วันนี้ 1 ธันวาคม 2566 นายศุภชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย มอบสารวันคนพิการสากลประจำปี 2566 โดยเรียกร้องให้รัฐบาล ภาคเอกชน องค์กรด้านคนพิการ และภาคส่วนต่างๆ สานพลังร่วมกัน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านคนพิการ (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งมีเนื้อความ ดังนี้
.
“กระผมรู้สึกยินดีและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่ งานวันคนพิการสากลปีนี้มีความยิ่งใหญ่ มีทั้งการแสดงศักยภาพและการจำหน่ายสินค้าโดยคนพิการ การพัฒนานโยบายการจ้างงานหรืองาน แฮคกาตอน เพื่อคนพิการ และอีกหลายกิจกรรม ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมคนพิการ อันเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าประเทศไทย ขับเคลื่อนงานด้านคนพิการ ไปในทิศทางเดียวกันกับ หัวข้องานวันคนพิการสากลในปีนี้ คือ “รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ” ที่เน้นย้ำให้ทุกคน ทุกภาคส่วน รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยต้องดำเนินการ “ทำ” ทั้ง 3 แบบควบคู่กันไป ได้แก่ 1. ท่านทำเพื่อคนพิการ 2. คนพิการทำด้วยตนเอง และ 3. ทุกฝ่ายทำร่วมกับคนพิการ ทั้งนี้ กระผมขอเสริมให้สมบูรณ์ขึ้นอีกนิดเดียว คือ ขอให้สนับสนุนและ “ทำ” ร่วมกับองค์การคนพิการแต่ละประเภทอย่างเป็นหุ้นส่วนกัน
.
อย่างไรก็ตาม วิกฤตต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโควิด ทำให้การขับเคลื่อนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่กำลังจะสิ้นสุดในอีกไม่ถึง 7 ปี ถูกทำให้หยุดชะงักลง หรือหลงลืมกันไปบ้าง กระผมจึงขอย้ำชัดๆ อีกครั้งว่า ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ระบุถึงคนพิการโดยตรง ถึง 7 เป้าหมาย 8 เป้าประสงค์ และ 11 ตัวชี้วัดด้วยกัน ตั้งแต่ การคุ้มครองทางสังคม การสร้างหลักประกันในการเข้าถึงการศึกษา การจ้างงานที่เท่าเทียม การขจัดการเลือกปฏิบัติ การเข้าถึงขนส่งสาธารณะ การมีส่วนร่วมทางการเมือง ไปจนถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลและสถิติที่ต้องจำแนกในเรื่องความพิการ
.
ถึงแม้เป้าหมายบางอย่างในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอาจจะดูไกลไปบ้าง ทว่าหากเราย้อนกลับมาพิจารณานโยบายงานด้านคนพิการของประเทศไทยที่สำคัญอย่าง นโยบายการบริหารกระทรวงพม. "พม. พอใจ: ให้ทุกวัยพึงใจใน พม." ด้านคนพิการ 5 ประการ ที่ท่านวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบไว้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 และ “ข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการต่อรัฐบาล” ตามมติสมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ทั้ง 10 ประการ ก็จะพบว่านโยบายทั้ง 2 เรื่อง เป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
.
ดังนั้นกระผมในฐานะนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายคนพิการทั่วประเทศ ขอเรียกร้องให้รัฐบาล ภาคเอกชน และองค์กรด้านคนพิการ ร่วมกันผลักดันนโยบายด้านคนพิการข้างต้นทั้ง 2 เรื่อง เพื่อสร้างสังคมแห่งความเสมอภาค ที่ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะขอให้ร่วมกันผลักดันเป้าหมายสำคัญ 3 ประการ ที่เป็นคานดีดคานงัด ไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่
.
1. ขอให้ปรับปรุงกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้เป็นกลไกที่จะเสริมพลังให้คนพิการและองค์กรด้านคนพิการเข้มแข็งขึ้น
2. ขอให้แก้ไขเพิ่มเติมและบังคับใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
คนพิการ อย่างเข้มข้น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงสิทธิได้จริง และ
3. ขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งจ้างงานคนพิการให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด จำนวนอีกกว่า 15,000 คน
ถึงแม้วันนี้ท่านรัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา จะไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ผมเชื่อมั่นว่าใจท่านอยู่กับพวกเราคนพิการเสมอ ท่านจะเป็นแกนนำหลัก สานพลังความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วน ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ อันจะทำให้ประเทศไทย สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านคนพิการได้ไม่ยาก หากทุกคน ทุกฝ่าย ร่วมมือกัน
.
สุดท้ายนี้ หวังว่ารัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ จะเปิดโอกาสและเสริมพลังให้คนพิการและครอบครัว รวมถึงองค์กรด้านคนพิการ ได้มีส่วนร่วม ได้เป็นผู้นำ ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อการเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า สู่โลกใหม่หลังโควิด-19 ได้อย่างยั่งยืนด้วย ขอบพระคุณมากครับ
.
อ่านสารวันคนพิการสากลฉบับเต็มที่: drive.google.com/drive/folders/1wtSfyHswDFoeB9B1CLhL5Ov6rQFnsaxQ?usp=sharing