทมากกว่ากัน จะรอชมนะคับ
ไม่รู้ว่า ยูเนสโก้ ส่วนใหญ่เป็นคนฝรั่งเศสหรือเปล่าแต่ เมื่อก่อนยูเนสโก้เป็นคนฝรั่งเศส
ตอนขึ้นทะเบียนโขน ยูเนสโก้เคยส่งหนังสือให้ครูโขนของไทยไปสอนคนเขมร แต่ยูเนสโกยังให้ขึ้นทะเบียนโขนแข่งกับไทย
ยูเนสโก ศูนย์กลาง อยู่ ปารีส
ยูเนสโก มันเป็นลูกพี่เขมร 1000000%
@@user-lx9ub9sh7g ตอนนี้จีนลูกพี่เขมร ใรั่งเศษหมาหัวเน่าถูกเขมรหรอกใช้
โจวต้ากวน ทูตจีน ที่เคยไปอยู่ กัมพูชา ในปีคศ.700 เคยบันทึกไว้ว่า ชาวเขมร มันไม่มีการถักทอ ไม่มีการสาวไหม ผ้าเป็นของที่หาได้ยาก หากเสียหาย ก็จะเอาไปให้ ชาวสยามซ้อมให้
ในสมัย คศ.700 โจวต้ากวน ยังบอกอีกว่า ชาวเขมร สมัยนั้น เขาจะไม่ใส่เสื้อกัน ดังนั้น มรึงเลิกพูดเลยว่า มรึง ใส่สไบ เพราะ มรึงมาใส่สไบ หลังจากเป็นเมืองขึ้น ของสยาม 400 ปีแล้ว ในยุค Oudung แล้ว
ส่วนในยุค ที่เริ่มเป็นเมืองขึ้นไทย ในยุค Khmer empire , Chatomok , Longvek , Sri santhorn มรึงไม่เคยมีสไบ
เรื่อง ผ้าขาวม้า ไม่ต้องพูดถึง เพราะ เขมรไม่มีการใช้ กี่ กระตุก ไม่มีการสาวไหม ไม่มีการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม เสื้อผ้า มาจาก ชาวสยาม ที่เข้าไปใน เขมร
หลักฐาน เรื่องนี้ ในเขมร ก็มี เขมรมันยังมีรูปเลย ว่า ยุคไหน ใส่อะไรแบบไหน
ใช้ครับ เรื่องเสื้อผ้าเขมรไม่ควรมั่นหน้าไปเคลมใครได้
ลึกๆแล้วเขาน่าจะรู้บ้าง แต่เขาไม่ยอมรับ เอาแต่หลอกตัวเองหลอกพวกกันเอง☺✌
ภาษาเขมรจริงๆไม่มีคำว่า ผ้าขาวม้า มีแต่คำว่า กันแซง แต่เป็นผ้าขนาดเล็กมัดหัว ส่วนของไทยเป็นผ้าขนาดใหญ่ ใช้นุ่ง โพกหัว มัดเอว ผูกเปลเด็ก
ผม งง กับ ยูเนสโก จริงๆ เหมือน ลำเอียง ไปทาง เขมร มากกว่า เหมือน พ่อ ลูก 😂😂😂
กลับบ้าน กลับบ้าน กลับบ้านน่ะเขมรเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ประเทศคุณมีดีก็กลับไปหากินที่บ้านของพวกคุณ ทัศนะคติที่พวกคุณมองประเทศไทยไม่ใช่มิตรที่ดีต่อกันก็ขอให้กลับไปซะเถอะ เห็นบอกประเทศไทยเจริญขึ้นเพราะพวกคุณแรงงานขแมร์ ทั้งที่คนไทยใช้เงินจ้างพวกคุณ พวกคุณยังจะลำเลิกบุญคุณอีก เอาให้เต็มที่ แล้วผลลัพต์ที่ตามมาคือจากกัน เพราะเอกชนจะจัดจ้างชาวพม่า ไทยใหญ่ ที่มีทัศนะคติที่ต่อคนไทย หรือประเทศไทย โชคดีครับแรงงานเขมร
ประเทศมีปมด้อย ข้าวหอมมะลิก็ตั้งชื่อคล้ายไทย ดอกลำดวนอ้างว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติเรียก ร่มดุล
ผ้าขาวม้าเรียก ผ้ากรอมา เครื่องดนตรีวรรณคดีเขมรเป็นภาษาไทย ตามทุกอย่างแล้วบอกต้นฉบับ
ไทยเรียก ผ้าขาวม้า
เขมรเรียก ผ้าเคลมมา
ไทยกินขี้เพี้ย ในลาบ ซอยจุ๊
เขมรบอกเหนือกว่า กินขี้วัวเป็นก้อนๆ
ได้อยู่นะ ผ้าเคลมมา 🤣🤣
😂😂😂
ชอบๆ เคลมมา
เราเอาฮาดีก่านั๊วะะะะะ..😂🤣😜
ผมได้ไปดูกูเกิ้นแล้วนะคับ มีชื่อนายฮุนเชนอยู่ในรายชื่อยูเนสโก้และอยู่เบื้องหลังยูเนสโก้ด้วยคับ เพราะยูเนสโก้คืออยู่พักพวกเดียวกันคับ
ผมคนไทยเชื้อมลายู ปัตตานี นราธิวาส ยะลา จะเรียกผ้าขาวม้าไทยว่า กาย-ลือปัส-ซีเเยกายลือปัส แปลว่า ผ้าอเนกประสงค์ ใช้สวม ใช้เช็ด คาดเอว พาดบ่า ส่วนคำว่า ซีเเยก็เพี้ยนมาจากคำว่า สยาม เรียกแบบนี้นมนานตั้งเเต่สยามเข้าปกครองปัตตานีเเละวัฒนธรรมไทยเข้ามามีอิทธิพล เเรียกเเบบนี้มาถึงปัจจุบัน ส่วนผ้าขาวม้าเเบบมลายูก็เรียก กายลือปัส(ไม่มีคำว่า ซีเเย ต่อท้าย) เป็นลายอีกแบบหนึ่ง อดีตนิยมใช้ใช้ชีวิตประจำวันในผู้ชายคาดหัว คาดเอว ผู้หญิงก็คลุมหัวเสมือนฮีญาบ เเละปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ สวมใส่พันศรีษะกับชุดมลายู เเละนำออกมาสวมใส่วันเทศกาลสำคัญหรือมีงานเกี่ยวกับวัฒนธรรมก็จะเห็นผ้าชนิดนี้ครับ
สวัสดีครับได้ความรู้เพิ่มเลย ผมชอบศึกษาเรื่องในอดีต และประวัติศาสตร์มากเลย แต่ความรู้จากทางใต้ผมรู้น้อยเหลือเกิน ขออนุญาตทำความรู้จักไว้เผื่อผมรบกวนสอบถามบ้างได้ไหมครับ
@@ashittainura3577 ยินดีบอกต่อในสิ่งที่รู้ครับ หากอยากประวัติศาสตร์อย่างละเอียด ให้พิมพ์คำว่า กำเนิดปาตา ของช่องประวัติศาสตร์นอกตำรา มี6ep สนุกและได้ความรู้ครับ ส่วนผ้าขาวม้าแบบมลายู ลองค้นหาในเฟสบุ๊คครับ พิมพ์ว่า ผ้าลือปัสโบราณ ครับ
@@sanadisan3598 ขอบคุณมากครับ ช่องประวัติศาสตร์นอกตำราได้รับชมอยู่ครับดีมากเลย ตอนนี้ผมว่าจะหาดูเรื่องกริช ซึ่งมีแบบปาตานีเช่นกัน ผมอยากจะหาที่มาที่ไปว่าวัฒนธรรมกริชฮินดูมารุ่งเรืองจนเป็นเอกลักษณ์ของชาวมุสลิมทางใต้ไปถึงชวา ฯลฯ ได้อย่างไร ทำไมสายฮินดูกลุ่มอื่น ๆ อน่างในเมืองพระนครหลวง หรือละโว้ ถึงไม่รุ่งเรือง อะไรทำนองนี้ และบางครั้งผมขอรบกวนถามคำศัพท์ภาษาถิ่นบางคำเพื่อประกอบการอ่าน แล้วผมไม่เข้าใจบ้างนะครับ (ปล.คงไม่ถี่บ่อยจนรำคาญครับ 555) ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
ผ้าของเขมร เรียกว่า กรอ-มา ( จะไม่เหมือนของไทย ลายก็ต่างกัน)
กรอมา (เขมร: ក្រមា) เป็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมของกัมพูชา สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น ใช้พันคอ โพกศีรษะ ต่างผ้าเช็ดหน้า เคียนเอว ห่มคลุมกันแดดฝน หรือใช้เป็นเปลสำหรับทารก นักกีฬาบุกกาเตาจะเคียนกรอมาที่หัว เอว และกำปั้น และใช้สีของกรอมาเพื่อแยกแยะระดับทักษะของนักกีฬา โดยกรอมาสีดำถือว่ามีระดับทักษะสูงสุด หากเป็นสีขาวจะหมายถึงระดับทักษะต่ำสุด กรอมาสวมใส่ได้ในทุกเพศทุกวัย โดยมากเป็นลายตารางสีแดงหรือสีน้ำเงิน ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติอย่างหนึ่งของกัมพูชา
ในยุคเขมรแดงเรืองอำนาจ รัฐบาลบังคับให้ชาวเขมรสวมชุดสีดำ และพันคอด้วยกรอมาลายตารางหมากรุก ซึ่งการแต่งกายเช่นนี้ ชาวไทยในเกาะกงจะเรียกว่า "กา", "เขมรดำ" หรือ "เขมรกาดำ" ด้วยเปรียบเปรยทั้งสีผิวกับสีชุด
เขมรยื่นโดยใช้คำว่า Karma อ่านคล้ายขาวม้ามาก เป็นลายตารางเหมือนกัน ปกติลายผ้าขาวม้า มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ของไทยเองก็ไม่เหมือนกัน แต่เป็นตารางเหมือนกัน ที่สำคัญ เนื้อหาของเขมรที่ยื่น UNESCO คือ ใช้ประโยชน์ วัตถุประสงค์การใช้งานผ้าขาวม้า เหมือนกับของไทยเลย คือใช้งานสารพัดประโยชน์ แต่มันเอาประวัติศาสตร์มาจากไหน จริงๆชุดแต่งกายเขมร มาจากไทยแทบ 100% รวมถึงซัมปอต ก็เอามาจากไทยในสมัย ร 5
@@SuperDiasuke พวกขะเหม็นมันไว้ใจไม่ได้หรอก คบยาก นิสัยปลิ้นปล้อน หลอก ลวง ขี้ขโมย
ผ้าขาวม้า เป็นผ้าทอพื้นบ้านสารพัดประโยชน์ที่คนไทยใช้ในชีวิตประจำวัน มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 2 ศอก ยาวประมาณ 3-4 ศอก มักทอเป็นลายตารางเล็ก ๆ โดยใช้ด้ายหลากสีโดยใช้เส้นใยฝ้ายหรือเส้นใยไหม แต่ผ้าขาวม้าส่วนมากนิยมทอจากเส้นใยฝ้าย ผ้าขาวม้าในประเทศไทยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น รวมถึงสีและลวดลายซึ่งขึ้นกับความนิยมของแต่ละท้องถิ่นด้วยเช่นกัน
ความเป็นมาของผ้าขาวม้านั้นมีข้อสมมติฐานที่มาหลากหลายข้อ แต่ข้อที่เชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ ผ้าขาวม้ามาจากอิหร่าน โดยคำว่า "ขาวม้า" เพี้ยนมาจากคำว่า "คามาร์ บันด์" (Kamar Band) ซึ่งแปลว่าผ้าคาดเอว โดยในผลงานวิจัยเรื่อง "ผ้าขาวม้า : เอกลักษณ์ไทย" ของรศ. ดร. อาภรณ์พันธ์ จันทร์สว่าง จากคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อธิบายว่า ผ้าขาวม้าเป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษาอิหร่านที่ใช้ในสเปน เนื่องจากในอดีตอิหร่านและสเปนมีการติดต่อกัน ทำให้เกิดการถ่ายเททางวัฒนธรรมและภาษาซึ่งกัน โดยในสเปนใช้ผ้าคามาร์ในการคลุมบ่าหรือคาดเอว หลังจากนั้นผ้าคามาร์จึงเผยแพร่ไปยังที่อื่น ๆ เนื่องจากในอดีต จักรวรรดิสเปนนับเป็นมหาอำนาจของโลกที่มีอาณานิคมมากมาย ผ้าคามาร์จึงแพร่หลายเข้าสู่ดินแดนต่าง ๆ ที่จักรวรรดิสเปนติดต่อด้วยจนเข้าสู่ประเทศไทยในที่สุด
ผ้าขาวม้าเริ่มเข้าสู่ดินแดนประเทศไทยมาแต่โบราณ หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดบ่งชี้ว่าเริ่มมีการใช้ผ้าขาวม้าในอาณาจักรโยนกนาคนคร หรือโยนกเชียงแสน ราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 หลักฐานดังกล่าวคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน เป็นภาพการแต่งกายของชาวบ้าน โดยผู้ชายใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่าหรือเคียนเอว นอกจากนี้ หลักฐานการเปรียบเทียบลักษณะของการแต่งกายจากภาพประติมากรรมนูนต่ำ ลายปูนปั้นประดับโบราณสถานเช่นที่เจดีย์วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หรือประติมากรรมรูปเทวดาประนมมือที่วัดเจดีย์กู่เต้า อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบว่าผู้ชายในชนชั้นสูงของเชียงแสนจะนุ่งผ้าสองชาย ยาวกรอมเท้า ทิ้งชายพกขนาดใหญ่ไว้ด้านซ้ายของลำตัว คล้ายลักษณะการนุ่งผ้าของชาวขอม คาดทับด้วยผ้าหรือเข็มขัด ทิ้งชายให้ยาว
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภาพเขียน "ไตรภูมิอยุธยา" ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 ปรากฏว่าชาวอโยธยานิยมใช้ผ้าขาวม้าพาดบ่า คาดเอว นิยมนุ่งโจงกระเบนแล้วใช้ผ้าขาวม้าคล้องคอ ตลบห้อยชายทั้งสองไว้ด้านหลัง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ผ้า "คาดเกี้ยว" ในกลุ่มชนชั้นสูงและขุนนาง เป็นผ้าหน้าแคบกว่าผ้านุ่ง มีลายเป็นดอกโตสีต่าง ๆ คาดทับเอวเพื่อให้กระชับแน่นขึ้นคล้ายกับที่ชาวบ้านใช้คาดเอวนั่นเอง แต่ผ้าคาดเกี้ยวจะมีลวดลายสีสันที่สวยงามกว่าผ้าคาดเอวของชาวบ้านทั่วไป
ในสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวบ้านทั้งชายหญิงนิยมใช้ผ้าขาวม้ามาทำประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยไม่ได้จำกัดไว้เพียงเป็นเครื่องแต่งกายเท่านั้น แต่นำมาใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นอีกด้วย ตั้งแต่ใช้พาดบ่า เคียนเอว โพกศีรษะ เช็ดเหงื่อ ใช้ปูนั่งปูนอน นุ่งอาบน้ำ ผูกเปลนอนให้เด็กทารก ใช้เป็นผ้าบังเมื่อให้นมลูก เป็นผ้าม่านกันแดด เป็นต้น
ผ้าขาวม้าในไทยนั้นมีหลากหลายลวดลาย หลายรูปแบบตามแต่ละท้องที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาวม้าพระนครศรีอยุธยา ผ้าขาวม้าชัยนาท ผ้าขาวม้าศรีสะเกษ ผ้าขาวม้าสุรินทร์ ผ้าขาวม้ามหาสารคาม ผ้าขาวม้าน่าน ผ้าขาวม้ากาญจนบุรี เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าผ้าขาวม้านั้นเป็นที่นิยมใช้กันในแทบทุกพื้นที่ในประเทศไทย แต่ละที่ก็มีการใช้วัตถุดิบ หรือการใช้สีสันที่แตกต่างกัน หลาย ๆ แห่งอาจจะใช้เส้นใยสังเคราะห์ หรือเส้นด้ายย้อมสีจากธรรมชาติ เพื่อเข้าถึงความต้องการของตลาดในหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย
ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการใช้งานดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีการใช้ผ้าขาวม้าประยุกต์ใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อสร้างสรรค์ผลงานเป็นสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น เครื่องแต่งกายอย่าง เสื้อ กระโปรง หมวก หรือของใช้อื่น ๆ อย่างกระเป๋าสะพาย ผ้าพันคอ กระเป๋าใส่แว่น ร่ม สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้งานผ้าขาวม้าที่ยังคงไม่เสื่อมคลายไปตามยุคสมัย
@@SuperDiasuke
ក្រមា อันนี้ภาษาเขมร
อ่านว่า Krama ( ผ้าของเขมร)🤔
นี่จะรอดูว่าการที่กลับลำหันมาโหวตประนามรัสเซี ในเวที Un ไม่นานมานี้ จะช่วยอะไรได้มากน้อยขนาดไหน จะบอกอะไรให้ไอ้ที่เขมรมันได้หน้าแล้ว U N ขึ้นทะเบียนมวยเขมรให้พวกมันก็เพราะว่าชาติมหาอำนาจฝั่งประชาธิปไตยเขาไฟเขียวให้ Un เล่นแง่กับไทยเรื่องการจดลิขสิทธิ์บัตรมวยไทยมวยเขมรคราวนั้นแหละ เพราะว่าโชว์โง่ไปยกมือเป็นกลาง ในเวที Un ในกรณีสงครามรัสเซียบุกยูเครน ดูท่าทางสถานการณ์ตอนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะหลังจากที่กลับลำตามสไตล์ชาตินกสองหัวอย่างกะลาแลนด์ อเมริกาเขาตอบรับโดยการส่งกำลังมาร่วมฝึก คอบร้าโกลด์ ด้วย แต่อังกฤษและฝรั่งเศสนี่สิ ยังหมั่นไส้ไม่หาย ถึงขั้นไม่นานมานี้ทูตอังกฤษใส่ชุดไทยไปโชว์ที่ปราสาทหินเขมรแล้วช่วยโปรโมทว่านี่คือชุดของเขมร ฝรั่งเศสอีกยังไม่ตามมา กูว่างานนี้คนไทยทั้งหลายทำใจไว้บ้างเถอะถ้าเรื่องไปถึง ยูเนสโก กูว่างานนี้คงเสร็จเขมรอีกแล้วว่ะ ก็ในเมื่อชาติขาใหญ่อย่างที่ต่อต้านรัสเซียและจีน ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ไม่หยุดที่จะป่วนเพราะว่ามันไส้ในความเป็นนกสองหัวของกะลาแลนด์บ้านพวกมึง มีเท่าไหร่เศษเขมรแน่ คนไทยส่วนใหญ่ก็โง่เกินอ่อนด้อยประสบการณ์ด้านการเมืองระหว่างประเทศอย่างยิ่ง ไปบ่นด่าว่าทูตอังกฤษไม่มีวุฒิภาวะอย่างนั้นอย่างนี้นี่แหละสัญญาณที่เขาสั่งสอนในความโง่ที่ไปเข้าข้างชาติเผด็จการอย่างจีนอย่างรัสเซียเว้ย ส่วนหนึ่งก็โทษพวกมึงนี่แหละที่ยอมปล่อยให้ไอ้รัฐบาลชุดนี้ขึ้นมามีอำนาจครองอำนาจมายาวนาน 8 ปี พวกมึงด้วยที่โง่
เอาว่ะ คราวนี้เขมรจะเคลมของเปอร์เซียเลยหรอ เขมรรู้ที่มาที่ไปมันป่ะเนี่ย
เอาไว้ไม่ได้จริงๆคนประเทศนี้
ขอบคุณที่แจ้งข่าวค่ะ จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้ประเทศ
เขมรต้องรีบขอยูเนสโกขึ้นทะเบียนขอทานขะแมร เพราะมีในรูปสลักกำแพงวัด
1694 หรือ 1506 กด 2 สายด่วน กระทรวงแรงงานฯ แจ้งแรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมาย..ด่วน
#SAVE ประเทศไทย..
ไทยเราก็จิบน้ำชา รับทรัพย์จากนักท่องเที่ยว แล้วก็ทยอยขึ้นทะเบียนกับ UNESCO ไปเรื่อย ๆ ให้กัมพูชา วิ่งซ้าย วิ่งขวา นอนหลับก็ต้องสะดุ้ง ว่าไทยจะขึ้นทะเบียนอะไรต่อ เข้าห้องน้ำก้อนั่งนานไม่ได้ ต้องรีบมาแอบฟังว่า ไทยจะขึ้นทะเบียนอะไรต่อ จะได้ขวางไว้ ทุกข์ใดไหนจะเท่า ทุกข์ของเขมร ที่มโนว่า ตัวเองคือ อดีตศูนย์รวมนวัตกรรมของภูมิภาค โดยแทบไม่มีหลักฐานอ้างอิง ยกเว้น ภาพแกะสลัก ที่ต้องมโน เพ้อฝัน จากภาพแกะสลักแต่ละภาพ โดยไม่คำนึงถึงธรรมชาติ ความเป็นจริงว่า อาณาจักรอื่น ๆ ในอดีต เขาก็พัฒนาองค์ความรู้ของเขาเหมือนกัน ดูประเทศจีนเป็นตัวอย่างสิ จากวันนั้น ถึงวันนี้ ความยิ่งใหญ่ ก็ไม่เคยหายไป จำนวนประชากรก็สะสมมาเรื่อย ๆ จนทะลุ พันล้านแล้ว ไม่ต่างจากอินเดีย
ส่วนเขมร คุยนักคุยหนา โอ้อวดโน่น นี่ นั่น แต่มีประชากรแค่ สิบกว่าล้านคน ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผล กับความยิ่งใหญ่ที่ตัวเองมโนไว้ว่า อดีตยิ่งใหญ่มาก เป็นเจ้าของทุกอย่าง ยิ่งทำตัวแบบนี้ เพื่อนบ้านก็ยิ่งรังเกียจ อ๋อ ไม่สิ มีเพื่อนคู่หูดูโอ สปป ลาว ที่มองเขมร เป็นไอดอล ระวังไทยจะถีบหัวส่ง ทั้งสองประเทศนะ แล้วจะหาว่าไม่บอก
อันนี้พูดตามหลักโลกความจริงนะถ้าทางการไทยไม่มีปัญญาทำให้เหนือกว่าเขมร คุณควรพิจรณาตัวเองนะ ทั้งสายป่านความเป็นสากลคอนเนคชั่นเงินทองคุณเหนือกว่าเค้าถ้าคุณเอาสิ่งที่เหนือกว่าพวกนี้ไป ลอบบี้ให้มันสะดวกสบายไม่ได้ ผมว่าไทยมีปัญหานะ เพราะทุกประเทศเค้าทำกัน ไม่งั้นตะวันออกกลางจะได้จัดบอลโลกไหม
อย่าลืม ลูกพี่เหมร อยู่ใน ยูเนสโก ด้วย ไม่งั้นเวลาจดมันจะทำได้ไวกว่าไทยได้ไง เรื่องนี้เขารู้กันไปทั่ว...
เรียกว่าเอาคนกระจอกมานั่งทำงานนั่นเอง
องค์กรยูเนสโก้อยู่ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ชัดเจนไหม!
@@rungmet7019 ใช่ เหมือนโบกาตอ พึ่งไดยินชื่อ เสือกได้Unesgo ละถึงกับ #อิหยังวะ😂
ขัดแข้งขัดขา หาเรื่องไทยก่อนตลอดเลย รบ.กัมพูชาจงใจเปิดศึกกับเราเรื่องนี้ตลอดเลย
ก็ต่างคนต่างจด
คนละชื่ออยู่แล้ว
นอกจากเหม็นจะเปลี่ยนชื่อเป็นผ้าข้าวม้าเหมือนเรา
อันนี้มันจงใจเคลม
เจอแน่ๆ
ข้างบ้านกวนประสาทจะย้ายหนีมันก็ไม่ได้! ไอ้พวกคลั่งลัทธิกำแพงนี่มันน่าปวดตับจริงๆ😓
โคตรหน้าด้านสุดโคตรนายจ้างไทยทั้งหลายถ้ารักชาติไทยจริงเลิกจ้างแรง งานทั้งหมดจะชอบคุณ ผู้รักชาติ
เราคนนึงล่ะเลิกจ้างเขมรไปนานล่ะ จ้างมันนี่ กูเหนื่อยกว่าเดิมอีก มันรู้มาก วันไหนงานเยอะมันหนีเทงานแกล้งป่วยบ้าง อ้างลูกป่วยบ้าง อ้างโดนตำรวจจับบ้าง ไม่ทุ่มเท ขี้เกียจ งานหยาบ ห่วงแต่ว่าจะได้เงินน้อยหรือเงินเยอะ โอ๊ยย สารพัดจะเจอ
กุเอือมระอา กับไอ้ประเทศส้นตีนนี่ฉิบหายยยยยยยยยยยยยยยยย
ผ้าขาวม้าที่เคยเห็นมามี 3 ประเทศ ไทย (สยาม) ลาว พม่า (กะเหรี่ยง ,ไทใหญ่ ไทๆ )
....เวรกรรม...สงสัยมันจะเคลม ถึงขึ้
คนไทยเลยมั้ง
รัฐบาล เจ้าหน้าที่ อย่าช้า ทำอะไรอย่าช้า
ไทยจะยื่นอะไรต่อยูเนสโก ไม่ต้องออกประกาศ ก็ได้นะ เหมนจะรอส่งแบบคู่ขนาน
แว่วๆว่าจะยื่นขอเป็นเจ้าของประเทศไทยด้วย
คนไทยรู้รึยัง ?
😂😂😂
ถ้าเคลม ตู่ ป้อม ผมรีบยกให้เลย
คนเขมรรู้ไหม ฮุนเซนขายประเทศให้จีนหมดแล้ว
อย่าให้เมียนม่าออกตัวนะเหมน เพราะเมียนมาเขานุ่งผ้าลายตารางมานานแล้ว
คือต้องเข้าใจก่อนนะคะ ว่าไทยเราขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้าได้ก็ไม่มีผลกับผ้าขาวม้าที่อิเหมนจะจดหรือสวมใส่ เช่นเดียวกับที่มันขึ้นทะเบียนโบกะดอหรือโขนมัน ไม่มีผลใดๆกับมวยไทยและโขนไทย มันไม่สามารถห้ามเราหรือมาเคลมเราได้ถ้าว่าตามกฏเกณท์จริงๆของยูเนสโก้
ก็ให้มันขึ้นของมันไปค่ะ เราก็ขึ้นของเรา ผ้าขาวม้าไทยหลากหลายตามภาค ส่วนอิเหมนมีแต่ลายตารางแค่นั้น การขึ้นทะเบียนประเภทนี้ไม่ไช่การจดลิขสิทธิ์แต่เป็นการขึ้นทะเบียนวัฒนธรรมของดีในชาติตนเอง ให้เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของโลก เหมือนห้องสมุดโลกน่ะค่ะ ให้ได้มีแหลงสืบค้นที่มาที่ไป (ที่น่าเชื่อถือกว่าวิกิแน่นอน) เราไม่ห่วงตรงนี้ ของเราข้อมูลแน่นและไม่มีทางไม่สูญหายแน่นอน และเราได้จดทะเบียนเป็นกิจจะลักษณะมาก ถือว่านำหน้าอิเหมนพอสมควร ไม่ได้มาเร่งจดด้วยเหตุเสี่ยงสูญหายแม่งทุกรอบแบบมันเพื่อมาขอครูไทยไปสอน
ที่ห่วงกว่าคือมันจะขอเร่งขึ้นทะเบียนด้วยเหตุเสี่ยงสูญหายอีก โบกะดอก็เสี่ยงหาย โขนเขมรก็เสี่ยงหาย เมิงจะขึ้นเร่งด่วนด้วยเหตุผลนี้ทุกครั้งเลยใช่มะ 😅 ที่สำคัญมันมีข้อนโยบายของยูเนสโก้ที่ว่า ชาติสมาชิกสามารถร้องขอให้ชาติสมาชิกอื่นที่มีวัฒนธรรมคล้ายกันมาช่วยแลกเปลี่ยนหรือช่วยสอนเพื่อไม่ให้ของตนเองสูญหายไปได้ หวังว่าไทยจะไม่ปล่อยความรู้ให้งูเห่านะคะแม้เราอาจจะถูกร้องขอไปช่วยสอนไอ้ต้นแบบจักรวาลกำแพงนครวัดนั่นอีก
และขออย่างเดียวคือไม่ต้องจดร่วมวัฒนธรรมกับมันก็พอ ไม่ว่าเรื่องไหน จดแยกไว้ค่ะ ไทยเราโซโล่เดี่ยวเรื่องวัฒนธรรมมาได้อย่างโดดเด่นตลอด ต่อให้มันมาพยายามฉุดรั้งก็เอาเราไม่อยู่ แถมสิ่งที่มันไปพยายามเร่งจดแข่งกะเราด้วยเหตุผลพิเศษที่ว่าเสี่ยงสูญหายอะไรนั่น ก็อยู่ไม่ยั่งยืนสักอย่างเดียว
การขึ้นทะเบียนน่ะไม่ยากหรอก การอนุรักษ์ดูแล บำรุงรักษาไว้นี่แหละ ยิ่งยากกว่า ชนชั้นทาสหรือจะมีปัญญาต่อยอดอารยธรรมที่ไม่ไช่ของตนเอง ดูนครวัดสิ มันเคยสร้างอะไรหลังจากนั้นได้อีกไหม
ขอบคุณสำหรับข้อมมูล เราเห็นด้วย
ขอให้ส่งคนไปช่วยสอน ขอได้แต่เราจะส่งไปหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่เรา มันไม่ได้มีบทบังคับหรือบทลงโทษอะไรถ้าไม่ทำตาม
มันขอไม่ได้ เดี๋ยวมันก็ขอร่วม
พม่าคงบอก กุใส่มาพันปีจนปัจจุบัน ยังไม่คิดอยากจด555
เวลาจะเสนออะไรต่อยูเนสโก เราต้องซุ่มเงียบไว้ก่อน ยูเนสโกให้ผ่านเมื่อไร แล้วค่อยประกาศ เพราะข้างบ้านจ้องคอยจะเคลมต่อ
ผ้าขาวม้าทางอีสานทอกันเยอะนะครับ
ทอผ้าแบบนี้ มันวัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทยนะ ผ้ากามาร์ มาจากเปอร์เซียครับ (จำได้เพราะบรรพบุรุษของผู้ภรรร ผมเอง)
ในสมัยอังกอร์ กัมพูชาทอผ้าไม่เป็น ไม่รู้จักเข็มเย็บผ้าด้วยซ้ำ กระทั่งการเข้าไปตั้งรกรากในเขมรของชาวเสียม
ยูเนสโกอยู่ฝรั่งเศส รู้สึกว่าทางนั้นจะเอนเอียงเข้าข้างกัมพูชาตลอด(เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ)
ควรยกเลิกให้มียูเนสโก้ได้แล้วมั้งมีอำนาจอะไรมาตั้งองค์กร
ก็ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมเขมรไง
ใช้ ความจน ความน่าสงสาร ไม่ได้อีกเเล้ว 😂
...ไม่มีวัฒนะธรรมอะไรเป็นของตนเลยแม้แต่น้อย..มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่พอจะทำให้มีชื่อเสียงได้..คือการปั้นน้ำเป็นตัว...
ใช่ค่ะ ออกมาเป็นตัวมี 4ขา มีหน้าตาเหมือนตัวที่คนไทยใช้ไถนา และชอบเอาม่เปรียบเทียบเรียกคนโง่ นั้นเค้าเรียกว่าตัวอะไรน่ะ 🤣😜🤣
ปรากฎว่าผ้าขาวม้าที่ขายในเขมรปั๊มเมดอินไทยแลนด์ว่ะ 😂
😂😂😂😂
เขมรผลิตเป็นหรือเปล่า
มันทำเรื่องเขาพระวิหารแล้วมันชนะไง มันถึงกล้าเคลมอย่างอื่น มันคงคิดว่าจะเหมือนกัน ไล่มันออกไป
คนไทยเจ็บแล้วให้รู้จักจำ จดทะเบียนร่วม ก็ไม่ควรจดทะเบียน ร่วมครับ ต่างคนต่างจด
ไม่น่าแปลกใจUNESCO ตั้งในประเทศฝรั่งเศษอันเป็นเจ้านายเก่ามันและUNESCO อยู่ในใต้อานัตของฝรั่งเศษ
ต้องมีข้อสนับสนุนจากไทยอย่างเข็มทีเดียว เพื่อหักล้างกันให้เขมรได้อาย เที่ยวหากินกันง่ายๆแบบนี้ ให้ชาวโลกได้รับรู้ความหน้าด้านของเขมร
ทำไมเราต้องให้องค์กรUNESCOที่ก่อตั้งในปี1945มาอนุมัติสิ่งที่เกิดมาก่อนที่องค์กรนี้เป็นหลายร้อยและบางอย่างที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า1000ปี ถอนตัวออกจากองค์กรหาเงินแบบขอทานนี้ดีกว่าไหม
ประเทศที่เป็นทาส และเมืองขึ้น ขาดวัฒนธรรม แต่อยากแย่งวัฒนธรรมจากประเทศแม่...
ตอนปวดขี้อย่าให้มันเห็นเชียว เดี๋ยวมันวิ่งตาม 555 มันเห็นเราเป็นไอดอลของมันแทนที่มันจะพูดกับเราดีๆ มันยังคิดไม่ได้ เหนื่อยกับมันจริงๆ.
ไทยควรเสนอยูเนสโกให้ให้เขมรเป็นตัวตลกของมวลมนุษยชาติที่จับต้องไม่ได้
เขมรใช้ผ้าขาวม้า แต่โบราณจนถงปัจจุบัน และไทยก็มีเหมือนกัน แต่ชาวเขมรใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า
จะจดอะไรให่เงียบๆไว้ สื่อไม่ต้องออกรอจดเสร็จให้ประกาศ
เจอข้างบ้านแบบนี้ ไทยอยู่ลำบาก
มันถูกเสี่ยมถูกสอนมาแบบนี้จริงๆ
ใครก็ได้ไปจัดหนักยูเนสโก้หน่อยว่าก่อนจะขึ้นอะไรหัดหาหลักฐานมาบ้าง ไม่งั้นไอ้ยูเนสโก้นี่แหละตัวปัญหา
ลายไทยกับลายเขมรมันต่างกันมองดูก็รู้😅😅😅😅
ของไทยก็ไม่เหมือนกันครับ แล้วแต่การออกแบบของแต่ละคน แต่ concept ต้องเป็นตารางเหมือนกัน แต่เนื้อหาที่เขมรยื่นคือประวัติศาสตร์และการใช้งาน ที่สำคัญคือ มันรีบมายื่นช่วงนี้
มันเป็นอะไรมากป่าวครับประเทศนี้ เห็นไทยขยับอะไรไม่ได้้เลยจริงๆ นี้ก็ของมัน นั่นก็ของมัน555
ยูเนสโก้เค้ากำหนดยื่นได้แค่ 1 เรื่องในรอบ 10 ปีหรือไง ผ้าขาวม้า สงกรานต์ โขน และอีกหลายอย่างของไทย มันควรได้ขึ้นทะเบียนมาตั้งนานแล้ว มัวทำอะไรกันอยู่
สินค้าส่งออกของไทยซะด้วย
ตัดความสัมพันธ์ไปประเทศเหี้ยๆแบบนี้/ปิดพรมแดนไปเลย
จังหวัดที่78 ของไทย จังหวัดกัมพูชา 5555
อย่าเอาปวดหว ปล่อยมันล่มสะหลายไปครับ ไล่เขมรออกจากบ้านเราก่อนครับ
เอาแต่ดินแดนนะ ไม่เอาคน 55555
ไม่เอา คนมีสมองตายไปหมดตั้งแต่ยุตเขมรแดงแล้ว เอามาปวดหัวเปล่าๆ ปิดด่าน ห้ามเข้าไทยไปเลย
ไม่น่าบอกใครน่าจะเงียบๆ
ต่อไปลอยกระทงค่ะ. เตรียมตัวนะคะ. จากรูปบนกำแพงเคลมสงกรานต์ เปลี่ยนใหม่เป็นการลอยกระทง.
ชื่อก็เป็นชื่อไทย ใช้กันทุกภาคทั่วประเทศ มีแหล่งผลิตทุกภาค
ใช้กันมานมนานแล้ว ของไทยมีความปราณีตสวยงามมากกว่า
ภาษาเขมรจริงๆไม่มีคำว่า ผ้าขาวม้า มีแต่คำว่า กันแซง แต่เป็นผ้าขนาดเล็กมัดหัว ส่วนผ้าขาวม้าของไทยเป็นผ้าขนาดใหญ่ ใช้นุ่ง โพกหัว มัดเอว ผูกเปลเด็ก
อยากขึ้นก็ขึ้นสิ ถ้าคิดว่าการทำเรื่องยื่นมันง่ายน่ะนะ อีกอย่างต่อให้ขึ้นได้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดังและขายดี
มันจะทำตามไทยทุกสิ่งจริงๆ
ไปอ่านหนังสือกะเบื้องจานว่าใครเป็นคนคิดการทอผ้าและตัวเลขไทย หนังสือไทย หนังสือขอมมีบันทึกไว้ในกเบื้องจาน
เริ่มจะหมดความอดทนกับประเทศเหี้ยนี่ละ
เห็นทีเราต้องเปิดศึกแล้วหละ มันคอยตอดหยามเราตลอด
ซักจะอดจะทนไม่ไหวรบกับเขมรให้แตกหักกันไปเลย
ภาษาตัวเองก็ไม่ใช่ก็ยังจะเคลม ของตัวเองก็มีแท้ๆ
การเตรียมการต้องทำให้เป็นความลับ เอกสาร/หลักฐาน ที่มาให้ครบถ้วนก่อนแล้วยื่นเลย แล้วค่อยออกข่าวเมื่อใกล้ถึงเวลาจะประกาศผล หรือมีการรับเรื่องเข้าพิจารณาแล้ว
นับแต่นี้ไปประเทศไทยคงจะต้องสำรวจ ศิลปะวัฒนะธรรมไทย ผลผลิต สิ่งของเครื่องใช้และอาหารทุกประเภทของไทยเพื่อจดทะเบียนกับยูเนสโกทั้งหมดก่อนที่จะ ถูกชาติอื่นมาก่อกวน เหมือนที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็หวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องระดับสูงของประเทศไทยจะหันมาให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์ ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนาน ของพวกเรามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ค่ะ สิ่งเล็กๆที่คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาและไม่คิดว่าจะมีปัญหา แล้วท่านทั้งหลายจะปล่อยให้เพื่อนบ้านที่น่าชิงชังมาดึงเอาคุณค่าและความหมายเหล่านี้ไปจากประเทศไทยจนหมดจริงๆหรือ สิ่งเล็กๆจากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม ที่เพื่อนบ้าน นำมากรีดไปบน ความรู้สึกและหัวใจของคนไทย
ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริหารประเทศ จะเพียงนั่งมองเฉยเฉยเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเปราะบางระหว่างประเทศ ที่พวกเขากำลังยั่วยุเพื่อให้เกิดสงครามระหว่างประเทศขึ้นมาจริงๆ
พวกเราคนไทยต้องมองภาพให้ออกทั้งจากด้านหน้าและด้านหลังของสาเหตุ อย่าได้ ใช้แต่อารมณ์ ของความโมโหและไม่พอใจจนขาดสติ
วัฒนธรรมประเพณีของไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณมันก็เป็นของไทยอยู่วันยังค่ำ และมี บันทึกหลักฐานทั้งของไทยและต่างชาติที่บันทึกไว้มาแต่โบราณถึงความเป็นมาของวัฒนธรรมของไทย
ให้สงครามทางอารมณ์ ที่พวกเขาเจตนาที่จะยั่วยุให้คนไทยโมโห พวกเขาก็จะค่อยๆใส่เขื้ไฟนั้นให้กองใหญ่ขึ้นๆ จนเกิดชนวนสงคราม อย่างเปิดเผย ก็เป็นได้ มันแปลกไหมที่ทุกสิ่งอย่างเงียบสงบมาตั้งนาน และทุกอย่างก็คู่กับประเทศไทยมากี่ร้อยๆปีแล้ว ถ้ามันเป็นของพวกเขาจริงทำไมเพิ่งจะมาพูดเอาตอนนี้ แบบข้างๆคูๆ
ไม่มีคนของรัฐบาลออกมาพูดเพื่อปกป้องกรณีนี้ซักคน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีองค์กรระดับสูงโดยกองทัพไทยมองอยู่ ช่วงนี้สงครามระหว่างประเทศเกิดขึ้นหลายแห่งบนโลก นี่ก็อาจจะเป็นสงครามจิตวิทยาที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในกลุ่มอาเชี่ยนก็เป็นได้
ในตอนนี้ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายก็กำลังโยนก้อนหินถาม และคำนวณ ทางว่าประเทศไหนจะ เข้าร่วมไปเป็นฐานให้ฝ่ายไหนอยู่
นี่อาจจะเป็นสงครามจิตวิทยาการเริ่มต้นแบบเปิดเผย เพื่อยั่วยุให้เกิดสงครามแบบเต็มรูปแบบนั่นเอง ก็เป็นไปได้นะคะ
เขมรมันอาจจะทำให้พวกเราสะอึกกับเหตุผลของพวกมันไปบ้าง แต่..
ขออย่าได้พากันหวั่นไหวเพราะมวยไทยก็คือมวยของไทย และขนมไทยมันก็เป็นขนมจากการคิดค้นของคนไทย มันจะเห่าจะหอน ให้น่ารำคาญ ก็คงเป็นเพราะ เค้าอยากจะวางชนวนสงครามนั่นเอง
ไอ้เขมรมันคบไม่ได้จริงๆตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน
พระนเรศยังพูดเลยว่าพวกละแวกไว้ใจไม่ได้
บอกเขมรอยากจะจดอะไรไห้ไปจดเองเลย
คนไทยต้องเลิกช่วยเหลือ ไปสอนและให้ความรู้ต่างๆ ทุกแขนงได้แล้ว พอมันทำเป็นก็แว้งกัด
เขมรมันยังไม่เข้าใจเลย ว่ายูเนสโก้คืออะไร
คิดว่ายูเนสโก้คือทุกอย่างของมันแล้ว 555+
ประเทศไทยยื่นสู้ยังไงก็แพ้ครับเสียให้เขมรแน่นอน เพราะผู้หลักผู้ใหญ่คนในบ้านเมืองยังมองเป็นเรื่องไร้สาระ ประชาชนจำนวนมากยังแห่ไปเที่ยวลาวเขมร โรงงาน ไซต์ก่อสร้างทั้งหลายก็ไม่สนใจประเด็นนี้กันเลยครับ คนรับผิดชอบก็ทำตามหน้าที่สุดความสามารถ แต่ของเขมรเค้าทำเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่มวย จนวัฒนธรรมต่างๆ เหมือนม้าศึกไปรบกับลูกช้างม้าจะเก่งยังไงก็แพ้ครับ เอาแค่คนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นไม่พอครับ ต้องเป็นรัฐบาลลงมาเล่น หาหลักฐานต่างๆมายัน และต้องเป็นหลักฐานที่ลึกไปถึงราชวงค์จีน หรือพ่อค้าแขก เปอร์เซีย ยุโรป ญี่ปุ่น หลักฐานที่บันทึกไว้ตั้งแต่โบราณจริงๆ และต้องมีหลักฐานการนำเข้าไปเขมรเป็นบันทึกโบราณ เขมรตอนนี้ได้เปรียบเพราะอะไรก็จะอ้างภาพที่ผนังหมดซึ่งพอมันได้วัดไปเท่ากับมันได้หลักประกันวัฒนธรรมต่างๆไปโดยปริยายครับ ดังนั้นถ้าเราจะทวงต้องถึงยุคนู้นครับ เพราะวัฒนธรรมของไทยเข้าไปในเขมรหลัก100ปี วัฒนธรรมต่างๆเลยมีประวัติเขียนหลักร้อยปีหมดยูเนสโก้มันก็เอาแค่นั้นครับ ถ้าไม่ยื่นลึกไปถึงที่มาตั้งแต่โบราณจริงๆรับรองแพ้เรียบ ไอ้ตู้ไอ้ป้อมถ้าไปถามเรื่องนี้คงไม่รู้ๆๆๆๆๆ ทั้งที่นี่เป็นโอกาสดีของมันด้วยซ้ำ
ใช่ค่ะคนไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เข้าตำราวัวหายแล้วล้อมคอก
ผลิตเองไม่ได้ แถมไม่เคยใส่ประจำ แล้วยังมาจด ถามunesco จะโง่หรือฉลาด ว่าของไทยหรือขะแมร์
ยูเนสโก เค้าพร้อมจะโง่อยู่แล้ว
ผ้าขาวม้าไทย กับผ้าพันคอเขมร เนื้อผ้ากับชายผ้าไม่เหมือนกันเลย
มันจะขอร่วมทุกเรื่อง
ที่อยากให้ยื่นขึ้นทะเบียนด่วนๆเลยคือ
ชุดไทย ตั้งแต่ชุดไทยโบราณ-ชุดประยุกต์แบบปัจจุบัน
ชุดพระราชนิยมเราจดแล้ว แต่ขึ้นทะเบียนอาจจะยาก เพราะอีเขมรตัวขัดขวางนี้ล่ะ
อยากถามทำไมทุกประเทศต้องเอาวัฒนธรรมไปขึ้นทะเบียนด้วย
ป้องกันไอ้พวกชุบมือเปิปเอาของคนอื่นไปใช้โดยแอบอ้างว่าเป็นของมัน
@@WinWin-sx4fm มันจะเป็นช่องทางให้พวกเขมรมาเครมของเรามากกว่า วัฒนธรรมเรามีเป็นร้อย คิดว่าจะต้องใช้เวลากี่100ปีถึงจะได้ขึ้นหมด แค่เมนูอาหารไทยก็มีเป็น10หน้าแล้ว
วัฒนธรรมเปนของขายได้ ดูอย่าง kpop นั่นเปนไร ไปหาอ่านอีกนะ มีเยอะ
@@user-te1gj4bs2j แล้วทำไมต้องเอาไปขึ้นทะเบียนด้วยครับ
เพราะเมื่อเกิดมีการแย่งชิงกันเปนเจ้าของก็จะทำให้ชาวโลกสับสน และจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดเช่น งานสงกรานต์ เฮ้ย เขมรก็มี สงกรานต์เหมือนกัน ไปเที่ยวเขมรก็ได้ ต้องการแย่งตลาด จริงๆแล้วเขมรหรือพม่าลาวแถวๆนี้ก็มีประเพณีคล้ายๆสงกรานต์อยู่แล้วเราไม่ได้ว่าลอกเลียนกันหรืออะไร ก็ทำไปสิต่างคนต่างทำคนละบรรยากาศกัน นทท.เขาก็อาจจะอยากไปดูสงกรานต์ที่อื่นนอกจากไทยบ้างก็ได้เราก็ไม่ได้ว่าแล้วแต่เขา แต่ในเมื่อบางประเทศของตัวเองมีอยู่แต่มันไม่ดึงดูดพูดไปก็ไม่มีใครรุจักหรือสนใจอยากจะมา แต่พอพูดสงกรานต์ก็จะรุจักสนใจ เพราะไทยทำเอาไว้จนโด่งดัง เรียกว่าอยากดังทางลัดไม่ต้องลงทุนไง เรื่องอื่นก็เหมือนกัน ไทยสร้างแบนด์เอาไว้จนเปนที่รุจักกันทั่วโลก อยู่ดีๆจะมาแอบไปจดกับ unesco แล้วก็จะมาบอกว่านี่ของข้านะ เอ็งก๊อปข้ามาอีกที ทั้งๆที่ที่ผ่านไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย ถ้าไทยทำแล้วไม่ work มันคงไม่มาเคลมหรอก ไทยโปรโมตมากี่ปี กว่าจะได้มาขนาดนี้ เขาเรียกชุบมือเปิบ มันก็เหมือนไปจดลิขลิทธิ์ตัดหน้ากับ unesco ใครจะยอมล่ะ