วีดีโอ

พ่อกูเป็นนายก😂😂😂😂

ประเทศไทยคนอิจฉาริษยาจึงไม่พัฒนาไปไหนขุดเรื่อง20ปีที่แล้วมากล่าวหากัน

สวัสดีครับ🎉❤❤

ร้ายสาระกับข่าวในอดีตนานมาแล้ว ด้วยความอิจฉาริษยาครับ จะให้คนดักดานไม่มการพัฒนาคนรับ

สุดยอดครับครับน่ารักจัง

เดาถูกจะเป็นไร

แต่ละคดีที่ยัดให้พิสูจน์ละบ้อ

เกิดจากความอิจฉาริษยาล้วนๆที่คิดแบบนี้เขามาถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่างน่าอายทุกอย่างต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินประเทศเราเดินวนอยู่กับที่มานานแสนนานแล้วปล่อยให้เขาทํางานบริหารประเทศไปถ้าเขาทําไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ทําอย่างไรที่จะให้นักร้องพวกนี้หมดไปจากประเทศเสียทีบ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าตอนนี้เศรษฐกิจตกตํ่ามาเป็นสิบปีแล้ว

งามไส้ ควรอายตัวเอง

นายกหญิงโกงข้อสอบน่าอับอายขายหน้าค่ะ

คะแนนเจ๊แก ครั้งแรก นี่ ว้าวเลยนะ คณิตศาสตร์ ได้ 27 เห้ย คนตกเลขก็มาเป็นนายก ได้ด้วย 55555

ฟื้นฝอยหาตะเข็บเพื่อทำลายล้างกัน

ภูมิใจในตัวเองแค่ไหนกัน

อิจฉา

ข่าวสร้างสรรค์หน่วย

สถาบันการศึกษาน่าเชื่อถือไหม ถึงส่าขนาดศาลนังเชื่อไม่ได้

ทำไม่เอาสิ่งที่ไม่ดีตอนเด็กมาแฉอีกเล่า อยากรู้!!!

ไปติวที่ไหนมาเก่งจัด

ตัวดีเลยฉีกบัตรลงคะแนนผิดแต่ไม่ติดคุก

เดินตามรอยพ่อชัดๆ น่าอายชิบหาย กูโง่ กูยังจบด้วยตัวเองเลยแล้วถูกต้องตามกฎกระทรวงด้วยนะ

😢😢😢 สงสารประเทศ

อาจไม่ได้ทำข้อสอบเองแต่มีขี้ข้าทำให้นอกห้องสอบก็ได้

ประเทศกุมี

ชอบดู

โคตรโกงตัวจริง...โคตร

มั่วหรือเปล่า มหาลัยเขามีมาตรฐานนะ

ถ้าโกงข้อสอบจริงเขาไม่ให้เรียนหรอกนี้เขาเรียนจบแล้วมีชื่อเสียงแล้วมาหาใส่ร้ายเขาเพื่ออะไร

กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานให้ร้ายคนอื่น

กล่าวหากันลอยๆ...มีหลักฐานอะไ?ท..ไร้คุณธรรม..?? ไอ่ฉีกบัตรเลือกตั้ง.บัดซบที่สุด..😅😅😅

โกงทุกๆสิ่ง เพื่อใคร เสียแรงศรัทธา

ไอ้ไชยัณห์มันไม่ชอบทักษิณอยู่แล้ว

เป็นข่าวมานาน ถ้าเรื่องจริงก็ทุเรศมาก ถ้าผู้นำที่ได้มามีประวัติแบบนี้

น่าสมเพทเวทนา พวกวิจารณ์เขาเนอะ ไร้ราคาจริงๆ

กฎกติกา ที่มีอยู่ตอนนี้นายกที่ไม่ได้มาจากฝ่ายทหาร คงรอดยากครับ พรรคไหนบริหารก็ดีหมดละครับ ขอให้คิดเห็นคนรากหญ้าบ้าง แต่ถ้าจะกลเกมส์การเมืองแบบนี้บ้านเมืองมีแต่เสีย อีกหน่อยก็ยุบสภา ต้องมาเปลืองงบประมาณเลือกตั้งใหม่อีก

นายวรเดชเปิดข้อสอบเเล้วอุ้งอิ้งเกียวอะไรด้วยในเมื่ออุงอิงยังไม่ได้อยู่ในเหตุการในวันที่พิมข้อสอบ

ไม่จริงฟ้องให้หมอเลยครับ

เมื่อก่อนทำไมไม่พูดเวลานี้มาพูดทำเฮียรัย

อ.ชัยยันเองที่ขโมยข้อสอบจุฬาฯไปขายให้รร.ติวเตอร์แล้วเบี่ยงประเด็นไปกล่าวหาเค้า

ถ้าไม่มีความจริงขอแนะนำทา่นนายกฟ้องหมิ่นประมาทไม่ให้เป็นเยื่องอย่างเพราะนายกเป็นหน้าตาของคนในประเทศจะต้องไปต่อสู้กับต่างชาติถ้าไม่ทำเรื่องนี้ให้โป่รงใสจะทำให้ประเทศชาติเสียหายต้องฟ้องหมิ่นประมาทให้หลาบจำเข็ดหลาบจะได้ไห้เป็นเยื่องอย่างแก่เยาชน

ลองนึกภาพ นางไปยืนข้าง สีจิ้นผิง วลาดิเมียร์ปูติน ลองนึกดู

ความจริง มี หนึ่งเดียว

กูไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สื่อ มึงช่วยทำให้การทำงานเพื่อประชาชนบ้างเถอะ

2:28 คณะกรรมการสอบสวนบอกว่านายวรเดช เปิดข้อสอบ 2 วิชา คือ สังคม ภาษาไทยดู 45-60 นาที แล้วคะแนนอุ๊งอิ๊งเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 4 วิชา มีคณิตศาสตร์ และอังกฤษ ด้วย อย่ามาปั่นกระแส จุฬาตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงอุ๊งอิ๊ง พวกสื่อจังไร

ได้เวลาลากใส้เอามาล้าง…

ข้อสอบยังโกง แล้วประเทศจะเหลืออะไร โกงทั้งตระกูล

ขอนายก ที่ไม่โกงข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้ไหม

เฟกส์นิวส์

ผมหลงเข้ามาอยู่บนดวงดาวที่ตลกที่สุดของแกแลคซี่ หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลก็ได้พรรคชื่อใหม่ในทันที และที่ทำการก็ตั้งอยู่ที่เดิม สิ่งที่หายไปก็แค่กรรมการบริหารพรรค 10 คน แต่ สส.ทั้งหมดของพรรค ยังอยู่ครบเหมือนเดิม และยังคงทำหน้าที่ตัวแทนของประชาชนได้เหมือนเดิม คำถามคือ มันมีอะไรที่ทำให้พวกเด็กๆและนักวิชาเกินและนักการเมืองทั้งหลาย มาแอคชั่น ออกอาการเจ็บปวดใจมากมายได้ขนาดนี้ ต่อคดีการสั่งยุบพรรคก้าวไกล มีสิทธิ์อะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญมาสั่งยุบพรรคก้าวไกล แค่คดีที่น้องๆเขาอยากจะแก้ไขมาตรา 112 และหากพรรคมีความผิดจริง ก็ควรสั่งลงโทษเป็นรายบุคคลไป ไม่ควรยุบพรรคการเมือง นี่คือมุมมองของนักวิชาการกับนักการเมืองอวุโส หลายคน จริงๆแล้วคดี ม.112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลนั้น มีการลงข้อมูลเผยแพร่ข่าวให้ประชาชนไม่ครบถ้วน จึงทำให้ประชาชนสับสน และกำลังเผยแพร่ข้อมูลเท็จออกไปสู่ประชาชน เด็กและเยาวชนแบบภาพเดิมๆ และผมเคยเขียนบทความให้พรรคก้าวไกล มีความกล้าหาญให้เอาแผนนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 ของตนเองออกมาเผยแพร่ต่อหน้าสาธารณชนหลายครั้ง แต่พรรคการเมืองนี้ก็ไม่สามารถที่จะกล้าเปิดเผยความจริงต่อหน้าสาธารณชนได้ จนเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำพิพากษาและให้เหตุผลที่โตตุลาการศาลทั้ง 9 ท่าน มีความจำเป็นต้องลงมติเห็นชอบ 9ต่อ 0 ให้สั่งยุบพรรคก้าวไกล แต่ความจริงคือ ในชั้น กธม.เรื่องกฏหมายในวุฒิสภา พรรคก้าวไกล ไม่ได้ยื่นเสนอการแก้กฏหมาย ม.112 ให้มีการลดโทษกฏหมายอาญาของ ม.112 ลง ตามที่ออกข่าวให้ประชาชนได้รู้ ที่อยู่ในหมวดของความมั่นคงของชาติเลย แต่เสนอให้เอากฏหมาย ม.112ออกจากความมั่นคงของชาติออกไปเลย คือไม่มีกฏหมายมาตรานี้อยู่ในหมวดของความมั่นคงของชาติ กล่าวได้ว่า มีเจตนาที่จะลดทอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้ลงมาทัดเทียมกับราษฏรธรรมดาทั่วไป และเป็นเจตนาให้เกิดการนิรโทษกรรมต่อมาตรา 112 ทั้งหมด ต่อผู้ที่กระทำความผิดต่อ ม.112 ให้ไปอยู่ในหมวดคดีอาญาทั่วไป และได้มี 40 สส.ของพรรคก้าวไกล เข้าลงชื่อเห็นชอบในการให้ถอดมาตรา 112 ออกไปจากหมวดกฏหมายความมั่นคงขอองชาติด้วย

เมื่อมีการส่งข้อมูลความจริงทั้งหมดให้ศาลรัฐธรรมนูญของผู้ยื่นร้องมา ให้ศาลพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ที่เข้าข่ายความผิดกฏหมายอาญาในหมวดความมั่นคงของชาติอย่างจัง ไม่ใช่แค่การเสนอเพียงแค่ให้มาตรา 112 ลดโทษลงมา ตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาเสนอข่าวเท็จต่อสาธารณชน แต่เป็นการยื่นเสนอให้มีการถอดมาตรา 112 ทั้งหมดทุกวรรค ให้ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติ ศาลรัฐธรรมนูญจึงพิจารณาในเบื้องต้นว่า แนวคิดและพฤติกรรมแบบนี้ของพรรคก้าวไกล มีความหมิ่นเหมต่อความผิดของกฏหมายความมั่นคงของชาติอย่างร้ายแรง จึงมีมติเห็นชอบในเบื้องต้น ให้ตักเตือนถึงแนวคิดและพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลว่า ให้ยุติแนวคิดและพฤติกรรมนี้ลงเสีย แต่พรรคก้าวไกล กลับไม่มีความสำนึก ซ้ำร้ายหัวหน้าพรรค นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังไปออกรายการทีวีหลายช่อง และให้สัมภาษยืนยันที่จะเดินหน้าแก้ไข ม.112 ต่อไป และอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่จะเสนอแก้ไขมาตรานี้ได้ต่อหน้าสาธารณชน แต่ไม่ยอมบอกความจริงต่อหน้าสาธารณชนว่า ตนไม่ได้มีความคิดจะแก้ไข ม.112 เพื่อแค่การลดโทษลง แต่ได้ยื่นเรื่องให้ถอนมาตรา 112 ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติ และต่อมานายพิธา กับกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล นอกจากไม่สำนึกถึงการเตือนของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเสนอใช้สิทธิและเสรีภาพในการต่อสู้ เพื่อต้องการให้มีการถอดถอน ม.112 ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติต่อไป แต่ภาพที่ประชาชนทั้งประเทศ และอาจารย์นักวิชาการหลายคน กลับมองว่า นายพิธา กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และ สส.ทั้ง 40 คน กำลังยื่นต่อสู้กับการแก้ไขมาตรา 112 แต่ในความเป็นจริงแล้ว นายพิธา กรรมการบริหารพรรค และ 40 สว.ของพรรคนั้น ได้ยื่นเรื่องถอดถอนมาตรา 112 ให้ออกไปจากหมวดกฏหมายความมั่นคงของชาติ นี่จึงเป็นที่มาของการตัดสินของโตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ที่จำเป็นต้องลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคก้าวไกล และการตัดสินยุบพรรคก้าวไกลของศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้สร้างความอึดอัดใจต่อโตตุลการศาลทั้ง 9 ท่าน ที่จำเป็นต้องพิจารณาความผิดของ 40 สส.ของพรรค ที่เข้าชื่อสนับสนุนการถอดถอน ม.112 ให้ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติด้วย เพราะเป็นความผูกพันธ์ต่อเนื่องของข้อกฏหมาย ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการตัดสินความผิดได้ ผู้เขียนบทความนี้ มีความเป็นกลางในทางการเมือง ไม่ได้มีเจตนาหรืออคติใดๆต่อพรรคก้าวไกล แต่เขียนบนหลักพื้นฐานแห่งความเป็นจริง เพื่อสะท้อนภาพส่งตรงไปถึงประชาชนในชาติทุกคน ให้ใช้วิจารญาน ในการเสพข่าวสารที่เป็นความจริง มากกว่าการเสพข่าวเท็จจากหลายสื่อช่องข่าวที่นำเสนอความจริงไม่ครบถ้วน อันเป็นเหตุให้ฑูตสหรัฐอเมริกาและประชาชนจำนวนมาก เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยนั้น อยู่เหนืออำนาจการปกครองของรัฐธรรมนูญไทย และไม่มีความเป็นประชาธิปไตย และทำให้เข้าใจผิดคิดว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจอยู่เหนือการเมืองไทย ไม่ว่าสิ่งที่ผู้เขียนนี้จะสะท้อนความจริงให้กับประชาชนได้ดีขนาดไหน ก็ไม่เทียบเท่าความจริง ที่พรรคก้าวไกล จะมีความกล้าหาญ นำสิ่งที่พวกตนนั้นยื่นเข้าต่อ กมธ. เพื่อให้มีการยกเลิกมาตรา 112 หรือให้มีการถอดถอนมาตรา 112 ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติเพื่อนำมาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน ได้หรือไม่? จริงหรือไม่ ที่เจตนาที่แท้จริงของพรรคก้าวไกล ไม่ต้องการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อลดโทษลงของมาตรานี้ ที่เคยออกมาให้ข่าวเท็จต่อประชาชน แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพรรคก้าวไกล ก็คือให้มีการยกเลิกมาตรานี้ออกไปจากรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย และให้มาตรา 112 เป็นได้แค่อยู่ในหมวดกฏหมายอาญาธรรมดาเท่านั้น ประเด็นคือ ไม่มีกฏหมายข้อไหน ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ ว่า ห้ามสิทธิเสรีภาพของตัวแทนประชาชน ให้เสนอหรือยื่นเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ในเรื่องการลดโทษหรือเพิ่มโทษได้ ในชั้น กธม. แต่ในกฏหมายรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย มีกฏหมายชัดเจนในหมวดความมั่นคงของชาติที่ระบุเอาไว้ว่า มาตรา 112 เป็นหมวดที่เชิดชูพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ไม่สามารถกระทำการใด หรือมีความประพฤติอันใด ที่จะถอดถอนมาตรานี้ออกไปจากรัฐธรรมนูญการปกครองของราชอาณาจักรไทยได้

หมายความว่า มาตรา 112 สามารถยื่นพิจารณาการลดโทษลงได้ แต่ไม่สามารถถอดถอนออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติได้ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล ที่มีเจตนาต้องการถอดถอนมาตรา 112 ออกจากหมวดกฏหมายความมั่นคงของชาติ ไม่ได้มีคำสั่งให้ยุบพรรคก้าวไกล ที่มีเจตนาต้องการเข้าไปแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้มีการลดโทษลง นี่คือสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศควรต้องรับรู้ความจริง และให้คิดกันง่ายๆว่า ไม่มีศาลพิพากษาที่ไหนในประเทศ จะมาตัดสินยุบพรรคการเมืองแค่ยื่นเรื่องเสนอการแก้ไขกฏหมายได้ นอกเสียจาก เจตนาและพฤติกรรมของพรรคนั้นๆ มีความมุ่งหมายที่จะบ่อนทำลายกฏหมายความมั่นคงของประเทศชาติ อย่างฉ้อฉลและปิดบังความจริงต่อสาธารณชน แน่จริง นายพิธาและพรรคก้าวไกล ต้องเอาหลักฐานคำยื่นคำร้องของพรรคต่อ กมธ. ที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายมาตรา 112 ออกมาเผยแพร่ความจริงต่อหน้าสาธารณชนว่า กมธ.ของก้าวไกลทั้งหมดนั้น มีเจตนาต้องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีเจตนาที่จะเอามาตรา 112 ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติ ที่ให้สถานะของพระมหากษัตริย์เท่าเทียมกับประชาชนสามัญชนธรรมดา อย่าไปคอยแต่สร้างภาพหลอกประชาชนว่า แค่ยื่นแก้กฏหมาย ม.112 แค่นี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็สั่งยุบพรรคพวกตนเสียแล้ว และขอเขียนเตือนไปยังนักวิชาการ นักการเมืองรุ่นเก่า อาจารย์ และสื่อเสี้ยมทั้งหลายว่า ต้องหยุดพูดคำว่า คดีขอแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลต่อคดียุบพรรคได้แล้ว ต้องพูดว่า คดีต้องการถอดมาตรา 112 ออกจากกฏหมายความมั่นคงของชาติ ต่อคดีการยุบพรรคก้าวไกล มันถึงจะสื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ถูกต้อง หัดกล้าพูดความจริงกันได้แล้ว เลิกโกหกประชาชนเสียที ขนาดคนพวกนี้ไม่ได้เป็นนักการเมือง ยังกล้าลอยหน้าลอยตาออกสื่อมาหลอกประชาชนกันอยู่ได้ทุกวัน. เดชา นฤนารท . 9/8/67 07.55 น.