วีดีโอ

สำหรับวัดไหล่หินหลวง ได้ปรากฏว่ามีพระอริยสงฆ์ ที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด จนถึงขั้น สำเร็จอภิญญาอยู่หลายพระองค์ด้วยกัน ด้วยสาเหตุนี้เองที่ครูบาพระมหาป่าเจ้าเกสรปัญโญ ไปโปรดญาติโยมถึง รัฐฉาน เชียงตุง เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง จึงได้มาสร้างพระวิหาร ซุ้มประตูโขง และบูรณะองค์พระธาตุเจดีย์ ถวายที่วัดไหล่หินหลวง ตามที่ได้ถวายมะพร้าวครึ่งซีก ในปี พ.ศ. ๒๒๒๖ ตรงกับ จ.ศ. ๑๐๔๕ ด้วยประการฉะนี้แล

ประวัติ​น่า​สนใจ​มากค่ะ

สำเนียงในการพูดของชาวบ้านไหล่หิน และหมู่บ้านใกล้เคียงแบบนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ก็ได้รับมาจากพ่อสล่าหรือช่าง ชื่อพ่อปู่ยักษ์ และพ่อปู่ทอน เป็นชาวพม่า ไทยใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่ ได้รับข่าวในการจะมาสร้างพระวิหาร ซุ้มประตูโขง บูรณะองค์พระธาตุเจดีย์เจ้า ที่วัดไหล่หินหลวง เพื่อถวายแก่ ครูบาพระมหาป่าเจ้า ของเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง จึงพากันมาอาสาช่วยในการก่อสร้างดังกล่าว พอเสร็จการก่อสร้างดังกล่าว พ่อสล่าปู่ยักษ์ และพ่อสล่าปู่ทอน พร้อมบริวารบางคนได้อาสาขอดูแลสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว พร้อมขออุปัฏฐากรับใช้ครูบาพระมหาป่าเจ้า แทนเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงต่อ จึงเป็นสาเหตุให้ชาวไหล่หิน และหมู่บ้านใกล้เคียง พูดสำเนียงของเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ ๒๒๒๖ ตรงกับ จ.ศ. ๑๐๔๕ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านไหล่หินเป็นหลัก ได้ไปทำไร่ใส่สวนตามป่าใกล้เคียง สร้างตูบ กระต๊อบ อยู่ในไร่ของตนเองต่อมาก็เกิดเป็นหมู่บ้านต่าง ๆ อาทิ บ้านไหล่หิน บ้านเข้าซ้อน บ้านหนองหล่าย ทุ่งเจริญ บ้านแม่ฮวก และบ้านมะกอก นาบัว ดังกล่าวขึ้น ส่วนบ้านกิ่ว เป็นชาวบ้านม่วงน้อย ศิลา เดินข้ามทุ่งนา มาทำไร่ใส่สวน ส่วนบ้านป่าเหียงจะมาจากบ้านลำปางหลวง พ่อปู่ยักษ์ จะพักอาศัยอยู่ด้านทิศเหนือของวัดหลวง พ่อปู่ทอน จะอาศัยอยู่ด้านทิศใต้ของวัดหลวง จึงมีชื่อเรียกว่า เหล่าปู่ยักษ์ เหล่าปู่ทอน มาจนปัจจุบัน พ่อปู่ยักษ์ ได้ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. ๒๒๙๖ ส่วนพ่อปู่ทอน ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ เพราะว่าคนสมัยก่อนอายุจะยืน (ครูบาพระมหาป่าเจ้า อายุ ๑๒๒ ปี ครูบาก๋าวีเจ้า อายุ ๑๒๐ ปี) พ่อสล่าปู่ยักษ์ เป็นชาว พม่า ไทยใหญ่ อยู่วัดและบ้านป่าเป้า เป็นถิ่นของพี่น้องชาวพม่า ไทยใหญ่(วัดป่าเป้า) ส่วนพ่อสล่าปู่ทอน เป็นชาวบ้านทราบมูลพม่า(วัดทรายมูลพม่า) ทั้งสองบ้านอยู่จะอยู่ ติดกำแพงเมืองเชียงใหม่ ด้วยประการฉะนี้แล สาธุ

ในปี พ.ศ ๒๒๒๗ จ.ศ. ๑๐๔๖ ครูบาพระมหาป่าเจ้าเกสรปัญโญ ยังได้นำสล่าหรือช่าง ชุดดังกล่าว มีพ่อปู่ยักษ์ และพ่อปู่ทอน เป็นสล่าเก๊า ไปสร้างพระวิหาร ซุ้มประตูโขง ที่วัดห้างฉัตรหลวง และไปสร้างซุ้มประตูโขงวัดปงยางครก อ.ห้างฉัตร(ต่อมาทั้ง ๒ วัดได้รื้อ โดยไม่ได้บูรณะต่อ) พร้อมกันนั้นยังได้ไปบูรณปฏิสังขรณ์ อีกหลายวัดในเมืองลำปาง และในปี พ.ศ. ๒๒๖๒ ถึง พ.ศ. ๒๒๖๓ ครูบาพระมหาป่าเจ้า เกสรปัญโญ พร้อมด้วย ครูบาพระมหาป่าเจ้า พละปัญโญ วัดป่าตันกุมเมือง ยังได้หล่อลำทอง(ปลีพระธาตุ) เจ้าวัดลำปางหลวง และได้นำสล่าเก๊าชุดดังกล่าว เสร็จในปี พ.ศ. ๒๒๖๓ ต ามปรากฏในตำนานวัดพระธาตุลำปางหลวง ด้วยประการฉะนี้ ขอกราบอนุโมทนา สาธุ

พระบรมธาตุที่บรรจุที่วัดไหล่หินหลวง ในปี พ.ศ. ๒๑๘ ในเกาะคามี ๓ วัด คือ วัดไหล่หินหลวง ๑ วัดพระธาตุลำปางหลวง ๑ วัดท่าผา(ผายาย) ๑ นับอายุล่วงเลยมาแล้ว ได้ ๒,๓๔๕ ปี (ณ ปีพ.ศ. ๒๕๖๓) ส่วน วัดไหลหินหลวง ได้มีพระอรหันต์เจ้าทั้ง ๒ พระองค์ คือ พระกุมารกัสสปะเถระเจ้า และพระเมฆิยะเถระเจ้า พร้อมบริวาร ได้อัญเชิญพระบรมธาตุ บรรทุกหลังช้าง พอมาถึงม่อนหินแห่งนี้ ขบวนช้างไม่ยอมเดินทางต่อ พระอรหันต์ผู้เป็นประธาน จึงได้นำพระบรมธาตุบรรจุ ไว้ ณ จุดนี้ จึงได้นามวัดที่ "วัดไหล่หินหลวง แก้วช้างยืน" มาจนปัจจุบันนี้ เป็นพระบรมธาตุส่วน "ปาทกินะ" หรือ ป๋าต๊ะกิน๊ะ เป็นพระบรมธาตุส่วน เบื้องฝ่าพระพุทธบาท ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไหว้พระธาตุเจดีย์ จึงมีศัพท์ที่ว่า ป๋าต๊ะกิน๊ะ กะตั๋วมหาเจติยะ ธาตุโย โกตะโม อะหัง วันตามิ ธาตุโย หรือชื่อวัดที่ว่า วัดเสลารัตนปัพพะตาราม ไหล่หินหลวง แก้วช้างยืน ด้วยประการฉะนี้แล ขอกราบอนุโมทนา สาธุ