วีดีโอ

กราบนมัสการสาธุเจ้าค่ะ

พระอาจารย์แซมหรอครับ

สิ่งที่ไทยกำหนดเพื่อความเหมาะตามกาลและสถานที่ อย่าอ้างพุทธพจน์เพื่อตามใจกิเลส อย่ามั่วเกินสิ่งที่ตกลงกันในประเทศนั้นๆ เพื่อความสงบโดยส่วนรวมครับ

ดูแค่การครองผ้า ก็ไม่ควรไปพูดจาด้วยแล้ว รู้น้อยตื้นเขิน แต่อยากเก่ง ถือบังอาจไปปรามาสองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาเถรสมาคมอยู่ไหนครับ อย่าปล่อยให้พุทธศรัทธาต้องเสื่อมเสียไปมากกว่านี้เลยครับ

มาขายความโง่ตัวเองอีกแล้ว,,พระอรหันต์ไม่มีกิเลสแล้วความโกรธจะมีมาแต่ที่ไหน,,,

ธรรมะปฏิบัติเพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่นไม่ใช่หรือทำไมยึดมั่นถือมั่นแม้กระทั่งคิ้ว..มันตัดออกปล่อยวางออกไม่ได้ วัตถุในร่างกายอันใหญ่ๆอย่างนี้มันยังหึงยังหวงแล้วธรรมะอ่านละเอียดกิเลสอันละเอียดมันจะแก้ได้อย่างไร..การโกนคิ้วก็ไม่ผิดไม่โกนก็ไม่ได้ผิด แต่การโกนมันย่อมดีกว่าเพราะว่ามันเหมาะกับสมณะ ให้ดูดีให้ดูสมควร.. ที่เอาเหตุผลมาโต้เถียงมันเป็นการโต้เถียงของกิเลส

พระอาจารย์ช่วยสอนห่มจีวรซ้อนสังฆาฏิให้ดูได้ไหมครับ

พระพุทธเจ้าว่ายังไง ผมก็เห็นควรตามนั้น แต่ไม่รู้ใครเป็นคนเริ่มโกนคิ้ว ทำเกินที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คนที่ทำถูกกลับโดนว่าซะงั้น

รถโรงเรียน​ ที่ต้องติดฟิลม์​ดำทึบ​ เพราะเวลาเอาใช้หาเงิน​ จะได้ไม่ถูกด่า... .. พระที่ไว้หนวด​เครา​ เวลาเปลี่ยนชุดไปเที่ยว​ คนจะได้ไม่รู้...

ไม่ผิดวินัย แต่ผิดใจหมู่คณะ

🙏🏻🙏🏻🙏🏻

สาธุ สาธุ อนุโมทนาในการวินิจฉัยครับ

บวชแล้วจะเก็บคิ้วไว้เพื่ออะไรล่ะครับ..เอาไว้เลี้ยงกิเลสตัณหาเหรอครับ..

เป็นนักบวช... ถ้ามีอะไรแล้วมีเรื่องมีปัญหา หรือเสี่ยงต่อการมีเรื่องมาวุ่นวายใจ... ถ้าไม่จำเป็นต้องมี ไม่มีแล้วไม่ตาย มันก็แค่ไม่มี จะเป็นไรล่ะ อะไรปลงได้ก็ปลงเถอะ... ผมว่า ก็เหมือนเรื่องฉันหลังวิกาล... จะสอง หรือฉันครั้งเดียว มันก็ได้ แต่ถ้าอยากตัดภาระวุ่นวายในน้อยที่สุด ก็ฉันแค่ครั้งเดียว แล้วไม่ต้องมาถกกับใครอีก... 😃😃

จริงๆเรื่องคิ้วเนี่ยพระก็รู้กันหมดแหละครับว่ามันไม่ใช่วินัย มีแต่ชาวบ้านที่ไม่ได้ศึกษาเท่านั้นเองที่หลงไปคิดว่ามันเป็นวินัย ส่วนเรื่องไม่มีคิ้วในกรณีบรรพชาที่ท่านว่ามันหมายถึงคนที่ไม่มีขนคิ้วจริงๆเท่านั้นครับไม่ได้นับรวมคนโกนคิ้วเข้าไปด้วย คนที่โกนคิ้วคือคนมีคิ้วนะครับแค่เขาโกนเฉยๆเพราะฉะนั้นถ้าจะพิจารณานับรวมเข้าเป็นอาบัติในอรรถกถานั้นมันคงไม่ถูกต้องเมื่อพิจารณาจากหมวดธรรมที่ถูกยกมาครับ ดังนั้นท่านอย่าไปยกมากล่าวถึงเลยครับมันคนละเรื่องกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าจะเอากันจริงๆพระในประเทศไทยกลุ่มที่ไม่โกนคิ้วก็ยังมีอยู่นะครับ แต่ก็อยู่ร่วมกับคณะอื่นลำบากเพราะมีประเพณีต่างกันก็เท่านั้นเอง ส่วนตัวผมปลงคิ้วมาเป็นสิบปีละผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรครับ ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 1 นาทีแลกมาด้วยความพร้อมเพรียงของคณะสงฆ์ผมก็ถือว่ากำไรครับ

เรื่องมีมาพระไทยในสมัยก่อนก็ไว้คิ้วเหมือนพระศาสนาพุทธทั่วโลก.แต่เมื่อเกิดศึกสงครามไทยพม่า.พม่าปลอมตัวเป็นพระเป็นไส้ศึกเข้ามา.ทางการจึงสั่งให้พระทั่วทั้งสังฆมณฑลโกนคิ้วเพื่อจับทหารพระพม่าที่ปลอมตัวเข้ามาในสมัยอยุธยาและหลังจากนั้นเป็นต้นมาพระไทยจึงไว้คิ้วด้วยประการะฉะนี้.แต่เราว่าน๊ะโกนให้เหมือนสงฆ์หมู่ใหญ่เพราะกฎเถระสมาคมหรือไม่โกนตามธรรมวินัย.ไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เรื่องที่พระแสวงหาสะสมเงินใช้จ่ายเหมือนฆราวาสนี่สิ.น่ากลัวมากกว่าเป็นล้านเท่า

แค่โกนไม่โกนยังมีปัญหาแล้วจะเอาปัญญาอะไรไปเข้าถึงธรรมะ

ออ..เป็นพระลาว นี่เอง... Ok, ส่วนใหญ่พระไทยจะโกนคิ้ว ซึ่งคนไทยก็คุ้นชินกับภาพแบบนั้นมาเป็นร้อยๆปี... ส่วนพระพม่า เวียดนาม หรือ พระลาวอย่างพวกคุณ ไม่นิยมโกนคิ้วกันอยู่แล้ว อันนี้เข้าใจได้...แต่ถ้าใครจะโกน? ก็ไม่ผิดพระวินัยเช่นกัน.. บ้านใครบ้านมัน u know??

ไปอยู่กับเทวทัต

กาละเทศะไงท่านหากไม่โกนก็ไม่ควรอยู่ในไทย

เอาที่ชอบๆเลยท่าน

สาทุในธรรมคำสอนพระอาจารย์

แล้วจะไว้คิ้วไว้หนวดทำไม..

ไม่โกน คิ้ว ไม่ผิดวินัย แต่ พระเมืองไทย ได้โกน ไปพร้อมกับ โกน และ หนวด เครา ก็ดี ดู แล้ว หน้าตา สะอาด เรียบร้อยดี และไม่ได้เสียเวลาที่โกน เรื่องนี้ พระที่ท่าน ศึกษา พระไตรปิฎก เห็นว่า ไม่มีบอกว่าให้โกน ก็ไม่โกนก็ได้ แต่อาจมีผู้ไม่รู้ จะท้วงติงบ้าง มิเป็นไรครับ .

สาธุๆๆๆ❤❤❤❤

พระภายในประเทศไทย(เขาทำตามกฏกระทรวงคือสิ่งที่พระสงฆ์ในประเทศไทยเห็นรว่มกันตราเป็นพรบและกฏกระทรวงขึ้นมาใช้สำหรับพระไทยโดยตรง)คือเป็นพระที่ขึ้นต่อกรมศาสนา

🙏🏻🙏🏻🙏🏻

ไม่ผิดธรรมไม่ผิดวินัย แต่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติในประเทศไทย เราว่าต้องดูมหาปเทส 4 ด้วย

ทุกวันนี้อลัชชีชั่วๆมันเกิดขึ้นเยอะมันอาศัยผ้ากาสาวะพัตร์ของพุทธองค์แล้วกล่าวตู่ด้วยความคิดชั่วๆของมันมันจะใด้รับผลกรรมอันหนักแน่นอน

คิ้วมีไว้เพื่อกันเหงื่อไหลเข้าตาคือจริงๆแล้วคิ้ว เพิ่วมาโกนสมัยร.4 เพราะช่วงนั้นมีคนปลอมมเป็นพระเยอะมากเลยมีกฎว่าพระต้องโกนคิ้ว เพื่อคัดแยกพระปลอมออก

ผมรับประกันเลยว่าพระองค์ไม่มีความโกรธแล้วทานก็แค่ถามดูเฉยๆนี้แหละครับ

ก็แค่ขนคิ้วยังโกนไม่ได้..แล้วจะมาแถหาสวรรค์รัย

ละ = มีแต่ไม่เอา....หมดสิ้นเชิง = ที่เคยมีหายไปแล้วไม่เกิดเอีกเลย.....กิเลสแปลว่าความเศร้าหมองของจิต..ราคะ โทสะ โมหะ ไม่ใช่กิเลส แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดกิเลส...สรุปว่าคงไม่สามารถสรุปในเรื่องนี้ได้อาจด้วยเหตุผลความต่างของภาษาที่แปลกันมา แล้วยังมีนิยามกันผิดๆ ด้วยเช่นคำว่ากิเลส ...ดังนั้นถ้าอยากรู้คำตอบนี้มีทางเดียวครับ ต้องถามพระอรหันต์ ครับ เชื่อว่าองค์ไหนเป็นลองไปถามดูครับ เรื่องนี้หลวงปู่ดูลย์ก็เคยตอบไว้ลองไปหาดูเองครับ...ความแตกต่างของความหมายที่แท้จริงของแต่ละภาษาเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งครับ เช่น ถ้าบรรลุโสดาบันแล้วอีกไม่เกิน7ชาติก็นิพาน 7นี่คือนับ 1-7 จริงๆเลยหรือไม่ หรือคำว่า 7 ของคนอินเดียยุคนั้นแปลว่าไม่นานเกมือนที่คนไทยชอบพูดว่าไม่เกินสามสี่วันหรอก ก็ไม่ได้หมายความว่าสามหรือสี่วันจริงๆแต่แค่ต้องการสือว่าไม่นาน...ดังนั้นการศึกษาพระธรรมที่เป็นตัวอักษรจากต่างภาษาที่แปลมาจึงเป็นเรื่องที่ยากและอาจเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนได้ ต่างจากการที่ถามผู้ที่ปฎิบัติจนบรรลุแล้วจะสามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้ดีกว่าไปอ่านทำความเข้าใจเอาเอง..แต่ปัญหาก็คือจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านผู้นั้นเป็นพระอรหันต์

พระพุทธเจ้าบ้านคุุณดิมีกิเลส

เอาความโง่ของตัวเองไปติเตืยนพระพุทธเจ้า

ມາຮຽນຍ້ອນຫຼັງ.ສາທຸໆ

❤❤❤น้อมกราบสาธุครับ

ความคิดเราตกต่ำเลอะเทอะจนถึงขนาดที่เห็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีความโกรธอยู่ แล้วหรือ

ถ้าอย่างนั้นคนตาบอด ก็ไม่มีความโกรธแล้วสิ

🙏🏻🙏🏻🙏🏻

ไม่เคยได้ยินหรือว่าในยามสุดท้าย พระพุทธเจ้าสิ้นอาสวักขยญาณแล้ว สิ้นกิเลศแล้ว ไม่เคยศึกษาพระไตรปฏกเลยหรือ พูดไปเรื่อยเปื่อย มาเป็นพระในพระพุทธศาสนาได้อย่างไร เป็นอรัชชีมากกว่า

ไม่มี ไม่เอา ความโกรธ มันว่าง เฉย เข้าใจนะ

เอาความเชื่อตัวเองมาสอนผิดให้คนเข้าใจผิด

มิควรพูดตั้งแต่ต้นแล้ว

ส้มเภเวสี - อะไร ที่ไม่รู้ทาง ส้มภเว อะไร รู้ทาง

พระอาจารย์กล่าวมา นั้นก็ถูกตามจำแนก ภูต และส้มภเวสี ที่ตีความแห่งการ แสวงหา ส่วนโยมคนนั้นก็ กล่าวส้มภเวสี การหาที่เกิด นั้นก็ได้ พอคราวๆ และประมาณการ ส้มภเวสี นี่ ก็ ลองร่วมกันมาทั้งสอง มา แล้ว ส้มภเวนี่ ไช่ตีว่า แสวงอย่างเดียว แต่เป็นส่ง ผลแห่งไม่รู้ทาง อีก กับป กาล ยาม การเวลา ท่าน ต้องสรูปโจทย์ได้ ว่า แจ้งแท้ต่อ สัจจะธรรมอย่างไร

กุไม่เชื่อ

ลูกศิษย์พระเทวทัตมาเกิด

ความโกรธ เป็นกิเลส อย่างหนึ่ง พระพุทธองค์ ท่านหมดกิเลสแล้ว จะมีความโกรธได้ไง อย่ามั่ว สูเจ้าเป็นใคร. มารู้สภาวะจิตของ พระศาสดา พวกเดรถีย์ อลัตชี นรกจะกินหัว.

ผู้บรรลุธรรมหลุดพ้นแล้ว..จะไม่มีราคะโทสะโมหะเกิดที่จิต..เห็นรูปสักแต่ว่า..เสียงสักแต่ว่าเสียงเป็นแค่เสียงที่เกิดแล้วดับไป.แต่รู้ว่าเสียงอะไร..ครับ